เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ
“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ
“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา “ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดูเขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ…
“เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขาจากด้านหลังจนชายเสื้อที่ยัดลงไปถูกรั้งหลุดออกมา โก๊ะได้ใจเลย...ในที่สุดทั้งสองคนต้องพากันเดินออกไปหามุมสงบเพื่อเปิดประเป๋า
"อ้าววว... มะ!!! เร็วๆ หน่อย คนมารอรับผมอยู่” เขาทำหน้าไม่พอใจ เธอเห็นเขาก้มลงนั่งยองๆ สุดตลก ขายาวเก้งก้างช่างดูขัดๆ แถมกางเกงทรงเดฟรัดรูปนั่นอีก ดูประหลาดอย่างกับอีทีขาลีบขณะนั่งยองหากุญแจ กำลังเอามือล้วงควานลงไปในกระเป๋าใบน้อยที่คาดเอวอยู่นั่นเอง เสียงดังจากลำตัวส่วนล่างของหนุ่มขายาว...
แควก... แควก... แควก !!!เขาหันซ้ายหันขวา หน้าแดงก่ำด้วยความอาย นึกในใจ Shit!!! ไอ้ห่า กางเกงเจ้ากรรมดันขาดตรงกลางเป้ายาวจนเห็นกางเกงใน ดีนะไม่ได้ใส่สีประจำวันเกิด!
ฮิ ... ฮิ ... ฮิ ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!
หญิงสาวที่อยู่ข้างหลังมองมา...หัวเราะจนงอหาย
หนุ่มโย่งโก๊ะรีบลุกขึ้นยืนเอามือปิดตรงเป้ากางเกง มองมาที่เธอหน้าแดงก่ำ โกรธจนปากสั่น อายไปถึงสามโลก...
“มะ... เอากุญแจของคุณมา ฉันเปิดให้ล่ะกัน” เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่มองตรงนั้นของเขา หันหน้าไปทางอื่นแต่ยื่นมือออกไป แอบขำเบาๆ…นึกในใจ...โลกโคตรเล่นตลก ได้ดูกายกรรมกวางเจา เธอนึกไปถึงเพื่อนสาวคนหนึ่ง ชอบเล่าอะไรตลกๆ เกี่ยวกับผู้ชาย e-เนิร์ด นี่ดันมาเจอหนุ่ม e-โก๊ะ...กลางสนามบิน
เขายื่นลูกกุญแจให้ รหัสกดเปิดอีกชั้น เธอนึกในใจทำไมแปลก กุญแจที่ใช้ล็อกอยู่เป็นแบบเดียวกับของเธอ รหัสกดเปิดที่ให้ไม่ใช่ซะงั้น
“เร็ว!!! ผมต้องรีบไป!!!” เขาตะคอกดังลั่น ทำเธอหมดความอดทน “ฉันช่วยขนาดนี้ ตะคอกใส่จนน้ำลายกระเด็นรดเต็มหน้า” เธอเงยหน้าเห็นแววตาลุกเป็นไฟขนาดหมื่นองศาฟาเรนไฮต์ เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำลาย... “จะติดโควิดไหมนี่...” เธอเปรยๆ ไปอย่างนั้น “นี่...คุณ ผมตรวจโควิดตลอด ถ้าไม่รู้รหัส มันไม่ใช่กระเป๋าคุณหรอก!!!” เขาโมโหเธอจนหมดความอดทน ...เธอคิดในใจ...อะไรกันนี่ รหัสของเขาที่บอกมันไม่ใช่ ยังมาด่าซะงั้น สงสัยตานี่คงอายจนสมองเบลอ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า เธอยังขำไม่หยุด อยากหายตัวไปหาที่หัวเราะดังๆ
“เอาเบอร์ผมไว้ ถ้าผมกลับไปถึงบ้าน แล้วเปิดกระเป๋า ไม่ใช่ของผม เราไปเจอกันที่สถานีตำรวจ” “ได้... ของฉันหายล่ะก็ เป็นได้เรื่อง” “เชิญ จะฟ้องเท่าไหร่ ผมจ่ายได้” เขาพูดยังไม่ทันจบ ลากกระเป๋าเดินกระมิดกระเมี้ยน เป้าฉีกซะขนาดนั้น เธอหัวเราะคิกคักตลอดทาง ขณะเดินหาเคาน์เตอร์เคลมกระเป๋าของสายการบินเพื่อแจ้งกระเป๋าหาย… … … …
ระหว่างอยู่ในแท็กซี่ เพื่อนเธอโทรเข้ามา... “ทำไมเพิ่งเปิดมือถือ... ฉันรอแกอยู่ที่บ้านแล้วนะ แม่บอกว่าเครื่องลงตั้งนานแล้ว ทำไมถึงช้าขนาดนี้” “มีเรื่องสุดตลก... ขำแหลกลาญ” เธอหัวเราะขึ้นมาอีก จนปลายสายสงสัย “อะไรของแกว่ะ... ตลกมากนักหรือไง... นังกิ่ง” ดารณีเพื่อนสาวแหวใส่กิ่งฟ้าสาวหน้าใสเปิดประตูลงจากรถแท็กซี่ตรงประตูรั้วหน้าบ้าน ดันประตูเล็กด้านข้างก้าวฉับๆ เข้าตัวบ้าน เพื่อนตัวเล็กหน้าตาประมาณตุ๊กตาญี่ปุ่นเดินเข้ามากอด แม่รีบออกมาบอกว่า...
“กับข้าวอยู่บนโต๊ะ คงเย็นชืดหมดแล้ว เป็นไง...หน้าหงิกมาเชียว ถูกค้นกระเป๋าเหรอ” แม่กรรณิการ์จ้องหน้าลูกสาว เธอกลับจากดูงานต่างประเทศของหลักสูตรสาขาการฟื้นฟูสุขภาพและชะลอวัย
แม่กรรณิการ์ถามกิ่งฟ้าเมื่อไม่เห็นกระเป๋าเดินทาง แล้วเพื่อนยังถามย้ำ...
“เกิดอะไรขึ้น กระเป๋าหายเหรอ...” เสียงถอนหายใจของเธอยาวมาก “เฮ้อ... มีเรื่องแปลกนะสิ วันนี้มันคือวันอะไร...” เธอหยิบมือถือเปิดหน้าจอเข้าไปกดหาอะไรบางอย่าง” “อะไรของแก... นังกิ่ง ยังงมงาย... ยังไม่เลิกเชื่อเรื่องนี้...!!!” ดารณีตาค้าง เมื่อได้ยินเพื่อนพูดขึ้น “พรุ่งนี้ไปดูหมอ... แปลกๆ ว่ะ” กิ่งฟ้าเปิดดูเว็บไซด์หนึ่ง แล้วยื่นให้เพื่อนดู “ฮ่า... จะเจอเนื้อคู่...บ๊ะ!!!” “คิดดู... เรื่องบ้าบอ เบอร์ 26 มันเกี่ยวกับตัวฉันตั้งแต่ไหนมาแล้ว...” “เออ...เนอะ แกเกิด 26 วันนี้วันที่ 26 แล้วไง” ดารณีมองหน้าเพื่อนสาว รอฟังเผื่อมีอะไรมากกว่านั้น “ที่นั่งบนเครื่อง 26 และแถบบาร์โค้ดเลขลงท้าย...แกดูซะ” เธอยื่น boarding pass ที่มีแท็กสติกเกอร์ Baggage Receipt ใบรับโหลดกระเป๋าถูกแปะอยู่ด้านหลัง ให้เพื่อนสังเกตชัดๆ อีกครั้งแม่เดินเข้าไปในครัวเอาอาหารที่วางบนโต๊ะกลับไปใส่ในไมโครเวฟอุ่นให้ใหม่ ปล่อยพวกนางคุยกันไป เธอไม่อยากฟังเรื่องวุ่นวายของพวกสาวๆ สมัยนี้ หนีไม่พ้นเรื่องสัพเพเหระ เสื้อผ้า หน้าผม กระเป๋ารองเท้า เครื่องสำอาง นินทาเพื่อนฝูง ยันไปจนถึงเรื่องผู้ชาย บางครั้งลึกลับสุดยอดก็ไปแอบคุยกันไม่ให้ใครได้ยิน
“อย่าให้แม่รู้เชียว นางยิ่งไม่อยากให้ฉันมีแฟน” กิ่งฟ้ากระซิบเพื่อนรัก
“แก...ว่า ที่ผ่านมามันแม่นเหรอ” “เฮ้ย แม่น... ฉันได้เดินทางไปต่างประเทศนี่ไง” เธอแย้ง “นังกิ่ง... งานที่แกทำอยู่ มันต้องไปดูงาน เพ้อเจ้อ” ดารณีค้อนขวับหมั่นไส้เต็มทน “เออ... ไม่ไป ก็ไม่ไป” “เงินเยอะใช่ไหม... เอาไปฉลองชาบูดีกว่า พรุ่งนี้มารับฉันหลังเลิกงานด้วย” “แก...ไม่ไปตีแบดเหรอ” กิ่งฟ้าสับสนเรื่องการออกกำลังกายของเพื่อน เธอแค่ไม่อยู่เดือนเดียว... “ต้องหาคู่ตี นี่ฉันทำคนเดียวได้ เผาผลาญไขมันดีมาก” “มันคืออะไร...” “พรุ่งนี้จะให้ดู เอามาไว้ที่ทำงานด้วยแหละ” กิ่งฟ้ามองหน้า อย่างกับมีลับลมคมใน “ว่าแต่ ... ไปเจออะไรมา ยังไม่เห็นเล่าเลย...” ดารณีถามต่อ “โคตรตลก... กระเป๋าดันเหมือนกัน แล้วนายนั่นดึงดันจะเอาไปให้ได้ เปิดกระเป๋าก็ไม่ได้ จำเลขรหัสผิดมั้ง... แถม ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮิ ฮิ ฮิ” กิ่งฟ้าหัวเราะดังลั่นไม่หยุด “อะไรของแกว่ะ...ฉันจะขำไปด้วยนะนี่ เล่ามา” “กางเกงนะสิ ดันเป้าขาดกลาง โหย...แมร่งยิ่งกว่า 18+ ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า” กิ่งฟ้าขำจนเจ็บท้อง “โหย... กางเกงในสีอะไรว่ะ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ดารณีหัวเราะตามลั่นบ้านกิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา“ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดู เขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ… “เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขา