นิลมณีตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพอุจาดตาสำหรับแมวที่เธอไม่อยากจะเห็น เจ้าตัวตนแท่งยักษ์เด่นผงาดตั้งชันขึ้นจนเป็นลำปูดนูนผ่านกางเกงนอนของเขาเด่นตระง่านต่อหน้าต่อตาแม้ว่าเจ้าของมันจะหลับอยู่ เธอร้องเสียงหลงในเสียงของแมวจนขนลุกชันไปทั่วสันหลัง โก่งสี่เท้าขึ้นราวกับขู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ
...เจ้ามนุษย์บ้ากามนี่!!... เสียงขู่บ่งบอกสิ่งที่เธออยากจะพูดด่าคนที่งัวเงียตื่นขึ้นด้วยเสียงแมวๆ ดีนขยี้ตาเล็กน้อยผะโงกหน้าขึ้นมองเจ้าแมวเหมียวของเขาเล็กน้อย สะโพกของเขาขยับไปมาตามสัญชาตญานที่ตื่นขึ้นตามนิสัยของผู้ชายแม้จะยังไม่ได้สติดีเท่าไหร่ก็ตาม
“หืม? เป็นอะไรไปเจ้าสีนิล” ดีนเอ่ยเสียงงัวเงียในลำคอแต่ดูเหมือนเจ้าแมวของเขาจะยังขู่ไม่หยุดราวกับกำลังบ่นอะไรบางอย่าง เขาจึงคว้าร่างของมันเข้ามากอดอีกครั้งแล้วหลับตาลง
เงี๊ยววว!!! เงี๊ยววว!!
...เจ้าบ้านี่!! ขนาดไม่ได้สติยังหื่นได้ ปล่อยนะยะ!!..
“อืม...สีนิลอย่าข่วนสิ วันนี้วันหยุดขอต่ออีกหน่อย” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อเจ้าแมวเหมียวที่เขากอดกางกรงเล็บข่วนแขนเขารัวๆ ซ้ำยังเอาขาหน้าของมันอีกข้างยันหน้าเขาอีก ดียหลุบสายตามองมันพลางขมวดคิ้วเจ้าสีนิลของเขาตอนนี้เหมือนกลัวอะไรบางอย่างถึงได้มีกิริยาแบบนี้
“เลี้ยงไม่ถึงเดือนฉายแววแมวเปรตซะแล้ว” ดีนเอ่ย
เงี๊ยววว!!
...แกสิผู้ชายเปรต!!... นิลมณีร้องเถียงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าใจภาษาแมวก็ตามก่อนจะดีดตัวกระโดดขึ้นที่บนตัวเขาพร้อมกับฝากรอยเล็บทั้งสี่บนกล้ามแขนแล้วกระโดดออกไปจากเตียงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ยยยย!!! สีนิล!!” ดีนตกใจลุกพรวดขึ้นด้วยความเจ็บแสบก่อนจะก้มมองกล้ามแขนของตัวเองแล้วเหลือบมองไปยังเจ้าแมวตัวดีที่ตอนนี้นั่งหันหลังเลียเท้าหน้าที่พึ่งข่วนเขาอย่างสบายใจ
“เป็นรอยเล็บเลยเนี่ย! เลือดออกด้วย! มานี่เลยนะ!!” ดีนทำท่าจะเข้าไปคว้าตัวเจ้าแมวตัวดีแต่ทว่ามันกับเดินเชิดหน้าสะบัดหางไปมาหลบเขาอย่างง่ายดายไม่สนใจในสิ่งที่เขาพูดเลยสักนิด ดีนย่องไปด้านหลังมันพยายามจะจับแต่มันก็หนีไปได้ทุกครั้งที่เขาจะจับตัวมัน ไม่หนำซ้ำเจ้าสีนิลของเขายังหันหน้าไปมองเขาอย่างเยาะเย้ยร้องเหมียวๆราวกับกำลังต่อว่าเขา
“ไม่รู้ล่ะ วันนี้ฉันต้องจับเธอไปฉีดวัคซีนให้ได้!” ว่าแล้วก็กระโดดไปจับเจ้าเหมียวโดยไม่สนใจอวัยวะของตัวเองที่มันตั้งโด่เด่อยู่เลย นิลมณีในร่างเจ้าแมวสีนิลเห็นก็ยิ่งหงุดหงิดวิ่งหนีทั่วห้องนอนอุตลุด ข้าวของเครื่องใช้ล้มระเนระนาดเพราะฝีมือเจ้าแมวสีดำตัวดี
“เฮ้ย!! ไม่ได้นะ!! โคมไฟมันแพง! ใจเย็นก่อนสีนิล” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าเจ้าสีนิลกระโดดไปอยู่บนโคมไฟหัวเตียงของเขา ถ้ามันกระโดดลงมาแรงดีดตัวของมันทำให้โคมไฟของเขาร่างเป็นแน่ เขาจึงพยายามที่จะเกลี่ยกล่อมเจ้าแมวเหมียวอย่างระวัง
...หึ...ได้ทีฉันล่ะ... นิลมณีร้องเหมียวตอบเขาก่อนจะดีดตัวกระโดดลงจากโคมไฟโดยไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย ดีนรีบพุ่งตัวเข้าไปรับโคมไฟนั้น มืออีกข้าวก็คว้าตัวเจ้าแมวเหมียวที่ตั้งหน้าจะวิ่งหนีไว้ได้ทัน
“เธอนี่นะ!”
...ปล่อยฉันนะยะ!! เจ้ามนุษย์บ้ากาม!!... เธอยังคงร้องเหมียวๆเป็นเชิงขู่เขาอย่างไม่ยอมอุ้งเท้าหน้าทั้งสองพยายามตะกุยมือเขาที่จับกลางลำตัวของเธอไว้แน่น ไม่รู้ว่าเพราะมือของเขาใหญ่หรือว่าตัวเธอมันเล็กเขาถึงได้กำรอบตัวเจ้าเหมียวแมวอย่างเธอได้มิดสนิทมือ
“ไม่ต้องดิ้นหนี ยังไงก็ต้องไปหาหมอ” ดีนพูดก่อนจะไปจัดแจงโคมไฟให้มันเข้าที่แล้วพาเจ้าแมวจอมดื้อไปยังนอกห้องนอนของตนก่อนจะยอมวางมันลงแล้วหันไปจัดการสเต็กที่แช่ไว้เมื่อวานอุ่นมาให้เจ้าสีนิลได้กินเป็นอาหารเช้า แม้ว่านิลมณีในร่างของเจ้าแมวสีนิลจะไม่พอใจเขาแต่เมื่อได้กลิ่นอาหารก็ทำให้ท้องร้องขึ้นมาได้จนต้องยอมเดินไปกัดกินสเต็กชิ้นนั้น
...ยกนี้ยอมให้ก่อนก็แล้วกัน เชอะ... ทั้งที่ปากยังคงกัดกินสเต็กก็ยังคงร้องเหมียวราวกับขู่เขาที่นั่งยองลงมองเธอกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย มือหนาเอื้อมมาลูบศีรษะของเจ้าแมวสีนิลอย่างเบามือพลางใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มบางๆอย่างเอ็นดู จะโกรธก็โกรธไม่ลง..
เมื่อเห็นว่าเจ้าสีนิลยอมสงบกินสเต็กอยู่เขาก็รีบลุกขึ้นพาตัวเองไปอาบน้ำอาบท่าแต่งตัวให้เรียบร้อย วันนี้เขาตั้งใจจะพาเจ้าสีนิลของเขาไปฉีดวัคซีนกันโรคเสียหน่อยไม่อย่างนั้นหากเขาโดนมันข่วนคงจะได้ติดเชื้อแน่ๆ
...นะ..นี่มันอะไร๊!!... นิลมณีตกใจเมื่อเห็นกล่องพกพาแมวที่เหมือนกับหน้ากากอวกาศมีรูให้หายใจอยู่รอบตัวกล่องพลาสติกนั้น ก่อนที่ดีนจะจับเธอยัดใส่กล่องนั้นแล้วสะพายหลังไปโดยที่เธอยังคงมึนงงและขูดข่วนเจ้ากล่องที่ขังเธอเอาไว้อยู่ด้วยไม่รู้จักกล่องพกพาแมวอีกทั้งเขายังเอากล่องที่เธออยู่ยัดใส่กระเป๋าใบใหญ่มิดชิดอีก คงจะหลบเลี่ยงกฏของคอนโดแน่ๆ
“อยู่นี่นะอย่าดื้อ” เขารีบนำเธอออกจากระเป๋ามิดชิดนั้นเพราะกลัวว่าจะหายใจไม่ออกเมื่อขึ้นมาในรถคันหรู พร้อมกับยกกล่องพกพาที่เธออยู่มาวางไว้หน้ารถที่นั่งข้างคนขับก่อนจะขับรถออกไปอย่างเงียบๆ
...เจ้าหมอนี่... นิลมณีคิดในใจพลางมองเขาผ่านพลาสติกใสหน้ากล่องนั้นก่อนจะมอบนอนอย่างว่าง่ายด้วยความมึนหัวเล็กน้อยเพราะเธอมองไม่เห็นทางข้างหน้าการเคลื่อนตัวของรถมันทำให้เธอที่อยู่ในร่างแมวค่อนข้างรู้สึกเครียดด้วยสัญชาตญานแมวราวกับคนที่กำลังเมารถอย่างไรอย่างนั้น ทำให้เธอนอนมอบซึมอยู่ในกระเป๋าเป้พกพาแมวนั้นอย่างหงอยๆ
ดีนสังเกตแมวของตนก็รู้ทันทีว่ามันคงไม่ชอบขึ้นรถเท่าไหร่นัก จึงรีบเร่งขับไปยังคลินิกรักษาสัตว์ที่อยู่ใกล้ที่สุดแล้วพามันเข้าไปหาสัตวแพทย์ตามประสาคนเลี้ยงสัตว์ มองดูเจ้าสีนิลเซื่องซึมก็อดเป็นห่วงไม่ได้
“มันจะไม่เป็นไรใช่ไหมครับหมอ?”
“ไม่หรอกค่ะ น้องอาจจะแค่ตื่นรถเลยซึมเป็นธรรมดา” ผู้ช่วยสัตวแพทย์เอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม สายตาที่มองดีนนั้นหวานเยิ้มราวกับเจอคนถูกใจ ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ในเมื่อเขาก็ไม่ใช่คนหน้าไม่ดี แม้นิลมณีจะรับรู้ทุกอย่างแต่ตอนนี้ไม่มีกระจิตกระใจสนใจอะไรแล้ว เธอรู้สึกสะอิดสะเอียนจนไม่อยากจะลุกไปไหนราวกับคนเมาค้าง
“นั่งรอสักครู่นะคะ เดี๋ยวให้คุณเหมอมาฉีดวัคซีนให้”
“ครับ แต่ว่าเจ้าสีนิลอาจจะ...”
“คะ?”
“เอ่อ...มันน่าจะดุนิดหน่อยน่ะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นพลางปรายสายตามองเจ้าสีนิลที่นอนหงอยอยู่ ผู้ช่วยสัควแพทย์ยิ้มรับบางๆก่อนจะพยักหน้า
“ไม่ต้องห่วงนะคะ ถึงมือหมอแล้วน้องจะไม่เป็นไรค่ะ”
“...ครับ”
“คุณใจดีจังเลยนะคะ ดูรักเจ้าเหมียวน่าดู”
“ก็...มั้งครับ” ดีนตอบพลางยิ้มแห้งๆ เขาไม่รู้วิธีเลี้ยงมันด้วยซ้ำ แต่เขาสงสารที่มันบาดเจ็บอยู่ซ้ำยังนอนตากฝนเลยเก็บมันมาเลี้ยงทั้งที่ในชีวิตไม่เคยคิดจะเลี้ยงสัตว์ตัวไหนเลย แต่นี่เพราะความสงสารจึงได้เสียเงินกับของเล่นและอื่นๆมากมายที่เกี่ยวกับแมวเป็นหมื่นๆ แต่แมวของเขานั้นแตกต่างจากแมวทั่วไปตรงที่มันไม่สนใจเล่นอะไรสักอย่างที่เขาซื้อมาราวกับมีความคิดเป็นของตัวเอง...จนแทบจะเหมือนมนุษย์อย่างเขาอยู่แล้ว
“อย่าดื้อกับหมอนะสีนิล” ดีนโน้มตัวไปพูดกับเจ้าแมวเหมียวที่นอนซึมอยู่ด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นห่วงเป็นใย นิลมณีในร่างสีนิลลืมตาขึ้นมองเขาด้วยความรู้สึกแปลกๆสับสนปนเปไปหมดจนใจเต้น แต่เธอก็คิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธอ..กำลังเมารถอยู่ถึงได้รู้สึกแบบนี้...ซึ้งในความรักสัตว์ของเขา...
...หมอ...หม๊ออออออ... เงี๊ยววววว!!! “เจ็บแป๊บเดียวน่าเจ้าเหมียว” สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เจ้าแมวสีดำตรงหน้าร้องขู่เขาและดีดดิ้นไม่หยุดหลังที่เห็นเข็มฉีดยาในมือของเขา ผู้ช่วยก็จับล็อกเจ้าเหมียวแมวไว้แน่นจนเท้าหน้าเล็กๆของมันไม่สามารถขยับได้ เท้าหลังได้แต่เพียงกุยกายอยู่บนเขียงหรือเคาน์เตอร์สแตนเลสสำหรับการรักษา ...เจ็บนะ!!!... เข็มแหลมๆทิ่มแทงเข้าไปยังเนื้อหนังแก้มก้นเจ้าแมวสีนิล ขนสีดำของมันลุกชันขึ้นพลางร้องเสียงแมวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ในใจแอบนึกแค้นเคืองเจ้ามนุษย์ที่พาเธอมาฉีดยาแบบนี้ “เรียบร้อยแล้ว เด็กดีมากเจ้าเหมียว” สัตวแพทย์หนุ่มพูดพลางเอามือลูบหัวมันเบาๆ ก่อนที่ผู้ช่วยจะรีบพามันเข้ากระเป๋าเป้พกพาแมวเพราะกลัวว่ามันจะหันมาข่วนอีกครั้ง แล้วรีบนำมันออกไปคืนเจ้าของ “เรียบร้อยแล้วนะคะ” ผู้ช่วยสาวเดินเอากระเป๋าเป้พกพาแมวไปให้ดีนเองกับมือพลางยิ้มหวานส่งให้ ดีนที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นรับกระเป๋าเป้นั้นด้วยรอยยิ้มบางๆตามมารยาท “ขอบคุณครับ ชำระเง
สีนิล หรือ นิลมณีในร่างแมวร้องเหมียวๆมองเจ้าของของมันและหญิงสาวที่เธอคุ้นหน้าจากโรงพยาบาลสัตว์เมื่อตอนกลางวัน ด้วยความที่มีแมวมองจ้องการกระทำของพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นพร้อมปัดหางไปมาทั้งที่คอตั้ง หูตั้ง ตาตั้ง ตัวอยู่นั่นที่เดิมราวกับรูปปั้นสฟริงค์ เป็นเหตุให้คนทั้งสองต้องหยุดชะงักการกระทำลงแล้วหันไปมองเจ้าแมวสีดำนั้น ความรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีแมวมอง แมวที่เป็นแมวจริงๆ ดีนยกยิ้มขึ้นก่อนจะหยัดตัวขึ้นนั่งแอบกลั้นขำเอาไว้ แม้แต่หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า นา ยังรู้สึกเขินจนได้แต่ยิ้มเจื่อน “แมวคุณนี่...บางที่ก็น่าขนลุกเหมือนกันนะคะ ให้ความรู้สึกแปลกๆ” หญิงสาวเอ่ย “คุณหนูนาคิดอย่างนั้นหรือครับ? แล้วมันให้ความรู้สึกแปลกๆยังไงล่ะครับ?” “เหมือนคนเลยค่ะ นาว่ามันค่อนข้างที่จะนิสัยเหมือนคนแบบเราๆเลยค่ะ” เขาเงียบก่อนจะหันไปขมวดคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้ม สีหน้าดูครุ่นคิดกับสิ่งที่หญิงสาวพูด จะว่าไปเจ้าสีนิลก็เหมือนคนจริงๆจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในการเลี้ยงมันล้วนไม่ใช่วิสัยแมว แต่คงคิดมากไป
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา