พันธ์พิสุทธิ์พากิ่งฟ้าไปกินข้าวมื้อเย็นที่โรงแรมเดิม แต่เปลี่ยนเป็นห้องอาหารที่มีบาร์นั่งดื่มและฟังเพลงหลังจากมื้อค่ำแล้ว“คืนนี้กลับดึกหน่อยได้ไหม ผมอยากนั่งดื่ม chillin’ at my place สบายอารมณ์หน่อยในที่ของผม ไม่ต้องห่วง...ผมจะโทรไปบอกคุณแม่เอง ท่านจะได้สบายใจลูกสาวไม่ได้หายไปกับใคร” เขาอมยิ้มขณะกำลังเลี้ยวเข้าลานจอดรถ“เอาเลย... อยากทำอะไร เชิญ” น้ำเสียงของเธอตอนนี้สุดรำคาญ ชายหนุ่มเริ่มก้าวเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเธอไปแล้ว“อ้าวว... ผมแค่ทำให้ถูกต้อง” เขาขมวดคิ้วสงสัยขณะจอดรถหันหน้ามามองเธอ แต่กิ่งฟ้ายังไม่ยอมหันไปมองเขา ยังหน้าหงิกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เพราะคืนนี้อยากกลับบ้านเร็วหน่อยเพื่ออยากระบายอะไรบางอย่างกับดารณี“หรือไม่อยากนั่งดื่มต่อก็ได้ ผมจะไปส่งคุณเลยดีไหม” น้ำเสียงของเขาเริ่มกังวลกับความรู้สึกของสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ“เฮ้อออ...” กิ่งฟ้าถอนหายใจยาวมาก“ไม่สบายใจที่ผมมารับ... ใช่ไหม” เขาเริ่มมีน้ำเสียงกังวล“ใช่... ฉันอยากกลับบ้านน่ะ” คำตอบสั้นๆ เพียงเท่านี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึก“ได้... งั้นทานข้าวเสร็จ ผมไปส่งคุณที่บ้าน” บรรยากาศระหว่างนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี เธอคงกั
ชายหนุ่มไม่อยากเปิดเผยความเป็นตัวตนที่เป็นมุมมืดของเขา ด้วยอาชีพหนึ่งและคุณธรรมในใจที่ถูกปลูกฝังจากแม่ของเขาหนึ่ง จึงไม่อยากเอ่ยถึงมันเลยหากไม่มีใครสะกิดใจขึ้นมา“ผมมีมุมเล็กๆ ที่อาจเรียกว่ามุมลึกลับก็ได้ หากมันโผล่ขึ้นมาวันใด ก็อาจทำร้ายคนรอบข้างได้เหมือนกัน” เขาพูดประหนึ่งความลับในชีวิตของเขาอาจกำลังถูกไขออกมาให้คนที่รับฟังเห็นเป็นรูปธรรม“เฮ้อ... ขอบคุณนะคะสำหรับความช่วยเหลือ ฉันอาจขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอไม่วันใดก็วันหนึ่ง” เธอยิ้มให้เขาขณะยกแก้วชาสีแดงกุหลาบแสนหอมนี้ชูขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ“ด้วยความยินดีและเป็นเกียรติ ถ้าคุณจะให้ผมช่วย” เขาฉีกยิ้มกว้าง แต่ในใจยังรู้สึกอยากแกล้งเอาคืน เพราะหัวเข่าของเขายังเจ็บระบมอยู่ในขณะนี้“เอ่อ... วันเสาร์นี้ คุณและแสนภพ จะไปออกกำลังกายด้วยไหม” เธอยังอยากถามเรื่องนี้ด้วยรู้สึกกังวลกับคุณปู่“ทำไม... คุณปู่ใจดีมาก ไม่เคยชวนใครไปทำกิจกรรมกับท่านเลยนะครับ” แววตาของเขาดูมีความลับอะไรซ่อนอยู่“อย่าลืมนะครับ ท่านไม่ชอบคนตื่นสาย และผิดนัดด้วย” “ตายล่ะ เผื่อฉันตื่นสายล่ะก็ แย่เลย” เธอรู้สึกถึงพฤติกรรมของคนรุ่นโบราณเช่นท่าน คงไม่สบอารมณ์แน่ๆ ถ้าพวกเธอ
พันธ์พิสุทธิ์ขับรถไปส่งกิ่งฟ้าถึงหน้าประตูรั้วบ้าน เขาฝากกราบลาแม่กรรณิการ์กับหญิงสาวก่อนจะเลี้ยวกลับรถตรงมุมในสุดของซอย เขายังเปิดกระจกรถยกมือบายให้เธอก่อนจะบึ่งรถออกไป ในใจของเขารู้สึกเห็นใจความทุกข์ของเธอ เป็นอารมณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้จะมีคนไข้ปรึกษาเรื่องเหล่านี้มาก่อน อาจเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อยคืบคลานเข้าสู่หัวใจดวงน้อยของเขา ซึ่งเรียกว่า ความผูกพัน...เสียงถอนหายใจดังเป็นระยะจนกระทั่งเขาขับรถถึงบ้าน ตัวตึกด้านหน้ายังเปิดไฟอยู่แสดงว่าคุณปู่ยังอยู่ในห้องหนังสือ เขาก้าวเข้าประตูใหญ่เพื่อเข้าไปทักทายท่านและไม่รู้ทำไมอยากปรึกษาอะไรบางอย่างกับท่านด้วยชายหนุ่มค่อยย่องเข้าไปส่องดูหน้าประตูห้องหนังสือ ซึ่งเป็นประตูกระจกแต่มีม่านลูกไม้กางกั้นอยู่ตรงกลางบาน เขามองเข้าไปเห็นชายสูงวัยผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของตระกูลกำลังเปิดอ่านข้อมูลอะไรบางอย่างในแฟ้มเขาเคาะประตูเบาๆ สามครั้งก่อนแง้มประตูเมื่อเห็นคุณปู่เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าให้เขาเปิดประตูเข้าไป“สวัสดีครับ... ผมเข้ามารบกวนไหมครับ” น้ำเสียงของหลานชายดูเกรงใจ“เอ่อ... หลานมีอะไรกับปู่ไหม” “ผมอยากปรึกษาว่า วันเสาร์นี้หลังจากเดินออกกำลังแล้
กิ่งฟ้านัดให้ดารณีไปเจอกันที่คฤหาสน์ของคุณปู่ตอนเย็น ทำเอาดารณีไม่พอใจหลังจากเห็นข้อความในไลน์ขณะออกจากห้องประชุมช่วงพักมื้อกลางวัน“นี่แก จะยัดเยียดให้ฉันไปคนเดียวนี่นะ” เสียงโทรเข้าไลน์ของกิ่งฟ้า สร้างความไม่พอใจให้คนที่รับสายเช่นกัน“เออ... ฉันไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”“ให้ฉันไปรับแกที่ทำงาน แล้วไปด้วยกันไม่ได้รึ”“ไม่ได้!!!” กิ่งฟ้าขึ้นเสียง“เฮ้ย... อะไรของแกวะ” ดารณีโมโหเสียงดังขณะนั่งกินข้าวที่ห้องอาหาร เพื่อนร่วมงานมองไปที่ต้นเสียง ทำเอาสาวหน้าตุ๊กตาญี่ปุ่นรู้สึกตัวก้มหน้าเงียบ เธอกดจบการสนทนาทันทีและเงยหน้าขึ้นกินข้าวต่อไปเงียบๆ และแล้วเสียงเตือนในไลน์ดังขึ้น... เธอเปิดอ่านข้อความใหม่ที่เข้ามาเป็นของชายหนุ่มนามว่า แสนภพ‘บ่ายสามโมง ผมจะไปประชุมกับหัวหน้าคุณ เจอกันครับ’ ข้อความสั้นๆ เหมือนสั่งงานเธอไปโดยปริยายดารณีรู้สึกเซ็งกับเรื่องราวของครอบครัวนี้ ตั้งแต่ชายหนุ่มลูกครึ่งไปจนถึงคุณปู่ของเขาที่เจ้ากี้เจ้าการไม่วางมือ ทำเหมือนเธอและกิ่งฟ้าเป็นลูกไล่... สั่งโน่นนี่นั่นไปเรื่อย“เฮ้อ... เหมือนเล่ห์กลอะไรไม่รู้ ทำฉันหัวหมุนเป็นลูกข่างแล้วเนี่ย” ดารณีบ่นพึมพำบ่ายสามโมงตามเวลาน
เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา“ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดู เขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ… “เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขา
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
พันธ์พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะในใจเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกเหตุว่า เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ทั้งสองครั้งทำให้ต้องเกิดเรื่องราว เขาจึงอยากรีบกลับถึงบ้าน “ผมขอ say bye เลยนะครับ” เขายกข้อมือดูนาฬิกา เวลาเกือบสามทุ่ม เขามีเรื่องต้องโทรหาน้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ เธอขอให้เขาโทรหาไม่รู้มีเรื่องอะไร“ค่ะ... งั้นลาตรงนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขาโบกมือลาขณะกำลังก้าวเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินกลับไปที่รถ ขณะนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และรู้ตัวว่าต้องรีบกลับ ขณะใจกำลังวกวนเรื่องเธอคนนี้ เขาเลี้ยวรถตรงหน้าร้านจะออกไป เธอกำลังรับโทรศัพท์เดินลงมาตรงหัวมุมหน้าร้าน... “Oh…shit…ตายล่ะ... เวรจริงๆ” เขาผรุสวาท และรีบกดกระจกลงตะโกนถาม “เป็นอะไรไหมนั่น... ผมจะพาไปคลินิก” เขาเห็นเธอล้มลง เขาน่าจะชนเธอตรงสะโพกพอดี เขารีบลงรถไปอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเปิดประตูหลังเอาเธอวางลงบนเบาะหลัง ขณะพันธ์พิสุทธิ์ออกรถไป เขาถามเธอด้วยใจกระวนกระวาย“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” เขามองกระจกส่องหลัง เห็นเธอเอามือไปลูบหลังข้อศอกและขาข้างซ้ายน่าจะเป็นแผลกิ่งฟ้ากำลังล้วงเอาทิชชูเปียกในกระเป๋าออกมาซับเ
กิ่งฟ้านัดให้ดารณีไปเจอกันที่คฤหาสน์ของคุณปู่ตอนเย็น ทำเอาดารณีไม่พอใจหลังจากเห็นข้อความในไลน์ขณะออกจากห้องประชุมช่วงพักมื้อกลางวัน“นี่แก จะยัดเยียดให้ฉันไปคนเดียวนี่นะ” เสียงโทรเข้าไลน์ของกิ่งฟ้า สร้างความไม่พอใจให้คนที่รับสายเช่นกัน“เออ... ฉันไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”“ให้ฉันไปรับแกที่ทำงาน แล้วไปด้วยกันไม่ได้รึ”“ไม่ได้!!!” กิ่งฟ้าขึ้นเสียง“เฮ้ย... อะไรของแกวะ” ดารณีโมโหเสียงดังขณะนั่งกินข้าวที่ห้องอาหาร เพื่อนร่วมงานมองไปที่ต้นเสียง ทำเอาสาวหน้าตุ๊กตาญี่ปุ่นรู้สึกตัวก้มหน้าเงียบ เธอกดจบการสนทนาทันทีและเงยหน้าขึ้นกินข้าวต่อไปเงียบๆ และแล้วเสียงเตือนในไลน์ดังขึ้น... เธอเปิดอ่านข้อความใหม่ที่เข้ามาเป็นของชายหนุ่มนามว่า แสนภพ‘บ่ายสามโมง ผมจะไปประชุมกับหัวหน้าคุณ เจอกันครับ’ ข้อความสั้นๆ เหมือนสั่งงานเธอไปโดยปริยายดารณีรู้สึกเซ็งกับเรื่องราวของครอบครัวนี้ ตั้งแต่ชายหนุ่มลูกครึ่งไปจนถึงคุณปู่ของเขาที่เจ้ากี้เจ้าการไม่วางมือ ทำเหมือนเธอและกิ่งฟ้าเป็นลูกไล่... สั่งโน่นนี่นั่นไปเรื่อย“เฮ้อ... เหมือนเล่ห์กลอะไรไม่รู้ ทำฉันหัวหมุนเป็นลูกข่างแล้วเนี่ย” ดารณีบ่นพึมพำบ่ายสามโมงตามเวลาน
พันธ์พิสุทธิ์ขับรถไปส่งกิ่งฟ้าถึงหน้าประตูรั้วบ้าน เขาฝากกราบลาแม่กรรณิการ์กับหญิงสาวก่อนจะเลี้ยวกลับรถตรงมุมในสุดของซอย เขายังเปิดกระจกรถยกมือบายให้เธอก่อนจะบึ่งรถออกไป ในใจของเขารู้สึกเห็นใจความทุกข์ของเธอ เป็นอารมณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นเลยแม้จะมีคนไข้ปรึกษาเรื่องเหล่านี้มาก่อน อาจเป็นความสัมพันธ์ที่ค่อยคืบคลานเข้าสู่หัวใจดวงน้อยของเขา ซึ่งเรียกว่า ความผูกพัน...เสียงถอนหายใจดังเป็นระยะจนกระทั่งเขาขับรถถึงบ้าน ตัวตึกด้านหน้ายังเปิดไฟอยู่แสดงว่าคุณปู่ยังอยู่ในห้องหนังสือ เขาก้าวเข้าประตูใหญ่เพื่อเข้าไปทักทายท่านและไม่รู้ทำไมอยากปรึกษาอะไรบางอย่างกับท่านด้วยชายหนุ่มค่อยย่องเข้าไปส่องดูหน้าประตูห้องหนังสือ ซึ่งเป็นประตูกระจกแต่มีม่านลูกไม้กางกั้นอยู่ตรงกลางบาน เขามองเข้าไปเห็นชายสูงวัยผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของตระกูลกำลังเปิดอ่านข้อมูลอะไรบางอย่างในแฟ้มเขาเคาะประตูเบาๆ สามครั้งก่อนแง้มประตูเมื่อเห็นคุณปู่เงยหน้าขึ้นและพยักหน้าให้เขาเปิดประตูเข้าไป“สวัสดีครับ... ผมเข้ามารบกวนไหมครับ” น้ำเสียงของหลานชายดูเกรงใจ“เอ่อ... หลานมีอะไรกับปู่ไหม” “ผมอยากปรึกษาว่า วันเสาร์นี้หลังจากเดินออกกำลังแล้
ชายหนุ่มไม่อยากเปิดเผยความเป็นตัวตนที่เป็นมุมมืดของเขา ด้วยอาชีพหนึ่งและคุณธรรมในใจที่ถูกปลูกฝังจากแม่ของเขาหนึ่ง จึงไม่อยากเอ่ยถึงมันเลยหากไม่มีใครสะกิดใจขึ้นมา“ผมมีมุมเล็กๆ ที่อาจเรียกว่ามุมลึกลับก็ได้ หากมันโผล่ขึ้นมาวันใด ก็อาจทำร้ายคนรอบข้างได้เหมือนกัน” เขาพูดประหนึ่งความลับในชีวิตของเขาอาจกำลังถูกไขออกมาให้คนที่รับฟังเห็นเป็นรูปธรรม“เฮ้อ... ขอบคุณนะคะสำหรับความช่วยเหลือ ฉันอาจขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอไม่วันใดก็วันหนึ่ง” เธอยิ้มให้เขาขณะยกแก้วชาสีแดงกุหลาบแสนหอมนี้ชูขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ“ด้วยความยินดีและเป็นเกียรติ ถ้าคุณจะให้ผมช่วย” เขาฉีกยิ้มกว้าง แต่ในใจยังรู้สึกอยากแกล้งเอาคืน เพราะหัวเข่าของเขายังเจ็บระบมอยู่ในขณะนี้“เอ่อ... วันเสาร์นี้ คุณและแสนภพ จะไปออกกำลังกายด้วยไหม” เธอยังอยากถามเรื่องนี้ด้วยรู้สึกกังวลกับคุณปู่“ทำไม... คุณปู่ใจดีมาก ไม่เคยชวนใครไปทำกิจกรรมกับท่านเลยนะครับ” แววตาของเขาดูมีความลับอะไรซ่อนอยู่“อย่าลืมนะครับ ท่านไม่ชอบคนตื่นสาย และผิดนัดด้วย” “ตายล่ะ เผื่อฉันตื่นสายล่ะก็ แย่เลย” เธอรู้สึกถึงพฤติกรรมของคนรุ่นโบราณเช่นท่าน คงไม่สบอารมณ์แน่ๆ ถ้าพวกเธอ
พันธ์พิสุทธิ์พากิ่งฟ้าไปกินข้าวมื้อเย็นที่โรงแรมเดิม แต่เปลี่ยนเป็นห้องอาหารที่มีบาร์นั่งดื่มและฟังเพลงหลังจากมื้อค่ำแล้ว“คืนนี้กลับดึกหน่อยได้ไหม ผมอยากนั่งดื่ม chillin’ at my place สบายอารมณ์หน่อยในที่ของผม ไม่ต้องห่วง...ผมจะโทรไปบอกคุณแม่เอง ท่านจะได้สบายใจลูกสาวไม่ได้หายไปกับใคร” เขาอมยิ้มขณะกำลังเลี้ยวเข้าลานจอดรถ“เอาเลย... อยากทำอะไร เชิญ” น้ำเสียงของเธอตอนนี้สุดรำคาญ ชายหนุ่มเริ่มก้าวเข้ามาวุ่นวายกับชีวิตของเธอไปแล้ว“อ้าวว... ผมแค่ทำให้ถูกต้อง” เขาขมวดคิ้วสงสัยขณะจอดรถหันหน้ามามองเธอ แต่กิ่งฟ้ายังไม่ยอมหันไปมองเขา ยังหน้าหงิกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เพราะคืนนี้อยากกลับบ้านเร็วหน่อยเพื่ออยากระบายอะไรบางอย่างกับดารณี“หรือไม่อยากนั่งดื่มต่อก็ได้ ผมจะไปส่งคุณเลยดีไหม” น้ำเสียงของเขาเริ่มกังวลกับความรู้สึกของสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆ“เฮ้อออ...” กิ่งฟ้าถอนหายใจยาวมาก“ไม่สบายใจที่ผมมารับ... ใช่ไหม” เขาเริ่มมีน้ำเสียงกังวล“ใช่... ฉันอยากกลับบ้านน่ะ” คำตอบสั้นๆ เพียงเท่านี้ทำให้เขาเริ่มรู้สึก“ได้... งั้นทานข้าวเสร็จ ผมไปส่งคุณที่บ้าน” บรรยากาศระหว่างนี้ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยดี เธอคงกั
ระหว่างการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัทต่อหน้าฝ่ายการตลาดของบริษัทสหพันธ์กรุ๊ป ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารทั้งหมด 5 คน หนึ่งในนั้นคือ วิชพันธ์ ลุงของแสนภพ ซึ่งขอถือโอกาสเข้ามาสังเกตการณ์ตามคำเชิญของหลานชาย ดารณีตื่นเต้นจนระหว่างการบรรยายและฉายภาพสไลด์บนจอเกิดอาการสะดุด เธอขาดสมาธิใจเต้นไม่เป็นส่ำ เพราะชายหนุ่มที่พูดจากวนประสาทเธอตลอด แกล้งถามคำถามที่ไม่สมควรกลางที่ประชุม“ผมรู้สึกว่าการนำเสนอไม่ professional คุณดารณีต้องไปฝึกมาใหม่ดีกว่า” เขาพูดจาดูถูกเธอกลางที่ประชุมฝ่ายบริหาร “ค่ะ... ขอบคุณมากที่ประเมินดิฉันโดยปริยาย” น้ำเสียงเธอสะอื้นเล็กๆ แต่ในใจกลับอยากกระชากนายคนนี้ออกไปจากที่ประชุม แล้วชกปากสักสามหมัดวิชพันธ์ส่ายหน้าห้ามแสนภพไม่ให้เข้าไปต่อว่าดารณีอีกครั้งหลังจากจบการประชุม“อย่าไปตอแย... Don’t make her angry...” ลุงของเขาเตือน แต่ชายหนุ่มกำลังคิดอยากเอาคืนทั้งหมด ที่สาวน้อยคนนี้สร้างเรื่องให้เขารู้สึกเสียหน้าและยังเจ็บตัวอีกเมื่อวานแสนภพถูกวิชพันธ์ย้ำด้วยคำพูดเตือนสติ...“หากแกอยากเอาคืน แบบนี้ยิ่งทำให้เธอแค้นอยากตอบโต้ ผู้ชายยังไงก็เสียเปรียบ”“คุณลุงครับ... นางทั้งโกหกทั
รุ่งขึ้นดารณีต้องเข้าไปบริษัทเพื่อรายงานการเข้าร่วมประชุมกับธุรกิจแฟรนชายส์ เธอไปถึงที่ทำงานแต่เช้า ขณะผลักประตูก้าวเข้าห้องประชุม เธอตกใจชะงักทันใดชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังคุยอยู่กับหัวหน้าของเธอ“เออ... นี่คุณดารณี” ภูผาแนะนำเธอ ทั้งคู่จ้องหน้ากันเงียบ เธอตะลึงตัวชาเงียบไป“สวัสดีครับบบ... คุณดารณี” เธอหลบสายตาทันทีขณะที่ชายหนุ่มจ้องกลับ“เอ่อ... อ่ะ สวัสดีค่ะ” สาวหน้าตุ๊กตาญี่ปุ่นพึมพำตะกุกตะกัก“คุณดารณี เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ครึ่งปี แต่เธอสามารถสร้างเครือข่ายได้ทะลุเป้าหมาย คุณจะได้คำแนะนำที่ดีจากเธอ” ภูผาแนะนำสรรพคุณของเธอเป็นการเป็นงาน“ครับ... ไว้ขอผมนัดมาคุยที่บริษัทอีกครั้ง”“เอ้า... วันนั้นคุณดารณีไม่ได้ไปพบหรือครับ”“เอ่อ... ครับ ครับ แต่ผมต้องการ detail เพิ่มเติม” แสนภพหันไปจ้องหน้าเธออีกครั้ง แต่สาวน้อยเบือนหน้าไปจ้องหัวหน้า รู้สึกอึดอัดจึงเอ่ยขึ้นเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย เธอรู้สึกหน้าตึงจนฟันขบกัน“ต้องขอโทษหัวหน้านะคะ คือขอดาเคลียร์เรื่องนี้กับคุณแสนภพอีกครั้งนะคะ แล้วจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมสัปดาห์หน้า”“แต่คุณแสนภพมาปรึกษาผม ขอให้คุณไปนำเสนอสินค้าของเราที่ฮ่องกงสัปดาห์หน้า
“ยัยดา... ฉันว่าไม่ต้องขับรถฉันไป เราเรียกแกร็บไปเถอะ” เธอคิดไว้นี้ เพราะไม่อยากให้นางขับรถ กลางคืนนางขับรถหลงทิศบ่อยๆ“เออ... ใช่ฉันรู้...แกกลัวฉันพากลับผิดทาง เผลอๆ คืนนี้ได้เข้าโรงแรม” เธอหัวเราะเยาะเย้ยตนเอง“เออ... คงถูกล่ะ ตระกูลนี้เพิ่งไป take over โรงแรมหนึ่ง”“ฮ่า... รวยนะเนี่ย”“เสียดาย แกคิดผิดให้ฉันไปแทน ฉันชอบแสนภพคนนี้ว่ะ หล่อโคตร ลูกครึ่งนะแก” กิ่งฟ้ายั่วนาง“เหรอ งั้นจะได้เจอไหมเนี่ย...”“ไม่รู้เลย... ฉันกลัวว่าคุณปู่จะ...” กิ่งฟ้ามีอะไรในใจ แต่ไม่อยากพูด“ยังไง บอกมานังกิ่ง” ดารณีขึ้นเสียง“จับผิดคู่...ล่ะสิ” เพื่อนอย่างกิ่งฟ้า อยากแก้เผ็ด“เฮอะ... งั้นฉันไม่ไปดีกว่า”“เฮ้ย... ไม่ได้ แกจะทำฉันอดได้งานสำคัญชิ้นนี้ ดีไม่ดีแกด้วยนะ ชวดหมดทั้งคู่” “นี่ ฉันหายไปไม่กี่วัน แกมีคนมาจีบแล้วสิ” ดารณีขึ้นเสียง“โห... จะเป็นนางเสือปืนไวขนาดไหนกันเชียว” กิ่งฟ้ารำคาญกับยัยเพื่อนตัวแสบ จะทำให้เธอมีปัญหา ดารณีเหมือนจะเป็นสาวไม่ยึดติดกับเพศนักหนาเมื่อทั้งคู่เดินทางไปถึง กิ่งฟ้าก้าวเข้าประตูหน้าของตัวตึกใหญ่ สาวรับใช้คนเดิมเดินออกมาต้อนรับให้เข้าไปนั่งรอที่ห้องรับแขก เธอบอกว่าพันธ์พิ
กิ่งฟ้ากลับมาถึงบ้านด้วยความรู้สึกหนักใจ นึกถามในใจว่าวันรุ่งขึ้นจะหอบร่างกายกระย่องกระแย่งแบบนี้ไปทำงานไหวไหม เธอก้าวเข้ามานั่งที่โซฟารับแขกเงียบๆ แต่แม่กรรณิการ์แอบสังเกตลูกสาวตั้งแต่ลงจากรถตู้ กระทั่งเดินลากเท้าเข้ามาถึงภายในตัวบ้าน “แม่ขา... มีของฝากค่ะ” เธอยกกล่องที่อยู่ในถุงผ้าจากแม่ครัวบ้านคุณปู่ ยื่นส่งให้แม่ แล้วกระแอมเบาๆ“นี่ไปทำงานหรือว่าไปอ่อย...ฮะ ถึงได้กับข้าวกับปลากลับมา” แม่มองเธอด้วยหางตา“เห็นหนูเป็นคนอย่างว่า หรือไงคะ หนูไปทำงานไม่ใช่ไปจับผู้ชายนะ” น้ำเสียงเธอรำคาญแม่ แต่ก็ปากคันอยากตอบโต้“เอ่อ... แล้วนี่จะให้แม่ช่วยอะไรไหม เดินแทบจะไม่ไหวแล้วเนี่ย” แม่กรรรณิการ์ก้มลงมองข้อเท้าซ้ายบวมแดงคล้ำ“หนูพอเดินได้ค่ะ หนูอยากนอนแล้ว รู้สึกไม่ค่อยสบาย” เธอลุกขึ้นก้าวอย่างช้ากำลังจะขึ้นกระได แม่เอากล่องอาหารไปเก็บในครัวแล้วออกมาเห็น จึงช่วยพยุงเธอขึ้นไปชั้นบนแม่ส่ายหัวอย่างหนักใจ หลังจากได้ยินลูกสาวสั่งให้นางโทรไปลางานให้แต่เช้า นางเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง“หยุดงานแบบนี้ จะไม่ถูกไล่ออกหรือ ยัยกิ่ง” นางจ้องดวงหน้าแดงระเรื่อทั่วใบหน้า ของเธอ น่าจะไข้ขึ้นจากอาการระบม“กินยาแก้
กิ่งฟ้าออกจากห้องน้ำแล้วเดินเข้าไปในครัว เห็นป้าแจ่มกำลังง่วนกับการเตรียมผลไม้และของหวานไว้เสิร์ฟ เธอจึงเดินตรงเข้าไปขอน้ำมะนาวเพื่อมาแก้อาการสำลักให้ชื่นใจ“ป้าคะ พอมีน้ำมะนาวไหม หนูสำลักอาหารค่ะ” เธอมองหน้าป้าแม่ครัวด้วยแววตาวิงวอน“ต้องทำ... รอสักครู่ค่ะ” เธอเห็นป้าสั่งพี่แววสาวรับใช้วัยเดียวกับเธอ“คุณรอแป๊บนะ เดี๋ยวแววทำให้ค่ะ” สาวน้อยนั่งรออยู่ตรงโต๊ะเล็กๆ ในครัว กวาดสายตามองผลไม้ที่กำลังจัดอยู่ในจาน ส่วนของหวานนั้นเป็นกระท้อนลอยแก้ว หน้าตาดูดีมากหลังจากกิ่งฟ้าดื่มน้ำมะนาวอุ่นมีเกลือหยอดลงไปนิดหน่อย ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก จึงเดินกลับเข้าไปที่ห้องอาหารอีกครั้ง สายตาของผู้สูงวัยที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ตรงหัวโต๊ะ มองมายังเธอแสนอบอุ่นอย่างน่าประหลาด เธอค่อยก้าวเข้าไปยังเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งถัดจากชายหนุ่ม“เป็นยังไง ดีขึ้นแล้วใช่ไหม มา...มาทานข้าวกันต่อ ปู่เห็นว่าหนูผอมไปหน่อยนะ” ท่านพูดขึ้นแบบนี้ทำเอาสาวน้อยสะดุ้ง“ไม่ค่ะ... น้ำหนักเพิ่มตั้งแต่ไปเมืองนอก!!!” เธอโพล่งออกไป“หนูไปไหนมาหรือ... เล่าให้ปู่ฟังหน่อย อยากรู้ว่าเมืองนั้นเป็นยังไง” ท่านยิ้มแล้วหันไปมองหน้าหลานชาย“ซิดนีย์ค