แชร์

บทที่ 7

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเนิบช้าว่า “หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เล็กแล้วว่าเพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ เฉลียวฉลาดมากความสามารถมาตั้งแต่ยังเยาว์ เคยเข้าไปประลองกับบัณฑิตมากมายในสำนักศึกษาหลวงจนสร้างชื่อได้ในคราวเดียว ต่อมา เผ่าหูรวบรวมไพร่พลสามแสนมาโจมตีต้าโจว กองทัพศัตรูรุดหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ เมืองต่างๆ ของต้าโจวถูกตีแตกเมืองแล้วเมืองเล่า เหิงอ๋องในวัยเพียงสิบห้าปีนำกำลังคนสิบกว่าคนบุกเข้าค่ายทหารของศัตรูไปจับเป็นผู้นำทัพศัตรู เผ่าหูถอนทัพ ครานั้นท่านอ๋องคว้าชัยชนะมาให้ต้าโจวได้อย่างงดงาม ท่านอ๋องห้าวหาญเพียงนี้ นับว่าเป็นความชอบที่เสด็จแม่ทุ่มเทสั่งสอนมาเช่นกันเพคะ”

กล่าวถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ในอดีตของเซี่ยซาง ดวงตาเฉิงฮองเฮาทอประกายภาคภูมิใจ แต่ครั้นคิดถึงว่าบุตรชายมีความสามารถโดดเด่นปานนี้แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่ ซางเอ๋อร์ไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้เป็นเพราะผลกระทบจากตนเองทั้งสิ้น

ดวงหน้าอ่อนเยาว์ของเจียงเฟิ่งหัวฉายแววกังขา “เสด็จแม่เป็นอะไรไปเพคะ?”

“ยามนี้หัวใจทั้งดวงของซางเอ๋อร์อยู่ที่สตรีนางนั้น ข้าเองก็ปวดหัวเหมือนกัน” ฮองเฮามองเจียงเฟิ่งหัวแวบหนึ่งแล้วดึงมือนางมาตรงๆ “ดังนั้นเจ้าต้องเอาใจใส่ซางเอ๋อร์ให้มากไว้”

“หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องจะเข้าใจความหวังดีของเสด็จแม่เพคะ ในหมู่ชาวบ้านมีคำกล่าวว่าสร้างครอบครัวก่อนจึงสร้างความสำเร็จด้านหน้าที่การงาน ก่อนนี้ท่านอ๋องยังไม่แต่งงาน ความคิดอ่านจึงเอ้อระเหยไปบ้าง เสด็จพ่อไม่วางพระทัยมอบหมายภาระสำคัญให้เขาก็สามารถเข้าใจได้ บัดนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว รอจนแต่งพระชายารองซูเข้าจวน ท่านอ๋องย่อมจะหมั่นแสวงหาความก้าวหน้าเองเพคะ”

ฮองเฮาได้ยินดังนั้น อารมณ์พลันแจ่มใสขึ้นมาในบัดดล ดวงตาทอประกายวาววับ “ความคิดนี้เข้าทีนัก ให้ซางเอ๋อร์ไปขอตำแหน่งเบื้องพระพักตร์ ที่ผ่านมาฝ่าบาทไม่ยินดีให้เขารับตำแหน่งสำคัญ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีก ซางเอ๋อร์แต่งงานแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่อาจเอ้อระเหยไปวันๆ ได้อีก ฝ่าบาทไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ”

“ตอนนี้ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งสำคัญเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว

ฮองเฮาย่นคิ้ว “วาจานี้หมายความว่าอย่างไร” ปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้งรัชทายาท อ๋องแต่ละคนต่างแย่งกันสร้างผลงานแสดงความสามารถ ซางเอ๋อร์ก็ย่อมต้องสร้างความชอบถึงจะดี

“ยามนี้แผ่นดินสงบสุข ท่านอ๋องแค่ต้องอยู่ข้างกายฝ่าบาทช่วยแบ่งเบาภาระฝ่าบาทก็พอแล้วเพคะ งานน้อยใหญ่ในเซิ่งจิงมีมากมายเหลือคณานับ อาศัยความสามารถของท่านอ๋อง หม่อมฉันคิดว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนเพคะ ท่านอ๋องทำงานราชการได้ดี ฝ่าบาทก็ย่อมเบิกบานพระทัย”

รูม่านตาฮองเฮาเบิกกว้าง สมกับที่เป็นบุตรีราชครู มีความคิดอ่านลึกซึ้ง อยู่ใต้พระเนตรพระกรรณฮ่องเต้ดีกว่าไปรับตำแหน่งไกลๆ เป็นไหนๆ นางเอ่ยเสียงอ่อนโยน “หรวนหร่วนคิดว่าซางเอ๋อร์เหมาะกับตำแหน่งใดเล่า”

“ได้ยินว่ายามนี้เซิ่งจิงมีตำแหน่งว่างพอดี คือตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวง หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องสามารถรับตำแหน่งนี้ได้เพคะ ถือเป็นการไปฝึกฝนเรียนรู้ รอให้ฝ่าบาทมอบหมายหน้าที่สำคัญให้” เจียงเฟิ่งหัวดวงตาวาววับ หาเรื่องให้เขาทำ จะได้ไม่ต้องมาพะเน้าพะนอคลอเคลียกับซูถิงหว่านอยู่ได้ทั้งวัน

ฮองเฮาได้ยินดังนั้นก็พลันผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง “ตอนที่ฝ่าบาทยังเป็นรัชทายาทก็เคยรับตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาก่อนเหมือนกัน ตำแหน่งนี้ดี ข้าจะไปขอราชโองการที่ห้องทรงพระอักษรเดี๋ยวนี้ หรวนหร่วนเจ้าอยู่เล่นในตำหนักไปก่อนนะ”

เฉิงฮองเฮาเกรงว่าตำแหน่งดีๆ นี้จะตกไปอยู่ในมือองค์ชายคนอื่นจนพลาดโอกาสนี้ไปจึงให้สี่หมัวมัวแต่งกายให้ตนเองใหม่ ทั้งสั่งให้สี่หมัวมัวตักน้ำแกงใส่ถ้วยวางลงบนถาดอาหารยกมาจากครัวเล็ก แล้วเสด็จไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้

เจียงเฟิ่งหัวรีบลุกขึ้นไปส่ง จนกระทั่งฮองเฮาเสด็จไปไกลแล้ว นางค่อยยืนหลังตรงเดินออกไปจากตำหนักหลักอย่างแช่มช้า

นางจำได้ว่าเซี่ยซางถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทเพราะเขาจะได้สวมเกราะไปตอบโต้การรุกรานของพวกชนเผ่าอนารยชนอีกครั้งในอีกหนึ่งปีให้หลัง ศึกครั้งนั้นเซี่ยซางชนะได้งดงามยิ่งนัก หลังจากนั้นยังสร้างความชอบจากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แสดงออกถึงความสามารถที่โดดเด่นไม่ธรรมดา ฮ่องเต้ทรงปลาบปลื้มพระทัยยิ่ง เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท

ทว่าในปีนี้ หลังจากเขาแต่งงานกับซูถิงหว่าน คนทั้งสองก็รักกันชื่นมื่น ความรักหวานล้ำ...

ในเวลาเดียวกัน เซี่ยซางออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังสนามม้า เวลานั้น เขายังไม่รู้ว่าภรรยาของตนเองหาตำแหน่งงานที่ทั้งน่าปวดหัวและมีภาระติดพันให้ตนเองเสียแล้ว ต่อไปถึงไม่มีงานราชการ เจียงเฟิ่งหัวก็จะหางานราชการมาให้เขาอยู่ดี ทำให้เขาได้แสดงความสามารถต่อหน้าฮ่องเต้

อาชาชั้นดีสีแดงพุทราตัวหนึ่งตะบึงไปบนสนามม้า สตรีชุดแดงท่าทางองอาจบังคับบังเหียนอย่างคล่องแคล่วอยู่บนหลังม้า

เซี่ยซางกวาดสายตามองไป อยากตะโกนหยุดนางแต่เนื่องจากอยู่ไกลเกินไปนางไม่ได้ยิน เขาจึงขี่ม้าตัวหนึ่งควบตามไปหา

เซี่ยซางขี่ม้าได้เก่งกาจมาก ตอนตามไปถึงเบื้องหน้าซูถิงหว่าน เขาดึงบังเหียนจนตึงพลางอธิบายว่า “หว่านเอ๋อร์ เจ้าเลิกโกรธได้แล้ว ข้ากับเจียงเฟิ่งหัวไม่มีอะไรทั้งนั้น...”

ดวงตาซูถิงหว่านแดงเรื่อ บังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงมา “ข้าไม่ได้โกรธสักหน่อย ท่านอ๋องแต่งพระชายาก็ไปใช้ชีวิตกับพระชายาดีๆ เถอะ ข้าจะกลับบ้านแล้ว กลับจวนแม่ทัพที่อยู่ชายแดนโน่น”

เซี่ยซางร้อนใจ ทิ้งม้ากระโจนไปนั่งบนหลังม้าของซูถิงหว่าน “ยังพูดว่าไม่โกรธอีก เจ้ากลับไปแล้วข้าจะทำยังไง ราชโองการประทานสมรสของเสด็จพ่อ ข้าไม่อาจขัดขืน การแต่งงานกับนางเป็นเพียงแผนการชั่วคราวเท่านั้น คนที่ข้าชอบมีเพียงหวานหว่านคนเดียว”

ซูถิงหว่านไม่ทำปั้นปึ่งอีก สีหน้าเบิกบานขึ้นมาทันที ซุกเข้าไปในอ้อมอกของเซี่ยซาง “อาซาง ท่านกับนางไม่มีอะไรกันจริงๆ หรือ?”

“ข้าขอสาบาน...”

ซูถิงหว่านรีบปิดปากเขาไว้ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านสาบาน ข้าแค่อยากให้ท่านรักข้าหมดทั้งหัวใจ ในใจมีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“ตกลง ข้ารับรองว่าในใจจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขารับคำด้วยแววตาอ่อนโยน

“น่าเสียดายที่เสด็จแม่ของท่านไม่ชอบข้า ไม่อย่างนั้นนางคงไม่รีบร้อนสู่ขอพระชายาให้ท่านปานนี้” แววตาซูถิงหว่านเต็มไปด้วยความผิดหวัง “อาซาง ข้าเสียสละเพื่อท่านมากมายเหลือเกิน เดิมข้าจะไม่แต่งเป็นชายารองของท่านก็ยังได้ ที่บ้านข้ามีบุรุษมาสู่ขอข้ามากมาย ข้าสามารถเป็นภรรยาเอกของพวกเขา แต่ในใจข้ามีเพียงท่านเท่านั้น ข้าตัดใจแยกจากท่านไปไม่ได้”

เซี่ยซางพึงพอใจกว่าเดิม ตระกูลซูย่อมไม่ยอมให้บุตรีออกเรือนไปเป็นอนุภรรยาของผู้อื่น แต่เขารับรองว่าวันหน้าหากได้ครองบัลลังก์จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นางอย่างแน่นอน

ตระกูลซูก็ทราบเหมือนกันว่าในบรรดาองค์ชายมากมาย โอกาสของเหิงอ๋องมีมากที่สุดแล้ว หากมิใช่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างฮองเฮากับฮ่องเต้ไม่ดีนัก ด้วยความสามารถของเหิงอ๋อง เกรงว่าฝ่าบาทคงแต่งตั้งเหิงอ๋องเป็นรัชทายาทไปนานแล้ว

กอปรกับซูกุ้ยเฟยไม่มีโอรส นางไร้วาสนากับตำแหน่งไทเฮา ตระกูลซูต้องการอยู่รอดต่อไปก็ต้องคิดหาแผนการอื่น ใครเลยจะคาดคิดว่าฮองเฮาจะสอดมือเข้ามา ทำให้หญิงอื่นคว้าตำแหน่งชายาของเหิงอ๋องไปได้

ซูถิงหว่านแสร้งเป็นขุ่นเคือง “แต่ทำไมท่านถึงกอดนางเล่า!”

“ข้าไปกอดนางตอนไหน”

“ข้าเห็นแล้ว ท่านกอดนาง” ซูถิงหว่านตัดพ้อ “นางงามหรือไม่?”

รูปโฉมล่มแคว้นล่มเมืองของเจียงเฟิ่งหัววาบเข้ามาในหัวเซี่ยซาง ร่างกายแข็งทื่อ อึ้งไปชั่วขณะ “ก็งั้นๆ แหละ!”

“นางงดงามกว่าข้าหรือไม่?”

เซี่ยซางไม่อาจตอบได้ ในใจเขาซูถิงหว่านงดงามที่สุดแล้ว ไม่เพียงแค่งดงาม เขาชอบคนผู้หนึ่งไม่ได้ดูว่านางงามหรือไม่งาม เพียงอยากชอบนางด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น

ซูถิงหว่านเห็นเขาไม่ตอบก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดขัดอยู่ในใจ นางแหงนหน้าเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ข้าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในทุ่งหญ้า ท่านจำไว้ ท่านแต่งงานกับสตรีที่งดงามที่สุดในทุ่งหญ้า ข้าออกเรือนให้ท่านก็คือวาสนาของท่าน”

นางกล่าวเช่นนี้คือการคุยเขื่องโดยไม่ละอาย มิน่าฮองเฮาจึงไม่โปรดนาง คนในใต้หล้าจะเย่อหยิ่งเพียงไหน แต่ผู้ใดเลยจะเย่อหยิ่งได้เกินองค์ชาย

เซี่ยซางหาได้ถือสาไม่ รู้สึกแค่ว่านางนิสัยตรงไปตรงมาไร้เล่ห์เพทุบาย เขาชอบสตรีที่มั่นใจในตนเองเช่นนี้ เขาพูด “ใช่แล้ว ดังนั้นข้าถึงได้เฝ้ารอวันที่หวานหว่านจะแต่งงานกับข้าอย่างไรเล่า”

นางโฉบขึ้นจุมพิตริมฝีปากเขา “อาซาง ท่านต้องรับปากข้าว่า ไม่ว่านางจะงามแค่ไหน ท่านก็ห้ามชอบนาง”

“ข้าไม่ชอบนาง” เขาตอบอย่างหนักแน่น

“นางก็ห้ามชอบท่านเหมือนกัน” ซูถิงหว่านกระหยิ่มยิ้มย่อง “แต่อาซางของข้าหล่อเหลาปานนี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ชอบท่าน”

ความรู้สึกที่ต่างออกไปวาบผ่านหัวใจเซี่ยซาง เจียงเฟิ่งหัวไม่ชอบเขาจริงๆ นางถึงขั้นเสนอตัวจัดแจงเรื่องมงคลให้พวกเขาด้วยซ้ำ

เขาคิดในใจ เจียงเฟิ่งหัวพูดถูกเรื่องหนึ่ง เขากับซูถิงหว่านทำแบบนี้คือการคบหากันอย่างไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี เกรงว่าเสด็จพ่อจะผิดหวังในตัวเขามากกว่าเดิม

ขี่ม้าสักพัก เขาพลันเอ่ยว่า “กลับกันเถอะ!”

ซูถิงหว่านลังเลเล็กน้อย “กลับไวปานนี้เชียว?” เมื่อก่อนอาซางไม่เป็นแบบนี้ หรือจะเป็นเพราะเจียงเฟิ่งหัว เขาใส่ใจนาง?

“ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น มอบความกดดันที่ไม่อนุญาตให้เคลือบแคลงแก่ผู้คน
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 8

    อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 9

    เจียงเฟิ่งหัวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางจ้องมองใบหน้าของเซี่ยซางอย่างอึ้งๆ ใบหน้ายังคงเย็นชาแข็งทื่อดุจน้ำแข็ง การกระทำยิ่งหยาบกระด้าง เขาวางนางลงบนตั่งนุ่มโดยไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด “ก่อนที่หมอหลวงจะมา ข้าจะตรวจให้เจ้าก่อนว่าบาดเจ็บถึงกระดูกหรือไม่”“ท่านอ๋องทำเป็นหรือเพคะ?” ดวงตาคู่งามของเจียงเฟิ่งหัวทอประกายวาบเซี่ยซางไม่อยากอธิบายว่านั่นเป็นทักษะพื้นฐานที่คนในกองทัพต้องมี น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิอีกแล้ว เสด็จพ่อรังเกียจตนเอง ยามนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปแล้วเซี่ยซางเปิดชายกระโปรงของนางขึ้นด้วยตนเอง ถอดถุงเท้าออก เห็นเท้างามเกลี้ยงเกลาของนางแดงเถือก บริเวณข้อเท้าบวมนูน ปลายนิ้วเขากดลงเบาๆ เจียงเฟิ่งหัวก็เจ็บปวดจนน้ำตาหลั่งรินลงมาเซี่ยซางเห็นคนงามที่ดวงตาปริ่มน้ำกัดผ้าเช็ดหน้าไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาตรงหน้าก็พูดว่า “เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาแล้วก็จะดีขึ้นบ้าง”เจียงเฟิ่งหัวน้ำตาไหลไม่หยุด ดวงตาปิดแน่น ส่ายหัวน้อยๆ เนื่องจากเจ็บปวดสุดทานทน นางถึงขั้นเริ่มกัดหลังมือของตัวเองเซี่ยซางไม่เคยเห็นสตรีที่กลัวเจ็บเพียงนี้มาก่อน เขายังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ประเดี๋ยวตอนประคบเย็นจะยิ่งเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 10

    กว่าจะประคบเสร็จไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้อเท้าของเจียงเฟิ่งหัวค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ไม่บวมมากเหมือนเดิมแล้วเจียงเฟิ่งหัวราวกับเจ็บปวดจนเจียนสลบ ซบลงในอกเขาด้วยสติเลือนราง ยามนั้นบนหน้าผากและหว่างคิ้วของนางมีหยดเหงื่อเกาะพราว ร่างกายก็เหมือนจะเหงื่อออกจนเปียกชื้น ลักษณะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวชวนให้คนสงสารลูกกระเดือกของเซี่ยซางขยับขึ้นลง หัวใจเต้นรัวแรง เจียงเฟิ่งหัวขยับยุกยิกในอ้อมอกเขาอย่างไม่ยอมอยู่นิ่ง โชคดีที่ในตำหนักมีพวกเขาเพียงสองคน มิฉะนั้นหากปล่อยให้นางกำนัลกับขันทีมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้คงได้เข้าใจผิดว่าทั้งคู่เพิ่งกระทำเรื่องที่พบพานผู้คนไม่ได้มาเป็นแน่แท้นอกตำหนัก เฉิงฮองเฮาให้หมอหลวงทิ้งยาแก้ฟกช้ำไว้ให้ก็บอกให้เขาจากไปริมฝีปากนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ทำให้คนไม่อยากเข้าไปรบกวนในตำหนักสี่หมัวมัวเอ่ยข้างหูนาง “บ่าวไม่เคยเห็นท่านอ๋องมีน้ำอดน้ำทนเพียงนี้มาก่อนเลยเพคะ ถ้าพระชายาได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องก็เป็นการช่วยคลายความกังวลให้ฮองเฮาได้พอดี บุตรีสกุลซูผู้นั้น...”“ซางเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาไม่มีทางทอดทิ้งซูถิงหว่านเพื่อเจียงเฟิ่งหัว ตอนนี้คงต้องดูว่าซางเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 11

    ชาติก่อน ซูถิงหว่านจงใจเลือกวันแต่งเข้าจวนอ๋องให้ตรงกับวันที่นางกลับจวน ชาตินี้ในเมื่อฮองเฮาให้สิทธิ์ขาดกับนาง เช่นนั้นนางจะให้อีกฝ่ายค่อยๆ รอเจียงเฟิ่งหัวเขียนฤกษ์งามยามดีลงบนกระดาษด้วยตัวเอง จากนั้นเอ่ยกับเหลียนเย่ “นำสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านอ๋อง ถามเขาว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่พอใจ เชิญท่านอ๋องมาเลือกฤกษ์ดียามอื่นได้เลย”“เพคะ” เหลียนเย่หันมองแวบหนึ่ง “กำหนดให้เป็นอีกห้าวันให้หลังหรือเพคะ? วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนสาม ห้าวันให้หลังคือวันที่ยี่สิบแปดเดือนสาม”เหลียนเย่พูดต่อไป “เหตุใดพระชายาปล่อยให้หญิงผู้นั้นแต่งเข้าจวนเร็วขนาดนี้ หากนางแต่งเข้าจวนจริง พระชายามิหมดโอกาสหรือเพคะ?”“ห้าวันจากนี้เป็นเพียงวันที่ที่ข้าเสนอเท่านั้น อีกไม่นานท่านอ๋องจะมีงานราชการต้องทำ นางไม่ได้เข้าจวนเร็วขนาดนั้นหรอก” เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเสียงเรียบหงซิ่วและเหลียนเย่รู้สึกมึนงง ท่านอ๋องโปรดสตรีผู้นั้นมาก แทบอยากจะแต่งซูถิงหว่านเข้าจวนทันที จะปฏิเสธแต่งชายารองเข้าจวนในอีกห้าวันได้อย่างไรเหลียนเย่มาถึงห้องหนังสือ จากนั้นนำคำพูดของเจียงเฟิ่งหัวแจ้งแก่เซี่ยซางอย่างละเอียดถี่ถ้วนสีหน้าเซี่ยซางเย็นชาเล็กน้

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 12

    ความงามของเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้งามเพราะความผอม แต่งามเพราะมีทรวดทรงองค์เอว จุดไหนควรเล็กก็เล็ก จุดไหนควรเต่งตึงก็เต่งตึง งามอย่างไร้ที่ติคืนนี้นางสวมกางเกงซับในบางเบาและชุดชั้นในปักลายดอกท้อ ผมยาวดำขลับถูกมวยเอาไว้กลางกระหม่อม เผยให้เห็นลำคอระหงพอดีจังหวะนั้น เซี่ยซางที่ดื่มจนเมามายบุกเข้าไปในห้องของนาง เขาเดินอ้อมฉากกั้นโดยมิสนใจสิ่งใด ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาฉายแววลนลานเล็กน้อย กระนั้นกลับมิอาจละสายตาจากนางตรงหน้าได้ สตรีเบื้องหน้างดงามจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจเจียงเฟิ่งหัวสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบดึงผ้าห่มผืนบางปิดบังร่างกาย ทว่านางดึงมาปิดก็เหมือนไม่ปิด พร้อมกัดริมฝีปากแดง แสร้งทำโกรธเคือง “ท่านอ๋อง เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูเพคะ?”ความคิดของเขาถูกเสียงตำหนิของนางดึงกลับมา นิ้วมือของเขาชี้ไปที่ป้ายด้านนอก แล้วชี้ไปที่เตียงและเครื่องใช้ภายในห้อง “ที่นี่คือหอหล่านเยว่ เป็นห้องนอนของข้า พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งของของข้า ข้าเข้ามาห้องนอนตัวเองทำไมต้องเคาะประตู เจ้า เจ้า เจ้า อึก...หลีกไป”ระหว่างที่พูด เขาทำท่าจะขึ้นไปบนเตียงต่อมาเซี่ยซางโผเข้าหานาง นางเองไม่คิดจะหลบหลีก วินาทีต่อมา ภายในอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้น เจียงเฟิ่งหัวตื่นมาพบว่าตัวนางอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยซางอีกแล้ว เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่นางใช้ผงหอมกับเขา มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น ซูถิงหว่าน ชาตินี้เจ้าค่อยๆ รอไปเถอะ!ขณะที่นางเตรียมยื่นมือไปลูบสันจมูกเขา จู่ๆ เซี่ยซางขยับเหมือนคนกำลังจะตื่นนอน นางจึงรีบหลับตาลงแสร้งทำเป็นนอนหลับสนิทเซี่ยซางพลิกตัวกะทันหัน แล้วยกขาข้างหนึ่งไปก่ายบนขาของเจียงเฟิ่งหัว ไปโดนข้อเท้านางพอดีเจียงเฟิ่งหัวลองดันตัวเขา แต่ดันไม่ไหว นางจึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ท่านทับโดนขาของหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันปวดเหลือเกิน ท่านปล่อยหม่อมฉันสิ หม่อมฉันไม่ใช่คุณหนูซูนะ ท่านดูให้ชัดสิ ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บ”เซี่ยซางถูกเสียงตำหนิของนางปลุกจนตื่น ครั้นลืมตามองเห็นผู้ที่อยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวผุดภาพที่เขาบุกเข้ามาในห้องเมื่อคืน เขารู้สึกเพียงปวดหัวจนแทบระเบิด อย่างไรก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเขาโผเข้าหาเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าตัวเองถูกถอด อีกทั้งสองคนยังดูคลุมเครือ เขารีบดันนางออกห่างทันทีทันใดนั้น มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังเข้าหู เขาจึงหันมองด้านข้าง เห็นเพียงร่างบอบบางของหญิงสาวขดตัวอยู่อ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 14

    เซี่ยซางพยักหน้าอย่างหน้ามืดตามัว “ข้าจะกลับไปพร้อมเจ้า”เจียงเฟิ่งหัวรีบทำท่าเอาใจ นางย่อตัวให้เขา “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”จากนั้นนางหันไปตะโกนใส่ด้านนอก “หงซิ่ว เหลียนเย่ สวีหมัวหมัว เตรียมอาหารเช้าเพิ่มอีกหนึ่งชุด ไปตักน้ำมาเตรียมแต่งตัว วันนี้พวกเราจะกลับจวนตระกูลเจียง ข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่เหลือเกิน”เมื่อเอ่ยถึงกลับตระกูลเจียงและบิดามารดาของนาง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสุกใสแวววาว กลิ่นอายรอบข้างแสดงให้รู้ว่านางมีความสุข ดีใจจนเหมือนนกน้อยในป่าใหญ่เมื่อสิ้นเสียงของนาง พวกสาวใช้ก็กรูกันเข้ามา เจียงเฟิ่งหัวเห็นตัวเองสวมเพียงชุดชั้นในและกางเกงซับใน จึงรู้สึกเขินอายทันที นางหันมองเซี่ยซางแวบหนึ่งก่อนจะหลบไปหลังฉากกั้น “เชิญท่านอ๋องล้างหน้าแต่งตัวก่อน หม่อมฉันจะรีบไป”เห็นเพียงผมยาวจรดเอวของนางดั่งม่านน้ำ ร่างอรชรอ้อนแอ้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามไร้ที่ติเซี่ยซางมองดูจนตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงนางจึงรู้สึกตัวจนหน้าแดงเถือก ขณะนี้สวีหมัวมัวเดินเข้ามาหา ในมือสาวใช้มีเสื้อผ้าหลายชุด นางกล่าว “ท่านอ๋อง วันนี้จะสวมชุดใดเพคะ”เซี่ยซางชี้นิ้ว เลือกชุดตัวยาวสีน้ำเงินค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 15

    ข่าวที่ท่านอ๋องจะกลับจวนเป็นเพื่อนพระชายาแพร่สะพัดไปทั้งจวน พ่อบ้านเฉิงรีบไปเลือกของขวัญที่จะนำกลับไปในห้องเก็บสมบัติเซี่ยซางหันมองแวบหนึ่ง หันไปถามเฉิงจง “พวกนี้จะส่งไปที่จวนตระกูลเจียงหรือ?”เฉิงจงตอบ “เรียนท่านอ๋อง ใช่ขอรับ”เซี่ยซางขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยขึ้นอีก “พิธีกลับจวนสำคัญมากหรือ? ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่หรือไม่?”“พิธีกลับจวนเป็นพิธีการสุดท้ายในการแต่งงาน มิใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะฝ่ายหญิงจะให้ความสำคัญมาก ส่วนจะสำคัญอย่างไรนั้นเพียงไม่กี่ประโยคคงพูดไม่ชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรลูกเขยพาภรรยากลับไปคารวะพ่อตาแม่ยายพร้อมของกำนัล ถือเป็นธรรมเนียม พิธีกลับจวนทำได้ดีหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวแต่งกับคนดีหรือไม่ ได้รับความสำคัญจากลูกเขยหรือไม่ คนทั่วไปให้ความสำคัญมาก ยิ่งครอบครัวร่ำรวยยิ่งจัดให้สมฐานะ ทว่าท่านอ๋องฐานะสูงส่ง ย่อมไม่ต้องคารวะราชครู ท่านอ๋องกลับไปถือเป็นวาสนาของตระกูลนั้น...” พ่อบ้านเฉิงพูดไม่หยุดเซี่ยซางครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นกวาดมองสิ่งที่พ่อบ้านเฉิงเตรียมไว้ “ไปเอาของมาจากห้องเก็บสมบัติอีก”เดิมทีเฉิงจงเลือกมาไม่กี่อย่าง เพื่อทำตามพิธีเท่านั้น ว่ากันตามฐานะของพระชายาไ

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 294

    “ท่านอ๋องทรงคิดเห็นอย่างไรเพคะ?” เจียงเฟิ่งหัวถาม“ไม่รบย่อมเป็นการดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ว่าหากพวกมันคิดอยากมารนหาที่ตายจริง ๆ ต้าโจ้วก็ไม่กลัวพวกมัน” แววตาเซี่ยซางลุ่มลึก มีความเหี้ยมเกรียมแผ่ออกมา “เสียงจากขุนนางใหญ่ในราชสำนักที่ถวายคำแนะนำให้เจรจาสันติภาพมีมากกว่าเสียงที่สนับสนุนให้เตรียมรับสงคราม พวกผู้เฒ่าเหล่านั้นกลับไม่รู้ว่ายิ่งถอย พวกเผ่าหูยิ่งกำเริบเสิบสาน พวกมันก็จะยิ่งนึกว่าต้าโจวกลัวพวกมัน เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบสิ้น”เจียงเฟิ่งหัวน้ำเสียงสบาย ๆ ในแววตาเหมือนมีแสงดาวส่องประกาย นางถึงกับดูเหมือนว่าหลงใหลและบูชาเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว ทำให้เซี่ยซางนึกว่าในสายตาและในใจนางมีแต่เขาและเขาเท่านั้น เติมเต็มความรู้สึกชายเป็นใหญ่ของเขานางยิ้มน้อย ๆ กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “หม่อมฉันเชื่อว่าท่านอ๋องต้องปกป้องประชาราษฎรชาวต้าโจวได้อย่างแน่นอนเพคะ หากจะต้องสู้รบคราวนี้จริง ๆ ต้าโจวของเราก็มีโอกาสที่จะชนะ หม่อมฉันสนับสนุนท่านอ๋องอย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อให้เลวร้ายที่สุด พวกเราก็ยังมีศาลาการกุศล ช่วงที่ท่านไม่อยู่ พระชายาอ๋องสาวและพระชายาอ๋องรอง อีกทั้งเหล่าสตรีในเมืองหลวง พวกนาง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 293

    เหลียนเย่ลากอ้าวเสวี่ยลงไปนั่นบนตั่งด้านข้างเลย เริ่มนวดให้นางไปมาหลายแบบ คลายเส้นและกล้ามเนื้อ มีคนปรนนิบัติพัดวีเช่นนี้ อ้าวเสวี่ยก็รู้สึกเพียงว่าสบายไปทั้งตัว“จอมยุทธ์หญิงอ้าวเสวี่ยรู้สึกอย่างไรบ้าง ฝีมือนวดพอใช้ได้ไหม เมื่อก่อนทุกครั้งพระชายาฝึกกำลังเสร็จแล้วข้าเป็นคนคลายเส้นให้นางทั้งนั้น ต่อไปทุกครั้งที่ท่านฝึกวรยุทธ์เสร็จ ข้าก็ช่วยท่านได้ รับรองว่าจะทำให้ร่างกายท่านมีทรวดทรงองค์เอวสวยงามขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ ก็จะงดงามดึงดูดสายตาคน” เหลียนเย่ปากหวานมาก หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดูทันใดนั้นอ้าวเสวี่ยก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองเจียงเฟิ่งหัวแวบหนึ่ง ในมือนางถือหนังสือไว้ พิงอยู่บนตั่ง มองดูยิ่งดูสงบเยือกเย็นขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของนางขาวใสเปล่งประกายราวกับหยก ช่างงดงามจับใจเสียยิ่งกว่าสาวงามในภาพวาดจริง ๆ อ้าวเสวี่ยพึมพำอยู่ในใจ เรือนร่างของพระชายาที่มีทรวดทรงองค์เอวงดงามเช่นนี้ก็เพราะได้เหลียนเย่ช่วยนวดให้นางหรือ?นางรู้ว่าพระชายาเป็นคนดี แค่เพียงทุกครั้งเวลาที่นางไปศาลาการกุศล เรื่องที่นางทำก็ทำให้นางรู้สึกเลื่อมใสแล้ว เด็ก ๆ ที่ศาลาการกุศลต่างก็ชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก ยามนางสอนให้พวกเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 292

    อ้าวเสวี่ยงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก นางเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์ ยิ่งไม่ได้บอบบางแบบเหล่าคุณหนูที่อยู่แต่ในห้องหับ นางกัดฟันกินเข้าไปจริง ๆ แต่ว่ารสชาตินี้ก็แย่เกินไปแล้วกระมัง!เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอีกว่า “หงซิ่ว เจ้าไปเรียกคุณหนูซู่ซู่มาที่จวนซิ นางมาไกล กลับมาเมืองหลวงจากเจียงหนานพร้อมท่านอ๋อง ต้องดูแลนางอย่าให้บกพร่อง พวกเจ้าต้องคอยดูแลทุกด้าน”“เพคะ บ่าวทราบแล้ว พระชายาวางได้เถอะเพคะ คนที่ท่านอ๋องพึงพอใจ บ่าวต้องรับใช้เป็นอย่างดีแน่นอน อากาศเย็นแล้ว บ่าวก็จะให้คนส่งเสื้อผ้าไปให้เพคะ” หงซิ่วกล่าวอย่างเคารพนบนอบซูถิงหว่านไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวครู่หนึ่งก็พูดถึงคุณหนูอ้าวเสวี่ย อีกครู่หนึ่งก็พูดคุณหนูซู่ซู่ อีกทั้งยังล้วนเกี่ยวข้องกับเซี่ยซาง หรือว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้เซี่ยซางมีผู้หญิงเพิ่มมากมายถึงเพียงนี้อีกซูถิงหว่านมองเจียงเฟิ่งหัวอย่างเหม่อลอย เห็นเพียงว่านางสบาย ๆ ไร้กังวง ไม่โกรธหึงหวงแม้แต่นิดเดียว หรือว่าในใจนางไม่รู้สึกเดือดร้อนเลยนะนางแค่ได้ยินก็โมโหแล้วไม่ได้ นางจะอยู่นิ่งรอความพินาศไม่ได้แล้ว ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ต้องคิดหาวิธีมัดใจเซี่ยซางไว้ ไม่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 291

    นางลูบเสื้อคลุมขนจิ้งจอกที่ใส่อยู่ไปมา หวนนึกถึงชีวิตของนางที่ผ่านมาในช่วงหลายเดือนก่อน ช่างลำบากเกินบรรยาย ฮองเฮายังให้นางคัดบทสวดมนต์ทุกวัน นางมือจะหักอยู่แล้ว ในภูเขาก็หนาวอีกด้วย ไหนเลยจะมีเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเหล่านี้และเตาผิงที่ใช้อุ่นมือส่วนเจียงเฟิ่งหัวนั้นหรือ อยู่ดีมีสุขชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าอยู่ในจวนอ๋อง ใช้ชีวิตราวกับเป็นเทพเทวดา เซี่ยซางยังมอบเสื้อผ้าให้นางมากมายขนาดนี้อีกด้วย เขาเคยนึกถึงบ้างไหมว่านางอยู่ที่วัดคนเดียวทั้งเหงาหงอยทั้งเหน็บหนาวต่อให้เกลียดแค่ไหน นางก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่ในใจกลับริษยาจนแทบจะอกแตกตายเมื่อเจียงเฟิ่งหัวรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ นางจึงค่อยกล่าวว่า “พระชายารองคงกินอาหารเช้ามาแล้วสินะ อาหารที่ข้ากินเหล่านี้เจ้าคงกินไม่เป็นแน่ หากยังไม่ได้กินมา ข้าจะให้ทางห้องครัวทำให้เจ้าใหม่ เจ้าชอบกินอะไรก็บอกข้ามาได้เลย”นางสีหน้าแช่มชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงนั้นยิ่งอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ท่าทางอย่างนายหญิงเจ้าของบ้าง นางพูดเช่นนี้ทำให้ซูถิงหว่านเหมือนกลายเป็นคนนอกคนหนึ่งซูถิงหว่านก้มศีรษะลง น้ำเสียงก็ทั้งอ่อนหวานทั้งออดอ้อน “หม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 290  

    คอยกระทั่งอ้าวเสวี่ยออกไปแล้ว รอยยิ้มบนมุมปากของเจียงเฟิ่งหัวค่อย ๆ จางหายไป แววตาของนางคมกริบดุจเหยี่ยว ในมือกำกริชเล่มหนึ่งเอาไว้ ข้อมือหมุนอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ ด้ามมีดวาววับดุจแสงอสนีบาตฟาดลงมากลางความมืดยามราตรี ทำให้ผู้คนลายตา ดึกเพียงนี้แล้วเซี่ยซางยังไม่กลับมาอีก นางเองก็นอนไม่หลับ นางเดาว่า อีกไม่นานซูถิงหว่านคงใกล้จะได้กลับจวนอ๋องแล้ว ถึงขั้นอาจจะได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากเซี่ยซางใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย นางพยายามมาแล้วหนึ่งปี เพื่อให้เขาพึงใจตนเอง สุดท้ายก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจทหารของสกุลซู ดังนั้นหากคิดว่าบุรุษพึ่งพาได้ แม่หมูก็คงปีนต้นไม้ได้แล้วเหมือนกัน หลังจากนี้อ้าวเสวี่ยจะต้องคอยติดตามรับใช้นาง หากต่อหน้าอ้าวเสวี่ยไม่แสดงฝีมือออกไปบ้าง เกรงว่าจะทำให้นางลำบากในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ในภายหลังได้ แทนที่จะกลัวหน้ากลัวหลังทำตัวเป็นแจกันใส่บุปผาตั้งนิ่งอยู่เฉย ๆ ไม่สู้ตัดสินใจเป็นพระชายาเหิงอ๋องที่กล้าหาญดีกว่า ดูว่าอ้าวเสวี่ยจะเลือกอย่างไร หากว่าอ้าวเสวี่ยนำทุกเรื่องไปรายงานต่อเซี่ยซางทั้งหมด นางก็ไม่จำเป็นต้องให้อ้าวเสวี่ยคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายอีก

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 289  

    กว่าเจียงเฟิ่งหัวจะกลับถึงจวนอ๋องท้องฟ้าก็มืดแล้ว นางเหนื่อยมาทั้งวัน รู้สึกอ่อนล้าเต็มที ล้างหน้าสางผมลวก ๆ ก็เอนกายนอนบนตั่งนุ่มเพื่อหลับตาพักผ่อน เซี่ยซางไม่ได้กลับมาพร้อมกับนาง เขาคงจะทราบเรื่องที่เกิดในจวนสกุลจางวันนี้แล้วกระมัง! ซูเซวี่ยนกลับมาถึงเมืองหลวงก็ไปพบเขาทันที ดูเหมือนว่าเซี่ยซางคงติดต่อกับสกุลซูมาได้สักระยะใหญ่แล้ว ในตอนนี้เอง อ้าวเสวี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้านาง “พระชายา ท่านกำลังงีบหลับอยู่หรือเพคะ?” “อืม” เจียงเฟิ่งหัวใช้เสียงนาสิกตอบกลับ นางไม่ได้หลับลึก เพียงแต่หลับตาลงแล้วก็ไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วก็เท่านั้น หลังจากตั้งครรภ์นับวันนางก็ยิ่งขี้เซา จิตใจอ่อนเพลียไม่ฮึกเหิม เพียงอยากปล่อยวางเส้นประสาทที่ตึงเครียดแล้วกลับมาเป็นตนเองก็พอ นางอยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย นัยน์ตาคู่สวยชำเลืองมอง พวงแก้มสีผลท้อเจือด้วยรอยยิ้ม กลิ่นอายอ่อนโยนดุจกล้วยไม้ งามล้ำเหนือสรรพสิ่ง อบอุ่นอ่อนโยนเกินพรรณนา อ้าวเสวี่ยรู้สึกมึนงง ในเมื่อหลับไปแล้วเหตุใดยังได้ยินนางพูด หลายเดือนที่นางเข้ามาในจวนอ๋อง พระชายาเหิงอ๋องไม่เคยมองนางเป็นบ่าวรับใช้แม้เพียงสักครั้ง ความสุขสงบสบายใจแบบนั้นเป็นส

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 288  

    นางมิได้ลงมือสังหารจีเฉินในจวนสกุลจาง เป็นเพราะไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้สกุลจาง หากว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นเรื่องจะกลายเป็นอีกแบบทันที เจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางล่วงเกินท่านเจ้ากรมกลาโหมอย่างเด็ดขาด วันนี้ทำให้หลี่เฉิงเสียเปรียบ ก็นับว่าสั่งสอนบทเรียนหนึ่งให้เขา นางไม่ได้ปรากฏหน้า ชิวจวี๋ก็หนีไปแล้ว สกุลหลี่หาทางทำอะไรนางไม่ได้ มีเพียงคนอย่างจีเฉินเท่านั้นที่ชวนให้รู้สึกหวาดกลัว วันนี้คนที่ออกหน้ามาช่วยชีวิตจีเฉินไว้คือผู้ใด เจียงเฟิ่งหัวเองก็ไม่ทราบ เพราะจีเฉินในชาติก่อนมีซูถิงหว่านที่คอยให้การปกป้องสนับสนุน จนได้เลื่อนขั้นขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง ชาตินี้ ซูถิงหว่านถูกส่งไปที่อื่นแล้ว จีเฉินก็ถูกขับไล่ออกจากจวนเหิงอ๋อง ทำให้เขาต้องไปพึ่งพาสกุลซู เจียงเฟิ่งหัวลองตัดคนทั้งหมดที่เป็นไปได้ออกแล้วก็ยังคิดไม่ตกว่าจีเฉินจะยังมีความสามารถอะไรที่ดึงดูดให้คนมาโหยหา จีเฉินในชาติก่อนก็มีความเกี่ยวข้องกับสกุลซู หรือว่าคนที่ช่วยเขาไว้จะเป็นคนผู้นี้? ในตอนนี้เอง เหลียนเย่ก็วิ่งถลันเข้ามา พร้อมร้องตะโกนไม่หยุดปาก “พระชายาเพคะ” เหลียนเย่วิ่งมาจนกระหืดกระหอบ “ในที่สุดก็พบท่านเสียที ท่านอ๋องมาแล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 287  

    ฮูหยินผู้เฒ่าจางมิได้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็เพราะวันนี้เป็นวันออกเรือนของจางอวี่มั่ว ฮูหยินรองจางทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา ศักดิ์ศรีเกียรติยศของสกุลจางเองก็เสื่อมเสียเช่นกัน เจ้ากรมหลี่กล่าวขอโทษแล้วก็พาตัวหลี่เฉิงกลับทันที ทว่าจีเฉินกลับไม่มีผู้ใดสนใจเขา ทั้งหมดเป็นเพราะจีเฉินเล่นลูกไม้ ฮูหยินผู้เฒ่าจางออกคำสั่งทันใด “ตีมัน ตีจนกว่ามันจะยอมสารภาพความจริงออกมาแล้วค่อยหยุด” จีเฉินถูกมักมือมัดเท้า “พวกเจ้าจะทำร้ายข้าไม่ได้ ข้า…ข้าเป็นพี่ชายร่วมสาบานของเหิงอ๋อง” “ท่านอ๋องทรงเกียรติและสง่าผ่าเผย จะมีพี่ชายร่วมสาบานเป็นพวกต่ำช้าอัปรีย์ลักลอบทำเรื่องผิดศีลธรรมลับหลังอย่างเจ้าได้อย่างไร” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเหี้ยม “ตีมัน” ไม้กระดานฟาดลงบนตัวของจีเฉินเสียงดัง “เพียะๆ” จีเฉินคำรามด้วยโทสะออกมา “จวนกั๋วกงผู้ยิ่งใหญ่ไยจึงกล้ามองชีวิตคนเหมือนต้นหญ้า ทั้ง ๆ ที่เป็นฝีมือของเจียง…” ฮูหยินผู้เฒ่าไหนเลยจะให้โอกาสเขาพูดได้อีก ก็สั่งให้คนจัดการอุดปากเขาไว้ทันที ก่อนจะทุบตีจนเขาผิวหนังแตกเนื้อยับ ......เจียงเฟิ่งหัวได้ทราบข่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าจัดการลงโทษจีเฉินแล้ว มุมปากของนางก็

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 286  

    ตอนที่ฮูหยินรองเป็นผู้ดูแลเรือน ฮูหยินสามเคยถูกนางกดขี่รังแกไม่น้อย เรื่องในวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของคนใจดีคนไหน ปกติที่นางไม่ชอบพูดไม่ใช่เพราะนางพูดไม่เก่ง แต่เป็นเพราะไม่อยากทำให้ฮูหยินรองไม่พอใจ ทว่าตอนนี้นางย่อมต้องฉวยโอกาสเหยียบย่ำดูแคลนฮูหยินรองให้เต็มที่อยู่แล้ว ญาติคนอื่นของสกุลจางเองต่างก็มองนางเป็นเรื่องขบขัน ยามปกติฮูหยินรองก็มีกิริยาหยิ่งยโสโอหัง พูดจาก็หยาบคายไม่น่าฟัง อีกทั้งยังชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสักคนออกหน้าช่วยพูดปกป้องนาง หลี่เฉิงมองสถานการณ์ออกชัดเจน ย่อมรู้ว่าตนเองถูกใครบางคนวางแผนใส่ร้าย ก็รีบสลัดตัวจากวงล้อมของพวกบ่าวรับใช้ออกมาเตะจีเฉินไปหนึ่งที พร้อมกล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “เรื่องนี้ข้าไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่” เขาเอื้อมมือไปฉวยเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ ทว่านั่นกลับมิใช่อาภรณ์ของเขา สิ่งที่คว้ามาได้กลับเป็นเสื้อนอกของฮูหยินรอง เรียกเสียงฮาครืนจากรอบข้างขึ้นมาได้ทันที เขาตวาดด้วยเสียงกราดเกรี้ยว “มองอะไร ไสหัวออกไปให้หมด” ฮูหยินผู้เฒ่าจางจำเขาได้ “ใต้เท้าหลี่ เหตุใดจึงเป็นท่าน ท่านเข้ามาที่เรือนหลังของสกุลจางได้อย่างไร มิหนำซ้ำ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status