แชร์

บทที่ 5

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
วันนี้เซี่ยซางสวมชุดแพรทรงตรงสีม่วง ตรงเอวรัดด้วยแถบผ้าแพรปักดิ้นทองลายเมฆสีเดียวกันเส้นหนึ่ง ผมสีดำสนิทรวบไว้ครอบด้วยมงกุฎทองคำประดับหยก รูปร่างสูงโปร่งยืนแผ่นหลังตั้งตรง ทั้งตัวคนแลดูหล่อเหลาสง่างาม กอปรด้วยราศีสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิด

ส่วนเจียงเฟิ่งหัววันนี้สวมเสื้อคลุมเนื้อบางสีม่วงอ่อน ข้างในสวมเกาะอกและกระโปรงร้อยจีบสีฟ้าเทา ไหล่กลึงเกลาดุจแกะสลัก เอวอ้อนแอ้นอรชร ลำคอของนางเรียวยาว ผิวพรรณขาวพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา บุคลิกภาพดุจกล้วยไม้ในหุบเขา การแต่งกายแต่ละแบบสามารถขับเน้นเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกันของนาง ผมทรงมวยเมฆาในวันนี้ยิ่งขับเน้นความสุภาพเรียบร้อย แลดูทั้งสง่างามและหรูหรา นางแต่งหน้าอย่างประณีตงดงาม เดินตรงมาทางเขาด้วยฝีเท้าแช่มช้า

“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง” น้ำเสียงของนางอ่อนหวาน ต่างจากท่าทางปล่อยตัวตามสบายเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนเมื่อคืนนี้ลิบลับ กิริยาที่นางแสดงออกก็คือมาดของชายาอ๋อง

เซี่ยซางใจสั่นระรัว หันหน้ามากล่าวเสียงเย็นชา “ตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ข้าจะต้องพาเจ้าเข้าวังไปคารวะขอบพระทัย ถ้าเจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!”

“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวไม่ต่ำต้อย

เดิมเซี่ยซางคิดจะกำชับนางสักหลายประโยค เห็นนางแต่งกายเหมาะสม กิริยาสง่างามก็ไม่พูดมาก คิดว่าวังหมัวมัวคงสั่งสอนนางมาหมดแล้ว

คนทั้งสองนั่งรถม้าคันเดียวกันเข้าวัง เพิ่งมาถึงประตูเฉิงเทียนรถม้าก็หยุดลง ถึงจะเป็นรถม้าของท่านอ๋องก็ต้องเปลี่ยนไปนั่งรถม้าของวังหลวงที่ประตูเฉิงเทียนก่อนจึงจะสามารถเข้าไปในวังได้ เซี่ยซางมุดออกไปเป็นคนแรกแล้วก้าวลงจากรถม้าอย่างคล่องแคล่ว

เจียงเฟิ่งหัวตามหลังมาติดๆ แต่นางพลันหยุดลงกะทันหัน ดวงตาแวววามคู่นั้นของนางจ้องมองเซี่ยซางอย่างกระอักกระอ่วน น้ำเสียงหวานซึ้งเบาหวิว “ท่านอ๋องช่วยประคองหม่อมฉันได้ไหมเพคะ สาวใช้ของหม่อมฉันไม่อยู่ข้างกาย คานรถม้าของจวนอ๋องสูงกว่าคานรถม้าของที่บ้านหม่อมฉันมากนัก”

เซี่ยซางเห็นนางยืนอยู่บนรถม้าสูงๆ อย่างอ่อนแอ ดวงตาฉายแววขลาดๆ เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย เหตุใดบุตรีของราชครูเจียงจึงอ่อนแอเช่นนี้ นางลงมาเองไม่ได้หรือไร?

เขาไม่อยากรอนานกว่านี้จึงก้าวเข้ามายื่นแขนให้นาง ทำทีให้นางจับแขนลงมา นิ้วเรียวงามของเจียงเฟิ่งหัววางลงบนฝ่ามือของเขาแล้วลงมาจากรถม้าอย่างสง่างาม แย้มยิ้มอ่อนหวาน “ขอบพระทัยท่านอ๋องเพคะ”

เด็กน้อยที่ร้องไห้เป็นมีลูกอมให้กิน สตรีขี้อ้อนมีคนเอ็นดู สตรีรู้ความชวนให้คนสงสาร หลักการที่นางใช้เวลาชั่วชีวิตก็ยังไม่เข้าใจ กลับได้เรียนรู้มาจากในหออี๋ชุน

สัมผัสนุ่มนิ่มอบอุ่นทำให้เซี่ยซางเหมือนจะนึกถึงภาพอันงดงามอันใดขึ้นมา เขาเพียงพยักหน้าโดยไม่พูดอะไร

ต่อจากนั้น ตอนจะขึ้นรถม้า เขาเอ่ยเสียงเย็นชาว่า “จับแขนเอาไว้”

นางตวัดสายตาขึ้นจับแขนเซี่ยซางตามที่เขาบอก หลีกเลี่ยงสัมผัสทางผิวหนัง? ความถือสาเช่นนี้ช่างน่าขันเสียจริง

เจียงเฟิ่งหัวดื่มด่ำกับขั้นตอนเหล่านั้น เซี่ยซางกลับไม่อาจไม่คอยดูแลแม้ไม่เต็มใจ ทั้งสองดูแล้วเหมือนคู่สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันที่รักใคร่กันดีคู่หนึ่ง บุรุษหล่อเหลาสตรีงดงาม กลายเป็นทิวทัศน์ที่งดงามฉากหนึ่งในวังหลวง

ในโถงทางเดินไกลออกไป สาวน้อยสวมชุดทะมัดทะแมงสีแดงเข้มมองดูภาพนี้อย่างอึ้งๆ ในใจรู้สึกทรมานอย่างบอกไม่ถูก

สาวใช้อิ๋นซิ่งตัดพ้ออยู่ข้างๆ “เหิงอ๋องลั่นคำสาบานชั่วฟ้าดินสลายกับคุณหนู บอกว่าชาตินี้จะไม่แต่งงานกับใครนอกจากคุณหนู ยามนี้ไม่เพียงแต่งผู้อื่นเป็นพระชายา แต่ยังเอาใจใส่หญิงอื่นไปเสียทุกเรื่อง บ่าวรู้สึกไม่คู่ควรแทนคุณหนูจริงๆ เจ้าค่ะ”

“อาซางอธิบายแล้ว การแต่งงานกับนางไม่ใช่ความต้องการของเขา ราชโองการยากจะขัดขืน เขารับปากข้าแล้วว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่ปันใจให้หญิงอื่น” เมื่อวานตอนที่อาซางแต่งงาน นางก็ซ่อนอยู่ในฝูงชน นางเห็นสายตาตกตะลึงในความงามยามอาซางมองเจียงเฟิ่งหัวอย่างชัดเจน นางรู้สึกทรมานใจมาก รอเขาที่หอวั่งเยว่ทั้งคืน นางนึกว่าเขาจะมา หากสุดท้ายเขาก็ไม่มา

เมื่อคืนพวกเขาคงเข้าหอกันแล้วสินะ! นางยิ่งคิดก็ยิ่งปวดใจ หากมิใช่เพราะรักเขา นางคงจากไปแล้ว แต่ก็เหมือนที่ท่านป้าพูด การถอยทางมอบคนรักให้ผู้อื่นเช่นนั้นจะยินยอมพร้อมใจได้อย่างไรเล่า

ซูถิงหว่านกำหมัดแน่น คิดในใจว่า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด อาซางเป็นของข้า”

ยามนั้น องค์หญิงเก้าพลันกระโดดเข้ามา “ที่แท้พี่หญิงหว่านก็แอบวิ่งออกมาดูพระชายาคนใหม่ของพี่ห้านี่เอง”

“ข้าไม่ได้มาดูนางสักหน่อย ข้าจะไปขี่ม้าต่างหาก” ซูถิงหว่านมั่นใจในตัวเองเต็มเปี่ยม นางเชื่อว่าอาซางไม่มีทางชอบคนอื่น อาซางยิ่งไม่ใช่บุรุษที่หลงใหลได้ปลื้มกับหญิงงามจนหน้ามืดตามัว

เมื่อวานเนื่องจากอยู่ห่างเกินไป นางยังซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชน นางจึงเห็นไม่ชัดว่าเจียงเฟิ่งหัวมีหน้าตาอย่างไร ความจริงนางก็อยากไปดูเหมือนกันว่าเจียงเฟิ่งหัวมีรูปโฉมอย่างไรกันแน่ เมื่อครู่นางยืนอยู่บนกำแพงวัง มองจากไกลๆ รู้สึกว่าเงาร่างของอีกฝ่ายสูงเพรียว กิริยาชดช้อย ทว่าเห็นหน้าตาได้ไม่ชัดนัก

“ข้ากลับอยากเห็นนักว่าสตรีแบบไหนที่กล้าแย่งคนในดวงใจพี่หญิงหว่านไป” เซี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวมาอีกว่า “พี่หญิงหว่านอย่าได้เศร้าใจไป ท่านคอยดูข้าเถอะ ข้าไม่ปล่อยให้นางมีช่วงเวลาดีๆ แน่”

“หลิงเอ๋อร์...” ซูถิงหว่านอยากขัดขวาง เซี่ยหลิงเอ๋อร์กลับนำคนตรงไปทางนั้นด้วยท่าทางดุดันเสียแล้ว

ทางด้านนี้ รถม้าเพิ่งหยุดลงหน้าประตูตำหนักคุนหนิง เจียงเฟิ่งหัวมุดออกไปจากรถม้าด้วยอากัปกิริยาสง่างาม คราวนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางบอก เซี่ยซางก็เป็นฝ่ายยื่นแขนออกมาให้นางเกาะลงจากรถม้า

มุมปากเจียงเฟิ่งหัวแย้มขึ้นเป็นรอยยิ้ม เห็นว่ารอบตัวเขาเต็มไปด้วยความห่างเหิน อยู่ห่างออกไปเสียไกล นิ้วมือเรียวของนางเพิ่งแตะลงไปก็ถูกเรี่ยวแรงขุมหนึ่งผลักออกไป

“ท่านอ๋อง...” นางอุทานอย่างตกใจ เท้ายืนไม่มั่นเซล้มลงไปจากรถม้า

เซี่ยซางรวบเอวนางไว้ได้อย่างตาไวมือเร็ว ดวงตานางฉายแววตกใจ ดวงหน้าน้อยๆ เผือดขาว ร่างกายสั่นเทิ้ม สองแขนของนางโอบรอบลำคอเซี่ยซาง น้ำเสียงนุ่มนวลยวนใจ “ท่านอ๋องช่วยชีวิตหม่อมฉันไว้อีกแล้ว บุญคุณช่วยชีวิต มิมีสิ่งใดจะตอบแทน...”

เซี่ยซางปล่อยนางลงบนพื้น จ้องเซี่ยหลิงเอ๋อร์พลางเอ่ยเสียงลุ่มลึก “น้องหญิงเก้า ไยเจ้าทำตัวเหลวไหลเช่นนี้”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่ได้คิดจะผลักนางลงจากรถม้า เพียงต้องการปัดมือที่กุมกันของทั้งสองออกจากกันเท่านั้น เห็นแล้วขัดหูขัดตานัก คิดไม่ถึงว่าจะทำให้อีกฝ่ายตกจากรถม้า ถึงขั้นมอบโอกาสที่พี่ห้าช่วยเหลือนางให้กับนาง

เซี่ยหลิงเอ๋อร์อายุเพียงสิบสามปี นางยู่ริมฝีปากสีชมพู สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ไม่ใช่สิ่งที่นางอยากเห็น ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่พี่หญิงหว่านอยากเห็น นางไม่เพียงไม่ขอโทษ แต่กลับจงใจเอ่ยว่า “พี่ห้า ท่านลืมไปแล้วหรือว่าพี่หญิงหว่านยังรอท่านอยู่? ถ้าปล่อยให้นางเห็นท่านทำตัวสนิทสนมกับหญิงอื่น นางจะเศร้าใจมากแค่ไหนกัน!”

เอ่ยถึงซูถิงหว่าน เซี่ยซางก็ร้อนใจขึ้นมา “หวานหว่านอยู่ที่ไหน?”

“รู้ว่าท่านพาพระชายาคนใหม่เข้าวัง นางไปขี่ม้าที่สนามม้าแล้ว” เซี่ยหลิงเอ๋อร์ขึ้นเสียงเอ่ย

ได้ยินถึงตรงนี้ เซี่ยซางก็หันหลังทำท่าจะจากไปโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

เจียงเฟิ่งหัวคว้าแขนเขาไว้ได้อย่างตาไวมือเร็ว ก้มหน้าใช้เสียงที่ได้ยินเพียงพวกเขาสองคนเอ่ยว่า “ท่านอ๋อง หากท่านอยากแต่งแม่นางหว่านเข้าจวน ยามนี้ท่านไม่อาจไป ฮองเฮารออยู่ที่ตำหนักคุนหนิง ถ้าแม่นางหว่านอยากเข้าจวนมีแต่ต้องให้ฮองเฮาพยักหน้าก่อนเท่านั้น มิฉะนั้น นางจะต้องแบกรับคำครหาว่ามีสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับบุรุษโดยไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี”

ดวงตาเซี่ยซางฉายแววตกตะลึง สายตาเขาเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง เหมือนต้องการจะจ้องเจียงเฟิ่งหัวให้เป็นรูกระนั้น วาจาที่เอ่ยออกมายิ่งทำร้ายจิตใจคน “หากไม่ใช่เพราะเจ้า หวานหว่านก็คงเป็นชายาเอกของข้าแล้ว”

เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านอ๋องลองสงบสติตรองดูเถอะ หากไม่มีข้าก็ยังมีสตรีอื่นมาแต่งงานกับท่านอ๋องอยู่ดี ข้าเดาว่าแม่นางหว่านไม่มีวันได้เป็นชายาเหิงอ๋องของท่าน ดังนั้นท่านอ๋องจึงจำต้องแต่งงานกับหม่อมฉันอย่างไรเล่า!”

“เจ้า...” ดวงตาของเซี่ยซางเต็มไปด้วยความตกตะลึง เจียงเฟิ่งหัวตรงหน้าหาได้อ่อนแอเหมือนที่เขาคิด

“ท่านอ๋องยอมอดทนไปก่อนจะดีกว่า หม่อมฉันจะต้องทำให้แม่นางหว่านได้แต่งเข้าจวนมาให้ได้เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวไร้เล่ห์มารยา ดวงตากลมโตกะพริบปริบ ท่าทางไร้เล่ห์เพทุบาย นางเอ่ยมาอีกว่า “ประเดี๋ยวข้าจะไปหาแม่นางหว่านกับท่าน ข้าจะอธิบายกับนางแทนท่านเองว่า คืนวานระหว่างพวกเราไม่มีอันใดเกิดขึ้นทั้งนั้น วันหน้าข้าก็ไม่มีทางแย่งชิงอันใดกับนาง พวกท่านรักใคร่ชอบพอกัน ข้าจะไม่เข้าไปแทรกกลางแน่นอน ท่านอ๋องเพียงแค่ให้เกียรติจวนสกุลเจียงของข้าบ้าง ทำให้ข้าไม่ถึงกับถูกคนวิพากษ์วิจารณ์ก็พอแล้ว”

ดวงตาของนางสีดำสีขาวตัดกันชัดเจน ใสสะอาดดุจสายน้ำ สีหน้าเปี่ยมความจริงใจ เซี่ยซางคิดไม่ถึงเลยว่าเจียงเฟิ่งหัวจะใคร่ครวญเพื่อเขากับหวานหว่านถึงเพียงนี้

นางเป็นชายาเหิงอ๋องแท้ๆ แต่กลับได้รับความไม่เป็นธรรมถึงเพียงนี้ ความละอายใจวาบผ่านดวงตาเซี่ยซาง ทั้งที่เป็นความแค้นระหว่างเสด็จแม่กับซูกุ้ยเฟย ไม่ควรพัวพันไปถึงพวกนาง เจียงเฟิ่งหัวแต่งงานกับคนที่ไม่ชอบคนหนึ่ง นางก็เป็นผู้เสียหายเหมือนกัน

เซี่ยซางครุ่นคิดจนเข้าใจแล้วจึงกล่าวกับเซี่ยหลิงเอ๋อร์ว่า “น้องหญิงเก้า เจ้าไปบอกหวานหว่านให้ไปรอข้าที่เดิม”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าทั้งคู่กระซิบกระซาบอะไรกันบ้าง นางนึกว่าพี่ห้าจะทิ้งเจียงเฟิ่งหัวเพื่อพี่หญิงหว่านเสียอีก

เห็นเพียงเจียงเฟิ่งหัวยืนอย่างอ่อนโยนอยู่ตรงนั้น พยักหน้าให้เซี่ยหลิงเอ๋อร์ “องค์หญิงเก้าจะไปคารวะเสด็จแม่ด้วยกันกับพวกเราไหมเพคะ?”

เซี่ยหลิงเอ๋อร์เบะปากถลึงตาใส่เจียงเฟิ่งหัว “ข้าจะไปหาพี่หญิงหว่าน ในใจข้ามีเพียงพี่หญิงหว่านที่เป็นพี่สะใภ้ห้าของข้า คนอื่นอย่าฝันเลย”

นางพูดจบก็เชิดหน้าเดินจากไปอย่างเย่อหยิ่ง

เจียงเฟิ่งหัวแค่นหัวเราะในใจ วันนี้หากปล่อยให้เจ้าพาเซี่ยซางจากไป คนที่เสียหน้าก็คือข้าน่ะสิ

หากเป็นชาติก่อน นางคงร้องห่มร้องไห้ไปแล้ว แต่ตอนนี้...

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 6

    ภายในตำหนักคุนหนิง วังหมัวมัวรายงานเรื่องที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันต่อเฉิงฮองเฮา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอก ฮองเฮาก็ทราบแล้วเช่นกัน ไม่ว่าเจียงเฟิ่งหัวทำได้อย่างไร สุดท้ายนางก็รักษาเกียรติของตนเองเอาไว้ได้เฉิงฮองเฮาเลิกคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจียงเฟิ่งหัวเป็นคนมีความสามารถ การร่วมหอย่อมเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว จากที่เห็นวันนี้ นับว่าข้าเลือกชายาที่ดีคนหนึ่งให้ซางเอ๋อร์แล้วสินะ”“ท่านอ๋องเดี๋ยวประคองขึ้นเดี๋ยวประคองลง คิดว่าคงโปรดพระชายาเป็นแน่เพคะ” สี่หมัวมัวเอ่ยมาอีกว่า “องค์หญิงเก้าช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว มาถึงหน้าประตูตำหนักแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่เข้ามาคารวะทักทายฮองเฮา ไม่รู้จริงๆ ว่ากุ้ยเฟยสั่งสอนอย่างไร”“ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้รับบทเรียนแน่” เฉิงฮองเฮารังเกียจเซี่ยหลิงเอ๋อร์ด้วยเช่นกันสี่หมัวมัวยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น “ตั้งแต่กำหนดเรื่องมงคลของท่านอ๋อง กุ้ยเฟยก็ไปร้องไห้ต่อหน้าฝ่าบาทมาแล้วหนหนึ่ง บอกว่าคุณหนูซูกับท่านอ๋องของพวกเราชอบพอกัน ต้องการขอพระเมตตาให้คุณหนูซู สุดท้ายฝ่าบาทปฏิเสธกุ้ยเฟยไปโดยอ้างว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยามนั้นสีหน้าปั้นยากยิ่งนัก

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 7

    ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเนิบช้าว่า “หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เล็กแล้วว่าเพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ เฉลียวฉลาดมากความสามารถมาตั้งแต่ยังเยาว์ เคยเข้าไปประลองกับบัณฑิตมากมายในสำนักศึกษาหลวงจนสร้างชื่อได้ในคราวเดียว ต่อมา เผ่าหูรวบรวมไพร่พลสามแสนมาโจมตีต้าโจว กองทัพศัตรูรุดหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ เมืองต่างๆ ของต้าโจวถูกตีแตกเมืองแล้วเมืองเล่า เหิงอ๋องในวัยเพียงสิบห้าปีนำกำลังคนสิบกว่าคนบุกเข้าค่ายทหารของศัตรูไปจับเป็นผู้นำทัพศัตรู เผ่าหูถอนทัพ ครานั้นท่านอ๋องคว้าชัยชนะมาให้ต้าโจวได้อย่างงดงาม ท่านอ๋องห้าวหาญเพียงนี้ นับว่าเป็นความชอบที่เสด็จแม่ทุ่มเทสั่งสอนมาเช่นกันเพคะ”กล่าวถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ในอดีตของเซี่ยซาง ดวงตาเฉิงฮองเฮาทอประกายภาคภูมิใจ แต่ครั้นคิดถึงว่าบุตรชายมีความสามารถโดดเด่นปานนี้แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่ ซางเอ๋อร์ไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้เป็นเพราะผลกระทบจากตนเองทั้งสิ้นดวงหน้าอ่อนเยาว์ของเจียงเฟิ่งหัวฉายแววกังขา “เสด็จแม่เป็นอะไรไปเพคะ?”“ยามนี้หัวใจทั้งดวงของซางเอ๋อร์อยู่ที่สตรีนางนั้น ข้าเองก็ปวดหัวเหมือนกัน” ฮองเฮ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 8

    อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 9

    เจียงเฟิ่งหัวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางจ้องมองใบหน้าของเซี่ยซางอย่างอึ้งๆ ใบหน้ายังคงเย็นชาแข็งทื่อดุจน้ำแข็ง การกระทำยิ่งหยาบกระด้าง เขาวางนางลงบนตั่งนุ่มโดยไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด “ก่อนที่หมอหลวงจะมา ข้าจะตรวจให้เจ้าก่อนว่าบาดเจ็บถึงกระดูกหรือไม่”“ท่านอ๋องทำเป็นหรือเพคะ?” ดวงตาคู่งามของเจียงเฟิ่งหัวทอประกายวาบเซี่ยซางไม่อยากอธิบายว่านั่นเป็นทักษะพื้นฐานที่คนในกองทัพต้องมี น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิอีกแล้ว เสด็จพ่อรังเกียจตนเอง ยามนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปแล้วเซี่ยซางเปิดชายกระโปรงของนางขึ้นด้วยตนเอง ถอดถุงเท้าออก เห็นเท้างามเกลี้ยงเกลาของนางแดงเถือก บริเวณข้อเท้าบวมนูน ปลายนิ้วเขากดลงเบาๆ เจียงเฟิ่งหัวก็เจ็บปวดจนน้ำตาหลั่งรินลงมาเซี่ยซางเห็นคนงามที่ดวงตาปริ่มน้ำกัดผ้าเช็ดหน้าไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาตรงหน้าก็พูดว่า “เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาแล้วก็จะดีขึ้นบ้าง”เจียงเฟิ่งหัวน้ำตาไหลไม่หยุด ดวงตาปิดแน่น ส่ายหัวน้อยๆ เนื่องจากเจ็บปวดสุดทานทน นางถึงขั้นเริ่มกัดหลังมือของตัวเองเซี่ยซางไม่เคยเห็นสตรีที่กลัวเจ็บเพียงนี้มาก่อน เขายังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ประเดี๋ยวตอนประคบเย็นจะยิ่งเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 10

    กว่าจะประคบเสร็จไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้อเท้าของเจียงเฟิ่งหัวค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ไม่บวมมากเหมือนเดิมแล้วเจียงเฟิ่งหัวราวกับเจ็บปวดจนเจียนสลบ ซบลงในอกเขาด้วยสติเลือนราง ยามนั้นบนหน้าผากและหว่างคิ้วของนางมีหยดเหงื่อเกาะพราว ร่างกายก็เหมือนจะเหงื่อออกจนเปียกชื้น ลักษณะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวชวนให้คนสงสารลูกกระเดือกของเซี่ยซางขยับขึ้นลง หัวใจเต้นรัวแรง เจียงเฟิ่งหัวขยับยุกยิกในอ้อมอกเขาอย่างไม่ยอมอยู่นิ่ง โชคดีที่ในตำหนักมีพวกเขาเพียงสองคน มิฉะนั้นหากปล่อยให้นางกำนัลกับขันทีมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้คงได้เข้าใจผิดว่าทั้งคู่เพิ่งกระทำเรื่องที่พบพานผู้คนไม่ได้มาเป็นแน่แท้นอกตำหนัก เฉิงฮองเฮาให้หมอหลวงทิ้งยาแก้ฟกช้ำไว้ให้ก็บอกให้เขาจากไปริมฝีปากนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ทำให้คนไม่อยากเข้าไปรบกวนในตำหนักสี่หมัวมัวเอ่ยข้างหูนาง “บ่าวไม่เคยเห็นท่านอ๋องมีน้ำอดน้ำทนเพียงนี้มาก่อนเลยเพคะ ถ้าพระชายาได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องก็เป็นการช่วยคลายความกังวลให้ฮองเฮาได้พอดี บุตรีสกุลซูผู้นั้น...”“ซางเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาไม่มีทางทอดทิ้งซูถิงหว่านเพื่อเจียงเฟิ่งหัว ตอนนี้คงต้องดูว่าซางเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 11

    ชาติก่อน ซูถิงหว่านจงใจเลือกวันแต่งเข้าจวนอ๋องให้ตรงกับวันที่นางกลับจวน ชาตินี้ในเมื่อฮองเฮาให้สิทธิ์ขาดกับนาง เช่นนั้นนางจะให้อีกฝ่ายค่อยๆ รอเจียงเฟิ่งหัวเขียนฤกษ์งามยามดีลงบนกระดาษด้วยตัวเอง จากนั้นเอ่ยกับเหลียนเย่ “นำสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านอ๋อง ถามเขาว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่พอใจ เชิญท่านอ๋องมาเลือกฤกษ์ดียามอื่นได้เลย”“เพคะ” เหลียนเย่หันมองแวบหนึ่ง “กำหนดให้เป็นอีกห้าวันให้หลังหรือเพคะ? วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนสาม ห้าวันให้หลังคือวันที่ยี่สิบแปดเดือนสาม”เหลียนเย่พูดต่อไป “เหตุใดพระชายาปล่อยให้หญิงผู้นั้นแต่งเข้าจวนเร็วขนาดนี้ หากนางแต่งเข้าจวนจริง พระชายามิหมดโอกาสหรือเพคะ?”“ห้าวันจากนี้เป็นเพียงวันที่ที่ข้าเสนอเท่านั้น อีกไม่นานท่านอ๋องจะมีงานราชการต้องทำ นางไม่ได้เข้าจวนเร็วขนาดนั้นหรอก” เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเสียงเรียบหงซิ่วและเหลียนเย่รู้สึกมึนงง ท่านอ๋องโปรดสตรีผู้นั้นมาก แทบอยากจะแต่งซูถิงหว่านเข้าจวนทันที จะปฏิเสธแต่งชายารองเข้าจวนในอีกห้าวันได้อย่างไรเหลียนเย่มาถึงห้องหนังสือ จากนั้นนำคำพูดของเจียงเฟิ่งหัวแจ้งแก่เซี่ยซางอย่างละเอียดถี่ถ้วนสีหน้าเซี่ยซางเย็นชาเล็กน้

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 12

    ความงามของเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้งามเพราะความผอม แต่งามเพราะมีทรวดทรงองค์เอว จุดไหนควรเล็กก็เล็ก จุดไหนควรเต่งตึงก็เต่งตึง งามอย่างไร้ที่ติคืนนี้นางสวมกางเกงซับในบางเบาและชุดชั้นในปักลายดอกท้อ ผมยาวดำขลับถูกมวยเอาไว้กลางกระหม่อม เผยให้เห็นลำคอระหงพอดีจังหวะนั้น เซี่ยซางที่ดื่มจนเมามายบุกเข้าไปในห้องของนาง เขาเดินอ้อมฉากกั้นโดยมิสนใจสิ่งใด ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาฉายแววลนลานเล็กน้อย กระนั้นกลับมิอาจละสายตาจากนางตรงหน้าได้ สตรีเบื้องหน้างดงามจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจเจียงเฟิ่งหัวสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบดึงผ้าห่มผืนบางปิดบังร่างกาย ทว่านางดึงมาปิดก็เหมือนไม่ปิด พร้อมกัดริมฝีปากแดง แสร้งทำโกรธเคือง “ท่านอ๋อง เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูเพคะ?”ความคิดของเขาถูกเสียงตำหนิของนางดึงกลับมา นิ้วมือของเขาชี้ไปที่ป้ายด้านนอก แล้วชี้ไปที่เตียงและเครื่องใช้ภายในห้อง “ที่นี่คือหอหล่านเยว่ เป็นห้องนอนของข้า พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งของของข้า ข้าเข้ามาห้องนอนตัวเองทำไมต้องเคาะประตู เจ้า เจ้า เจ้า อึก...หลีกไป”ระหว่างที่พูด เขาทำท่าจะขึ้นไปบนเตียงต่อมาเซี่ยซางโผเข้าหานาง นางเองไม่คิดจะหลบหลีก วินาทีต่อมา ภายในอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้น เจียงเฟิ่งหัวตื่นมาพบว่าตัวนางอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยซางอีกแล้ว เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่นางใช้ผงหอมกับเขา มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น ซูถิงหว่าน ชาตินี้เจ้าค่อยๆ รอไปเถอะ!ขณะที่นางเตรียมยื่นมือไปลูบสันจมูกเขา จู่ๆ เซี่ยซางขยับเหมือนคนกำลังจะตื่นนอน นางจึงรีบหลับตาลงแสร้งทำเป็นนอนหลับสนิทเซี่ยซางพลิกตัวกะทันหัน แล้วยกขาข้างหนึ่งไปก่ายบนขาของเจียงเฟิ่งหัว ไปโดนข้อเท้านางพอดีเจียงเฟิ่งหัวลองดันตัวเขา แต่ดันไม่ไหว นางจึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ท่านทับโดนขาของหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันปวดเหลือเกิน ท่านปล่อยหม่อมฉันสิ หม่อมฉันไม่ใช่คุณหนูซูนะ ท่านดูให้ชัดสิ ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บ”เซี่ยซางถูกเสียงตำหนิของนางปลุกจนตื่น ครั้นลืมตามองเห็นผู้ที่อยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวผุดภาพที่เขาบุกเข้ามาในห้องเมื่อคืน เขารู้สึกเพียงปวดหัวจนแทบระเบิด อย่างไรก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเขาโผเข้าหาเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าตัวเองถูกถอด อีกทั้งสองคนยังดูคลุมเครือ เขารีบดันนางออกห่างทันทีทันใดนั้น มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังเข้าหู เขาจึงหันมองด้านข้าง เห็นเพียงร่างบอบบางของหญิงสาวขดตัวอยู่อ

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 100

    เขาดูเหมือนขาดคนเอาใจใส่และขาดความรักเป็นอย่างมากตอนเด็กเขายังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่ได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้ น้ำตาไหลพรั่งพรูไปหมดเจียงเฟิ่งหัวเก็บกวาดจนสะอาดแล้วก็ไปที่ห้องครัวอีก เซี่ยซางกลับไปที่โต๊ะ ทำงานที่ยังค้างไว้ต่อ และก็เป็นเพราะดึกเกินไปแล้ว เขาจึงไม่ได้ไปที่ห้องหนังสือ เวลานี้ จู่ ๆ เขาก็มีความคิดขึ้นมา เริ่มเขียนหนังสืออย่างรวดเร็วเพียงไม่นานนางก็กลับมา เมื่อครู่นางเหมือนจะแอบเห็นว่าเนื้อหาบนกระดาษเกี่ยวข้องกับคดีสุสานหลวงถูกปล้นพี่ใหญ่บอกว่าเขาสืบได้ข้อมูลจากแหล่งข่าวที่ไม่เป็นทางการมาจากช่องทางพิเศษ เซี่ยซางอารมณ์ไม่ดีเพราะคดี เพราะฉะนั้นเมื่อครู่เขากำลังหงุดหงิดเรื่องคดีหรอกหรือ?นางจำได้ว่าชาติที่แล้วต่อให้สุสานหลวงถูกปล้น สิบกว่าปีหลังจากนั้นก็ไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไรเกิดขึ้น อย่างมากก็แค่อัญมณีและเครื่องหยกที่ฝังพร้อมพระศพในสุสานหายไปบ้างเท่านั้นแต่ดูท่าทางของเซี่ยซางในตอนนี้แล้ว นางรู้ว่ามีของอย่างหนึ่งที่สำคัญเป็นอย่างมากหายไปอย่างแน่นอน“เจ้าไปนอนก่อนเถอะ ข้ายังมีเรื่องบางอย่างต้องสะสาง” เซี่ยซางเห็นนางกลับมา กล่าวเสียงอ่อนโยนนางไม่ได้พูดอะไร “ตอนนี้ดึ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 99

    เซี่ยซางกลับขยับเว้นที่ให้นางเองอย่างมีไหวพริบ ถังอาบน้ำในหอหล่านเยว่ใหญ่มาก รองรับสองคนแล้วยังมีที่ว่างเหลือเจียงเฟิ่งหัวเห็นว่าเขานอนพาดอยู่นิ่ง ๆ กับขอบถังอาบน้ำ ขณะที่นางเตรียมจะลุกขึ้น ทันใดนั้นเซี่ยซางก็ฉุดข้อเท้าของนางไว้ “อาบด้วยกัน”เจียงเฟิ่งหัวอยากจะบอกว่าอาบไปแล้ว แต่เซี่ยซางพูดด้วยทีท่าหนักแน่น นางจึงหยิบผ้าขึ้นมาถูหลังให้เขาเบา ๆ ล้างแขน ลงไปด้านล่างเรื่อย ๆ …นางทำอย่างเบามือ อ่อนโยน เหมือนกำลังลูบไล้สัตว์เลี้ยง ตอนนี้นางก็มองเขาเป็นสัตว์เลี้ยงแล้ว ไม่เช่นนั้นนางเกรงว่าตัวเองคงไม่มีความอดทนพอที่จะอาบเขาให้เสร็จได้ผมของนางตั้งแต่ไหล่ลงไปเปียกหมดแล้ว ลอยอยู่บนผิวน้ำ นางดูแล้วมีเสน่ห์เย้ายวนน่าหลงใหลแต่เซี่ยซางกลับไม่หวั่นไหว ทั้งสองคนเหมือนสามีภรรยาทั่วไปที่อาบน้ำให้กัน นางถึงขั้นสระผมให้เขา สระจนสะอาด น้ำก็เริ่มเย็นแล้ว เขาก็ยังไม่คิดจะลุกขึ้นนางกล่าว “ท่านอ๋อง” วันนี้ดูเหมือนเขาจะไม่มีอารมณ์ และยังอารมณ์ไม่ดีอีกด้วย“ข้าเริ่มเหนื่อยแล้ว เจ้าลุกขึ้นก่อนเถอะ!” เซี่ยซางว้าวุ่นในใจ ร้อนรุ่ม อยู่ไม่สุข แต่เขาคุมอารมณ์ได้เป็นอย่างดี ยิ่งไม่มีทางทำอะไรกับนางในน้ำอย่า

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 98

    เมื่อเห็นเซี่ยซางแช่อยู่ในน้ำ เปลือยแขนและท่อนบน ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเมตตาสงสารขึ้นมา ต่อให้เป็นหมาแมวตกน้ำ นางก็ต้องไปช่วยหน่อยมิใช่หรือ ยิ่งไปกว่านั้นเขาดื่มจนเมาขนาดนี้ หากไถลลงไปจมน้ำตาย ฝันของนางที่จะเป็นฮองเฮามิต้องสลายไปหรอกหรือนางคิดว่าต่อให้ตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูร้อนเต็มที่แล้ว แม้ไม่จมน้ำตาย แต่กลางคืนหลับไปแบบนี้ก็จะเป็นหวัดได้ง่าย ๆนางฝืนใจยกน้ำแกงสร่างเมาไปทางเรือนด้านข้าง “ท่านอ๋อง ตื่นเถอะเพคะ” นางเรียกข้างหูเขาเบา ๆ หนึ่งทีเซี่ยซางเหมือนจะหลับไปแล้ว ไม่มีการเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นอกจากว่าเขาคออ่อน มารยาทในการดื่มของเขายังถือว่าใช้ได้ อย่างน้อยไม่โหวกเหวกโวยวายนางใช้ช้อนตักน้ำแกงสร่างเมา ค่อย ๆ ป้อนใส่ปากเขา “ดื่มสักหน่อยนะเพคะ ไม่เช่นนั้นพรุ่งนี้เช้าตื่นมาจะรู้สึกไม่สบายตัวนะเพคะ”เซี่ยซายยังคงไม่ขยับ หายใจสม่ำเสมอ หลับลึกมาก เหมือนเหนื่อยสุดขีด เจียงเฟิ่งหัวป้อนเขานิดเดียวอย่างใจเย็น แต่กลับไหลเปรอะเปื้อนเต็มปากไปหมด นางก็ขี้เกียจจะป้อนแล้ว เมื่อครู่อาเจียนในเรือนไปแล้ว ในท้องเขาไม่น่าจะมีเหล้าหลงเหลืออยู่เจียงเฟิ่งหัวย่อมย้ายตัวเขาไม่ได้อยู่แล้ว เมื่อเห็นกล้าม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 97

    เซี่ยซางเห็นเจียงเฟิงหัวยืนอย่างงดงามอ่อนช้อยอยู่ที่ประตู ก็ยื่นมือไปทางนาง กล่าวเสียงเข้มว่า “มานี่…”“อ๊อก!” เขายังพูดไม่จบ เซี่ยซางก็เริ่มอาเจียนออกมาอย่างรุนแรงทันที เวลานี้ท่าทางของเขาน่าสมเพชเวทนามาก ไม่เหลือมาดท่านอ๋องแม้แต่นิดเดียวเจียงเฟิ่งหัวปิดปากและจมูกไว้ มองดูเรือนที่นางจัดตกแต่งอย่างตั้งอกตั้งใจแล้วก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวดใจหลินเฟิงรู้สึกผิดไม่น้อย วันนี้ท่านอ๋องน่าขายหน้ามากจริง ๆ อาเจียนได้อย่างไรกัน?แล้วก็ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวสั่งสาวใช้ว่า “เตรียมน้ำอุ่นให้ท่านอ๋อง ให้ท่านอาบน้ำ สวีหมัวมัว วานท่านไปห้องครัว ต้มน้ำแกงสร่างเมามาหน่อย”รอจนเขาอาเจียนน้ำเหลือง ๆ ออกมาจากในท้อง หลินเฟิงกับพ่อบ้านเฉิงจึงค่อยย้ายเซี่ยซางไปเรือนด้านข้าง วางเขาลงในถังอาบน้ำอันที่จริงเจียงเฟิ่งหัวอยากให้หลินเฟิงเอาเขาไปส่งหอทิงเสวี่ยหลินเฟิ่งช่วยถอดเสื้อผ้าของเซี่ยซางออก เหลือไว้เพียงกางเกงชั้นในบนตัวเขา เขาลองหยั่งเชิงว่า “เช่นนั้นแล้วข้าน้อยก็จะออกไปแล้ว?”เจียงเฟิ่งหัวขมวดคิ้ว อยากจะพูดว่าเจ้ามาอาบน้ำล้างตัวเขาให้สะอาดก่อนค่อยไปสิ!แต่หลินเฟิงไหนเลยจะให้โอกาสนางได้พูด พูด “ข้าน้อย

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 96

    ซูถิงหว่านกล่าว “ท่านก็เห็นว่าเขาจ้องเจียงเฟิ่งหัวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและไม่อยากจากลา คนก็จากไปแล้ว ลูกตาเขายังจ้องจนแทบจะออกมานอกเบ้า”“ข้าหมายถึงว่าต้องการหลักฐานที่แน่นหนา”ซูถิงหว่านก็เริ่มหงุดหงิดเล็กน้อย “คราวก่อนก็เป็นเขาที่มาช่วยนางไว้ ท่านอ๋องเห็นกับตาอยู่ชัด ๆ ว่าเขากับเจียงเฟิ่งหัวมีความสัมพันธ์คลุมเครือ แต่ท่านอ๋องกลับไม่ถือสาหาความ วันนี้ก็เป็นเขาอีกแล้ว ท่านพูดถูก ไม่มีหลักฐานเป็นชิ้นเป็นอัน อาซางไม่มีทางเชื่อแน่”“พระชายารองรู้จักคนคนนี้ตั้งนานแล้วหรือ?” อวิ๋นฟางถาม“ไม่รู้จักได้อย่างไร เหมือนจะชื่อเซียวอวี้ เป็นดาวเด่นคนใหม่ในเมืองเซิ่งจิ่ง มีชื่อเสียงอยู่พอสมควร” ซูถิงหว่านอธิบาย ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ “คนพวกนี้ชอบดัดจริตเป็นที่สุด ทำตัวเป็นผู้ดีมีรสนิยม เรียนหนังสือเก่งแล้วมีอะไรดีเล่า ถ้าไม่ได้ทหารเหล่านั้นที่ปกป้องประเทศชาติอยู่ชายแดน พวกเขาจะได้เดินเตร่ในหอโคมเขียว ดื่มเหล้าอย่างสบายอารมณ์เช่นนี้ไหม? ทั้งสกุลซูของข้าพิทักษ์รักษาบ้านเมือง เป็นขุนนางที่มีความดีความชอบของแคว้นต้าโจว แม้แต่ฝ่าบาทยังต้องให้ความเคารพสกุลซูของข้าอยู่ไม่น้อย เหตุใดท่านป้าจึง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 95

    อีกฝั่งหนึ่ง เจียงเฟิ่งหัวหนีออกมาจากหออี๋ชุนแล้วก็ไม่กล้ากลับไปอีก กลัวจะเจอเซี่ยซางเข้าเซียวอวี้เห็นนางสวมหน้ากาก ก็ลองถามดูว่า “คุณหนูสามหรือ?”เจียงเฟิ่งหัวได้สติกลับมา เปิดหน้ากากออก กล่าวว่า “คุณชายเซียวรู้ได้อย่างไรว่าเป็นข้า?”เซียวอวี้หน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย ตอบตามตรงว่า “เมื่อก่อนไปหาท่านครูที่จวนสกุลเจียงอยู่บ่อย ๆ บ้านสกุลเจียงมักจะมีเสียงพิณลอยออกมา ข้าเลยรู้ว่าคุณหนูสามสกุลเจียงดีดพิณอยู่”เมื่อเขาได้ยินท่วงทำนองอันคุ้ยเคยที่หออี๋ชุนอีกครั้ง เขาก็ตกใจตาค้าง วินาทีนั้นเอง เขาก็กล้าฟันธงว่านางคือเจียงเฟิ่งหัว เพราะว่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี“ที่แท้คุณชายเซียวฟังเสียงดนตรีก็รู้ตัวคนเล่น ดูท่าคุณชายเซียวก็เป็นคนที่ชื่นชอบเสียงดนตรีเช่นกัน” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวเซียวอวี้ตอบ “ก็แค่พอรู้เรื่องบ้าง ไม่ได้เสี้ยวของคุณหนูสามหรอก”“คุณชายเซียวถ่อมตัวไปแล้ว ท่านพ่อของข้ามักจะบอกว่าในบรรดานักเรียนของท่านทั้งหมด มีเพียงเซียวอวี้ที่เฉลียวฉลาดเกินใคร ต่อไปจะต้องเป็นใหญ่เป็นโตแน่นอน” เจียงเฟิ่งหัวไม่ได้โกหก ราชครูเจียงเป็นคนที่เห็นคุณค่าของคนมีความสามารถจริง ๆ ดังนั้นจึงมักกล่าวถึงเขาอยู่บ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 94

    เวลานี้เอง เจียงจิ่นเหยียนก็มาถึงเวทีเช่นกัน เขาอยากจะพาเจียงเฟิ่งหัวไป แต่กลับคว้ามือของชายอีกคนหนึ่งไว้ในความมืดมิด เจียงเฟิ่งหัวยื่นมือไปคว้ามือของพี่ใหญ่ของนางไว้ แต่กลับคลำเจอฝ่ามือใหญ่ ๆ คู่หนึ่งที่มีแผ่นหนังด้าน ๆ นางรู้ว่านี่ไม่ใช่มือของพี่ใหญ่แน่ ถ้าเช่นนั้นก็เป็นคนอื่น จะเป็นใครเล่า?นางคิดอยากสะบัดมือของอีกฝ่ายออก แต่อีกฝ่ายกลับกำมือนางไว้แน่นไม่ยอมปล่อยทันใดนั้น ฝั่งตรงข้ามก็ดึงนางเข้าไปใกล้ นางจึงเพิ่งได้กลิ่นที่คุ้นเคย นางสับสนวุ่นวายในใจ เป็นเซี่ยซางได้อย่างไรกันเจียงเฟิ่งหัวรีบหุบปากไว้ ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่แอะเดียว กลัวว่าเขาจะจำเสียงได้เนื่องจากนางใส่หน้ากากปกปิดไว้ทั้งหน้า เซี่ยซางเห็นลักษณะของคนที่อยู่เบื้องหน้าไม่ชัด รู้สึกเพียงว่านิ้วมือของคนผู้นี้เรียว เนียนละเอียด เหมือนมือผู้หญิง วินาทีนั้นที่เขาเข้าโอบเอวคนผู้นี้ ก็รู้สึกได้ว่าเอวบางเหมือนกิ่งหลิว และหน้าอกของคนผู้นี้นุ่มนิ่มเขารู้ตัวแล้วว่าที่แท้เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง…ขณะที่เขากำลังลังเลนั้นเอง เจียงเฟิ่งหัวเหยียบหลังเท้าเขาอย่างแรง นางใช้กำลังทั้งหมดที่มีจึงหลุดออกมาจากมือเขาได้ นางก็ไม่มีเวลาสนใจอะ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 93

    ในหออี๋ชุนมีทั้งร้องทั้งเต้น เสียงปรบมือโห่ร้องดังทั่วหอ แล้วก็ได้ยินพิธีกรเอ่ยว่า “ขอเชิญคุณชายไร้เทียมทานขึ้นเวที”ฝูงชนเมื่อได้ยินว่าคุณชายไร้เทียมทาน ทุกคนก็ตกใจ พากันวิพากษ์วิจารณ์ “นี่คือการประกวดคัดเลือกนางคณิกา จะมีผู้ชายขึ้นเวทีได้อย่างไร หรือว่าผู้ชายก็อยากชิงตำแหน่งยอดนางคณิกาด้วยหรือ”“ก็ใช่น่ะสิ คณิกาชายมาจากไหนกัน พวกเราต้องการแต่ผู้หญิง ไม่เอาผู้ชาย” ทันใดนั้นกัวเซี่ยก็ขึ้นเสียงด่าทอ “ให้คุณชายไร้เทียมทานอะไรนั่นไสหัวลงไป”มีคนผสมโรงไปด้วยอีก “ข้าน่ะมาใช้เงินเพื่อดูสาว ๆ แก้เบื่อ ผู้ชายมีอะไรน่าดูกัน พวกเจ้าทำบ้าอะไรเนี่ย ให้แม่นางเพียนเพียนเมื่อครู่ออกมาร้องอีกเพลงซิ ข้ามีเงินเยอะแยะ พวกนี้ก็ตบรางวัลนางให้หมด”ในชั่วพริบตา ชายคนนั้นควักทองตำลึงออกมาหลายก้อน “ตำแหน่งยอดคณิกาคืนนี้เป็นใครไปไม่ได้นอกจากแม่นางเพียนเพียน ให้นางออกมา”“เพียนเพียน!”ไม่นาน ทั้งหอก็ตะโกนเรียกชื่อของเพียนเพียนหลินอวี่ในชุดกระโปรงยาวเข้ารูปอันประณีตเดินอย่างอ่อนช้อยไปที่เวที นางยิ้มมุมปากอย่างเย้ายวน ริมฝีปากแดงระเรื่อ กล่าวเสียงหนักแน่นว่า “ทุกท่านมาสนับสนุนงานนี้ที่หออี๋ชุนของข้า ก็เป็น

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 92

    เจียงจิ่นเหยียนเห็นว่าในแววตานางมีความกังวลซ่อนอยู่ “ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ที่เจ้าแต่งกับเหิงอ๋อง เขาทำอะไรเจ้าหรือ ถึงได้ห่วงหน้าพะวงหลัง ข้าแทบจะจำเจ้าไม่ได้แล้ว เจียงเฟิ่งหัวที่มีการวางแผนชัดเจนอยู่ในใจ มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมไปอยู่ที่ไหนแล้ว”“เมื่อก่อนข้าเข้าออกหออี๋ชุนมีพี่ใหญ่คอยปกปิดให้ข้า แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว ข้าทำตามอำเภอใจไม่ได้อีกต่อไป” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบเจียงจิ่นเหยียนรู้ว่านางคือพระชายาเหิงอ๋อง ยิ่งรู้ดีว่าเซี่ยซางผูกสมัครรักใคร่กับหญิงอื่นมานานแล้ว แต่หรวนหร่วนอยากจะแต่งเอง เขาก็ห้ามไม่ได้ เขาเพียงแค่หวังว่าน้องสาวจะทำใจให้สบาย ไร้ทุกข์ไร้กังวลในใจเขาสงสัยมาตลอดว่า หรือว่าหรวนหร่วนจะมีใจให้เหิงอ๋องมาตั้งแต่เด็ก เขาถามว่า “หรวนหร่วน พี่ใหญ่รู้ว่าเจ้ามีแผนการอันซับซ้อนอยู่ในใจมาตั้งแต่เด็ก พี่ใหญ่หวังว่าเจ้าจะไม่ลืมความเป็นตัวเอง ทำให้ตัวเองต้องเป็นทุกข์เพื่อเรื่องบางอย่างหรือคนบางคนที่ไม่ควรค่า เจ้าต้องจำไว้ว่าความสุขสำคัญที่สุด ถ้าเขาทำให้เจ้ามีความสุขไม่ได้ ทำให้เจ้าไม่ได้เป็นตัวของตัวเอง เจ้าจะแต่งงานกับเขาไปทำไม”เจียงจิ่นเหยียนรู้ว่านางแตกต่าง

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status