18.00 น.
“ขอบคุณพัชมากที่ช่วยดูแลพี่”
อคิณยกมือของเขามาลูบเบาๆที่มือของพัชรินทร์เขาทานข้าวไปมองคนที่ป้อนไปด้วยสีหน้าที่มีความสุขอย่างน้อยในความโชคร้ายนี้ก็ยังมีความโชคดีที่เขาได้รู้ว่าหญิงสาวไม่ทิ้งเขาให้นอนเจ็บอยู่ลำพัง
“อยู่เฉยๆค่ะถ้าอยากให้พัชดูแลต่อ”
หญิงสาวดึงมือชายหนุ่มวางข้างตัวของเขาและเอ่ยเสียงแข็งสายตาของเธอดูไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัดแต่ถึงอย่างนั้นอคิณก็ยังยิ้มได้อยู่ดี
21.00 น.
พิมพรรณกล่อมหลานของเธอทั้งสองเข้านอนเรียบร้อยแล้วเมื่อจะเตรียมตัวลงนอนเธอก็มีอะไรบางอย่างที่ขัดหูขัดตาอยู่ไม่ใช่น้อยที่ทรงรบนั้นหาหมอนหาที่นอนมานอนอยู่ข้างๆเตียงที่เธอนอนอยู่
"ผมนอนตรงนี้นะคุณ" ทรงรบเอ่ยพร้อมทิ้งตัวลงนอน
"คุณกลับไปเถอะฉันดูหลานคนเดียวได้"
"ไม่ได้ยังไงผมก็จะอยู่จะปล่อยให้คุณกับหลานอยู่กันตามลำพังได้ยังไง"
"แต่"
"ไม่งั้นผมจะฟ้องตาคุณว่าคุณไล่ผม"
ยังไม่ทันที่พิมพรรณจะพูดจบทรงรบก็เอ่ยตัดบทขึ้นมาก่อน
"หึ่ม"
คำขู่ของเขาดูเหมือนจะได้ผลเพราะมันทำให้หญิงสาวถียงอะไรไม่ออกในเมื่ออีกฝ่ายเล่นเอาตาเธอมาขู่เสียอย่างนั้น
"คุณวันนั้นในจดหมายคุณรู้มานานแล้วใช่ไหมว่าผมไม่ได้อยากมีปัญหากับคุณ"
ทรงรบเอ่ยขึ้นมาในขณะที่พิมพรรณทิ้งตัวลงนอนแล้วทำเอาหญิงสาวชะงักเล็กน้อย
"ฉันคิดผิดต่างหาก"
พิมพรรณหันไปตวัดหางตาใส่คนที่นอนพล่ามอยู่ข้างล่าง
"ผมรักคุณจริงๆนะพิม"
ทรงรบลุกนั่งและค่อยๆก้มไปมองหน้าพิมพรรณที่นอนอยู่
"เอ่อ..ถอยออกไปให้ห่างฉันเลยนะคะ"
หญิงสาวที่ถูกบอกรักอย่างไม่ทันตั้งตัวเธอก็อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อตั้งสติได้เห็นชายหนุ่มค่อยๆยื่นหน้ามาใกล้เธอจึงรีบผลักเขาออก
"ก็ได้..ฝันดีนะคุณมีอะไรเรียกผมได้เลย"
ทรงรบล้มตัวนอนด้วยรอยยิ้มเขาดูออกว่าหญิงสาวแก้มแดงกับคำพูดของเขา พิมพรรณกำลังข่มอารมณ์ตัวเองไม่ให้หลงไปกับคำพูดของเขาไมเข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเขินทั้งที่จริงเธอควรจะโกรธเขาสิถึงจะถูก
สองวันต่อมา
โรงพยาบาล
"โอ้ยย.."
ในช่วงเช้าวันที่สามกับการอยู่โรงพยาบาลอคิณอาการดีขึ้นมากแค่มีอาการเจ็บที่กระดูกคอเล็กน้อยเท่านั้นเขากำลังเอื้อมมือหยิบแก้วน้ำที่หัวเตียงด้วยความที่หันเร็วไปหน่อยจึงเกิดความเจ็บและร้องออกมา
"พี่คิณ..ขยับตัวเบาๆสิคะจะเอาอะไรคะเดี๋ยวพัชหยิบให้"
พัชรินทร์ที่พึ่งเข้ามาในห้องเพราะออกไปหาซื้ออาหารเช้ามาทานเธอเข้ามาเห็นอคิณร้องก็หน้าเสียและรีบวิ่งไปจับตัวให้เขานอนลงอย่างรวดเร็ว
"พี่จะดื่มน้ำ"
"นี่ค่ะ"
พัชรินทร์หยิบแก้วน้ำแล้วเสียหลอดให้เขาได้ค่อยๆดูด
ครู่ต่อมา
"อาการดีขึ้นมากเลยนะครับพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว"
หมอหนุ่มได้เขามาตรวจอาการอคิณในช่วงเช้าวันนี้อาการของเขาดีขึ้นมากหมอเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงจึงอนุญาตให้เขากลับบ้านได้ในวันพรุ่งนี้
"ขอบคุณครับหมอ"
อคิณโล่งใจไม่น้อยที่เขาได้ออกจากโรงพยาบาลเสียทีเขาจะได้กลับไปดูแลลูกๆของเขาเหมือนเดิมและพัชรินทร์จะได้ไม่ต้องมาเหนื่อยเฝ้าเขาอีกด้วย
"พัชว่าพี่คิณกลับกรุงเทพไปดีกว่านะคะ"
หลังจากที่หมอออกไปแล้วพัชรินทร์ก็ตัดสินใจพูดเรื่องนี้กับเขาอีกรอบเพราะรู้ว่าที่นี่มันไม่ได้เหมาะกับอคิณเลยสักนิด
"พี่ขอบคุณมากนะที่พัชคอยดูแลพี่"
อคิณชะงักงันทั้งมีแววตาไหววูบเล็กน้อยเขาดีใจที่จะได้กลับไปดูแลลุกแต่จู่ๆหญิงสาวก็กลับมาไล่เขากลับเสียอย่างนั้นเขาไม่ได้ตอบปฏิเสธเธอเพียงแค่อยากขอบคุณเธอเท่านั้นที่ช่วยดูแลเขาเป็นคำตอบที่เธอก็น่าจะรู้ว่าเขาคงไม่กลับไปง่ายๆ
"ยังจะดื้ออยู่อีกเหรอคะทั้งที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ค่อยจะดี"
พัชรินทร์เอ่ยเสียงแข็งสายตาของเธอมองมายังชายหนุ่มอย่างไม่พอใจ
"พี่จะไม่ทำตัวเป็นภาระพัชแต่ยังไงพี่ก็จะอยู่กับพัช" อคิณจับมือเรียวของหญิงสาวมากุมเอาไว้เบาๆไม่ว่าเธอจะไล่เขาเป็นล้านครั้งเขาก็จะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น
12.00 น.
พัชรินทร์ยังคงป้อนข้าวอคิณเช่นเคยเพราะเธอรู้ว่าแม้อาการของเขาจะดีขึ้นมากแล้วแต่การขยับส่วนคอบ่อยๆมันก็ไม่เป็นผลดี
"ขอบคุณนะ"
อคิณอมยิ้มได้ทุกครั้งที่พัชรินทร์ใส่ใจดูแลเขาแม้สีหน้าของเธอจะดูไม่เต็มใจสักครั้งก็เถอะคำพูดขอบคุณนี้เขาพูดกับเธอได้ไม่มีเบื่อเพราะเขารู้สึกแบบนั้นจริงๆ
"พี่คิณก็รู้ว่าพัชไม่ได้เต็มใจ" หญิงสาวตอบกลับเสียงห้วน
"อาหารอร่อยดีนะ"
อคิณแม้จะรู้สึกเสียใจกับคำพูดของเธอแต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมากลับยิ้มตอบเธอและสนใจเรื่องอาหารแทน
พัชรินทร์ถอนหายใจเบาๆเธอไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนเอาแต่ใจแล้วยังคงจะตีมึนเก่งร่วมด้วยอีกดูเหมือนเขาจะไม่สะทกสะท้านอะไรกับคำพูดของเธอแม้แต่น้อยเธอกลัวใจตัวเองเหลือเกินที่จะแพ้ความมึนของเขาและให้อภัยเขาไปอย่างง่ายดาย
ทางด้านพิมพรรณกับทรงรบตอนนี้ก็เลี้ยงหลานกันง่วนทรงรบที่ดูจะหลงหลานหนักขึ้นทุกวันก็โหมประโคมหาซื้อของเล่นมาให้ไม่เว้นแต่ละวัน
"เล่นอันนี้ไหมครับลุงให้"
ทรงรบนั่งเล่นกับหลานทั้งสองอยู่ในห้องนั่งเล่นในช่วงเย็นขณะที่พิมพรรณเตรียมอาหารเย็นอยู่ในครัวเขาส่งลูกบอลพลาสติกเล็กๆใส่มือของน้ำเมย
โป้กกก
"แอ้..แง่ๆๆ"
ในขณะที่กำลังจะส่งอีกลูกให้น้ำปายน้ำเมยก็ฟาดลูกบอลลูกนั้นใส่หัวของน้ำปายอย่างเต็มแรงและนั่งยิ้มปากบานอยู่คนเดียวในขณะที่คนเป็นน้องร้องให้โฮไอ้ความเจ็บน่าจะไม่เท่าไรคงเพราะตกใจมากกว่า
"น้ำเมยอย่าแกล้งน้องสิครับ..โอ๋ๆไม่ร้องนะครับน้ำปาย"ทรงรบเห็นเช่นนั้นจึงอุ้มน้ำปายขึ้นมาโอ๋และหันไปบอกกับน้ำเมยน้ำเสียงเรียบว่าเล่นแบบนี้ไม่ได้"ดูหลานยังไงคะ"พิมพรรณได้ยิรนเสียงหลานร้องจึงวิ่งมาดูเธอรู้ว่าหลานเธอคงแกล้งกันอีกเช่นเคยเอไม่โทษหลานแต่โทษทรงรบมากกว่าที่หลานอยุ่ใกล้ๆกับมือกลับดูแลหลานไม่ได้"ไม่คิดว่าจะมือไวแบบนี้นี่นาคุณไปทำกับข้าวเถอะผมจัดการได้"ทรงรบหน้าเจื่อนเล็กน้อยไหนจะต้องโอ๋หลานไหนจะต้องถูกเมียดุอีก"คุณนี่นะ"พิมพรรณส่ายหัวเบาๆแล้วเดินกลับไปทำอาหารในครัวต่อ"มองตาแป๋วเลยหาเรื่องให้ลุงโดนดุอีกแล้วนะเราเจ้าตัวแสบ"หลังจากที่พิมพรรณกลับไปแล้วทรงรบก็หันมาคุยกับน้ำเมยที่กำลังนั่งตาแป๋วมองเขาอยู่จึงรีบเกาพุงน้อยๆของหลานเขาด้วยความหมั่นเขี้ยววันต่อมา"ป้อ..ป้อ"ช่วงสายของวันนี้เมื่อเจ้าแฝดทั้งสองเห็นพ่อกับแม่กลับมาแล้วจึงรีบคลานเข้าไปหาอย่างรวดเร็วทั้งส่งเสียงเรียกแค่พ่อเท่านั้นทำเอาพัชรินทร์ถึงกับแอบน้อยใจเล็กๆ"เจ้าสองแสบ..พ่อคิดถึงลูกมากๆเลยรู้ไหม"อคิณมาถึงก้นั่งกับพื้นกอดหอมลูกๆของเขายกใหญ่ด้วยความคิดถึง"ซนมากไหมคะ"พัชรินทรน์หันมาคุยกับพิมพรรณและทรงรบที่ยืนยิ้
“พวกคุณมันเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอย่ามาขู่ผมดีกว่ากรุณากร่างให้ถูกที่เพราะที่นี่มันถิ่นผม...ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นงานของผมยังไงก็ต้องดำเนินต่อไป”บรรจงลุกขึ้นชี้หน้าทุกคนและเดินหนีกลับเข้าบ้านไปอย่างไม่ใส่ใจ“หึ่..คนแบบนี้มันยังกินดีอยู่ดีมาถึงทุกวันนี้ได้ยังไงกัน”ในขณะที่เหมวัตขับรถกลับพร้อมกับอคิณและทรงรบเขาก็อดบ่นไม่ได้ถึงความมั่งมีของเสี่ยบรรจงที่มาจากความทุกข์ร้อนของคนอื่นแต่ยังสามารถลอยหน้าลอยตาอยู่ดีกินดีได้อีก“ผมพอจะรู้แล้วว่าอาวุธพวกนั้นเป็นของใคร”อคิณมั่นใจว่าอาวุธที่เขาแอบเห็นที่รถขนของข้างบ้านบรรจงเป็นชื่อบริษัทเดียวกับคนที่เขารู้จักแต่นั่นจะใช่ของจริงหรือไม่มันก็อีกเรื่อง“เหรอครับ”เหมวัตถามเสียงสูงด้วยความอยากรู้ทางด้านเสี่บบรรจงตอนนี้เข้าหัวเสียอย่างมากเพราเหมือนถูกเด็กถอนหงอกจึงอยากจะกำจัดคนพวกนั้นเสียตอนนี้เลย“พวกมึงอย่าให้มันออกไปจากถิ่นนี้ได้..ไม่เคยมีใครกล้าหยามหน้ากูถึงที่นี่พวกมันรู้จักกูน้อยเกินไป”บรรจงแผดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์“ครับเสี่ยมันไม่มีวันได้ออกไปจากที่นี่ได้แน่นอนครับ”ลูกน้องคนสนิทของบรรจงรับคำและเตรียมตัวจัดการสิ่งที่บรรจงสั่งอย่างรวดเร็วเพราะ
สองวันต่อมาตอนนี้ทรงรบฟื้นแล้วเขาค่อนข้างเสียใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองเดินไม่ได้แต่ก็ไม่ได้แสดงความเสียใจนั้นออกมาแต่อย่างใดเพราะคิดว่ายังไงมันก็ต้องมีทางรักษาให้กลับมาเป็นปกติได้“ผมหิวน้ำ”ทรงรบเอ่ยเสียงแหบพร่าเรียกพิมพรรณที่นั่งอยู่ข้างๆตอนนี้หมอห้ามเขาขยับตัวภาระทั้งหมดเลยตกอยู่ที่พิมพรรณที่ต้องมาคอยดูแลเขา“นี่ค่ะค่อยๆดูดนะคะ”พิมพรรณดีใจมากในวินาทีที่ทรงรบตื่นขึ้นมาเมื่อคืนตอนนี้เธอคอยดูแลเขาทุกอย่างไม่ห่างไปไหนเพราะตอนที่เธอรู้ว่าเขาถูกยิงใจของเธอแทบสลายและพึ่งได้รู้ตัวเองว่าเธอมีใจให้เขาเหมือนกัน“คิณเป็นยังไงบ้าง”ทรงรบไม่ลืมที่จะถามถึงเพื่อนของเขาเพราะวินาทีที่เขาหลับไปตอนถูกยิงเขาเห็นว่าเพื่อนของเขานอนจมกองเลือดอยู่ตรงหน้า“ตอนนี้คุณคิณยังไม่ออกจากไอซียูเลยค่ะ”พิมพรรณเอ่ยเสียงอ่อนตอนนี้เธอสงสารพัชรินทร์จับใจเพราะไม่มีวินาทีไหนเลยที่พัชรินทร์นั้นจะไม่มีน้ำตาหลังจากที่รู้ว่าอคิณได้รับอันตราย“อาการหนักขนาดนั้นเลยเหรอ” ทรงรบขมวดคิ้วเป็นกังวล“ตอนนี้ยังไม่พ้นขีดอันตรายเลยค่ะ” พิมพรรณส่ายหัวเบาๆ“คุณเหม” พิมพรรณหันไปที่ประตูเมื่อได้ยินเสียงคนเปิดเข้ามา“เป็นยังไงบ้างครับผมได้ข่
ไร่เริงฤทธิ์“ทำอะไรอยู่ครับตา”ช่วงเย็นอคิณเดินเข้ามาหาเริงฤทธิ์หลังจากที่ไปส่งของกับพัชรินทร์เรียบร้อยแล้วเขาเห็นเริงฤทธิ์นั่งตอกไม้ไผ่ตั้งแต่ก่อนไปแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่เข้าใจว่าเริงฤทธิ์ทำอะไร“ทำกระแตเวียนไงรู้จักไหมล่ะ”“คืออะไรครับ” อคิณขมวดคิ้วเล็กน้อย“ให้เจ้าแฝดเกาะหัดเดินไงคนโบราณเค้าก็ทำแบบนี้ให้ลูกหัดเดินกันทั้งนั้นเอ็งคงไม่เคยเห็นล่ะสิ”เริงฤทธิ์เห็นว่าเจ้าแฝดเริ่มตั้งไข่ได้นานแล้วจึงอยากให้ฝึกเดินที่กระแตเวียนจะได้เดินแข็งเร็วๆ“ครับผมก็พึ่งจะรู้จักนี่แหละ”“น้ำเมยน้ำปายคลานมาหาทวดมา”“อ้วด..อ้วด”เจ้าแฝดที่เล่นดินกันมอมแมมทั้งสองได้ยินเสียงทวดเรียกก็รีบคลานกรูกันเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว“อ้าวเกาะ”เริงฤทธิ์ค่อยๆอุ้มเจ้าแฝดทีละคนให้เกาะไม้และเดิน“แอ้ะ..อิๆๆ”เจ้าสองแฝดพอเกาะเดินได้ก็ชอบใจกันใหญ่“เดินเข้าจะได้เดินแข็งๆ”เริงฤทธิ์เอ่ยด้วยรอยยิ้มเขาหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเมื่อเห็นเหลนๆชอบของที่เขาทำให้“เก่งจังเลยครับลูก..เดินแข่งกันเร็วๆๆ”อคิณปรบมือเชียร์เป็นกำลังใจให้ลูกๆของเขาแข่งกันเดินแม้ของเล่นจะไม่ใช่สิ่งที่หรูหราแต่เขาก็ขอบคุณเริงฤทธิ์อยู่ไม่น้อยที่เอ็นดูลูกเขาขนาดนี้
“เอ่อ..”พัชรินทร์ตกใจเล็กน้อยที่ชายหนุ่มจู่ๆก็อุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวแล้วพาเธอกลับไปที่ห้องวางเธอลงบนเตียงเบาๆ“อย่าผลักพี่ขอพี่อยู่แบบนี้สักพักนะครับ...พี่ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ที่พี่ดีกับพัชเพราะพี่รู้สึกผิดแต่ตอนนี้มันไม่ใช่พี่อยากอยู่กับพัชอยากดูแลพัชกับลูกเพราะพี่รู้สึกรักคนตัวเล็กคนนี้..รักแม่ของลูกพี่หมดใจไปแล้ว”อคิณจับมือหญิงสาวที่กำลังดันตัวของเขาออกและเอ่ยเสียงอ่อนข้างๆหูของเธอ พัชรินทร์หน้าแดงเมื่อได้ยินว่าเขาบอกอะไรกับเธอ“พี่ก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหนแต่ทุกครั้งที่พี่เจ็บหน้าของพัชกับลูกจะเป็นกำลังใจให้พี่ลุกขึ้นมาสู้ต่อ...ขอบคุณที่แม้ว่ายังโกรธแต่ก็ยังไม่คิดจะใจร้ายกับพี่...พี่อยากให้พัชให้โอกาสพี่ดูแลพัชกับลูกได้ไหมพี่ขอแค่นี้”“คำขอนี้พี่คิณเคยขอมาตลอดเลยนะคะ...แม้พัชจะห้ามแต่พี่คิณก็ไม่เคยฟัง..และเวลามันก็พิสูจน์แล้วค่ะว่าพี่คิณเป็นพ่อที่ดีของลูกๆ”“พี่ไม่อยากเป็นแค่พ่อที่ดีของลูกๆแต่พี่อยากเป็นสามีที่ดีของพัชด้วย..คนดีของพี่ขอให้พี่เป็นสามีที่ดีของพัชได้ไหม”เมื่อสายตาของอคิณแสดงออกถึงความจริงใจพัชรินทร์จึงยิ้มอ่อนและพยักหน้ารับเขาพิสูจน์ด้วยเวลาแล้วว่าเขา
เกริ่นทำไมโลกที่แสนกลมต้องเหวี่ยงคนใจร้ายกลับมาเจอเธอด้วยคำที่หญิงสาวมีคำถามอยู่ในใจทุกครั้งที่ต้องเห็นหน้าคนที่มาคอยบังคับเธอให้ตกอยู่ในพันธนาการของเขาหากวันนั้นเธอไม่ใจดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอเลือกที่จะคบเพื่อนดีจะเป็นแบบนี้หรือไม่หากวันนั้นเธอไม่เจอเขาชีวิตเธอจะดีกว่านี้หรือไม่...เนื้อเรื่องช่วงบ่ายของวันในเวลาที่แดดร่มลมตกแล้วตรีรัตน์กำลังนั่งไกวเปลลูกน้อยของเธอไปด้วยวาดรูปออกแบบเครื่องประดับไปด้วยเพลินๆเพราะตอนนี้เธอมีงานอดิเรกนอกจากเลี้ยงลูกแล้วเธอยังแพ็คของส่งลูกค้าไปด้วยตอนนี้เธอขายเครื่องประดับที่เป็นฝีมือการออกแบบของเธอเองผลตอบรับตอนนี้ค่อนข้างดีมากเพราะฝีมือการออกแบบของเธอค่อนข้างตรงความต้องการของคนหมู่มากตรีรัตน์หญิงสาววัย21ตอนนี้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ที่ไร่เริงฤทธิ์เธอท้องตั้งแต่ยังเรียนไม่จบเพราะความหัวอ่อน หญิงสาวเป็นสาวหน้าหวานใบหน้ารูปไข่ผิวขาวอมชมพูผมสีน้ำตาลยาวหยักศกคิ้วได้รูปขนตางอนยาวดวงตากลมโตปากนิดจมูกหน่อย เธอเป็นสาวหน้าหวานที่ค่อนข้างหัวอ่อนรักเพื่อนเชื่อคนง่ายนั่นเป็นลักษณะนิสัยที่ทำให้เธอถูกเอาเปรียบอยู่บ่อยครั้ง“ของขายดีเลยสินะ”พัชรินทร์เด
“แอ้ๆ..” ตรีรัตน์อุ้มลูกสาววัยหกเดือนที่กำลังจ้ำม่ำมากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันตามประสาแม่ลูกเพราะวันนี้ลูกเธอดูจะตื่นมาแล้วอารมณ์ดีเป็นพิเศษ“อารมณ์ดีจังเลยนะคะ..อ้าวนี่มือถือพี่พัชนี่นา..ไปบ้านป้าพัชกันนะคะเอามือถือไปคืนป้าพัชกันค่ะ” ตรีรัตน์หันไปเห็นมือถือของพัชรินทร์วางอยู่ใกล้ๆกับตระกร้าผ้าของลูกเธอจึงหยิบขึ้นมาเพื่อที่จะเดินเอาไปคืนพี่สาวเธอที่บ้าน“แอ้..ๆ”หนูน้อยนิชารีรู้ว่าคนเป็นแม่จะพาเดินเที่ยวก็ดีใจจนยิ้มปากบาน“อาหารเย็นเรียบร้อยแล้วค่ะ”พัชรินทร์จัดการอาหารเย็นเสร็จก็รีบเดินออกมาเรียกสองหนุ่มที่กำลังยืนชมวิวคุยกันที่หน้าบ้าน“พี่พัชคะมือถือค่ะ” ตรีรัตน์เดินมาหาพัชรินทร์พอดีกับที่หญิงสาวกำลังจะเดินเข้าบ้านเธอจึงรีบเรียกพัชรินทร์เอาไว้และยื่นมือถือคืนให้กับหญิงสาว“ตายจริงพี่ลืมไว้เหรอเนี่ย” พัชรินทร์รีบรับมือถือของเธอมาอย่างรวดเร็วทั้งตำหนิตัวเองเล็กน้อยที่ไม่รอบคอบทำให้ตรีรัตน์ต้องลำบากเอาของเธอมาคืนถึงที่บ้าน“ว่ายังไงหนูนา..มาให้ลุงอุ้มหน่อยเร็ว” อคิณเห็นตรีรัตน์อุ้มเจ้าก้อนมาด้วยก็รีบเข้าไปอุ้มหนูน้อยมาอย่างรวดเร็วเพราะหนูนาให้เขากอดรัดฟัดเหวี่ยงได้ตามสบายไม่เหมือนเจ้า
"พูดแบบนี้แสดงว่าหนูนาลูกผม" โนอาห์จ้องหน้าพัชรินทร์เขม็งรวมทั้งอคิณก็เช่นกัน พัชรินทร์หน้าเจื่อนเมื่อรู้ว่าตัวเองโมโหจนหลุดปากออกไป ในขณะที่โนอาห์ยังไม่ได้คำตอบจากปากพัชรินทร์แต่เขาก็พอเข้าใจได้แล้วว่ายัยหนูตัวกลมที่อคิณอุ้มอยู่เป็นลูกของเขา“อืม” ตรีรัตน์ค่อยๆพยุงตัวเธอลุกขึ้นนั่งเมื่ออาการดีขึ้นแล้วเมื่อเธอลุกขึ้นได้ก็เกาะพัชรินทร์ไม่ยอมปล่อย"แตงกวา" พัชรินทร์กอดตรีรัตน์เอาไว้เพื่อให้เธอเลิกตื่นกลัวก่อนเพราะเธออาจจะเป็นลมไปได้อีกรอบ"ฮึก..ฮือๆๆ"อคิณเห็นตรีรัตน์เอาแต่สะอื้นเขาจึงรีบสะกิดโนอาห์ให้ออกไปให้พ้นหน้าตรีรัตน์เสียก่อน"คุณจะเอายังไงกับเรื่องนี้" สองหนุ่มออกมาคุยกันด้านนอกด้วยสีหน้าเคร่งเครียดมีคนที่ยังยิ้มเล่นได้นั่นเห็นจะมีแค่เด็กหญิงนิชารีเท่านั้นเพราะไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับผู้ใหญ่เค้า"ก็พึ่งจะรู้ตัวว่ามีลูก...คุณว่าผมต้องทำยังไงล่ะคงต้องรับผิดชอบน่ะสิ" โนอาห์ยืนกอดอกถอนหายใจเฮือกใหญ่และมองไปที่หนูน้อยด้วยแววตาที่สับสนว่าเขาพร้อมแค่ไหนที่จะเป็นพ่อคนแต่เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่เสียใจเลยสักนิดเมื่อรู้ว่ามีลูกกับตรีรัตน์อาจเป็นเพราะพอใจตรีรัตน์ตั้งแต่แรกเห็นแถมลูกสาว