"เรียนนายหญิง มีคนมาขอพบท่านเจ้าค่ะ"
"พบข้า ผู้ใดกัน?" หว่านหว่านแสดงสีหน้าให้เห็นอย่างชัดเจนว่านางไม่อาจไว้ใจผู้ใด นางพึ่งย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ถึงชั่วยาม ข้าวของกลับถูกเตรียมพร้อมเอาไว้จนเสร็จสรรพ แล้วในตอนนี้ยังมีคนมาหานางได้ถึงที่นี่อีก
"เป็นคนของนายท่านเจ้าค่ะ นายหญิงฝากคุณหนูไว้กับบ่าวก่อนเถิดเจ้าค่ะ"
"ไม่เป็นไรหวาหวาไม่ใช่เด็กงอแง ข้าจะพานางไปด้วย" หว่านหว่านเอ่ยออกมาตามสัญชาตญาณความเป็นแม่ทำให้นางหวาดระแวงและไม่กล้าฝากบุตรสาวไว้กับผู้ใด
"เจ้าค่ะ เชิญนายหญิงด้านนี้เจ้าค่ะ"
หว่านหว่านเดินเข้ามาในห้องรับรองเล็ก ที่มีเก้าอี้วางเอาไว้สองฝั่งอย่างเป็นระเบียบ ก่อนจะพบกับชายชราที่ดูท่าทางใจดีผู้หนึ่ง เมื่อเขามองเห็นหญิงสาวก็รีบลุกขึ้นทำความเคารพนางในทันที
"คารวะนายหญิง ข้าน้อยมีนามว่าไห่ลู่ เป็นพ่อบ้านในจวนของนายท่านเสิ่นขอรับ นายท่านกลัวว่านายหญิงจะหวาดระแวงจนกระทั่งไม่กล้าไว้ใจและอาจจะหนีไปแล้วได้รับอันตราย จึงได้ส่งข้าน้อยมาชี้แจงเรื่องต่าง ๆ ให้ชัดเจนขอรับ"
"เชิญท่านพ่อบ้านนั่งลงก่อนเถิด"
"ขอบคุณนายหญิง"
"แท้จริงแล้วนายท่านของพวกเจ้าคือใครกันแน่ หากว่าวันนี้ตัวข้าไม่ได้รับความกระจ่างชัดเห็นทีคงจะต้องปฏิเสธความช่วยเหลือแล้ว"
"นายหญิงอย่าพึ่งด่วนใจร้อนไปเลยขอรับ นายท่านของข้าน้อยมีนามว่า เสิ่นชิงหลวน เป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของนายท่านตระกูลเสิ่นแห่งเจียงหนาน ครั้งหนึ่งในตอนที่นายท่านผู้เฒ่ายังคงเป็นเพียงคุณชายที่ไม่ได้รับความสำคัญและบังเอิญได้รับความเดือดร้อนนั้นได้รับความช่วยเหลือจากนายท่านผู้เฒ่าเมิ่งขอรับ ในวันที่นายท่านผู้เฒ่าเมิ่งจากไปนายท่านผู้เฒ่าของเราก็ยังเดินทางไปร่วมงานพิธี นายหญิงอาจจะจดจำไม่ได้แล้ว"
หว่านหว่านได้ยินคำอธิบายของชายชราตรงหน้าแม้จะยังไม่เชื่อถือเต็มสิบส่วน หากแต่ก็วางใจลงเล็กน้อย หากท่านปู่มีบุญคุณต่อพวกเขาจริงในยามที่นางตกยากเช่นนี้พวกเขายังกล้ายื่นมือมาช่วยเหลือก็นับว่ามีน้ำใจเป็นอย่างยิ่ง ตัวนางเองมีฐานะค่อนข้างพิเศษ บุตรสาวของนางแม้ไม่ได้เป็นที่รักใคร่ของบิดาแต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นท่านหญิงผู้หนึ่งของสกุลตู๋กู ที่ถูกตามล่าสังหารเช่นนี้หว่านหว่านเองก็ไม่แน่ชัดว่าแท้จริงแล้วคนร้ายนั้นเป็นผู้ใดกันแน่ ในนิยายเองก็ยังเขียนให้เป็นปริศนาหากแต่ทุกอย่างนั้นชี้เป้าไปที่ตู๋กูหรงเซ่อผู้เป็นสามี แต่หว่านหว่านกลับไม่คิดเช่นนั้น นางยังมีประโยชน์ต่อเขาและเขายังไม่ได้ความลับของตระกูลเมิ่งไปคนผู้นั้นจะไม่มีวันปล่อยให้นางตาย
ในนิยายนั้นยามที่ตู๋กูรั่วหวาสังหารเขา ชายหนุ่มทำเพียงปล่อยให้บุตรสาวสังหารเขาได้ตามใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งใด ๆ ทั้งสิ้น เรื่องราวในนิยายเองก็ยังคงคลุมเครือไม่ชัดแจ้ง หว่านหว่านก็ยังแอบก่นด่าคนเขียนอยู่หลายครั้ง เพราะคนเขียนคงตั้งใจจะให้ผู้อ่านจินตนาการเอาตามใจชอบ แต่เรื่องแบบนี้จินตนาการไปก็มีแต่จะใส่ร้ายกันไปมาคิดแล้วก็อดโมโหไม่ได้ ถ้าได้กลับไปนะ! นางจะบุกไปชกหน้าคนเขียนสักตั้งโทษฐานเป็นคนไม่ชัดเจน
แต่ว่า... ดูเหมือนนางจะตายแล้วนี่นา แล้วจะกลับไปได้อย่างไรกัน
"นายท่านฝากกรรมสิทธิ์ที่ดินเรือนหลังนี้มาให้นายหญิงขอรับ ที่นี่ลงนามเป็นชื่อของท่าน นายท่านยังกล่าวอีกว่านายหญิงจะอยู่นานเท่าใดก็ได้ หากมีเรื่องเดือดร้อนสามารถให้จางเซียงอวี้ไปแจ้งข่าวที่จวนเสิ่นได้ตลอด ส่วนไห่หมัวมัวเป็นน้องสาวของข้าน้อยเอง นางไม่มีลูกหลานและเคยดูแลนายท่านมาตั้งแต่เด็ก ๆ เป็นคนที่ไว้ใจได้ ขอให้นายหญิงโปรดรับนางเอาไว้ด้วยเถิดขอรับ นายท่านจึงจะวางใจ" หว่านหว่านหันไปมองดูไห่หมัวมัวสาวใช้อาวุโสนางนี้หญิงสาวสังเกตมาได้พักใหญ่ ท่าทางซื่อสัตย์ไว้ใจได้อย่างที่กล่าวมาจริง ๆ
"เช่นนั้น ข้าต้องขอฝากคำขอบคุณไปถึงนายท่านของพวกเจ้าแล้ว"
"มิกล้า ๆ ขอเพียงนายหญิงยินดีรับสิ่งเหล่านี้ไว้ ข้าน้อยย่อมต้องกลับไปรายงานแก่นายท่านอย่างดีขอรับ"
"ขอบใจท่านพ่อบ้านมาก ส่วนไห่หมัวมัว... หากนางยินดีที่จะช่วยอยู่ดูแลหวาหวาของข้า ข้าก็ไม่ปฏิเสธก็แล้วกัน"
"บ่าวยินดีเจ้าค่ะ" ไห่หมัวมัวเอ่ยออกมาอย่างรวดเร็ว ช่วงเวลาตลอดสามวันที่นายหญิงยังไม่ฟื้นนั้น นางดูแลคุณหนูรั่วหวาจนชินแล้วทั้งยังรู้สึกรักและเอ็นดูเด็กน้อยเป็นอย่างมาก ตั้งแต่เกิดมานางยังไม่เคยพบเด็กผู้หญิงคนใดที่งดงามน่าเอ็นดูเท่าคุณหนูมาก่อน นางไม่มีลูกหลานหลังจากคุณชายเติบใหญ่ก็ยังไม่แต่งงาน ภายในจวนก็ไม่มีเด็กให้เลี้ยงดูทำให้นางใช้ชีวิตอย่างเหงา ๆ ไปวัน ๆ ได้มีโอกาสดูแลเด็กอีกครั้งหัวใจของนางก็รู้สึกกระชุ่มกระชวยยิ่งนัก
"เช่นนั้นก็ขอบใจเจ้าเช่นกันที่ยินดีจะอยู่ช่วยดูแลรั่วหวาของข้า" หว่านหว่านเอ่ยขอบคุณสาวใช้อาวุโสอย่างจริงใจ
"มิกล้าเจ้าค่ะ คุณหนูน่าเอ็นดูยิ่งเป็นบุญของบ่าวแล้วเจ้าค่ะ"
"ในวันพรุ่งนายท่านจะส่งสาวใช้มาอีกสองคนขอรับ จะได้ช่วยดูแลภายในเรือนและเอาไว้ให้นายหญิงเรียกใช้งานได้สะดวก"
"เช่นนั้นก็ขอบคุณนายท่านของพวกเจ้าอีกครั้ง"
"เช่นนั้นวันนี้ ข้าน้อยขอตัวลา"
"รบกวนไห่หมัวมัวไปส่งท่านพ่อบ้านด้วยเถิด" นางหันไปเอ่ยกับสาวใช้อาวุโส
"เจ้าค่ะ"
หว่านหว่านมองตามหลังคนทั้งสอง จนกระทั่งร่างของทั้งคู่เดินออกจากประตูเรือนไป ภายในใจของนางไม่อาจปล่อยวางได้เลยแม้แต่น้อยและไม่อาจกล่าวว่าสามารถเชื่อถืออีกฝ่ายได้อย่างเต็มปาก เพียงแต่ในตอนนี้นางยังไม่มีหนทางที่จะไปต่อยังคงต้องพึ่งพาอีกฝ่ายไปก่อน
หวาหวาเองก็ยังเล็กมากจริง ๆ ยังไม่พร้อมที่จะออกเดินทางไกล เช่นนั้นก็คงต้องปล่อยไปอย่างนี้สักพัก รอจนกว่าทุกอย่างจะพร้อมแล้วค่อยว่ากันใหม่ ถึงอย่างไรนางก็ไม่คิดที่จะอยู่ที่นี่ไปตลอดอย่างแน่นอน เพราะไม่รู้ว่ามือสังหารเหล่านั้นจะตามมาพบนางอีกเมื่อใด หากพวกมันรู้ว่านางและบุตรสาวยังไม่ตายแล้วละก็ พวกมันจะต้องตามล่านางจนสุดหล้าฟ้าเขียวเป็นแน่
หลังจากนั้นจึงได้อุ้มบุตรสาวหายกลับเข้าไปยังห้องนอนของทั้งคู่ นางวางร่างเล็กของเจ้าตัวเปี๊ยกลงบนเตียงอย่างเบามือ ก่อนจะสังเกตว่าบนร่างกายของบุตรสาวถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้าน คงเป็นฝีมือของไห่หมัวมัวที่ดูแลนางในขณะที่ร่างนี้ยังคงไม่ได้สติ หญิงสาวยกยิ้มที่มุมปากอย่างพอใจก่อนจะรั้งผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายให้บุตรสาว
ใบหน้าที่งดงามนี้เมื่อเติบใหญ่จะต้องเป็นหญิงงามล่มเมืองผู้หนึ่งอย่างแน่นอน จะว่าไปแล้วร่างนี้ของนางแทบไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับสามีอยู่เลยแม้แต่น้อย นอกจากใบหน้าที่จดจำไม่ได้แล้วเพราะได้พบเพียงแค่ครู่เดียวในคืนแต่งงานก่อนที่อีกฝ่ายจะใช้เวลาทั้งคืนกับเรือนร่างของนางท่ามกลางความมืด ภายหลังจากคืนนั้นนางก็ไม่ได้พบหน้าสามีอีกเลยมีเพียงคนของเขาเท่านั้นที่แวะเวียนมาส่งข่าวและของใช้
"สามีที่แม้แต่หน้าตาของอีกฝ่ายยังจำไม่ได้จะเรียกสามีได้อย่างไรกัน" หว่านหว่านพึมพำออกมาเบา ๆ ขณะที่นางกำลังจ้องมองใบหน้ากลมราวกับซาลาเปาของบุตรสาว ก็อดที่จะใช้นิ้วจิ้มไปที่แก้มนุ่ม ๆ ของนางไม่ได้ มือป้อม ๆ ปัดป่ายไปมาราวกับรำคาญที่ถูกกวนใจแล้วหลับต่อได้อย่างหน้าตาเฉย
นางช่างมีความสามารถพิเศษในการนอนยิ่งนัก!
ก่อนจะผละร่างออกมานั่งอยู่ที่ตั่งยาวริมหน้าต่าง หญิงสาวลองเปิดดูถุงผ้าที่ได้รับจากไห่หมัวมัว ภายในถุงผ้ามีกำไลและหยกเนื้อดีถึงสองชิ้น หว่านหว่านพลันนึกได้ว่าสิ่งนี้คือกุญแจที่ไขความลับของตระกูลเมิ่ง แต่นางไม่รู้ว่ามันใช้งานอย่างไร รู้เพียงแต่ว่าในนิยายเขียนเอาไว้ว่าผู้ที่สามารถเปิดใช้งานได้ต้องเป็นทายาทตระกูลเมิ่งที่แท้จริงเท่านั้น แต่นางเป็นเพียงวิญญาณที่มาอาศัยร่างของเมิ่งจิ่วซือจะสามารถใช้งานมันได้หรือไม่นะ?
ในขณะที่หญิงสาวเกิดคำถามบางอย่างในใจ อยู่ ๆ ก็เกิดแสงสีขาวรอบ ๆ ตัวของนาง หว่านหว่านรู้สึกแสบตาจนต้องยกฝ่ามือของตนเองขึ้นมาบัง ไม่นานแสงสีขาวนั้นก็หายไป พร้อมกับบรรยากาศรอบข้างที่ค่อย ๆ เปลี่ยนไปเช่นกัน นางลืมตาขึ้นดูก็ต้องรู้สึกแปลกใจเป็นอย่างมากจนแทบตกตะลึง นอกจากนางที่ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในนิยายแล้วยังมีเรื่องอะไรให้ต้องแปลกประหลาดใจมากเท่านี้อีกหรือไม่ เรื่องนั้นก็ว่ามากแล้วแต่ภาพตรงหน้าของนางนี่ทำเอาพูดไม่ออกจริง ๆ
"นะ นี่มัน!" ความยิ่งใหญ่อลังการเกินจะกล่าวของสิ่งที่กองอยู่ตรงหน้าทำเอาหว่านหว่านเข่าแทบทรุด ก่อนจะกะพริบตาปริบ ๆ"นี่มันบ้าไปแล้วจริง ๆ"สิ่งที่ปรากฏให้นางเห็นตรงหน้าก็คือห้องโถงขนาดใหญ่ ที่มีเงินทองกองอยู่เป็นภูเขา มากมายขนาดนี้ต่อให้ใช้ก่อตั้งราชวงศ์ก็คงจะร่ำรวยไปอีกหลายร้อยปี หว่านหว่านลองหยิบก้อนทองร้อยตำลึงขึ้นมา ก่อนที่นางจะใช้ฟันหน้าของนางลองกัดดูเพื่อพิสูจน์ในขณะที่ก้อนทองคำถูกหยิบออกจากหีบมาอยู่ในมือของนาง ทองก้อนใหม่ก็ปรากฏขึ้นแทนที่ หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะลองพิสูจน์ด้วยการหยิบทองขึ้นมาสองก้อนเพียงไม่นานทองก้อนใหม่ก็ปรากฏขึ้นแทนที่! ดวงตาของนางเบิกกว้างแล้วคิดในใจว่า นี่มันสุดยอดเกินไปแล้วจริง ๆ"ให้ตายเถอะ! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อให้ใช้ไปอีกสิบชาติก็คงไม่มีทางหมดแน่"ระหว่างนั้นก็ปรากฏภูตตัวน้อย ขนาดเท่ากับฝ่ามือของนางโผล่ออกมา ภูตน้อยมีปีกคล้ายผีเสื้อทั้งยังบินได้"เจ้าเป็นใครน่ะ!" หว่านหว่านถึงกับสะดุ้งก่อนจะเอ่ยถามไปด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ"ข้าคือภูตผู้ดูแลความลับของตระกูลเมิ่ง เจ้าคือเมิ่งจิ่วซือ ไม่ใช่สิ! ร่างคือเมิ่งจิ่วซือแต่วิญญาณนั้นไม่ใช่""เจ้ารู้!""ข้า
ย้อนกลับไปยังต้นตระกูลเมิ่งในกาลก่อนนับตั้งแต่ห้าร้อยปีก่อนบรรพชนตระกูลเมิ่งได้มีบุญคุณต่อผู้เป็นใหญ่ผู้หนึ่งเมื่อรักษาอีกฝ่ายจนกระทั่งหายดี ของวิเศษนี้จึงถูกมอบให้แก่บรรพชนตระกูลเมิ่ง หากแต่ต้องแลกมาด้วยสัญญาเลือดที่ความลับนี้จะต้องมีเพียงทายาทที่แท้จริงเท่านั้นจึงจะสามารถเรียกใช้งานของวิเศษได้ และหาก ว่าต้องการส่งต่อของวิเศษนี้แก่ทายาทรุ่นต่อไป หลังจากที่ส่งมอบแล้วผู้ส่งมอบจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของตนเองและความลับนี้จะต้องกลายเป็นความลับตลอดกาลไม่มีผู้ใดรู้ว่าความลับของตระกูลเมิ่งนั้นคือสิ่งใด หากแต่มันก็กลายเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้เป็นใหญ่ในแผ่นดินเกิดความหวาดระแวงไม่น้อย คนตระกูลเมิ่งราวกับต้องคำสาป ในทุก ๆ รุ่นจะมีทายาทที่เกิดขึ้นนั้นน้อยลงเรื่อย ๆ จนแทบเรียกได้ว่าเกือบจะสิ้นตระกูล จนกระทั่งหลายปีก่อนที่นายท่านผู้เฒ่าเมิ่งผู้เป็นท่านปู่ของเมิ่งจิ่วซือได้จากไป ตระกูลเมิ่งก็หลงเหลือนางเป็นทายาทเพียงคนเดียวสิ้นสุดนับจากนี้เมิ่งจิ่วซือได้รับราชโองการให้แต่งงานกับตู๋กูหรงเซ่อพระโอรสองค์โตของฮ่องเต้แคว้นต้าซ่ง แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่าตระกูลเมิ่งนั้นมีความลับใดซ่อนอยู่และถึงแม้ว่าจะเหลือเมิ่งจ
เช้าวันต่อมาหว่านหว่านให้คนของนางเตรียมของฝากนางตั้งใจว่าจะไปเยี่ยมเยือนเรือนของผู้นำหมู่บ้านเพื่อฝากเนื้อฝากตัวเสียหน่อย หากแต่ได้ยินเสียงเอะอะที่หน้าเรือนเสียก่อน"เกิดอันใดขึ้นหรือ?""เรียนนายหญิง ท่านผู้เฒ่าที่เป็นผู้นำหมู่บ้านมาขอพบนายหญิงเจ้าค่ะ""ขอพบข้าหรือ? รีบเชิญเขาเข้ามาเร็วเข้า"ชายชราอายุราวเจ็ดสิบกว่าร่างกายของเขายังแข็งแรง ก้าวเท้าเข้ามาในเรือนด้วยความเกรงอกเกรงใจ ก่อนจะทำความเคารพเมิ่งจิ่วซือ"คารวะนายหญิงเมิ่ง ข้าน้อยลู่ถงเป็นผู้นำหมู่บ้านตระกูลเสิ่นแห่งนี้ขอรับ"หว่านหว่านเลิกคิ้วนางพึ่งรู้ว่าที่นี่คือหมู่บ้านตระกูลเสิ่น เช่นนั้น... มิน่าเล่า"ท่านผู้เฒ่าอย่าได้มากพิธีเลยเจ้าค่ะ ข้าเองกำลังคิดว่าจะไปเยี่ยมเยือนท่านอยู่พอดี ไม่คิดว่าจะต้องให้ท่านแวะมาก่อนช่างเสียมารยาทนัก""มิกล้า ๆ นายหญิงเมิ่งอย่าได้คิดมาก อย่างไรก็ต้องมาเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันย่อมต้องช่วยดูแลกันอยู่แล้ว" หญิงสาวพอใจในท่าทีของชายชราก่อนจะส่งสัญญาณให้ไห่หมัวมัวนำของขวัญแรกพบมามอบให้กับชายชรา"นี่เป็นของขวัญพบหน้า ขอท่านผู้เฒ่าได้โปรดรับไว้ด้วยเจ้าค่ะ""เช่นนี้จะดีหรือ?""ย่อมดีอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ""เ
ปัง! เพล้ง!"เหลวไหล!" เสียงข้าวของภายในห้องทรงพระอักษรของฮ่องเต้แห่งแคว้นต้าซ่ง ผู้มีนามว่าหรูเซ่อ ความพิโรธของโอรสสวรรค์ในครานี้นับว่าร้ายแรงกว่าทุกครั้ง เมื่อได้ทราบข่าวจากโอรสองค์โต"ฝ่าบาทอย่าทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ขอทรงโปรดรักษาพลานามัยด้วย""หึ แม้ว่าเจิ้นจะรู้ว่าเสด็จแม่มีแค้นฝังลึกกับตระกูลเมิ่ง แต่ไม่คิดว่านางจะเลอะเลือนถึงขนาดคิดสังหารเหลนของตนเองเช่นนี้ หากตู๋กูรั่วหวาเป็นอันใดไปแล้วของวิเศษของตระกูลเมิ่งจะตกเป็นของผู้ใด? จะใช้งานก็ไม่ได้เหตุใดจึงได้..." โอรสสวรรค์ทรงมีโทสะอย่างถึงที่สุดหากให้ย้อนกลับไปเรื่องราวแต่หนหลังถึงต้นเหตุของความแค้นจะมีผู้ใดต้องการกล่าวถึงเป็นเพราะพี่สาวที่โง่งมของเขาองค์หญิงใหญ่ที่แต่งไปกับทายาทสายหลักของตระกูลเมิ่งผู้นั้น หากนางไม่นำความลับของตระกูลเมิ่งมาเปิดเผยให้เสด็จพ่อได้รู้ทุกคนย่อมไม่ต้องตาย แม้แต่นางและสามีของนางก็ไม่อาจรอดพ้นสัญญาเลือดที่ว่านั้นไปได้! แม้ว่าเขาเองจะอยากรู้อยู่มากหากแต่ไม่คิดเสี่ยงแม้แต่น้อยและย่อมต้องให้ทายาทตระกูลเมิ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของราชวงศ์เช่นนี้ตลอดไปย่อมดีกว่า สิ่งที่น่ากลัวคือการไม่รู้ว่าอีกฝ่ายสามารถทำสิ่ง
"นายหญิงเจ้าคะ ท่านพ่อบ้านจวนเสิ่นมาขอพบเจ้าค่ะ" อาฉือเข้ามารายงานเมิ่งจิ่วซือในขณะที่หญิงสาวกำลังจับบุตรสาวแต่งตัวราวกับตุ๊กตา หวาหวาตัวน้อยที่ได้ยินเช่นนั้นดวงตาของนางก็เบิกกว้างราวกับดีใจ หว่านหว่านที่เห็นเข้าพอดีก็อดแปลกใจไม่ได้ เหตุใดเจ้าตัวเปี๊ยกต้องดีใจถึงเพียงนี้ด้วย หึ! ช่างน่าเอ็นดูนักราวกับฟังออกว่ามีคนมาหามารดา"หวาหวารอแม่ก่อนนะลูก เดี๋ยวแม่จะรีบกลับมา" นางก้มลงหอมแก้มนุ่มทั้งสองข้าง เด็กน้อยทำท่าทีแกว่งมือโบกไปมาคล้ายจะบอกมารดาว่าไม่ต้องรีบ"แอ้!""คุณหนูเหมือนฟังรู้ความเลยนะเจ้าคะ ฮิฮิ คุณหนูของอาเป่าเก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ" อาเป่าตัวน้อยที่มักจะเยินยอเจ้าเด็กตัวเปี๊ยกอยู่ทุกวัน หว่านหว่านเห็นเช่นนั้นก็คิดในใจว่าภายหน้าเจ้าตัวเปี๊ยกจะต้องกลายเป็นหัวโจกส่วนอาเป่าก็คือหนึ่งในลูกสมุนของนางอย่างแน่นอนนางเดินออกจากห้องมายังห้องรับรองเพื่อพบกับท่านพ่อบ้านไห่ ชายชรามาพร้อมกับข้าวของมากมาย หญิงสาวได้แต่เลิกคิ้วสงสัย"คารวะนายหญิง บ่าวมาเป็นตัวแทนนาย คุณชายใหญ่นำผ้ามามอบให้แก่นายหญิงกับคุณหนูน้อยขอรับ""มิใช่นายท่านผู้เฒ่าแต่เป็นคุณชายใหญ่ของพวกเจ้าอย่างนั้นหรือ?" ในที่สุดก็ยอมออก
ณ งานเลี้ยงที่เรือนของท่านผู้เฒ่าผู้นำหมู่บ้าน ข้างเรือนที่เป็นลานกว้างสามารถจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ ของคนในหมู่บ้านได้อย่างพอดิบพอดีเมิ่งจิ่วซือพาคนของนางมาร่วมงานเลี้ยงด้วยเพื่อที่จะได้เปิดหูเปิดตา ไม่ต้องอุดอู้อยู่แต่ในเรือน พร้อมกับนำขนมหวานและอาหารคาวที่สั่งมาจากในเมืองมาร่วมในงาน อาหารรสชาติบ้าน ๆ ถูกอาหารหน้าตาหลากหลายทั้งคาวหวานดึงดูดใจ ทำเอาผู้คนต่างน้ำลายสอ"ขอบคุณเมิ่งฮูหยินที่มาร่วมงาน ทั้งยังช่วยเหลือเรื่องอาหารน่ากินทุกอย่างเลยเจ้าค่ะ" คำกล่าวนี้จะเป็นของใครไปไม่ได้นอกจากป้ากัวสายข่าววงในประจำหมู่บ้าน"ขอเพียงพวกท่านทานให้อร่อยก็พอ" หญิงสาวเอ่ยเรียบ ๆ พร้อมกับส่งยิ้มให้ โต๊ะของหญิงสาวถูกจัดแยกอย่างโดดเดี่ยวแต่นางไม่อยากเป็นจุดสนใจมากเกินไป จึงได้ขอร่วมโต๊ะกับท่านผู้เฒ่าและภรรยา หญิงชราผู้เป็นภรรยาของท่านผู้เฒ่าผู้นำหมู่บ้านนั้น นางเป็นบุตรสาวคนที่สามของรองแม่ทัพผู้หนึ่งในสมัยก่อนที่บิดาจะสิ้นใจในสนามรบ เพราะท่านผู้เฒ่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของบิดาจึงได้ตบแต่งกัน นางพอมีความรู้อยู่บ้าง ศาสตร์ศิลป์ก็พอได้ร่ำเรียน ทั้งยังเคยได้เข้าร่วมงานเลี้ยงใหญ่ ๆ ก่อนจะแต่งงานออกเรือนจึงทำให
เมื่อขึ้นมาอยู่บนรถม้าหญิงสาวคิดว่าเรื่องเมื่อครู่จะปล่อยผ่านไปเฉย ๆ ไม่ได้ เจ้าตัวเปี๊ยกเริ่มฉายแววความเป็นลาสต์บอสตั้งแต่อายุหนึ่งขวบเห็นทีจะไม่ไหวจริง ๆ ร้ายได้บิดามาเต็ม ๆ เหมือนกันถึงเพียงนี้เลย"หวาหวาลูกรัก ครั้งหน้าอย่าได้ชี้นิ้วใส่ผู้ใดอีกนะลูก มันเป็นมารยาทที่ไม่สุภาพหากเราไม่พอใจผู้ใดเราไม่ควรแสดงออกอย่างเปิดเผยแต่ควรจะมีวิธีที่ดีกว่าในการจัดการ"รั่วหวาเงยหน้ามองมารดาแล้วทำตาโต ก่อนที่ดวงตากลมโตทั้งสองจะเริ่มสั่นเครือและเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา หญิงสาวที่เห็นเช่นนั้นก็ไม่แปลกใจอีกต่อไปและเข้าใจว่าบุตรสาวเข้าใจในสิ่งที่นางกล่าววันนี้อย่างแน่นอน ก่อนจะโอบประคองร่างน้อยเข้ามากอดพร้อมกับลูบหลังเบา ๆ "ลูกรัก เพราะแม่อยากจะให้ผู้อื่นรักและเอ็นดูเจ้า ไม่รังเกียจเจ้า เราไม่จำเป็นต้องแสดงนิสัยที่แท้จริงให้ผู้ใดได้รู้และเจ้าสามารถแสดงออกได้อีกหลายแบบ ความคิดบางความคิดเราต้องเก็บไว้ในใจไม่จำเป็นต้องแสดงออกมา หวาหวาของแม่น่าเอ็นดูปานนี้ ทุกคนจะต้องรักเจ้าอย่างแน่นอน"ฮึก ฮึก ฮึกเสียงร่ำไห้กระซิกบนไหล่ของมารดาในขณะที่น้ำตาไม่ได้เอ่อล้นออกมาเฉกเช่นเมื่อยามที่อยู่ต่อหน้ามารดาแล้ว มีเพียงดวงต
ผ่านเข้าสู่ปลายฤดูเก็บเกี่ยวทุ่งข้าวที่สีเหลืองทองอร่ามถูกเก็บเกี่ยวออกจากต้นเหลือไว้เพียงต้นตออากาศที่เริ่มเย็นเช่นนี้ต้องได้กินหม้อไฟถึงจะดี ว่าแต่วันนี้ลงมือทำหม้อไฟก็ดีไม่น้อย หว่านหว่านเอ่ยเรียกสาวใช้อย่างอาฉือ หากจะทำหม้อไฟก็ควรเข้าเมืองไปเดินหาเลือกซื้อของที่ตลาดเสียหน่อยเมื่อพูดคุยกันเข้าใจแล้วจึงออกเดินทางไปยังตลาดโดยมีอาฉือและองครักษ์จางติดตามไปด้วย หมู่บ้านตระกูลเสิ่นห่างออกไปจากตัวอำเภอราวหนึ่งชั่วยาม ภายในตัวอำเภอไท่อู่มีตลาดที่ค่อนข้างคึกคัก หญิงสาวใช้เวลาเดินตลาดนานกว่าครึ่งวันเพราะมัวแต่เพลิดเพลินไปกับข้าวของที่แปลกตา ทั้งยังหาซื้อของฝากไปให้เจ้าตัวเปี๊ยก มองดูสิ่งใดก็น่าซื้อหาไปหมดภายหลังเมื่อนึกขึ้นได้จึงได้รู้ว่ารถม้าของนางไม่อาจบรรจุข้าวของได้มากเกินกว่านี้แล้ว"เอ่อ นายหญิงเจ้าคะ ท่านจะให้บ่าวไปจ้างรถม้าอีกสักคันดีหรือไม่เจ้าคะ" เมิ่งจิ่วซือหันไปมองหน้าสาวใช้ รู้สึกว่าวันนี้อาฉือของนางพูดได้ดียิ่ง"เช่นนั้นเจ้ารีบไปจัดการเถิด"หลังจากเอ่ยให้สาวใช้ไปว่าจ้างรถม้าอีกคันมาเพื่อขนข้าวของ ส่วนนางก็เดินเล่นอยู่บริเวณนั้นไปเรื่อย ๆ เป็นเพราะสวมหมวกคลุมหน้าจึงทำให้นางเดิ
ในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้หากแต่เมิ่งจิ่วซือก็ยังมีท่าทีที่สงบนิ่งราวกับไม่ทุกข์ร้อน ต่างจากมู่หลงเองที่เป็นบุรุษแต่กลับรู้สึกหวาดหวั่น แม้จะพยายามให้ความสนใจกับการฝังเข็มตรงหน้าเป็นสำคัญหากแต่เสียงอาวุธที่ตกกระทบกันอยู่ตลอดเวลาด้านนอกนั้นก็ทำให้สมาธิของเขากระเจิดกระเจิงไม่น้อยเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วยาม องครักษ์ของเมิ่งจิ่วซือและเป่ยติ้งหรงอ๋องยังคงรักษาสถานการณ์เอาไว้ได้เป็นอย่างดีแต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายเองก็ไม่ยอมเลิกราเช่นกัน จนกระทั่งการถอนพิษเดินทางมาถึงในขั้นตอนสุดท้าย พิษกู่จำนวนมากถูกเข็มเงินขับไล่ให้หลั่งไหลออกมาในทิศทางเดียวกัน หนอนกู่ตัวเล็ก ๆ จำนวนไม่น้อยถูกหนอนเหมันต์กลืนกินจนขนาดตัวของมันใหญ่โตขึ้นและดูเหมือนว่าสีหน้าของเป่ยติ้งหรงอ๋องจะไม่ค่อยดีนักเมิ่งจิ่วซือจึงได้ตัดสินใจที่จะเปิดปากแผลที่แขนของชายหนุ่มอีกแผลก่อนที่จะหยิบเอาหนอนเหมันต์ที่อยู่ในขวดแก้ว มาวางบนปากแผลของชายหนุ่มอีกตัวท่ามกลางสีหน้าตกใจของเขา"จะ เจ้า! เจ้าอาจจะถูกพิษ""ข้าไม่เป็นอันใดหรอกเจ้าค่ะ" เมิ่งจิ่วซือเอ่ยเช่นนั้นหากแต่ว่าเป่ยติ้งหรงอ๋องยังคงมีสีหน้ากังวลใจและเมื่อปากแผลถูกเปิดออกถึงสองแผล ความเ
วังหลวงหลายเดือนก่อนเพล้ง!!!"สองพ่อลูกนั่นคิดจะถอนกู่งั้นหรือ?" เผิงฮองเฮาเอ่ยออกมาด้วยโทสะเมื่อได้รับรายงานจากองครักษ์ของนางว่าบุตรชายคนดีกับเยี่ยอ๋องคนรักเก่ากำลังคิดที่จะถอนพิษกู่"ขอฮองเฮาโปรดระงับโทสะด้วยเพคะ" อู่หมัวมัวนางกำนัลคนสนิทของนางเอ่ยปลอบ"หึ พวกมันคงคิดว่าตนเองนั้นฉลาดมากกระมัง คิดจะทำร้ายข้าด้วยการถอนกู่งั้นหรือ? ช่างโง่งมนัก""เป็นเช่นนั้นเพคะ""วันนี้เจ้าจัดการเรียบร้อยดีแล้วหรือไม่?""บ่าวจัดการให้อาหารกู่นางพญาตามคำสั่งของท่านเรียบร้อยแล้วเพคะ""ดี! ถึงอย่างไรเผิงไทเฮากับข้าก็มีสายเลือดเดียวกัน เลือดของนางก็เหมือนเลือดของข้า โชคดีที่ยายเฒ่าลู่อาหลางให้ข้าย้ายกู่นางพญาออกมาแล้วใช้โลหิตของท่านป้าเลี้ยงดูมันตั้งแต่เมื่อหกเดือนก่อน มิเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะแก้ไขเช่นไร สองพ่อลูกนั่นคิดจะสังหารข้าจริง ๆ สินะ!""พระองค์จะทรงให้บ่าวจัดการเช่นไรดีเพคะ?""จัดการพวกมันทั้งคู่ อย่าให้พวกมันถอนกู่ได้สำเร็จ""บ่าวทราบแล้วเพคะ บ่าวจะเร่งให้คนของเราไปจัดการทันทีเพคะ""ให้ยายเฒ่าลงมือจัดการด้วยตนเอง ข้าไม่ไว้ใจคนอื่น""เพคะ" นางกำนัลอาวุโสเดินออกจากตำหนักของเผิงฮองเฮาก่อนจะล
วันนี้เป็นวันเริ่มต้นการถอนพิษกู่ในวันแรกท่านหมอมู่เป็นผู้ฝังเข็มให้กับเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋องด้วยตนเอง โดยมีเว่ยเหนียงเป็นผู้ช่วย การฝังเข็มกินเวลากว่าสามชั่วยามก่อนที่เข็มทุกเล่มจะถูกถอนออกในเวลาต่อมาแล้วให้ทั้งคู่ดื่มยาที่ถูกปรุงขึ้นแล้วพักผ่อนอาจเป็นเพราะความเหนื่อยล้าอ่อนเพลียจากการถอนพิษทำให้ทั้งเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋องหลังจากดื่มยาเสร็จจึงได้หลับไปในทันที ท่านหมอมู่สั่งให้องครักษ์เฝ้าดูแลเอาไว้ก่อนที่ตัวเขาจะออกมาพักผ่อนบ้างเช่นกัน"หากมีสิ่งใดผิดปกติให้รีบไปแจ้งข้าที่เรือนรับรองทันที" มู่หลงหันไปเอ่ยกับองครักษ์ส่วนตัวของเป่ยติ้งหรงอ๋องและเยี่ยอ๋อง"ขอรับ/ขอรับท่านหมอ"ในขณะเดียวกันห้องด้านข้างที่ถูกปรับแต่งให้เป็นห้องที่ใช้ต้มยานั้น เว่ยเหนียงเป็นผู้ดูแลหนอนเหมันต์ด้วยตนเองแต่ในขณะที่นางกำลังจะสัมผัสที่ตัวของมันหญิงสาวก็รับรู้ถึงความรู้สึกแปลก ๆ บางอย่างก่อนจะรีบชักมือกลับในทันที มือขวาของหญิงสาวยกขึ้นทาบที่หน้าอกด้วยความตื่นตระหนกเพราะกลัวว่าจะเป็นเช่นที่คิดเอาไว้นี่คงไม่ใช่ว่านางถูกพิษของมันแล้วกระมัง? จะเป็นไปได้อย่างไรในวันที่จับมันมา นางยังสามารถทำได้อย่างสบายไม่
เว่ยเหนียงคอยสังเกตพฤติกรรมของสามีภรรยาที่แทบจะเรียกได้ว่าไม่ให้คลาดสายตาก่อนที่จะเชื่อสนิทใจว่าคนทั้งคู่นั้นทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนใกล้ที่จะแยกทางจากกันในเร็ววันนี้แล้วทางด้านเป่ยติ้งหรงอ๋องที่ได้ลงความเห็นและปรึกษากับมู่หลงว่าในวันพรุ่งนี้จะเป็นการเริ่มต้นรักษาพิษกู่ทั้งของเขาและเยี่ยอ๋อง โดยให้ทั้งคู่พักฟื้นในห้องเดียวกันหากแต่แยกเตียงให้ไกลในระยะที่จะไม่ทำให้ทั้งคู่รู้สึกถึงความเจ็บปวดได้"เช่นนั้นก็เริ่มลงมือในวันพรุ่งนี้เถิด" เป่ยติ้งหรงอ๋องกล่าว"ได้ ข้าจะให้เว่ยเหนียงเตรียมตัว แต่หากว่าท่านเปลี่ยนใจ...""ไม่ต้องหรอก""ข้าเองก็รู้สึกผิดหวัง อย่างไรก็ต้องขออภัยท่านเป็นอย่างยิ่ง" มู่หลงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด"ไม่ใช่ความผิดของท่านแม้แต่น้อย เอาไว้จัดการเรื่องพิษแล้วเราค่อยพูดคุยเรื่องนี้กันภายหลังเถิด""ได้" หมอหนุ่มเอ่ยรับปาก หลังจากที่เป่ยติ้งหรงอ๋องจากไปแล้วเขาก็ถอนหายใจออกมา หากไม่ใช่ว่านางเป็นคนที่สามารถจับหนอนเหมันต์ได้แล้วละก็เขาจะไม่มีวันพานางมาด้วยเด็ดขาด เว่ยเหนียงเป็นคนเช่นไรเขาที่เป็นศิษย์พี่ย่อมรู้ดีที่สุด เพียงแต่ชายหนุ่มไม่คาดคิดเลยว่าในครั้งนี้หญิงสาวจะกล้าลงมือรุนแรงเ
รถม้าเคลื่อนตัวมาจอดเทียบยังหน้าเรือนในหมู่บ้านตระกูลเสิ่น เมิ่งจิ่วซือกับบุตรสาวจับจูงมือกันเดินเข้ามาในเรือนก่อนจะพบกับร่างสูงของเป่ยติ้งหรงอ๋องที่ยืนทำสีหน้าบึ้งตึงอยู่ แขนทั้งสองข้างของชายหนุ่มไพล่หลังราวกับกำลังรอนางและบุตรสาวอยู่ก่อนแล้ว หญิงสาวที่เห็นท่าทางแปลกประหลาดของอีกฝ่ายก็ทำได้เพียงแค่เลิกคิ้ว พร้อมกับนึกในใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้นอีก"พวกเจ้าพาคุณหนูกลับเข้าเรือนไปแช่น้ำอุ่นแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียใหม่" เมิ่งจิ่วซือหันมาเอ่ยกับสาวใช้ทั้งสองก่อนที่สาวใช้ทั้งสองจะพาเด็กน้อยเดินกลับไปยังเรือนนอนตู๋กูรั่วหวาหันมามองมารดาของนางเพียงครู่ก่อนจะหันกลับไป ดูท่าแล้วฤทธิ์ยานั่นคงจะเริ่มออกฤทธิ์แล้วท่านพ่อของนางจึงได้มีท่าทางเช่นนั้น ไม่รู้ว่าท่านแม่จะสามารถรับมือกับเขาได้หรือไม่? แม้ว่าจะรู้สึกเป็นห่วงมารดาอยู่บ้างแต่เด็กน้อยก็เชื่อในฝีมือของเมิ่งจิ่วซือ มารดาไม่เคยทำให้นางผิดหวังสักครั้งรอดูเถิดครั้งนี้ก็คงเช่นกัน เอาเป็นว่าคนที่น่าเป็นห่วงกลับกลายเป็นบิดาของนางเสียมากกว่า"ท่านอ๋อง" เมิ่งจิ่วซือเอ่ยเรียกสามีเบา ๆ "วันนี้เกิดสิ่งใดขึ้นที่อารามเช่นนั้นหรือ?" เมิ่งจิ่วซือเลิกคิ้วคงจะเป็
ทางด้านเมิ่งจิ่วซือที่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับความว่างเปล่าบุตรสาวที่ควรอยู่ข้าง ๆ กลับหายไปท่ามกลางผู้คนที่พลุกพล่านไปมา หัวคิ้วของนางขมวดแน่นก่อนจะเอ่ยถามสาวใช้ทั้งสองด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด"คุณหนูเล่า?" อาฉือและอาเป่าต่างมองหน้ากันก่อนจะหันมาส่ายหน้า ใบหน้าของพวกนางดูตกใจเป็นอย่างมากเมื่อครู่นางยังกำชับให้คุณหนูยืนรอตรงนี้ห้ามไปไหนอยู่เลย เหตุใดเผลอครู่เดียวคุณหนูของนางก็หายไปแล้วเสียเล่า"พวกเจ้ารีบสั่งให้คนของเราออกตามหาคุณหนูเร็วเข้า!" เมิ่งจิ่วซือสั่งการสาวใช้ทั้งสอง ก่อนที่ร่างบางจะรีบสาวเท้าก้าวออกจากห้องโถงใหญ่ของวัดในทันที ดวงตาของนางเฝ้าคิดว่าเจ้าตัวเปี๊ยกจะไปที่ใด ในขณะนั้นเองนางก็มองเห็นร่างสูงของใครคนหนึ่งเข้า เขาคือซ่งรั่วอี้สามีของชุยฟางขาข้างหนึ่งที่ไม่ดีทำให้ชายหนุ่มเดินได้อย่างเชื่องช้าในขณะที่ชุยฟางก็เอาแต่หันมาก่นด่าชายหนุ่มไม่หยุด เดิมทีนางอยากจะตามสองคนนั้นไปเพียงแต่ตอนนี้การตามหาบุตรสาวดูเหมือนว่าจะสำคัญยิ่งกว่า"แยกย้ายกันออกไปตามหาคุณหนูให้เจอ" เมิ่งจิ่วซือหันไปออกคำสั่งกับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนที่ตนเองจะเดินแยกออกไปอีกทาง ภายในใจก็ได้แต่ภาวนาขอให้เด็กน้อยอย่าได้บังเ
ก่อนจะถึงวันที่ต้องทำการรักษาเป่ยติ้งหรงอ๋อง ก็มีงานไหว้เทพเจ้าเดิมทีเมิ่งจิ่วซือต้องการใช้โอกาสบางอย่างเพื่อเข้าช่วยเยี่ยอ๋องหากแต่ในตอนนี้เนื้อเรื่องดูเหมือนจะเปลี่ยนไปแล้วเมื่อเยี่ยอ๋องนั้นก็ดูจะคุ้นเคยกับบุตรสาวของนางเป็นอย่างมากก็คงจะหมดห่วงเสียทีแต่ยังคงมีอีกเรื่องที่นางไม่อาจวางใจนั่นก็คือการที่ซ่งรั่วอี้สามีของชุยฟางจะได้พบกับพระเอกของเรื่อง ก่อนที่อีกฝ่ายจะติดตามพระเอกไปยังแคว้นหนานเฉินด้วยกัน ภายหน้าคนผู้นี้จะกลายเป็นภัยต่อบุตรสาวของนางไม่ว่าอย่างไรก็ต้องหาวิธีไม่ให้สองคนนั้นได้พบหรือสร้างบุญคุณต่อกันเด็ดขาดนางพอจะจดจำได้ว่าเหตุการณ์นั้นเกิดในช่วงตอนกลางวัน ก่อนจะสั่งให้สาวใช้ไปเตรียมตัวแล้วตั้งใจจะไปชักชวนสามีของนางให้ไปด้วยกัน ระหว่างทางที่เดินไปยังเรือนรับรองก็ได้พบกับชายหนุ่มกำลังยืนอยู่กับเว่ยเหนียง เมิ่งจิ่วซือกำลังจะเดินเข้าไปหาคนทั้งคู่หากแต่อยู่ ๆ เว่ยเหนียงก็โผเข้ากอดร่างของเป่ยติ้งหรงอ๋อง เมื่อเห็นเช่นนั้นร่างบางจึงได้หยุดชะงักไม่ได้เดินเข้าไปใกล้อีกพร้อมกับเดินหันหลังจากมาทางด้านเว่ยเหนียงได้แต่ยกยิ้มก่อนจะผละออกจากร่างของชายหนุ่มแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงใสซื่อ"ขออ
สำหรับการทานอาหารร่วมกันในวันนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ดูเหมือนว่าเยี่ยอ๋องนั้นจะมีความสุขเป็นอย่างมาก ส่วนตู๋กูรั่วหวาก็เป็นเด็กช่างรู้ความทั้งยังช่างเอาใจทำเอาคนแก่เช่นเยี่ยอ๋องยิ้มไม่หุบ แถมยังดูเหมือนว่าเขาจะทานอาหารได้มากกว่าปกติอีกด้วย หลังจากที่แยกย้ายกันหวาหวาอาสาเดินไปส่งท่านปู่ของนางด้วยตนเองทำให้เยี่ยอ๋องมีความสุขมาก ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูเข้ากันได้ดีกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้"พรุ่งนี้ปู่จะมารับเจ้า พวกเราไปเดินเล่นที่หุบเขาอีกฝั่งกันดีหรือไม่?" ตู๋กูรั่วหวาพยักหน้าก่อนจะตอบไปด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ทำเอาหัวใจของผู้เป็นปู่มีความสุขเหลือล้น"ดีเจ้าค่ะ""ฮ่า ๆ เด็กดี ๆ เช่นนั้นพรุ่งนี้ค่อยเจอกัน ปู่กลับละ""ท่านปู่เดินทางปลอดภัยเจ้าค่ะ""เจ้าก็กลับเข้าไปได้แล้ว ระวังจะเป็นหวัด เจ้าพาท่านหญิงเข้าเรือนไปเสีย" เยี่ยอ๋องเอ่ยกับอาเป่าสาวใช้คนสนิทของหลานสาว"เพคะ" หญิงสาวรับคำก่อนจะรีบพาคนตัวเล็กกลับเข้าเรือนทันที เมื่อเดินเข้าเรือนมาเด็กน้อยก็เอ่ยขึ้น"ท่านอาเสิ่นไม่อยู่หรอกหรือ? เหตุใดตั้งแต่มาถึงที่นี่ข้าก็ไม่เห็นเขาแล้วล่ะ""บ่าวก็ไม่เห็นเช่นกันเจ้าค่ะ ดูเหมือนว่าคุณชายจะออกไปข้างนอกกระมัง
วันต่อมาดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่ค่อนข้างวุ่นวายเล็กน้อยเมื่อเยี่ยอ๋องจะมารับสำรับกลางวันพร้อมกันกับครอบครัวของเป่ยติ้งหรงอ๋อง เมิ่งจิ่วซือพยายามสรรหาเมนูแปลกใหม่ให้พวกเขาได้ลองลิ้มรสก่อนจะจบลงด้วยไก่ตุ๋นเครื่องเทศที่เพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกายส่วนในตอนเย็นก็จะเป็นหม้อไฟหม่าล่ารสจัดจ้าน หลังจากเตรียมอาหารเสร็จก็เหลือเวลาอีกมากหญิงสาวจึงได้กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องย้อนกลับไปเมื่อคืนที่ผ่านมานางเฝ้าคิดหาวิธีในการจัดการกู่นางพญาจึงได้ตัดสินใจเข้าไปในช่องว่างมิติแล้วได้พบกับภูตน้อยจื่อรั่วอีกครั้ง