แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: กระต่ายน้อยใต้ดวงจันทร์
เมื่อครู่ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วเวลากะพริบตาเดียวเท่านั้น ความเคลื่อนไหวของเซี่ยซางนับว่าว่องไว ดึงผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวที่ร่วงลงมาตรงอกเจียงเฟิ่งหัวคลุมศีรษะให้นางใหม่ หลังจากนั้นเขาก็กลับไปมีท่าทางห่างเหินที่ห้ามคนแปลกหน้าใกล้ชิดอีกครั้ง ไอเย็นห่อหุ้มรอบกาย แววตายิ่งเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง ปราศจากความรู้สึกแม้เศษเสี้ยว น้ำเสียงหนักแน่นเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดดังขึ้นริมโสตนาง “เจ้ายังดำเนินพิธีต่อได้หรือไม่?”

เจียงเฟิ่งหัวพยักหน้าน้อยๆ “เพคะ”

นางรู้ว่าถึงเซี่ยซางจะไม่ยินดีแต่งงานกับนาง แต่ก็ไม่มีทางเห็นคนประสบอันตรายแล้วไม่ช่วยเหลือ พวกเขาไม่เคยพบกันมาก่อน เจอกันครั้งแรกก็วีรบุรุษช่วยสาวงาม เท่านี้ก็พอให้ซูถิงหว่านที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางฝูงชนถือสาแล้ว ส่วนว่าความเคลื่อนไหวของนางจะทำให้แม่สามีไม่พอใจหรือไม่นั้น มิได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณของนาง

ยามนั้นขุนนางผู้ดำเนินพิธีรีบเอ่ยว่า “ยิ่งไฟลุกยิ่งรุ่งโรจน์ ยิ่งโหมไหม้ยิ่งเป็นมงคล ชีวิตของพระชายากับท่านอ๋องจะต้องรุ่งโรจน์โชติช่วง เจริญรุ่งเรืองเป็นแน่แท้ ดำเนินพิธีมงคลสมรสต่อไปได้...”

ทุกคนเห็นเจ้าสาวเพียงแวบเดียวก็เอ่ยวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความประหลาดใจว่า “คิดไม่ถึงว่าในบ้านราชครูเจียงจะซุกซ่อนยอดพธูเอาไว้คนหนึ่ง”

ถึงขั้นมีคนร่ายบทกวีออกมาว่า “พันสารทไร้ผู้งามเลิศในปฐพี รื่นตาไซร้คือหญิงงาม โฉมล่มแคว้นล่มเมือง คนทั้งใต้หล้าพานตะลึง ที่พูดถึงคงเป็นพระชายาของเหิงอ๋องเองสินะ!”

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ฮองเฮาที่ชมพิธีจากข้างๆ ก็ปาดเหงื่อแทนพวกเขา นางไม่ได้พูดอะไร ในไม่ช้าสีหน้าก็กลับไปเป็นปกติ แสร้งยิ้มเอ่ยว่า “ซางเอ๋อร์เผชิญอันตรายโดยมิพรั่น ภายภาคหน้าจะต้องปกป้องภรรยาได้ดีเป็นแน่แท้”

คนข้างๆ ก็เอ่ยเสริม “เหิงอ๋องตอบสนองรวดเร็ว หากมิใช่เขาปกป้องพระชายา ถ้าสะดุดล้มลงไปบนกองไฟทั้งอย่างนั้นเกรงว่า...คงเสียโฉมแล้ว”

พิธีมงคลสมรสดำเนินต่อไป เมื่อเสร็จสิ้นพิธีแล้ว เจียงเฟิ่งหัวก็ถูกสาวใช้กับแม่นมประคองไปยังห้องหอ ส่วนเจ้าบ่าวรั้งอยู่รับแขกที่โถงหน้า

เจียงเฟิ่งหัวเข้าไปในห้องหอก็ไล่ข้ารับใช้ออกไป ในห้องเหลือเพียงหงซิ่วกับเหลียนเย่สาวใช้ที่ติดตามนางออกเรือนมา รอจนข้ารับใช้ปิดประตูแล้ว ประสาทที่ตึงเครียดของนางค่อยผ่อนคลายลง นางยกมือขึ้นเปิดผ้าคลุมหน้า ทุบสองขาและหลังส่วนล่างที่ปวดเมื่อย สั่งความว่า “เหลียนเย่ไปบอกให้สวีหมัวมัวเตรียมน้ำที ข้าจะอาบน้ำ”

เหลียนเย่เอ่ยเสียงเบา “คุณหนูแต่งหน้าประณีตปานนี้ หากล้างออกทั้งอย่างนี้ก็น่าเสียดายแย่ ชั่วชีวิตผู้หญิงมีเพียงวันแต่งงานที่งดงามที่สุดแล้ว”

เจียงเฟิ่งหัวเข้าใจความคิดของอีกฝ่าย นางคลี่ยิ้มบาง “เหิงอ๋องมิใช่คนที่เห็นหญิงงามแล้วขาดความยับยั้งชั่งใจ อีกอย่างเมื่อครู่ก็เห็นไปแล้ว ไม่มีอันใดน่าค้นหาอีก หากไม่ใช่คนที่ใช่แล้วไซร้ จะทุ่มเทความคิดเท่าใดล้วนไร้ประโยชน์”

ชุดพิธีการที่หนาหนักรุ่มร่ามสวมอยู่บนร่างมีแต่จะทำให้นางรู้สึกหายใจไม่ออก

เหลียนเย่ยังคงรู้สึกเสียดาย เมื่อครู่ไฉนหงซิ่วจึงไม่ประคองคุณหนูให้ดีๆ จนทำให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น นางไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงออกไปจัดการเรื่องน้ำ

หงซิ่วกล่าว “พระชายา บ่าวช่วยถอดมงกุฎหงส์และเครื่องประดับ นวดไหล่คลายเมื่อยให้ท่านนะเพคะ” พวกนางติดตามคุณหนูมาตั้งแต่เด็ก ทราบว่านิสัยคุณหนูพูดคำไหนคำนั้น ก่อนที่จะมีราชโองการประทานสมรสลงมา คุณหนูก็ให้พวกนางไปตรวจสอบเหิงอ๋องอย่างลับๆ จึงรู้มาแต่แรกแล้วว่าเหิงอ๋องมีสตรีที่ชอบอยู่คนหนึ่ง

“อืม ถอดออกเถอะ!” อย่างไรเสียเซี่ยซางก็คงไม่กลับมาไวปานนั้น นางเหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงหมดแรงมาแต่แรก

เจียงเฟิ่งหัวอาบน้ำเสร็จก็เตรียมเข้านิทราอย่างสบายอารมณ์ ทั้งกำชับหงซิ่วว่าให้ปลุกนางตอนเที่ยงคืน เนื่องจากเซี่ยซางจะมาตอนเที่ยงคืนหนึ่งเค่อ ชาติก่อนนางนั่งรอจนเอวแทบหัก เขาถึงจะกลับมา

หงซิ่วไม่ประหลาดใจในความสามารถรู้ล่วงหน้าของคุณหนูเลยสักนิด คุณหนูเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

เที่ยงคืนหนึ่งเค่อ เสียงฝีเท้าแผ่วเบาดังมาจากในโถงทางเดิน หงซิ่วเกาะประตูส่องผ่านร่องประตูออกไปก็เห็นองครักษ์ประคองเหิงอ๋องตรงมายังห้องหอดังคาด นางรีบวิ่งไปข้างเตียง “คุณหนูทายแม่นนักเจ้าค่ะ ท่านอ๋องกลับมาเวลานี้จริงๆ ด้วย แต่คุณหนูถอดเครื่องประดับออกหมดแล้ว อาภรณ์ไม่มิดชิด ท่านอ๋องจะรู้สึกว่าคุณหนูไม่สุภาพเรียบร้อยหรือเปล่าเจ้าคะ? ยามนี้คุณหนูคือพระชายาเหิงอ๋องเชียวนะเจ้าคะ ไม่อาจทำอะไรตามอำเภอใจเหมือนตอนที่ยังไม่ออกเรือนได้อีกแล้ว”

“ท่านอ๋องไม่โปรดคนที่เรียบร้อยเกินไป” เขาคร้านจะมองตนเองด้วยซ้ำ ยิ่งไม่มีทางสนใจว่านางจะแต่งกายอย่างไร ยามนี้นางแค่หวังให้ตนเองผ่อนคลายสบายใจเท่านั้น

ผมดำสนิทของเจียงเฟิ่งหัวปกคลุมไหล่ประหนึ่งน้ำตก กระโปรงเกาะอกสีแดงเข้มขับเน้นทรวงอกอวบอิ่มของนาง เอวคอดดุจกิ่งหลิว อ้อนแอ้นกำได้รอบ ผ้าโปร่งสีแดงเข้มคลุมไว้บนร่างอย่างหลวมๆ เผยให้เห็นนวลไหล่ขาวผ่องวับแวม ดวงหน้าประณีตซับสีแดงเรื่อ ผิวนุ่มดุจเต้าหู้ปราศจากตำหนิแม้เพียงจุดเดียว ดวงตาปรือปรอย ดุจดั่งภูตน้อยพราวเสน่ห์

หงซิ่วเห็นคุณหนูที่น่าหลงใหลปานนี้ก็กลืนน้ำลายอย่างอดไม่ได้ ถึงคุณหนูไม่แต่งหน้าก็ยังงามมากอยู่ดี ได้ยินบานประตูข้างนอกถูกคนผลักเปิดอย่างแผ่วเบา นางรีบคลุมผ้าคลุมหน้าให้เจียงเฟิ่งหัว

ลมราตรีพรูเข้ามา กลิ่นสุราเข้มข้นกระจายไปทั่ว เง่าร่างสูงโปร่งสายหนึ่งเดินอ้อมฉากกันลมไม้จันทน์แดงลายเมฆเข้ามา

ภายในห้องแสงเทียนสลัว ม่านเตียงสีแดงเข้มล้อแสงและเงา เงาร่างคนบนเตียงสว่างไสว แลดูงดงามวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก

สิ่งที่เซี่ยซางมองเห็นเป็นอย่างแรกก็คือเท้าเปลือยขาวผ่องคู่หนึ่งบนพรมปูพื้นสีแดง นิ้วเท้านางจิกแน่น ท่าทางเหมือนตื่นเต้นสุดขีด เมื่อเห็นภาพนั้น ความเย็นชาก็ฉาบย้อมใบหน้าหล่อเหลาของเขา คิ้วขมวดมุ่น ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ ทำให้คนสะท้านเยือกในใจอย่างอดไม่อยู่

หงซิ่วก็เห็นแล้วเช่นกันว่าคุณหนูไม่ได้สวมถุงเท้า นางพลันสะดุ้งตกใจ ลืมเท้าไปได้อย่างไรกันนะ แต่ตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว นางแข็งใจเดินอ้อมฉากกันลมออกไปทางประตูห้อง

เทียบกับสาวใช้ เจียงเฟิ่งหัวสงบผ่อนคลายกว่ามาก นางคลุมผ้าคลุมหน้านั่งตัวตรงอย่างเรียบร้อย เงาดำสายหนึ่งทอดลงแทบเท้าเจียงเฟิ่งหัว นางหดปลายเท้าเข้ามาอีก เกร็งหลังเท้า ท่าทางน่ารักทั้งแลดูขวัญอ่อน

เซี่ยซางเหลือบมองเตียงที่ยับย่นแวบหนึ่ง นึกเหน็บแนมในใจ เห็นทีบุตรีราชครูเจียงผู้นี้ก็ไม่ได้รู้ธรรมเนียมมารยาทเหมือนที่เสด็จแม่บอก ผลัดอาภรณ์แล้ว เครื่องประดับก็ถอดออกแล้ว คงเพิ่งตื่นนอนด้วยกระมัง

แต่งกายแบบนั้น นางคิดจะยั่วยวนอย่างนั้นรึ? นางมีดีอะไรกัน หรือนางคิดว่าอาศัยเพียงใบหน้านั้นของนางก็สามารถยั่วยวนให้เขาร่วมหอกับนางได้แล้ว

เขาไม่แน่ใจว่าเรื่องเมื่อตอนกลางวันเป็นเจียงเฟิ่งหัวจงใจให้เกิดขึ้นหรือไม่ทันระวังกันแน่ แต่เขามั่นใจว่าถึงนางงามกว่านี้ก็ไม่อาจสั่นคลอนความรักที่เขามีต่อหว่านเอ๋อร์ได้

เมื่อพิศดูอีกครั้ง นางกลับผ่อนคลายสบายอารมณ์เสียจริง เสียแรงที่เขาต้อนรับขับสู้แขกเหรื่ออยู่ข้างนอก ยุ่งจนหัวหมุน สุดท้ายยังถูกบรรดาอ๋องผู้พี่ผู้น้องกรอกสุรา เซี่ยซางอึดอัดคับข้องใจ ที่เขาแต่งงานกับนางก็เพราะเป็นประสงค์ของเสด็จแม่ เป็นแผนรับมือชั่วคราวเท่านั้นแหละ

เดิมเขาไม่อยากเข้ามา แต่พอนึกถึงว่าเสด็จแม่รับปากให้เขาแต่งหว่านเอ๋อร์เป็นชายารองได้ เขาจึงยังต้องให้เกียรติความสัมพันธ์นี้บ้าง มาบอกเจียงเฟิ่งหัวให้ชัดเจนย่อมเป็นการดีสำหรับทั้งสองฝ่าย ถ้านางสงบเสงี่ยมเจียมตัว ตนเองก็ย่อมจะปฏิบัติกับนางด้วยดี

เขาปรับอารมณ์แล้วเอื้อมมือเปิดผ้าคลุมหน้าของนาง

แล้วก็เห็นใบหน้าเล็กๆ ของเจียงเฟิ่งหัวแดงก่ำ ก้มหน้าน้อยๆ ร่างกายสั่นสะท้านเบาๆ พริบตานั้นยังไถลลงไปคุกเข่าบนพื้นอย่างขวัญอ่อน น้ำเสียงเบาหวิว “หม่อมฉันคารวะท่านอ๋องเพคะ”

เซี่ยซางคิดไม่ถึงว่าเจียงเฟิ่งหัวจะเป็นสตรีอ่อนแอขวัญอ่อนถึงเพียงนี้ ล้างเครื่องสำอางออกแล้ว รู้สึกว่าเครื่องหน้าของนางยิ่งประณีตพริ้มเพรากว่าเดิม ผิวพรรณขาวผ่อง ประหนึ่งเครื่องกระเบื้องหยกขาวชั้นดี คิ้วตาอ่อนโยน ละมุนละไมสง่างาม นางสงบนิ่งดุจหญิงพรหมจรรย์ ปานประหนึ่งนางเซียนที่ระหกระเหินมายังแดนมนุษย์

คิดถึงท่าทางหวาดกลัวของนางเมื่อกลางวัน เหมือนกวางน้อยที่ได้รับความตกใจกระนั้น นางโอบรอบคอเขาแน่น ดวงตาไร้เดียงสาหวาดหวั่น ท่าทางน่าสงสารพานให้คนรู้สึกรักหยกถนอมบุปผาขึ้นมาอย่างอดไม่อยู่

เขาได้สติคืนมา ท่าทางสงบหนักแน่น กล่าวเสียงทุ้ม “ลุกขึ้นมาเถอะ! เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยา ไม่ต้องแสดงคารวะ”

เจียงเฟิ่งหัวหยัดกายขึ้นประหนึ่งต้นหลิวล้อลม ยืนฝั่งตรงข้ามกับเขา “เพคะ”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
สิริรัตน์
น่าอ่านมาก
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 3

    ขนตาเจียงเฟิ่งหัวไหวระริก ใบหน้าเล็กๆ นั้นอดกลั้นจนแดงก่ำ นิ้วมือเรียวกระชับชุดชั้นนอกที่เดิมก็บางเบาอยู่แล้ว ยิ่งปกปิดยิ่งเผยให้เห็นเรือนร่างกลมกลึงของนาง เท้าเปลือยเปล่าคู่นั้นเปิดเผยอยู่เบื้องหน้าเขา ชวนให้คนเอ็นดูเหมือนภูตน้อยไม่มีผิดเซี่ยซางรีบเสสายตาหนี เอ่ยเสียงเย็นชา “แต่งตัวให้เรียบร้อย”เจียงเฟิ่งหัวก้มหน้ามอง พบว่าเท้าของตนเองเปลือยเปล่า นางบิดเอวคอดเดินผ่านหน้าเขาไป ด้านหนึ่งดึงอาภรณ์ลงปกปิดอย่างร้อนรน ด้านหนึ่งก็อธิบายเสียงเบา “หม่อมฉันไม่ได้ไม่รู้กฎระเบียบนะเพคะ ท่านอ๋องโปรดฟังหม่อมฉันอธิบายก่อน ตอนกลางวันชุดชั้นนอกของหม่อมฉันถูกไฟเผา หม่อมฉันเกรงว่าจะแลดูไม่เหมาะสม ครั้นกลับห้องหม่อมฉันจึงให้คนไปเตรียมน้ำอาบน้ำ เดิมคิดว่าจะแต่งตัวใหม่ แต่อาจเป็นเพราะเหนื่อยเกินไปจึงเผลอหลับไปโดยไม่ทันระวัง หม่อมฉันจึงลืมเวลาไปชั่วขณะ”“ข้าไม่ได้ถือสา” น้ำเสียงของเขาห่างเหินเย็นชา แววตามืดครึ้มเผยให้เห็นความไม่พอใจนางคิด สำหรับคนที่ไม่สนใจแล้ว ต่อให้เปลือยทั้งตัว เขาก็ไม่สนใจหรอกเจียงเฟิ่งหัวดวงตาเป็นประกาย นางหลบไปข้างๆ อย่างอ่อนแอขวัญอ่อน ดวงตาฉายแววลังเล กัดริมฝีปากสีแดงฉ่ำพึมพ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 4

    ปลายฤดูวสันต์ อากาศเริ่มร้อนระอุ บนร่างเจียงเฟิ่งหัวสวมชุดบางๆ ชั้นเดียวไม่หนาวและไม่ร้อน ในไม่ช้าก็นอนหลับไป ลมหายใจสม่ำเสมอเซี่ยซางอาบน้ำกลับมาก็เห็นนางนอนอยู่ด้านในสุดของเตียง เรือนร่างนางโค้งเว้าชัดเจน เอวคอดดุจกิ่งหลิว ขาเรียวงามโผล่ออกมานอกผ้าห่ม เปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดถึงที่สุด แขนเกลี้ยงเกลาดุจหยกพาดสะเปะสะปะ ดวงหน้างามพิสุทธิ์ผุดผาด ดวงตาทั้งสองหลับพริ้ม ขนตางอนงามสงบนิ่งดุจหญิงที่ยังไม่ออกเรือน ริมฝีปากแดงอิ่มเป็นมันวาว เย้ายวนชวนเสน่หาเซี่ยซางอึ้งไปชั่วขณะ เขาจำต้องยอมรับว่ารูปโฉมงามพิลาสของเจียงเฟิ่งหัวนั้นหาได้ยากยิ่ง เขานอนอยู่ด้านนอกสุดของเตียงโดยสวมอาภรณ์เรียบร้อย เว้นที่ว่างกว้างเท่าหนึ่งคนนอนได้ไว้ตรงกลาง กลิ่นหอมกรุ่นจางๆ ซ่านเข้าจมูก ตอนกลางวันขณะที่เขาอุ้มนางก็ได้กลิ่นหอมอ่อนจางเช่นนี้ หอมจรุงใจยิ่งนักเขาหลับตา ทำอย่างไรก็นอนไม่หลับ เขากลั้นหายใจรวบรวมสมาธิ เตือนตัวเองว่าแม้จะนอนร่วมเตียงกับสตรีผู้หนึ่งก็สามารถทำได้ถึงขั้นจิตใจไม่วอกแวกเจียงเฟิ่งหัวไม่ใช่คนที่เขารัก นางเป็นเพียงสตรีอ่อนแอที่มีดีเพียงรูปโฉม ไม่อาจมีความคิดนอกลู่นอกทางกับนางเป็นอันขาดหันไปมองเจี

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 5

    วันนี้เซี่ยซางสวมชุดแพรทรงตรงสีม่วง ตรงเอวรัดด้วยแถบผ้าแพรปักดิ้นทองลายเมฆสีเดียวกันเส้นหนึ่ง ผมสีดำสนิทรวบไว้ครอบด้วยมงกุฎทองคำประดับหยก รูปร่างสูงโปร่งยืนแผ่นหลังตั้งตรง ทั้งตัวคนแลดูหล่อเหลาสง่างาม กอปรด้วยราศีสูงศักดิ์ที่ติดตัวมาแต่กำเนิดส่วนเจียงเฟิ่งหัววันนี้สวมเสื้อคลุมเนื้อบางสีม่วงอ่อน ข้างในสวมเกาะอกและกระโปรงร้อยจีบสีฟ้าเทา ไหล่กลึงเกลาดุจแกะสลัก เอวอ้อนแอ้นอรชร ลำคอของนางเรียวยาว ผิวพรรณขาวพิสุทธิ์เกลี้ยงเกลา บุคลิกภาพดุจกล้วยไม้ในหุบเขา การแต่งกายแต่ละแบบสามารถขับเน้นเสน่ห์ที่ไม่ซ้ำกันของนาง ผมทรงมวยเมฆาในวันนี้ยิ่งขับเน้นความสุภาพเรียบร้อย แลดูทั้งสง่างามและหรูหรา นางแต่งหน้าอย่างประณีตงดงาม เดินตรงมาทางเขาด้วยฝีเท้าแช่มช้า“หม่อมฉันคารวะท่านอ๋อง” น้ำเสียงของนางอ่อนหวาน ต่างจากท่าทางปล่อยตัวตามสบายเปี่ยมเสน่ห์เย้ายวนเมื่อคืนนี้ลิบลับ กิริยาที่นางแสดงออกก็คือมาดของชายาอ๋องเซี่ยซางใจสั่นระรัว หันหน้ามากล่าวเสียงเย็นชา “ตามธรรมเนียมแล้ว วันนี้ข้าจะต้องพาเจ้าเข้าวังไปคารวะขอบพระทัย ถ้าเจ้าเตรียมตัวเสร็จแล้ว พวกเราก็ไปกันเถอะ!”“เพคะ” เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวไ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 6

    ภายในตำหนักคุนหนิง วังหมัวมัวรายงานเรื่องที่พวกเขายังไม่ได้ร่วมหอกันต่อเฉิงฮองเฮา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างนอก ฮองเฮาก็ทราบแล้วเช่นกัน ไม่ว่าเจียงเฟิ่งหัวทำได้อย่างไร สุดท้ายนางก็รักษาเกียรติของตนเองเอาไว้ได้เฉิงฮองเฮาเลิกคิ้วงามขึ้นเล็กน้อย เอ่ยเสียงเรียบ “ถ้าเจียงเฟิ่งหัวเป็นคนมีความสามารถ การร่วมหอย่อมเป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็ว จากที่เห็นวันนี้ นับว่าข้าเลือกชายาที่ดีคนหนึ่งให้ซางเอ๋อร์แล้วสินะ”“ท่านอ๋องเดี๋ยวประคองขึ้นเดี๋ยวประคองลง คิดว่าคงโปรดพระชายาเป็นแน่เพคะ” สี่หมัวมัวเอ่ยมาอีกว่า “องค์หญิงเก้าช่างไม่รู้ความเกินไปแล้ว มาถึงหน้าประตูตำหนักแล้วแท้ๆ ก็ยังไม่เข้ามาคารวะทักทายฮองเฮา ไม่รู้จริงๆ ว่ากุ้ยเฟยสั่งสอนอย่างไร”“ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องได้รับบทเรียนแน่” เฉิงฮองเฮารังเกียจเซี่ยหลิงเอ๋อร์ด้วยเช่นกันสี่หมัวมัวยินดีในคราเคราะห์ของผู้อื่น “ตั้งแต่กำหนดเรื่องมงคลของท่านอ๋อง กุ้ยเฟยก็ไปร้องไห้ต่อหน้าฝ่าบาทมาแล้วหนหนึ่ง บอกว่าคุณหนูซูกับท่านอ๋องของพวกเราชอบพอกัน ต้องการขอพระเมตตาให้คุณหนูซู สุดท้ายฝ่าบาทปฏิเสธกุ้ยเฟยไปโดยอ้างว่ากษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ ยามนั้นสีหน้าปั้นยากยิ่งนัก

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 7

    ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวเอ่ยเนิบช้าว่า “หม่อมฉันได้ยินท่านพ่อชื่นชมท่านอ๋องมาตั้งแต่เล็กแล้วว่าเพียบพร้อมทั้งบุ๋นบู๊ เฉลียวฉลาดมากความสามารถมาตั้งแต่ยังเยาว์ เคยเข้าไปประลองกับบัณฑิตมากมายในสำนักศึกษาหลวงจนสร้างชื่อได้ในคราวเดียว ต่อมา เผ่าหูรวบรวมไพร่พลสามแสนมาโจมตีต้าโจว กองทัพศัตรูรุดหน้าเหมือนผ่าลำไผ่ เมืองต่างๆ ของต้าโจวถูกตีแตกเมืองแล้วเมืองเล่า เหิงอ๋องในวัยเพียงสิบห้าปีนำกำลังคนสิบกว่าคนบุกเข้าค่ายทหารของศัตรูไปจับเป็นผู้นำทัพศัตรู เผ่าหูถอนทัพ ครานั้นท่านอ๋องคว้าชัยชนะมาให้ต้าโจวได้อย่างงดงาม ท่านอ๋องห้าวหาญเพียงนี้ นับว่าเป็นความชอบที่เสด็จแม่ทุ่มเทสั่งสอนมาเช่นกันเพคะ”กล่าวถึงความสำเร็จครั้งใหญ่ในอดีตของเซี่ยซาง ดวงตาเฉิงฮองเฮาทอประกายภาคภูมิใจ แต่ครั้นคิดถึงว่าบุตรชายมีความสามารถโดดเด่นปานนี้แต่กลับไม่ได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ คิ้วก็ขมวดเข้าหากันอย่างอดไม่อยู่ ซางเอ๋อร์ไม่ได้รับความรักจากฮ่องเต้เป็นเพราะผลกระทบจากตนเองทั้งสิ้นดวงหน้าอ่อนเยาว์ของเจียงเฟิ่งหัวฉายแววกังขา “เสด็จแม่เป็นอะไรไปเพคะ?”“ยามนี้หัวใจทั้งดวงของซางเอ๋อร์อยู่ที่สตรีนางนั้น ข้าเองก็ปวดหัวเหมือนกัน” ฮองเฮ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 8

    อีกด้านหนึ่ง ฮองเฮาขอตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงมาให้เหิงอ๋องได้จริงๆ นางกำลังดีใจอยู่ก็ได้ยินฮ่องเต้แค่นหัวเราะ “อายุน้อยดีแบบนี้เอง ไร้ทุกข์ไร้โศก กล้าหาญมิพรั่น อยากได้ตำแหน่งก็ไม่มาขอด้วยตนเอง”ฮองเฮารีบร้อนอธิบาย “ความจริงซางเอ๋อร์มีใจแสวงหาความก้าวหน้ามากนะเพคะ ตอนที่เขายังเล็กก็...”ฮ่องเต้วางฎีกาในมือลงบนโต๊ะอย่างหนักหน่วง “เพราถูกเจ้าตามใจจนเสียคนน่ะสิ เขาถึงได้ทำอะไรตามอำเภอใจเช่นนี้ ถ้าเขามีใจแสวงหาความก้าวหน้าจริงก็คงไม่หมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องสตรี อยู่ว่างทั้งวี่วัน ต่อให้ยกตำแหน่งผู้ดูแลเขตเมืองหลวงให้เขา เขาจะทำได้ดีงั้นรึ?”สีหน้าฮองเฮาบัดเดี๋ยวเขียวคล้ำบัดเดี๋ยวซีดขาว เล็บจิกเข้าเนื้อก็ไม่รู้สึกเจ็บ นางพลันเงยหน้าขึ้นจ้องมองฮ่องเต้ตรงๆ “ฝ่าบาทจะลำเอียงก็ไม่ต้องลำเอียงถึงขนาดนี้ก็ได้กระมัง หากฝ่าบาทมีใจยุติธรรมสักนิด ปฏิบัติกับเขาเช่นเดียวกับองค์ชายคนอื่น เขาจะอยู่ว่างทั้งวี่วันเช่นนี้หรือเพคะ? มีวาจาประโยคไหนของฝ่าบาทที่ไม่ดูถูกดูแคลนเขา ตอนยังเล็กเขาเป็นเด็กเฉลียวฉลาดถึงปานนั้น...”ฮองเฮาพูดพลางรำลึกถึงความสำเร็จที่แสนยิ่งใหญ่เมื่อครั้งเยาว์วัยของเซี่ยซาง ล้วนแต่เป็

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 9

    เจียงเฟิ่งหัวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ นางจ้องมองใบหน้าของเซี่ยซางอย่างอึ้งๆ ใบหน้ายังคงเย็นชาแข็งทื่อดุจน้ำแข็ง การกระทำยิ่งหยาบกระด้าง เขาวางนางลงบนตั่งนุ่มโดยไม่ทะนุถนอมเลยสักนิด “ก่อนที่หมอหลวงจะมา ข้าจะตรวจให้เจ้าก่อนว่าบาดเจ็บถึงกระดูกหรือไม่”“ท่านอ๋องทำเป็นหรือเพคะ?” ดวงตาคู่งามของเจียงเฟิ่งหัวทอประกายวาบเซี่ยซางไม่อยากอธิบายว่านั่นเป็นทักษะพื้นฐานที่คนในกองทัพต้องมี น่าเสียดายที่เขาไม่อาจเข้าสู่สมรภูมิอีกแล้ว เสด็จพ่อรังเกียจตนเอง ยามนี้ก็ทอดทิ้งเขาไปแล้วเซี่ยซางเปิดชายกระโปรงของนางขึ้นด้วยตนเอง ถอดถุงเท้าออก เห็นเท้างามเกลี้ยงเกลาของนางแดงเถือก บริเวณข้อเท้าบวมนูน ปลายนิ้วเขากดลงเบาๆ เจียงเฟิ่งหัวก็เจ็บปวดจนน้ำตาหลั่งรินลงมาเซี่ยซางเห็นคนงามที่ดวงตาปริ่มน้ำกัดผ้าเช็ดหน้าไม่ยอมส่งเสียงร้องออกมาตรงหน้าก็พูดว่า “เจ็บก็ร้องออกมาเถอะ ร้องออกมาแล้วก็จะดีขึ้นบ้าง”เจียงเฟิ่งหัวน้ำตาไหลไม่หยุด ดวงตาปิดแน่น ส่ายหัวน้อยๆ เนื่องจากเจ็บปวดสุดทานทน นางถึงขั้นเริ่มกัดหลังมือของตัวเองเซี่ยซางไม่เคยเห็นสตรีที่กลัวเจ็บเพียงนี้มาก่อน เขายังไม่ทันลงมือด้วยซ้ำ ประเดี๋ยวตอนประคบเย็นจะยิ่งเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 10

    กว่าจะประคบเสร็จไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ข้อเท้าของเจียงเฟิ่งหัวค่อยๆ ดีขึ้นทีละนิด ไม่บวมมากเหมือนเดิมแล้วเจียงเฟิ่งหัวราวกับเจ็บปวดจนเจียนสลบ ซบลงในอกเขาด้วยสติเลือนราง ยามนั้นบนหน้าผากและหว่างคิ้วของนางมีหยดเหงื่อเกาะพราว ร่างกายก็เหมือนจะเหงื่อออกจนเปียกชื้น ลักษณะเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวชวนให้คนสงสารลูกกระเดือกของเซี่ยซางขยับขึ้นลง หัวใจเต้นรัวแรง เจียงเฟิ่งหัวขยับยุกยิกในอ้อมอกเขาอย่างไม่ยอมอยู่นิ่ง โชคดีที่ในตำหนักมีพวกเขาเพียงสองคน มิฉะนั้นหากปล่อยให้นางกำนัลกับขันทีมาเห็นพวกเขาในสภาพนี้คงได้เข้าใจผิดว่าทั้งคู่เพิ่งกระทำเรื่องที่พบพานผู้คนไม่ได้มาเป็นแน่แท้นอกตำหนัก เฉิงฮองเฮาให้หมอหลวงทิ้งยาแก้ฟกช้ำไว้ให้ก็บอกให้เขาจากไปริมฝีปากนางโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบาง ทำให้คนไม่อยากเข้าไปรบกวนในตำหนักสี่หมัวมัวเอ่ยข้างหูนาง “บ่าวไม่เคยเห็นท่านอ๋องมีน้ำอดน้ำทนเพียงนี้มาก่อนเลยเพคะ ถ้าพระชายาได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องก็เป็นการช่วยคลายความกังวลให้ฮองเฮาได้พอดี บุตรีสกุลซูผู้นั้น...”“ซางเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับความรู้สึก เขาไม่มีทางทอดทิ้งซูถิงหว่านเพื่อเจียงเฟิ่งหัว ตอนนี้คงต้องดูว่าซางเ

บทล่าสุด

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 294

    “ท่านอ๋องทรงคิดเห็นอย่างไรเพคะ?” เจียงเฟิ่งหัวถาม“ไม่รบย่อมเป็นการดีที่สุดอยู่แล้ว แต่ว่าหากพวกมันคิดอยากมารนหาที่ตายจริง ๆ ต้าโจ้วก็ไม่กลัวพวกมัน” แววตาเซี่ยซางลุ่มลึก มีความเหี้ยมเกรียมแผ่ออกมา “เสียงจากขุนนางใหญ่ในราชสำนักที่ถวายคำแนะนำให้เจรจาสันติภาพมีมากกว่าเสียงที่สนับสนุนให้เตรียมรับสงคราม พวกผู้เฒ่าเหล่านั้นกลับไม่รู้ว่ายิ่งถอย พวกเผ่าหูยิ่งกำเริบเสิบสาน พวกมันก็จะยิ่งนึกว่าต้าโจวกลัวพวกมัน เรื่องนี้ก็จะไม่มีวันจบสิ้น”เจียงเฟิ่งหัวน้ำเสียงสบาย ๆ ในแววตาเหมือนมีแสงดาวส่องประกาย นางถึงกับดูเหมือนว่าหลงใหลและบูชาเขาอย่างไม่ลืมหูลืมตาเลยทีเดียว ทำให้เซี่ยซางนึกว่าในสายตาและในใจนางมีแต่เขาและเขาเท่านั้น เติมเต็มความรู้สึกชายเป็นใหญ่ของเขานางยิ้มน้อย ๆ กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “หม่อมฉันเชื่อว่าท่านอ๋องต้องปกป้องประชาราษฎรชาวต้าโจวได้อย่างแน่นอนเพคะ หากจะต้องสู้รบคราวนี้จริง ๆ ต้าโจวของเราก็มีโอกาสที่จะชนะ หม่อมฉันสนับสนุนท่านอ๋องอย่างไม่มีเงื่อนไข ต่อให้เลวร้ายที่สุด พวกเราก็ยังมีศาลาการกุศล ช่วงที่ท่านไม่อยู่ พระชายาอ๋องสาวและพระชายาอ๋องรอง อีกทั้งเหล่าสตรีในเมืองหลวง พวกนาง

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 293

    เหลียนเย่ลากอ้าวเสวี่ยลงไปนั่นบนตั่งด้านข้างเลย เริ่มนวดให้นางไปมาหลายแบบ คลายเส้นและกล้ามเนื้อ มีคนปรนนิบัติพัดวีเช่นนี้ อ้าวเสวี่ยก็รู้สึกเพียงว่าสบายไปทั้งตัว“จอมยุทธ์หญิงอ้าวเสวี่ยรู้สึกอย่างไรบ้าง ฝีมือนวดพอใช้ได้ไหม เมื่อก่อนทุกครั้งพระชายาฝึกกำลังเสร็จแล้วข้าเป็นคนคลายเส้นให้นางทั้งนั้น ต่อไปทุกครั้งที่ท่านฝึกวรยุทธ์เสร็จ ข้าก็ช่วยท่านได้ รับรองว่าจะทำให้ร่างกายท่านมีทรวดทรงองค์เอวสวยงามขึ้นมา ใบหน้าเล็ก ๆ ก็จะงดงามดึงดูดสายตาคน” เหลียนเย่ปากหวานมาก หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดูทันใดนั้นอ้าวเสวี่ยก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมามองเจียงเฟิ่งหัวแวบหนึ่ง ในมือนางถือหนังสือไว้ พิงอยู่บนตั่ง มองดูยิ่งดูสงบเยือกเย็นขึ้นเรื่อย ๆ สีหน้าของนางขาวใสเปล่งประกายราวกับหยก ช่างงดงามจับใจเสียยิ่งกว่าสาวงามในภาพวาดจริง ๆ อ้าวเสวี่ยพึมพำอยู่ในใจ เรือนร่างของพระชายาที่มีทรวดทรงองค์เอวงดงามเช่นนี้ก็เพราะได้เหลียนเย่ช่วยนวดให้นางหรือ?นางรู้ว่าพระชายาเป็นคนดี แค่เพียงทุกครั้งเวลาที่นางไปศาลาการกุศล เรื่องที่นางทำก็ทำให้นางรู้สึกเลื่อมใสแล้ว เด็ก ๆ ที่ศาลาการกุศลต่างก็ชื่นชอบนางเป็นอย่างมาก ยามนางสอนให้พวกเ

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 292

    อ้าวเสวี่ยงุนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก นางเป็นคนที่ฝึกวรยุทธ์ ยิ่งไม่ได้บอบบางแบบเหล่าคุณหนูที่อยู่แต่ในห้องหับ นางกัดฟันกินเข้าไปจริง ๆ แต่ว่ารสชาตินี้ก็แย่เกินไปแล้วกระมัง!เจียงเฟิ่งหัวกล่าวอีกว่า “หงซิ่ว เจ้าไปเรียกคุณหนูซู่ซู่มาที่จวนซิ นางมาไกล กลับมาเมืองหลวงจากเจียงหนานพร้อมท่านอ๋อง ต้องดูแลนางอย่าให้บกพร่อง พวกเจ้าต้องคอยดูแลทุกด้าน”“เพคะ บ่าวทราบแล้ว พระชายาวางได้เถอะเพคะ คนที่ท่านอ๋องพึงพอใจ บ่าวต้องรับใช้เป็นอย่างดีแน่นอน อากาศเย็นแล้ว บ่าวก็จะให้คนส่งเสื้อผ้าไปให้เพคะ” หงซิ่วกล่าวอย่างเคารพนบนอบซูถิงหว่านไม่ได้กินแม้แต่คำเดียว ได้ยินเจียงเฟิ่งหัวครู่หนึ่งก็พูดถึงคุณหนูอ้าวเสวี่ย อีกครู่หนึ่งก็พูดคุณหนูซู่ซู่ อีกทั้งยังล้วนเกี่ยวข้องกับเซี่ยซาง หรือว่าในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมานี้เซี่ยซางมีผู้หญิงเพิ่มมากมายถึงเพียงนี้อีกซูถิงหว่านมองเจียงเฟิ่งหัวอย่างเหม่อลอย เห็นเพียงว่านางสบาย ๆ ไร้กังวง ไม่โกรธหึงหวงแม้แต่นิดเดียว หรือว่าในใจนางไม่รู้สึกเดือดร้อนเลยนะนางแค่ได้ยินก็โมโหแล้วไม่ได้ นางจะอยู่นิ่งรอความพินาศไม่ได้แล้ว ในเมื่อกลับมาแล้ว ก็ต้องคิดหาวิธีมัดใจเซี่ยซางไว้ ไม่

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 291

    นางลูบเสื้อคลุมขนจิ้งจอกที่ใส่อยู่ไปมา หวนนึกถึงชีวิตของนางที่ผ่านมาในช่วงหลายเดือนก่อน ช่างลำบากเกินบรรยาย ฮองเฮายังให้นางคัดบทสวดมนต์ทุกวัน นางมือจะหักอยู่แล้ว ในภูเขาก็หนาวอีกด้วย ไหนเลยจะมีเสื้อคลุมขนสัตว์ที่ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายเหล่านี้และเตาผิงที่ใช้อุ่นมือส่วนเจียงเฟิ่งหัวนั้นหรือ อยู่ดีมีสุขชีวิตหรูหราฟู่ฟ่าอยู่ในจวนอ๋อง ใช้ชีวิตราวกับเป็นเทพเทวดา เซี่ยซางยังมอบเสื้อผ้าให้นางมากมายขนาดนี้อีกด้วย เขาเคยนึกถึงบ้างไหมว่านางอยู่ที่วัดคนเดียวทั้งเหงาหงอยทั้งเหน็บหนาวต่อให้เกลียดแค่ไหน นางก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า แต่ในใจกลับริษยาจนแทบจะอกแตกตายเมื่อเจียงเฟิ่งหัวรับประทานอาหารมื้อเช้าเสร็จ นางจึงค่อยกล่าวว่า “พระชายารองคงกินอาหารเช้ามาแล้วสินะ อาหารที่ข้ากินเหล่านี้เจ้าคงกินไม่เป็นแน่ หากยังไม่ได้กินมา ข้าจะให้ทางห้องครัวทำให้เจ้าใหม่ เจ้าชอบกินอะไรก็บอกข้ามาได้เลย”นางสีหน้าแช่มชื่น ยิ้มแย้มแจ่มใส น้ำเสียงนั้นยิ่งอ่อนโยนราวกับสายน้ำ ท่าทางอย่างนายหญิงเจ้าของบ้าง นางพูดเช่นนี้ทำให้ซูถิงหว่านเหมือนกลายเป็นคนนอกคนหนึ่งซูถิงหว่านก้มศีรษะลง น้ำเสียงก็ทั้งอ่อนหวานทั้งออดอ้อน “หม

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 290  

    คอยกระทั่งอ้าวเสวี่ยออกไปแล้ว รอยยิ้มบนมุมปากของเจียงเฟิ่งหัวค่อย ๆ จางหายไป แววตาของนางคมกริบดุจเหยี่ยว ในมือกำกริชเล่มหนึ่งเอาไว้ ข้อมือหมุนอย่างรวดเร็ว คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ ด้ามมีดวาววับดุจแสงอสนีบาตฟาดลงมากลางความมืดยามราตรี ทำให้ผู้คนลายตา ดึกเพียงนี้แล้วเซี่ยซางยังไม่กลับมาอีก นางเองก็นอนไม่หลับ นางเดาว่า อีกไม่นานซูถิงหว่านคงใกล้จะได้กลับจวนอ๋องแล้ว ถึงขั้นอาจจะได้รับความรักใคร่โปรดปรานจากเซี่ยซางใหม่อีกครั้งหนึ่งด้วย นางพยายามมาแล้วหนึ่งปี เพื่อให้เขาพึงใจตนเอง สุดท้ายก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับอำนาจทหารของสกุลซู ดังนั้นหากคิดว่าบุรุษพึ่งพาได้ แม่หมูก็คงปีนต้นไม้ได้แล้วเหมือนกัน หลังจากนี้อ้าวเสวี่ยจะต้องคอยติดตามรับใช้นาง หากต่อหน้าอ้าวเสวี่ยไม่แสดงฝีมือออกไปบ้าง เกรงว่าจะทำให้นางลำบากในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ในภายหลังได้ แทนที่จะกลัวหน้ากลัวหลังทำตัวเป็นแจกันใส่บุปผาตั้งนิ่งอยู่เฉย ๆ ไม่สู้ตัดสินใจเป็นพระชายาเหิงอ๋องที่กล้าหาญดีกว่า ดูว่าอ้าวเสวี่ยจะเลือกอย่างไร หากว่าอ้าวเสวี่ยนำทุกเรื่องไปรายงานต่อเซี่ยซางทั้งหมด นางก็ไม่จำเป็นต้องให้อ้าวเสวี่ยคอยคุ้มกันอยู่ข้างกายอีก

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 289  

    กว่าเจียงเฟิ่งหัวจะกลับถึงจวนอ๋องท้องฟ้าก็มืดแล้ว นางเหนื่อยมาทั้งวัน รู้สึกอ่อนล้าเต็มที ล้างหน้าสางผมลวก ๆ ก็เอนกายนอนบนตั่งนุ่มเพื่อหลับตาพักผ่อน เซี่ยซางไม่ได้กลับมาพร้อมกับนาง เขาคงจะทราบเรื่องที่เกิดในจวนสกุลจางวันนี้แล้วกระมัง! ซูเซวี่ยนกลับมาถึงเมืองหลวงก็ไปพบเขาทันที ดูเหมือนว่าเซี่ยซางคงติดต่อกับสกุลซูมาได้สักระยะใหญ่แล้ว ในตอนนี้เอง อ้าวเสวี่ยก็ปรากฏตัวขึ้นมาตรงหน้านาง “พระชายา ท่านกำลังงีบหลับอยู่หรือเพคะ?” “อืม” เจียงเฟิ่งหัวใช้เสียงนาสิกตอบกลับ นางไม่ได้หลับลึก เพียงแต่หลับตาลงแล้วก็ไม่อยากลืมตาขึ้นมาแล้วก็เท่านั้น หลังจากตั้งครรภ์นับวันนางก็ยิ่งขี้เซา จิตใจอ่อนเพลียไม่ฮึกเหิม เพียงอยากปล่อยวางเส้นประสาทที่ตึงเครียดแล้วกลับมาเป็นตนเองก็พอ นางอยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย นัยน์ตาคู่สวยชำเลืองมอง พวงแก้มสีผลท้อเจือด้วยรอยยิ้ม กลิ่นอายอ่อนโยนดุจกล้วยไม้ งามล้ำเหนือสรรพสิ่ง อบอุ่นอ่อนโยนเกินพรรณนา อ้าวเสวี่ยรู้สึกมึนงง ในเมื่อหลับไปแล้วเหตุใดยังได้ยินนางพูด หลายเดือนที่นางเข้ามาในจวนอ๋อง พระชายาเหิงอ๋องไม่เคยมองนางเป็นบ่าวรับใช้แม้เพียงสักครั้ง ความสุขสงบสบายใจแบบนั้นเป็นส

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 288  

    นางมิได้ลงมือสังหารจีเฉินในจวนสกุลจาง เป็นเพราะไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้สกุลจาง หากว่าเกิดคดีฆาตกรรมขึ้นเรื่องจะกลายเป็นอีกแบบทันที เจียงเฟิ่งหัวไม่มีทางล่วงเกินท่านเจ้ากรมกลาโหมอย่างเด็ดขาด วันนี้ทำให้หลี่เฉิงเสียเปรียบ ก็นับว่าสั่งสอนบทเรียนหนึ่งให้เขา นางไม่ได้ปรากฏหน้า ชิวจวี๋ก็หนีไปแล้ว สกุลหลี่หาทางทำอะไรนางไม่ได้ มีเพียงคนอย่างจีเฉินเท่านั้นที่ชวนให้รู้สึกหวาดกลัว วันนี้คนที่ออกหน้ามาช่วยชีวิตจีเฉินไว้คือผู้ใด เจียงเฟิ่งหัวเองก็ไม่ทราบ เพราะจีเฉินในชาติก่อนมีซูถิงหว่านที่คอยให้การปกป้องสนับสนุน จนได้เลื่อนขั้นขึ้นไปได้อย่างต่อเนื่อง ชาตินี้ ซูถิงหว่านถูกส่งไปที่อื่นแล้ว จีเฉินก็ถูกขับไล่ออกจากจวนเหิงอ๋อง ทำให้เขาต้องไปพึ่งพาสกุลซู เจียงเฟิ่งหัวลองตัดคนทั้งหมดที่เป็นไปได้ออกแล้วก็ยังคิดไม่ตกว่าจีเฉินจะยังมีความสามารถอะไรที่ดึงดูดให้คนมาโหยหา จีเฉินในชาติก่อนก็มีความเกี่ยวข้องกับสกุลซู หรือว่าคนที่ช่วยเขาไว้จะเป็นคนผู้นี้? ในตอนนี้เอง เหลียนเย่ก็วิ่งถลันเข้ามา พร้อมร้องตะโกนไม่หยุดปาก “พระชายาเพคะ” เหลียนเย่วิ่งมาจนกระหืดกระหอบ “ในที่สุดก็พบท่านเสียที ท่านอ๋องมาแล

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 287  

    ฮูหยินผู้เฒ่าจางมิได้ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องใหญ่ ก็เพราะวันนี้เป็นวันออกเรือนของจางอวี่มั่ว ฮูหยินรองจางทำเรื่องพรรค์นี้ออกมา ศักดิ์ศรีเกียรติยศของสกุลจางเองก็เสื่อมเสียเช่นกัน เจ้ากรมหลี่กล่าวขอโทษแล้วก็พาตัวหลี่เฉิงกลับทันที ทว่าจีเฉินกลับไม่มีผู้ใดสนใจเขา ทั้งหมดเป็นเพราะจีเฉินเล่นลูกไม้ ฮูหยินผู้เฒ่าจางออกคำสั่งทันใด “ตีมัน ตีจนกว่ามันจะยอมสารภาพความจริงออกมาแล้วค่อยหยุด” จีเฉินถูกมักมือมัดเท้า “พวกเจ้าจะทำร้ายข้าไม่ได้ ข้า…ข้าเป็นพี่ชายร่วมสาบานของเหิงอ๋อง” “ท่านอ๋องทรงเกียรติและสง่าผ่าเผย จะมีพี่ชายร่วมสาบานเป็นพวกต่ำช้าอัปรีย์ลักลอบทำเรื่องผิดศีลธรรมลับหลังอย่างเจ้าได้อย่างไร” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยเสียงเหี้ยม “ตีมัน” ไม้กระดานฟาดลงบนตัวของจีเฉินเสียงดัง “เพียะๆ” จีเฉินคำรามด้วยโทสะออกมา “จวนกั๋วกงผู้ยิ่งใหญ่ไยจึงกล้ามองชีวิตคนเหมือนต้นหญ้า ทั้ง ๆ ที่เป็นฝีมือของเจียง…” ฮูหยินผู้เฒ่าไหนเลยจะให้โอกาสเขาพูดได้อีก ก็สั่งให้คนจัดการอุดปากเขาไว้ทันที ก่อนจะทุบตีจนเขาผิวหนังแตกเนื้อยับ ......เจียงเฟิ่งหัวได้ทราบข่าวว่าฮูหยินผู้เฒ่าจัดการลงโทษจีเฉินแล้ว มุมปากของนางก็

  • ย้อนชะตาวิวาห์รัก ชาตินี้ข้าขอเป็นฮองเฮา   บทที่ 286  

    ตอนที่ฮูหยินรองเป็นผู้ดูแลเรือน ฮูหยินสามเคยถูกนางกดขี่รังแกไม่น้อย เรื่องในวันนี้ก็ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของคนใจดีคนไหน ปกติที่นางไม่ชอบพูดไม่ใช่เพราะนางพูดไม่เก่ง แต่เป็นเพราะไม่อยากทำให้ฮูหยินรองไม่พอใจ ทว่าตอนนี้นางย่อมต้องฉวยโอกาสเหยียบย่ำดูแคลนฮูหยินรองให้เต็มที่อยู่แล้ว ญาติคนอื่นของสกุลจางเองต่างก็มองนางเป็นเรื่องขบขัน ยามปกติฮูหยินรองก็มีกิริยาหยิ่งยโสโอหัง พูดจาก็หยาบคายไม่น่าฟัง อีกทั้งยังชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดสักคนออกหน้าช่วยพูดปกป้องนาง หลี่เฉิงมองสถานการณ์ออกชัดเจน ย่อมรู้ว่าตนเองถูกใครบางคนวางแผนใส่ร้าย ก็รีบสลัดตัวจากวงล้อมของพวกบ่าวรับใช้ออกมาเตะจีเฉินไปหนึ่งที พร้อมกล่าวด้วยเสียงเย็นเยียบ “เรื่องนี้ข้าไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ แน่” เขาเอื้อมมือไปฉวยเสื้อผ้าขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ ทว่านั่นกลับมิใช่อาภรณ์ของเขา สิ่งที่คว้ามาได้กลับเป็นเสื้อนอกของฮูหยินรอง เรียกเสียงฮาครืนจากรอบข้างขึ้นมาได้ทันที เขาตวาดด้วยเสียงกราดเกรี้ยว “มองอะไร ไสหัวออกไปให้หมด” ฮูหยินผู้เฒ่าจางจำเขาได้ “ใต้เท้าหลี่ เหตุใดจึงเป็นท่าน ท่านเข้ามาที่เรือนหลังของสกุลจางได้อย่างไร มิหนำซ้ำ

สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status