แชร์

บทที่ 8

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-24 15:40:03
อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”

ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”

ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”

สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”

ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็นเพราะฮ่องเต้ไม่โปรดนางจึงพลอยทำให้บุตรชายไม่ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้

ฮ่องเต้ขมวดคิ้วมุ่น ตวาดเสียงลั่นโถงตำหนักจนหูแทบดับ “เจ้าพูดพอหรือยัง เป็นถึงฮองเฮา ไร้การอบรมสิ้นดี ฮองเฮามีพฤติกรรมเช่นนี้งั้นรึ...”

ฮองเฮาถูกขึ้นเสียงใส่จนร่างสั่นเทิ้ม นางไม่ได้หวาดกลัวแต่เป็นเพราะคำพูดบาดหูแต่ละคำของฮ่องเต้ประหนึ่งใบมีดคมกริบเชือดเฉือนหัวใจนาง เจ็บปวดจนนางหลั่งเลือด นางถูกเขารังเกียจถึงขั้นนี้เชียวหรือ?

เสียง ‘ปัง’ ดังขึ้น ประตูห้องทรงพระอักษรถูกคนผลักเข้ามา เซี่ยซางยืนอยู่นอกประตูด้วยสีหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็ง จ้องมองฮ่องเต้ตรงโต๊ะทรงอักษรนิ่งๆ

ฮองเฮาหันหน้ามาโดยไม่นำพาต่อความเจ็บปวดและธรรมเนียมมารยาท รีบเอ่ยว่า “ซางเอ๋อร์ ยังไม่รีบคารวะเสด็จพ่อของเจ้าอีก”

เซี่ยซางกลบเกลื่อนความเย็นชาในแววตา สาวเท้าเข้าไปข้างใน แต่ละย่างก้าวของเขาสุขุมหนักแน่น จนกระทั่งคุกเข่าลงเบื้องพระพักตร์ฮ่องเต้จึงประสานมือกล่าวอย่างเคารพว่า “ลูกคารวะเสด็จพ่อ”

แววตาเย็นชาของฮ่องเต้จ้องมองเขา น้ำเสียงปราศจากความรู้สึกแม้แต่น้อย “ลุกขึ้นมาเถอะ!”

“ขอบพระทัยเสด็จพ่อพ่ะย่ะค่ะ” เซี่ยซางยังคงเคารพเหมือนที่ผ่านมา

ฮ่องเต้เพิ่งทะเลาะกับฮองเฮา เขากล่าวอย่างเป็นธรรมชาติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นว่า “เสด็จแม่ของเจ้ามาขอตำแหน่งให้เจ้า ยามนี้ตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงกำลังว่างอยู่พอดี ถ้าเจ้าไม่รับตำแหน่งนี้ เราก็จะจัดแจงให้คนอื่น...” นี่คงคิดว่าเขาจะปฏิเสธจึงกล่าวเช่นนี้

“ลูกจะไม่ทำให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ผิดหวังแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ขอบพระทัยเสด็จพ่อ” เซี่ยซางประสานมือ นิ้วที่เห็นข้อชัดเจนของเขากำแน่นเป็นหมัด ออกแรงหนักจนราวกับสามารถมองเห็นกระดูกขาว

ฮ่องเต้ก็เด็ดขาดรวดเร็ว ร่างราชโองการแต่งตั้งเหิงอ๋องเป็นผู้ดูแลเขตเมืองหลวงในทันที

ฮองเฮาลอบยินดี แต่กลับไม่กล้าแสดงออก ฮ่องเต้คร้านจะเหลือบสายตามองคนทั้งสอง เอ่ยเสียงต่ำว่า “กลับไปเถอะ!”

“เสด็จพ่อ” เซี่ยซางเอ่ยขึ้นมาอีก

“มีเรื่องใดหรือ”

“ลูกกับบุตรีแม่ทัพซูซูถิงหว่านมีใจตรงกัน ลูกอยากขอราชโองการจากเสด็จพ่อ ลูกต้องการสู่ขอบุตรีแม่ทัพซูเป็นชายารองพ่ะย่ะค่ะ”

สิ้นวาจานั้น แววตาฮ่องเต้ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาจับจ้องเขาแน่วนิ่ง ตระกูลซูยินดีให้บุตรีออกเรือนเป็นอนุภรรยาของเหิงอ๋อง เห็นทีตระกูลซูคงคาดหวังกับเหิงอ๋องไว้มากสินะ!

ฮองเฮาตกใจจนหัวใจแทบกระดอนออกมา จนป่านนี้แล้ว เหตุใดเขาจึงยังอยากแต่งงานกับสตรีนางนั้นอีก?

แววตาฮ่องเต้มืดครึ้มไม่ชัดเจน ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ให้เสด็จแม่ของเจ้าจัดการเถอะ”

เขาหันไปถามเฉิงฮองเฮา “ฮองเฮาคิดเห็นอย่างไร?”

เฉิงฮองเฮากลอกตา “ซางเอ๋อร์แต่งชายาเอกแล้ว จะรับคนเข้าจวนหรือไม่ก็ควรยกให้ชายาเอกตัดสินใจ”

ริมฝีปากฮ่องเต้โค้งขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้นตกลงตามนี้ก็แล้วกัน!”

ฮ่องเต้ก็คิดไว้แล้วเช่นกัน ไม่มีราชโองการพระราชทานสมรสจากฮ่องเต้ ตระกูลซูจะต้องไม่ยินดีให้เหิงอ๋องรับบุตรีเป็นอนุภรรยาเป็นแน่แท้

“ลูกทูลลา” เซี่ยซางกำหมัดแน่น

เดิมเขาต้องการเรียกร้องเกียรติให้ซูถิงหว่าน คิดไม่ถึงว่าจะได้ในสิ่งตรงกันข้าม สุดท้ายอำนาจตัดสินใจกลับตกไปอยู่ในมือเจียงเฟิ่งหัว

-

หลังเฉิงฮองเฮาจากไปแล้ว เจียงเฟิ่งหัวอยู่ในตำหนักรู้สึกเบื่อๆ จึงให้นางกำนัลไปเดินเล่นเป็นเพื่อนที่สวนบุปผชาติ ยามนั้นเป็นช่วงที่มวลบุปผาเบ่งบานพอดี ดอกไม้ทั้งสวนประชันความงาม บานสะพรั่งอย่างงดงามหยดย้อย รอยยิ้มบางประดับอยู่บนใบหน้านาง สมกับเป็นที่ประทับของฮองเฮาจริงๆ สง่างามไม่ธรรมดา

อากาศค่อนข้างร้อน เจียงเฟิ่งหัวให้นางกำนัลหาพัดมาให้นางเล่มหนึ่ง พัดกลมขลิบทองปักลายสาวน้อยไล่จับผีเสื้อ สาวน้อยเรือนร่างอรชร ร่างกายที่หมุนคว้างแลดูราวกับกำลังร่ายรำ

ในบรรยากาศเช่นนี้ทิวทัศน์เช่นนี้ เจียงเฟิ่งหัวพลันนึกอยากร่ายรำที่นี่ขึ้นมา ริมฝีปากสีชาดของนางเผยอขึ้น เริ่มต้นครวญเพลง “อาภรณ์แดงพลิ้วสะบัดย่างเท้าก่อเกิดบุปผชาติ ประทินโฉมงามพริ้งสะท้อนสีชาด สวมชุดเจ้าสาวอาภรณ์สุวรรณ แต่งงานกับท่านด้วยใจปีติยินดี...”

เสียงเพลงอันไพเราะดึงดูดความสนใจของนางกำนัลและขันทีในตำหนักคุนหนิง ใบหน้าทุกคนเผยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความตกตะลึงในเสียงร้องอันแสนไพเราะและท่วงทีร่ายรำอันน่าหลงใหลของพระชายาเหิงอ๋อง

เห็นนางขยับปลายเท้างดงาม ท่วงทีอ่อนช้อย ประหนึ่งต้นหลิวพัดพลิ้วกลางลมวสันต์ แววตาของนางลึกซึ้งคลุมเครือ เสียงเพลง ‘พักตร์ชาด’ ดังขึ้น แววตาประหนึ่งแฝงถ้อยคำนับพัน จมจ่อมอยู่ในโลกของตัวเอง

พัดกลมในมือนางดูเหมือนศัตราวุธของนางมากกว่า สวนบุปผชาติขนาดย่อมประหนึ่งกลายเป็นเวทีรบของนาง นิ้วมือทั้งสิบของนางเรียวงาม สองแขนแกว่งไกว มีชีวิตชีวาทั้งอ่อนช้อยไร้กระดูก บางครั้งนางหมุนตัว บางคราก้าวกระโดด ชายชุดสีม่วงลอยคว้าง ดูราวกับดอกโบตั๋นสีม่วงที่บานสะพรั่ง งดงามบาดจิต ชวนให้ผู้คนลุ่มหลงมึนเมา

ผู้คนรอบข้างราวกับถูกการร่ายรำของนางชักจูงจิตใจ ท่าทีจึงเปลี่ยนเป็นกระตือรือร้นและตื่นเต้นขึ้นมา

การยักคิ้วแต่ละครั้งรอยยิ้มแต่ละคราของเจียงเฟิ่งหัวสะท้อนเสน่ห์และความเอียงอายออกมาจนสิ้น สอดรับกับสภาพจิตใจยามเพิ่งแต่งงานของนางได้อย่างพอดิบพอดี

ตอนที่เซี่ยซางกลับถึงตำหนักคุนหนิงก็ได้เห็นการร่ายรำอันงดงามและเสียงร้องเพลงแสนไพเราะของเจียงเฟิ่งหัวพอดี ความอึดอัดคับข้องใจของเขาราวกับอันตรธานไปในชั่วพริบตา รอยยิ้มบนใบหน้านางราวกับสามารถหลอมละลายสิ้นความเย็นเยียบบนโลกนี้

ยามนี้เขาจึงตระหนักว่า ที่แท้เจียงเฟิ่งหัวก็พกพาความหวังอันงดงามมาแต่งงานกับเขา นางคาดหวังว่าจะได้ใช้ชั่วชีวิตกับสามีของตนเองอย่างมีความสุข

เฉิงฮองเฮาโทสะคับข้องกลับมาช้ากว่าเซี่ยซางก้าวหนึ่ง นางยิ่งไม่มีอารมณ์ไปชื่นชมการร่ายรำและเสียงเพลง ทันใดนั้นเห็นว่าผู้คนมากมายล้อมอยู่ในสวนบุปผชาติ ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงตวาดด้วยโทสะว่า “ล้อมอยู่ตรงนี้ทำอะไร?”

ฉับพลันนั้น นางกำนัลและขันทีที่มาล้อมดูก็แยกย้ายสลายตัว เสียงในสวนบุปผชาติหยุดชะงัก เจียงเฟิ่งหัวตวัดสายตาขึ้นเห็นเซี่ยซางกับเฉิงฮองเฮามาถึง นางตกใจจนดวงหน้างามเผือดสีสะดุดล้มด้วยความลนลาน ตามด้วยเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ทั้งร่างอ่อนแรงวูบ

เฉิงฮองเฮาเดินเข้ามาถาม “เมื่อครู่พวกเจ้าทำอะไรกัน?”

เจียงเฟิ่งหัวทอดสายตาลงล่าง ตอบอย่างอ่อนแอว่า “เสด็จแม่โปรดระงับโทสะ หม่อมฉันเห็นว่าสวนบุปผชาติงดงามน่าหลงใหลนักจึงเต้นรำในสวนอย่างอดใจไม่อยู่ แล้วสะดุดล้มเพราะไม่ทันระวังเพคะ”

เฉิงฮองเฮาถูกฮ่องเต้กริ้วใส่ แต่ก็ไม่มีทางมาระบายโทสะกับเจียงเฟิ่งหัว นางเอ่ยเสียงเย็นชา “ลุกขึ้นมาเถอะ!”

“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกัดริมฝีปากอยากหยัดร่างขึ้นมา แต่ข้อเท้าเจ็บปวดยากจะทานทน เจ็บจนใบหน้าเล็กๆ ซีดขาว เห็นเหงื่อผุดพรายเต็มหน้าผากนาง ทำอะไรไม่ถูก

เซี่ยซางเห็นมือนางกุมข้อเท้าเอาไว้ก็ถามเสียงทุ้ม “ข้อเท้าแพลงหรือ?”

เจียงเฟิ่งหัวทอดสายตาลงต่ำ ท่าทางน่าสงสาร พยักหน้าน้อยๆ “ดูเหมือนจะเป็นเช่นนั้นเพคะ...”

เฉิงฮองเฮาเป็นบุตรชายแสดงท่าทางเป็นห่วงเจียงเฟิ่งหัว ความยินดีก็พลันวาบผ่านแววตา “เรียกหมอหลวง”

แล้วสั่งให้นางกำนัลประคองเจียงเฟิ่งหัวขึ้นมา

เจียงเฟิ่งหัวยืนขึ้นอย่างกินแรง ความเจ็บปวดรุนแรงซ่านมาจากข้อเท้า เจ็บจนน้ำตารื้นขอบตา ไม่อาจขยับไปข้างหน้าได้แม้ครึ่งก้าว

เซี่ยซางสาวเท้ามาข้างหน้า รวบนางขึ้นมาอุ้มเดินตรงเข้าไปในตำหนัก

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 9

    เจียงเฟิ่งหัวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางจ้องมองใบหน้าของเซี่ยซางอย่างอึ้งๆ ใบหน้ายังคงเย็นชาแข็งทื่อดุจน้ำแข็ง การกระทำยิ่งหยาบกระด้าง เขาวางนางลงบนตั่งนุ่มโดยไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด “ก่อนที่หมอหลวงจะมา ข้าจะตรวจให้เจ้าก่อนว่าบาดเจ็บถึงกระดูกหรือไม่”“ท่านอ๋องทำเป็นหรือเพคะ?” ดวงตาคู่งามของเจียงเฟิ่งหัวทอประกายวาบเซี่ยซางไม่อยากอธิบายว่านั่นเป็นทักษะพื้นฐานที่คนในกองทัพต้องมี น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิอีกแล้ว เสด็จพ่อรังเกียจตนเอง ยามนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปแล้วเซี่ยซางเปิดชายกระโปรงของนางขึ้นด้วยตนเอง ถอดถุงเท้าออก เห็นเท้างามเกลี้ยงเกลาของนางแดงเถือก บริเวณข้อเท้าบวมนูน ปลายนิ้วเขากดลงเบาๆ เจียงเฟิ่งหัวก็เจ็บปวดจนน้ำตาหลั่งรินลงมาเซี่ยซางเห็นคนงามที่ดวงตาปริ่มน้ำกัดผ้าเช็ดหน้าไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาตรงหน้าก็พูดว่า “เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาแล้วก็จะดีขึ้นบ้าง”เจียงเฟิ่งหัวน้ำตาไหลไม่หยุด ดวงตาปิดแน่น ส่ายหัวน้อยๆ เนื่องจากเจ็บปวดสุดทานทน นางถึงขั้นเริ่มกัดหลังมือของตัวเองเซี่ยซางไม่เคยเห็นสตรีที่กลัวเจ็บเพียงนี้มาก่อน เขายังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ประเดี๋ยวตอนประคบเย็นจะยิ่งเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 10

    กว่าจะประคบเสร็จไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้อเท้าของเจียงเฟิ่งหัวค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ไม่บวมมากเหมือนเดิมแล้วเจียงเฟิ่งหัวราวกับเจ็บปวดจนเจียนสลบ ซบลงในอกเขาด้วยสติเลือนราง ยามนั้นบนหน้าผากและหว่างคิ้วของนางมีหยดเหงื่อเกาะพราว ร่างกายก็เหมือนจะเหงื่อออกจนเปียกชื้น ลักษณะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวชวนให้คนสงสารลูกกระเดือกของเซี่ยซางขยับขึ้นลง หัวใจเต้นรัวแรง เจียงเฟิ่งหัวขยับยุกยิกในอ้อมอกเขาอย่างไม่ยอมอยู่นิ่ง โชคดีที่ในตำหนักมีพวกเขาเพียงสองคน มิฉะนั้นหากปล่อยให้นางกำนัลกับขันทีมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้คงได้เข้าใจผิดว่าทั้งคู่เพิ่งกระทำเรื่องที่พบพานผู้คนไม่ได้มาเป็นแน่แท้นอกตำหนัก เฉิงฮองเฮาให้หมอหลวงทิ้งยาแก้ฟกช้ำไว้ให้ก็บอกให้เขาจากไปริมฝีปากนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ทำให้คนไม่อยากเข้าไปรบกวนในตำหนักสี่หมัวมัวเอ่ยข้างหูนาง “บ่าวไม่เคยเห็นท่านอ๋องมีน้ำอดน้ำทนเพียงนี้มาก่อนเลยเพคะ ถ้าพระชายาได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องก็เป็นการช่วยคลายความกังวลให้ฮองเฮาได้พอดี บุตรีสกุลซูผู้นั้น...”“ซางเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาไม่มีทางทอดทิ้งซูถิงหว่านเพื่อเจียงเฟิ่งหัว ตอนนี้คงต้องดูว่าซางเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 11

    ชาติก่อน ซูถิงหว่านจงใจเลือกวันแต่งเข้าจวนอ๋องให้ตรงกับวันที่นางกลับจวน ชาตินี้ในเมื่อฮองเฮาให้สิทธิ์ขาดกับนาง เช่นนั้นนางจะให้อีกฝ่ายค่อยๆ รอเจียงเฟิ่งหัวเขียนฤกษ์งามยามดีลงบนกระดาษด้วยตัวเอง จากนั้นเอ่ยกับเหลียนเย่ “นำสิ่งนี้ไปมอบให้ท่านอ๋อง ถามเขาว่าเหมาะสมหรือไม่ หากไม่พอใจ เชิญท่านอ๋องมาเลือกฤกษ์ดียามอื่นได้เลย”“เพคะ” เหลียนเย่หันมองแวบหนึ่ง “กำหนดให้เป็นอีกห้าวันให้หลังหรือเพคะ? วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบสามเดือนสาม ห้าวันให้หลังคือวันที่ยี่สิบแปดเดือนสาม”เหลียนเย่พูดต่อไป “เหตุใดพระชายาปล่อยให้หญิงผู้นั้นแต่งเข้าจวนเร็วขนาดนี้ หากนางแต่งเข้าจวนจริง พระชายามิหมดโอกาสหรือเพคะ?”“ห้าวันจากนี้เป็นเพียงวันที่ที่ข้าเสนอเท่านั้น อีกไม่นานท่านอ๋องจะมีงานราชการต้องทำ นางไม่ได้เข้าจวนเร็วขนาดนั้นหรอก” เจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเสียงเรียบหงซิ่วและเหลียนเย่รู้สึกมึนงง ท่านอ๋องโปรดสตรีผู้นั้นมาก แทบอยากจะแต่งซูถิงหว่านเข้าจวนทันที จะปฏิเสธแต่งชายารองเข้าจวนในอีกห้าวันได้อย่างไรเหลียนเย่มาถึงห้องหนังสือ จากนั้นนำคำพูดของเจียงเฟิ่งหัวแจ้งแก่เซี่ยซางอย่างละเอียดถี่ถ้วนสีหน้าเซี่ยซางเย็นชาเล็กน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 12

    ความงามของเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้งามเพราะความผอม แต่งามเพราะมีทรวดทรงองค์เอว จุดไหนควรเล็กก็เล็ก จุดไหนควรเต่งตึงก็เต่งตึง งามอย่างไร้ที่ติคืนนี้นางสวมกางเกงซับในบางเบาและชุดชั้นในปักลายดอกท้อ ผมยาวดำขลับถูกมวยเอาไว้กลางกระหม่อม เผยให้เห็นลำคอระหงพอดีจังหวะนั้น เซี่ยซางที่ดื่มจนเมามายบุกเข้าไปในห้องของนาง เขาเดินอ้อมฉากกั้นโดยมิสนใจสิ่งใด ครั้นเห็นภาพตรงหน้า ดวงตาฉายแววลนลานเล็กน้อย กระนั้นกลับมิอาจละสายตาจากนางตรงหน้าได้ สตรีเบื้องหน้างดงามจนทำให้เขาแทบหยุดหายใจเจียงเฟิ่งหัวสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบดึงผ้าห่มผืนบางปิดบังร่างกาย ทว่านางดึงมาปิดก็เหมือนไม่ปิด พร้อมกัดริมฝีปากแดง แสร้งทำโกรธเคือง “ท่านอ๋อง เข้ามาทำไมไม่เคาะประตูเพคะ?”ความคิดของเขาถูกเสียงตำหนิของนางดึงกลับมา นิ้วมือของเขาชี้ไปที่ป้ายด้านนอก แล้วชี้ไปที่เตียงและเครื่องใช้ภายในห้อง “ที่นี่คือหอหล่านเยว่ เป็นห้องนอนของข้า พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งของของข้า ข้าเข้ามาห้องนอนตัวเองทำไมต้องเคาะประตู เจ้า เจ้า เจ้า อึก...หลีกไป”ระหว่างที่พูด เขาทำท่าจะขึ้นไปบนเตียงต่อมาเซี่ยซางโผเข้าหานาง นางเองไม่คิดจะหลบหลีก วินาทีต่อมา ภายในอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 13

    วันรุ่งขึ้น เจียงเฟิ่งหัวตื่นมาพบว่าตัวนางอยู่ในอ้อมกอดเซี่ยซางอีกแล้ว เมื่อนึกถึงเมื่อคืนที่นางใช้ผงหอมกับเขา มุมปากนางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น ซูถิงหว่าน ชาตินี้เจ้าค่อยๆ รอไปเถอะ!ขณะที่นางเตรียมยื่นมือไปลูบสันจมูกเขา จู่ๆ เซี่ยซางขยับเหมือนคนกำลังจะตื่นนอน นางจึงรีบหลับตาลงแสร้งทำเป็นนอนหลับสนิทเซี่ยซางพลิกตัวกะทันหัน แล้วยกขาข้างหนึ่งไปก่ายบนขาของเจียงเฟิ่งหัว ไปโดนข้อเท้านางพอดีเจียงเฟิ่งหัวลองดันตัวเขา แต่ดันไม่ไหว นางจึงเอ่ยเสียงอ่อนโยน “ท่านอ๋อง ท่านทับโดนขาของหม่อมฉันแล้ว หม่อมฉันปวดเหลือเกิน ท่านปล่อยหม่อมฉันสิ หม่อมฉันไม่ใช่คุณหนูซูนะ ท่านดูให้ชัดสิ ท่านทำให้หม่อมฉันเจ็บ”เซี่ยซางถูกเสียงตำหนิของนางปลุกจนตื่น ครั้นลืมตามองเห็นผู้ที่อยู่ในอ้อมกอด ภายในหัวผุดภาพที่เขาบุกเข้ามาในห้องเมื่อคืน เขารู้สึกเพียงปวดหัวจนแทบระเบิด อย่างไรก็จำเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากเขาโผเข้าหาเจียงเฟิ่งหัวไม่ได้เมื่อเห็นเสื้อผ้าตัวเองถูกถอด อีกทั้งสองคนยังดูคลุมเครือ เขารีบดันนางออกห่างทันทีทันใดนั้น มีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นดังเข้าหู เขาจึงหันมองด้านข้าง เห็นเพียงร่างบอบบางของหญิงสาวขดตัวอยู่อ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 14

    เซี่ยซางพยักหน้าอย่างหน้ามืดตามัว “ข้าจะกลับไปพร้อมเจ้า”เจียงเฟิ่งหัวรีบทำท่าเอาใจ นางย่อตัวให้เขา “ขอบพระทัยท่านอ๋อง”จากนั้นนางหันไปตะโกนใส่ด้านนอก “หงซิ่ว เหลียนเย่ สวีหมัวหมัว เตรียมอาหารเช้าเพิ่มอีกหนึ่งชุด ไปตักน้ำมาเตรียมแต่งตัว วันนี้พวกเราจะกลับจวนตระกูลเจียง ข้าคิดถึงท่านพ่อกับท่านแม่เหลือเกิน”เมื่อเอ่ยถึงกลับตระกูลเจียงและบิดามารดาของนาง ใบหน้างดงามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดวงตาสุกใสแวววาว กลิ่นอายรอบข้างแสดงให้รู้ว่านางมีความสุข ดีใจจนเหมือนนกน้อยในป่าใหญ่เมื่อสิ้นเสียงของนาง พวกสาวใช้ก็กรูกันเข้ามา เจียงเฟิ่งหัวเห็นตัวเองสวมเพียงชุดชั้นในและกางเกงซับใน จึงรู้สึกเขินอายทันที นางหันมองเซี่ยซางแวบหนึ่งก่อนจะหลบไปหลังฉากกั้น “เชิญท่านอ๋องล้างหน้าแต่งตัวก่อน หม่อมฉันจะรีบไป”เห็นเพียงผมยาวจรดเอวของนางดั่งม่านน้ำ ร่างอรชรอ้อนแอ้น เผยให้เห็นเรือนร่างที่งดงามไร้ที่ติเซี่ยซางมองดูจนตะลึงเล็กน้อย เมื่อได้ยินเสียงนางจึงรู้สึกตัวจนหน้าแดงเถือก ขณะนี้สวีหมัวมัวเดินเข้ามาหา ในมือสาวใช้มีเสื้อผ้าหลายชุด นางกล่าว “ท่านอ๋อง วันนี้จะสวมชุดใดเพคะ”เซี่ยซางชี้นิ้ว เลือกชุดตัวยาวสีน้ำเงินค

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 15

    ข่าวที่ท่านอ๋องจะกลับจวนเป็นเพื่อนพระชายาแพร่สะพัดไปทั้งจวน พ่อบ้านเฉิงรีบไปเลือกของขวัญที่จะนำกลับไปในห้องเก็บสมบัติเซี่ยซางหันมองแวบหนึ่ง หันไปถามเฉิงจง “พวกนี้จะส่งไปที่จวนตระกูลเจียงหรือ?”เฉิงจงตอบ “เรียนท่านอ๋อง ใช่ขอรับ”เซี่ยซางขมวดคิ้ว แล้วเอ่ยขึ้นอีก “พิธีกลับจวนสำคัญมากหรือ? ต้องจัดอย่างยิ่งใหญ่หรือไม่?”“พิธีกลับจวนเป็นพิธีการสุดท้ายในการแต่งงาน มิใช่เรื่องเล็ก โดยเฉพาะฝ่ายหญิงจะให้ความสำคัญมาก ส่วนจะสำคัญอย่างไรนั้นเพียงไม่กี่ประโยคคงพูดไม่ชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรลูกเขยพาภรรยากลับไปคารวะพ่อตาแม่ยายพร้อมของกำนัล ถือเป็นธรรมเนียม พิธีกลับจวนทำได้ดีหรือไม่ แสดงให้เห็นว่าหญิงสาวแต่งกับคนดีหรือไม่ ได้รับความสำคัญจากลูกเขยหรือไม่ คนทั่วไปให้ความสำคัญมาก ยิ่งครอบครัวร่ำรวยยิ่งจัดให้สมฐานะ ทว่าท่านอ๋องฐานะสูงส่ง ย่อมไม่ต้องคารวะราชครู ท่านอ๋องกลับไปถือเป็นวาสนาของตระกูลนั้น...” พ่อบ้านเฉิงพูดไม่หยุดเซี่ยซางครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นกวาดมองสิ่งที่พ่อบ้านเฉิงเตรียมไว้ “ไปเอาของมาจากห้องเก็บสมบัติอีก”เดิมทีเฉิงจงเลือกมาไม่กี่อย่าง เพื่อทำตามพิธีเท่านั้น ว่ากันตามฐานะของพระชายาไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 16

    เมื่อเห็นบิดามารดาทำความเคารพตัวเอง ดวงตาเจียงเฟิ่งหัวก็แดงเล็กน้อย นางรู้ว่านี่คือมารยาทของราชวงศ์ จึงปล่อยให้พวกเขาทำเซี่ยซางเห็นนางกำลังจะร้องไห้ จึงพูดเสียงขรึม “เจียง...ท่านพ่อตาแม่ยายรีบลุกขึ้นเถอะ”ทุกคนในตระกูลเจียงลุกขึ้น วินาทีต่อมา เห็นเพียงเซี่ยซางยื่นมือไปรับตัวเจียงเฟิ่งหัวจากสาวใช้กะทันหัน แล้วช้อนตัวอุ้มนางขึ้น พร้อมอธิบาย “เมื่อวานตอนเข้าวัง ข้อเท้าพระชายาพลิก ทำให้เดินเหินไม่สะดวก ข้าจึงต้องอุ้มนางเข้าไป”เจียงเฟิ่งหัวเคยคิดว่าเขาจะอุ้มนางลงจากรถ แต่ไม่เคยคิดว่าเขาจะเรียกพ่อแม่นางว่าท่านพ่อตาแม่ยาย ทำให้นางชะงักไปชั่วขณะ เพราะอย่างไรชาติที่แล้ว เขาไม่แม้แต่จะมองพวกท่านด้วยซ้ำ ตระกูลเจียงรุ่งโรจน์เพราะนางอยู่ช่วงหนึ่ง แต่กลับโดนก่นด่าไปตลอดชีวิต คนตระกูลเจียงต้องทนทุกข์ทรมาน ล้วนเป็นเพราะคนที่นางแต่งงานด้วยไม่ชื่นชอบนางได้ยินเพียงเซี่ยซางกล่าวกับเจียงหวย “ท่านพ่อตา มีที่ให้พักผ่อนหรือไม่ เท้าของพระชายาเดินไม่สะดวก”“ไปนั่งที่ห้องรับแขกเถอะ” เจียงหวยมองดูขาของบุตรสาวแวบหนึ่ง รู้สึกกังวลไม่น้อย แต่กลับไม่ได้ล้ำเส้นเข้าไปตรวจดู“ท่านพ่อไม่ต้องเป็นห่วง ท่านอ๋องทำเป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 40

    ในฝัน เขากลับไปตอนอายุสิบห้าปีอีกครั้ง เสด็จพ่อตำหนิเขาว่า “ไม่รู้จักลำดับความสำคัญก่อนหลัง”เขาหลบอยู่หลังภูเขาจำลองในสวนบุปผชาติของวังหลวง ร้องไห้ด้วยความเสียใจเป็นอย่างมาก ทันใดนั้นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่คลุมผ้าบังหน้าก็เดินมาที่หน้าเขา “กิ๊ว ๆ ๆ โตขนาดนี้แล้วยังร้องไห้แง ๆ เจ้าไม่อายหรือไง”เซี่ยซางเงยหน้าขึ้น เด็กผู้หญิงมีดวงตาอันงดงาม ดำสนิทเปล่งประกาย เขามองเห็นสภาพน่าเวทนาของตัวเองในลูกตาของนางเขาพูดกับนางด้วยความโกรธขึ้ง “เจ้าเป็นใคร วิ่งเข้ามาวังได้อย่างไรกัน”“ข้ามาพร้อมท่านพ่อท่านแม่ของข้าไง แคว้นต้าโจวของเราได้รับชัยชนะในสงคราม ฝ่าบาทจึงทรงจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองชัยชนะ” น้ำเสียงของเด็กผู้หญิงไพเราะเสนาะหูเหมือนเสียงกระดิ่งเมื่อได้ยินว่าชนะสงครามเขาก็ยิ่งโมโห เห็นชัด ๆ อยู่ว่าเป็นความดีความชอบของเขา เสด็จพ่อกลับด่าว่าเขาไม่รู้จักลำดับความสำคัญก่อนหลัง เขากระชากผ้าคลุมหน้าของนางออก ก็เห็นเพียงว่านางฟันหลอ ไม่มีฟันหน้าด้านบน น่าเกลียดถึงขีดสุด ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะ “ยัยอัปลักษณ์” เด็กผู้หญิงถลึงตา ‘เพียะ’ ตบหน้าเขาหนึ่งฉาด “เจ้าคือไอ้ขี้แย”นิ้วมือนางเปื้อนน้ำตาของเข

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 39

    ขาเรียวยาวอันงดงามกระจ่างใสเปล่งประกาย ขาวเนียนละเอียด นางขัดถูร่างกายตัวเองอย่างแช่มช้อย ผิวของนางขาวยิ่งกว่าหิมะ ดูราวกับเครื่องเคลือบ ไม่ว่าเซี่ยซางได้เห็นวันใดก็ต้องถูกนางดึงดูดอันที่จริงเมื่อครู่อีกแค่ก้าวเดียวนางก็จะได้ตัวเขาไว้ แต่ได้ตัวแล้วสามารถทำอะไรได้เล่า เขาก็เพียงแค่ลุ่มหลงในรูปโฉมโนมพรรณ ไม่ได้ร่วมอภิรมย์กับนางเพราะรักนาง เช่นนี้แล้วจะยั่งยืนได้อย่างไรกันหากนางมีอะไรกับเขา ก็เพียงแต่ทำให้เซี่ยซางรู้สึกว่าเขาได้ทำหน้าที่ของสามีเต็มที่แล้ว มิหนำซ้ำยังเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดต่อซูถิงหว่านซูถิงหว่านก็ไม่ได้โง่ รู้ว่านางกำลังให้ท่าเขา หากคืนนี้ยั่วยวนสำเร็จจริง ๆ ไม่ใช่ยิ่งทำให้เซี่ยซางสงสัยในตัวนางหรอกหรือผู้ชายก็เหมือนกันทั้งเพ ยิ่งอยากได้แต่ไม่ได้มาเขาก็ยิ่งอยากได้ หากอยากได้ แล้วให้เขาได้ไปอย่างง่ายดาย เขากลับไม่เห็นคุณค่าเซี่ยซางกลับไปแล้วชะรอยจะนอนไม่หลับ เขาชอบนางหรือไม่ เกรงว่าตัวเขาเองก็สับสน ยิ่งสับสนยิ่งดี ผู้ครองบัลลังก์จะมีผู้หญิงเพียงคนเดียวในชีวิตได้อย่างไร เพียงแต่ว่านางอยากเป็นผู้หญิงที่สำคัญที่สุดของเขาตอนนี้ยังมีเรื่องสำคัญอีกเรื่องต้องจัดการ คดี

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 38

    เขาก้าวขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว เข้ามากอดนางไว้จากด้านข้าง เจียงเฟิ่งหัวขัดขืน เบือนหน้าหนี ไม่อยากเข้าใกล้เขา ยิ่งนางขัดขืนเขายิ่งกอดแน่น ชุดขาวทั้งตัวของเขาเปื้อนคราบสกปรกบนตัวนาง ทำให้ทั้งสองเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเกินทนหงซิ่วกับเหลียนเย่และคนอื่น ๆ เฝ้าอยู่นอกประตู ตัวสั่นงันงก เห็นว่าพระชายาได้รับความไม่เป็นธรรมขนาดนี้ พวกนางไม่กล้าพูดปกป้องสักแอะ แววตาเต็มไปด้วยความสงสารเซี่ยซางกอดเจียงเฟิ่งหัวไว้ หันไปทางบรรดาสาวใช้ พูดเสียงเข้มว่า “นิ่งทำอะไรกันอยู่ ยังไม่รีบมาเก็บกวาดให้เรียบร้อยอีก ไปหาเสื้อผ้าสะอาด ๆ มาให้พระชายาของพวกเจ้าสิ”ทุกคนแยกย้ายกันเหมือนฝูงนกฝูงสัตว์แตกรัง ไม่กล้าชักช้าแม้แต่วินาทีเดียวพูดจบเขาก็อุ้มเจียงเฟิ่งหัวเข้าห้องนอนที่อยู่ในห้องด้านข้าง เดิมทีหอหล่านเยว่ก็คือที่อยู่ของเซี่ยซาง เขาย่อมรู้ตำแหน่งการจัดวางต่าง ๆ ในนี้เป็นอย่างดี ในห้องด้านข้างมีน้ำร้อนอยู่ตลอด มีแม้กระทั่งห้องน้ำเขาวางนางไว้บนม้านั่งด้านข้าง นำน้ำมาวางด้วยตัวเอง และลองดูความร้อนเย็นของน้ำ ท่าทางอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่งก็ได้เห็นว่าเจียงเฟิ่งหัวร้องไห้จนตาบวมแล้ว ใบหน้าก็แดงก่ำ นางจับกระโปรงตั

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 37

    นางชี้ไปที่โต๊ะ ตาจ้องที่เจียงเฟิ่งหัว “นี่ก็คือไม่ได้ทำอะไรอย่างนั้นหรือ? ใครอธิบายให้ข้าฟังหน่อยซิ”“ข้า…” เจียงเฟิ่งหัวอยากจะพูดแต่ก็หยุดไว้ สวามีของตัวเองกินข้าวมื้อหนึ่งที่เรือนของนางกลับถูกต่อว่าเช่นนี้ ความเสียใจที่มีอยู่เต็มอกไม่มีทางจะบอกเล่าได้ นางกล่าวเบา ๆ ว่า “ก็ถือเสียว่าเป็นความผิดของข้าเถอะ”“ดูสิ ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้ว ข้ารู้อยู่แล้วว่าไม่มีทางหรอกที่ท่านจะไม่ชอบอาซาง ยังเสแสร้งทำเป็นเสียอกเสียใจต่อหน้าเขา ทำเหมือนว่ามีคนรังแกท่าน…”จู่ ๆ เซี่ยซางก็นึกถึงภาพตอนที่องค์ชายรองดูถูกเหยียดหยามเขา เย้ยหยันว่าเขาชอบสาวน้อยขาดการอบรมที่พูดจาไร้มารยาทหวานหว่านเรียนมารยาทมาครึ่งเดือน กลับไม่มีการพัฒนาเลยสักนิด เขาขึ้นเสียงดุทีหนึ่ง “เจ้าโวยวายพอแล้วหรือยัง?”“ท่านตะโกนใส่ข้า…” นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพูดเสียงดังใส่ซูถิงหว่าน นางได้แต่รู้สึกน้อยใจอยู่เต็มอก เมื่อนึกถึงว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันตามลำพัง เจียงเฟิ่งหัวงดงามถึงเพียงนี้ และยังจงใจยั่วยวนอีกด้วย นางโมโหจนควบคุมไม่อยู่ “ท่านไม่เห็นหรือว่านางเสแสร้งมาตลอด? นางยั่วยวนท่าน…”“ออกไป” เซี่ยซางกำหมัดแน่น แววตาเย็นยะเยือกเข้า

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 36

    ทันใดนั้น ก็มีกลิ่นหอมโชยมา จู่ ๆ ท้องเซี่ยซางก็ร้องดังจ๊อก ๆ สีหน้าเขาก็ดูเคอะเขินขึ้นมาเจียงเฟิ่งหัวขมวดคิ้ว แววตาใส ๆ อันงดงามเหลือบมองที่ท้องของเขา “ท่านอ๋องยังไม่ได้เสวยหรือเพคะ?”เซี่ยซางหิวมาก และนึกถึงที่หลินเฟิงบอกว่าเจียงเฟิ่งหัวทำอาหารอร่อยอีกด้วย เขานึกถึงว่าคราวก่อนเขาได้กินอาหารที่เรือนของนางครั้งหนึ่งและยังกินไม่อิ่ม คิดถึงอยู่ไม่น้อยนางรุกก่อน รอยยิ้มอันแสนหวานปรากฏที่แก้ม “ท่านอ๋องเชิญหม่อมฉันดื่มชาแล้ว หม่อมฉันก็เชิญท่านอ๋องเสวยพระกระยาหารดีไหมเพคะ? ท่านอ๋องไม่ต้องเขินหรอกเพคะ ถึงอย่างไร…”นางหยุดพูดในทันใดเซี่ยซางก็ไม่ได้พูดเปิดเผยเจตนาของนาง รู้อยู่แล้วว่านางเตรียมอาหารไว้ตั้งนานแล้ว “ข้าคงต้องรับคำเชิญอย่างไม่เกรงใจแล้ว”ข้าเองก็อยากดูซิว่าเจ้ายังจะใช้อุบายอะไรอีกในช่วงหลายวันนั้นที่เขาพักอยู่ที่ที่ทำการ นางก็เห็นใจว่าเขาไม่ได้กินอาหารดี ๆ ที่นั่น จึงให้พ่อบ้านเฉิงส่งอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปให้เขาบ่อย ๆที่ทำการก็ไม่มีอะไรอร่อย ๆ ให้กินจริง ๆ เขาจึงกินดูเล่น ๆ นิดหน่อย ได้ชิมแล้วจึงเพิ่งรู้สึกว่าอร่อยมาก เขาเหมือนจะดื่มด่ำกับความรู้สึกอย่างนี้มากเขากล่าว

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 35

    เซี่ยซางตกใจทันที เจ็บแปลบในอกเล็กน้อย แต่เขารู้ดีว่าหญิงสาวจากตระกูลใหญ่อย่างเช่นเจียงเฟิ่งหัวนั้น รู้จักประพฤติตนอยู่ในกรอบ รักษาจารีตยิ่งกว่าใครหลินเฟิงกล่าวอีกว่า “ท่านอ๋องไม่อยากรู้หรือว่าชายใดเป็นคนมอบให้? คิดดูแล้วท่านอ๋องก็ไม่ได้อยากรู้ ถ้าเช่นนั้นก็ช่างเถิด” กระหม่อมไม่เชื่อหรอกว่าท่านไม่หวั่นไหวกับพระชายาแม้แต่นิดเดียว ค่อย ๆ เดาไปก็แล้วกันนะพ่ะย่ะค่ะ!เดินมาถึงประตูเรือนแล้ว เซี่ยซางก็กลับลำ หวานหว่านยังคงรอเขาอยู่ เขาควรไปที่เรือนถานเซียง ไม่ใช่มาที่เรือนของเจียงเฟิ่งหัวขณะที่เตรียมจะเดินจากไปนั้นเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงเฮดังมาจากในลาน “พระชายาเก่งจริงๆ”เขาก็หันกลับมา มองเข้าไปด้านในเงียบ ๆที่ริมศาลา จู่ ๆ ก็มีซุ้มไม้ซุ้มหนึ่งเพิ่มเข้ามา ที่ซุ้มไม้มีผ้าไหมสีสันสดใสหลากสีหลายแถบผูกอยู่ เจียงเฟิ่งหัวสวมชุดผ้าบางเบา ทั้งตัวของนางดูอ่อนนุ่มดุจผ้าไหม ห้อยอยู่บนผ้าไหมที่มีสีสันสวยงามแขนเรียวเล็กของนางดึงแถบผ้าไหมหลากสีไว้ขณะที่นางหมุนตัวจากบนลงล่างสู่พื้น ร่างกายของนางดูเบาเหมือนผีเสื้อ ตัวอ่อนเหมือนไร้กระดูก อาศัยพลังของผ้าไหมหลากสีเต้นรำตามใจปรารถนาที่ยิ่งน่าอัศจรรย์

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 34

    วังหมัวมัวออกไปแล้ว เซี่ยซางก็ถอดชุดที่เขาใส่ไปเข้าวังอันแสนยุ่งยากออก ดำลงไปในน้ำทั้งตัวใบหน้าสวยหยาดเยิ้มของเจียงเฟิ่งหัวนั้นปรากฏอยู่ในหัวสมองเขาอยู่เสมอ ทรวดทรงอันสมบูรณ์แบบของนาง ขาเรียวงาม ผิวขาวใส น้ำเสียงอ่อนหวานของนางและเรือนร่างที่ดูนุ่มนวลเย้ายวนใจ…ทันใดนั้นเซี่ยซางก็ผุดขึ้นมาจากน้ำ ต่อยลงน้ำสุดแรงหนึ่งที ทำให้น้ำกระเซ็นไปทั่วหลินเฟิงเดินมาที่หน้าประตูพอดี ได้ยินเสียงจากข้างใน ก็รีบชักกระบี่ออกมาและบุกเข้าไป “ท่านอ๋อง เกิดอะไรขึ้นพ่ะย่ะค่ะ”เซี่ยซางแววตาเย็นเยียบเข้ากระดูก กวาดสายตามองไปทางหลินเฟิงอย่างเย็นชา ตัวของเขาโผล่พ้นน้ำครึ่งตัว แผงอกใหญ่ที่กระชับ แข็งแกร่ง แขนและไหล่ที่แข็งแรง ทรงพลัง หลินเฟิงมอบแวบหนึ่งแล้ว ก็ได้แต่อายไม่หยุด รีบเก็บกระบี่เข้าฝัก“เจ้าหน้าแดงอะไร” เซี่ยซางถามเขาหลินเฟิงไม่อ้อมค้อมแม้แต่น้อย เยินยอว่า “ท่านอ๋องหุ่นดีเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! ตอนใส่เสื้ออยู่ดูผอม ถอดเสื้อออกแล้วมีกล้าม ที่สำคัญคือตอนที่ท่านอ๋องเพิ่งขึ้นจากน้ำ ทั้งตัวของท่านส่งกลิ่นอายที่ชวนให้คนหลงใหล”เซี่ยซางเริ่มทำหน้าเข้ม “เจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกไหม?”“ไม่มีแล้วพ่ะย่ะค่ะ ท่า

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 33

    เซี่ยซางเห็นท่าทางนี้ของนางแล้วก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย แววตามีความรักและเอ็นดู พูดกับนางด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ไม่ได้กลับจวนหลายวัน เสื้อผ้า ถุงเท้ารองเท้าสกปรกหมดแล้ว ข้ากลับไป…” เดิมทีเขาอยากพูดว่าหอหล่านเยว่ แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจียงเฟิ่งหัวพักอยู่ที่หอหล่านเยว่ ก็คิดว่าไม่ควรพูดวังหมัวมัวกล่าวอย่างกระตือรือร้นว่า “พระชายาสั่งให้คนเก็บกวาดหอทิงเสวี่ย[1]ในเรือนตะวันออกแล้ว ด้านในเปลี่ยนเครื่องใช้และตกแต่งใหม่ทั้งหมด ท่านอ๋องไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่หอทิงเสวี่ยดีกว่านะเพคะ”เซี่ยซางผงกหัว “ถ้าเช่นนั้นก็ไปหอทิงเสวี่ยเถอะ!”วังหมัวมัวอยู่ที่นี่ ซูถิงหว่านก็ไม่กล้าบังอาจ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้วังหมัวมัวใช้ไม้เรียวตีนางโดยอ้างว่าเป็นการอบรมมารยาท นางรีบกล่าวว่า “หม่อมฉันไปรอท่านอ๋องที่เรือนถานเซียงนะเพคะ”เซี่ยซางพยักหน้า “ได้”เมื่อเห็นว่าเซี่ยซางเดินไปไกลแล้ว ซูถิงหว่านก็เบ้ปากบ่นว่า “วังหมัวมัวแส่เรื่องชาวบ้านจริงๆ”ช่วงนี้อิ๋นซิ่งก็ได้เรียนรู้กฎระเบียบมากมายตามไปด้วย รีบกล่าวว่า “คุณหนู ระวังนางมาได้ยินเข้าแล้วใช้ตำแหน่งหน้าที่แก้แค้นเรื่องส่วนตัวนะเจ้าคะ”“ข้าไม่กลัวนางหรอก ม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 32

    เซี่ยอวี้เห็นสถานการณ์แล้ว ก็กล่าวเสียงดังขึ้นมาอีก “ได้ยินว่าน้องห้ารับหลานสาวจากตระกูลของซูกุ้ยเฟยมาเป็นชายารอง ที่แท้น้องหาก็ชอบสาวน้อยไร้การอบรมที่พูดจาไม่รู้กาลเทศะนี่เอง ข้ายังได้ยินมาว่าเมื่อสองสัปดาห์ก่อน มีคนแต่งงานที่ศาลเจ้าที่ที่นอกเมือง คนผู้นั้นรูปร่างท่าทางเหมือนน้องห้าไม่มีผิด”หากไม่ใช่ว่ากลัวทำให้เสด็จพ่อพิโรธ เขาจะโพนทะนาเรื่องนี้ไปทั่วทุกสารทิศตั้งนานแล้วเมื่อเห็นว่าเซี่ยซางยิ่งเดินห่างไปไกล เซี่ยอวี้ก็กล่าวด้วยสีหน้าหยิ่งยโสว่า “เสด็จพ่อไม่ชอบเขา ข้าก็ไม่ชอบเขาเช่นกัน นึกว่าเป็นโอรสจากฮองเฮาก็สูงส่งจริง ๆ สินะ”เซี่ยซางออกจากวังแล้วก็ตรงกลับจวนเหิงอ๋องซูถิงหว่านเรียนมารยาทและธรรมเนียมมาครึ่งเดือน และก็ไม่ได้เจอเขามาครึ่งเดือน จู่ ๆ เห็นเขาเดินออกมาจากเงา ซูถิงหว่านก็ดีใจออกหน้าออกตา รีบเดินเข้าไปหาเขาจนเดินเข้าไปใกล้แล้ว ซูถิงหว่านจึงเพิ่งหยิบผ้าเช็ดหน้า พาดมือที่ข้างเอว ทำท่าทางอ้อนแอ้นอรชร ก้าวเบา ๆ อย่างอ่อนช้อย สง่างาม ราวกับดอกบัวในสายธาร มาปรากฏตัวหน้าเซี่ยซางนางแต่งตัวอย่างประณีต แต่งหน้าอย่างมีทักษะ ยิ้มให้เซี่ยซาง ถวายคำนับช้า ๆ ดูสุภาพ อ่อนน้อมถ่

DMCA.com Protection Status