ตอนที่ 7
เมื่อความผูกพันมันก่อตัว
“ผมขอบัวลอยเพิ่มอีกสักถ้วยนะครับ”
ทุกคนในโต๊ะอาหารต่างหันไปมองคนพูดด้วยความตกใจเพราะนับตั้งแต่นารีเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะแม่เลี้ยงของ ภูริดลชายหนุ่มแทบจะไม่ยอมพูดจาอะไรกับเธอแต่วันนี้เขากลับขอบัวลอยเพื่อทั้งที่มันคือฝีมือของนารีซึ่งปกติแล้วชายหนุ่มแทบจะ ไม่ยอมแตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ
“ที่ทำงานเป็นอย่างไรบ้างลูก”
บารมีเห็นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นเขาจึงหาเรื่องชวนลูกชายคุยเกี่ยวกับงานบริษัทที่เขาวางมือให้ลูกชายเป็นคนสานต่อส่วนตัวเขาเองเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาใหญ่คอยให้คำแนะนำในเรื่องที่สำคัญเท่านั้น
ระหว่างพ่อลูกกำลังพูดคุยกันพิรฎาก็ลุกขึ้นไปช่วยนารีเตรียมขนมหวานให้กับคนทั้งคู่อีกรอบเพราะขนมบัวลอยฝีมือนารีมีทั้งความอร่อยและกลิ่นหอมจึงทำให้สองพ่อลูกค้าเติมกันอีกเรื่อยๆ
ช่วงระยะเวลาที่ผู้ชายทั้ง 2 คนออกไปทำงานข้างนอกสองหญิงที่อยู่ในบ้านจึงมีเวลาได้พูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมพิรฎามองเห็นความดีในตัวของนารีและความจริงใจที่เริ่มชัดเจนออกมาทุกวัน เธอพยายามทำให้ภูริดลยอมเปิดใจมองคนที่เป็นแม่เลี้ยงในแง่ดีบ้างเพราะบางครั้งความอคติก็ทำให้ชายหนุ่มมองเห็นความดีของอีกฝ่ายไม่เห็น
“พิมพ์รู้สึกชื่นชมคุณน้าจริง ๆ ค่ะที่เป็นแม่เลี้ยงที่น่ารัก คุณดลโชคดีแต่กลับมองไม่เห็นความดีของคนอื่นถ้าพิมพ์มีโอกาสได้มีแม่เลี้ยงอย่างคุณน้าชีวิตของพิมพ์คงจะมีความสุขมากกว่านี้”
ความใกล้ชิดทำให้หญิงสาวเผลอพูดความในใจออกมาถึงแม้มันจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่นารีก็พอจับใจความได้ว่าครอบครัวของพิมพ์คงมีปัญหาเรื่องแม่เลี้ยงมีปัญหาครอบครัวซึ่งมันไม่ตรงกับข้อมูลที่หญิงสาวที่ให้ไว้นารีก็เลือกที่จะเก็บเรื่องราวนี้เป็นความลับเพราะเธอคิดว่าถ้าพิรฎาต้องการจะให้ใครรับรู้เธอก็คงเป็นฝ่ายบอกเอง
“ถ้าคุณน้ามีลูกแล้วลูกสาวหายออกไปจากบ้านไม่ติดต่อเลยมันคุณน้าจะเป็นห่วงไหมคะ”
พิรฎาาไม่รู้จะเอาเรื่องนี้ไปพูดกับใครหลายครั้งที่เธอโทรไปเล่าให้ฟางกับหม่อนฟังทั้งคู่ก็ไม่เคยอยู่ข้างเธอเพื่อนต่างคิดว่าต่อให้คนเป็นพ่อจะรักเมียใหม่แค่ไหนยังไงก็ยังคงรักลูกเหมือนเดิมเธอเองจึงอยากคุยกับผู้ใหญ่ดูบ้างเผื่อบางทีอาจจะได้แง่คิดที่แตกต่างจากการปรึกษาเพื่อน
“ถึงน้าจะไม่เคยมีลูกแต่ตลอดเวลาเกือบสิบปีที่น้าอยู่กับ คุณบารมีมาแค่คืนไหนคุณภูริดลกลับบ้านเกินเที่ยงคืนน้าเองก็นอนแทบไม่หลับแล้วนับประสาอะไรกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ถึงจะไม่ห่วงลูกเพียงแต่การแสดงออกของแต่ละคนมันต่างกันแม้แต่คุณบารมีเองก็เพิ่งจะหันมาพูดดีกับลูกก็ช่วงที่หนูเข้ามาเป็นสะใภ้บ้านนี้นั่นแหละ”
นารีเริ่มไม่เชื่อแล้วว่าหญิงสาวตรงหน้าเธอจะเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้าเพราะถ้าเธอไม่มีพ่อแม่อยู่แล้วคงไม่ถามแบบนี้ขึ้นมาเด็ดขาดแต่ด้วยความเป็นผู้ใหญ่ในเมื่อเด็กยังไม่ยอมเล่าความจริงให้ฟังเธอก็จะไม่ซักถามอะไรรอแค่เพียงว่าถ้าเมื่อไหร่ที่พิรฎาพร้อมเธอคงจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมาด้วยตัวเอง
ตลอดเวลาที่หญิงสาวเข้ามาอยู่ยังคฤหาสน์หลังใหญ่เธอก็ทำให้ภูริดลมองนารีด้วยสายตาเปลี่ยนไปทำให้ครอบครัวกลับมาเป็นครอบครัวอีกครั้งบารมีเองก็มีรอยยิ้มมีความสุขในทุกวันจากที่ แต่ก่อนเขาเฝ้าแต่คิดโทษตัวเองว่าการที่เขารับนารีเข้ามาเพื่อหวังให้มาช่วยดูแลลูกชายกลับกลายเป็นปัญหาที่ทำให้เขากับลูกต้องบาดหมางกันทั้งที่ตัวนารีนั้นเป็นแม่เลี้ยงที่แสนดีและก็รักเขาด้วยความจริงใจ
“เป็นอะไรทำหน้าเครียด”
ภรรยารับจ้างมองหน้าสามีด้วยความอยากรู้และเป็นห่วงเพราะตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมาชายหนุ่มถึงแม้จะปากร้ายอยู่บ่อยๆแต่ก็ไม่เคยทำสีหน้าตึงเครียดแบบนี้
“เลขาผมลาป่วยแล้วพรุ่งนี้ผมต้องไปคุยธุรกิจกับลูกค้า ชาวอังกฤษผมบอกแล้วห้ามขำนะผมพูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่โดยเฉพาะเรื่องฟังถ้าอีกฝ่ายพูดเร็วๆก็แปลไม่ทันอยู่เหมือนกันจะเลื่อนออกไปก็ไม่ได้เพราะทางนั้นเดินทางมาแล้ว”
“ให้พิมพ์ช่วยนะคะพิมพ์ทำได้”
หญิงสาวเดินตรงเข้าไปสวมกอดสามีใบหน้าของเธอซบลงกับแผ่นหลังของเขาเหมือนต้องการส่งต่อกำลังใจให้พิรฎาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเธอรู้สึกไม่สบายใจที่เห็นชายหนุ่มตรงหน้ามีสีหน้าอมทุกข์แบบนั้นแล้วเธอก็ยินดีที่จะช่วยเพราะสิ่งที่เป็นปัญหามันไม่เกินความสามารถของเธอ
“แต่มันไม่ได้อยู่ในสัญญาคุณจะให้ผมจ่ายเพิ่มเท่าไหร่ก็บอก”
“ความอบอุ่นของครอบครัวคุณเป็นค่าตอบแทนแล้วค่ะตลอดเวลาที่พิมพ์เกิดและเติบโตมาพิมพ์ไม่เคยรู้เลยว่าครอบครัวที่มีความสุขมันเป็นอย่างไรจนวันที่ได้เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้คุณพ่อและคุณน้าทำให้พิมพ์รู้สึกว่าตัวเองได้กลับมามีพ่อและแม่อีกครั้ง ทุกอย่างคือค่าตอบแทนที่ประเมินมูลค่าไม่ได้เลย”
ภูริดลหันมาจับไหล่ทั้งสองข้างของภรรยามองสบตาคู่สวยนั้นเหมือนต้องการเข้าไปอ่านภายในหัวใจของอีกฝ่ายว่าเธอกำลังรู้สึกอย่างที่พูดจริงไหมเพราะสำหรับตัวเขาตลอดเวลาที่เธอเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้หญิงสาวก็ทำให้เขารู้สึกได้ว่าคำว่าครอบครัวจริงๆมันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดถึงแม้ว่าเรื่องราวในอดีตยังคงจะติดตาตรึงใจอยู่แต่เขาก็พยายามมองข้ามเพราะทุกวันนี้บิดาของเขาก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อชดเชยกับสิ่งเลวร้ายที่ท่านเคยทำมา
การเจรจาธุรกิจพี่ภูริดลกังวลมาเสียหลายวันว่าเขาจะไม่สามารถทำได้ถ้าขาดเลขาไปแต่เมื่อได้ภรรยารับจ้างที่มีดีกรีถึงเกียรตินิยมอันดับ 1 และเก่งภาษาอังกฤษเข้ามาช่วยประสานงานเป็นล่ามติดต่อเจรจาในเรื่องของผลประโยชน์ให้ ความเป็นคนหน้าตาดี กิริยามารยาทเรียบร้อยอีกทั้งยังมีน้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นมิตรและจริงใจทำให้คู่ค้าจากต่างประเทศสนใจเซ็นสัญญาร่วมค้าขายกับบริษัทของภูริดลยาวถึงเกือบ 10 ปีจากที่ตอนแรกตั้งใจจะเซ็นสัญญาแค่เพียง 3 ปีเท่านั้น
“ขอบคุณนะที่ช่วยผม”
ท่านประธานดึงภรรยาเข้าไปสวมกอด จูบลงไปที่หน้าผากโหนกนูนด้วยคำขอบคุณที่ดังมาจากหัวใจ ตลอดเวลาที่เขารับ หญิงสาวแปลกหน้าเข้ามาอยู่ในชีวิตมันมีแต่สร้างความสุขให้กับเขาถึงแม้ว่าตัวเขาเองก็ยังไม่เคยเปิดใจยอมรับว่าเธอเป็นภรรยาตัวจริงแต่เขาก็ไม่เคยปฏิเสธตัวเองได้ว่าถ้าไม่มีเธออยู่แล้วชีวิตของเขาคงจะไม่มีความสุขอีกต่อไป
ภูริดลยังคงต้องเข้าไปทำงานที่บริษัทต่อพิรฎาจึงขอแยกตัวกลับบ้านก่อนแต่เมื่อมองนาฬิกาแล้วเธอยังเหลือเวลาที่จะกลับไปทำอาหารเย็นอีกหลายชั่วโมงหญิงสาวจึงเปลี่ยนใจขับรถกลับไปที่บ้านของเธอที่เธอจากมาหลายเดือนโดยไม่คิดแม้แต่จะติดต่อกลับไปหาใครทั้งนั้นด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก หัวใจของเธอมันกำลังคิดถึงใครบางคนที่เธอพยายามหลอกตัวเองมาตลอดว่าเธอไม่เคยรู้สึกอะไรกับผู้ชายคนนั้นมากไปกว่าคำว่าพ่อที่เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรมันได้
“ป้ามล”
หญิงสาวจอดรถเฝ้าดูอยู่ที่ประตูหน้าบ้านและเธอก็รีบลดกระจกลงทันทีเมื่อแม่บ้านที่ทำหน้าที่เลี้ยงเธอมาตั้งแต่เด็กๆเดินผ่าน หญิงสาวรีบๆให้หญิงสูงวัยเข้ามาคุยกับเธอในรถเพราะไม่อยากให้คนข้างนอกเห็น
“คุณหนูไปอยู่ไหนมาคะรู้ไหมว่าคุณท่านไม่ได้กินไม่ได้นอนเลยเอาแต่นั่งร้องไห้ ทุกวันนี้ก็ไม่ได้ไปทำงานคุณอภิรดีก็ผลาญเงินคุณท่านอย่างสบายใจเมื่อไหร่คุณหนูจะกลับมา”
หญิงสาวได้แต่ก้มหน้าเช็ดน้ำตา เธอเชื่อในทุกคำที่แม่บ้านพูดแต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการเธอต้องการให้พ่อแท้ ๆ ของเธอรับรู้ว่าเธอมีค่ากับเขาแค่ไหนและผู้หญิงคนที่คุณพ่อบอกว่าแสนดีแท้จริงเธอคืออสรพิษที่ทำร้ายครอบครัวของเธอให้พัง
“คุณพ่อรู้หรือยังคะว่าอีนั่นมันร้ายแค่ไหนหรือว่ายังตาบอดอยู่เหมือนเดิม”
“อย่าพูดถึงคุณพ่อแบบนั้นสิคะป้าไม่เคยเลี้ยงคุณหนูมาให้เป็นคนพูดจาแบบนี้ถึงแม้คุณท่านจะเป็นอย่างไรแต่ท่านก็เป็นพ่อและก็รักคุณหนูมากที่สุดใครมันจะเลวจะชั่วก็ปล่อยเขาไปสักวัน เวรกรรมต้องตามทันแต่คุณหนูอย่าเป็นแบบนั้นสิคะ การทำให้ คุณพ่อไม่สบายใจแบบนี้คุณหนูแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าตัวคุณเองมีความสุขตอนนี้ภายในบ้านไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วคุณอภิรดีแสดงธาตุแท้ออกมาเพราะคุณท่านเองก็เหมือนกับคนที่ไม่มีจิตใจนั่งมองท้องฟ้าใจลอยไปวัน ๆ ธุรกิจก้แย่ลงทุกที คุณหนูแน่ใจนะว่ามีความสุขที่ทุกอย่างเป็นแบบนี้”
ป้ามลไม่อยากพูดอะไรมากเพราะอย่างไรเสียเธอก็ได้ชื่อว่าเป็นเพียงแค่คนรับใช้แต่ด้วยความเป็นห่วงก็อดที่จะพูดอะไรออกมาบ้างไม่ได้และก็หวังแค่เพียงว่าสิ่งที่พูดออกมาจะเตือนสติสาวน้อยที่เธอเลี้ยงมาตั้งแต่เกิดไม่ให้สร้างเวรสร้างกรรมกับผู้ให้กำเนิดมากไปกว่านี้
พิรฎาาตัดสินใจโทรศัพท์ไปหาเลขาของพ่อเธอที่พอมีความคุ้นเคยสนิทกันอยู่บ้างเพื่อสอบถามถึงปัญหาของบริษัทตอนนี้และจากข้อมูลที่เธอได้รับหญิงสาวเริ่มอดเป็นห่วงบริษัทและคุณพ่อของเธอไม่ได้แต่ภาระหน้าที่ตามสัญญา และความผูกพันระหว่างเธอกับภูริดลมันก็มากมายเหลือเกินจนเธอไม่รู้ว่าเธอควรจะตัดสินใจอย่างไรเธอควรจะเผชิญความจริงบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้สามีชั่วคราวของเธอรู้หรือว่าเธอควรจะบอกยกเลิกสัญญาโดยไม่อธิบายเหตุผลใดหรือทางเลือกสุดท้ายของเธอคือการปล่อยให้พ่อต้องเผชิญกับความทุกข์ยากเพียงคนเดียวและเธอก็แก้แค้นด้วยการไม่กลับไปดูแลท่านอีกเลย
สาวน้อยไม่ได้ถูกเลี้ยงดูสั่งสอนมาให้เป็นคนอกตัญญูในที่สุดเธอก็พ่ายแพ้แก่หัวใจเธอจะบอกความจริงกับภูริดลและยกเลิกสัญญาพร้อมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดและพาตัวเองกลับไปดูแลบุพการีผู้ชายที่เธอคิดว่าอย่างไรเขาก็คือคนที่รักเธอที่สุด
ตอนที่ 8อะไรคือความจริง“ว้าย ! ” สิ้นเสียงกรีดร้องด้วยความตกใจพิรฎาก็มารู้สึกตัวอีกทีเธอก็นอนอยู่ที่โรงพยาบาลโดยมีสามีคอยยืนอยู่ข้างๆ “คุณปลอดภัยแล้วนะ” ภูริดลจับมือภรรยามากอดแน่นรอยยิ้มของเขามันดูมีความสุขมากกว่าการที่เห็นภรรยาลืมตาฟื้นขึ้นมาจนคนป่วยส่งสายตาเป็นคำถามให้อีกฝ่ายอธิบายว่าเกิดอะไรขึ้น “คุณกับลูกปลอดภัยดี” ชายหนุ่มบอกข่าวดีแก่ภรรยาที่มันเหมือนสายฟ้าฟาดลงไปกลางหัวใจของคนที่ตั้งใจจะสารภาพความจริงทุกอย่างภายในวันนี้จากที่ชีวิตของเธอมีแค่เพียงตัวคนเดียวตัดสินใจจะทำอะไรก็ยากเย็นมากพออยู่แล้วพอมารู้ข่าวที่ควรจะเป็นข่าวดีแต่มันกลับทำให้หัวใจของเธอรู้สึกสั่นไหววูบวาบไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับชีวิตที่ต่อไปนี้เพราะเธอกำลังจะเป็นแม่คน “ฉันท้องหรอคะ” “ใช่ เรากำลังจะมีลูกด้วยกันนะ” ภูริดลพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกบางอย่างในหัวใจเหมือนกันเพราะในสัญญาเขียนบอกไว้ว่าทันทีที่หญิงสาวคลอดลูกออกมาสัญญาจะจบลงทันทีชายหนุ่มไม่แน่ใจเลยว่าพิรฎาจะไปจากเขาทันทีหรือไม่เพราะถึงเวลานั้นเธอมีอิสระเต็มตัวแล้ว คุณหมอตรวจดูอ
ตอนที่ 9ภรรยาไม่รับจ้างพิรฎาก้าวเท้าออกจากบ้านที่เธอคิดว่ามันคือความอบอุ่นที่สุดในชีวิตของเธอ เธอตัดสินใจที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายมาเป็นคนเข้มแข็งจะไม่หนีปัญหาอีกแล้ว ทันทีที่เธอเหยียบเท้าเข้าไปสู่บ้านหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ้านของพ่อและแม่เธอตั้งใจจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับอภิรดีทันทีวันนี้เธอจะเอาทุกอย่างคืน“คุณพ่อพิมพ์กลับมาแล้ว”สาวน้อยเปิดประตูบ้านก้าวเท้าเข้าไปก้มกราบบิดาทันทีเวลานี้พระอาทิตย์เพิ่งจะพ้นขอบฟ้าอภิรดียังคงไม่ตื่นนอน 2 คนเพ่อลุกจึงมีโอกาสได้พูดคุยกัน“พิมพ์ขอโทษที่ทำให้คุณพ่อต้องเป็นห่วงคุณพ่อรู้แล้วใช่ไหมว่าอีนั่นมัน….”คนเป็นพ่อใช้ฝ่ามือปิดปากของลูกเพราะไม่ต้องการให้ หญิงสาวพูดอะไรออกมาอีกแล้วเวลานี้นิรุตรู้ความจริงหมดแล้ว ทุกอย่างว่าภรรยาที่เขาคิดว่าเธอเป็นแม่เลี้ยงที่แสนดีดูแลลูกสาวเขามาตลอดแท้ที่จริงเธอคืออสรพิษที่สูบเงินของเขาโยกย้ายเข้าไปบัญชีส่วนตัวของเธอจนเวลานี้บริษัทของเขาแทบจะยืนอยู่ไม่ได้โชคยังดีที่กรรมการบริหารคนอื่นของบริษัทยังคงเข้มแข็ง“พิมพ์จะเล่าทุกเรื่องที่เกิดขึ้นให้คุณพ่อฟังค่ะ”ครั้งแรกที่สองคนพ่อลูกเปิดใจพูดคุยเรื่องราวทั
ตอนที่1เมื่อเขาให้เป็นแค่น้องสาว “พี่วินเป็นอะไรคะ ทำไมถึงได้มานั่งเงียบ ๆ อยู่แบบนี้” มิตาน้องสาวต่างสายเลือดถามพี่ชายที่เป็นเพียงแค่ลูกของสามีใหม่ของมารดาด้วยความเป็นห่วงที่เห็นชายหนุ่มหลบผู้คนมานั่งเงียบอยู่ที่สระว่ายน้ำหลังบ้าน ธาวินเป็นผู้ชายที่เรียกได้ว่ามีคุณสมบติครบทุกอย่างตามที่สาว ๆ ต้องการแต่ตัวเขาเองเจ็บกับคำว่าความรักมามากเขาจึง ไม่คิดจะเริ่มต้นใหม่กับใคร “ทุกครั้งที่พี่มีเรื่องอะไรไม่สบายใจ ก็เห็นจะมีแต่น้องสาวพี่คนนี้ที่รู้ทันและตามมาถามมาห่วง ถ้าวันไหนมิตามีแฟนมีครอบครัวขึ้นมาพี่คงไม่รู้จะเล่าความทุกข์ให้ใครฟังได้เลย” มิตาได้แต่ส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เธอ ทั้งสองคนหย่อนเท้าลงไปในสระน้ำเตะเท้าไปมาโดยที่ยังไม่มีใครพูดอะไร หญิงสาวไม่กล้าถามเพราะอยากให้คนที่กำลังเครียดเป็นฝ่ายเริ่มเล่าเองมากกว่า ธาวินนั่งเงียบไปเกือบสิบนาทีก่อนที่จะเริ่มเล่าความทุกข์ของเขาในวันนี้โดยที่ไม่ได้หันหน้ามาหาผู้ฟังตามแบบที่เขาทำเสมอเวลาระบายความทุกข์ให้มิตาฟัง “วันนี้พี่ไปที่สนามกีฬามา ตั้งใจว่าจะไปวิ่ง
ตอนที่ 2เลขาส่วนตัว มิตาเรียนจบเธอก็ได้ตำแหน่งเลขาส่วนตัวของธาวินทันที งานเลขาไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยสำหรับคนที่จบทางด้านภาษามาอย่างมิตา เธอต้องเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ดาราต้องเริ่มสอนทีละงานที่คิดว่ามิตาจะสามารถทำได้ “เหนื่อยไหมวันนี้ วันแรกของการเป็นเลขาพี่” ธาวินหันมาถามหญิงสาวที่นั่งข้าง ๆ เพราะตอนนี้ท่าทางของมิตาเหมือนคนกำลังจะหมดแรง “ง่วงมากเลยค่ะ ช่วงบ่ายมิตาแอบหลับด้วยเวียนหัวกับตัวหนังสือ มันเยอะไปหมด สงสารคุณดาราเลยลูกอ่อนแล้วยังต้องมาทำงานหนักแบบนี้” “ถ้าสงสารก็รีบเรียนรู้ คุณดาราเธอจะได้มีเวลาให้กับลูกมากขึ้น” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มให้พี่ชายต่างสายเลือดก่อนที่จะเผลอหลับไปอย่างไม่รู้ตัวเพราะความเพลีย คนตัวเล็กหลับแล้ว ธาวินไม่รู้จะคุยกับใครทำให้เขาคิดถึงเรื่องที่บิดาเรียกเขาไปคุยเมื่อสองวันก่อน อดิสรณ์พูดกับลูกชายเรื่องของการมีทายาทสืบสกุลเพราะตัวอดิสรณ์ก็เป็นลูกชายเพียงคนเดียวและเขาก็ดันมีธาวินเพียงคนเดียวอีก ถ้าธาวินไม่มีลูกก็เท่ากับว่าตระกูลของเขาจะจบสิ้นเพียงเท่านี้ กิจการต่าง ๆ ที่ทำไว้สร้างมาด้วยน้ำพักน
ตอนที่ 3บีบ ธาวินกับมิตากว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกมากแล้ว บ้านหลังใหญ่เปิดไฟอยู่เกือบทุกดวง แม่บ้านพากันมานั่งอยู่กลางบ้านเหมือนกำลังรออะไรกันสักอย่าง “คุณธาวินคุณท่านอยู่ดี ๆ ก็หายใจติดขัด ปากเบี้ยว คุณวิภาพาส่งโรงพยาบาลแล้วค่ะ” แม่บ้านที่อายุมากที่สุดและอยู่รับใช้ครอบครัวนี้มานานทำหน้าที่รายงานเจ้านายตัวน้อยของเธอ “ตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมไม่มีใครโทรศัพท์บอกผมเลย” “ตั้งแต่หัวค่ำแล้ว พวกเราก็รอฟังข่าวคุณวิภาก็ไม่เห็นโทรกลับมา คุณาวินรีบตามไปนะคะและส่งข่าวให้พวกเรารู้บ้าง จะได้หายห่วงกัน” ธาวินและมิตารีบขับรถตามไปที่โรงพยาบาล ชายหนุ่ม ไม่ยอมให้มิตาโทรศัพท์ไปถามมารดาของเธอ เพราะเขาอยากไปรู้ด้วยตัวเองมากกว่า ธาวินกลัวว่าถ้าบิดาอาการไม่ดีตัวเขาเองจะแย่ไปอีกคน โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลจากตัวบ้านจึงใช้เวลาไม่นานและตอนนี้ดึกแล้วถนนค่อนข้างโล่ง มิตาวิ่งตามชายหนุ่มที่กำลังวิ่งนำเธอเพื่อไปยังฝ่ายประชาสัมพันธ์เพื่อถามว่าตอนนี้บิดาของเขาอยู่ที่ไหน “คนไข้อยู่ห้องฉุกเฉินค่ะตอนนี้” ธาวินได้คำตอบก็รีบวิ่งตรงไ
ตอนที่ 4เต็มใจ อดิสรณ์ใช้เวลารักษาตัวอยู่โรงพยาบาลนานเกือบ สองสัปดาห์เพราะความดันยังไม่ลดลง บางวันยังมีสูงอยู่ ตอนนี้สิ่งที่ทุกคนเป็นห่วงคือเขาจะกลืนอาหารลำบากและพูดลิ้นแข็ง จึงต้องอาศัยกำลังใจและคนดูแลอย่างใกล้ชิด วิภา ธาวิน และมิตาจึงเริ่มคุยเรื่องของธาวินและมิตาที่ตกลงจะแต่งงานกันเพราะต้องการรีบมีทายาทให้กับคนเป็นพ่อที่เริ่มป่วยและการมีหลานไว้สืบสกุลคงทำให้ท่านรู้สึกดีขึ้น วิภาเป็นห่วงว่าถ้าอดิสรณ์รู้ว่าทั้งคู่ไม่ได้รักกันจริง เขาอาจจะไม่ยอม “ความจริงน้าก็ไม่ได้เห็นด้วยนะคุณวินแต่ในเมื่อตัดสินใจกันแล้วก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะมาทัดทานกัน เพียงแต่ว่าน้าเป็นห่วง ถ้าคุณอดิสรณ์รู้ว่าเราสองคนแต่งงานกันเพียงเพราะต้องการมีทายาทตามที่ท่านต้องการ ท่านคงไม่ยอม” วันนี้วิภาได้กลับบ้านมาพักแล้วไปเฝ้าสามีใหม่ในวันพรุ่งนี้ เธอจึงถือโอกาสคุยกับทั้งสองคน ก่อนที่เรื่องนี้จะถูกนำไปบอก คนป่วย ธาวินทำท่าคิดตามคำที่แม่เลี้ยงพูด เขาลืมคิดเรื่องนี้ไป คิดแต่ว่าอยากจะบอกความจริงทุกอย่างเท่านั้น “แล้วคุณน้าคิดว่าเราควรจะบอกคุณพ่
ตอนที่ 5เกือบล่ม งานแต่งงานเตรียมทุกอย่างไปได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ตอนนี้อดิสรณ์เองก็ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เขาเดินได้คล่องเหมือนปกติถึงแม้ขาข้างขวาจะอ่อนแรงลงแต่เรื่องของการกลืนและการพูดดีขึ้นแต่ก็ยังไม่เหมือนเดิม “วิภางานแต่งงานของเด็ก ๆ เขาถึงไหนกันแล้ว” คนเป็นพ่อถึงร่างกายจะไม่แข็งแรงแต่ก็ยังอดเป็นห่วงไม่ได้เพราะตัวเขาเองไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสได้เห็นงานแต่งงาน ของลูกชายเพียงคนเดียวของเขา “คุณวินเก่งมากเลยค่ะ จัดแจงทุกอย่างเองหมด มิตาก็มาบ่น ๆ อยู่ว่าหมดเงินไปเยอะห้ามก็ไม่ได้ คุณวินเขาบอกว่า&n
ตอนที่ 6หวงหรือห่วง ธาวินกลับขึ้นไปนอนคิดถึงคำพูดของมิตาทั้งคืน เขาไม่รู้เหมือนกันในเมื่อเขาเองก็ไม่ได้รักเธอและตอนนี้เธอกับเขาก็ยังไม่ได้แต่งงานกันแล้วทำไมเขาถึงต้องไปรู้สึกไม่พอใจจนพูดจาแบบนั้นทำไม คำว่าหวงกับห่วงชายหนุ่มไม่แน่ใจว่าตัวเองกำลังรู้สึกแบบไหนกันแน่เพราะถ้าเขาห่วงก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่ถ้าหวงนั่นหมายความว่าเขากำลังรู้สึกอะไรกับอนาคตเจ้าสาวเข้าแล้ว “วินแกจะไม่รักใครอีกแล้วเข้าใจไหม” ชายหนุ่มขยี้ผมเหมือนต้องการระบายอารมณ์เมื่อเขาพูดกับตัวเองอยู่คนเดียวบนเตียงนอน มิตาเธอทั้งโกรธทั้งดีใจ หัวใจของเธอมันกำลังเข้าข้างตัวเองมันบอกว่าธาวินกำลังหวงและหึงเธอ&n
ตอนที่ 8ทะเบียนสมรส เสียงของผู้หญิงที่ดังแทรกเข้ามาก่อนที่ภูเบศจะวางสายทำให้หัวใจของผู้หญิงที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนในชีวิตของเขาไม่สบายใจ ล้านนาพยายามที่จะข่มตาให้หลับลงแต่มันก็ไม่สำเร็จ เธอวางสายจากเจ้านายไปเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่ความรู้สึกมันเหมือนทุกอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ เสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านและตามมาด้วยเสียงประตูหน้าบ้านเปิดออก หญิงสาวรีบลุกออกจากเตียงนอนมาดูที่หน้าต่างด้วยความตกใจเพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีใครมาหาเธอ “ไหนคุณว่าจะนอนกับคุณแม่คุณไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวดีใจที่คนที่มาคือผู้ชายที่เธอสุดแสนจะคิดถึงและมีเรื่องค้างคาใจ
ตอนที่ 7มือที่สามที่ไม่ได้รับเชิญ “ไม่ได้พักที่เดิมหรือล้านนาเดี๋ยวนี้พี่ไม่เห็นเธอกลับรถสายเดิม” ดลย์พนักงานรุ่นพี่เดินเข้ามาทักหญิงสาวที่กำลังเดินลงทางบันไดหนีไฟเพราะตอนนี้ที่ลิฟท์มีคนรออยู่หลายคน “อืม ล้านนาย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วค่ะ นึกอย่างไรคะถึงได้มาเดินลงบันไดหนีไฟแบบนี้” “คนรออีกเพียบเดินออกกำลังกายดีกว่า วัน ๆ ทำงานก็นั่งอยู่แต่กับเก้าอี้จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย” รุ่นพี่ทำงานทำท่าทางประกอบให้รู้ว่าเขาต้องการออกกำลังกายจริง ๆ “ข้างนอกฝนตกแรงแบบนี้ ล้านนาให้พี่ไปส่งไหมหรือไม่ก็ไปลงตรงไหนที่ใกล้ที่พักแล้วค่อยต่อรถไปอีกทีก็ได้ถ้ารออยู่หน้าบริษัทแบบนี้พี่ว
ตอนที่ 6รู้แค่วันนี้ฉันยังมีเธอ “ล้านนาหายไปไหนมา งานที่พี่ให้เธอทำไม่มีอะไรใช่ไหม” ยุพารีบเข้ามาประกบลูกน้องทันทีที่ล้านนามาถึงที่บริษัท “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พี่ยุพาสบายใจได้ไม่มีใครรู้ว่าพี่เอางานมาให้หนูทำ” ยุพาค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยเพราะการที่ลูกน้องของเธอลางานสองวันติดแถมยังเป็นการหายไปพร้อมเจ้านายอีก ยุพาแอบกลัวว่าจะเกี่ยวกับงานที่เธอจ้างให้ทำ การทำงานยังคงเป็นไปอย่างปกติแต่ที่ทุกคนในแผนกกำลังให้ความสนใจคือยุพาถูกท่านรองประธานบริษัทเรียกเข้าไปคุยเกือบชั่วโมงยังไม่ออกมา “ล้านนาจะเกี่ยวกับเราสองคนไหม” ส้มโอ
ตอนที่ 9ความรักชนะทุกอย่าง ล้านนายังคงมีอาการแพ้ท้อง ภูเบศจึงไม่ยอมให้เธอไปทำงานให้นอนพักอยู่ที่บ้าน ส่วนตัวเขาเองรีบเข้าบริษัทอย่างรีบร้อนแต่ไม่ใช่เพราะมีงานเร่งด่วนแต่เขามีธุระสำคัญต้องคุยกับบิดา ประจักษ์ไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะกลับไปทีไรก็ต้องได้มีเรื่องทะเลาะกับราตรีทุกที “คุณพ่อครับผมมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” คนเป็นลูกมองไม่เห็นใครแล้วที่จะช่วยคุยกับมารดาของเขาได้นอกจากบิดาเพียงคนเดียว ภูเบศเล่าเรื่องราวระหว่างเขากับล้านนาให้กับประจักษ์ฟังตั้งแต่เริ่มต้นและสุดท้ายก็จบลงด้วยเรื่องของทรายแก้วอดีตคนรักที่มารดาต้องการจะให้เขาแต่งงานด้วย “ลูกทำไมปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แต่ก็ยังดีนะที่ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเกินเลยไปจนเกินแก้ไข” ประจักษ์เข้าใจและพร้อมจะอยู่ข้างเขาแต่ก็อดที่จะตำหนิไม่ได้ที่ภูเบศปล่อยให้ทุกอย่างมาไกลจนล้านนาท้อง “ผมแค่คิดว่ายังไม่พร้อมจะสละชีวิตโสดแต่พอมารู้ว่าผมกำลังจะได้เป็นพ่อคนและล้านนาจะไปจากผม ทุกอย่างรอไม่ได้อีกแล้ว” “ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อย่าทำอะไรผิดพลาดแล้วไม่รีบแก้ไขเหมือนพ่อก
ตอนที่ 5สถานะที่ไม่ได้เลือก “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” ล้านนายังไม่ยอมลงจากรถเมื่อมาถึงหน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่อยู่ส่วนในสุดของหมู่บ้านที่ดูสะอาด สงบน่าอยู่มาก ๆ “บ้านหลังนี้คือบ้านที่คุณต้องอยู่จนกว่าผมจะเบื่อ” ภูเบศลงจากรถมาเปิดประตูให้หญิงสาวที่ยังคงนั่งสับสนทำอะไรไม่ถูก “ลงมาเถอะยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องจัดการภายในวันนี้ให้เสร็จ” เจ้าของบ้านเดินนำเข้าบ้านไปพร้อมกระเป๋าหลายใบในมือที่เป็นข้าวของที่หญิงสาวขนมาจากห้องพักเดิม “คุณให้ฉันมาอยู่ที่บ้านใคร” ล้านนารู้สึกไม่ไว้ใจ “บ้านผม บ้านหลังนี้ผมซื้อไว้ขายแต่ตอนนี้คงไม่ขายแล้ว อย่าเสียเวลาถามอะไรอยู่เลย ลองมองดูว่าขาดเหลืออะไรจะได้พาไปซื้อ ทางร้านจะได้มาส่งวันนี้ทัน” เจ้าของบ้านเดินออกไปขนของในรถมาวางกองรวมกันไว้ในขณะที่คนมาใหม่ก็เดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวมีเนื้อที่รอบบ้าน ห้องนอนสี่ห้องทำให้ล้านนารู้สึกว่าที่นี่มันใหญ่เกินไปสำหรับการที่เธอต้องอยู่อาศัยเพียงคนเดียว “บ้านมันใหญ่เกินไป ฉันไปอยู่ห้องเช่าเหมือนเดิมดีแล้ว”
ตอนที่ 10ถ้าไม่ใช่เธอ..ใครก็ไม่เอา ลิตาทำอะไรไม่ถูก เธอรู้ว่าคงไม่มีทางปฎิเสธได้ จึงเปลี่ยนเป็น ยกมือไหว้อ้อนวอนอีกฝ่ายแทน “ที่ลิตาทำไปเพราะอยากได้เข้ามาดูแลลูกและคุณกับลิลก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ลิตาก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแค่อยากได้มีโอกาสดูแลลูกบ้าง” วายุเห็นท่าทางของพี่สาวภรรยานอกจากมันจะไม่ทำให้เขาสงสารแล้ว มันยังทำให้เขารู้สึกโมโหมากกว่าเดิม “หยุดตอแหล ก่อนที่ผมจะไม่เห็นความเป็นคนในตัวคุณ คุณลิตาคุณรู้ไว้เลยนะ ว่าผมกับลิลเราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ทางปฎิบัติด้วย ถ้าคุณทำแบบนี้อีก ผมจะให้คุณชดใช้เงินสิบห้าล้านคืนผม เพราะสัญญาที่คุณเซ็นมันคือสัญญาการกู้ยืมเงิน” ลิตาอยากได้เงินจนไม่ได้อ่านว่าตัวเอ
ตอนที่ 9 ทวง อนุสรณ์สังเกตสีหน้าท่าทางของลูกชาย เช้านี้วายุทำหน้าเหมือนคนยิ้มแบบเขินตลอดเวลา พอหันมาที่ลูกสะใภ้คนเล็กก็ไม่ต่างกัน “พระพายวันนี้คุณอาหนูเขาไปแอบมีความสุขอะไรกันมา ปู่เห็นตั้งแต่เดินลงมาก็เอาแต่ยิ้มอายไปอายมา” วายุหันมาสบตาภรรยา คราวนี้ลลิลถึงขั้นทำของเล่นลูกสาวหลุดจากมือ “ถ้าอย่างนั้นปู่ไม่แซวแล้ว ดูมือไม้สั่นไปหมด” การได้เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ในคืนที่ผ่านมา ยังทำให้หญิงสาวรู้สึกอาย ๆ ไม่กล้าสู้หน้าคนเป็นสามีเท่าไหร่ วายุพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพราะไม่อยากให้ภรรยาของเขาต้องรู้สึกเขินอาย เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่
ตอนที่ 8แพ้ใจ ทริปแรกจบไปอย่างสวยงามพระพายมีของฝากมาให้ทุกคนตามที่คุณปู่สั่ง คุณปู่เองก็หอมหลานสาวทั้งคู่เหมือนกับไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือน จนตอนนี้ลลิลเลยทิ้งแก้มใสให้คุณปู่เลี้ยงให้หายคิดถึง บ้านที่ตกแต่งเสร็จแล้วหลายเดือน แต่ลลิลยังไม่มีเวลาที่จะจัดตกแต่ง “ตกลงเฟอร์นิเจอร์เราซื้อใหม่หมดใช่ไหมคะ คือลิลคิดว่าบางอย่างมันก็เอาไปจากห้องเดิมได้ จะได้ประหยัด” วายุส่ายหัวเพราะเขาไม่ได้เป็นคนจ่าย คนที่สั่งให้ซื้อใหม่หมดคือพ่อของเขา ดังนั้นก็มีคนจ่ายเงินให้โดยที่ไม่ต้องกลัวเปลือง “อย่าขัดใจคุณปู่ พรุ่งนี้ไปสั่งกันเลย จะได้ย้ายห้องสักที ตอนนี้ยายหนูก็โตแล้วกลิ้งไปทั่วผมล่ะกลัวสักวันจะตกเตียง”&n
ตอนที่ 7ภรรยาตามกฎหมาย วันนี้แก้มใสแต่งตัวสวยกว่าทุกวัน เพราะวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่และพี่พระพายจะพาแก้มใสไปเที่ยวสวนสัตว์ “เอามาให้ปู่อุ้มก่อน พ่อกับแม่จะได้ไปเตรียมของ อย่าลืมนมล่ะวายุเดี๋ยวร้องตายเลย” วายุวุ่นกับการเตรียมของให้หลานสาว ส่วนลลิลก็เตรียมของให้ลูก เพราะหลังจากเที่ยวที่สวนสัตว์ บริเวณนั้นมีอ่างเก็บน้ำและมีรีสอร์ต วายุจะพาเด็ก ๆ และภรรยาไปนอนเล่นสักคืน “คุณพ่อไม่ไปกับเราแน่เหรอครับ นาน ๆ เราจะได้ไปกันที” วายุยังไม่เคยไปเที่ยวพร้อมหน้าครอบครัวแบบนี้เลยสักครั้งแต่เขาก็ไม่เคยเห็นพ่อของเขาไปไหนเหมือนกัน “พ่อจะอยู่เป็นเพื่อนอร เอาไว้ถึงฤดูหนาวเราไปเชียงใหม่กัน ไ