"ที่ผมทำไปทั้งหมดเพราะผมรักคุณนะพิมรักตั้งแต่แรกเห็น"
ทรงรบรีบรั้งตัวหญิงสาวเข้ามากอดทางด้านหลังของเธอ
"รักเหรอ...รักแต่ทำให้ฉันเจ็บแบบนี้เหรอ"
หญิงสาวเอ่ยเสียงสั่นน้ำตาของเธอเริ่มไหลลงมาอีกรอบ
"พิมผมขอโทษ"
เพี๊ยะ
พิมพรรณหันหน้ากลับมาหาชายหนุ่มเธอยกมือเรียวฟาดไปที่หน้าของเขาด้วยความโกรธ
"คุณจะตบผมอีกกี่ครั้งก็ได้ผมยอม"
ทรงรบยังคงยืนนิ่งหากการที่เธอตบเขาแล้วมันทำให้ความเจ็บในใจของเธอทุเลาลงได้เขาก็ยอม
เพี๊ยะๆๆๆ
"ฮื่อๆๆๆ.. ทำกับฉันแบบนี้ทำไมๆ...ฮือๆๆ"
พิมพรรณฟาดมือเรียวไปที่หน้าของชายหนุ่มไม่ยั้งยิ่งเธอเห็นเขายอมรับความเจ็บเธอก็ยิ่งสะอื้นหนักขึ้นหากเขาไม่ทำมันตั้งแต่แรกก็ไม่ต้องมาเจ็บปวดกันอยู่แบบนี้
เธอโกรธเขาที่เขาทำเธอเจ็บยิ่งกว่านั้นคือเขาทำลายความไว้ใจของเธอหมดสิ้นแล้วเธอคิดว่าเขาจะเกรงใจให้เกียรติเธอที่เธอคิดทั้งหมดมันผิดเขาก็ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นที่ชอบใช้กำลังข่มเหงรังแกผู้หญิง
"ผมขอโทษ"
ทรงรบกอดพิมพรรณเอาไว้เมื่อเห็นเธอสะอื้นจนตัวโยนเขาไม่อยากเห็นน้ำตาของเธอสักนิด
"ผมแค่หึงคุณเท่านั้นผมผิดเองที่ควบคุมตัวเองไม่ได้ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำมันอีกยกโทษให้ผมนะพิม"
ชายหนุ่มกอดร่างบางที่ยังคงร้องให้ไม่ยอมหยุดเขาลูบหัวลูบหลังของเธอเบาๆหวังให้เธอหายเจ็บปวดเพราะตอนนี้เขาเจ็บปวดมากกว่าเธอเสียอีกที่เห็นเธอเป็นแบบนี้เพราะฝีมือของเขา
สามวันต่อมา
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นทรงรบก็ยังคงดูแลหญิงสาวโดยดีมาตลอดแม้เธอจะปฏิเสธและไม่พุดคุยกับเขาเขาทนเห็นเธอนิ่งเงียบผิดกับเมื่อก่อนแบบนี้ไม่ได้ทรงรบเลยจำใจรบกวนพัชรินทร์ให้เธอมาอยู่เป็นเพื่อนคุยพิมพรรณชั่วพักชั่วครู่ก็ยังดี
"คุณพิม"
"คุณพัช"
พิมพรรณเห็นพัชรินทร์เดินเข้ามาในห้องก็ยิ้มทักทายต้อนรับเป็นอย่างดี
"เป็นยังไงบ้างคะได้ข่าวว่าไม่สบายฉันทำซุปมาให้คุณด้วยนะคะ"
ขอบคุณนะคะตอนนี้ค่อยยังชั่วแล้วล่ะค่ะที่ไร่เป็นยังไงบ้างคะ"
"พ่อเลี้ยงส่งคนไปช่วยงานจนตอนนี้ไม่มีปัญหาแล้วล่ะค่ะ"
"ดีแล้วล่ะค่ะคุณพิมมายังไงคะเนี่ย"
"พ่อเลี้ยงให้คนไปรับมาน่ะค่ะเห็นเค้าบอกว่าอยากให้ฉันมาอยู่เป็นเพื่อนคุยคุณพิมบ้างกลัวคุณพิมเหงา..ดูพ่อเลี้ยงเป็นห่วงคุณพิมมากเลยนะคะ"
พัชรินทร์เห็นหน้าพิมพรรณก็ดูออกว่าเธอน่าจะอาการไม่ค่อยดีนักคงไม่ใช่ป่วยกายอย่างเดียวแต่คงจะป่วยใจด้วยเธอจึงพยายามทำให้พิมพรรณร่าเริงที่สุดโดยการหาเรื่องคุยให้พิมพรรณสดชื่นขึ้นแต่พัชรินทร์ก็ไม่รู้เลยว่าการเอ่ยชื่อทรงรบนั้นทำให้เธอไม่สดชื่นเอาเสียเลย พิมพรรณยิ้มอ่อนตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่พูดไม่จากับเขาอีกเลย
อาทิตย์ต่อมา
"จะทำอะไรครับตา"
วันนี้ก็เป็นเฉกเช่นทุกวันที่อคิณจะมาดูแลลูกๆและช่วยงานที่ไร่เขาเห็นว่าเริงฤทธิ์กำลังยกบันไดไม้ไผ่มาพาดหลังคาโรงรถจึงต้องร้องเรียกถามว่าจะทำอะไร
"จะปีนขึ้นซ่อมหลังคาซะหน่อยมันรั่ว"
"ไม่เรียกช่างล่ะครับ"
"ไม่ต้องเรียกช่างข้านี่แหละช่าง"
"ไหวเหรอครับ"
อคิณมองชายแก่ที่ดูจะมั่นใจในร่างกายของตัวเองด้วยสีหน้าเป็นกังวล
"ก็ลองดู"
"มันต้องทำยังไงผมขึ้นให้ก็ได้ครับ"
อคิณเห็นท่าจะไม่ดีเขาจึงต้องอาสาทำให้เพราะหากเริงฤทธิ์เป็นอะไรอะไหล่รุ่นนี้ไม่มีเปลี่ยนแน่นอน
"เออๆขอบใจ..เอาแผ่นนี่ไปแปะตรงรูรั่วก็ใช้ได้แล้ว"
เริงฤทธิ์อธิบายวิธีการทำให้อคิณได้ฟังดี
"ครับ"
อคิณพยักหน้าเบาๆทั้งมองแดดที่ส่องแยงตาและรีบปีนขึ้นไปด้านบนโดยเร็วเพราะไม่อยากตากแดดนานๆ
"เสร็จยังไอ้หนุ่ม"
เริงฤทธิ์เห็นชายหนุ่มหายไปครู่หนึ่งแล้วยังไม่ยักจะเห็นอุดรอยรั่วได้เลยเขายังเห็นแสงลอดส่องผ่านลงมาได้จึงรีบตะโกนถามว่าคนข้างบนนั้นทำอะไรอยู่
"ใกล้แล้วครับ"
อคิณขึ้นมามองหารูรั่วครู่หนึ่งพอเจอแล้วจึงรีบแปะแผ่นสีเงินเข้าไปทันที
ปึ้ง ตุบ.. จู่ๆร่างอคิณก็ไถลลาวงลงมาด้านล่างเพราะเขาเหยียบพลาดก่อนจะลงบันไดทำเอาเริงฤทธิ์แทบหัวใจวายด้วยความตกใจ
“อึก”
ตอนนี้อคิณนอนแน่นิ่งไม่มีเสียงเพราะความจุก
"ไอ้หนุ่มตายไหมวะเนี่ย"
เริงฤทธิ์รีบเข้ามาดูอาการชายหนุ่มอย่างรวดเร็วเขาปล่อยให้อคิณนอนอยู่แบบนั้นและรีบเรียกรถพยาบาลเพราะเหตุการณ์แบบนี้ห้ามขยับตัวคนเจ็บเด็ดขาดเนื่องจากกระดูกสันหลังอาจได้รับการกระทบกระเทือน
ชั่วโมงต่อมา
หลังจากนั้นไม่นานรถพยาบาลก็มาถึงคนในไร่ต่างก็ตกอกตกใจไปจนหมดโดยเฉพาะพัชรินทร์
"เป็นไงล่ะ"
ทรงรบมองอคิณที่นอนใส่เฝือกอ่อนที่คอเขารู้ว่าที่เพื่อนของเขาเป็นแบบนี้ก็เพราะอยากจะทำเรื่องที่ตัวเองไม่ถนัด
"ไม่เป็นแล้วก็อยากจะขึ้นไป"
เริงฤทธิ์ส่ายหัวเบาๆหากเขารู้ว่าอคิณไม่เคยทำมาก่อนมีหรือจะให้ขึ้นไป
"พ่อเองก็เหมือนกันทีหลังจะทำอะไรบอกฉันสิ"
ภูผาหันมาบอกพ่อของเขาเป็นแบบนี้ทุกครั้งพ่อของเขานั้นเป็นคนที่ไม่ค่อยจะเอ่ยปากขอให้ใครช่วยหากคนอื่นไม่ยื่นมือมาช่วยเองเขาคิดว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงน่าจะเป็นพ่อเขานั่นเอง
"นี่หมอว่าไงบ้างครับคุณพัช"
ทรงรบหันมาคุยกับพัชรินทร์ที่นั่งข้างๆเตียงของอคิณ
"ให้อยู่นิ่งๆแบบนี้คืนนึงก่อนค่ะ"
"ไม่ต้องห่วงค่ะพวกเราจะช่วยดูแลเจ้าแฝดเอง"
พิมพรรณรู้ว่ายังไงพัชรินทร์ก็ต้องอยู่เฝ้าอคิณเรื่องหลานทั้งสองเธออาสาดูเองเพราะเธอก็ไม่อยากกลับไปอยู่บ้านกับทรงรบเท่าไร
"ขอบคุณนะคะ"
18.00 น.“ขอบคุณพัชมากที่ช่วยดูแลพี่”อคิณยกมือของเขามาลูบเบาๆที่มือของพัชรินทร์เขาทานข้าวไปมองคนที่ป้อนไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างน้อยในความโชคร้ายนี้ก็ยังมีความโชคดีที่เขาได้รู้ว่าหญิงสาวไม่ทิ้งเขาให้นอนเจ็บอยู่ลำพัง“อยู่เฉยๆค่ะถ้าอยากให้พัชดูแลต่อ”หญิงสาวดึงมือชายหนุ่มวางข้างตัวของเขาและเอ่ยเสียงแข็งสายตาของเธอดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงอย่างนั้นอคิณก็ยังยิ้มได้อยู่ดี21.00 น.พิมพรรณกล่อมหลานของเธอทั้งสองเข้านอนเรียบร้อยแล้วเมื่อจะเตรียมตัวลงนอนเธอก็มีอะไรบางอย่างที่ขัดหูขัดตาอยู่ไม่ใช่น้อยที่ทรงรบนั้นหาหมอนหาที่นอนมานอนอยู่ข้างๆเตียงที่เธอนอนอยู่"ผมนอนตรงนี้นะคุณ" ทรงรบเอ่ยพร้อมทิ้งตัวลงนอน"คุณกลับไปเถอะฉันดูหลานคนเดียวได้""ไม่ได้ยังไงผมก็จะอยู่จะปล่อยให้คุณกับหลานอยู่กันตามลำพังได้ยังไง""แต่""ไม่งั้นผมจะฟ้องตาคุณว่าคุณไล่ผม"ยังไม่ทันที่พิมพรรณจะพูดจบทรงรบก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาก่อน"หึ่ม"คำขู่ของเขาดูเหมือนจะได้ผลเพราะมันทำให้หญิงสาวถียงอะไรไม่ออกในเมื่ออีกฝ่ายเล่นเอาตาเธอมาขู่เสียอย่างนั้น"คุณวันนั้นในจดหมายคุณรู้มานานแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้อยากมีปัญหากับคุณ"ทรงรบเอ่ยขึ
"น้ำเมยอย่าแกล้งน้องสิครับ..โอ๋ๆไม่ร้องนะครับน้ำปาย"ทรงรบเห็นเช่นนั้นจึงอุ้มน้ำปายขึ้นมาโอ๋และหันไปบอกกับน้ำเมยน้ำเสียงเรียบว่าเล่นแบบนี้ไม่ได้"ดูหลานยังไงคะ"พิมพรรณได้ยิรนเสียงหลานร้องจึงวิ่งมาดูเธอรู้ว่าหลานเธอคงแกล้งกันอีกเช่นเคยเอไม่โทษหลานแต่โทษทรงรบมากกว่าที่หลานอยุ่ใกล้ๆกับมือกลับดูแลหลานไม่ได้"ไม่คิดว่าจะมือไวแบบนี้นี่นาคุณไปทำกับข้าวเถอะผมจัดการได้"ทรงรบหน้าเจื่อนเล็กน้อยไหนจะต้องโอ๋หลานไหนจะต้องถูกเมียดุอีก"คุณนี่นะ"พิมพรรณส่ายหัวเบาๆแล้วเดินกลับไปทำอาหารในครัวต่อ"มองตาแป๋วเลยหาเรื่องให้ลุงโดนดุอีกแล้วนะเราเจ้าตัวแสบ"หลังจากที่พิมพรรณกลับไปแล้วทรงรบก็หันมาคุยกับน้ำเมยที่กำลังนั่งตาแป๋วมองเขาอยู่จึงรีบเกาพุงน้อยๆของหลานเขาด้วยความหมั่นเขี้ยววันต่อมา"ป้อ..ป้อ"ช่วงสายของวันนี้เมื่อเจ้าแฝดทั้งสองเห็นพ่อกับแม่กลับมาแล้วจึงรีบคลานเข้าไปหาอย่างรวดเร็วทั้งส่งเสียงเรียกแค่พ่อเท่านั้นทำเอาพัชรินทร์ถึงกับแอบน้อยใจเล็กๆ"เจ้าสองแสบ..พ่อคิดถึงลูกมากๆเลยรู้ไหม"อคิณมาถึงก้นั่งกับพื้นกอดหอมลูกๆของเขายกใหญ่ด้วยความคิดถึง"ซนมากไหมคะ"พัชรินทรน์หันมาคุยกับพิมพรรณและทรงรบที่ยืนยิ้
“พวกคุณมันเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่ามาขู่ผมดีกว่ากรุณากร่างให้ถูกที่เพราะที่นี่มันถิ่นผม...ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นงานของผมยังไงก็ต้องดำเนินต่อไป”บรรจงลุกขึ้นชี้หน้าทุกคนและเดินหนีกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่ใส่ใจ“หึ่..คนแบบนี้มันยังกินดีอยู่ดีมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไงกัน”ในขณะที่เหมวัตขับรถกลับพร้อมกับอคิณและทรงรบเขาก็อดบ่นไม่ได้ถึงความมั่งมีของเสี่ยบรรจงที่มาจากความทุกข์ร้อนของคนอื่นแต่ยังสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ดีกินดีได้อีก“ผมพอจะรู้แล้วว่าอาวุธพวกนั้นเป็นของใคร”อคิณมั่นใจว่าอาวุธที่เขาแอบเห็นที่รถขนของข้างบ้านบรรจงเป็นชื่อบริษัทเดียวกับคนที่เขารู้จักแต่นั่นจะใช่ของจริงหรือไม่มันก็อีกเรื่อง“เหรอครับ”เหมวัตถามเสียงสูงด้วยความอยากรู้ทางด้านเสี่บบรรจงตอนนี้เข้าหัวเสียอย่างมากเพราเหมือนถูกเด็กถอนหงอกจึงอยากจะกำจัดคนพวกนั้นเสียตอนนี้เลย“พวกมึงอย่าให้มันออกไปจากถิ่นนี้ได้..ไม่เคยมีใครกล้าหยามหน้ากูถึงที่นี่พวกมันรู้จักกูน้อยเกินไป”บรรจงแผดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์“ครับเสี่ยมันไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ได้แน่นอนครับ”ลูกน้องคนสนิทของบรรจงรับคำและเตรียมตัวจัดการสิ่งที่บรรจงสั่งอย่างรวดเร็วเพราะ
สองวันต่อมาตอนนี้ทรงรบฟื้นแล้วเขาค่อนข้างเสียใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงความเสียใจนั้นออกมาแต่อย่างใดเพราะคิดว่ายังไงมันก็ต้องมีทางรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้“ผมหิวน้ำ”ทรงรบเอ่ยเสียงแหบพร่าเรียกพิมพรรณที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้หมอห้ามเขาขยับตัวภาระทั้งหมดเลยตกอยู่ที่พิมพรรณที่ต้องมาคอยดูแลเขา“นี่ค่ะค่อยๆดูดนะคะ”พิมพรรณดีใจมากในวินาทีที่ทรงรบตื่นขึ้นมาเมื่อคืนตอนนี้เธอคอยดูแลเขาทุกอย่างไม่ห่างไปไหนเพราะตอนที่เธอรู้ว่าเขาถูกยิงใจของเธอแทบสลายและพึ่งได้รู้ตัวเองว่าเธอมีใจให้เขาเหมือนกัน“คิณเป็นยังไงบ้าง”ทรงรบไม่ลืมที่จะถามถึงเพื่อนของเขาเพราะวินาทีที่เขาหลับไปตอนถูกยิงเขาเห็นว่าเพื่อนของเขานอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า“ตอนนี้คุณคิณยังไม่ออกจากไอซียูเลยค่ะ”พิมพรรณเอ่ยเสียงอ่อนตอนนี้เธอสงสารพัชรินทร์จับใจเพราะไม่มีวินาทีไหนเลยที่พัชรินทร์นั้นจะไม่มีน้ำตาหลังจากที่รู้ว่าอคิณได้รับอันตราย“อาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ทรงรบขมวดคิ้วเป็นกังวล“ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลยค่ะ” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆ“คุณเหม” พิมพรรณหันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา“เป็นยังไงบ้างครับผมได้ข่
ไร่เริงฤทธิ์“ทำอะไรอยู่ครับตา”ช่วงเย็นอคิณเดินเข้ามาหาเริงฤทธิ์หลังจากที่ไปส่งของกับพัชรินทร์เรียบร้อยแล้วเขาเห็นเริงฤทธิ์นั่งตอกไม้ไผ่ตั้งแต่ก่อนไปแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเริงฤทธิ์ทำอะไร“ทำกระแตเวียนไงรู้จักไหมล่ะ”“คืออะไรครับ” อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อย“ให้เจ้าแฝดเกาะหัดเดินไงคนโบราณเค้าก็ทำแบบนี้ให้ลูกหัดเดินกันทั้งนั้นเอ็งคงไม่เคยเห็นล่ะสิ”เริงฤทธิ์เห็นว่าเจ้าแฝดเริ่มตั้งไข่ได้นานแล้วจึงอยากให้ฝึกเดินที่กระแตเวียนจะได้เดินแข็งเร็วๆ“ครับผมก็พึ่งจะรู้จักนี่แหละ”“น้ำเมยน้ำปายคลานมาหาทวดมา”“อ้วด..อ้วด”เจ้าแฝดที่เล่นดินกันมอมแมมทั้งสองได้ยินเสียงทวดเรียกก็รีบคลานกรูกันเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว“อ้าวเกาะ”เริงฤทธิ์ค่อยๆอุ้มเจ้าแฝดทีละคนให้เกาะไม้และเดิน“แอ้ะ..อิๆๆ”เจ้าสองแฝดพอเกาะเดินได้ก็ชอบใจกันใหญ่“เดินเข้าจะได้เดินแข็งๆ”เริงฤทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นเหลนๆชอบของที่เขาทำให้“เก่งจังเลยครับลูก..เดินแข่งกันเร็วๆๆ”อคิณปรบมือเชียร์เป็นกำลังใจให้ลูกๆของเขาแข่งกันเดินแม้ของเล่นจะไม่ใช่สิ่งที่หรูหราแต่เขาก็ขอบคุณเริงฤทธิ์อยู่ไม่น้อยที่เอ็นดูลูกเขาขนาดนี้
“เอ่อ..”พัชรินทร์ตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มจู่ๆก็อุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาเธอกลับไปที่ห้องวางเธอลงบนเตียงเบาๆ“อย่าผลักพี่ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักนะครับ...พี่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่พี่ดีกับพัชเพราะพี่รู้สึกผิดแต่ตอนนี้มันไม่ใช่พี่อยากอยู่กับพัชอยากดูแลพัชกับลูกเพราะพี่รู้สึกรักคนตัวเล็กคนนี้..รักแม่ของลูกพี่หมดใจไปแล้ว”อคิณจับมือหญิงสาวที่กำลังดันตัวของเขาออกและเอ่ยเสียงอ่อนข้างๆหูของเธอ พัชรินทร์หน้าแดงเมื่อได้ยินว่าเขาบอกอะไรกับเธอ“พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนแต่ทุกครั้งที่พี่เจ็บหน้าของพัชกับลูกจะเป็นกำลังใจให้พี่ลุกขึ้นมาสู้ต่อ...ขอบคุณที่แม้ว่ายังโกรธแต่ก็ยังไม่คิดจะใจร้ายกับพี่...พี่อยากให้พัชให้โอกาสพี่ดูแลพัชกับลูกได้ไหมพี่ขอแค่นี้”“คำขอนี้พี่คิณเคยขอมาตลอดเลยนะคะ...แม้พัชจะห้ามแต่พี่คิณก็ไม่เคยฟัง..และเวลามันก็พิสูจน์แล้วค่ะว่าพี่คิณเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ”“พี่ไม่อยากเป็นแค่พ่อที่ดีของลูกๆแต่พี่อยากเป็นสามีที่ดีของพัชด้วย..คนดีของพี่ขอให้พี่เป็นสามีที่ดีของพัชได้ไหม”เมื่อสายตาของอคิณแสดงออกถึงความจริงใจพัชรินทร์จึงยิ้มอ่อนและพยักหน้ารับเขาพิสูจน์ด้วยเวลาแล้วว่าเขา
เกริ่นทำไมโลกที่แสนกลมต้องเหวี่ยงคนใจร้ายกลับมาเจอเธอด้วยคำที่หญิงสาวมีคำถามอยู่ในใจทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้าคนที่มาคอยบังคับเธอให้ตกอยู่ในพันธนาการของเขาหากวันนั้นเธอไม่ใจดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอเลือกที่จะคบเพื่อนดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอไม่เจอเขาชีวิตเธอจะดีกว่านี้หรือไม่...เนื้อเรื่องช่วงบ่ายของวันในเวลาที่แดดร่มลมตกแล้วตรีรัตน์กำลังนั่งไกวเปลลูกน้อยของเธอไปด้วยวาดรูปออกแบบเครื่องประดับไปด้วยเพลินๆเพราะตอนนี้เธอมีงานอดิเรกนอกจากเลี้ยงลูกแล้วเธอยังแพ็คของส่งลูกค้าไปด้วยตอนนี้เธอขายเครื่องประดับที่เป็นฝีมือการออกแบบของเธอเองผลตอบรับตอนนี้ค่อนข้างดีมากเพราะฝีมือการออกแบบของเธอค่อนข้างตรงความต้องการของคนหมู่มากตรีรัตน์หญิงสาววัย21ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ที่ไร่เริงฤทธิ์เธอท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะความหัวอ่อน หญิงสาวเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูผมสีน้ำตาลยาวหยักศกคิ้วได้รูปขนตางอนยาวดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อย เธอเป็นสาวหน้าหวานที่ค่อนข้างหัวอ่อนรักเพื่อนเชื่อคนง่ายนั่นเป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอถูกเอาเปรียบอยู่บ่อยครั้ง“ของขายดีเลยสินะ”พัชรินทร์เด
“แอ้ๆ..” ตรีรัตน์อุ้มลูกสาววัยหกเดือนที่กำลังจ้ำม่ำมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตามประสาแม่ลูกเพราะวันนี้ลูกเธอดูจะตื่นมาแล้วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อารมณ์ดีจังเลยนะคะ..อ้าวนี่มือถือพี่พัชนี่นา..ไปบ้านป้าพัชกันนะคะเอามือถือไปคืนป้าพัชกันค่ะ” ตรีรัตน์หันไปเห็นมือถือของพัชรินทร์วางอยู่ใกล้ๆกับตระกร้าผ้าของลูกเธอจึงหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเดินเอาไปคืนพี่สาวเธอที่บ้าน“แอ้..ๆ”หนูน้อยนิชารีรู้ว่าคนเป็นแม่จะพาเดินเที่ยวก็ดีใจจนยิ้มปากบาน“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พัชรินทร์จัดการอาหารเย็นเสร็จก็รีบเดินออกมาเรียกสองหนุ่มที่กำลังยืนชมวิวคุยกันที่หน้าบ้าน“พี่พัชคะมือถือค่ะ” ตรีรัตน์เดินมาหาพัชรินทร์พอดีกับที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าบ้านเธอจึงรีบเรียกพัชรินทร์เอาไว้และยื่นมือถือคืนให้กับหญิงสาว“ตายจริงพี่ลืมไว้เหรอเนี่ย” พัชรินทร์รีบรับมือถือของเธอมาอย่างรวดเร็วทั้งตำหนิตัวเองเล็กน้อยที่ไม่รอบคอบทำให้ตรีรัตน์ต้องลำบากเอาของเธอมาคืนถึงที่บ้าน“ว่ายังไงหนูนา..มาให้ลุงอุ้มหน่อยเร็ว” อคิณเห็นตรีรัตน์อุ้มเจ้าก้อนมาด้วยก็รีบเข้าไปอุ้มหนูน้อยมาอย่างรวดเร็วเพราะหนูนาให้เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงได้ตามสบายไม่เหมือนเจ้า