กิ่งฟ้าหลับไปในความฝัน เธอเห็นดวงตาปีศาจปรากฏอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ ขณะกำลังเดินเล่นเพลินๆ อยู่นั้นเอง
“เฮ้ย... ดา แกทำอะไรน่ะ” เธอถามดารณีขณะสาวตาหยีโผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้แล้วเดินเข้ามาหา “ฉันเอาหนอนมาให้...” ดารณีรู้ว่าเพื่อนรักเกลียดตัวหนอนเป็นที่สุด “หูย...หยี เอาไปให้พ้น” เธอหลับตาแต่ยังแอบหรี่ตาข้างซ้ายมองว่า เพื่อนสาวเอาออกไปหรือยัง “ไม่... มันคือผีเสื้อ” จากนั้นดารณีโยนเจ้าหนอนสีเขียวขึ้นไป กลับกลายเป็นผีเสื้อปีกสีเขียวขยับบินร่อนอยู่ตรงหน้าเธอ “โห... สวยจังเลย” ดารณียิ้มเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเบื้องหน้าเอ่ยปากชื่นชมไม่นานดารณีหายวับไป ในขณะที่กิ่งฟ้ากำลังวิ่งไล่ตามผีเสื้อที่บินวนเวียนหยอกเย้าเธอ
“อ้าววว... ดา แกมาเงียบๆ แล้วก็หายไปเงียบๆ” เธอขำเบาๆ จากนั้นจึงวิ่งหมุนวนอยู่กลางสวนสวย และแล้วจู่ๆ หน้าของชายหนุ่มแปลกประหลาดนายหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงกลางหน้าของสาวน้อย “คุณชอบผีเสื้อหรือ...ผมมีอะไรมาให้ดู” เขายื่นหินกลมๆ สีฟ้าตรงกลางเป็นสีขาวกลม และวงกลมในสุดเป็นสีฟ้าสวยงามมากในความรู้สึก เธอไม่เคยเห็นหินชนิดนี้มาก่อน “หินอะไรคะ” เธอถามขณะเห็นหน้าชายหนุ่มแปลกหน้า เขามองจ้องตาเธอ แววตาเหมือนใครที่เคยรู้จัก “ดวงตาปีศาจ” เขาตอบเธอ “สวยมาก แต่ทำไมชื่อน่ากลัวจัง” เธอถามกลับไป “ชื่อของมันคือ Evil Eye ชอบไหม ถ้าชอบเอาไปเลย” เขากำลังจะยื่นส่งให้เธอ แต่เธอกลับส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ค่ะ ชื่อไม่เป็นมงคล” “บอกว่าสวย เอาไปเถอะ ผมให้” เขาพยายามจะยื่นให้เธออีกจนได้ “ไม่... ฉันไม่อยากได้แล้ว” เธอรีบหันหลังเพื่อเดินหนีเขาชายหนุ่มพยายามดึงข้อมือเธอกลับไป แล้วเอาหินที่กำอยู่ในมือเอาใส่มือของเธอ
“ไม่...ไม่...ไม่” เธอปฏิเสธเสียงดังลั่น ขณะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง ปรากฏว่าชายหนุ่มหายไปแล้ว “อ้าววว... เฮ้อ หายไปไหนล่ะ” เธอถอนหายใจอย่างแรงด้วยความกลัว ดวงตาปีศาจอยู่ในกำมือ พอเธอพยายามจะเอาขึ้นมาดูอีกครั้ง กลับกลายเป็นหน้าของเพื่อนรักกำลังหัวเราะเยาะเธออยู่เสียงดังลั่น “เฮ้ย... เป็นแกเองเหรอ” กิ่งฟ้ามองจ้องหน้าดารณีอย่างไม่เข้าใจเสียงเคาะประตูห้องดังรัวถี่อยู่หลายครั้ง ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งตกใจผวาลุกขึ้น เธอร้องตะโกนถามอย่างสงสัย
“แม่เหรอคะ ...” เธอค่อยลากเท้าลุกลงจากเตียง อาการปวดระบมแผ่ซ่านไปทั่วร่าง “เอ้า... แกนั่นเอง ทำไมเคาะประตูซะรัวขนาดนั้น” “ฉันนึกว่าแกเป็นบ้าไง... ส่งเสียงร้องดังลั่น” ดารณีมาอยู่หน้าประตูห้องนานแล้ว ได้ยินเสียงร้องตะโกนโวยวายของเพื่อนรักที่อยู่ข้างใน “ฝันเห็นแกนั่นไง... อยู่ๆ ก็โผล่หน้าซะงั้น” กิ่งฟ้าแกล้งพูดเฉไฉ จริงๆ แล้วเธอกำลังตะโกนใส่ชายหนุ่มในฝัน หน้าตาไม่รู้ว่าเป็นใคร...ไม่เคยเห็น “แม่บอกว่า แกถูกรถชน ฉันตกใจมากรีบบึ่งมาหาแกก่อนไปทำงาน ... เออ วันศุกร์นี้ช่วยไปทำหน้าที่แทนหน่อยได้ไหม” สาวตาหยีหย่อนบั้นท้ายลงบนเตียง แล้วขยับเข้าไปนั่งลงข้างเธอ “อะไรวะ... ฉันยังเจ็บอยู่เลย” ดารณีกอดเพื่อนรัก แล้วหยิกแก้มก่อนพูดยั่ว “หาแฟนใหม่ให้... ไม่เอาเหรอ” “ฮ่า... ตลกฝืด” กิ่งฟ้าไม่อยากให้เพื่อนเปิดแผลกลางหัวใจอีกครั้ง เธอพยายามหลบตาไม่ยอมสบสายตาเพื่อนรัก ด้วยกลัวว่านางจะรู้ว่าเธอยังไม่หายเจ็บใจ “แม่ฉัน...นางจะให้หนูดาคนนี้ไปเจอ หนุ่มนักเรียนนอก” ดารณีรีบจบประโยคเพื่อให้เพื่อนรักหันไปสบตาด้วยความแปลกใจ แต่กิ่งฟ้ารู้แกวไม่หันไปหาเธอเลย ในที่สุดสาวตาหยีทนไม่ได้ต้องเอามือไปเชยคางแล้วดึงหน้าหันมาจ้องตากัน “ไปสิ... ฉันขอเวลาพักร่างและ...ใจ ด้วย” เพื่อนรักสาวมั่นเบื่อเรื่องพวกนี้เต็มทน “น่า... นะ กิ่ง แกเป็นเพื่อนที่สวยที่สุด ฉันแอบชอบแกมาตั้งแต่มัธยม ตอนนี้ก็ยังชอบอยู่ แต่จะให้เป็นทอมแอบรักแก คงไม่ใช่เพราะฉันไม่ใช่ทอมว่ะ แม่จะจับคู่แหงๆ แต่อ้างว่า...ให้ฉันเอาสินค้าไปนำเสนอขายนายคนนี้ เขาน่าจะเป็นลูกเจ้าของบริษัทใหญ่ซึ่งกำลังหาสินค้าเพื่อขยายตลาด” ดารณีสาธยายอีกยืดยาว เธอจะเดินทางไปสัมมนาที่ภูเก็ตวันรุ่งขึ้น“ว่าแต่จะไม่ให้ฉันเห็นหน้าคนที่จะพบก่อนเลยหรือ...” กิ่งฟ้าถามขึ้น
“ไปถึงก็รู้เองแหละ นัดเจอกันแถวโรงแรมตรงใกล้กับห้าง” ดารณีพูดจบก็ส่งข้อมูลให้สาวหน้าสวยที่ไลน์ “ต้องไปให้ได้นะ ไม่งั้นฉันถูกแม่บ่นแถมด่าอีก รำคาญนางมากเลย พ่อฉันน่ะเก่งมากเลยที่ทนแม่ได้จนถึงทุกวันนี้” กิ่งฟ้ารู้นิสัยเพื่อนรักดี นางเคยหนีไปเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่เกือบสองเดือนเพราะรำคาญแม่ของนาง “เฮ้ยแล้ว ฉันต้องทำยังไงบ้างล่ะเนี่ย” เธอโพล่งออกมาอย่างเหลืออด ไม่อธิบายว่าต้องทำอะไรแค่ส่งข้อมูลสินค้าให้เท่านั้น “แก... ทำสมอ้างเป็นฉันก็เท่านั้น” “โห... มันจะเนียนได้หรือไง หากต้องดีลกันต่อ แล้วแกจะมองหน้าเขาได้หรือ” “ก็ไม่ต้องเจอไง ให้แกแทนฉันไปเลย จบปะ...” “มันจะไม่จบนะสิ... แกชอบหางานให้ฉันลำบาก” “เออ... ฉันจะซื้อสร้อยมุกมาฝาก” ดารณีเอาของฝากมาล่อ “เห็นฉันเป็นคนงก... ของฝาก ไม่ต้องเลย ฉันไปแค่หนนี้นะ ต่อไปแกบรรเลงเอง อย่าหาทำว่ะ ไม่คุ้ม” “ไม่คุ้มยังไงว่ะ... เผื่อแกขายออก” “ฮะ... ยัยบื้อ!!! ฉันคงไม่ได้เตะตาใครขนาดนั้น” กิ่งฟ้าซัดกลับ “ไม่แน่นะ... เผื่อว่าเขาชอบแก ฉันจะได้รอดตัว” “อะไรนักหนา...” เพื่อนรักรำคาญ ไล่ส่งให้รีบไปทำงานทั้งวันกิ่งฟ้านั่งคิดว่า จะต้องทำยังไงกับตนเองที่ถูกเพื่อนยัดเยียดงานยากให้ ความฝันเมื่อคืนหญิงสาวยังรู้สึกสับสน หรือว่ามันคงเชื่อมโยงกับการนัดหมายนี้หรือเปล่า วันรุ่งขึ้นเธอจำเป็นต้องขอลางานอีกหนึ่งวัน แผลที่ระบมอยู่เริ่มดีขึ้นเล็กน้อย ทำให้เธอจำต้องนอนอยู่บนเตียงอีกหนึ่งวัน ในใจคิดวางแผนว่าอีกสองวันจะทำอย่างไรดีกับนัดหมาย หรือว่าเอาสินค้าของเธอนำเสนอแทน
‘เล่นบ้าบอแบบนี้ ต้องเจอหักเหลี่ยมโหด’ กิ่งฟ้าคิดสะใจที่แก้แค้นดารณีแม่กรรณิการ์เอาข้าวต้มขึ้นมาบริการให้ลูกสาวถึงห้อง และเจ้ากี้เจ้าการถามเรื่องที่ไม่น่าถาม
“นังกิ่ง... ผู้ชายคนนั้นที่มาส่ง เขาจ่ายเงินค่าทำขวัญให้หรือเปล่า” กิ่งฟ้าสะดุ้งทันที “แม่คะ... หนูบอกแล้วว่า หนูซุ่มซ่าม เขาพาไปโรงพยาบาลและจ่ายค่ารักษาให้แล้ว ก็ควรจบล่ะ” เธอชักสีหน้ารำคาญ “แกนี่นะ... แล้วรู้หรือเปล่า ภายในร่างกายเรามันบอบช้ำส่วนไหน” “ไม่ทราบ หนูไม่ใช่หมอ” เธอตอบกวนได้ใจ แม่ค้อนให้สองครั้งแล้ววางถาดข้าวต้มให้เธอจัดการกินให้เรียบร้อย “เออ... ฉันจะไม่ยุ่ง แกเป็นอะไรมากกว่านี้ แม่จะไม่ถามอีก” นางกะบึงกะบอนงอนเดินก้าวฉับๆ ออกจากห้องไปกิ่งฟ้าเตรียมตัวไปทำงานแบบทุลักทุเล วันรุ่งขึ้นไปถึงที่ทำงานเพื่อนร่วมงานเข้ามาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง แล้วหัวหน้าเธอมอบหมายให้เธอไปพบลูกค้ารายหนึ่ง
“กิ่ง... วันเสาร์ว่างไหม ลูกค้านัดไปพบ” “ทำไมนัดวันเสาร์” เธอทำหน้างุนงง ลูกค้านัดพบเรื่องงานวันหยุด “เขารีบนัดเรา เพราะจะเอาสินค้าไปนำเสนอวันจันทร์ที่ฮ่องกง” ภูผารีบสรุปสั้นๆ และยื่นแฟ้มรายชื่อลูกค้าให้เธอ ก่อนจะรีบออกไปประชุมกับลูกค้าอีกรายกิ่งฟ้านำแฟ้มกลับมาเปิดอ่านที่บ้าน เธอประชุมกับสายงานทั้งวัน ไม่มีเวลาเปิดอ่าน แล้วมือสั่นเทาขณะเปิดแฟ้มค้าง ความรู้สึกของเธอสับสน...
พันธ์พิสุทธิ์ พงศ์กุล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร บริษัทสหพันธ์กรุ๊ป จำกัด
เธออ่านชื่อซ้ำแล้วซ้ำอีก จำได้ว่าชื่อนี้อยู่ในนามบัตรที่เคยยื่นให้เธอที่สนามบินวันนั้น
“อะไรกันเนี่ย ... นายคนนี้อีกแล้ว เฮ้อ” เธอถอนหายใจยาว ไม่เข้าใจว่าชีวิตต้องมาวนเวียนกับเขา เพื่ออะไร หรือว่า... “โชคชะตา ... มันมาแปลกๆ เพิ่งจะโบกมือลา ไสหัวคนนั้นไปไม่นาน แล้วก็ให้มาเจอคนนี้ล่ะหรือ!!!” เธอพึมพำขณะใจยังคิดไปถึงความฝันเมื่อวันก่อนวันศุกร์ตามนัดหมายเวลา 10.30 น. สาวน้อยหน้าสวยนึกขำกับคำนี้ที่เป็นฉายาที่ดารณีชอบตั้งให้ ... เธอก้าวเข้าไปยังลอบบี้โรงแรมที่นัดหมาย เธอถามหาชื่อของชายหนุ่มกับเจ้าหน้าที่รีเซฟชั่น เมื่อรู้ว่าเขานั่งรออยู่ที่เก้าอี้โซฟาตรงด้านซ้ายตามที่หนุ่มรีเซฟชั่นชี้พุ่งเป้าให้แล้ว เธอจึงค่อยตั้งสติก้าวเข้าไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าแนะนำตัว
“เอ่อ... สวัสดีค่ะ” เธอเลี่ยงไม่เอ่ยชื่อของดารณี กลัวตนเองสับสนอาจถูกจับได้
“สวัสดีครับ คุณดารณี” เขาทักทายชื่อของเพื่อนรักทันที “เชิญคุณที่ห้องประชุมเล็ก ... เชิญครับ” เขาลุกขึ้นก้าวเดินนำทางไปมุมซ้ายของลอบบี้มีบันไดเดินขึ้นไปชั้น M มีห้องประชุมเล็ก ซึ่งเขาน่าจะมีทีมงานรออยู่ชายหนุ่มสวมสูทสีดำเข้ม สวมเชิ้ตสีฟ้าอ่อนไม่ผูกไท กางเกงสแล็กสีเทาเข้มทรงฟิตแบบวัยรุ่นเดินนำขึ้นบันได แต่หันหน้ามามองเธอ
“ค่อยเดินนะครับ ขาคุณเป็นอะไรครับ เห็นเดินกะเผลก” เขาหันมาถามเป็นมารยาท แล้วผายมือมาเพื่อให้เธอจับ “ขอบคุณค่ะ ดิฉันแค่หกล้มเมื่อหลายวันก่อน” เธอไม่จับมือเขาขณะตอบเลี่ยงๆเธอเดินตามเข้าห้องประชุม เขาหันมายิ้มให้แล้วแนะนำตนเองขณะนั่งลงตรงกันข้าม
“แสนภพครับ ... ผมรับผิดชอบผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรากำลังอยากเปิดตัว ผมอยากนำเข้าสินค้าของบริษัทคุณ ทีมงานผมเขาเป็นหมอ ต้องการส่งเสริมเรื่องสุขภาพและความงาม” เขาแนะนำชื่อตนเองขณะยื่นนามบัตรให้เธอ “ค่ะ... สินค้าตามใบแนะนำนี้นะคะ และคุณสามารถแสกน QR code เข้าไปดูสินค้าต่างๆ ได้ที่เว็บไซด์ของบริษัทได้เลยนะคะ” กิ่งฟ้าแอบมองหน้าตาหนุ่มลูกครึ่งพูดไทยชัดเว่อร์ “คุณแม่ผมเป็นคนไทยครับ...” เขายิ้มให้เธอทันทีที่กิ่งฟ้าขมวดคิ้วมองใบหน้าหล่อเหลาของเขา “มิน่าล่ะ ภาษไทยชัดกว่าดิฉันอีก” เธอพูดเยินยอจนเขาเลิกคิ้ว “คุณเป็นลูกครึ่งหรือครับ” “เปล่าค่ะ ฉันเป็นคนต่างจังหวัดแถบอีสานค่ะ” เธอยิ้มให้ชายหนุ่ม “โอเค ผมนึกไปไกล ขอโทษครับ” ชายหนุ่มดูดีและสุภาพ เทียบกับนายคนที่แย่งกระเป๋ากับเธอวันนั้น “ผมมีของฝากจากคุณป้ามาให้นะครับ ท่านฝากมาให้คุณ” เขายื่นพวงกุญแจ เป็นด้วยพลาสติกสีฟ้าใสราวแก้ว เธอหวนนึกถึงความฝันทันที “ฮะ...” เธอสะดุ้งเผลออุทาน “เคยเห็นมันมาก่อนหรือ” เขายิ้มให้เธอ “ไม่เคยค่ะ แต่ทำไม...” เธอเงียบทันที ไม่อยากให้เขาคิดว่าเธอมีความเชื่อเรื่องโชคลาง “นี่คือ Evil Eye ดวงตาปีศาจ” เขาเล่าสั้นๆ แต่คำนี้มันอยู่ในฝันคืนนั้น แม้จะไม่ได้เห็นหนุ่มในฝันชัดเจน แต่น่าจะเป็นเขาอย่างแน่นอน เธอสับสนว่าโชคชะตาเล่นตลกอะไร “เอาไว้ทำอะไรคะ ชื่อดูน่ากลัวจัง” เธอตอบกลับเบาๆ “พวงกุญแจ คุณป้าเพิ่งไปเที่ยวมา คงอยากให้ลูกสาวเพื่อนท่าน” กิ่งฟ้าเข้าใจทันทีคุณป้าของชายหนุ่มน่าจะผูกสัมพันธ์ให้เขากับดารณี “ฝากบอกคุณป้าว่า ขอบคุณมากนะคะ เป็นเครื่องรางไหมคะ” เธอถามเฉยๆ แต่อยากรู้เช่นกัน “ครับ คนแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เชื่อเรื่องดวงตาปีศาจจะช่วยปกป้องคนที่คิดร้าย” “ดีจังเลย แล้วช่วยเรื่องเคราะห์ร้ายต่างๆ ด้วยใช่ไหมคะ” “ครับ... เอ่อ ทีมงานผมมาพอดี” เขาได้ยินเสียงเคาะประตูด้านนอก แล้วหนุ่มสวมสูทสีกรมท่าผูกไทสีฟ้าผลักประตูเข้ามา เขาทำหน้าแปลกใจเมื่อเห็นสาวน้อยหน้าสวยนั่งอยู่ตรงข้ามกับแสนภพ “อ้าว... คุณเป็นยังไงบ้าง” เขาทักทายเธอ ทำเอาสาวหน้าหวานสะดุ้ง ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว นึกในใจหากเขาโพล่งชื่อเธอออกไป แย่แน่ๆ... “รู้จักกันเหรอ งั้นฉันขอตัว” แสนภพลุกให้ชายหนุ่มที่เพิ่งเข้ามา...ได้นั่งเก้าอี้แทนเขา “ไว้เจอกันที่ออฟฟิศ... บอกแดดนายด้วย วันนี้ไม่ไปดินเนอร์อยากกลับบ้านเร็วหน่อย” เขาตะโกนไล่หลังหนุ่มที่สาวเท้าอย่างเร่งรีบออกไป “โอเค... bye ฝากดูแลคุณดารณีด้วย” แสนภพเอ่ยชื่อ... ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งทันทีที่ประตูห้องปิดลง ชายหนุ่มอมยิ้มเอ่ยถามเบาๆ อย่างใจเย็น
“ตกลง คุณชื่ออะไรกันแน่ ผมงง... ดารณี ชื่อคุณ หรือ กิ่งฟ้า ชื่อปลอมหลอกผม” เขาทำหน้าล้อเลียนทันที “นี่คุณ ฉันมี Evil Eye จะเสกให้คุณหายไปได้ไหมเนี่ย” เธอยกพวงกุญแจขึ้นหมุนโชว์ขณะพูดอย่างขำๆ กับคำพูดของตัวเอง “ผมมีอยู่เยอะเลย อยากได้สักกี่อัน” เขายกกระเป๋าเอกสารวางบนโต๊ะและเปิดออกให้เธอดู เห็นพวงกุญแจแบบเดียวกันนี้ละลานตา แถมมีแบบเป็นกำไลข้อมือด้วย “โห... เยอะจริง ไม่ได้โม้” เธอพูดขณะจ้องตาเขาระริกอย่างท้าทาย “ผมว่า... คุณคงอยากได้กำไล เอา...เลือกตามใจชอบ” “ขอบคุณมากค่ะ ใจดีจัง ขอสามอันนะคะ” เธอหยิบดูและขออนุญาตอันสวยๆ มาสามอัน “อยากได้แบบกระเป๋าก็มี ถ้าคุณชอบผมจะเอาไปให้ที่บ้าน วันนี้ไม่ได้ติดมา” เขาคะยั้นคะยอ “ใจดีที่สุดเลยนะคะ... ชอบมากเลยค่า” เธอลากเสียงยาว ในใจนึกอยากทดสอบว่าเขาเป็นคนยังไง ท่าทางจะใช้ของสวยๆ ล่อสาวๆ “คุณคงเป็นคนเชื่อโชคลาง... superstitious ใช่ไหม” “แน่นอน... วันนั้นที่สนามบิน คิดไว้แล้วต้องมีอะไรแปลกๆ” “ผมว่า... ไม่ใช่ วันนั้นผมว่าผมคงจำผิด...” “ไม่น่าใช่ โชคชะตามากกว่า” “เรื่องพวกนี้ ... ในความคิดผม idiot ปัญญาอ่อน” เขาพูดเสียงชัดเจน ภาษาอังกฤษก็ใช่ ภาษาไทยก็ชัดเว่อร์ เธอหน้าแดงด้วยความโกรธ ไหงมาว่ากัน...ให้เธอปัญญาอ่อน 'ด่ากันแรงขนาดนี้เลย...' กิ่งฟ้านึกตำหนิในใจน้ำเสียงเข้มข้นของชายหนุ่มต้องการค้นหาตัวตนของสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า
“ขอโทษ พูดตรงๆ ตกลงคุณชื่ออะไรกันแน่” กิ่งฟ้านึกด่าอยู่ในใจ อีตาบ้า... เปลี่ยนเรื่องกะทันหันให้เธอกลายเป็นคนถูกด่าไปโดยปริยาย แถมยังเค้นเอาเรื่องกับชื่อของเธออีก “ดวงตาปีศาจ... Evil Eye ค่ะ” เธอยอกย้อนกลับชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่ง แววตาของเขาท้าทายในความรู้สึกของเธอยิ่งนัก“เฮ้อ... ผมคงเจอนักลวงโลก the world scammer!!!” เขาเปรียบเปรยเห็นภาพลอยอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดแจ้ง“นี่... พูดให้ดีๆ นะ ฉันฟ้องคุณได้” กิ่งฟ้าเหลืออด ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม“ได้เลย... ผมยินดี ถ้าไม่จริง บอกมา คุณชื่ออะไร” เขายังบังคับกลายๆ จะไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง“เอ่อ... กิ่งฟ้า” เธอจำยอมในที่สุด ก้มหน้าลงกับพื้นโต๊ะ “อ้าววว... แสนภพเพิ่งบอกผมว่า คุณชื่อ ดารณี หรือว่าผมฟังผิด” เขาเอากำปั้นทุบโต๊ะ ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งพรวดเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา“นี่คุณ... ทำอย่างกับฉันเป็นผู้ต้องหา ฉันมาเสนอขายสินค้า” เธอมองสบตาชายหนุ่มนิ่งขณะกล่าวตอบ“เหรอครับ... แล้วสินค้านี้หลอกผมด้วยไหมเนี่ย” เขาหัวเราะเยาะเย้ยเธอ“โอเค... ถ้าคุณยังพูดอะไรแบบนี้ ต้องขออนุญาตลากลับนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ จำยอมไม่อยากตอบโต้ใดๆ ขณะจ้องแววตาของเขาที่ระริกหยอกล้ออยู่ในดวงตาคมคู่นั้น“อาการคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ... ขอผมดูหน่อยได้ไหม” เขาลุกขึ้นก้าวมายืนค้ำหัวเธอ ผายมือขอร้องอย่างสุภาพ“ดีขึ้นนิดหน่อย ข้อเท้าแพลงคงอาจหลายวันค่ะ
พันธ์พิสุทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามใดใด สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววเล่ห์เพทุบาย ต้องการแก้เผ็ดหญิงสาว“ผมจะพาคุณไปหาหมอ เผื่อเป็นอะไรมากกว่านี้” เขาทำหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย ในความรู้สึกของกิ่งฟ้า มาดคุณหมอไม่มีเลยตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนมาถึงครั้งนี้ หากไม่บอกถึงอาชีพการงาน เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจมากกว่า“ค่ะ... ยังเจ็บเอวอยู่เลย” สีหน้าของสาวน้อยเบื้องหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้ำหนักตัวของเขาคงกระแทกเธออย่างจังตอนลงไปถึงพื้นบันได ใจของเขากระตุกทันทีเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกที่วาบหวิว ร่างกายของเขาและเธอทาบทับกันนิ่งขณะนั้น ทำให้เขารู้สึกถึงประจุไฟปรารถนากำลังปะทุขึ้นจนอณูของเซลส์เกิดแรงสั่นสะเทือนกิ่งฟ้าถูกชายหนุ่มพยุงร่างบอบบางไปถึงยังลานจอดรถ เขาตัดสินใจอุ้มเธอเดินก้าวไปยังที่รถยนต์ซึ่งจอดห่างออกไปเกือบสองล็อก ลมหายใจของเขารดยังต้นคอของเธอจนรู้สึกสยิวไปทั่วร่าง“อืม... จริงๆ ฉันก็เดินได้อยู่น่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธไป แต่ในใจรู้สึกยินดีเหลือล้น เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะท่าทีดูนุ่มนวลขึ้นกว่าครั้งก่อน“กอดผมแน่นๆ ไม่งั้นคุณอาจหล่นได้ ผมไม่เคยอุ้มใค
เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา“ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดู เขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ… “เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขา
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
พันธ์พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะในใจเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกเหตุว่า เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ทั้งสองครั้งทำให้ต้องเกิดเรื่องราว เขาจึงอยากรีบกลับถึงบ้าน “ผมขอ say bye เลยนะครับ” เขายกข้อมือดูนาฬิกา เวลาเกือบสามทุ่ม เขามีเรื่องต้องโทรหาน้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ เธอขอให้เขาโทรหาไม่รู้มีเรื่องอะไร“ค่ะ... งั้นลาตรงนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขาโบกมือลาขณะกำลังก้าวเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินกลับไปที่รถ ขณะนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และรู้ตัวว่าต้องรีบกลับ ขณะใจกำลังวกวนเรื่องเธอคนนี้ เขาเลี้ยวรถตรงหน้าร้านจะออกไป เธอกำลังรับโทรศัพท์เดินลงมาตรงหัวมุมหน้าร้าน... “Oh…shit…ตายล่ะ... เวรจริงๆ” เขาผรุสวาท และรีบกดกระจกลงตะโกนถาม “เป็นอะไรไหมนั่น... ผมจะพาไปคลินิก” เขาเห็นเธอล้มลง เขาน่าจะชนเธอตรงสะโพกพอดี เขารีบลงรถไปอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเปิดประตูหลังเอาเธอวางลงบนเบาะหลัง ขณะพันธ์พิสุทธิ์ออกรถไป เขาถามเธอด้วยใจกระวนกระวาย“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” เขามองกระจกส่องหลัง เห็นเธอเอามือไปลูบหลังข้อศอกและขาข้างซ้ายน่าจะเป็นแผลกิ่งฟ้ากำลังล้วงเอาทิชชูเปียกในกระเป๋าออกมาซับเ
พันธ์พิสุทธิ์ไม่ได้ตอบคำถามใดใด สายตาของเขาเต็มไปด้วยแววเล่ห์เพทุบาย ต้องการแก้เผ็ดหญิงสาว“ผมจะพาคุณไปหาหมอ เผื่อเป็นอะไรมากกว่านี้” เขาทำหน้าตารู้สึกผิดเล็กน้อย ในความรู้สึกของกิ่งฟ้า มาดคุณหมอไม่มีเลยตั้งแต่พบกันครั้งแรกจนมาถึงครั้งนี้ หากไม่บอกถึงอาชีพการงาน เธอคิดว่าเขาน่าจะเป็นนักธุรกิจมากกว่า“ค่ะ... ยังเจ็บเอวอยู่เลย” สีหน้าของสาวน้อยเบื้องหน้าแสดงความเจ็บปวดออกมาให้เห็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าน้ำหนักตัวของเขาคงกระแทกเธออย่างจังตอนลงไปถึงพื้นบันได ใจของเขากระตุกทันทีเมื่อหวนนึกถึงความรู้สึกที่วาบหวิว ร่างกายของเขาและเธอทาบทับกันนิ่งขณะนั้น ทำให้เขารู้สึกถึงประจุไฟปรารถนากำลังปะทุขึ้นจนอณูของเซลส์เกิดแรงสั่นสะเทือนกิ่งฟ้าถูกชายหนุ่มพยุงร่างบอบบางไปถึงยังลานจอดรถ เขาตัดสินใจอุ้มเธอเดินก้าวไปยังที่รถยนต์ซึ่งจอดห่างออกไปเกือบสองล็อก ลมหายใจของเขารดยังต้นคอของเธอจนรู้สึกสยิวไปทั่วร่าง“อืม... จริงๆ ฉันก็เดินได้อยู่น่ะ” เธอกล่าวปฏิเสธไป แต่ในใจรู้สึกยินดีเหลือล้น เขาดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าทุกครั้ง อาจเป็นเพราะท่าทีดูนุ่มนวลขึ้นกว่าครั้งก่อน“กอดผมแน่นๆ ไม่งั้นคุณอาจหล่นได้ ผมไม่เคยอุ้มใค
ชายหนุ่มระเบิดเสียงหัวเราะ จ้องสายตาของหญิงสาวที่นั่งอยู่เบื้องหน้านิ่ง แววตาของเขาท้าทายในความรู้สึกของเธอยิ่งนัก“เฮ้อ... ผมคงเจอนักลวงโลก the world scammer!!!” เขาเปรียบเปรยเห็นภาพลอยอยู่ตรงหน้าเธออย่างชัดแจ้ง“นี่... พูดให้ดีๆ นะ ฉันฟ้องคุณได้” กิ่งฟ้าเหลืออด ถลึงตาใส่ชายหนุ่ม“ได้เลย... ผมยินดี ถ้าไม่จริง บอกมา คุณชื่ออะไร” เขายังบังคับกลายๆ จะไม่ยอมเปลี่ยนเรื่อง“เอ่อ... กิ่งฟ้า” เธอจำยอมในที่สุด ก้มหน้าลงกับพื้นโต๊ะ “อ้าววว... แสนภพเพิ่งบอกผมว่า คุณชื่อ ดารณี หรือว่าผมฟังผิด” เขาเอากำปั้นทุบโต๊ะ ทำเอากิ่งฟ้าสะดุ้งพรวดเงยหน้าขึ้นมองหน้าเขา“นี่คุณ... ทำอย่างกับฉันเป็นผู้ต้องหา ฉันมาเสนอขายสินค้า” เธอมองสบตาชายหนุ่มนิ่งขณะกล่าวตอบ“เหรอครับ... แล้วสินค้านี้หลอกผมด้วยไหมเนี่ย” เขาหัวเราะเยาะเย้ยเธอ“โอเค... ถ้าคุณยังพูดอะไรแบบนี้ ต้องขออนุญาตลากลับนะคะ” เธอเอ่ยเบาๆ จำยอมไม่อยากตอบโต้ใดๆ ขณะจ้องแววตาของเขาที่ระริกหยอกล้ออยู่ในดวงตาคมคู่นั้น“อาการคุณเป็นยังไงบ้างล่ะ... ขอผมดูหน่อยได้ไหม” เขาลุกขึ้นก้าวมายืนค้ำหัวเธอ ผายมือขอร้องอย่างสุภาพ“ดีขึ้นนิดหน่อย ข้อเท้าแพลงคงอาจหลายวันค่ะ
กิ่งฟ้าหลับไปในความฝัน เธอเห็นดวงตาปีศาจปรากฏอยู่ท่ามกลางสวนดอกไม้ ขณะกำลังเดินเล่นเพลินๆ อยู่นั้นเอง“เฮ้ย... ดา แกทำอะไรน่ะ” เธอถามดารณีขณะสาวตาหยีโผล่พรวดมาจากหลังพุ่มไม้แล้วเดินเข้ามาหา“ฉันเอาหนอนมาให้...” ดารณีรู้ว่าเพื่อนรักเกลียดตัวหนอนเป็นที่สุด“หูย...หยี เอาไปให้พ้น” เธอหลับตาแต่ยังแอบหรี่ตาข้างซ้ายมองว่า เพื่อนสาวเอาออกไปหรือยัง“ไม่... มันคือผีเสื้อ” จากนั้นดารณีโยนเจ้าหนอนสีเขียวขึ้นไป กลับกลายเป็นผีเสื้อปีกสีเขียวขยับบินร่อนอยู่ตรงหน้าเธอ“โห... สวยจังเลย” ดารณียิ้มเมื่อได้ยินเพื่อนสาวเบื้องหน้าเอ่ยปากชื่นชมไม่นานดารณีหายวับไป ในขณะที่กิ่งฟ้ากำลังวิ่งไล่ตามผีเสื้อที่บินวนเวียนหยอกเย้าเธอ“อ้าววว... ดา แกมาเงียบๆ แล้วก็หายไปเงียบๆ” เธอขำเบาๆ จากนั้นจึงวิ่งหมุนวนอยู่กลางสวนสวย และแล้วจู่ๆ หน้าของชายหนุ่มแปลกประหลาดนายหนึ่งโผล่ขึ้นมาตรงกลางหน้าของสาวน้อย“คุณชอบผีเสื้อหรือ...ผมมีอะไรมาให้ดู” เขายื่นหินกลมๆ สีฟ้าตรงกลางเป็นสีขาวกลม และวงกลมในสุดเป็นสีฟ้าสวยงามมากในความรู้สึก เธอไม่เคยเห็นหินชนิดนี้มาก่อน“หินอะไรคะ” เธอถามขณะเห็นหน้าชายหนุ่มแปลกหน้า เขามองจ้องตาเธอ แววตาเห
พันธ์พิสุทธิ์รู้สึกใจคอไม่ดีเพราะในใจเหมือนมีลางอะไรบางอย่างบอกเหตุว่า เวลาเจอผู้หญิงคนนี้ทั้งสองครั้งทำให้ต้องเกิดเรื่องราว เขาจึงอยากรีบกลับถึงบ้าน “ผมขอ say bye เลยนะครับ” เขายกข้อมือดูนาฬิกา เวลาเกือบสามทุ่ม เขามีเรื่องต้องโทรหาน้องสาวซึ่งกำลังเรียนอยู่ที่ซิดนีย์ เธอขอให้เขาโทรหาไม่รู้มีเรื่องอะไร“ค่ะ... งั้นลาตรงนี้นะคะ” เธอยกมือไหว้ชายหนุ่ม เขาโบกมือลาขณะกำลังก้าวเดินออกจากโต๊ะ เขารีบเดินกลับไปที่รถ ขณะนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปบางอย่าง และรู้ตัวว่าต้องรีบกลับ ขณะใจกำลังวกวนเรื่องเธอคนนี้ เขาเลี้ยวรถตรงหน้าร้านจะออกไป เธอกำลังรับโทรศัพท์เดินลงมาตรงหัวมุมหน้าร้าน... “Oh…shit…ตายล่ะ... เวรจริงๆ” เขาผรุสวาท และรีบกดกระจกลงตะโกนถาม “เป็นอะไรไหมนั่น... ผมจะพาไปคลินิก” เขาเห็นเธอล้มลง เขาน่าจะชนเธอตรงสะโพกพอดี เขารีบลงรถไปอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเปิดประตูหลังเอาเธอวางลงบนเบาะหลัง ขณะพันธ์พิสุทธิ์ออกรถไป เขาถามเธอด้วยใจกระวนกระวาย“คุณเจ็บตรงไหนบ้าง” เขามองกระจกส่องหลัง เห็นเธอเอามือไปลูบหลังข้อศอกและขาข้างซ้ายน่าจะเป็นแผลกิ่งฟ้ากำลังล้วงเอาทิชชูเปียกในกระเป๋าออกมาซับเ
หลังจากเอากระเป๋าเดินทางกลับมาถึงบ้าน กิ่งฟ้าจึงรีบเปิดกระเป๋าค้นหาเงินดอลลาร์ที่ซุกซ่อนอยู่ หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ“มันยังไงล่ะเนี่ย...” เธอโทรไปคุยกับดารณีที่แช็ต“เขานัดให้ไปเจอ จะเอาเงินให้ ไป...ไป เหอะ” ดารณีรำคาญแม่เพื่อนสาวจอมหลงลืม“แล้วฉันเอาไปทำหล่นทำหาย... ไม่น่าใช่อีก โอย...หัวจะปวด” เธอร้องโวยวาย ใจกระวนกระวาย กลัวหน้าแตกหากเขาคิดว่าเธอจอมงก ในใจคิดแต่ว่าต้องหาเงินจำนวนนี้ให้เจอ ไม่อยากให้เขาดูถูก“นี่ นังกิ่ง ฉันขอบอกว่า แกควรไปเจอ... รู้ไหมเขาอยากนัดเดท” ดารณีเข้าใจความเป็นไป ชายหนุ่มน่าจะเริ่มสนใจนังเพื่อนรักคนนี้แล้ว“เฮ้อ... มันขัดๆ เขินๆ ยังไง ไม่รู้ว่ะ แก... ช่วยคิดหน่อยว่าฉันควรจะบอกขอโทษยังไง เกิดดันเจอเงินแล้ว” “ไม่ต้องเลย... แกตีเนียนไป แม้หาเจอ ฉันไม่ได้สอนให้โกหก แต่มันแค่ white lie เพื่อความสบายใจของแกเอง” ดารณีคิดแผนให้เสร็จสรรพ“โห... มันโกหกตัวใหญ่เลย” เธอทำเสียงจ๋อยๆ“อ้าววว ... ตกลงหาเจอแล้วหรือ” ดารณีขึ้นเสียง สับสนกับกิ่งฟ้า“ยังเลย... ว่าจะไม่หาแล้ว ไม่รู้ว่าไปลืมไว้ตรงไหน” เธอคิดเท่าไหร่ก็ยังนึกไม่ออกอยู่ดีดารณีกดวางสายไปสุดรำคาญ สำหรับกิ่งฟ้าเรื่อง
กิ่งฟ้าเข้าใจผิดคิดว่า เขาต้องเป็นฝ่ายโทรหาเธอ มานึกขึ้นได้เมื่อดารณีถามขึ้นตอนไปออกกำลังกายด้วยกันตอนเย็นวันต่อมา“เฮ้ย... แก ไม่เอากระเป๋าคืนเหรอ” คำถามของเพื่อนตัวเล็กตาหยี ทำให้เธอสะดุ้งทันที“เอ่อ... ลืมไปว่ะ ข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้”“อะไรของมันวะ นังนี่... ตั้งแต่กลับมาถึงเมื่อวาน เริ่มเพี้ยนจัด” ดารณีเพื่อนตัวเล็ก กำลังควงฮูลาฮูป “หมุนเอวไป จะได้ไซซ์ S เร็วๆ ห้ามพูดไม่ใช่เหรอ จะควงไม่มัน” กิ่งฟ้าหมั่นไส้ยัยเพื่อนตาหยีคนนี้ อยากสวยเอวบางเมื่อดารณีเริ่มพักเบรกหลังจาก 15 นาทีผ่านไป เธอเลยถามกิ่งฟ้าอีกครั้ง“นี่ตกลง จะให้เขาโทรมาตามหรือไง” “ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่า ... อีตานั่นยื่นนามบัตรอะไรนี่แหละ แต่ดันไปซุกลงตรงไหนไม่รู้” เธอนึกไม่ออกจริงๆ ว่ารับนามบัตรมาแล้วยัดไว้ตรงไหนของกระเป๋า“แล้วเคลมกระเป๋าที่สนามบินไว้ใช่ไหม” ดารณีเตือนเธอ“ใช่ ... ก็ไม่เห็นโทรมาตามเลย” ในที่สุดหลังจากดูเพื่อนออกกำลังกายฟิตหุ่น กิ่งฟ้าง่วนกับการค้นกระเป๋า ไม่รู้ว่านามบัตรของชายหนุ่มคนนั้นไปซุกไว้ตรงไหน“เอางี้... เทกระเป๋าออกมาให้หมด เดี๋ยวฉันช่วยเอง” ดารณีเริ่มเห็นความวุ่นวาย นึกตงิดๆ ว่าเพื่อนสาวแสนข
เสียงตะคอกใส่กันดังก้องกังวาน...ประมาณคนกำลังทะเลาะกันอยู่ตรงบริเวณจุด meeting point ของสนามบินสุวรรณภูมิ“นี่... มายื้อยุดฉุดกระเป๋าผมได้ยังไง นี่มันของผม...!!!” ชายหนุ่มสูงชะลูด 182 ซม.ยืนจังก้าหัวร้อน โมโหอย่างแรงจ้องหน้าบางใสกิ๊กของสาวน้อยส่วนสูง 170 ซม. หุ่นราวนางแบบ“เฮ้ย... มันของฉัน นายหยิบกระเป๋าผิด!!!” ผู้ชายอะไรวะ กระเป๋าสีเขียวหวานพาสเทลเหมือนเรา เธอนึกด่าความสะเหร่อ ไม่ได้ดูอะไรเลยมาคว้าเอาของคนอื่น แถมก้าวยาวราวนักวิ่ง 10*100 เมตร วิ่งไล่ตามเกือบไม่ทัน แมร่งเอ้ย...ขาเจ้ากรรมเสือกดันสะดุดพันกันอีก “ไม่ใช่ดูอีกที... ป้ายชื่อผม!!!” เขากระแทกเสียงดัง หยิบแผ่นแท็กป้ายชื่อกระเป๋าออกมาให้เธอเห็น มันช่างชัดเจนเต็มสองลูกตา“ไม่ใช่... นี่ไง” เสียงตะคอกแย้งกลับ เธอยื้อกระเป๋ามาแล้วพลิกแผ่นสติกเกอร์แท็กบาร์โค้ดคล้องหูกระเป๋ามาจากสนามบินต้นทางให้เขาดู เขาคิ้วขมวด ในใจนึก มันเรื่องบ้าบอ!!! อะไรกันว่ะ… “เอางี้... เปิดกระเป๋าเลยดีกว่า!!!” เขาทำหน้าไม่พอใจ อะไรของยัยคนนี้ ...ซุ่มซ่าม เมื่อกี้วิ่งตามมาตะโกนเรียก...เฮ้ย เฮ้ย ดังลั่นจนคนมองกันทั่ว แถมดันสะดุดขาตัวเองเกือบล้ม ดึงเสื้อเขา