คุณปู่เข้ามากระซิบกิ่งฟ้าและขยิบตาให้สาวน้อย ก่อนจะกล่าวคำอำลา...
“ไปเถอะ...หลับให้สบาย ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาจัดการเถอะ เรื่องมันเลยเถิดแล้ว ก็เลยตามเลยนะหนู” เสียงขำเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกใจชื้น เกรงว่าคุณปู่จะไม่เข้าใจแล้วเคืองเธอและดารณีกิ่งฟ้าพยายามห้ามพันธ์พิสุทธิ์ไม่ให้นั่งรถตามไปส่งถึงบ้าน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ยอมอยู่นั่น หัวดื้อยิ่งกว่าเธอเสียอีก
“ผมนั่งไปเป็นเพื่อน เผื่อช่วยคิดวางแผนให้ไม่ดีกว่ารึ” เขาอมยิ้มนัยน์ตาวาวราวกับวางแผนแก้เผ็ดทั้งเธอและดารณี “เฮ้ออออ...” เสียงถอนหายใจยาวของสาวน้อยที่นั่งข้าง ทำให้ชายหนุ่มนึกอยากแกล้งเธออีก “พรุ่งนี้ เราเจอกันอีกครั้ง ผมมีนัดแสนภพให้มาเจอคุณอีกครั้ง ว่าไง” น้ำเสียงของเขาคะยั้นคะยอ แถมขึ้นเสียงตอนท้ายอย่างเป็นต่อ “เอ่อ... ฉันไม่มีข้อมูลอะไรนำเสนอนะ คุณหมอ” เธอวิงวอนเบาเชิงขอร้อง “ดีเลย... ไปตามเพื่อนคุณมา เจอกันหน่อยดีไหม” เขาคาดคั้น “ไม่ได้... อาจทำให้คุณแสนภพโกรธพวกเรา” เสียงดุของเธอยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเล่นบทกวนประสาท “โธ่...โถ ขนาดนี้แล้ว ยังจะปิดบัง!!! คุณปู่ขนาดต้องเล่นละครตีบทแตกให้พวกคุณ” เขารู้สึกสนุกในใจอยากยั่วยวนสาวน้อยนางนี้ให้อยู่หมัด “เอ่อ...ออ” กิ่งฟ้านั่งเฉยหน้างุด ไม่รู้จะพูดยังไง นังเพื่อนตัวแสบทำเธอตกที่นั่งลำบากทั้งคู่เงียบตลอดทางจนกระทั่งรถมาหยุดอยู่หน้าบ้านของเธอ กิ่งฟ้ารีบก้าวลงจากรถแม้จะเดินไม่ค่อยสะดวกนัก แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากให้คุณแม่ของเธอเริ่มเข้าใจผิด จึงชะโงกหน้ามากล่าวลาเบาๆ
“พรุ่งนี้จะให้รถมารอรับ 9 โมงครึ่งนะครับ” น้ำเสียงเรียบเฉย ฟังดูไม่ค่อยมีไมตรีเท่าไหร่กิ่งฟ้าเดินกระย่องกระแย่งเข้าประตูรั้วบ้านไป แต่หันหลังกลับมายกมือทำท่าบายชายหนุ่ม อย่างน้อยไม่อยากให้เขาคิดไม่ดีกับเธอ
แม่กรรณิการ์เลิกม่านจากห้องนอนชั้นบนมองลงมา จึงรู้ว่าชายหนุ่มคนนี้ยังนั่งรถตามมาส่งลูกสาว ในใจคิดแต่เพียงว่าอยากให้สาวน้อยคนนี้มีคนรักสักคน อย่างน้อยก็ทำให้เธอเลิกหมกมุ่นกับดารณี ทั้งคู่เป็นเพื่อนกันตั้งแต่มัธยมเหนียวแน่นจนป่านนี้ ทำให้หนุ่มๆ ที่เคยเข้ามาคบหากิ่งฟ้าหลายคนต้องถอยห่างเพราะทั้งคู่ติดกันจนเกินไป ดารณีเป็นเพื่อนที่ไม่ยินยอมให้หนุ่มคนไหนเข้าใกล้กิ่งฟ้าเลย หวงยิ่งกว่านางซึ่งเป็นแม่เสียอีก
กิ่งฟ้ารีบโทรหาดารณีทันทีเมื่อก้าวเข้าห้องนอน ความคิดวุ่นวายใจกำลังวนเวียนอยู่หากไม่พูดคุยกันให้รู้เรื่องภายในคืนนี้
“เออ... เป็นไง ว่างแล้วรึแก โทรหาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รับสายฉันเลย ปล่อยให้ฉันผจญภัยคนเดียว แกรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับฉันบ้าง” “เข้าใจว่ะ แต่งานที่นี่ยุ่งมาก ฉันเลยปล่อยให้เพื่อนหน้าสวยคนนี้รับหน้าไปก่อน ไว้จะกลับไปเคลียร์” น้ำเสียงปลายสายดูเคร่งขรึมจนเธอรู้สึกได้ทันที “มันเกิดอะไรขึ้น ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะแยกรึไง หรือว่าแกถูกเจ้านายเฉดหัวออกจากงาน...ฮะ” กิ่งฟ้ายังจิกถามอยากรู้ความจริง “คงประมาณนั้น ยอดขายตก สงสัยคงจะกลับไปอยู่บ้านให้แม่ส่งเสียเหมือนเดิม” เพื่อนรักตอบอย่างทดท้อ “พวกเราดันมาทำหน้าที่ส่งเสริมการขาย มันมีเป้าบีบหัวใจทุกปี ลำบากล่ะ หาแฟนรวยๆ เลี้ยงสิ น่าจะเหมาะกับแก” กิ่งฟ้าแหย่และขำเบาๆ “หน้าตายู่ยี่ แถมกระปุ๊กลุกแบบนี้ ใครมันจะมอง ไม่เหมือนอย่างแกหรอก กิ่ง!!!” น้ำเสียงน้อยใจต่อโชคชะตา ทำเอาเพื่อนรักหน้าสวยรู้สึกเห็นใจ “นายคนที่ฉันไปเจอแทนแกไง หน้าตาลูกครึ่งเข้าท่ามากเลยนะ ลองดู... ฉันเชียร์ให้แกไปขอโทษเขาซะ แล้วทุกอย่างจะดีเองแหละ คุณป้าของเขาน่ารักมาก เป็นเพื่อนกับแม่แก ฉันว่าคงจะลุ้นเขากับแกอยู่น่ะ เชื่อสิ!!!” “เชื่ออะไร... ของแก เขาเจอแกแทนฉัน ป่านนี้ไม่ฝันหวานปักใจกับแกไปแล้วรึ” ดารณีมีน้ำเสียงงอนทันใด “พรุ่งนี้ฉันต้องไปเจอญาติของเขาคนนั้นที่เคยเล่าให้ฟัง กางเกงเป้าขาด” “เฮ้ย... ทำไมโลกมันถึงกลมจังวะ” ดารณีขำเบาๆ “เอ่อ... มีเรื่องอยากเล่าเยอะเลย ไว้เจอกัน จะกลับมาเมื่อไหร่” “จะบินกลับวันจันทร์ตอนบ่าย ขอไปส่องหนุ่มแถวชายหาดหน่อย เผื่อได้หิ้วมาฝาก” ดารณีชอบพูดล้อเล่นแบบนี้บ่อยๆ แต่ไม่เคยได้อย่างที่ว่าเลยสักคนกิ่งฟ้ากำลังจะล้มตัวลงนอน ได้ยินเสียงแจ้งเตือนในมือถือ นายเป้าขาดผิวสีเข้มเขียนมา... กดดู ปัดโธ่ แค่ส่งอีโมจิก Good night …
“นึกว่าจะเขียนอะไรมา แอบดีใจอยู่นะ นายผิวสีแทน...นายน่าจะชื่อ ‘แทน’ มากกว่า ‘ดอน’ เฮ้อ!!! จริงๆ แสนภพหล่อกว่ามากมาย ยัยดา เอ้ย!... ฉันเริ่มอิจฉาแกแล้วล่ะ” กิ่งฟ้าหัวเราะเบาๆ อยากเย้ยเพื่อนสาวจริงๆ หากหลบหน้าแสนภพอีก เธอจะเอาแสนภพเป็นแฟนแทน ดูสิเพื่อนรักจะทำหน้ายังไง... ... ... ... ... ...
วันรุ่งขึ้นรถตู้ของบริษัทมารับกิ่งฟ้าตามเวลานัดหมาย ปรากฏว่าพันธ์พิสุทธิ์ไม่ได้นั่งรถมาด้วย เธอรู้สึกโล่งหายใจได้ทั่วท้องหน่อย แต่แล้วคนขับรถแจ้งกับเธอว่า...
“คุณหมอดอนให้ผมมารับคุณก่อน แล้วจึงไปแวะรับท่านที่บ้าน” ทันทีที่เธอได้ยินเท่านั้นในใจรู้สึกเซ็งเต็มประดา ทำไมเขาต้องเล่นแง่แทนที่จะรับเขามาก่อนก็สิ้นเรื่องคนขับรถได้ยินเสียงถอนหายใจของหญิงสาว จึงเอ่ยขึ้นเบาๆ...
“ท่านให้แจ้งคุณว่า เมื่อคืนท่านทำงานดึก เช้านี้จึงตื่นสายไปรับคุณมาก่อน ท่านบอกให้คุณลงไปทานอาหารเช้าที่ในบ้านกับคุณปู่...ครับ” กิ่งฟ้าใจเต้นอีกตามเคย ไม่ทราบว่าคุณปู่จะมีเรื่องอะไรทำให้เธอกังวลหรือไม่กิ่งฟ้าก้มหน้าก้มตาเดินลงจากรถตู้ทันทีที่คนขับรถจอดสนิทตรงลานหน้าประตูใหญ่ของตึกหน้า หญิงสาวค่อยลากเท้าเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ข้อเท้าซ้ายยังแพลงปวดร้าวลงไปถึงส้น จากเมื่อวานที่เธอแกล้งเดินชนขาโต๊ะในห้องประชุม เด็กรับใช้เดินออกมาเชิญเธอเข้าไปยังห้องอาหารด้านใน
“สวัสดีค่ะ คุณปู่สบายดีนะคะ” เธอยกมือไหว้กล่าวทักทายตามธรรมเนียม
“มา... หนูมานั่งใกล้ปู่ตรงเก้าอี้ตัวนี้” ปู่ประพันธ์ผู้ยิ่งใหญ่ของครอบครัวมองลอดแว่นมายังสาวน้อย ยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง “คุณปู่คะ... หนูเกรงใจจังค่ะ เลยต้องมาทานข้าวที่นี่มื้อที่สามแล้วนะคะ” เธอห่อตัวจนหลังค่อม คุณปู่หัวเราะชอบอกชอบใจ “ไม่เป็นไร ปู่ไม่ค่อยมีใครร่วมโต๊ะมื้อเช้ามานานมากแล้ว แต่ละคนยุ่งกับหน้าที่การงานของตัวเอง ปู่ค่อนข้างเหงา...น่ะ หลานทุกคนสมัยยังเด็กก็มาแอบคอยเอาใจเพื่อขอค่าขนมไปโรงเรียนเพิ่ม ตอนนี้ต่างคนต่างโตเป็นหนุ่มเป็นสาว พวกเขาก็มีชีวิตส่วนตัวกัน ไม่ค่อยมาสนใจคนแก่อย่างปู่แล้ว” น้ำเสียงคุณปู่เหมือนปรับทุกข์ “คุณปู่ยังแข็งแรง ออกไปเที่ยวข้างนอกบ้างสิคะ ออกไปเดินตามสวนสาธารณะ แถวนี้น่าจะมีอยู่สองสามแห่งนะคะ รับอากาศช่วงเช้ากับตอนพระอาทิตย์ตกดิน หนูว่าคุณปู่จะสดใสทั้งวันเลยค่ะ” “หนูมาเป็นเพื่อนปู่ได้ไหม เสาร์อาทิตย์นี้” กิ่งฟ้าอยากตบปากตัวเอง แนะนำไปเฉยๆ กลายเป็นเธอต้องเข้ามาอยู่ในโซนชีวิตส่วนตัวของครอบครัวนี้ไปเสียแล้ว “โห... คุณปู่คะ หนูไม่ใช่หลานนะคะ” เธอเผลอโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้คุณปู่ประพันธ์เงียบลงไปพักหนึ่ง เหมือนท่านคงคิดได้ว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่ใช่หลานแท้ๆ ของท่าน “เอ่อ... หนูขอโทษค่ะ แต่ถ้าคุณปู่เหงาไม่มีเพื่อน หนูอาจไปเป็นเพื่อนได้บางครั้งนะคะ” กิ่งฟ้าพยายามหาคำพูดประนีประนอมกิ่งฟ้านั่งทานมื้อเช้าเป็นเพื่อนคุยกับคุณปู่เจ้าของคฤหาสน์อันสวยงามโอ่อ่า เวลาผ่านไปเกือบสิบโมงเศษแล้ว ยังไม่เห็นว่าพันธ์พิสุทธิ์จะลงมาทานมื้อเช้านี้กับท่าน
“หนูช่วยกดกริ่งเรียกเด็กๆ ที จะให้ไปตามดอนลงมา” ท่านกระแอมเบาๆ ก่อนเงยหน้าขึ้นจ้องเรียวหน้าบางของสาวน้อยตรงหน้ากิ่งฟ้ากุลีกุจอลุกไปกดกริ่งตรงข้างประตู สักครู่เด็กผู้หญิงรับใช้คนเดิมที่เชิญเธอมาที่ห้องอาหารผลักประตูแง้มโผล่หน้าถาม ทันใดนั้นประตูก็ถูกชายหนุ่มดึงออกเบาๆ
เขาสวมเสื้อยืดคอกลมลำลองสีขาวด้านในและสวมแจ็กเก็ตยีนส์สีซีดแบบวัยรุ่นด้านนอก ใบหน้ายังไม่ค่อยกระปรี้กระเปร่าสักเท่าไหร่
“ขอโทษครับ... ผมตื่นสายเลย คุณปู่มีเพื่อนแล้ว เป็นไงบ้างครับ” เขาฉีกยิ้มมองหน้าผู้สูงวัยแล้วเลยมาจ้องที่ใบหน้าของสาวน้อย “ปู่ได้เพื่อนไปเดินออกกำลังกายแล้ว เสาร์อาทิตย์นี้ หนูนี่...เอ่อ ชื่ออะไรดีล่ะ” ท่านหัวเราะหึ...หึ เหมือนอยากเล่นละครไปด้วยเลย “กิ่งค่ะ... ดารณีต้องมาแก้ไขเรื่องทั้งหมด หนูจะจับมาให้คุณปู่ลงโทษ” เสียงดุของเธอทำคุณปู่มองหน้าอย่างขำๆ “เล่นอะไรกัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า... หลอกคนแก่นี่บาปกรรมนะ หลอกเจ้าพวกหนุ่มๆ นั่นไม่เป็นไรหรอก มันมีทีเด็ดเยอะ ปู่เห็นจะตามด้วยไม่ทันล่ะ” ท่านหัวเราะเสียงดังเหมือนเด็กๆ แต่แล้วกลับหันไปดุหลานชายทันใด “ดอน ... ควรไปโยนหัวก้อยกันเอาเองกับ เจ้าภพ...มันล่ะกัน จะคนไหนดี” ท่านหันมาขยิบตาให้กิ่งฟ้า “ไม่ต้องหรอกครับ kiss คนไหน!!! ได้คนนั้นก็รู้เอง” เขาทำ eyewink กับคุณปู่ กิ่งฟ้าแอบเห็นและคิดในใจ ‘คุณปู่น่าจะไม่เบาแล้วล่ะ ถึงกับให้เธอมาเดินออกกำลังกายเป็นเพื่อนน่าจะมีแผนทีเด็ด คอยดูยัยกิ่งบ้างว่าจะเล่นเอาให้หน้าหงายเลย โดนกัดไปแล้ว...ยังไม่เข็ด’ “ขออนุญาตพาสาวคนนี้ไปทำงานก่อนครับ ผมมีเรื่องจะกลับมาปรึกษาเย็นนี้” เขารีบขอตัวพาเธอออกไปจากห้องอาหาร เธอเห็นสายตาของคุณปู่จ้องหน้าของหลานรักอย่างมีความสุข “ได้...ปู่อยากได้หลานสะใภ้เร็วๆ นี้ พวกแกต้องรีบหน่อย” คุณปู่ตอบกลับอย่างอารมณ์ดีไล่หลังคนทั้งคู่เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา“ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดู เขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ… “เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขา
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
พันธ์พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะในใจเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกเหตุว่า เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ทั้งสองครั้งทำให้ต้องเกิดเรื่องราว เขาจึงอยากรีบกลับถึงบ้าน “ผมขอ say bye เลยนะครับ” เขายกข้อมือดูนาฬิกา เวลาเกือบสามทุ่ม เขามีเรื่องต้องโทรหาน้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ เธอขอให้เขาโทรหาไม่รู้มีเรื่องอะไร“ค่ะ... งั้นลาตรงนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขาโบกมือลาขณะกำลังก้าวเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินกลับไปที่รถ ขณะนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และรู้ตัวว่าต้องรีบกลับ ขณะใจกำลังวกวนเรื่องเธอคนนี้ เขาเลี้ยวรถตรงหน้าร้านจะออกไป เธอกำลังรับโทรศัพท์เดินลงมาตรงหัวมุมหน้าร้าน... “Oh…shit…ตายล่ะ... เวรจริงๆ” เขาผรุสวาท และรีบกดกระจกลงตะโกนถาม “เป็นอะไรไหมนั่น... ผมจะพาไปคลินิก” เขาเห็นเธอล้มลง เขาน่าจะชนเธอตรงสะโพกพอดี เขารีบลงรถไปอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเปิดประตูหลังเอาเธอวางลงบนเบาะหลัง ขณะพันธ์พิสุทธิ์ออกรถไป เขาถามเธอด้วยใจกระวนกระวาย“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” เขามองกระจกส่องหลัง เห็นเธอเอามือไปลูบหลังข้อศอกและขาข้างซ้ายน่าจะเป็นแผลกิ่งฟ้ากำลังล้วงเอาทิชชูเปียกในกระเป๋าออกมาซับเ
กิ่งฟ้าหลับไปในความฝัน เธอเห็นดวงตาปีศาจปรากฏอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ ขณะกำลังเดินเล่นเพลินๆ อยู่นั้นเอง“เฮ้ย... ดา แกทำอะไรน่ะ” เธอถามดารณีขณะสาวตาหยีโผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้แล้วเดินเข้ามาหา“ฉันเอาหนอนมาให้...” ดารณีรู้ว่าเพื่อนรักเกลียดตัวหนอนเป็นที่สุด“หูย...หยี เอาไปให้พ้น” เธอหลับตาแต่ยังแอบหรี่ตาข้างซ้ายมองว่า เพื่อนสาวเอาออกไปหรือยัง“ไม่... มันคือผีเสื้อ” จากนั้นดารณีโยนเจ้าหนอนสีเขียวขึ้นไป กลับกลายเป็นผีเสื้อปีกสีเขียวขยับบินร่อนอยู่ตรงหน้าเธอ“โห... สวยจังเลย” ดารณียิ้มเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเบื้องหน้าเอ่ยปากชื่นชมไม่นานดารณีหายวับไป ในขณะที่กิ่งฟ้ากำลังวิ่งไล่ตามผีเสื้อที่บินวนเวียนหยอกเย้าเธอ“อ้าววว... ดา แกมาเงียบๆ แล้วก็หายไปเงียบๆ” เธอขำเบาๆ จากนั้นจึงวิ่งหมุนวนอยู่กลางสวนสวย และแล้วจู่ๆ หน้าของชายหนุ่มแปลกประหลาดนายหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงกลางหน้าของสาวน้อย“คุณชอบผีเสื้อหรือ...ผมมีอะไรมาให้ดู” เขายื่นหินกลมๆ สีฟ้าตรงกลางเป็นสีขาวกลม และวงกลมในสุดเป็นสีฟ้าสวยงามมากในความรู้สึก เธอไม่เคยเห็นหินชนิดนี้มาก่อน“หินอะไรคะ” เธอถามขณะเห็นหน้าชายหนุ่มแปลกหน้า เขามองจ้องตาเธอ แววตาเห
ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่ง แววตาของเขาท้าทายในความรู้สึกของเธอยิ่งนัก“เฮ้อ... ผมคงเจอนักลวงโลก the world scammer!!!” เขาเปรียบเปรยเห็นภาพลอยอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดแจ้ง“นี่... พูดให้ดีๆ นะ ฉันฟ้องคุณได้” กิ่งฟ้าเหลืออด ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม“ได้เลย... ผมยินดี ถ้าไม่จริง บอกมา คุณชื่ออะไร” เขายังบังคับกลายๆ จะไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง“เอ่อ... กิ่งฟ้า” เธอจำยอมในที่สุด ก้มหน้าลงกับพื้นโต๊ะ “อ้าววว... แสนภพเพิ่งบอกผมว่า คุณชื่อ ดารณี หรือว่าผมฟังผิด” เขาเอากำปั้นทุบโต๊ะ ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งพรวดเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา“นี่คุณ... ทำอย่างกับฉันเป็นผู้ต้องหา ฉันมาเสนอขายสินค้า” เธอมองสบตาชายหนุ่มนิ่งขณะกล่าวตอบ“เหรอครับ... แล้วสินค้านี้หลอกผมด้วยไหมเนี่ย” เขาหัวเราะเยาะเย้ยเธอ“โอเค... ถ้าคุณยังพูดอะไรแบบนี้ ต้องขออนุญาตลากลับนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ จำยอมไม่อยากตอบโต้ใดๆ ขณะจ้องแววตาของเขาที่ระริกหยอกล้ออยู่ในดวงตาคมคู่นั้น“อาการคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ... ขอผมดูหน่อยได้ไหม” เขาลุกขึ้นก้าวมายืนค้ำหัวเธอ ผายมือขอร้องอย่างสุภาพ“ดีขึ้นนิดหน่อย ข้อเท้าแพลงคงอาจหลายวันค่ะ
พันธ์พิสุทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามใดใด สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววเล่ห์เพทุบาย ต้องการแก้เผ็ดหญิงสาว“ผมจะพาคุณไปหาหมอ เผื่อเป็นอะไรมากกว่านี้” เขาทำหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย ในความรู้สึกของกิ่งฟ้า มาดคุณหมอไม่มีเลยตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนมาถึงครั้งนี้ หากไม่บอกถึงอาชีพการงาน เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจมากกว่า“ค่ะ... ยังเจ็บเอวอยู่เลย” สีหน้าของสาวน้อยเบื้องหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้ำหนักตัวของเขาคงกระแทกเธออย่างจังตอนลงไปถึงพื้นบันได ใจของเขากระตุกทันทีเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกที่วาบหวิว ร่างกายของเขาและเธอทาบทับกันนิ่งขณะนั้น ทำให้เขารู้สึกถึงประจุไฟปรารถนากำลังปะทุขึ้นจนอณูของเซลส์เกิดแรงสั่นสะเทือนกิ่งฟ้าถูกชายหนุ่มพยุงร่างบอบบางไปถึงยังลานจอดรถ เขาตัดสินใจอุ้มเธอเดินก้าวไปยังที่รถยนต์ซึ่งจอดห่างออกไปเกือบสองล็อก ลมหายใจของเขารดยังต้นคอของเธอจนรู้สึกสยิวไปทั่วร่าง“อืม... จริงๆ ฉันก็เดินได้อยู่น่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธไป แต่ในใจรู้สึกยินดีเหลือล้น เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะท่าทีดูนุ่มนวลขึ้นกว่าครั้งก่อน“กอดผมแน่นๆ ไม่งั้นคุณอาจหล่นได้ ผมไม่เคยอุ้มใค
ทันทีที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามลุกขึ้น ก้าวเข้ามาและยิ้มยั่วเธออย่างไม่สนใจกับท่าทีของอีกฝ่ายว่า กำลังจะเตรียมปกป้องตนเอง“นี่...หยุดเลย เรากำลังออกนอกลู่นอกทาง” กิ่งฟ้าเสียงแหวดุชายหนุ่มที่กำลังจะก้มลงมาทำอะไรเธอ ขณะที่เธอเองลุกขึ้นยืนจังก้ากำหมัดอยู่“อยากพิสูจน์... ไม่ใช่หรือ” เขาก้าวเข้ามารวบเอวเธอทันทีที่พูดจบ แล้วก้มหน้าลงมากดริมฝีปากของสาวน้อยในอ้อมกอดชายหนุ่มผงะหน้าหงาย เมื่อกิ่งฟ้าตั้งสติได้จึงกัดริมฝีปากเขาโดยอัตโนมัติ แล้วเอาฝ่ามือดันหน้าของเขาออกไปอย่างแรง“โอย... ทำร้ายผม” เขาร้องเสียงหลง เลือดกบปาก ทำเธอตกใจรีบหยิบทิชชูจากในกระเป๋าออกมากดห้ามเลือดตรงเนื้อบางๆ ด้านในริมฝีปากที่ถูกเธอฝังเขี้ยวไว้ค่อนข้างแรงทีเดียวมือไม้ของเธอสั่นเทาขณะควักเอาห่อทิชชูในกระเป๋าออกมา ดึงกระดาษออกมาปั้นเป็นกำแล้วกดลงไปไม่ให้เลือดไหล เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เลยระหว่างเธอกำลังช่วยห้ามเลือด แต่พันธ์พิสุทธิ์นึกกระหยิ่มในใจ... อยากอยู่ต่อหน้าเธอคนนี้ให้นานเท่าที่หัวใจกรุ่นละมุนของเขาต้องการเท่านั้น เธอเป็นคนแรกที่เขาเคยพบสาวๆ มาทั้งคนไทยและต่างชาติในต่างประเทศ ไม่มีคนไหนที่กล้าปฏิเสธ
คุณปู่เข้ามากระซิบกิ่งฟ้าและขยิบตาให้สาวน้อย ก่อนจะกล่าวคำอำลา...“ไปเถอะ...หลับให้สบาย ปล่อยให้หนุ่มๆ เขาจัดการเถอะ เรื่องมันเลยเถิดแล้ว ก็เลยตามเลยนะหนู” เสียงขำเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกใจชื้น เกรงว่าคุณปู่จะไม่เข้าใจแล้วเคืองเธอและดารณีกิ่งฟ้าพยายามห้ามพันธ์พิสุทธิ์ไม่ให้นั่งรถตามไปส่งถึงบ้าน แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ยอมอยู่นั่น หัวดื้อยิ่งกว่าเธอเสียอีก“ผมนั่งไปเป็นเพื่อน เผื่อช่วยคิดวางแผนให้ไม่ดีกว่ารึ” เขาอมยิ้มนัยน์ตาวาวราวกับวางแผนแก้เผ็ดทั้งเธอและดารณี“เฮ้ออออ...” เสียงถอนหายใจยาวของสาวน้อยที่นั่งข้าง ทำให้ชายหนุ่มนึกอยากแกล้งเธออีก“พรุ่งนี้ เราเจอกันอีกครั้ง ผมมีนัดแสนภพให้มาเจอคุณอีกครั้ง ว่าไง” น้ำเสียงของเขาคะยั้นคะยอ แถมขึ้นเสียงตอนท้ายอย่างเป็นต่อ“เอ่อ... ฉันไม่มีข้อมูลอะไรนำเสนอนะ คุณหมอ” เธอวิงวอนเบาเชิงขอร้อง“ดีเลย... ไปตามเพื่อนคุณมา เจอกันหน่อยดีไหม” เขาคาดคั้น“ไม่ได้... อาจทำให้คุณแสนภพโกรธพวกเรา” เสียงดุของเธอยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากเล่นบทกวนประสาท“โธ่...โถ ขนาดนี้แล้ว ยังจะปิดบัง!!! คุณปู่ขนาดต้องเล่นละครตีบทแตกให้พวกคุณ” เขารู้สึกสนุกในใจอยากยั่วยวนสาวน้อยนางน
ระหว่างเดินทางกลับบ้านของหญิงสาว พันธ์พิสุทธิ์แวะไปทำแผลด้านในตรงกลางริมฝีปากที่คลินิกซึ่งคือที่ทำงานของเขานั่นเอง “ขอคุณลงไปเป็นเพื่อนผมหน่อย” เขาพยักหน้าแววตาคะยั้นคะยอ ทำให้สาวน้อยนั่งข้างๆ ใจอ่อนอีกตามเคย “ยังไง พรุ่งนี้คุณต้องมาพบผมที่นี่อยู่ดี” เขายังกำชับเพื่อให้เธอตัดสินใจเขาก้าวไปยืนอยู่หน้าคลินิกหันกลับมามองว่า สาวน้อยลงจากรถตู้หรือไม่ ปรากฏว่ากิ่งฟ้ากำลังก้มลงมองพื้นเพื่อก้าวตามลงไป‘ต้องบังคับให้ไปฮ่องกงให้ได้ คอยดูว่านางจะว่ายังไง’ เขาคิดวางแผนอยู่ในใจ ขณะจ้องมองเธออย่างกระหยิ่มประหนึ่งผู้มีชัย“ค่ะ... นำฉันเข้าไปสิคะ” กิ่งฟ้ามองจ้องเขากลับ ขณะหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่ม“ครับบ... เชิญคุณกิ่งฟ้า อ้อ... ดารณี” เขาเริ่มกวนประสาทเธออีกครั้ง แต่สาวน้อยไม่ตอบโต้ เกรงว่าจะเกิดเรื่องอะไรอีกขณะก้าวตามชายหนุ่มไป เธอเหลือบไปเห็นแสนภพ ชายหนุ่มคนเมื่อวานที่พบกันในโรงแรมแห่งนั้นกำลังเดินสวนมาพอดี“อ้าว คุณดารณี มาถึงที่นี่เลย” เขายิ้มทักทายเธอทันที“เอ่อ...ค่ะ” กิ่งฟ้าไม่รู้จะตอบอย่างไรดี ในใจคิดแต่เพียงอยากหลบหน้าชายหนุ่มทั้งคู่“คุณหมอ... ฉันขอไปนั่งรอที่รถดีกว่านะคะ” เธอเดินตามเข้า
ทันทีที่ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามลุกขึ้น ก้าวเข้ามาและยิ้มยั่วเธออย่างไม่สนใจกับท่าทีของอีกฝ่ายว่า กำลังจะเตรียมปกป้องตนเอง“นี่...หยุดเลย เรากำลังออกนอกลู่นอกทาง” กิ่งฟ้าเสียงแหวดุชายหนุ่มที่กำลังจะก้มลงมาทำอะไรเธอ ขณะที่เธอเองลุกขึ้นยืนจังก้ากำหมัดอยู่“อยากพิสูจน์... ไม่ใช่หรือ” เขาก้าวเข้ามารวบเอวเธอทันทีที่พูดจบ แล้วก้มหน้าลงมากดริมฝีปากของสาวน้อยในอ้อมกอดชายหนุ่มผงะหน้าหงาย เมื่อกิ่งฟ้าตั้งสติได้จึงกัดริมฝีปากเขาโดยอัตโนมัติ แล้วเอาฝ่ามือดันหน้าของเขาออกไปอย่างแรง“โอย... ทำร้ายผม” เขาร้องเสียงหลง เลือดกบปาก ทำเธอตกใจรีบหยิบทิชชูจากในกระเป๋าออกมากดห้ามเลือดตรงเนื้อบางๆ ด้านในริมฝีปากที่ถูกเธอฝังเขี้ยวไว้ค่อนข้างแรงทีเดียวมือไม้ของเธอสั่นเทาขณะควักเอาห่อทิชชูในกระเป๋าออกมา ดึงกระดาษออกมาปั้นเป็นกำแล้วกดลงไปไม่ให้เลือดไหล เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้เลยระหว่างเธอกำลังช่วยห้ามเลือด แต่พันธ์พิสุทธิ์นึกกระหยิ่มในใจ... อยากอยู่ต่อหน้าเธอคนนี้ให้นานเท่าที่หัวใจกรุ่นละมุนของเขาต้องการเท่านั้น เธอเป็นคนแรกที่เขาเคยพบสาวๆ มาทั้งคนไทยและต่างชาติในต่างประเทศ ไม่มีคนไหนที่กล้าปฏิเสธ
พันธ์พิสุทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามใดใด สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววเล่ห์เพทุบาย ต้องการแก้เผ็ดหญิงสาว“ผมจะพาคุณไปหาหมอ เผื่อเป็นอะไรมากกว่านี้” เขาทำหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย ในความรู้สึกของกิ่งฟ้า มาดคุณหมอไม่มีเลยตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนมาถึงครั้งนี้ หากไม่บอกถึงอาชีพการงาน เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจมากกว่า“ค่ะ... ยังเจ็บเอวอยู่เลย” สีหน้าของสาวน้อยเบื้องหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้ำหนักตัวของเขาคงกระแทกเธออย่างจังตอนลงไปถึงพื้นบันได ใจของเขากระตุกทันทีเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกที่วาบหวิว ร่างกายของเขาและเธอทาบทับกันนิ่งขณะนั้น ทำให้เขารู้สึกถึงประจุไฟปรารถนากำลังปะทุขึ้นจนอณูของเซลส์เกิดแรงสั่นสะเทือนกิ่งฟ้าถูกชายหนุ่มพยุงร่างบอบบางไปถึงยังลานจอดรถ เขาตัดสินใจอุ้มเธอเดินก้าวไปยังที่รถยนต์ซึ่งจอดห่างออกไปเกือบสองล็อก ลมหายใจของเขารดยังต้นคอของเธอจนรู้สึกสยิวไปทั่วร่าง“อืม... จริงๆ ฉันก็เดินได้อยู่น่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธไป แต่ในใจรู้สึกยินดีเหลือล้น เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะท่าทีดูนุ่มนวลขึ้นกว่าครั้งก่อน“กอดผมแน่นๆ ไม่งั้นคุณอาจหล่นได้ ผมไม่เคยอุ้มใค
ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่ง แววตาของเขาท้าทายในความรู้สึกของเธอยิ่งนัก“เฮ้อ... ผมคงเจอนักลวงโลก the world scammer!!!” เขาเปรียบเปรยเห็นภาพลอยอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดแจ้ง“นี่... พูดให้ดีๆ นะ ฉันฟ้องคุณได้” กิ่งฟ้าเหลืออด ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม“ได้เลย... ผมยินดี ถ้าไม่จริง บอกมา คุณชื่ออะไร” เขายังบังคับกลายๆ จะไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง“เอ่อ... กิ่งฟ้า” เธอจำยอมในที่สุด ก้มหน้าลงกับพื้นโต๊ะ “อ้าววว... แสนภพเพิ่งบอกผมว่า คุณชื่อ ดารณี หรือว่าผมฟังผิด” เขาเอากำปั้นทุบโต๊ะ ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งพรวดเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา“นี่คุณ... ทำอย่างกับฉันเป็นผู้ต้องหา ฉันมาเสนอขายสินค้า” เธอมองสบตาชายหนุ่มนิ่งขณะกล่าวตอบ“เหรอครับ... แล้วสินค้านี้หลอกผมด้วยไหมเนี่ย” เขาหัวเราะเยาะเย้ยเธอ“โอเค... ถ้าคุณยังพูดอะไรแบบนี้ ต้องขออนุญาตลากลับนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ จำยอมไม่อยากตอบโต้ใดๆ ขณะจ้องแววตาของเขาที่ระริกหยอกล้ออยู่ในดวงตาคมคู่นั้น“อาการคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ... ขอผมดูหน่อยได้ไหม” เขาลุกขึ้นก้าวมายืนค้ำหัวเธอ ผายมือขอร้องอย่างสุภาพ“ดีขึ้นนิดหน่อย ข้อเท้าแพลงคงอาจหลายวันค่ะ
กิ่งฟ้าหลับไปในความฝัน เธอเห็นดวงตาปีศาจปรากฏอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ ขณะกำลังเดินเล่นเพลินๆ อยู่นั้นเอง“เฮ้ย... ดา แกทำอะไรน่ะ” เธอถามดารณีขณะสาวตาหยีโผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้แล้วเดินเข้ามาหา“ฉันเอาหนอนมาให้...” ดารณีรู้ว่าเพื่อนรักเกลียดตัวหนอนเป็นที่สุด“หูย...หยี เอาไปให้พ้น” เธอหลับตาแต่ยังแอบหรี่ตาข้างซ้ายมองว่า เพื่อนสาวเอาออกไปหรือยัง“ไม่... มันคือผีเสื้อ” จากนั้นดารณีโยนเจ้าหนอนสีเขียวขึ้นไป กลับกลายเป็นผีเสื้อปีกสีเขียวขยับบินร่อนอยู่ตรงหน้าเธอ“โห... สวยจังเลย” ดารณียิ้มเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเบื้องหน้าเอ่ยปากชื่นชมไม่นานดารณีหายวับไป ในขณะที่กิ่งฟ้ากำลังวิ่งไล่ตามผีเสื้อที่บินวนเวียนหยอกเย้าเธอ“อ้าววว... ดา แกมาเงียบๆ แล้วก็หายไปเงียบๆ” เธอขำเบาๆ จากนั้นจึงวิ่งหมุนวนอยู่กลางสวนสวย และแล้วจู่ๆ หน้าของชายหนุ่มแปลกประหลาดนายหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงกลางหน้าของสาวน้อย“คุณชอบผีเสื้อหรือ...ผมมีอะไรมาให้ดู” เขายื่นหินกลมๆ สีฟ้าตรงกลางเป็นสีขาวกลม และวงกลมในสุดเป็นสีฟ้าสวยงามมากในความรู้สึก เธอไม่เคยเห็นหินชนิดนี้มาก่อน“หินอะไรคะ” เธอถามขณะเห็นหน้าชายหนุ่มแปลกหน้า เขามองจ้องตาเธอ แววตาเห
พันธ์พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะในใจเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกเหตุว่า เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ทั้งสองครั้งทำให้ต้องเกิดเรื่องราว เขาจึงอยากรีบกลับถึงบ้าน “ผมขอ say bye เลยนะครับ” เขายกข้อมือดูนาฬิกา เวลาเกือบสามทุ่ม เขามีเรื่องต้องโทรหาน้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ เธอขอให้เขาโทรหาไม่รู้มีเรื่องอะไร“ค่ะ... งั้นลาตรงนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขาโบกมือลาขณะกำลังก้าวเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินกลับไปที่รถ ขณะนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และรู้ตัวว่าต้องรีบกลับ ขณะใจกำลังวกวนเรื่องเธอคนนี้ เขาเลี้ยวรถตรงหน้าร้านจะออกไป เธอกำลังรับโทรศัพท์เดินลงมาตรงหัวมุมหน้าร้าน... “Oh…shit…ตายล่ะ... เวรจริงๆ” เขาผรุสวาท และรีบกดกระจกลงตะโกนถาม “เป็นอะไรไหมนั่น... ผมจะพาไปคลินิก” เขาเห็นเธอล้มลง เขาน่าจะชนเธอตรงสะโพกพอดี เขารีบลงรถไปอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเปิดประตูหลังเอาเธอวางลงบนเบาะหลัง ขณะพันธ์พิสุทธิ์ออกรถไป เขาถามเธอด้วยใจกระวนกระวาย“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” เขามองกระจกส่องหลัง เห็นเธอเอามือไปลูบหลังข้อศอกและขาข้างซ้ายน่าจะเป็นแผลกิ่งฟ้ากำลังล้วงเอาทิชชูเปียกในกระเป๋าออกมาซับเ
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข