ตอนที่ 8
ทะเบียนสมรส
เสียงของผู้หญิงที่ดังแทรกเข้ามาก่อนที่ภูเบศจะวางสายทำให้หัวใจของผู้หญิงที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนในชีวิตของเขาไม่สบายใจ
ล้านนาพยายามที่จะข่มตาให้หลับลงแต่มันก็ไม่สำเร็จ เธอวางสายจากเจ้านายไปเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่ความรู้สึกมันเหมือนทุกอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ
เสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านและตามมาด้วยเสียงประตูหน้าบ้านเปิดออก หญิงสาวรีบลุกออกจากเตียงนอนมาดูที่หน้าต่างด้วยความตกใจเพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีใครมาหาเธอ
“ไหนคุณว่าจะนอนกับคุณแม่คุณไม่ใช่หรือคะ”
หญิงสาวดีใจที่คนที่มาคือผู้ชายที่เธอสุดแสนจะคิดถึงและมีเรื่องค้างคาใจอยากจะถาม
“นอนไม่หลับเป็นห่วงเธอด้วย”
คำพูดที่ฟังดูธรรมดาแต่สำหรับล้านนาแล้วมันทำให้หวงใจเธอพองโตด้วยความดีใจ
“กินข้าวไหมคะ ฉันไปอุ่นให้”
ภูเบศพยักหน้าและเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอาหารทั้งที่ตัวเขากินข้าวเย็นมาแล้วแต่มันก็ไม่ถูกปากเหมือนฝีมือของแม่ครัวประจำตัว
ความอยากรู้ถึงมีมากก็จริงแต่ความกลัวที่จะต้องสูญเสีย ชายหนุ่มตรงหน้ามีมากกว่า ล้านนาจึงเลือกที่จะเก็บคำถามมากมายที่เธอมีอยู่ในใจไว้แค่คนเดียวเท่านั้น
2 เดือนผ่านไป
วันเวลาที่ผ่านไปความผูกพันระหว่างล้านนากับภูเบศก็มีมากขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะเดียวกันก็เหมือนมีโลกคู่ขนานอีกใบที่ในโลกใบนั้นมีภูเบศกับทรายแก้วอยู่ ชายหนุ่มยอมเลือกที่จะยอมทำตามความสบายใจของมารดาแต่ภูเบศก็พยายามที่จะเว้นระยะห่างของเขากับทรายแก้วไว้แค่พี่น้องเท่านั้น
“พรุ่งนี้เห็นคุณพ่อบอกว่าลูกต้องไปประชุมต่างจังหวัดแม่ว่าพาทรายแก้วไปด้วยจะได้มีเพื่อนคุยตอนขับรถ”
ลูกชายทำท่าจะปฎิเสธแต่ก็ต้องยอมเงียบเมื่อเห็นว่ามารดาทำท่าขอร้องด้วยใบหน้าที่ดูอ้อนวอนขอความเห็นใจ
“เธอใช่ไหมล้านนา”
หญิงสาวในชุดพนักงานหันหน้าไปตามเสียงของคนที่กำลังเอ่ยชื่อเธอ
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันเป็นใคร ถ้าอย่างนั้นก็ดีจะได้ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำ ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอเชิญที่ห้องทำงานคุณภู”
ล้านนามือไม้สั่นไปหมดด้วยความกลัวคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่มารดาของเจ้านายมาหาเธอถึงที่บริษัทและขอคุยเป็นการส่วนตัวแบบนี้
“เป็นเมียเก็บลูกฉันมานานเท่าไหร่แล้ว”
ราตรีถามทันทีหลังจากที่ประตูห้องทำงานถูกปิดลงไม่รอให้อีกฝ่ายได้ทันตั้งตัว
“ไม่ใช่นะคะ ฉันกับคุณภูเราไม่ได้เป็นอะไรแบบนั้นกัน”
คนตัวเล็กยืนจับมือตัวเองแน่นปฎิเสธด้วยเสียงที่สั่นเครือเพราะความกลัวแทรกซึมไปทั่วร่างกาย
“ฉันไม่ได้จะมาฟังเธอโกหก”
ราตรีเดินเข้ามาหาล้านนาด้วยแววตาที่เหมือนอยากจะฉีกเนื้อเธอออกเป็นชิ้น ๆ
“ในเมื่อบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรกันก็ดีแล้วเพราะว่าลูกชายของฉันกำลังจะแต่งงาน หวังว่าเธอคงไม่ใฝ่ต่ำจนคิดจะเป็นเมียน้อยใคร”
สายฟ้าฟาดลงมากลางใจทั้งที่ล้านนาก็เตรียมใจมาตลอดว่าสักวันเธอก็ต้องเดินออกมาจากชีวิตของผู้ชายที่เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะคิดเป็นเจ้าของ
ประตูห้องทำงานปิดลง ตอนนี้มีแค่ล้านนาเท่านั้นที่อยู่ที่นี่ไม่มีอะไรหรือใครที่เธอต้องอาย หญิงสาวผู้กำลังรู้สึกพ่ายแพ้ร้องไห้ออกมาเหมือนดั่งสายฝนในคืนที่มรสุมกำลังโหมกระหน่ำ
หน้าที่ยังคงสำคัญเพราะภาระแสนหนักที่หญิงสาวแบกไว้เธอไม่อาจที่จะยอมให้ตัวเองตกงานได้ในตอนนี้ ล้านนาฝืนยิ้มพยายามทำเหมือนว่าไม่ได้เกิดอะไรขึ้นเพื่อที่จะนั่งทำงานให้ครบเวลา
“วันนี้กลับก่อนก็ได้นะ”
ยุพาเดินมาบอกลูกน้องที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ยอมที่จะเงยหน้าขึ้นมาสบตากับใคร ๆ
“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะ” คนตอบแสร้งยิ้มให้เหมือนปกติ
“เธอไม่จำเป็นต้องเล่าให้พี่ฟังไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเอาเป็นว่าพี่ให้เธอไปพักผ่อนก็แล้วกัน”
ดวงตาคู่สวยตอนนี้มีน้ำใส ๆ ไหลมาคลอดเต็มดวงตากลม ล้านนาก้มหน้าหลบลงไปเพื่อไม่ให้เพื่อนร่วมงานคนอื่นเห็นว่าเธอกำลังร้องไห้เพราะเธอยังไม่พร้อมที่จะให้ใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ
บ้านหลังนี้มันคือที่ที่ทำให้เธอได้มีโอกาสมีความสุขที่สุดแต่มันไม่ใช่ที่ของเธอ ล้านนาลงมือเก็บข้าวของเตรียมย้ายที่อยู่อีกครั้ง
การจากไปครั้งนี้เธอตั้งใจที่จะอยู่เจอหน้าและบอกกับภูเบศให้รู้เรื่องเพราะอย่างไรเขาและเธอก็ต้องทำงานที่เดียวกันอยู่แล้ว ล้านนาคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่รั้งหรือห้ามเพราะอีกไม่นานเขาก็จะแต่งงานไม่แน่เจ้านายของเธออาจจะดีใจด้วยซ้ำที่ไม่ต้องเป็นคนเชิญเธอออกจากบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง
แม่ครัวฝีมือดียังคงทำหน้าที่เหมือนเช่นทุกวันถึงแม้จะอยู่ในอารมณ์ที่เสียใจแค่ไหนและมื้อนี้ล้านนาตั้งใจทำแต่ของที่ภูเบศชอบเพราะมันคงเป็นมื้อสุดท้ายที่เธอจะได้ทำกับข้าวให้เขากิน
“วันนี้ทำอะไรให้กินนะ”
ภูเบศกลับมาถึงบ้านช้ากว่าเวลาปกติเพราะเขาเพิ่งกลับจากประชุมที่ต่างจังหวัด
“ไปล้างมือก่อนส่งกระเป๋ามาค่ะเดี๋ยวฉันเอาไปเก็บให้”
ภูเบศมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาที่แสดงถึงความสงสัยทันทีเพราะเขาอยู่กับล้านนามาเกือบสามเดือน เขาคิดว่าเขาดูออกว่าคนตัวเล็กกำลังมีอะไรในใจและมันต้องเกี่ยวกับตัวเขาแน่นอน
“เธอกินข้าวน้อยไปไหม ร่างกายจะเอาแรงที่ไหนมาทำงานและไหนจะต้องคอยทำกับข้าวให้ผมทุกวันอีก”
ชายหนุ่มพยายามชวนคุยอีกฝ่ายคุยหลังจากที่บรรยากาศบนโต๊ะอาหารไร้เสียงสนทนาใด ๆ มาเป็นสิบนาที
“ฉันอิ่มแล้วค่ะวันนี้ไม่ค่อยหิว คุณภูกินเยอะ ๆ นะคะ วันนี้ฉันตั้งใจทำสุดฝีมืออยากให้คุณจำรสชาติอาหารฝีมือของฉันไปตลอด”
“มีอะไรหรือเปล่า ทำไมพูดแบบนี้”
ล้านนารีบส่งยิ้มกลบเกลื่อนเพราะไม่อยากให้คนตรงหน้าเสียอารมณ์ในการกินอาหาร
“ไม่มีอะไรค่ะ ทำหน้าจริงจังไปได้ ฉันก็แค่กลัวว่าคุณจะไปกินกับข้าวที่อื่นอร่อยแล้วลืมฝีมือบ้าน ๆ ก็แค่นั้น”
ภูเบศไม่เชื่อที่ล้านนาพูดแต่เขาคิดว่าคาดคั้นไปก็เท่านั้นถ้าเธอพร้อมก็คงพูดให้เขาฟัง
ห้องนอนที่เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่วางกองเตรียมพับและกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ทำให้ภูเบศทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้วเขาคงต้องถามให้รู้เรื่องกันไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ล้านนาผมต้องการคำอธิบาย”คนถามมองไปที่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“คุณกำลังจะแต่งงาน ฉันไม่อยากเป็นเมียน้อยใครและมันก็คงถึงเวลาที่คุณจะเบื่อฉันได้แล้วปล่อยล้านนาไปเถอะนะคะ คนรักของคุณคงไม่ยอมแน่ถ้ารู้เรื่องของเรา”
ภูเบศเดินปรี่เข้ามาหาหญิงสาวที่กำลังสาละวนกับเสื้อผ้าของเธอที่วางอยู่เต็มตะกร้า
“คุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ใครกันที่สร้างเรื่องโกหกขึ้นแบบนี้ ผมไม่เคยคิดเรื่องจะแต่งงานกับใครทั้งนั้น”
“คุณแม่ของคุณเป็นคนมาบอกฉันด้วยตัวเองถึงที่ทำงาน คุณยังจะปฏิเสธว่าไม่จริงอีกไหม”
สาวสวยที่เคยเอาแต่สงบปากลุกขึ้นจ้องตาผู้ชายที่เธอรักแต่ก็ต้องจากเขาไปด้วยความรู้สึกที่แม้แต่ตัวเธอก็อธิบายไม่ถูกว่าโกรธ เสียใจหรือกำลังรู้สึกอะไรกันแน่
“ฉันไม่ให้เธอไปไหนทั้งนั้น ถ้าเธอออกไปจากบ้านหลังนี้ยุพาจะต้องรับผิดชอบที่ทำผิดกฎของบริษัท เอาเสื้อผ้าเก็บเข้าตู้เดี๋ยวนี้”
ภูเบศกำลังจะเดินออกจากห้องนอนแต่เขาก็ต้องหันหลังกับเข้ามาเมื่อล้านนาวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและตามมาด้วยเสียงอาเจียน
“เธอเป็นอะไร”
มือหนาลูบหลังด้วยความเป็นห่วงเพราะตลอดเวลาที่อยู่กันมาเขายังไม่เคยเห็นหญิงสาวป่วยเป็นอะไร
ล้านนาหันมาจะตอบแต่เธอกับเป็นลมเกือบลงไปนอนกับพื้นของห้องน้ำถ้าภูเบศไม่ได้ประคองหลังเธออยู่
คนเป็นห่วงเห็นอาการไม่ดีจึงตัดสินใจอุ้มหญิงสาวที่กำลังเป็นลมขึ้นรถและพาไปโรงพยาบาลทันที
“ยินดีด้วยนะคะ ภรรยาคุณท้องได้สี่สัปดาห์แล้ว”
คุณหมอบอกข่าวดีกับคุณพ่อแต่คุณแม่ยังคงไม่รู้เพราะนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่ห้องพักฟื้น
“พรุ่งนี้คุณไปธุระเป็นเพื่อนผมนะ”
ล้านนาได้แต่มองเพราะเธอไม่มีแรงจะถามต่อว่าเขาจะพาเธอไปไหนแต่ก็อดน้อยใจไม่ได้ เธอป่วยแบบนี้เขายังจะให้เธอไปไหนอีก
“น้ำเกลือหมดก็กลับบ้านได้แล้วคุณแม่อย่าลืมกินยาตามที่หมอให้ไปนะครับจะช่วยลดอาการแพ้ท้องได้”
คุณหมอยังคงพูดอะไรต่ออีกหลายคำแต่คนฟังตอนนี้หูอื้อไม่ได้ยินอะไรอีกแล้วตั้งแต่จับใจความที่หมอบอกได้ว่าเธอกำลังท้อง
ยาที่คุณหมอให้มาทำให้หญิงสาวที่กำลังอ่อนเพลียหลับสนิทจนถึงบ้าน ล้านนามารู้สึกตัวตื่นอีกทีก็เช้าแล้วและเธอก็ถูกบังคับให้แต่งตัวนั่งรถมากับเจ้านายทั้งที่ยังคงมีอาการคลื่นไส้เวียนหัวอยู่
“คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม”
ภูเบศส่งยิ้มหวานดูมีความสุขแทนคำตอบ เขาพาคนป่วยเดินไปยังที่ที่เขาตั้งใจพาเธอมา
“คุณ...”
ทะเบียนสมรสที่วางอยู่ตรงหน้าทำเอาคุณแม่คนใหม่ถึงกับร้องไห้ออกมา
“ตั้งแต่วันนี้ไปคุณคือภรรยาของผม”
การจดทะเบียนสมรสแบบไม่ทันตั้งตัวทำเอาล้านนาพูดอะไรไม่ออก เธอร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กที่กำลังดีใจและตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“คงไม่มีผู้ชายคนไหนที่ตัวเองกำลังจะแต่งงานแล้วกลับมาจดทะเบียนสมรสกับผู้หญิงคนอื่นแบบนี้ ผมคงไม่ต้องอธิบายอะไรอีก คุณคือเมียคือแม่ของลูกและคือคนที่ผมจะอยู่ด้วย”
อ้อมกอดที่เคยอบอุ่นวันนี้มันอุ่นยิ่งกว่าทุกครั้ง ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาครั้งที่เป็นการกอดกันครั้งแรกที่ล้านนากอดสามีของเธอได้อย่างสนิทใจ
“ขอบคุณนะคะ”
ตอนที่ 1แค่เพียงแรกเจอ“มันยากตรงไหนวะกับการหาเมียสักคนเรื่องมันจะได้จบ ถ้าปล่อยให้มันยาวนานกว่านี้เราว่าพ่อแก่คงได้ยกสมบัติให้แม่เลี้ยงของแน่”ยุทธนั่งฟังเรื่องราวความทุกข์ของเพื่อนเรียกได้ว่าเขาต้องทนฟังมันมาเกือบทั้งปีและก็เกือบทุกวันที่ภูริดลจะโทรศัพท์ตามให้เขามานั่งดื่มเหล้าเป็นเพื่อนเพื่อฟังเรื่องราวความทุกข์ในเรื่องนี้“หาเมียมันไม่ยากแต่แกก็รู้ ฉันไม่ต้องการผูกพันกับผู้หญิงคนไหนถ้าฉันต้องเลือกผู้หญิงสักคนมาเป็นเมียบอกตรง ๆ อยากได้คนที่ฉันไม่เคยรู้จักเพราะเมื่อถึงวันที่ต้องเลิกรากันไปจะได้ต่างคนต่างเดิน”ภูริดลมีความทรงจำที่เลวร้ายกับชีวิตครอบครัวเพราะพ่อของเขาเมื่อตอนสมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่และตอนนั้นแม่ของเขาก็ยังไม่จากไป บารมีเป็นชายหนุ่มนักธุรกิจฐานะดีรูปร่างหน้าตาดีจึงมักมีสาว ๆ เข้ามาพัวพันอยู่มากมายและพ่อของภูริดลก็มักจะตอบสนองผู้หญิงเหล่านั้นอยู่เสมอและนั่นคือสาเหตุที่ทำให้แม่ของเขาต้องตัดสินใจทำร้ายตัวเองและจากโลกนี้ไปในวัยเพียงแค่ 30 กว่า“ไม่เห็นจะยากแกมีเงินก็หาจ้างผู้หญิงสักคนเอามาแต่งงานกับแกหลอกให้พ่อแกเชื่อ”คนเป็นเพื่อนออกความเห็น ยุทธเป็นผู้ชายที่อยู่ในวงกา
ตอนที่ 2ลิ้นกับฟัน“ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว” บารมีถามลูกชายเพื่อต้องการโยงไปถึงเรื่องต่อไปที่เขากำลังจะพูดซึ่งเป็นเรื่องที่ภูริดลก็รู้ดีว่ามันคือเรื่องอะไร “ 33 ครับ คุณพ่อกำลังจะพูดต่ออีกว่าอายุก็มากแล้วเมื่อไหร่จะหาแฟนสักคนหรือแกอยากให้พ่อยกสมบัติทั้งหมดให้ คุณนารี” ชายหนุ่มทำท่าทางน้ำเสียงล้อเลียนคนเป็นพ่อด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงมองสบตาคนพูดโดยที่ไม่ยอมละสายตาไปไหนต้องการแสดงออกให้รู้ว่าเขาเบื่อเหลือเกินที่จะต้องฟังเรื่องราวเดิม ๆ แบบนี้ทุกวัน “ลูกก็รู้ว่าพ่อต้องพูดเรื่องนี้ก็แล้วทำไมไม่ทำให้มันสำเร็จ สักทีล่ะพ่อเริ่มคิดแล้วนะหรือความจริงแกไม่ได้ชอบผู้หญิงเหมือนอย่างที่คนอื่นเขาพูดกันพ่อไม่ว่าถ้าแกจะมีรสนิยมทางเพศแบบนั้นแต่ก็ควรจะพูดความจริงไม่ใช่เอาแต่อ้างนู่นอ้างนี่สุดท้ายอย่าหวังไปถึงมีครอบครัวเลยแค่แฟนสักคนก็ยังไม่เคยเห็นแกพามาบ้าน” ข้าวต้มถูกตักเข้าปากเพียงแค่ไม่กี่คำ ชายหนุ่มก็วางช้อนลงคว้าผ้าข้าง ๆ มาเช็ดปากแสดงให้คนเป็นพ่อรู้ว่าคำพูดของผู้ใหญ่กำลังทำให้เขาไม่มีอารมณ์ที่จะกินข้าวต่อก่อนที่จะยกมือไหว้สวัสดีตอนเช้าและเดินออก
ตอนที่ 3สะใภ้รับจ้าง“ดูเหมือนคุณกำลังกลัว....ว่าแต่ชื่ออะไรไม่คิดจะแนะนำตัวให้อนาคตสามีฟังเลยหรือไง” ภูริดลขับรถไปรับพิรฎายังบริเวณที่เธอนัดหมาย หญิงสาวไม่ยอมบอกที่อยู่เธอให้เหตุผลแค่เพียงว่าเธอเช่าห้องพักอยู่ถึงไม่อยากให้เขาเข้าไปวุ่นวายเกรงใจคนที่เช่าห้องอยู่ด้วยกัน “พิรฎาเรียกพิมพ์เฉย ๆ ก็ได้ค่ะชีวิตของฉันก็ไม่มีอะไรมากเกิดและเติบโตที่ต่างจังหวัดและเข้ามาเรียนกรุงเทพ ฯ เมื่อพ่อกับแม่เสียชีวิตไปหมดโดยได้รับทุนการศึกษาจากครูที่โรงเรียนแล้วก็ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองไปวัน ๆ คุณสบายใจได้ว่าฉันไม่มีญาติพี่น้องที่ไหนที่จะมาแสดงตัวให้ครอบครัวของคุณรู้ว่าเรื่องราวของเราไม่เป็นความจริง” หญิงสาวเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่แทบจะไม่มีความจริงในชีวิตเลยมีเพียงแค่ชื่อของเธอเท่านั้นที่เป็นความจริงนอกนั้นเธอก็แต่งเรื่องเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจและเธอเองไม่มีทางที่จะให้ภูริดลรู้ว่าความจริงแล้วเธอเป็นลูกสาวของเจ้าของกิจการใหญ่โตเพราะถ้าชายหนุ่มได้รู้ความจริงเขาคงไม่มีทางเลือกเธอมาเป็นภรรยารับจ้างเด็ดขาด “ฉันรอฟังชีวิตของสามีในอนาคตอยู่นะคะช่วยเล่าทุกอย่างให้ฟังโดยละเอียดเ
ตอนที่ 4คืนแรกในหน้าที่ภรรยา“คุณจะให้ฉันนอนตรงไหนก็บอก” ภูริดลหันไปมองหน้าคนถามด้วยความแปลกใจในเมื่อเขาจ้างเธอเข้ามาทำงานในตำแหน่งเมียรับจ้างแล้วเรื่องอะไรหญิงสาวมาถามหาที่นอนที่อื่น “คุณลืมอะไรไปหรือเปล่าผมจ้างคุณมาเป็นภรรยาของผมคุณก็ต้องนอนบนเตียงแล้วก็ทำหน้าที่ภรรยาอย่างสมจริง” พิรฎาพยักหน้าแต่เธอก็แอบหลบสายตาด้วยความอาย เอาเข้าจริง ๆ เมื่อถึงเวลานี้เธอกลับเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังคิดผิดไปหรือเปล่า การที่เธอจะต้องร่วมหลับนอนกับผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก มันคงนำความทุกข์มาสู่เธอแต่ในเมื่อตัดสินใจแล้วเธอก็คงต้องยอมรับมันอย่างน้อยเธอก็มีที่พักอาศัยมีเงินให้ใช้โดยที่ไม่ต้องกลับไปพึ่งพาบิดา ได้เวลาของอาหารมื้อเย็นเจ้าของบ้านทำหน้าที่เดินนำสมาชิกใหม่ไปยังโต๊ะอาหารที่อยู่บริเวณกลางสนามเพราะวันนี้บารมีตั้งใจจะจัดงานเลี้ยงเล็ก ๆ เพื่อต้อนรับลูกสะใภ้ของเขา “พิมพ์ไม่รู้ว่าจะมีงานเลี้ยงแบบนี้เลยไม่ได้ลงมาช่วยต้องขอโทษด้วยนะคะ” สาวน้อยรีบเดินเข้าไปช่วยนารีที่กำลังเดินยกของจากครัวมายังโต๊ะอาหารเพราะแม่บ้านที่นี่มีจำนวนไม่มากนักถ้าเที
ตอนที่ 5เปิดตัวเมีย“พิมพ์ อยู่ในห้องน้ำหรือเปล่า” ภูริดลตื่นมาพบเพียงแค่ที่นอนที่ว่างเปล่าชายหนุ่มตะโกนเรียกหาภรรยาหมาด ๆ ของเขาแต่กลับไม่มีเสียงตอบมีเพียงแค่รอยปิดไม่สนิทของกระจกที่กั้นระหว่างส่วนของห้องนอนกับระเบียงที่มีรอยถูกเปิดออกภูริดลจึงตัดสินใจเดินออกไปเพราะคิดว่าบางทีภรรยาของเขาอาจจะออกไปยืนสูดอากาศด้านนอก “คุณร้องไห้ทำไม ! ผมไม่ได้ข่มขืนคุณนะ” คนถามไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขากลับรู้สึกโกรธและน้อยใจที่เห็นผู้หญิงที่เขานอนด้วยเมื่อคืนมาแอบยืนร้องไห้เสียใจเหมือนกับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้มันทำให้เธอรู้สึกทุกข์ไม่มีความสุข “เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่าที่ฉันร้องไห้เพราะกำลังรู้สึกมีความสุขอีกไม่นานฉันก็จะหลุดจากสัญญาของคุณแล้ว” พิรฎาปดคำโต เธอไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดชีวิตความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอก็มีความตั้งใจเหมือนผู้หญิงคนอื่น ๆ ที่อยากจะเก็บรักษาเอาไว้ให้ผู้ชายที่เธอรักที่สุดแต่วันนี้เธอกลับมอบให้กับผู้ชายที่เธอแทบจะไม่มีโอกาสได้รู้จักเขาดีพอเพียงเพราะต้องการเอาชนะบิดาเท่านั้น “ใครบอกกันว่าใกล้จะสิ้นสุดสัญญามันคือ
คฤหาสน์หลังใหญ่ที่ถึงแม้ตอนนี้จะเป็นเวลาสายแล้วแต่ ทุกคนก็ยังคงนั่งคุยเล่นกันอยู่ที่ห้องโถงห้องรับแขกเป็นภาพที่พิรฎารู้สึกไม่คุ้นตาเพราะชีวิตของเธออยู่บ้านหลังใหญ่ที่มีชีวิตอยู่แค่เพียงในห้องนอนเท่านั้นเธอหลุดพ้นจากอณาเขตตัวเองมาเมื่อไรก็จะต้องมาพบเจอกับสงครามประสาทจากคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแม่เลี้ยง “กินข้าวกันหรือยังลูกวันนี้มีน้ำพริกกะปิคุณนารีทำไว้” บารมีเอ่ยทักลูกชายและลูกสะใภ้ด้วยแววตาที่ดูมีความสุขที่เห็นทั้งคู่เดินโอบกอดกันมาจากชั้น 2 คนเป็นพ่อเฝ้าหวังว่าจะได้เห็นภาพแบบนี้มาหลายปีถึงแม้จะดูช้าไปแต่อย่างน้อยบารมีก็มีหวังมากขึ้นที่เขาจะได้เป็นคุณปู่กับเขาเสียที “ผมจะพาพิมพ์ไปกินข้าวข้างนอกครับเพราะจะแวะเข้าบริษัทก่อน ช่วงบ่ายว่าจะพาเธอไปหาหมอตรวจร่างกายเสียหน่อยว่าพร้อมจะมีลูกให้ผมหรือยัง” พิรฎามองหน้าคนพูดด้วยความตกใจเพราะเขาไม่เคยบอกเธอว่าวันนี้จะพาเธอไปพบหมอถึงแม้เธอจะยอมเซ็นสัญญาแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำอะไรกับเธอก็ได้ “ไม่เห็นคุณบอกพิมพ์เลยว่าจะไปหาหมอ” “ก็ผมบอกอยู่นี่ไง คุณก็ได้ยินแล้วหรือคุณมีปัญหา”
ตอนที่ 6นามสกุลที่คุ้นหู“สบายใจขึ้นหรือยังคะ” พิรฎาถอนหายใจก่อนจะหันไปถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆเธอด้วยใบหน้าที่แสนจะเหน็ดเหนื่อยหลังจากที่เธอต้องเข้าไปตรวจร่างกายกับคุณหมอเพราะหญิงสาวทั้งรู้สึกกลัวและรู้สึกเจ็บกับการที่ต้องโดนตรวจภายในเป็นครั้งแรก “ก็ดีนะผมจะได้ตั้งหน้าตั้งตาทำเต็มที่คุณเองก็เตรียมร่างกายให้พร้อมจะได้ไม่ต้องทนเป็นเมียผมนานเอาเถอะยิ่งเรามีลูกกันช้าเท่าไหร่คุณก็ยังจะต้องทนเห็นหน้าผมไปอีกนาน” สาวน้อยได้แต่หันไปมองคนขับที่ตั้งแต่ออกมาจากบ้านเขายังไม่พูดหยุดพูดจาประชดประชันเธอเลยสักครั้งด้วยความรู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกินแต่เธอก็ไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรแล้วเพราะตลอดทางเธอเองก็เถียงเข้ามาตลอดเหมือนกันจึงคิดว่าต่อไปนี้จะอยู่แบบเงียบๆบ้างเพราะแค่ต้องทนปฏิบัติตามคำสั่งของเขาเธอก็เหนื่อยใจพออยู่แล้วถ้ายังจะต้องมาเถียงเอาผิดเอาถูกกับเขาอีกเธอคงจะต้องบ้าก่อนที่งานสำเร็จแน่นอน “แวะไหนอีกคะนี่ฉันคิดว่าเราจะกลับบ้านกันได้แล้ว” คนขับไม่ได้มุ่งหน้ากลับบ้านตามที่อีกฝ่ายคิดแต่เขากลับพาเธอมาที่หน่วยงานราชการแห่งหนึ่งซึ่งเป้าหมายของเขาก็คือ
ตอนที่ 7เมื่อความผูกพันมันก่อตัว“ผมขอบัวลอยเพิ่มอีกสักถ้วยนะครับ” ทุกคนในโต๊ะอาหารต่างหันไปมองคนพูดด้วยความตกใจเพราะนับตั้งแต่นารีเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะแม่เลี้ยงของ ภูริดลชายหนุ่มแทบจะไม่ยอมพูดจาอะไรกับเธอแต่วันนี้เขากลับขอบัวลอยเพื่อทั้งที่มันคือฝีมือของนารีซึ่งปกติแล้วชายหนุ่มแทบจะ ไม่ยอมแตะต้องมันเลยด้วยซ้ำ “ที่ทำงานเป็นอย่างไรบ้างลูก” บารมีเห็นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเริ่มมีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมากขึ้นเขาจึงหาเรื่องชวนลูกชายคุยเกี่ยวกับงานบริษัทที่เขาวางมือให้ลูกชายเป็นคนสานต่อส่วนตัวเขาเองเป็นเพียงแค่ที่ปรึกษาใหญ่คอยให้คำแนะนำในเรื่องที่สำคัญเท่านั้น ระหว่างพ่อลูกกำลังพูดคุยกันพิรฎาก็ลุกขึ้นไปช่วยนารีเตรียมขนมหวานให้กับคนทั้งคู่อีกรอบเพราะขนมบัวลอยฝีมือนารีมีทั้งความอร่อยและกลิ่นหอมจึงทำให้สองพ่อลูกค้าเติมกันอีกเรื่อยๆ ช่วงระยะเวลาที่ผู้ชายทั้ง 2 คนออกไปทำงานข้างนอกสองหญิงที่อยู่ในบ้านจึงมีเวลาได้พูดคุยกันจนเกิดความสนิทสนมพิรฎามองเห็นความดีในตัวของนารีและความจริงใจที่เริ่มชัดเจนออกมาทุกวัน เธอพยายามทำให้
ตอนที่ 8ทะเบียนสมรส เสียงของผู้หญิงที่ดังแทรกเข้ามาก่อนที่ภูเบศจะวางสายทำให้หัวใจของผู้หญิงที่ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองมีตัวตนในชีวิตของเขาไม่สบายใจ ล้านนาพยายามที่จะข่มตาให้หลับลงแต่มันก็ไม่สำเร็จ เธอวางสายจากเจ้านายไปเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่ความรู้สึกมันเหมือนทุกอย่างยังคงวนเวียนอยู่ในความคิดของเธอ เสียงรถยนต์มาจอดที่หน้าบ้านและตามมาด้วยเสียงประตูหน้าบ้านเปิดออก หญิงสาวรีบลุกออกจากเตียงนอนมาดูที่หน้าต่างด้วยความตกใจเพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะมีใครมาหาเธอ “ไหนคุณว่าจะนอนกับคุณแม่คุณไม่ใช่หรือคะ” หญิงสาวดีใจที่คนที่มาคือผู้ชายที่เธอสุดแสนจะคิดถึงและมีเรื่องค้างคาใจ
ตอนที่ 7มือที่สามที่ไม่ได้รับเชิญ “ไม่ได้พักที่เดิมหรือล้านนาเดี๋ยวนี้พี่ไม่เห็นเธอกลับรถสายเดิม” ดลย์พนักงานรุ่นพี่เดินเข้ามาทักหญิงสาวที่กำลังเดินลงทางบันไดหนีไฟเพราะตอนนี้ที่ลิฟท์มีคนรออยู่หลายคน “อืม ล้านนาย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้วค่ะ นึกอย่างไรคะถึงได้มาเดินลงบันไดหนีไฟแบบนี้” “คนรออีกเพียบเดินออกกำลังกายดีกว่า วัน ๆ ทำงานก็นั่งอยู่แต่กับเก้าอี้จะได้ยืดเส้นยืดสายด้วย” รุ่นพี่ทำงานทำท่าทางประกอบให้รู้ว่าเขาต้องการออกกำลังกายจริง ๆ “ข้างนอกฝนตกแรงแบบนี้ ล้านนาให้พี่ไปส่งไหมหรือไม่ก็ไปลงตรงไหนที่ใกล้ที่พักแล้วค่อยต่อรถไปอีกทีก็ได้ถ้ารออยู่หน้าบริษัทแบบนี้พี่ว
ตอนที่ 6รู้แค่วันนี้ฉันยังมีเธอ “ล้านนาหายไปไหนมา งานที่พี่ให้เธอทำไม่มีอะไรใช่ไหม” ยุพารีบเข้ามาประกบลูกน้องทันทีที่ล้านนามาถึงที่บริษัท “ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ พี่ยุพาสบายใจได้ไม่มีใครรู้ว่าพี่เอางานมาให้หนูทำ” ยุพาค่อยสบายใจขึ้นมาหน่อยเพราะการที่ลูกน้องของเธอลางานสองวันติดแถมยังเป็นการหายไปพร้อมเจ้านายอีก ยุพาแอบกลัวว่าจะเกี่ยวกับงานที่เธอจ้างให้ทำ การทำงานยังคงเป็นไปอย่างปกติแต่ที่ทุกคนในแผนกกำลังให้ความสนใจคือยุพาถูกท่านรองประธานบริษัทเรียกเข้าไปคุยเกือบชั่วโมงยังไม่ออกมา “ล้านนาจะเกี่ยวกับเราสองคนไหม” ส้มโอ
ตอนที่ 9ความรักชนะทุกอย่าง ล้านนายังคงมีอาการแพ้ท้อง ภูเบศจึงไม่ยอมให้เธอไปทำงานให้นอนพักอยู่ที่บ้าน ส่วนตัวเขาเองรีบเข้าบริษัทอย่างรีบร้อนแต่ไม่ใช่เพราะมีงานเร่งด่วนแต่เขามีธุระสำคัญต้องคุยกับบิดา ประจักษ์ไม่ค่อยได้กลับบ้านเพราะกลับไปทีไรก็ต้องได้มีเรื่องทะเลาะกับราตรีทุกที “คุณพ่อครับผมมีเรื่องสำคัญจะปรึกษา” คนเป็นลูกมองไม่เห็นใครแล้วที่จะช่วยคุยกับมารดาของเขาได้นอกจากบิดาเพียงคนเดียว ภูเบศเล่าเรื่องราวระหว่างเขากับล้านนาให้กับประจักษ์ฟังตั้งแต่เริ่มต้นและสุดท้ายก็จบลงด้วยเรื่องของทรายแก้วอดีตคนรักที่มารดาต้องการจะให้เขาแต่งงานด้วย “ลูกทำไมปล่อยให้ทุกอย่างเลยเถิดมาถึงขั้นนี้แต่ก็ยังดีนะที่ไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเกินเลยไปจนเกินแก้ไข” ประจักษ์เข้าใจและพร้อมจะอยู่ข้างเขาแต่ก็อดที่จะตำหนิไม่ได้ที่ภูเบศปล่อยให้ทุกอย่างมาไกลจนล้านนาท้อง “ผมแค่คิดว่ายังไม่พร้อมจะสละชีวิตโสดแต่พอมารู้ว่าผมกำลังจะได้เป็นพ่อคนและล้านนาจะไปจากผม ทุกอย่างรอไม่ได้อีกแล้ว” “ชีวิตคนเรามันสั้นนัก อย่าทำอะไรผิดพลาดแล้วไม่รีบแก้ไขเหมือนพ่อก
ตอนที่ 5สถานะที่ไม่ได้เลือก “คุณพาฉันมาที่นี่ทำไม” ล้านนายังไม่ยอมลงจากรถเมื่อมาถึงหน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ที่อยู่ส่วนในสุดของหมู่บ้านที่ดูสะอาด สงบน่าอยู่มาก ๆ “บ้านหลังนี้คือบ้านที่คุณต้องอยู่จนกว่าผมจะเบื่อ” ภูเบศลงจากรถมาเปิดประตูให้หญิงสาวที่ยังคงนั่งสับสนทำอะไรไม่ถูก “ลงมาเถอะยังมีอีกหลายอย่างที่เราต้องจัดการภายในวันนี้ให้เสร็จ” เจ้าของบ้านเดินนำเข้าบ้านไปพร้อมกระเป๋าหลายใบในมือที่เป็นข้าวของที่หญิงสาวขนมาจากห้องพักเดิม “คุณให้ฉันมาอยู่ที่บ้านใคร” ล้านนารู้สึกไม่ไว้ใจ “บ้านผม บ้านหลังนี้ผมซื้อไว้ขายแต่ตอนนี้คงไม่ขายแล้ว อย่าเสียเวลาถามอะไรอยู่เลย ลองมองดูว่าขาดเหลืออะไรจะได้พาไปซื้อ ทางร้านจะได้มาส่งวันนี้ทัน” เจ้าของบ้านเดินออกไปขนของในรถมาวางกองรวมกันไว้ในขณะที่คนมาใหม่ก็เดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวมีเนื้อที่รอบบ้าน ห้องนอนสี่ห้องทำให้ล้านนารู้สึกว่าที่นี่มันใหญ่เกินไปสำหรับการที่เธอต้องอยู่อาศัยเพียงคนเดียว “บ้านมันใหญ่เกินไป ฉันไปอยู่ห้องเช่าเหมือนเดิมดีแล้ว”
ตอนที่ 10ถ้าไม่ใช่เธอ..ใครก็ไม่เอา ลิตาทำอะไรไม่ถูก เธอรู้ว่าคงไม่มีทางปฎิเสธได้ จึงเปลี่ยนเป็น ยกมือไหว้อ้อนวอนอีกฝ่ายแทน “ที่ลิตาทำไปเพราะอยากได้เข้ามาดูแลลูกและคุณกับลิลก็ไม่ได้เป็นสามีภรรยากันจริง ๆ ลิตาก็คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแค่อยากได้มีโอกาสดูแลลูกบ้าง” วายุเห็นท่าทางของพี่สาวภรรยานอกจากมันจะไม่ทำให้เขาสงสารแล้ว มันยังทำให้เขารู้สึกโมโหมากกว่าเดิม “หยุดตอแหล ก่อนที่ผมจะไม่เห็นความเป็นคนในตัวคุณ คุณลิตาคุณรู้ไว้เลยนะ ว่าผมกับลิลเราเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้วก็ทางปฎิบัติด้วย ถ้าคุณทำแบบนี้อีก ผมจะให้คุณชดใช้เงินสิบห้าล้านคืนผม เพราะสัญญาที่คุณเซ็นมันคือสัญญาการกู้ยืมเงิน” ลิตาอยากได้เงินจนไม่ได้อ่านว่าตัวเอ
ตอนที่ 9 ทวง อนุสรณ์สังเกตสีหน้าท่าทางของลูกชาย เช้านี้วายุทำหน้าเหมือนคนยิ้มแบบเขินตลอดเวลา พอหันมาที่ลูกสะใภ้คนเล็กก็ไม่ต่างกัน “พระพายวันนี้คุณอาหนูเขาไปแอบมีความสุขอะไรกันมา ปู่เห็นตั้งแต่เดินลงมาก็เอาแต่ยิ้มอายไปอายมา” วายุหันมาสบตาภรรยา คราวนี้ลลิลถึงขั้นทำของเล่นลูกสาวหลุดจากมือ “ถ้าอย่างนั้นปู่ไม่แซวแล้ว ดูมือไม้สั่นไปหมด” การได้เป็นสามีภรรยากันอย่างสมบูรณ์ในคืนที่ผ่านมา ยังทำให้หญิงสาวรู้สึกอาย ๆ ไม่กล้าสู้หน้าคนเป็นสามีเท่าไหร่ วายุพยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติเพราะไม่อยากให้ภรรยาของเขาต้องรู้สึกเขินอาย เพราะเรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่
ตอนที่ 8แพ้ใจ ทริปแรกจบไปอย่างสวยงามพระพายมีของฝากมาให้ทุกคนตามที่คุณปู่สั่ง คุณปู่เองก็หอมหลานสาวทั้งคู่เหมือนกับไม่ได้เจอหน้ากันหลายเดือน จนตอนนี้ลลิลเลยทิ้งแก้มใสให้คุณปู่เลี้ยงให้หายคิดถึง บ้านที่ตกแต่งเสร็จแล้วหลายเดือน แต่ลลิลยังไม่มีเวลาที่จะจัดตกแต่ง “ตกลงเฟอร์นิเจอร์เราซื้อใหม่หมดใช่ไหมคะ คือลิลคิดว่าบางอย่างมันก็เอาไปจากห้องเดิมได้ จะได้ประหยัด” วายุส่ายหัวเพราะเขาไม่ได้เป็นคนจ่าย คนที่สั่งให้ซื้อใหม่หมดคือพ่อของเขา ดังนั้นก็มีคนจ่ายเงินให้โดยที่ไม่ต้องกลัวเปลือง “อย่าขัดใจคุณปู่ พรุ่งนี้ไปสั่งกันเลย จะได้ย้ายห้องสักที ตอนนี้ยายหนูก็โตแล้วกลิ้งไปทั่วผมล่ะกลัวสักวันจะตกเตียง”&n
ตอนที่ 7ภรรยาตามกฎหมาย วันนี้แก้มใสแต่งตัวสวยกว่าทุกวัน เพราะวันนี้คุณพ่อกับคุณแม่และพี่พระพายจะพาแก้มใสไปเที่ยวสวนสัตว์ “เอามาให้ปู่อุ้มก่อน พ่อกับแม่จะได้ไปเตรียมของ อย่าลืมนมล่ะวายุเดี๋ยวร้องตายเลย” วายุวุ่นกับการเตรียมของให้หลานสาว ส่วนลลิลก็เตรียมของให้ลูก เพราะหลังจากเที่ยวที่สวนสัตว์ บริเวณนั้นมีอ่างเก็บน้ำและมีรีสอร์ต วายุจะพาเด็ก ๆ และภรรยาไปนอนเล่นสักคืน “คุณพ่อไม่ไปกับเราแน่เหรอครับ นาน ๆ เราจะได้ไปกันที” วายุยังไม่เคยไปเที่ยวพร้อมหน้าครอบครัวแบบนี้เลยสักครั้งแต่เขาก็ไม่เคยเห็นพ่อของเขาไปไหนเหมือนกัน “พ่อจะอยู่เป็นเพื่อนอร เอาไว้ถึงฤดูหนาวเราไปเชียงใหม่กัน ไ