อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น
“ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ
ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท
“ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ”
“แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้รู้ว่าหมาชอบกินอะไร” อัคคีเอ่ยแซวเพื่อนของเขา เพราะรู้ว่าดีนเป็นคนแบบไหน ดีนได้แต่ทำหน้าเรียบนิ่งแล้วพยักหน้าให้เพื่อนอย่างรู้กันว่าเขาพูดล้อเล่นเท่านั้น
“ดูเหมือนจะจริงอย่างที่คุณอัคคีว่านะคะ คงจะเลี้ยงสุนัขไว้เยอะเลยถึงได้แยกแยะรสชาตืได้ดี ไม่อย่างนั้นบริษัทคงไม่ใหญ่โตขนาดนี้หรอกจริงไหมคะ” นิลมณีได้ทีก็ยิ้มแล้วหันไปทางดีน พูดจิกกัดเขาทันทีและดีนเองก็หันไปมองหน้าแล้วยกยิ้ม
“ผม...เลี้ยงแมวน่ะครับไม่ได้เลี้ยงหมา..” เขาตอบด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้และไม่รับคำพูดที่เธอว่าเขา
“น่าสงสารแมวตัวนั้นนะคะ” เธอกล่าวต่อ
“งั้นเหรอครับ?” ดีนตอบพลางเลิกคิ้วขึ้น อัคคีที่เห็นท่าไม่ดีระหว่างความสัมพันธ์ของทั้งสอง คงเป็นเลขากับเจ้านายที่เหมือนคู่กัดกันถึงได้ต่อล้อต่อเถียงกันไม่หยุด แต่ก็ไม่แปลกเพราะนิลมณีไม่เกรงกลัวมนุษย์อยู่แล้ว...เหมือนๆกันเขา
“เอ่อ...เดี๋ยวผมว่าเราสั่งอาหารกันเลยดีกว่าไหมครับ” อัคคีพูดห้ามทัพทันที
“ได้สิ แต่ว่ากูขอเข้าห้องน้ำก่อน” ดีนพูดพร้อมลุกขึ้นเดินจากไป ทิ้งให้ทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน อัคคีมองตามหลังเพื่อนจนเห็นว่าเขาลับสายตาไปแล้วจึงหันไปทางนิลมณีที่กำลังจ้องมองเมนูอาหารอยู่อย่างเงียบๆ
“คุณมาทำอะไรที่โลกมนุษย์?”
“ผีเฝ้าทรัพย์อย่างคุณมีสิทธิ์มาถามราชาปีศาจอย่างฉันงั้นเหรอคะ?”
“แต่บนโลกมนุษย์เป็นที่ที่ผีบางตนควรอยู่และผมก็เป็นหนึ่งในนั้น”
“แล้วทำไมต้องมาใช้ชีวิตปะปนกับมนุษย์ล่ะ”
“เอาเป็นว่าผมมีเหตุผล...”
“ฉันก็มีเหตุผลเหมือนกัน” นิลมณีตอบเงยหน้าขึ้นมองอัคคีด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างไม่สะทกสะท้าน อัคคีหัวเราะในลำคอพลางพยักหน้าอย่างยอมแพ้ เธอย้อนเขาได้ทุกคำและไม่มีสิ่งไหนที่เธอพูดแล้วมันพูด ทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง
“ปีศาจไม่ควรคลุกคลีกับมนุษย์มากนะครับ ยิ่งเป็นจอมราชายิ่งไม่ควร...ไม่อย่างนั้นมนุษย์คนนั้นอาจจะมีอันตรายถึงชีวิตคุณรู้ใช่ไหมครับคุณนิลมณี...นางราชาปีศาจแมวดำ...ไม่ว่าคุณจะรักมนุษย์ผู้นั้นมากแค่ไหนก็ตาม”
“เดี๋ยวๆ เดี๋ยวนะ...ท่าทางฉันเหมือนรักเจ้านั่นเหรอ?” อัคคีไม่ได้ตอบอะไรเพียงแค่ยิ้มให้เท่านั้น ก่อนที่ทั้งสองจะได้คุยอะไรกันต่อดีนก็เดินเข้ามาหยุดบทสนทนาของพวกเขา
“คุยไรกัน?”
“ฉันจะกินเนื้อโคขุน เสือร้องไห้ แล้วก็...”
“จะเอาทุกเนื้อเลยไหม?” ดีนพูดขึ้นขัดเธอที่กำลังร่ายยาวรายการอาหารที่มีแต่เนื้อลงทันที นิลมณีทำหน้าเซ็งกรอกตามองบนก่อนจะดึงสายตากลับไปมองดีนที่ช่างขัดใจเธอจริงๆ ทั้งที่เขารู้อยู่แล้วเพราะเธอกับเขาพึ่งทานอาหารด้วยกันเมื่อตอนกลางวันว่าเธอไม่ทานผัก
“เอาล่ะๆ เดี๋ยวผมจะสั่งมาให้ทุกเนื้อนั่นแหละครับ” อัคคีเอ่ย
“เอาไวน์มาด้วย...วันนี้อยากดื่ม” ดีนเอ่ย
“ไม่ต้องรีบกลับบ้านไปดูแลแมวหรือคะ? เลี้ยงแมวไว้ไม่ใช่เหรอ?” นิลมณีเอ่ยขัดเขาขึ้นมาทันที ดีนนั่งลงแล้วหันไปมองเธอด้วยใบหน้าเรียบนิ่งดังเดิม ก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าคุณชอบแมว..อย่างนั้นคุณไปดูแมวที่ห้องผมไหม?” อยู่ๆก็พูดออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย นิลมณีช็อกค้างไปชั่วขณะที่เขาพูดแบบนั้น แต่ใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉยราวกับว่าพูดไม่งั้นแต่สายตาคมของเขากลับดูจริงจังบ่งบอกว่าเขาไม่ได้พูดเล่นแต่อย่างใด...
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เจ้าเหมียวขี้เรื้อนนี่...น่าเวทนาเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นพาให้นิลมณีเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก แต่ในสายตาคมของชายหนุ่มกลับมองว่าแมวดำตัวน้อยนี้ทำหน้าน่าสงสารน่าเอ็นดูเสียจริง เขาค่อยๆนั่งลงด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวน้อยสีดำนั้นขึ้นมา ...ไอ้มนุษย์โสโครกนี่!! ปล่อยข้านะ!!... เสียงที่เอื้อนเอ่ยของเธอในตอนนี้กลายเป็นเพียงเสียงร้องเหมียวๆ สายตาดุดันน่าเกรงขามกลับกลายเป็นสายตาออดอ้อนซึ่งชายหนุ่มมองว่าแมวตัวน้อยนี้คงกำลังดีใจที่เขาจะเก็บมันกลับไปเลี้ยง “รู้ว่าดีใจ ช่วยเลิกร้องได้ไหมเจ้าเหมียว คอนโดฉันห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่าแกน่าเวทนาหรอกนะ” ...ใครอยากให้มาเวทนากันยะ!!....เฮ้ย!!... ไม่ทันที่จะได้ร้องเหมียวเถียงชายหนุ่มต่อ เขาก็จัดการจับเธอยัดใส่ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาก่อนจะรีบวิ่งกลับคอนโดทันที ชายหนุ่มรีบเข้าห้องของตัวเองก่อนจะนำกระเป๋าที่ใส่ลูกแมวตัวสีดำสนิทนั้นไปวางไปบนโซฟา ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วอุ้มเจ้าลูกแมวออกมาที่ตอนนี้มันคอพับไปแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ตกใจสุดขี
ในโลกนี้มีความเชื่ออยู่หลายความเชื่อ ไสยศาสตร์ ต่างๆมากมายและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าโลกอีกโลกหนึ่งที่ผู้คนเรียกว่าขุมนรก สรวงสรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่ภูตผีปีศาจมีอยู่จริงหรือไม่ ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ความเชื่อเรื่องเล่านี้ก็ยิ่งลดน้อยลง บนโลกนี้มีอีกมิติหนึ่งที่ทับซ้อนและอาศัยอยู่กับมนุษย์ วิญญาณ ปีศาจ บางกลุ่มที่ยังไม่ถูกพิพากษาจากผู้คุมวิญญาณหรือกำลังหลบหนีอยู่ต่างใช้ชีวิตล่องลอยแทรกแซงอยู่กับมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก ปีศาจที่ผู้คนมักมองไม่เห็นและหลบซ่อนในป่าลึกกลางหุบเขาต่างๆ แบ่งกันเป็นเหล่าเป็นกอของแต่ละพื้นที่ และแน่นอนว่าเมื่อมีเหล่าปีศาจมากมายเป็นสังคมก็ต้องมีผู้ที่อยู่เหนือปีศาจเหล่านั้น ราชาปีศาจของสยามประเทศในยุคนี้นั้นเป็นปีศาจสาวที่ฝึกฝนมาหลายพันปี ผ่านความยากลำบากมาเหลือคณานับเป็นพันปีตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความที่เธอไม่ได้เกิดเป็นปีศาจที่น่าเกรงขามอย่างเสือสาง เธอเป็นแค่แมวดำต่ำต้อยแต่ก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นราชาแห่งภูตผีปีศาจได้ในปัจจุบัน “ปีศาจจิ้งจอกแห่งเอเชียตอนเหนือเริ่มฝ่าเข้าเขตแ
นิลมณีในร่างแมวสีดำขนเงางามที่ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเก็บมาเลี้ยงหลังจากที่เขาไปเจอเธอที่ข้างถนน ดีนก็พาเจ้าแมวตัวน้อยตาใสแจ๋วนั้นไปที่คลินิกหลังจากที่ดูอ่อนแอมาหลายวัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้โดนทำร้ายร่างกายมาอย่างหนักยิ่งทำให้ความรู้สึกสงสารเพิ่มขึ้นมาในใจของเขาและคอยดูแลเจ้าแมวน้อยอย่างดี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นผลกระทบจากการต่อสู้ในโลกปีศาจมิติคู่ขนานของเธอก็เท่านั้น แม้เขาจะมีใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ก็คอยสังเกตเจ้าแมวน้อยตลอด พร้อมทั้งศึกษาวิธีการเลี้ยงแมวตัวนี้เป็นอย่างดี แต่ที่น่าแปลกก็คือเจ้าแมวตัวสีดำนั้นกลับไม่ค่อยเข้าไปอ้อนหรือคลอเคลียเขาเหมือนแมวตัวอื่นๆเสียเท่าไหร่ มันจะนอนอยู่นิ่งๆบนโซฟาเสมอ เวลาที่เขาเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟามันก็ลุกขึ้นแล้วเดินเชิดหน้าไปนอนตรงที่อื่นแทน ด้วยความที่ดีนยังต้องทำงานจึงได้ปล่อยให้เจ้าแมวน้อยอยู่เงียบๆตัวเดียวในห้อง ซึ่งมันเป็นเวลาดีที่นิลมณีจะทำการรักษาด้วยพลังที่มีอยู่ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วเธอก็เริ่มที่จะฟื้นฟูพลังได้บ้างแล้วแต่ไม่ทั้งหมด หากจะให้มันง่ายหน่อยก็คงต้องหาจอมปีศาจอาว
เพราะกลิ่นไอปีศาจที่ติดตัวเขามาเมื่อวานทำให้เธอต้องวางแผนที่จะเข้าไปที่ทำงานของทาสผู้เลี้ยงดูเธอในร่างแมวเหมียว เช้านี้เป็นอีกวันของการทำงานเพราะอย่างนั้นดีนจึงออกไปทำงานตามปกติ เมื่อเขาออกไปจากห้องเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นางปีศาจแมวในร่างแมวเหมียวก็แปลงกายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง แอบดมกลิ่นลอบตามเขาไปจนถึงบริษัทใหญ่ หญิงสาวเงยหน้ามองตึกสูงราวสามสิบชั้นนั้นอย่างเชิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของบริษัทนั้นด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม โลกมนุษย์นี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมาท่องเที่ยวและเรียนรู้มัน เธอในชุดเสื้อเชิ้ตรัดรูปพอดิบพอดีไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปคู่กับกระโปรงทรงเอสีดำ ด้วยรูปร่างของเธอไร้ที่ติและยั่วยวนนั้นไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว “ขอโทษค่ะ...พอดีว่าจะมาสมัครงาน”
หลังจากทานอาหารมื้อนั้นเรียบร้อยนิลมณีก็แยกกลับบ้าน แม้ว่าเขาจะขอไปส่งแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย จะให้ไปส่งได้อย่างไรในเมื่อบ้านที่เธอต้องกลับคือห้องของเขา เธอจึงเดินเชิดๆสะบัดผมสีดำสนิทออกมาโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีก ปล่อยให้ดีนมองตามตาละห้อยอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนเจ้าชู้เพล์บอย แต่เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ปากจัดจ้านอยู่ดี นิลมณีเดินเข้าตรอกซอยมืดๆหลังจากที่เดินมาได้สักพัก เธอมองหน้ามองหลังก่อนจะค่อยๆกลายเป็นเจ้าแมวน้อยสีดำเหมือนเช่นเดิม ก่อนจะกระโดดปีนกำแพงและเดินนวยนาดต่อไปเรื่อยๆเพื่อกลับไปยังคอนโดของเขา ระยะทางที่เดินไปคอนโดนั้นการแปลงเป็นแมวจะปลอดภัยกว่าเป็นหญิงสาว ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเย้ายวนใจพร้อมด้วยพลังของปีศาจที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงนั้นมันไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่นัก นิลมณีกลับมายังห้องคอนโดอย่างปลอดภัย พอถึงคอนโดเธอก็กลับกลายร่างเป็นหญิงสาวเดินเข้าคอนโดมาสวยๆ ประตูที่รักษาความปลอดภัยนั้นใช้ไม่ได้กับปีศาจแบบเธอ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลับเข้าห้องมาได้สบายๆ เธอเดินไปเดินมาในห้องของเขาในร่างเจ้าแมวเหมียว เพราะร่างเจ้าแม
นิลมณีตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพอุจาดตาสำหรับแมวที่เธอไม่อยากจะเห็น เจ้าตัวตนแท่งยักษ์เด่นผงาดตั้งชันขึ้นจนเป็นลำปูดนูนผ่านกางเกงนอนของเขาเด่นตระง่านต่อหน้าต่อตาแม้ว่าเจ้าของมันจะหลับอยู่ เธอร้องเสียงหลงในเสียงของแมวจนขนลุกชันไปทั่วสันหลัง โก่งสี่เท้าขึ้นราวกับขู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ ...เจ้ามนุษย์บ้ากามนี่!!... เสียงขู่บ่งบอกสิ่งที่เธออยากจะพูดด่าคนที่งัวเงียตื่นขึ้นด้วยเสียงแมวๆ ดีนขยี้ตาเล็กน้อยผะโงกหน้าขึ้นมองเจ้าแมวเหมียวของเขาเล็กน้อย สะโพกของเขาขยับไปมาตามสัญชาตญานที่ตื่นขึ้นตามนิสัยของผู้ชายแม้จะยังไม่ได้สติดีเท่าไหร่ก็ตาม “หืม? เป็นอะไรไปเจ้าสีนิล” ดีนเอ่ยเสียงงัวเงียในลำคอแต่ดูเหมือนเจ้าแมวของเขาจะยังขู่ไม่หยุดราวกับกำลังบ่นอะไรบางอย่าง เขาจึงคว้าร่างของมันเข้ามากอดอีกครั้งแล้วหลับตาลง
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา