ความยุ่งเหยิงจากกระเป๋าเดินทางใบนั้นนับแต่วินาทีแรก คือสื่อความสัมพันธ์ให้เขาและเธอต้องว้าวุ่นกับพรหมลิขิตแสนเจ้าเล่ห์
View Moreคุณปู่เข้ามากระซิบกิ่งฟ้าและขยิบตาให้สาวน้อย ก่อนจะกล่าวคำอำลา...“ไปเถอะ...หลับให้สบาย ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาจัดการเถอะ เรื่องมันเลยเถิดแล้ว ก็เลยตามเลยนะหนู” เสียงขำเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกใจชื้น เกรงว่าคุณปู่จะไม่เข้าใจแล้วเคืองเธอและดารณีกิ่งฟ้าพยายามห้ามพันธ์พิสุทธิ์ไม่ให้นั่งรถตามไปส่งถึงบ้าน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ยอมอยู่นั่น หัวดื้อยิ่งกว่าเธอเสียอีก“ผมนั่งไปเป็นเพื่อน เผื่อช่วยคิดวางแผนให้ไม่ดีกว่ารึ” เขาอมยิ้มนัยน์ตาวาวราวกับวางแผนแก้เผ็ดทั้งเธอและดารณี“เฮ้ออออ...” เสียงถอนหายใจยาวของสาวน้อยที่นั่งข้าง ทำให้ชายหนุ่มนึกอยากแกล้งเธออีก“พรุ่งนี้ เราเจอกันอีกครั้ง ผมมีนัดแสนภพให้มาเจอคุณอีกครั้ง ว่าไง” น้ำเสียงของเขาคะยั้นคะยอ แถมขึ้นเสียงตอนท้ายอย่างเป็นต่อ“เอ่อ... ฉันไม่มีข้อมูลอะไรนำเสนอนะ คุณหมอ” เธอวิงวอนเบาเชิงขอร้อง“ดีเลย... ไปตามเพื่อนคุณมา เจอกันหน่อยดีไหม” เขาคาดคั้น“ไม่ได้... อาจทำให้คุณแสนภพโกรธพวกเรา” เสียงดุของเธอยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเล่นบทกวนประสาท“โธ่...โถ ขนาดนี้แล้ว ยังจะปิดบัง!!! คุณปู่ขนาดต้องเล่นละครตีบทแตกให้พวกคุณ” เขารู้สึกสนุกในใจอยากยั่วยวนสาวน้อยนางน
ระหว่างเดินทางกลับบ้านของหญิงสาว พันธ์พิสุทธิ์แวะไปทำแผลด้านในตรงกลางริมฝีปากที่คลินิกซึ่งคือที่ทำงานของเขานั่นเอง “ขอคุณลงไปเป็นเพื่อนผมหน่อย” เขาพยักหน้าแววตาคะยั้นคะยอ ทำให้สาวน้อยนั่งข้างๆ ใจอ่อนอีกตามเคย “ยังไง พรุ่งนี้คุณต้องมาพบผมที่นี่อยู่ดี” เขายังกำชับเพื่อให้เธอตัดสินใจเขาก้าวไปยืนอยู่หน้าคลินิกหันกลับมามองว่า สาวน้อยลงจากรถตู้หรือไม่ ปรากฏว่ากิ่งฟ้ากำลังก้มลงมองพื้นเพื่อก้าวตามลงไป‘ต้องบังคับให้ไปฮ่องกงให้ได้ คอยดูว่านางจะว่ายังไง’ เขาคิดวางแผนอยู่ในใจ ขณะจ้องมองเธออย่างกระหยิ่มประหนึ่งผู้มีชัย“ค่ะ... นำฉันเข้าไปสิคะ” กิ่งฟ้ามองจ้องเขากลับ ขณะหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม“ครับบ... เชิญคุณกิ่งฟ้า อ้อ... ดารณี” เขาเริ่มกวนประสาทเธออีกครั้ง แต่สาวน้อยไม่ตอบโต้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกขณะก้าวตามชายหนุ่มไป เธอเหลือบไปเห็นแสนภพ ชายหนุ่มคนเมื่อวานที่พบกันในโรงแรมแห่งนั้นกำลังเดินสวนมาพอดี“อ้าว คุณดารณี มาถึงที่นี่เลย” เขายิ้มทักทายเธอทันที“เอ่อ...ค่ะ” กิ่งฟ้าไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ในใจคิดแต่เพียงอยากหลบหน้าชายหนุ่มทั้งคู่“คุณหมอ... ฉันขอไปนั่งรอที่รถดีกว่านะคะ” เธอเดินตามเข้า
ทันทีที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามลุกขึ้น ก้าวเข้ามาและยิ้มยั่วเธออย่างไม่สนใจกับท่าทีของอีกฝ่ายว่า กำลังจะเตรียมปกป้องตนเอง“นี่...หยุดเลย เรากำลังออกนอกลู่นอกทาง” กิ่งฟ้าเสียงแหวดุชายหนุ่มที่กำลังจะก้มลงมาทำอะไรเธอ ขณะที่เธอเองลุกขึ้นยืนจังก้ากำหมัดอยู่“อยากพิสูจน์... ไม่ใช่หรือ” เขาก้าวเข้ามารวบเอวเธอทันทีที่พูดจบ แล้วก้มหน้าลงมากดริมฝีปากของสาวน้อยในอ้อมกอดชายหนุ่มผงะหน้าหงาย เมื่อกิ่งฟ้าตั้งสติได้จึงกัดริมฝีปากเขาโดยอัตโนมัติ แล้วเอาฝ่ามือดันหน้าของเขาออกไปอย่างแรง“โอย... ทำร้ายผม” เขาร้องเสียงหลง เลือดกบปาก ทำเธอตกใจรีบหยิบทิชชูจากในกระเป๋าออกมากดห้ามเลือดตรงเนื้อบางๆ ด้านในริมฝีปากที่ถูกเธอฝังเขี้ยวไว้ค่อนข้างแรงทีเดียวมือไม้ของเธอสั่นเทาขณะควักเอาห่อทิชชูในกระเป๋าออกมา ดึงกระดาษออกมาปั้นเป็นกำแล้วกดลงไปไม่ให้เลือดไหล เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เลยระหว่างเธอกำลังช่วยห้ามเลือด แต่พันธ์พิสุทธิ์นึกกระหยิ่มในใจ... อยากอยู่ต่อหน้าเธอคนนี้ให้นานเท่าที่หัวใจกรุ่นละมุนของเขาต้องการเท่านั้น เธอเป็นคนแรกที่เขาเคยพบสาวๆ มาทั้งคนไทยและต่างชาติในต่างประเทศ ไม่มีคนไหนที่กล้าปฏิเสธ
พันธ์พิสุทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามใดใด สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววเล่ห์เพทุบาย ต้องการแก้เผ็ดหญิงสาว“ผมจะพาคุณไปหาหมอ เผื่อเป็นอะไรมากกว่านี้” เขาทำหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย ในความรู้สึกของกิ่งฟ้า มาดคุณหมอไม่มีเลยตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนมาถึงครั้งนี้ หากไม่บอกถึงอาชีพการงาน เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจมากกว่า“ค่ะ... ยังเจ็บเอวอยู่เลย” สีหน้าของสาวน้อยเบื้องหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้ำหนักตัวของเขาคงกระแทกเธออย่างจังตอนลงไปถึงพื้นบันได ใจของเขากระตุกทันทีเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกที่วาบหวิว ร่างกายของเขาและเธอทาบทับกันนิ่งขณะนั้น ทำให้เขารู้สึกถึงประจุไฟปรารถนากำลังปะทุขึ้นจนอณูของเซลส์เกิดแรงสั่นสะเทือนกิ่งฟ้าถูกชายหนุ่มพยุงร่างบอบบางไปถึงยังลานจอดรถ เขาตัดสินใจอุ้มเธอเดินก้าวไปยังที่รถยนต์ซึ่งจอดห่างออกไปเกือบสองล็อก ลมหายใจของเขารดยังต้นคอของเธอจนรู้สึกสยิวไปทั่วร่าง“อืม... จริงๆ ฉันก็เดินได้อยู่น่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธไป แต่ในใจรู้สึกยินดีเหลือล้น เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะท่าทีดูนุ่มนวลขึ้นกว่าครั้งก่อน“กอดผมแน่นๆ ไม่งั้นคุณอาจหล่นได้ ผมไม่เคยอุ้มใค
ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่ง แววตาของเขาท้าทายในความรู้สึกของเธอยิ่งนัก“เฮ้อ... ผมคงเจอนักลวงโลก the world scammer!!!” เขาเปรียบเปรยเห็นภาพลอยอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดแจ้ง“นี่... พูดให้ดีๆ นะ ฉันฟ้องคุณได้” กิ่งฟ้าเหลืออด ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม“ได้เลย... ผมยินดี ถ้าไม่จริง บอกมา คุณชื่ออะไร” เขายังบังคับกลายๆ จะไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง“เอ่อ... กิ่งฟ้า” เธอจำยอมในที่สุด ก้มหน้าลงกับพื้นโต๊ะ “อ้าววว... แสนภพเพิ่งบอกผมว่า คุณชื่อ ดารณี หรือว่าผมฟังผิด” เขาเอากำปั้นทุบโต๊ะ ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งพรวดเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา“นี่คุณ... ทำอย่างกับฉันเป็นผู้ต้องหา ฉันมาเสนอขายสินค้า” เธอมองสบตาชายหนุ่มนิ่งขณะกล่าวตอบ“เหรอครับ... แล้วสินค้านี้หลอกผมด้วยไหมเนี่ย” เขาหัวเราะเยาะเย้ยเธอ“โอเค... ถ้าคุณยังพูดอะไรแบบนี้ ต้องขออนุญาตลากลับนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ จำยอมไม่อยากตอบโต้ใดๆ ขณะจ้องแววตาของเขาที่ระริกหยอกล้ออยู่ในดวงตาคมคู่นั้น“อาการคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ... ขอผมดูหน่อยได้ไหม” เขาลุกขึ้นก้าวมายืนค้ำหัวเธอ ผายมือขอร้องอย่างสุภาพ“ดีขึ้นนิดหน่อย ข้อเท้าแพลงคงอาจหลายวันค่ะ
กิ่งฟ้าหลับไปในความฝัน เธอเห็นดวงตาปีศาจปรากฏอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ ขณะกำลังเดินเล่นเพลินๆ อยู่นั้นเอง“เฮ้ย... ดา แกทำอะไรน่ะ” เธอถามดารณีขณะสาวตาหยีโผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้แล้วเดินเข้ามาหา“ฉันเอาหนอนมาให้...” ดารณีรู้ว่าเพื่อนรักเกลียดตัวหนอนเป็นที่สุด“หูย...หยี เอาไปให้พ้น” เธอหลับตาแต่ยังแอบหรี่ตาข้างซ้ายมองว่า เพื่อนสาวเอาออกไปหรือยัง“ไม่... มันคือผีเสื้อ” จากนั้นดารณีโยนเจ้าหนอนสีเขียวขึ้นไป กลับกลายเป็นผีเสื้อปีกสีเขียวขยับบินร่อนอยู่ตรงหน้าเธอ“โห... สวยจังเลย” ดารณียิ้มเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเบื้องหน้าเอ่ยปากชื่นชมไม่นานดารณีหายวับไป ในขณะที่กิ่งฟ้ากำลังวิ่งไล่ตามผีเสื้อที่บินวนเวียนหยอกเย้าเธอ“อ้าววว... ดา แกมาเงียบๆ แล้วก็หายไปเงียบๆ” เธอขำเบาๆ จากนั้นจึงวิ่งหมุนวนอยู่กลางสวนสวย และแล้วจู่ๆ หน้าของชายหนุ่มแปลกประหลาดนายหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงกลางหน้าของสาวน้อย“คุณชอบผีเสื้อหรือ...ผมมีอะไรมาให้ดู” เขายื่นหินกลมๆ สีฟ้าตรงกลางเป็นสีขาวกลม และวงกลมในสุดเป็นสีฟ้าสวยงามมากในความรู้สึก เธอไม่เคยเห็นหินชนิดนี้มาก่อน“หินอะไรคะ” เธอถามขณะเห็นหน้าชายหนุ่มแปลกหน้า เขามองจ้องตาเธอ แววตาเห
พันธ์พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะในใจเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกเหตุว่า เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ทั้งสองครั้งทำให้ต้องเกิดเรื่องราว เขาจึงอยากรีบกลับถึงบ้าน “ผมขอ say bye เลยนะครับ” เขายกข้อมือดูนาฬิกา เวลาเกือบสามทุ่ม เขามีเรื่องต้องโทรหาน้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ เธอขอให้เขาโทรหาไม่รู้มีเรื่องอะไร“ค่ะ... งั้นลาตรงนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขาโบกมือลาขณะกำลังก้าวเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินกลับไปที่รถ ขณะนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และรู้ตัวว่าต้องรีบกลับ ขณะใจกำลังวกวนเรื่องเธอคนนี้ เขาเลี้ยวรถตรงหน้าร้านจะออกไป เธอกำลังรับโทรศัพท์เดินลงมาตรงหัวมุมหน้าร้าน... “Oh…shit…ตายล่ะ... เวรจริงๆ” เขาผรุสวาท และรีบกดกระจกลงตะโกนถาม “เป็นอะไรไหมนั่น... ผมจะพาไปคลินิก” เขาเห็นเธอล้มลง เขาน่าจะชนเธอตรงสะโพกพอดี เขารีบลงรถไปอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเปิดประตูหลังเอาเธอวางลงบนเบาะหลัง ขณะพันธ์พิสุทธิ์ออกรถไป เขาถามเธอด้วยใจกระวนกระวาย“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” เขามองกระจกส่องหลัง เห็นเธอเอามือไปลูบหลังข้อศอกและขาข้างซ้ายน่าจะเป็นแผลกิ่งฟ้ากำลังล้วงเอาทิชชูเปียกในกระเป๋าออกมาซับเ
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา“ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดู เขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ… “เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขา...
Comments