มาอยู่ในร่างมารดาที่เดิมต้องตายไปแล้วของนางร้ายตัวฉกาจในนิยายเรื่องหนึ่ง สตรีที่งามล่มเมืองหากแต่มีสามีผู้ชั่วร้าย แล้วหญิงสาวที่ไม่เคยมีลูกเช่นนางต้องเลี้ยงดูเด็กคนนี้อย่างไร? ให้ตายเถอะ!
View Moreวันนี้เป็นวันเริ่มต้นการถอนพิษกู่ในวันแรกท่านหมอมู่เป็นผู้ฝังเข็มให้กับเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋องด้วยตนเอง โดยมีเว่ยเหนียงเป็นผู้ช่วย การฝังเข็มกินเวลากว่าสามชั่วยามก่อนที่เข็มทุกเล่มจะถูกถอนออกในเวลาต่อมาแล้วให้ทั้งคู่ดื่มยาที่ถูกปรุงขึ้นแล้วพักผ่อนอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการถอนพิษทำให้ทั้งเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋องหลังจากดื่มยาเสร็จจึงได้หลับไปในทันที ท่านหมอมู่สั่งให้องครักษ์เฝ้าดูแลเอาไว้ก่อนที่ตัวเขาจะออกมาพักผ่อนบ้างเช่นกัน"หากมีสิ่งใดผิดปกติให้รีบไปแจ้งข้าที่เรือนรับรองทันที" มู่หลงหันไปเอ่ยกับองครักษ์ส่วนตัวของเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋อง"ขอรับ/ขอรับท่านหมอ"ในขณะเดียวกันห้องด้านข้างที่ถูกปรับแต่งให้เป็นห้องที่ใช้ต้มยานั้น เว่ยเหนียงเป็นผู้ดูแลหนอนเหมันต์ด้วยตนเองแต่ในขณะที่นางกำลังจะสัมผัสที่ตัวของมันหญิงสาวก็รับรู้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างก่อนจะรีบชักมือกลับในทันที มือขวาของหญิงสาวยกขึ้นทาบที่หน้าอกด้วยความตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจะเป็นเช่นที่คิดเอาไว้นี่คงไม่ใช่ว่านางถูกพิษของมันแล้วกระมัง? จะเป็นไปได้อย่างไรในวันที่จับมันมา นางยังสามารถทำได้อย่างสบายไม่
เว่ยเหนียงคอยสังเกตพฤติกรรมของสามีภรรยาที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่ให้คลาดสายตาก่อนที่จะเชื่อสนิทใจว่าคนทั้งคู่นั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนใกล้ที่จะแยกทางจากกันในเร็ววันนี้แล้วทางด้านเป่ยติ้งหรงอ๋องที่ได้ลงความเห็นและปรึกษากับมู่หลงว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นการเริ่มต้นรักษาพิษกู่ทั้งของเขาและเยี่ยอ๋อง โดยให้ทั้งคู่พักฟื้นในห้องเดียวกันหากแต่แยกเตียงให้ไกลในระยะที่จะไม่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้"เช่นนั้นก็เริ่มลงมือในวันพรุ่งนี้เถิด" เป่ยติ้งหรงอ๋องกล่าว"ได้ ข้าจะให้เว่ยเหนียงเตรียมตัว แต่หากว่าท่านเปลี่ยนใจ...""ไม่ต้องหรอก""ข้าเองก็รู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ต้องขออภัยท่านเป็นอย่างยิ่ง" มู่หลงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด"ไม่ใช่ความผิดของท่านแม้แต่น้อย เอาไว้จัดการเรื่องพิษแล้วเราค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันภายหลังเถิด""ได้" หมอหนุ่มเอ่ยรับปาก หลังจากที่เป่ยติ้งหรงอ๋องจากไปแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา หากไม่ใช่ว่านางเป็นคนที่สามารถจับหนอนเหมันต์ได้แล้วละก็เขาจะไม่มีวันพานางมาด้วยเด็ดขาด เว่ยเหนียงเป็นคนเช่นไรเขาที่เป็นศิษย์พี่ย่อมรู้ดีที่สุด เพียงแต่ชายหนุ่มไม่คาดคิดเลยว่าในครั้งนี้หญิงสาวจะกล้าลงมือรุนแรงเ
รถม้าเคลื่อนตัวมาจอดเทียบยังหน้าเรือนในหมู่บ้านตระกูลเสิ่น เมิ่งจิ่วซือกับบุตรสาวจับจูงมือกันเดินเข้ามาในเรือนก่อนจะพบกับร่างสูงของเป่ยติ้งหรงอ๋องที่ยืนทำสีหน้าบึ้งตึงอยู่ แขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มไพล่หลังราวกับกำลังรอนางและบุตรสาวอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวที่เห็นท่าทางแปลกประหลาดของอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแค่เลิกคิ้ว พร้อมกับนึกในใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นอีก"พวกเจ้าพาคุณหนูกลับเข้าเรือนไปแช่น้ำอุ่นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่" เมิ่งจิ่วซือหันมาเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองก่อนที่สาวใช้ทั้งสองจะพาเด็กน้อยเดินกลับไปยังเรือนนอนตู๋กูรั่วหวาหันมามองมารดาของนางเพียงครู่ก่อนจะหันกลับไป ดูท่าแล้วฤทธิ์ยานั่นคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วท่านพ่อของนางจึงได้มีท่าทางเช่นนั้น ไม่รู้ว่าท่านแม่จะสามารถรับมือกับเขาได้หรือไม่? แม้ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงมารดาอยู่บ้างแต่เด็กน้อยก็เชื่อในฝีมือของเมิ่งจิ่วซือ มารดาไม่เคยทำให้นางผิดหวังสักครั้งรอดูเถิดครั้งนี้ก็คงเช่นกัน เอาเป็นว่าคนที่น่าเป็นห่วงกลับกลายเป็นบิดาของนางเสียมากกว่า"ท่านอ๋อง" เมิ่งจิ่วซือเอ่ยเรียกสามีเบา ๆ "วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นที่อารามเช่นนั้นหรือ?" เมิ่งจิ่วซือเลิกคิ้วคงจะเป็
ทางด้านเมิ่งจิ่วซือที่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าบุตรสาวที่ควรอยู่ข้าง ๆ กลับหายไปท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านไปมา หัวคิ้วของนางขมวดแน่นก่อนจะเอ่ยถามสาวใช้ทั้งสองด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด"คุณหนูเล่า?" อาฉือและอาเป่าต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมาส่ายหน้า ใบหน้าของพวกนางดูตกใจเป็นอย่างมากเมื่อครู่นางยังกำชับให้คุณหนูยืนรอตรงนี้ห้ามไปไหนอยู่เลย เหตุใดเผลอครู่เดียวคุณหนูของนางก็หายไปแล้วเสียเล่า"พวกเจ้ารีบสั่งให้คนของเราออกตามหาคุณหนูเร็วเข้า!" เมิ่งจิ่วซือสั่งการสาวใช้ทั้งสอง ก่อนที่ร่างบางจะรีบสาวเท้าก้าวออกจากห้องโถงใหญ่ของวัดในทันที ดวงตาของนางเฝ้าคิดว่าเจ้าตัวเปี๊ยกจะไปที่ใด ในขณะนั้นเองนางก็มองเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้า เขาคือซ่งรั่วอี้สามีของชุยฟางขาข้างหนึ่งที่ไม่ดีทำให้ชายหนุ่มเดินได้อย่างเชื่องช้าในขณะที่ชุยฟางก็เอาแต่หันมาก่นด่าชายหนุ่มไม่หยุด เดิมทีนางอยากจะตามสองคนนั้นไปเพียงแต่ตอนนี้การตามหาบุตรสาวดูเหมือนว่าจะสำคัญยิ่งกว่า"แยกย้ายกันออกไปตามหาคุณหนูให้เจอ" เมิ่งจิ่วซือหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนที่ตนเองจะเดินแยกออกไปอีกทาง ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้เด็กน้อยอย่าได้บังเ
ก่อนจะถึงวันที่ต้องทำการรักษาเป่ยติ้งหรงอ๋อง ก็มีงานไหว้เทพเจ้าเดิมทีเมิ่งจิ่วซือต้องการใช้โอกาสบางอย่างเพื่อเข้าช่วยเยี่ยอ๋องหากแต่ในตอนนี้เนื้อเรื่องดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วเมื่อเยี่ยอ๋องนั้นก็ดูจะคุ้นเคยกับบุตรสาวของนางเป็นอย่างมากก็คงจะหมดห่วงเสียทีแต่ยังคงมีอีกเรื่องที่นางไม่อาจวางใจนั่นก็คือการที่ซ่งรั่วอี้สามีของชุยฟางจะได้พบกับพระเอกของเรื่อง ก่อนที่อีกฝ่ายจะติดตามพระเอกไปยังแคว้นหนานเฉินด้วยกัน ภายหน้าคนผู้นี้จะกลายเป็นภัยต่อบุตรสาวของนางไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาวิธีไม่ให้สองคนนั้นได้พบหรือสร้างบุญคุณต่อกันเด็ดขาดนางพอจะจดจำได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงตอนกลางวัน ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ไปเตรียมตัวแล้วตั้งใจจะไปชักชวนสามีของนางให้ไปด้วยกัน ระหว่างทางที่เดินไปยังเรือนรับรองก็ได้พบกับชายหนุ่มกำลังยืนอยู่กับเว่ยเหนียง เมิ่งจิ่วซือกำลังจะเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่หากแต่อยู่ ๆ เว่ยเหนียงก็โผเข้ากอดร่างของเป่ยติ้งหรงอ๋อง เมื่อเห็นเช่นนั้นร่างบางจึงได้หยุดชะงักไม่ได้เดินเข้าไปใกล้อีกพร้อมกับเดินหันหลังจากมาทางด้านเว่ยเหนียงได้แต่ยกยิ้มก่อนจะผละออกจากร่างของชายหนุ่มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสซื่อ"ขออ
สำหรับการทานอาหารร่วมกันในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ดูเหมือนว่าเยี่ยอ๋องนั้นจะมีความสุขเป็นอย่างมาก ส่วนตู๋กูรั่วหวาก็เป็นเด็กช่างรู้ความทั้งยังช่างเอาใจทำเอาคนแก่เช่นเยี่ยอ๋องยิ้มไม่หุบ แถมยังดูเหมือนว่าเขาจะทานอาหารได้มากกว่าปกติอีกด้วย หลังจากที่แยกย้ายกันหวาหวาอาสาเดินไปส่งท่านปู่ของนางด้วยตนเองทำให้เยี่ยอ๋องมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูเข้ากันได้ดีกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้"พรุ่งนี้ปู่จะมารับเจ้า พวกเราไปเดินเล่นที่หุบเขาอีกฝั่งกันดีหรือไม่?" ตู๋กูรั่วหวาพยักหน้าก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาหัวใจของผู้เป็นปู่มีความสุขเหลือล้น"ดีเจ้าค่ะ""ฮ่า ๆ เด็กดี ๆ เช่นนั้นพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ปู่กลับละ""ท่านปู่เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ""เจ้าก็กลับเข้าไปได้แล้ว ระวังจะเป็นหวัด เจ้าพาท่านหญิงเข้าเรือนไปเสีย" เยี่ยอ๋องเอ่ยกับอาเป่าสาวใช้คนสนิทของหลานสาว"เพคะ" หญิงสาวรับคำก่อนจะรีบพาคนตัวเล็กกลับเข้าเรือนทันที เมื่อเดินเข้าเรือนมาเด็กน้อยก็เอ่ยขึ้น"ท่านอาเสิ่นไม่อยู่หรอกหรือ? เหตุใดตั้งแต่มาถึงที่นี่ข้าก็ไม่เห็นเขาแล้วล่ะ""บ่าวก็ไม่เห็นเช่นกันเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าคุณชายจะออกไปข้างนอกกระมัง
วันต่อมาดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่ค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อเยี่ยอ๋องจะมารับสำรับกลางวันพร้อมกันกับครอบครัวของเป่ยติ้งหรงอ๋อง เมิ่งจิ่วซือพยายามสรรหาเมนูแปลกใหม่ให้พวกเขาได้ลองลิ้มรสก่อนจะจบลงด้วยไก่ตุ๋นเครื่องเทศที่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายส่วนในตอนเย็นก็จะเป็นหม้อไฟหม่าล่ารสจัดจ้าน หลังจากเตรียมอาหารเสร็จก็เหลือเวลาอีกมากหญิงสาวจึงได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมานางเฝ้าคิดหาวิธีในการจัดการกู่นางพญาจึงได้ตัดสินใจเข้าไปในช่องว่างมิติแล้วได้พบกับภูตน้อยจื่อรั่วอีกครั้ง
หลังจากที่เป่ยติ้งหรงอ๋องจากมาไม่นาน เยี่ยอ๋องก็กระอักเลือดออกมาเป็นจำนวนมากก่อนที่องครักษ์จะเข้าไปประคองเขา"ท่านอ๋อง ทรงเป็นเช่นไรบ้างขอรับ""ข้าไม่เป็นไร""แต่ว่าท่านอ๋อง... จะไม่บอกเรื่องนี้กับเป่ยติ้งหรงอ๋องจริง ๆ หรือขอรับ" เยี่ยอ๋องหัวเราะที่มุมปาก ไม่จำเป็นต้องบอกเขาก็คิดว่าตู๋กูหรงเซ่อก็น่าจะรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี จึงได้พยายามหลบเลี่ยงเขามาตลอ
ชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องของภรรยาก่อนจะได้พบกับองครักษ์คนสนิท"เรียนท่านอ๋อง คนผู้นั้นมาถึงแล้วขอรับ""อื้ม" ชายหนุ่มตอบกลับอย่างเย็นชา"ท่านอ๋องจะพบหรือไม่ขอรับ""คนของเขามาอีกแล้วหรือ?""ขอรับ แจ้งว่าต้องการพบท่านแต่หากท่านอ๋องไม่ต้องการพบ ข้าน้อยจะกลับไปแจ้งเดี๋ยวนี้ขอรับ" เป่ยติ้งหรงอ๋องนิ่งเงียบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาชายผู้นั้นจงใจเข้าหาเขามาตลอดเป็นเขาเองที่คอยปฏิเสธที่จะพบหน้าเขาอยู่ร่ำไป เพียงแต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้วภายหน้าเขายังต้องการให้คนผู้นั้นคอยช่วยปกป้องภรรยาและบุตรสาวของเขาตลอดไป เมื่อเป็นเช่นนั้นต่อจากนี้เขาเองก็คงจะไม่อาจหลีกหนีความจริงที่ว่านี้ไปได้ตลอดชีวิต"ไปบอกคนของเขาว่าข้าจะไปพบ""ขอรับ ข้าน้อยทราบแล้ว"ชายหนุ่มเดินลัดเลาะพื้นที่ไปเรื่อย ๆ เขาย่อมคุ้นเคยกับที่นี่เป็นอย่างดีด้วยเพราะเติบโตมาจากนอกวังทำให้ชายหนุ่มไม่ค่อยยึดติดและเคร่งครัดในธรรมเนียมที่น่าเบื่อนั่นเท่าใดนักเดิมทีแล้วเรื่องราวข่าวลือที่ว่าเขานั้นมิใช่พระโอรสของฮ่องเต้ตู๋กูหรูเซ่อแห่งแคว้นต้าซ่งนั้นแม้ว่าผู้คนจะคิดว่า อย่างไรข่าวลือก็ย่อมเป็นเพียงแค่ข่าวลือเท่านั้น หากแต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าที่แท้แล้
"อย่าขยับ! ถ้าพวกแกไม่อยากถูกยิง ค่อย ๆ เอามือพาดที่ท้ายทอยแล้วก้มหัวลงเดินมาทางนี้!"หว่านหว่านคือหญิงสาวอายุยี่สิบเก้าเป็นลูกครึ่งไทยจีนที่ถูกมารดาทิ้งเอาไว้ในโรงพยาบาลที่เมืองจีน ก่อนที่หญิงสาวจะถูกรับเลี้ยงโดยสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้าในมณฑลเทียนจิน เธอเติบโตขึ้นมาอย่างดีด้วยเพราะเรียนเก่งจึงสามารถคว้าทุนการศึกษามาได้มากมายจนกระทั่งเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยที่ดูดีและได้เข้าทำงานในบริษัทยักษ์ใหญ่ เวลาผ่านไปอย่างช้า ๆ จนกระทั่งหญิงสาวอายุยี่สิบเก้า ในช่วงเวลาที่นับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดในชีวิต เธอพึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการของสาขาย่อยแห่งหนึ่งและกำลังจะย้ายเข้ารับตำแหน่งในอีกหนึ่งถึงสองวัน เป็นเพราะว่าต้องการทำความคุ้นเคยกับสถานที่จึงได้เดินทางมาก่อนล่วงหน้าหลายวัน ในขณะที่เธอกำลังเดินเลือกซื้อของอยู่ในห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง อยู่ ๆ ก็เกิดเหตุร้ายขึ้น อาชญากรกว่ายี่สิบคนจับลูกค้าภายในห้างแห่งนี้เป็นตัวประกันและหนึ่งในนั้นก็คือเธอเวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแต่ดูเหมือนว่าอาชญากรเหล่านั้นจะพูดคุยกับตำรวจไม่เข้าใจ พวกมันจึงไม่คิดจะปล่อยตัวประกันไป ตัวประกันถูกลากออกมาสังหารทีล...
Comments