Share

บทที่ 7

Author: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเนิบช้าว่า “หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เล็กแล้วว่าเพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ เฉลียวฉลาดมากความสามารถมาตั้งแต่ยังเยาว์ เคยเข้าไปประลองกับบัณฑิตมากมายในสำนักศึกษาหลวงจนสร้างชื่อได้ในคราวเดียว ต่อมา เผ่าหูรวบรวมไพร่พลสามแสนมาโจมตีต้าโจว กองทัพศัตรูรุดหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ เมืองต่างๆ ของต้าโจวถูกตีแตกเมืองแล้วเมืองเล่า เหิงอ๋องในวัยเพียงสิบห้าปีนำกำลังคนสิบกว่าคนบุกเข้าค่ายทหารของศัตรูไปจับเป็นผู้นำทัพศัตรู เผ่าหูถอนทัพ ครานั้นท่านอ๋องคว้าชัยชนะมาให้ต้าโจวได้อย่างงดงาม ท่านอ๋องห้าวหาญเพียงนี้ นับว่าเป็นความชอบที่เสด็จแม่ทุ่มเทสั่งสอนมาเช่นกันเพคะ”

กล่าวถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ในอดีตของเซี่ยซาง ดวงตาเฉิงฮองเฮาทอประกายภาคภูมิใจ แต่ครั้นคิดถึงว่าบุตรชายมีความสามารถโดดเด่นปานนี้แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่ ซางเอ๋อร์ไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้เป็นเพราะผลกระทบจากตนเองทั้งสิ้น

ดวงหน้าอ่อนเยาว์ของเจียงเฟิ่งหัวฉายแววกังขา “เสด็จแม่เป็นอะไรไปเพคะ?”

“ยามนี้หัวใจทั้งดวงของซางเอ๋อร์อยู่ที่สตรีนางนั้น ข้าเองก็ปวดหัวเหมือนกัน” ฮองเฮามองเจียงเฟิ่งหัวแวบหนึ่งแล้วดึงมือนางมาตรงๆ “ดังนั้นเจ้าต้องเอาใจใส่ซางเอ๋อร์ให้มากไว้”

“หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องจะเข้าใจความหวังดีของเสด็จแม่เพคะ ในหมู่ชาวบ้านมีคำกล่าวว่าสร้างครอบครัวก่อนจึงสร้างความสำเร็จด้านหน้าที่การงาน ก่อนนี้ท่านอ๋องยังไม่แต่งงาน ความคิดอ่านจึงเอ้อระเหยไปบ้าง เสด็จพ่อไม่วางพระทัยมอบหมายภาระสำคัญให้เขาก็สามารถเข้าใจได้ บัดนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว รอจนแต่งพระชายารองซูเข้าจวน ท่านอ๋องย่อมจะหมั่นแสวงหาความก้าวหน้าเองเพคะ”

ฮองเฮาได้ยินดังนั้น อารมณ์พลันแจ่มใสขึ้นมาในบัดดล ดวงตาทอประกายวาววับ “ความคิดนี้เข้าทีนัก ให้ซางเอ๋อร์ไปขอตำแหน่งเบื้องพระพักตร์ ที่ผ่านมาฝ่าบาทไม่ยินดีให้เขารับตำแหน่งสำคัญ ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมอีก ซางเอ๋อร์แต่งงานแล้ว เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่อาจเอ้อระเหยไปวันๆ ได้อีก ฝ่าบาทไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธ”

“ตอนนี้ความจริงก็ไม่จำเป็นต้องรับตำแหน่งสำคัญเพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าว

ฮองเฮาย่นคิ้ว “วาจานี้หมายความว่าอย่างไร” ปัจจุบันยังไม่มีการแต่งตั้งรัชทายาท อ๋องแต่ละคนต่างแย่งกันสร้างผลงานแสดงความสามารถ ซางเอ๋อร์ก็ย่อมต้องสร้างความชอบถึงจะดี

“ยามนี้แผ่นดินสงบสุข ท่านอ๋องแค่ต้องอยู่ข้างกายฝ่าบาทช่วยแบ่งเบาภาระฝ่าบาทก็พอแล้วเพคะ งานน้อยใหญ่ในเซิ่งจิงมีมากมายเหลือคณานับ อาศัยความสามารถของท่านอ๋อง หม่อมฉันคิดว่าเขาจะทำได้ดีแน่นอนเพคะ ท่านอ๋องทำงานราชการได้ดี ฝ่าบาทก็ย่อมเบิกบานพระทัย”

รูม่านตาฮองเฮาเบิกกว้าง สมกับที่เป็นบุตรีราชครู มีความคิดอ่านลึกซึ้ง อยู่ใต้พระเนตรพระกรรณฮ่องเต้ดีกว่าไปรับตำแหน่งไกลๆ เป็นไหนๆ นางเอ่ยเสียงอ่อนโยน “หรวนหร่วนคิดว่าซางเอ๋อร์เหมาะกับตำแหน่งใดเล่า”

“ได้ยินว่ายามนี้เซิ่งจิงมีตำแหน่งว่างพอดี คือตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวง หม่อมฉันคิดว่าท่านอ๋องสามารถรับตำแหน่งนี้ได้เพคะ ถือเป็นการไปฝึกฝนเรียนรู้ รอให้ฝ่าบาทมอบหมายหน้าที่สำคัญให้” เจียงเฟิ่งหัวดวงตาวาววับ หาเรื่องให้เขาทำ จะได้ไม่ต้องมาพะเน้าพะนอคลอเคลียกับซูถิงหว่านอยู่ได้ทั้งวัน

ฮองเฮาได้ยินดังนั้นก็พลันผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง “ตอนที่ฝ่าบาทยังเป็นรัชทายาทก็เคยรับตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาก่อนเหมือนกัน ตำแหน่งนี้ดี ข้าจะไปขอราชโองการที่ห้องทรงพระอักษรเดี๋ยวนี้ หรวนหร่วนเจ้าอยู่เล่นในตำหนักไปก่อนนะ”

เฉิงฮองเฮาเกรงว่าตำแหน่งดีๆ นี้จะตกไปอยู่ในมือองค์ชายคนอื่นจนพลาดโอกาสนี้ไปจึงให้สี่หมัวมัวแต่งกายให้ตนเองใหม่ ทั้งสั่งให้สี่หมัวมัวตักน้ำแกงใส่ถ้วยวางลงบนถาดอาหารยกมาจากครัวเล็ก แล้วเสด็จไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้

เจียงเฟิ่งหัวรีบลุกขึ้นไปส่ง จนกระทั่งฮองเฮาเสด็จไปไกลแล้ว นางค่อยยืนหลังตรงเดินออกไปจากตำหนักหลักอย่างแช่มช้า

นางจำได้ว่าเซี่ยซางถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาทเพราะเขาจะได้สวมเกราะไปตอบโต้การรุกรานของพวกชนเผ่าอนารยชนอีกครั้งในอีกหนึ่งปีให้หลัง ศึกครั้งนั้นเซี่ยซางชนะได้งดงามยิ่งนัก หลังจากนั้นยังสร้างความชอบจากการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม แสดงออกถึงความสามารถที่โดดเด่นไม่ธรรมดา ฮ่องเต้ทรงปลาบปลื้มพระทัยยิ่ง เขาจึงถูกแต่งตั้งเป็นรัชทายาท

ทว่าในปีนี้ หลังจากเขาแต่งงานกับซูถิงหว่าน คนทั้งสองก็รักกันชื่นมื่น ความรักหวานล้ำ...

ในเวลาเดียวกัน เซี่ยซางออกจากตำหนักคุนหนิงก็ตรงไปยังสนามม้า เวลานั้น เขายังไม่รู้ว่าภรรยาของตนเองหาตำแหน่งงานที่ทั้งน่าปวดหัวและมีภาระติดพันให้ตนเองเสียแล้ว ต่อไปถึงไม่มีงานราชการ เจียงเฟิ่งหัวก็จะหางานราชการมาให้เขาอยู่ดี ทำให้เขาได้แสดงความสามารถต่อหน้าฮ่องเต้

อาชาชั้นดีสีแดงพุทราตัวหนึ่งตะบึงไปบนสนามม้า สตรีชุดแดงท่าทางองอาจบังคับบังเหียนอย่างคล่องแคล่วอยู่บนหลังม้า

เซี่ยซางกวาดสายตามองไป อยากตะโกนหยุดนางแต่เนื่องจากอยู่ไกลเกินไปนางไม่ได้ยิน เขาจึงขี่ม้าตัวหนึ่งควบตามไปหา

เซี่ยซางขี่ม้าได้เก่งกาจมาก ตอนตามไปถึงเบื้องหน้าซูถิงหว่าน เขาดึงบังเหียนจนตึงพลางอธิบายว่า “หว่านเอ๋อร์ เจ้าเลิกโกรธได้แล้ว ข้ากับเจียงเฟิ่งหัวไม่มีอะไรทั้งนั้น...”

ดวงตาซูถิงหว่านแดงเรื่อ บังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงมา “ข้าไม่ได้โกรธสักหน่อย ท่านอ๋องแต่งพระชายาก็ไปใช้ชีวิตกับพระชายาดีๆ เถอะ ข้าจะกลับบ้านแล้ว กลับจวนแม่ทัพที่อยู่ชายแดนโน่น”

เซี่ยซางร้อนใจ ทิ้งม้ากระโจนไปนั่งบนหลังม้าของซูถิงหว่าน “ยังพูดว่าไม่โกรธอีก เจ้ากลับไปแล้วข้าจะทำยังไง ราชโองการประทานสมรสของเสด็จพ่อ ข้าไม่อาจขัดขืน การแต่งงานกับนางเป็นเพียงแผนการชั่วคราวเท่านั้น คนที่ข้าชอบมีเพียงหวานหว่านคนเดียว”

ซูถิงหว่านไม่ทำปั้นปึ่งอีก สีหน้าเบิกบานขึ้นมาทันที ซุกเข้าไปในอ้อมอกของเซี่ยซาง “อาซาง ท่านกับนางไม่มีอะไรกันจริงๆ หรือ?”

“ข้าขอสาบาน...”

ซูถิงหว่านรีบปิดปากเขาไว้ “ข้าไม่ต้องการให้ท่านสาบาน ข้าแค่อยากให้ท่านรักข้าหมดทั้งหัวใจ ในใจมีข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น”

“ตกลง ข้ารับรองว่าในใจจะมีเจ้าเพียงคนเดียว” เขารับคำด้วยแววตาอ่อนโยน

“น่าเสียดายที่เสด็จแม่ของท่านไม่ชอบข้า ไม่อย่างนั้นนางคงไม่รีบร้อนสู่ขอพระชายาให้ท่านปานนี้” แววตาซูถิงหว่านเต็มไปด้วยความผิดหวัง “อาซาง ข้าเสียสละเพื่อท่านมากมายเหลือเกิน เดิมข้าจะไม่แต่งเป็นชายารองของท่านก็ยังได้ ที่บ้านข้ามีบุรุษมาสู่ขอข้ามากมาย ข้าสามารถเป็นภรรยาเอกของพวกเขา แต่ในใจข้ามีเพียงท่านเท่านั้น ข้าตัดใจแยกจากท่านไปไม่ได้”

เซี่ยซางพึงพอใจกว่าเดิม ตระกูลซูย่อมไม่ยอมให้บุตรีออกเรือนไปเป็นอนุภรรยาของผู้อื่น แต่เขารับรองว่าวันหน้าหากได้ครองบัลลังก์จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้นางอย่างแน่นอน

ตระกูลซูก็ทราบเหมือนกันว่าในบรรดาองค์ชายมากมาย โอกาสของเหิงอ๋องมีมากที่สุดแล้ว หากมิใช่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างฮองเฮากับฮ่องเต้ไม่ดีนัก ด้วยความสามารถของเหิงอ๋อง เกรงว่าฝ่าบาทคงแต่งตั้งเหิงอ๋องเป็นรัชทายาทไปนานแล้ว

กอปรกับซูกุ้ยเฟยไม่มีโอรส นางไร้วาสนากับตำแหน่งไทเฮา ตระกูลซูต้องการอยู่รอดต่อไปก็ต้องคิดหาแผนการอื่น ใครเลยจะคาดคิดว่าฮองเฮาจะสอดมือเข้ามา ทำให้หญิงอื่นคว้าตำแหน่งชายาของเหิงอ๋องไปได้

ซูถิงหว่านแสร้งเป็นขุ่นเคือง “แต่ทำไมท่านถึงกอดนางเล่า!”

“ข้าไปกอดนางตอนไหน”

“ข้าเห็นแล้ว ท่านกอดนาง” ซูถิงหว่านตัดพ้อ “นางงามหรือไม่?”

รูปโฉมล่มแคว้นล่มเมืองของเจียงเฟิ่งหัววาบเข้ามาในหัวเซี่ยซาง ร่างกายแข็งทื่อ อึ้งไปชั่วขณะ “ก็งั้นๆ แหละ!”

“นางงดงามกว่าข้าหรือไม่?”

เซี่ยซางไม่อาจตอบได้ ในใจเขาซูถิงหว่านงดงามที่สุดแล้ว ไม่เพียงแค่งดงาม เขาชอบคนผู้หนึ่งไม่ได้ดูว่านางงามหรือไม่งาม เพียงอยากชอบนางด้วยความบริสุทธิ์ใจเท่านั้น

ซูถิงหว่านเห็นเขาไม่ตอบก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างติดขัดอยู่ในใจ นางแหงนหน้าเอ่ยอย่างมั่นใจว่า “ข้าเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในทุ่งหญ้า ท่านจำไว้ ท่านแต่งงานกับสตรีที่งดงามที่สุดในทุ่งหญ้า ข้าออกเรือนให้ท่านก็คือวาสนาของท่าน”

นางกล่าวเช่นนี้คือการคุยเขื่องโดยไม่ละอาย มิน่าฮองเฮาจึงไม่โปรดนาง คนในใต้หล้าจะเย่อหยิ่งเพียงไหน แต่ผู้ใดเลยจะเย่อหยิ่งได้เกินองค์ชาย

เซี่ยซางหาได้ถือสาไม่ รู้สึกแค่ว่านางนิสัยตรงไปตรงมาไร้เล่ห์เพทุบาย เขาชอบสตรีที่มั่นใจในตนเองเช่นนี้ เขาพูด “ใช่แล้ว ดังนั้นข้าถึงได้เฝ้ารอวันที่หวานหว่านจะแต่งงานกับข้าอย่างไรเล่า”

นางโฉบขึ้นจุมพิตริมฝีปากเขา “อาซาง ท่านต้องรับปากข้าว่า ไม่ว่านางจะงามแค่ไหน ท่านก็ห้ามชอบนาง”

“ข้าไม่ชอบนาง” เขาตอบอย่างหนักแน่น

“นางก็ห้ามชอบท่านเหมือนกัน” ซูถิงหว่านกระหยิ่มยิ้มย่อง “แต่อาซางของข้าหล่อเหลาปานนี้ เป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ชอบท่าน”

ความรู้สึกที่ต่างออกไปวาบผ่านหัวใจเซี่ยซาง เจียงเฟิ่งหัวไม่ชอบเขาจริงๆ นางถึงขั้นเสนอตัวจัดแจงเรื่องมงคลให้พวกเขาด้วยซ้ำ

เขาคิดในใจ เจียงเฟิ่งหัวพูดถูกเรื่องหนึ่ง เขากับซูถิงหว่านทำแบบนี้คือการคบหากันอย่างไม่ถูกต้องตามธรรมเนียมประเพณี เกรงว่าเสด็จพ่อจะผิดหวังในตัวเขามากกว่าเดิม

ขี่ม้าสักพัก เขาพลันเอ่ยว่า “กลับกันเถอะ!”

ซูถิงหว่านลังเลเล็กน้อย “กลับไวปานนี้เชียว?” เมื่อก่อนอาซางไม่เป็นแบบนี้ หรือจะเป็นเพราะเจียงเฟิ่งหัว เขาใส่ใจนาง?

“ข้ายังต้องไปเข้าเฝ้าเสด็จพ่อ” น้ำเสียงเขาเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น มอบความกดดันที่ไม่อนุญาตให้เคลือบแคลงแก่ผู้คน
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 8

    อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 9

    เจียงเฟิ่งหัวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางจ้องมองใบหน้าของเซี่ยซางอย่างอึ้งๆ ใบหน้ายังคงเย็นชาแข็งทื่อดุจน้ำแข็ง การกระทำยิ่งหยาบกระด้าง เขาวางนางลงบนตั่งนุ่มโดยไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด “ก่อนที่หมอหลวงจะมา ข้าจะตรวจให้เจ้าก่อนว่าบาดเจ็บถึงกระดูกหรือไม่”“ท่านอ๋องทำเป็นหรือเพคะ?” ดวงตาคู่งามของเจียงเฟิ่งหัวทอประกายวาบเซี่ยซางไม่อยากอธิบายว่านั่นเป็นทักษะพื้นฐานที่คนในกองทัพต้องมี น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิอีกแล้ว เสด็จพ่อรังเกียจตนเอง ยามนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปแล้วเซี่ยซางเปิดชายกระโปรงของนางขึ้นด้วยตนเอง ถอดถุงเท้าออก เห็นเท้างามเกลี้ยงเกลาของนางแดงเถือก บริเวณข้อเท้าบวมนูน ปลายนิ้วเขากดลงเบาๆ เจียงเฟิ่งหัวก็เจ็บปวดจนน้ำตาหลั่งรินลงมาเซี่ยซางเห็นคนงามที่ดวงตาปริ่มน้ำกัดผ้าเช็ดหน้าไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาตรงหน้าก็พูดว่า “เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาแล้วก็จะดีขึ้นบ้าง”เจียงเฟิ่งหัวน้ำตาไหลไม่หยุด ดวงตาปิดแน่น ส่ายหัวน้อยๆ เนื่องจากเจ็บปวดสุดทานทน นางถึงขั้นเริ่มกัดหลังมือของตัวเองเซี่ยซางไม่เคยเห็นสตรีที่กลัวเจ็บเพียงนี้มาก่อน เขายังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ประเดี๋ยวตอนประคบเย็นจะยิ่งเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 10

    กว่าจะประคบเสร็จไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้อเท้าของเจียงเฟิ่งหัวค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ไม่บวมมากเหมือนเดิมแล้วเจียงเฟิ่งหัวราวกับเจ็บปวดจนเจียนสลบ ซบลงในอกเขาด้วยสติเลือนราง ยามนั้นบนหน้าผากและหว่างคิ้วของนางมีหยดเหงื่อเกาะพราว ร่างกายก็เหมือนจะเหงื่อออกจนเปียกชื้น ลักษณะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวชวนให้คนสงสารลูกกระเดือกของเซี่ยซางขยับขึ้นลง หัวใจเต้นรัวแรง เจียงเฟิ่งหัวขยับยุกยิกในอ้อมอกเขาอย่างไม่ยอมอยู่นิ่ง โชคดีที่ในตำหนักมีพวกเขาเพียงสองคน มิฉะนั้นหากปล่อยให้นางกำนัลกับขันทีมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้คงได้เข้าใจผิดว่าทั้งคู่เพิ่งกระทำเรื่องที่พบพานผู้คนไม่ได้มาเป็นแน่แท้นอกตำหนัก เฉิงฮองเฮาให้หมอหลวงทิ้งยาแก้ฟกช้ำไว้ให้ก็บอกให้เขาจากไปริมฝีปากนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ทำให้คนไม่อยากเข้าไปรบกวนในตำหนักสี่หมัวมัวเอ่ยข้างหูนาง “บ่าวไม่เคยเห็นท่านอ๋องมีน้ำอดน้ำทนเพียงนี้มาก่อนเลยเพคะ ถ้าพระชายาได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องก็เป็นการช่วยคลายความกังวลให้ฮองเฮาได้พอดี บุตรีสกุลซูผู้นั้น...”“ซางเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาไม่มีทางทอดทิ้งซูถิงหว่านเพื่อเจียงเฟิ่งหัว ตอนนี้คงต้องดูว่าซางเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 11

    ชาติก่อน ซูถิงหว่านจงใจเลือกวันแต่งเข้าจวนอ๋องให้ตรงกับวันที่นางกลับจวน ชาตินี้ในเมื่อฮองเฮาให้สิทธิ์ขาดกับนาง เช่นนั้นนางจะให้อีกฝ่ายค่อยๆ รอเจียงเฟิ่งหัวเขียนฤกษ์งามยามดีลงบนกระดาษด้วยตัวเอง จากนั้นเอ่ยกับเหลียนเย่ “นำสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านอ๋อง ถามเขาว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่พอใจ เชิญท่านอ๋องมาเลือกฤกษ์ดียามอื่นได้เลย”“เพคะ” เหลียนเย่หันมองแวบหนึ่ง “กำหนดให้เป็นอีกห้าวันให้หลังหรือเพคะ? วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนสาม ห้าวันให้หลังคือวันที่ยี่สิบแปดเดือนสาม”เหลียนเย่พูดต่อไป “เหตุใดพระชายาปล่อยให้หญิงผู้นั้นแต่งเข้าจวนเร็วขนาดนี้ หากนางแต่งเข้าจวนจริง พระชายามิหมดโอกาสหรือเพคะ?”“ห้าวันจากนี้เป็นเพียงวันที่ที่ข้าเสนอเท่านั้น อีกไม่นานท่านอ๋องจะมีงานราชการต้องทำ นางไม่ได้เข้าจวนเร็วขนาดนั้นหรอก” เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเสียงเรียบหงซิ่วและเหลียนเย่รู้สึกมึนงง ท่านอ๋องโปรดสตรีผู้นั้นมาก แทบอยากจะแต่งซูถิงหว่านเข้าจวนทันที จะปฏิเสธแต่งชายารองเข้าจวนในอีกห้าวันได้อย่างไรเหลียนเย่มาถึงห้องหนังสือ จากนั้นนำคำพูดของเจียงเฟิ่งหัวแจ้งแก่เซี่ยซางอย่างละเอียดถี่ถ้วนสีหน้าเซี่ยซางเย็นชาเล็กน้

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 12

    ความงามของเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้งามเพราะความผอม แต่งามเพราะมีทรวดทรงองค์เอว จุดไหนควรเล็กก็เล็ก จุดไหนควรเต่งตึงก็เต่งตึง งามอย่างไร้ที่ติคืนนี้นางสวมกางเกงซับในบางเบาและชุดชั้นในปักลายดอกท้อ ผมยาวดำขลับถูกมวยเอาไว้กลางกระหม่อม เผยให้เห็นลำคอระหงพอดีจังหวะนั้น เซี่ยซางที่ดื่มจนเมามายบุกเข้าไปในห้องของนาง เขาเดินอ้อมฉากกั้นโดยมิสนใจสิ่งใด ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาฉายแววลนลานเล็กน้อย กระนั้นกลับมิอาจละสายตาจากนางตรงหน้าได้ สตรีเบื้องหน้างดงามจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจเจียงเฟิ่งหัวสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบดึงผ้าห่มผืนบางปิดบังร่างกาย ทว่านางดึงมาปิดก็เหมือนไม่ปิด พร้อมกัดริมฝีปากแดง แสร้งทำโกรธเคือง “ท่านอ๋อง เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูเพคะ?”ความคิดของเขาถูกเสียงตำหนิของนางดึงกลับมา นิ้วมือของเขาชี้ไปที่ป้ายด้านนอก แล้วชี้ไปที่เตียงและเครื่องใช้ภายในห้อง “ที่นี่คือหอหล่านเยว่ เป็นห้องนอนของข้า พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งของของข้า ข้าเข้ามาห้องนอนตัวเองทำไมต้องเคาะประตู เจ้า เจ้า เจ้า อึก...หลีกไป”ระหว่างที่พูด เขาทำท่าจะขึ้นไปบนเตียงต่อมาเซี่ยซางโผเข้าหานาง นางเองไม่คิดจะหลบหลีก วินาทีต่อมา ภายในอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้น เจียงเฟิ่งหัวตื่นมาพบว่าตัวนางอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยซางอีกแล้ว เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่นางใช้ผงหอมกับเขา มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น ซูถิงหว่าน ชาตินี้เจ้าค่อยๆ รอไปเถอะ!ขณะที่นางเตรียมยื่นมือไปลูบสันจมูกเขา จู่ๆ เซี่ยซางขยับเหมือนคนกำลังจะตื่นนอน นางจึงรีบหลับตาลงแสร้งทำเป็นนอนหลับสนิทเซี่ยซางพลิกตัวกะทันหัน แล้วยกขาข้างหนึ่งไปก่ายบนขาของเจียงเฟิ่งหัว ไปโดนข้อเท้านางพอดีเจียงเฟิ่งหัวลองดันตัวเขา แต่ดันไม่ไหว นางจึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ท่านทับโดนขาของหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันปวดเหลือเกิน ท่านปล่อยหม่อมฉันสิ หม่อมฉันไม่ใช่คุณหนูซูนะ ท่านดูให้ชัดสิ ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บ”เซี่ยซางถูกเสียงตำหนิของนางปลุกจนตื่น ครั้นลืมตามองเห็นผู้ที่อยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวผุดภาพที่เขาบุกเข้ามาในห้องเมื่อคืน เขารู้สึกเพียงปวดหัวจนแทบระเบิด อย่างไรก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเขาโผเข้าหาเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าตัวเองถูกถอด อีกทั้งสองคนยังดูคลุมเครือ เขารีบดันนางออกห่างทันทีทันใดนั้น มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังเข้าหู เขาจึงหันมองด้านข้าง เห็นเพียงร่างบอบบางของหญิงสาวขดตัวอยู่อ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 14

    เซี่ยซางพยักหน้าอย่างหน้ามืดตามัว “ข้าจะกลับไปพร้อมเจ้า”เจียงเฟิ่งหัวรีบทำท่าเอาใจ นางย่อตัวให้เขา “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”จากนั้นนางหันไปตะโกนใส่ด้านนอก “หงซิ่ว เหลียนเย่ สวีหมัวหมัว เตรียมอาหารเช้าเพิ่มอีกหนึ่งชุด ไปตักน้ำมาเตรียมแต่งตัว วันนี้พวกเราจะกลับจวนตระกูลเจียง ข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่เหลือเกิน”เมื่อเอ่ยถึงกลับตระกูลเจียงและบิดามารดาของนาง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสุกใสแวววาว กลิ่นอายรอบข้างแสดงให้รู้ว่านางมีความสุข ดีใจจนเหมือนนกน้อยในป่าใหญ่เมื่อสิ้นเสียงของนาง พวกสาวใช้ก็กรูกันเข้ามา เจียงเฟิ่งหัวเห็นตัวเองสวมเพียงชุดชั้นในและกางเกงซับใน จึงรู้สึกเขินอายทันที นางหันมองเซี่ยซางแวบหนึ่งก่อนจะหลบไปหลังฉากกั้น “เชิญท่านอ๋องล้างหน้าแต่งตัวก่อน หม่อมฉันจะรีบไป”เห็นเพียงผมยาวจรดเอวของนางดั่งม่านน้ำ ร่างอรชรอ้อนแอ้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามไร้ที่ติเซี่ยซางมองดูจนตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงนางจึงรู้สึกตัวจนหน้าแดงเถือก ขณะนี้สวีหมัวมัวเดินเข้ามาหา ในมือสาวใช้มีเสื้อผ้าหลายชุด นางกล่าว “ท่านอ๋อง วันนี้จะสวมชุดใดเพคะ”เซี่ยซางชี้นิ้ว เลือกชุดตัวยาวสีน้ำเงินค

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 15

    ข่าวที่ท่านอ๋องจะกลับจวนเป็นเพื่อนพระชายาแพร่สะพัดไปทั้งจวน พ่อบ้านเฉิงรีบไปเลือกของขวัญที่จะนำกลับไปในห้องเก็บสมบัติเซี่ยซางหันมองแวบหนึ่ง หันไปถามเฉิงจง “พวกนี้จะส่งไปที่จวนตระกูลเจียงหรือ?”เฉิงจงตอบ “เรียนท่านอ๋อง ใช่ขอรับ”เซี่ยซางขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยขึ้นอีก “พิธีกลับจวนสำคัญมากหรือ? ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่หรือไม่?”“พิธีกลับจวนเป็นพิธีการสุดท้ายในการแต่งงาน มิใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะฝ่ายหญิงจะให้ความสำคัญมาก ส่วนจะสำคัญอย่างไรนั้นเพียงไม่กี่ประโยคคงพูดไม่ชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรลูกเขยพาภรรยากลับไปคารวะพ่อตาแม่ยายพร้อมของกำนัล ถือเป็นธรรมเนียม พิธีกลับจวนทำได้ดีหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวแต่งกับคนดีหรือไม่ ได้รับความสำคัญจากลูกเขยหรือไม่ คนทั่วไปให้ความสำคัญมาก ยิ่งครอบครัวร่ำรวยยิ่งจัดให้สมฐานะ ทว่าท่านอ๋องฐานะสูงส่ง ย่อมไม่ต้องคารวะราชครู ท่านอ๋องกลับไปถือเป็นวาสนาของตระกูลนั้น...” พ่อบ้านเฉิงพูดไม่หยุดเซี่ยซางครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นกวาดมองสิ่งที่พ่อบ้านเฉิงเตรียมไว้ “ไปเอาของมาจากห้องเก็บสมบัติอีก”เดิมทีเฉิงจงเลือกมาไม่กี่อย่าง เพื่อทำตามพิธีเท่านั้น ว่ากันตามฐานะของพระชายาไ

Latest chapter

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 370

    “เพคะ สะใภ้รับบัญชา”จากนั้น เจียงเฟิ่งหัวก็วางหมากลงไปตัวหนึ่ง “เสด็จพ่อ ทรงแพ้แล้วเพคะ”ฮ่องเต้เหลือบมองกระดานหมากคราหนึ่ง เริ่มจากความตกตะลึง ตามด้วยสีหน้ามืดครึ้มที่มองไม่ออก จากนั้นก็ทรงหัวเราะออกมาว่า “ดูเหมือนเราไม่อาจไม่ตกรางวัลนี้แล้ว มาเล่นอีกตา หากเจ้าชนะเราอีก เราก็จะมอบรางวัลให้อีกครั้ง”เจียงเฟิ่งหัวเก็บหมากบนกระดานขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ไร้ความลนลาน “ลูกก็ชนะมาได้อย่างหวุดหวิดเพคะ ต้องเป็นเพราะเมื่อครู่เสด็จพ่อทรงฟังลูกพูดเพลิน จึงได้ออมมือให้ลูกแน่เลยเพคะ”“เจ้าคงไม่รู้สินะ หลายวันมานี้เรามีราชโองการเรียกตัวบิดาของเจ้าเข้าวังมาเดินหมากเป็นเพื่อนเราทุกวัน เขากลับไม่เคยชนะเราเลยสักตา ช่างน่าเบื่อนัก แต่เขาบอกว่าบุตรสาวของเขาเป็นยอดฝีมือในการเดินหมาก เรายังคิดว่าเขาพูดเกินจริงเสียอีก แต่วันนี้ หลังได้เดินหมากไปกระดานหนึ่งเราก็เชื่อแล้ว”“ท่านพ่อก็เหมือนยายหวังขายแตง ที่ชอบขายเองชมเองเพคะ ต่อให้บุตรสาวของท่านจะทำสิ่งใดไม่เป็นเลย ท่านก็รู้สึกว่าดีอยู่ดีเพคะ”“ยังถ่อมตัวเข้าเสียแล้ว เมื่อมาเป็นลูกสะใภ้ของราชวงศ์เรา แค่การถ่อมตนอย่างเดียวไม่พอหรอกนะ ในอนาคตยังต้องช่วยซางเอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 369

    เมื่อเจียงเฟิ่งหัวกลับวังก็ถูกฮ่องเต้เรียนตัวไปที่ห้องทรงอักษร หลังนางรายงานเรื่องภารกิจที่ฮ่องเต้มอบหมายให้นาง ก็วางแผนจะกลับตำหนักคุนหนิงไปคารวะฮองเฮาแต่จู่ๆ ฮ่องเต้ก็ตรัสขึ้นมาว่า “ได้ยินว่าพระชายาของเหิงอ๋องชำนาญการวางหมาก เราอยากหาคนมาเล่นด้วยสักตาพอดี ว่าอย่างไร จะอยู่เล่นเป็นเพื่อนเราสักตาหรือไม่”เจียงเฟิ่งหัวคารวะลงรอบหนึ่งด้วยมารยาที่พอเหมาะ ไม่ถ่อมตัวไม่เย่อหยิ่ง แล้วกล่าวอย่างเคารพว่า “เคารพมิสู้เชื่อฟัง สะใภ้ย่อมทำตามพระบัญชาของเสด็จพ่อเพคะ แต่หากเสด็จพ่อทรงเป็นฝ่ายปราชัย ลูกจะขอรางวัลจากเสด็จพ่อสักอย่างได้ไหมเพคะ”ฮ่องเต้ตรัสว่า “อยากได้อะไรก็พูดมาได้เลย หากเจ้าเอาชนะข้าได้ ก็ถือเป็นรางวัลที่เจ้ามีผลงานใดการทำคดี แต่หากพ่ายแพ้ รางวัลก็จะไม่มีแล้วนะ”เจียงเฟิ่งหัวแอบคิดว่า “ฮ่องเต้ยังคงเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบ ถึงกับเอารางวัลของนางมาใช้เดิมพันหมาก หากนางชนะหมากควรนับเป็นรางวัลพิเศษไม่ใช่หรือ!”“เพคะ” นางตอบอย่างว่าง่ายเพราะในท้องของเจียงเฟิ่งหัวมีเด็กอยู่ เพื่อดูแลเด็กในท้องของนาง จึงให้หัวหน้าขันทีเฉายกโต๊ะที่สูงขึ้นเล็กน้อยเข้ามาตัวหนึ่งมาใช้แก้ขัด และยังเตรียม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 368

    คนทั้งสองเท้าสะเอวหัวเราะขึ้นมา “คนที่คิดจะช่วยคุณหนูหลินของเราไถ่ตัวมีเต็มไปหมด ท่านต่อแถวไม่ทันหรอก อีกอย่าง ท่านก็ไม่มีคุณสมบัตินั้นด้วย อย่าได้เพ้อฝันอีกเลย” คุณหนูหลินไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั่วทั้งหออี๋ชุนล้วนอยู่ใต้การตัดสินใจของนาง ไม่จำเป็นต้องไถ่ตัวเพราะนางไม่มีสัญญาขายตัว“ข้าจะต้องแต่งนางเป็นภรรยาให้ได้ พวกเจ้ารอก่อนเถอะ” กัวเซี่ยวตัดสินใจเด็ดขาดแล้วว่าจะแต่งกับหลินอวี่ให้ได้ในบรรดาเหล่าคุณชายตระกูลใหญ่ กัวเซี่ยวก็พอมีชื่อเสียงอยู่บ้าง เขาหน้าตาไม่เลว ชาติตระกูลก็ไม่เลว เขาจึงคิดว่าหลินอวี่ไม่มีทางปฏิเสธแน่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น จื่อฮุ่ยจึงเอ่ยบ้างว่า “หากคิดจะแต่งกับคุณหนูของข้า นอกเสียจากว่าท่านจะเป็นจอหงวน นั่นอาจพอมีโอกาสบ้าง ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้เสียเวลาอีกเลย”กัวเซี่ยวตะลึงงันไปแล้ว ที่เขาไม่ชอบที่สุดก็คือการอ่านตำรานี่แหละเห็นเขายังคงไม่ยอมจากไปอีก พวกนางก็ไม่อยากเปลืองน้ำลายกับเขาแล้ว จึงตีกัวเซี่ยวจนสลบแล้วโยนเขาออกไปนอกหออี๋ชุนเสียเลย “ช่างน่ารำคาญเหลือเกิน คนที่อยากแต่งงานกับคุณหนูของข้าตอนนี้ต่อแถวไปถึงนอกประตูเมืองนู่นแล้ว ค่อยๆ ไปต่อแถวเถอะ” พวกนางย่อมไม่เห็น

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 367

    “แม่นางหลิน เจ้าดื่มช้าๆ หน่อย” กัวเซี่ยวไม่เหลือท่าทางเสเพลไร้ความสำรวมในอดีตอีก เขาเอ่ยห้ามปรามว่า “แม่นางหลิน เจ้าอารมณ์ไม่ดีหรือ!”“ผู้ใดบอกว่าข้าอารมณ์ไม่ดีกัน” หลินอวี่กล่าวต่อว่า “สุรานี้เจ้าเป็นคนออกเงินซื้อ ท่านจะดื่มไม่ดื่ม?” กัวเซี่ยวรีบเทเหล้าออกมาอีกจอกแล้วดื่มลงไปจนหมดในอึกเดียว “ข้าดื่ม” ไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้ดื่มสุรากับนาง แน่นอนว่าต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้มั่นสุราผ่านไปสามรอบ กัวเซี่ยวก็ดื่มจนหน้าแดงก่ำแล้ว แม้แต่นั่งก็นั่งไม่มั่น “ดื่มอีก ข้ายังดื่มได้…ดื่ม…แม่นาง…แม่นางหลิน เจ้าช่างงามนัก”สีหน้าของหลินอวี่ยิ่งเปล่งปลั่งแดงระเรื่อ จู่ๆ นิ้วเรียวงามทั้งสิบของนางก็สัมผัสลงบนแก้มของเขา คนที่อยู่เบื้องหน้าราวกับได้กลายเป็นผู้ที่อยู่ในใจนางไปแล้ว นางพึมพำว่า “คุณชายน้อย ดื่มสุราสิ”กัวเซี่ยวถูกอารมณ์รักทำให้เลอะเลือนไปแล้ว เขาคว้ามือนางไว้แล้วดึงนางเข้าสู่อ้อมกอด “แม่นางหลิน ข้าชอบเจ้า”หลินอวี่หัวเราะอย่างหยาดเยิ้ม ตั้งแต่เด็กนางก็เรียนรู้ทักษะการล่อลวงบุรุษพวกนั้นกับเจียงเฟิ่งหัว ยามนี้นำมาใช้กับกัวเซี่ยวก็เกินจะพอ อาศัยเพียงยิ้มเดียวของนางก็ทำให้กัวเซี่ยวมัวเมาลุ่มห

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 366

    ไม่รอให้ชายฉกรรจ์ตอบสนอง หลินอวี่ก็เอ่ยเสียงหนักว่า “นำสุรามา คืนนี้พี่ชายจะออกเงินครั้งละร้อยตำลึงได้มากเท่าใด ข้าก็จะดื่มเป็นเพื่อนท่านมากเท่านั้น ว่าอย่างไร?”ม่านตาของชายฉกรรจ์หดแคบลง สุราเช่นนี้พวกเขาดื่มไม่ไหวดอก ทันใดนั้น คนทั้งสองก็ห่อเหี่ยวลงทันทีหลินอวี่ลุกขึ้นมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าว่าสองท่านคงไม่ได้คิดมาดื่มสุราหาความสำราญ แต่เหมือนจะมาก่อเรื่องในหออี๋ชุนของข้ามากกว่า”“ผู้ใดบอกว่าไม่ได้มาดื่มสุรากัน” บุรุษหนึ่งในนั้นลุกขึ้นมา ชี้จมูกหลินอวี่ได้ก็ด่าออกมาทันทีว่า “หอสุราเน่าๆ อะไรของพวกเจ้ากัน เหล้าจอกละร้อยตำลึง ทำไมพวกเจ้าไม่ไปปล้นเสียเลยล่ะ”พูดจบเขาก็คิดจะเริ่มทำลายข้าวของ สุราอาหารกับจอกสุราถูกเขาพลิกโต๊ะจนล้มคว่ำหลินอวี่ทนไม่ไหวอีกต่อไป แต่ไม่ทันที่นางจะลงมือ ในเวลานั้นเอง ที่หน้าประตูก็มีบุรุษผู้หนึ่งบุกเข้ามาปกป้องอยู่เบื้องหน้าของนางอย่างสง่างามน่าเกรงขาม “ข้ามาแล้ว เป็นไอ้ลูกเต่าลูกตะพาบตัวไหนกล้ามาก่อเรื่องที่หออี๋ชุนกัน”“แม่นางหลินวางใจเถอะ มีข้าอยู่ไม่มีใครกล้ามาสร้างความวุ่นวายที่นี่แน่” ใบหน้ากัวเซี่ยวเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นหลินอวี่ถอ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 365

    หิมะตกแล้ว หิมะที่ตกหนักและปลิวไสวดุจขนห่าน ทำให้เมืองหลวงอันเรืองรองประดุจปกคลุมไปด้วยอาภรณ์สีเงิน ทัศนียภาพที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะนี้ก็ดูงดงามมีเอกลักษณ์ไปอีกแบบไม่ว่าสงครามที่ชายแดนจะรบกันหนักหน่วงเพียงใด ล้วนไม่อาจส่งผลกระทบต่อเมืองหลวง ที่ยังคงคึกคักและรุ่งเรืองเช่นเดิมเจียงเฟิ่งหัวสวมเสื้อคลุมอันหรูหราที่มีหมวกคลุมศีรษะยืนอยู่ข้างหน้าต่างพลางทอดสายตาออกไปไกล ความคิดของนางล่องลอยออกไปไกลแสนไกล แววตาที่ลึกล้ำดุจบึงน้ำอันหนาวเหน็บสาดประกายเย็นเยียบออกมาคิดไม่ถึงว่าจะจัดการกับจีเฉินได้รวดเร็วเช่นนี้ ในชาติก่อน จีเฉินเป็นแรงหนุนคนสำคัญของซูถิงหว่าน พวกเขาคนหนึ่งอยู่ในวังคนหนึ่งอยู่นอกวัง ในนอกเสริมประสาน การกำจัดเขาทิ้งในเวลานี้จึงถือเป็นการกำจัดศัตรูคู่แค้นที่สำคัญไปได้คนหนึ่ง“เจ้าต้องกลับวังอีกแล้วสินะ! ข้าจะไม่ได้เห็นเจ้าอีกหลายเดือนอีกแล้วใช่หรือไม่ หวังจริงว่า ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าตอนเจ้าคลอดลูกได้ คนอื่นล้วนบอกว่า การคลอดลูกเป็นด่านความเป็นตายของผู้หญิงที่เท้าข้างหนึ่งก้าวไปอยู่ในตำหนักมัจจุราช” หลินอวี่ยืนอยู่ข้างนาย มองตามสายตาของนางไปยังควันที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ไกลออกไป

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 364

    เนื่องจากสายสัมพันธ์กับซูฮองเฮา บัดนี้ อำนาจของซูไทเฮาจึงเหนือล้ำเฉิงฮองเฮาไปแล้วดังนั้น ฝูลู่จึงไม่กล้าล่วงเกินฮองเฮาเช่นกัน เพราะไม่ว่าอย่างไรยามอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ ตำแหน่งแห่งที่ของเขาก็ยังไม่มั่นคงนัก ขันทีผู้หนึ่งแบบเขาจะไปช่วยใครได้ เขาช่วยผู้ใดไม่ได้ทั้งนั้นยังคงยุ่งเรื่องผู้อื่นให้น้อยลงจะดีกว่า!“คืนนี้ ฝ่าบาทจะทรงพลิกป้ายของพระสนมท่านใดพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้กล่าวว่า “ไม่พลิกป้ายแล้ว ช่วงนี้ข้างานราชกิจรัดตัว ไม่ต้องจัดนางสนมมาปรนนิบัติแล้ว ตรงไปที่ห้องทรงอักษรเลยเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ” ฝูลู่กล่าว นับตั้งแต่ฮ่องเต้กลายเป็นองค์รัชทายาท มีวันใดที่ทรงไม่ยุ่งบ้าง เหล่าพระสนมในวังล้วนได้ไทเฮาดูแลทั้งนั้น ก็น่าจะทรงไปทำความรู้จักบ้างเฮ้อ! สถานที่ที่ฮ่องเต้ไปมากที่สุดยังคงเป็นตำหนักคุนหนิงของฮองเฮา ดูท่าเสียนเฟยคงไม่มีโอกาสแล้ว ยังดีที่นางมีลูกสองคนจึงยังรักษาตำแหน่งเสียนเฟยไว้ได้เมื่อจีเฉินที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเห็นฉากนี้ ในใจก็ยิ่งตื่นเต้น อย่างนั้นก็แปลว่าในอนาคตเจียงเฟิ่งหัวจะไม่ได้เป็นฮองเฮา และเซี่ยซางก็ไม่ได้ชอบนางด้วยแต่ไม่ถูกสิ!ลูกก็คลอดออกมาแล้ว เหตุใดพวกเขาสองคนจึงยังดู

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 363

    ในเวลานั้นเอง ฝูลู่ก็นำโคมดอกบัวเข้ามาอีกสองดวง “ฝ่าบาท โปรดทรงทอดพระเนตรพ่ะย่ะค่ะ นี่เป็นสิ่งที่บ่าวให้คนเก็บขึ้นมาจากทะเลสาบพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้มองโคมดอกบัว จากนั้นก็เพ่งไปที่อักษรบนนั้น ล้วนเป็นคำอวยพร แม้จะมิได้ระบุชื่อ แต่เขาจำได้ว่าเป็นลายมือของเสียนเฟย “โคมไฟสองดวงนี้เสียนเฟยเป็นคนทำอย่างนั้นหรือ?”ฝูลู่กล่าวว่า “น่าจะใช่พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงรู้สึกหรือไม่ว่าพวกมันช่างดูคุ้นเคย เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้พยายามย้อนนึก “ข้าเคยเห็นจากที่ใดมาก่อนนะ ออกจะคุ้นเคยอยู่บ้างจริงๆ โคมสองดวงนี้ทำอย่างประณีตถึงเพียงนี้ คิดไม่ถึงว่าเสียนเฟยจะมีฝีมือที่ดีเช่นนี้”“ยามนั้นฝ่าบาทยังทรงเป็นองค์รัชทายาท ทรงเคยเก็บโคมดอกบัวที่ข้างทะเลสาบได้ดวงหนึ่ง ตอนนั้นก็เพิ่งผ่านวันเกิดของฝ่าบาทมาเช่นกัน เป็นช่วงเวลานี้ของปีที่แล้วนั่นเอง ทรงจำได้หรือยังพ่ะย่ะค่ะ?” ฝูลู่กล่าวต่อ “เวลานั้นบ่าวเพิ่งมารับใช้ข้างกายฝ่าบาท ฝ่าบาททรงมีราชกิจยุ่ง ต้องทรงลืมไปแล้วแน่”“เจ้าพูดถึงโคมที่เหมือนลูกท้อดวงนั้นหรือ” เขาเหมือนจะมีความทรงจำนี้อยู่ฝูลู่กล่าวว่า “เป็นดวงนั้นเองพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงลองทอดพระเนตรดู

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 362

    เจียงเฟิ่งหัวราวกับมิได้ยิน นางยังคงกอดศพของเหลียนเย่ไว้ในเวลานั้นเอง พวกหวังมัวมัวก็เข้ามานำตัวนางไปที่เบื้องหน้าของฮ่องเต้ “พระสนมเสียนเฟยรีบขอบพระทัยเถิด ฝ่าบาทกับฮองเฮาทรงไม่เอาเรื่องที่ท่านขโมยของในวังแล้ว”แววตาของเจียงเฟิ่งหัวเย็นชาดุจน้ำแข็ง นางเงยหน้าขึ้นจ้องฮ่องเต้ ในดวงตาไม่มีร่องรอยของความรักอีกต่อไปแล้ว นางโง่เขลามานานหลายปี ทำร้ายทั้งตนเอง ทำร้ายเหลียนเย่ด้วย และยังทำร้ายสกุลเจียงอีก นางเพ้อฝันถึงความรักของฮ่องเต้ เพ้อพกว่าเขาจะเหลือบมองนางสักครั้งเพราะเห็นแก่หน้าเด็กทั้งสองลูก? ลูกของนางอยู่ที่ใด? เจียงเฟิ่งหัวคุกเข่าอยู่บนพื้น ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด ถ้าเด็กๆ เห็นจะต้องตกใจแน่ฮ่องเต้จ้องเข้าไปในดวงตาของนาง รู้สึกถึงเพียงความว่างเปล่าและหนาวสะท้าน เขาพลันนึกถึงตอนที่เขาไปเข้าหอกับนางที่ตำหนักเฉินซี ในดวงตาของนางนอกจากความรักแล้ว ยังมีการวิงวอน นางวิงวอนให้เขารักนางเมตตานาง เขารังเกียจสตรีเช่นนั้น“เสียนเฟย ยังไม่รีบของพระทัยอีก” ฮ่องเต้กล่าวอย่างเย็นชามุมปากของเจียงเฟิ่งหัวยกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยันที่ยากสังเกต นางทำความเคารพอย่างนอบน้อม หมอบราบอยู่บนพื้น “หม่อม

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status