“เจ้าเหมียวขี้เรื้อนนี่...น่าเวทนาเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นพาให้นิลมณีเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก แต่ในสายตาคมของชายหนุ่มกลับมองว่าแมวดำตัวน้อยนี้ทำหน้าน่าสงสารน่าเอ็นดูเสียจริง เขาค่อยๆนั่งลงด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวน้อยสีดำนั้นขึ้นมา
...ไอ้มนุษย์โสโครกนี่!! ปล่อยข้านะ!!... เสียงที่เอื้อนเอ่ยของเธอในตอนนี้กลายเป็นเพียงเสียงร้องเหมียวๆ สายตาดุดันน่าเกรงขามกลับกลายเป็นสายตาออดอ้อนซึ่งชายหนุ่มมองว่าแมวตัวน้อยนี้คงกำลังดีใจที่เขาจะเก็บมันกลับไปเลี้ยง
“รู้ว่าดีใจ ช่วยเลิกร้องได้ไหมเจ้าเหมียว คอนโดฉันห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่าแกน่าเวทนาหรอกนะ”
...ใครอยากให้มาเวทนากันยะ!!....เฮ้ย!!... ไม่ทันที่จะได้ร้องเหมียวเถียงชายหนุ่มต่อ เขาก็จัดการจับเธอยัดใส่ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาก่อนจะรีบวิ่งกลับคอนโดทันที
ชายหนุ่มรีบเข้าห้องของตัวเองก่อนจะนำกระเป๋าที่ใส่ลูกแมวตัวสีดำสนิทนั้นไปวางไปบนโซฟา ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วอุ้มเจ้าลูกแมวออกมาที่ตอนนี้มันคอพับไปแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ตกใจสุดขีด ก่อนจะพยายามใช้ปลายนิ้วคลำหาหัวใจของเจ้าแมวน้อย
....นี่แกจับตรงไหนกับฮะ?!!.... นิลมณีถึงกับสะดุ้งก่อนจะร้องเหมียวออกมา ชายหนุ่มเห็นว่ามันร้องเหมือนปกติก็ยิ้มออกมาอย่างโล่งใจ นิลมณีมองใบหน้าชายหนุ่มตรงหน้านิ่งไปครู่หนึ่ง พึ่งเห็นชัดๆก็ตอนนี้ว่าเขาหล่อเหลาไม่หยอก เธอเบือนหน้าหนีเล็กน้อยก่อนจะมองไปรอบๆห้องอย่างสงสัย ดูจากห้องแล้วคอนโดเขาอยู่คงไม่แพงเท่าไหร่นัก นั่นแสดงว่าเขาคงเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรดาๆแน่ๆ
“หิวไหมเจ้าแมวขี้เรื้อน ฉันซื้ออาหารเปียกมาให้แกด้วยนะ” ว่าแล้วเขาก็วางเจ้าแมวตัวน้อยลง ก่อนจะหันไปค้นกระเป๋าเป้ของตัวเองแล้วหยิบอาหารเปียกที่เขาพึ่งแวะซื้อมาจากมินิมาร์ทใต้คอนโด นิลมณีมองชายหนุ่มที่กำลังเทอาหารเปียกให้เธอด้วยใบหน้าที่ดูขยะแขยงอาหารเปียกนั้น ก่อนที่เขาจะยกจานอาหารเปียกมาให้เธอแต่ทว่าเธอกลับเบือนหน้าหนีแล้วพยายามเดินไปทางอื่นแต่ทว่า...
ตุ้บ! เหมี๊ยวววว!!
“เจ้าแมวโง่ เดินยังไงให้ตกโซฟาวะ” นิลมณีร้องเสียงหลง ร่างกายบอบช้ำอยู่แล้วแต่เพราะเชิดหน้าหลับตาเดินหนีอาหารที่เขาให้จนไม่ทันสังเกตว่าตัวเองอยู่ขอบโซฟา ก้าวพลาดร่วงลงกระทบพื้นเข้าอย่างจังโดยไม่ทันได้ตั้งท่า ไม่หนำซ้ำยังโดยมนุษย์ผู้ชายมองว่าโง่เสียอีก
....หายดีเมื่อไหร่ แม่จะตะปบให้แขนลายเลย... ได้แต่คิดอยู่ในใจพร้อมจ้องมองใบหน้าของชายหนุ่มที่อุ้มเธอขึ้นมาอย่างเอาเรื่อง แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนชายหนุ่มจะมองสายตาของเธอไม่ออก เพราะมันดูน่ารักไปเสียหมดเมื่ออยู่ในร่างนี้
“จะตั้งชื่อแกว่าอะไรดี แมวดำตาสีฟ้า...อืมมมม...” ชายหนุ่มอุ้มเจ้าเหมียวเข้าไปใกล้จ้องมองสำรวจเจ้าแมวเหมียวแล้วทำหน้าท่าทางครุ่นคิดอยู่พักใหญ่
...ข้าชื่อนิลมณี...
“อืมมมม....”
...เจ้ามนุษย์โง่ ข้าบอกว่าข้าชื่อนิลมณี!!...
“รู้แล้วๆ เลิกร้องได้แล้วเจ้าดำ”
...ดำบ้านแป๊ะแกดิไอ้มนุษย์หน้าอาหารเปียก!...
“แกร้องแบบนี้แสดงว่าไม่ชอบ...ตัวผู้หรือตัวเมียวะเนี่ย” ชายหนุ่มคิดชื่อไม่ออกจึงคิดว่าต้องรู้ก่อนว่าแมวตัวนี้ตัวผู้หรือตัวเมียถึงจะคิดชื่อได้ ว่าแล้วก็พลิกเจ้าเหมียวหงายท้องพยายามจ้องมองระหว่างขาเล็กๆของเจ้าแมว แต่เจ้าแมวเหมียวกลับเอาหางปิดเสียอย่างนั้น
...อะ...ไอ้บ้า! คนบ้าอะไรมาดูจิมิคนอื่น!... นิลมณีร้องท้วงขึ้นมาในใจ ทั้งโกรธทั้งเขินจนแทบอยากจะฉีกร่างชายตรงหน้าทิ้งไปเสีย ที่บังอาจมาหยามศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงอย่างเธอ ถึงเธอจะเป็นปีศาจแต่เธอก็ไม่เคยมีชายใดมาแตะต้อง
“เอาหางออกสิ ไม่อย่างนั้นจะรู้ได้ยังไง”
...ไม่เฟ้ย! อ๊าย! อย่านะ!! อ๊ะ!!.... ร้องเหมียวห้ามพลางดิ้นไปมาแต่ก็ไม่พ้นมือใหญ่ของชายหนุ่มตรงหน้า ปลายนิ้วเรียวเขี่ยหางของเธอออกก่อนจะตรวจดูว่าแมวตัวนี้เป็นตัวผู้หรือตัวเมีย
“ตัวเมีย...งั้นชื่อสีนิล” พูดด้วยใบหน้าเรียบนิ่งด้วยชื่อที่คิดขึ้นมาง่ายๆ ส่วนนิลมณีนั้นรู้สึกโกรธจนตัวสั่นแถมยังเขินจนแทบจะมุดหน้าหนี ราชาปีศาจอย่างเธอต้องมาเจอชายชาวมนุษย์ทำแบบนี้รู้ถึงไหนอายถึงนั่น
“สีนิลคือชื่อเธอ ส่วนฉันชื่อดีน ต่อไปฉันจะเป็นคนเลี้ยงเธอเอง” เมื่อรู้ว่าเจ้าแมวเหมียวเป็นตัวเมียก็เปลี่ยนสรรพนามเรียกเธอเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง สำหรับดีนนั้นคิดว่าอย่างน้อยก็มีเพื่อนไว้แก้เหงาและคอยอยู่ด้วย
ด้วยความที่ตัวเขาเองค่อนข้างเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดคุยกับใครในที่ทำงาน เวลาพูดออกไปคนส่วนใหญ่จะรับไม่ได้เพราะพูดขวานผ่าซากจึงไม่ค่อยมีใครอยากจะคุยกันเสียเท่าไหร่ ถึงเขาจะเป็นถึงหัวหน้าแต่ลูกน้องก็ไม่ได้เข้าหามากมายนอกเสียจากว่าเป็นผู้หญิง ที่ตั้งใจจะเข้าหาเขาเพราะต้องการอย่างอื่น
...ก็ไม่โง่เท่าไหร่นี่นา...สีนิล...ฮึ...ถึงจะดูเชยสะบัดก็เถอะ... เธอคิดอย่างหงุดหงิดใจ แต่ก็ยังดีที่ชื่อที่เขาตั้งนั้นมันคล้ายชื่อเธออยู่บ้าง เพราะอย่างไรเขาคงจะเรียกแค่นิลสั้นๆพยางค์เดียวแน่ และอีกอย่างที่สำคัญที่สุดคือตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองต้องรักษาตัวให้หายดีก่อน การที่ถูกรับมาเลี้ยงก็คงจะดีกว่าอยู่ข้างถนน
“เธอไม่กินอาหารเปียก แล้วเธอจะกินอะไรละเนี่ย...หรือเพราะป่วยงั้นเหรอ พรุ่งนี้ฉันค่อยพาเธอไปหาหมอล่ะกัน ยังไงคืนนี้เธอต้องไปนอนกับฉันในห้อง เผื่อตอนดึกเกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะได้ดูแลทัน”
ดีนพูดขึ้นพร้อมกับอุ้มร่างแมวของเธอไปยังห้องนอนของเขา ดีนหยุดตรงข้างเตียงก่อนจะยกแมวที่อุ้มขึ้นมามองด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง นิลมณีคาดเดาความคิดของเขาไม่ออกเลยแม้แต่น้อย เห็นเพียงแค่เขามองที่เตียงและตัวเธอสลับกันไปมา
“สงสัย...เธอต้องอาบน้ำก่อนถึงจะนอนเตียงเดียวกับฉันได้” ว่าแล้วก็คว้าผ้าขนหนูในตู้ออกมาสองผืนเอามาพาดบ่าทั้งที่มือหนึ่งอุ้มแมวสีดำตัวเดิมนั่นคือนิลมณีไว้ แล้วพาเข้าห้องน้ำไป นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ร้องเสียงแมวออกมาลั่นห้อง พยายามดีดดิ้นให้หลุดแต่ก็ไม่ทันแล้ว เพราะดีนปิดประตูล็อคกลอนห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว
...ใครเขาจับแมวอาบน้ำยะ! ไม่รู้หรือไงว่าแมวไม่ชอบน้ำตาบ้า!! ไม่เคยเลี้ยงแล้วอยากจะเลี้ยงทำไมเนี่ย!!...ลำบากแมวอย่างข้าจริงๆ!!...
นิลมณีพยายามเดินหนีพลางร้องเหมียวๆไปตลอดทางที่เดิน นั่นคือเสียงบ่นของเธอที่พอจะทำได้เท่านั้น เธอเดินเตาะแตะไปยังหน้าประตูพร้อมกับร้องเสียงแมวขึ้น แต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ได้สนใจเสียงร้องของเธอจนเธอต้องหันหลังกลับไปทางเขา
เหมี๊ยววววว!!!
ร้องเสียงหลงเมื่อชายหนุ่มรูปงามกำลังถอดเสื้อผ้าของตัวเองแทบจะทุกชิ้น และตอนนี้กำลังจะถอดบ็อกเซอร์แบรนด์หรูออก แต่เพราะเสียงของเธอที่ร้องดังขึ้นทำให้เขาชะงักแล้วมองไปยังเจ้าเหมียวนั้นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เป็นอะไรของเธอ อาบน้ำแป๊บเดียวเดี๋ยวก็ได้ออกไปแล้วมาอาบน้ำก่อน” พูดแล้วก็ถอดกางเกงบ็อกเซอร์ออกจนไม่หลงเหลือเสื้อผ้าอาภรณ์อยู่บนเรือนร่างกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นเลย นิลมณีหันกลับไปยังหน้าประตูแทบไม่ทันและไม่ยอมหันไปทางเขาซ้ำยังไม่ร้องออกมาสักแอะ นั่งแช่แน่นิ่งอยู่หน้าประตูตัวแข็งไม่กล้าขยับ ในหัวนี่คิดคำกร่นด่าชายหนุ่มไม่ทันแล้วไม่รู้ว่าจะด่ายังไงดี
“มานี่” ไม่พูดเปล่า เขาเดินโทงเทงไปอุ้มเจ้าเหมียวตัวน้อยนั้นขึ้นแม้ว่ามันจะร้องเสียงดังแค่ไหนเขาก็ไม่สนใจ ก่อนจะพามันไปยังฝักบัวเปิดน้ำแล้วเอามือที่เปียกชุ่มน้ำมาลูบมันอย่างเบามือ นิลมณีทั้งร้องทั้งดิ้นอยู่ในมือหนาของเขาราวกับกำลังโดนลวนลามอย่างไรอย่างนั้น เมื่อมือของเขาลูบประปรายไปทั่วร่างแมวของเธอก็ยิ่งทำให้เธอดิ้น
“อย่าดิ้น เดี๋ยวน้ำเข้าตา” ยังคงเอ่ยขึ้นเสียงเรียบใบหน้านิ่งเฉยและจัดการอาบน้ำให้แมวเหมียวตัวน้อยนั้น นิลมณีจะดิ้นมากก็ไม่ได้กลัวว่าสายตาจะไปปะทะสิ่งที่ไม่ควรมอง เท้าเล็กๆจึงทำได้เพียงกวัดแกว่งไปมากลางอากาศเพราะตัวถูกเขาอุ้มอาบน้ำอยู่ เธอทำได้แค่ตัวสั่นงันงกอยู่ในมือของเขานิ่งๆ
...พอแล้ว ฮึ่ย...บอกให้พอไงเจ้ามนุษย์!... ร้องเหมียวๆอยู่ในมือทั้งที่ตัวสั่นเทิ่ม อุณหภูมิของน้ำทำให้ร่างกายเล็กนี้หนาวสั่นจนคุมร่างกายไม่ได้ นิลมณีได้แต่หลับตานิ่งก่อนจะรู้สึกถึงความอุ่นจากผ้าขนหนูที่เขาคว้ามาพันรอบกายของเธอเอาไว้
“รอตรงนี้ก่อนนะ ขออาบน้ำก่อน” ดีนพูดพร้อมกับวางเธอไว้ตรงเคาน์เตอร์หน้ากระจกในห้องน้ำ แล้วหันไปอาบน้ำอาบท่าอย่างอารมณ์ดี นิลมณีในร่างแมวเหมียวนั่งขดหันหลังให้เขาอย่างหัวเสีย แต่ก็อดไม่ได้ที่แอบเหลียวหลังไปมองชายหนุ่มที่กำลังอาบน้ำอยู่ สายตาไล่มองเรือนร่างที่น่าหลงใหลของเขาก่อนจะรีบหยุดสายตาตัวเองไว้เมื่อมันเลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆแล้วหันกลับไปนอนขดตัวดังเดิม
เจ้าแมวสีดำสนิทที่มีความคิดความอ่านนี้ แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแมวธรรมดาอย่างที่ชายหนุ่มคิด แมวน้อยเพศเมียจอมหยิ่งตัวนี้มาพร้อมกับความมืด ตามตำนานเคยบ่งบอกความเชื่อเรื่องแมวดำไว้หลายตำนานและเป็นตำนานที่ไม่ค่อยดีเสียเท่าไหร่ ผู้คนมักจะกลัวแมวดำกันเสียส่วนใหญ่ แต่เนื่องจากว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ความเชื่อนี้จางหายไป
ตั้งแต่นิลมณีมายังโลกมนุษย์เพียงแค่วันแรก ชายหนุ่มที่ชื่อว่าดีนก็ทำให้เธอรู้สึกอับอายขายขี้หน้าจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี จะให้ใครรู้ไม่ได้ว่าราชาปีศาจอย่างเธอต้องมาเจออะไรแบบนี้ในโลกมนุษย์ ไม่อย่างนั้นคงไม่เป็นที่น่านับถืออีกต่อไป ความน่าเกรงขามในตัวเธอก็จะกลายเป็นเรื่องตลกสำหรับภูตผีระดับล่างแน่ๆ
ในโลกนี้มีความเชื่ออยู่หลายความเชื่อ ไสยศาสตร์ ต่างๆมากมายและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าโลกอีกโลกหนึ่งที่ผู้คนเรียกว่าขุมนรก สรวงสรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่ภูตผีปีศาจมีอยู่จริงหรือไม่ ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ความเชื่อเรื่องเล่านี้ก็ยิ่งลดน้อยลง บนโลกนี้มีอีกมิติหนึ่งที่ทับซ้อนและอาศัยอยู่กับมนุษย์ วิญญาณ ปีศาจ บางกลุ่มที่ยังไม่ถูกพิพากษาจากผู้คุมวิญญาณหรือกำลังหลบหนีอยู่ต่างใช้ชีวิตล่องลอยแทรกแซงอยู่กับมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก ปีศาจที่ผู้คนมักมองไม่เห็นและหลบซ่อนในป่าลึกกลางหุบเขาต่างๆ แบ่งกันเป็นเหล่าเป็นกอของแต่ละพื้นที่ และแน่นอนว่าเมื่อมีเหล่าปีศาจมากมายเป็นสังคมก็ต้องมีผู้ที่อยู่เหนือปีศาจเหล่านั้น ราชาปีศาจของสยามประเทศในยุคนี้นั้นเป็นปีศาจสาวที่ฝึกฝนมาหลายพันปี ผ่านความยากลำบากมาเหลือคณานับเป็นพันปีตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความที่เธอไม่ได้เกิดเป็นปีศาจที่น่าเกรงขามอย่างเสือสาง เธอเป็นแค่แมวดำต่ำต้อยแต่ก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นราชาแห่งภูตผีปีศาจได้ในปัจจุบัน “ปีศาจจิ้งจอกแห่งเอเชียตอนเหนือเริ่มฝ่าเข้าเขตแ
นิลมณีในร่างแมวสีดำขนเงางามที่ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเก็บมาเลี้ยงหลังจากที่เขาไปเจอเธอที่ข้างถนน ดีนก็พาเจ้าแมวตัวน้อยตาใสแจ๋วนั้นไปที่คลินิกหลังจากที่ดูอ่อนแอมาหลายวัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้โดนทำร้ายร่างกายมาอย่างหนักยิ่งทำให้ความรู้สึกสงสารเพิ่มขึ้นมาในใจของเขาและคอยดูแลเจ้าแมวน้อยอย่างดี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นผลกระทบจากการต่อสู้ในโลกปีศาจมิติคู่ขนานของเธอก็เท่านั้น แม้เขาจะมีใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ก็คอยสังเกตเจ้าแมวน้อยตลอด พร้อมทั้งศึกษาวิธีการเลี้ยงแมวตัวนี้เป็นอย่างดี แต่ที่น่าแปลกก็คือเจ้าแมวตัวสีดำนั้นกลับไม่ค่อยเข้าไปอ้อนหรือคลอเคลียเขาเหมือนแมวตัวอื่นๆเสียเท่าไหร่ มันจะนอนอยู่นิ่งๆบนโซฟาเสมอ เวลาที่เขาเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟามันก็ลุกขึ้นแล้วเดินเชิดหน้าไปนอนตรงที่อื่นแทน ด้วยความที่ดีนยังต้องทำงานจึงได้ปล่อยให้เจ้าแมวน้อยอยู่เงียบๆตัวเดียวในห้อง ซึ่งมันเป็นเวลาดีที่นิลมณีจะทำการรักษาด้วยพลังที่มีอยู่ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วเธอก็เริ่มที่จะฟื้นฟูพลังได้บ้างแล้วแต่ไม่ทั้งหมด หากจะให้มันง่ายหน่อยก็คงต้องหาจอมปีศาจอาว
เพราะกลิ่นไอปีศาจที่ติดตัวเขามาเมื่อวานทำให้เธอต้องวางแผนที่จะเข้าไปที่ทำงานของทาสผู้เลี้ยงดูเธอในร่างแมวเหมียว เช้านี้เป็นอีกวันของการทำงานเพราะอย่างนั้นดีนจึงออกไปทำงานตามปกติ เมื่อเขาออกไปจากห้องเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นางปีศาจแมวในร่างแมวเหมียวก็แปลงกายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง แอบดมกลิ่นลอบตามเขาไปจนถึงบริษัทใหญ่ หญิงสาวเงยหน้ามองตึกสูงราวสามสิบชั้นนั้นอย่างเชิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของบริษัทนั้นด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม โลกมนุษย์นี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมาท่องเที่ยวและเรียนรู้มัน เธอในชุดเสื้อเชิ้ตรัดรูปพอดิบพอดีไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปคู่กับกระโปรงทรงเอสีดำ ด้วยรูปร่างของเธอไร้ที่ติและยั่วยวนนั้นไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว “ขอโทษค่ะ...พอดีว่าจะมาสมัครงาน”
หลังจากทานอาหารมื้อนั้นเรียบร้อยนิลมณีก็แยกกลับบ้าน แม้ว่าเขาจะขอไปส่งแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย จะให้ไปส่งได้อย่างไรในเมื่อบ้านที่เธอต้องกลับคือห้องของเขา เธอจึงเดินเชิดๆสะบัดผมสีดำสนิทออกมาโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีก ปล่อยให้ดีนมองตามตาละห้อยอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนเจ้าชู้เพล์บอย แต่เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ปากจัดจ้านอยู่ดี นิลมณีเดินเข้าตรอกซอยมืดๆหลังจากที่เดินมาได้สักพัก เธอมองหน้ามองหลังก่อนจะค่อยๆกลายเป็นเจ้าแมวน้อยสีดำเหมือนเช่นเดิม ก่อนจะกระโดดปีนกำแพงและเดินนวยนาดต่อไปเรื่อยๆเพื่อกลับไปยังคอนโดของเขา ระยะทางที่เดินไปคอนโดนั้นการแปลงเป็นแมวจะปลอดภัยกว่าเป็นหญิงสาว ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเย้ายวนใจพร้อมด้วยพลังของปีศาจที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงนั้นมันไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่นัก นิลมณีกลับมายังห้องคอนโดอย่างปลอดภัย พอถึงคอนโดเธอก็กลับกลายร่างเป็นหญิงสาวเดินเข้าคอนโดมาสวยๆ ประตูที่รักษาความปลอดภัยนั้นใช้ไม่ได้กับปีศาจแบบเธอ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลับเข้าห้องมาได้สบายๆ เธอเดินไปเดินมาในห้องของเขาในร่างเจ้าแมวเหมียว เพราะร่างเจ้าแม
นิลมณีตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพอุจาดตาสำหรับแมวที่เธอไม่อยากจะเห็น เจ้าตัวตนแท่งยักษ์เด่นผงาดตั้งชันขึ้นจนเป็นลำปูดนูนผ่านกางเกงนอนของเขาเด่นตระง่านต่อหน้าต่อตาแม้ว่าเจ้าของมันจะหลับอยู่ เธอร้องเสียงหลงในเสียงของแมวจนขนลุกชันไปทั่วสันหลัง โก่งสี่เท้าขึ้นราวกับขู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ ...เจ้ามนุษย์บ้ากามนี่!!... เสียงขู่บ่งบอกสิ่งที่เธออยากจะพูดด่าคนที่งัวเงียตื่นขึ้นด้วยเสียงแมวๆ ดีนขยี้ตาเล็กน้อยผะโงกหน้าขึ้นมองเจ้าแมวเหมียวของเขาเล็กน้อย สะโพกของเขาขยับไปมาตามสัญชาตญานที่ตื่นขึ้นตามนิสัยของผู้ชายแม้จะยังไม่ได้สติดีเท่าไหร่ก็ตาม “หืม? เป็นอะไรไปเจ้าสีนิล” ดีนเอ่ยเสียงงัวเงียในลำคอแต่ดูเหมือนเจ้าแมวของเขาจะยังขู่ไม่หยุดราวกับกำลังบ่นอะไรบางอย่าง เขาจึงคว้าร่างของมันเข้ามากอดอีกครั้งแล้วหลับตาลง
...หมอ...หม๊ออออออ... เงี๊ยววววว!!! “เจ็บแป๊บเดียวน่าเจ้าเหมียว” สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เจ้าแมวสีดำตรงหน้าร้องขู่เขาและดีดดิ้นไม่หยุดหลังที่เห็นเข็มฉีดยาในมือของเขา ผู้ช่วยก็จับล็อกเจ้าเหมียวแมวไว้แน่นจนเท้าหน้าเล็กๆของมันไม่สามารถขยับได้ เท้าหลังได้แต่เพียงกุยกายอยู่บนเขียงหรือเคาน์เตอร์สแตนเลสสำหรับการรักษา ...เจ็บนะ!!!... เข็มแหลมๆทิ่มแทงเข้าไปยังเนื้อหนังแก้มก้นเจ้าแมวสีนิล ขนสีดำของมันลุกชันขึ้นพลางร้องเสียงแมวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ในใจแอบนึกแค้นเคืองเจ้ามนุษย์ที่พาเธอมาฉีดยาแบบนี้ “เรียบร้อยแล้ว เด็กดีมากเจ้าเหมียว” สัตวแพทย์หนุ่มพูดพลางเอามือลูบหัวมันเบาๆ ก่อนที่ผู้ช่วยจะรีบพามันเข้ากระเป๋าเป้พกพาแมวเพราะกลัวว่ามันจะหันมาข่วนอีกครั้ง แล้วรีบนำมันออกไปคืนเจ้าของ “เรียบร้อยแล้วนะคะ” ผู้ช่วยสาวเดินเอากระเป๋าเป้พกพาแมวไปให้ดีนเองกับมือพลางยิ้มหวานส่งให้ ดีนที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นรับกระเป๋าเป้นั้นด้วยรอยยิ้มบางๆตามมารยาท “ขอบคุณครับ ชำระเง
สีนิล หรือ นิลมณีในร่างแมวร้องเหมียวๆมองเจ้าของของมันและหญิงสาวที่เธอคุ้นหน้าจากโรงพยาบาลสัตว์เมื่อตอนกลางวัน ด้วยความที่มีแมวมองจ้องการกระทำของพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นพร้อมปัดหางไปมาทั้งที่คอตั้ง หูตั้ง ตาตั้ง ตัวอยู่นั่นที่เดิมราวกับรูปปั้นสฟริงค์ เป็นเหตุให้คนทั้งสองต้องหยุดชะงักการกระทำลงแล้วหันไปมองเจ้าแมวสีดำนั้น ความรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีแมวมอง แมวที่เป็นแมวจริงๆ ดีนยกยิ้มขึ้นก่อนจะหยัดตัวขึ้นนั่งแอบกลั้นขำเอาไว้ แม้แต่หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า นา ยังรู้สึกเขินจนได้แต่ยิ้มเจื่อน “แมวคุณนี่...บางที่ก็น่าขนลุกเหมือนกันนะคะ ให้ความรู้สึกแปลกๆ” หญิงสาวเอ่ย “คุณหนูนาคิดอย่างนั้นหรือครับ? แล้วมันให้ความรู้สึกแปลกๆยังไงล่ะครับ?” “เหมือนคนเลยค่ะ นาว่ามันค่อนข้างที่จะนิสัยเหมือนคนแบบเราๆเลยค่ะ” เขาเงียบก่อนจะหันไปขมวดคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้ม สีหน้าดูครุ่นคิดกับสิ่งที่หญิงสาวพูด จะว่าไปเจ้าสีนิลก็เหมือนคนจริงๆจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในการเลี้ยงมันล้วนไม่ใช่วิสัยแมว แต่คงคิดมากไป
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา