ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ
“มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น
“ไม่มีค่ะ”
“แล้วมองหน้าทำไม?”
“จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ”
คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?”
“หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?”
“ค่ะ”
อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม
“ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?”
“เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“แต่มันก็เพื่อนผม...”
“ค่ะ แล้ว?”
“คุณเป็นผู้หญิงนะ ไว้ใจใครง่ายเกินไปหรือเปล่า? ไม่กลัวเขาทำอะไรไม่ดีบ้างหรือไง?” ดีนพูดพลางทำหน้าไม่สบอารมณ์ที่เลขาสาวสวยของเขาดูเหมือนจะเข้ากับคนง่ายเหลือเกิน นิลมณียกยิ้มก่อนจะพึมพำเบาๆกับตัวเอง
“คนไม่ดีคือฉันต่างหาก”
“ว่าไงนะ?”
“ถึงบริษัทแล้วค่ะ ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
เป็นจังหวะพอดิบพอดีที่รถตู้มาจอดเทียบหน้าบริษัท ดีนหันไปมองนอกรถอีกครั้งแล้วหันกลับมามองหญิงสาวตรงหน้าที่เตรียมตัวลงจากรถแล้ว พูดอะไรไม่ได้นอกจากลงรถตามเธอไป
“คุณมั่นใจใช่ไหมที่จะไม่ให้ผมไปส่ง”
“ค่ะ”
“แต่นี่มันก็ดึกมากแล้วนะ...ผมว่า...”
“ปกติบอสเป็นคนเซ้าซี้อย่างนี้เหรอคะ?”
“.......”
“ยังก็ขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดี”
เธอตอบแล้วเดินฉับๆจากเขาไปทันที ปล่อยให้ดีนมองตามหลังเธอด้วยสายตาเป็นประกาย ท่าทางเย่อหยิ่งราวกับนางพญาของเธอดูน่าหลงใหลไม่น้อย มันจะดีแค่ไหนหากเธอมาอยู่แทบเท้าเขา...ดีนคิด
เดินพ้นสายตาคมของผู้ชายที่เธอเรียกว่าบอส ก็รีบเดินเลี้ยวเข้าตรอกซอกซอยกลับคืนร่างเจ้าแมวน้อยสีดำเหมือนเช่นเดิม เหลียวหลังมองรถคันหรูที่เธอนั่งมาเมื่อครู่ที่ขับผ่านไปเธอก็รีบกระโดดขึ้นกำแพงกึ่งวิ่งกึ่งเดินเพื่อให้ไปถึงคอนโดของดีนจะได้กลับไปทันท่วงทีก่อนที่เขาจะสงสัย
ระหว่างที่กำลังกระโดดวิ่งอยู่บนหลังคาบ้านของชาวบ้านอย่างเร่งรีบ ดวงไฟดวงหนึ่งก็รีบตรงปรี่เข้ามาดักหน้าเธอเอาไว้เสียก่อน เสียงขู่ในลำคอพร้อมขนสีขำที่พองตัวขึ้นจ้องมองดวงไฟนั้นด้วยแววตาสีแดงจากสีเหลืองเหมือนแมวทั่วไป
“ใจเย็นก่อนท่านจอมปีศาจ...ข้าเองหงส์พราย”
“เจ้า...หาข้าเจอได้อย่างไร”
นิลมณีเอ่ยถามขึ้นพลางมองดวงไฟนั้นอย่างไม่ไว้ใจเท่าไหร่นัก เพราะเธอแปลงร่างเป็นแมวเพื่อหลบภัยรักษาตัวเป็นไปได้ยากมากที่จะมีดวงวิญญาณไหนหาเธอเจอ
“ข้าได้ผ่านไปได้ยินเจ้าที่ผู้หนึ่งพูดถึงท่านเข้า จึงเข้าไปเอ่ยถาม...”
“......”
“บัดนี้โลกปีศาจของเราวุ่นวายมากแล้วท่าน...นางจิ้งจอกล้วนสังหารดับดวงวิญญาณของเหล่าบริวารท่านไปเสียหมด...ข้าก็เหลือเพียงเศษเสี้ยวเท่านี้ เพื่อมาบอกข่าวแก่ท่าน”
ได้ยินเช่นนั้นนิลมณีถึงกับนิ่งอึ้ง ไม่คิดว่าเพียงแค่เธอมาหลบรักษาตัวได้ไม่นานเหล่าบริวารก็ถูกนางจิ้งจอกจัดการไปเสียแล้ว คิดแล้วทั้งเจ็บใจทั้งเวทนาสงสารเหล่าบริวารของตน
“หากท่านยังไม่กลับไป นางจิ้งจอกคงคิดที่จะล้ำเส้นเขตแดนของสามโลกเพื่อประกาศถึงพลังอำนาจของมัน เมืองทั้งเมืองคงต้องแหลกเป็นจุนกลายเป็นเมืองผีไปเสียหมด...”
“ข้าเข้าใจแล้ว...เจ้าเองก็ขอไปหลบภัยอยู่กับเจ้าที่ผู้นั้นก่อนเถิด...ข้าจักรีบหาจ้าวจอมปีศาจอดีตราชาปีศาจผู้นั้นให้เจอจงได้” นิลมณีเอ่ยกับดวงไฟแห่งวิญญาณนั้น ก่อนจะรีบกระโดดเดินออกไปเพื่อกลับคอนโดของมนุษย์หนุ่มอย่างดีนที่เก็บเธอมาเลี้ยง ไม่อย่างนั้น...คงจะยากสำหรับการตามหาจอมปีศาจผู้นั้น
การที่เธอไม่ยอมออกไปอยู่ข้างนอกเองเพียงลำพังทั้งที่มันสะดวกกว่าก็เพราะมันเสี่ยงที่จะทำให้นางจิ้งจอกนั้นตามกลิ่นเธอเจอ หากคลุกคลีกับมนุษย์มากๆจะสามารถกลบกลิ่นไอปีศาจของเธอให้เบาบางลง ยิ่งคลุกคลีมากเท่าไหร่...ก็ยิ่งกลบมิด ยิ่งลึกซึ้งก็ยิ่งดี แต่ไม่ว่าวิธีไหนมันล้วนแต่มีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น....
ทั้งวิ่งทั้งหลบแปลงร่างกลับไปกลับมาเพื่อที่จะเข้ามายังคอนโดได้ เป็นจังหวะพอดีกับที่ดีนกำลังกดรหัสเข้าประตู เธอจึงแอบดูก่อนจะรีบเปลี่ยนร่างเป็นแมวน้อย ย่องเบาๆค่อยๆเข้าไปไม่ให้เขารู้ตัวเมื่อเขาเปิดประตูเธอก็รีบพุ่งตัวเล็กๆของตัวเองเข้าไป ดีนก้มลงหันหลังมองเท้าตัวเองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองเหมือนเห็นอะไรแว๊บๆ ก่อนจะหันกลับไปมองเจ้าสีนิลที่นั่งหน้าตั้งหูตั้งรอเขาอยู่ตรงหน้าประตู
แม้ความจริงแล้วมันพึ่งจะเข้ามาตอนเขาหันไปมองข้างหลังก็ตามที...
“มานั่งรอรับเลยเหรอ หืม?”
เหมี๊ยวววว เหมี้ยววว...ร้องเสียงออดอ้อนพลางเดินเข้าไปคลอเคลียที่ขาของเขาไปมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน ดีนมองเจ้าสีนิลลูกแมวตัวน้อยก่อนจะยกยิ้มขึ้นและมองมันอย่างเอ็นดู
“วันนี้มาแปลกนะ...ยอมให้โดนตัวแล้วหรือไง” ว่าแล้วก็อุ้มมันขึ้นมาจ้องหน้าเจ้าแมวน้อยที่กำลังทำหน้าบ๊องแบ๊วอยู่อย่างนั้น แม้ว่าในใจของเจ้าสีนิลจะเต้นรัวเร็วเนื่องจากเหนื่อยหอบจากที่พยายามเข้าคอนโดโดยไม่ให้เขาสงสัย
“สเต็กหมดหรือไง?...เธอยังไม่ได้กินเลยนี่ ป่วยหรือเปล่าเนี่ย” เขาพูดพลางปรายสายตามองเนื้อสเต็กที่ยังคงเหลือเท่าเดิมทั้งที่เขาให้เอาไว้ก่อนที่เขาจะออกไปทำงาน ดีนอุ้มเจ้าแมวตัวน้อยนั้นเข้าห้องก่อนที่เขาจะหย่อนตัวลงนั่งตรงโซฟาและนำมันมานั่งลงบนตัก ลูบหัวมันเบาๆและเจ้าสีนิลที่เคยหยิ่งก็หมอบนอนอยู่บนตักของเขา
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ฉันจะพาไปหาหมอ”
เหมี้ยววว ...
(ไม่ได้ป่วยย่ะ แค่เหนื่อย) ร้องตอบเขาแต่เขาก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
“อ้อ จริงสิ...พรุ่งนี้มีคนมาพาแกไปหาหมอกับฉันด้วยนะ...คุณนิลมณีนิสัยเหมือนเธอเลยเจ้าสีนิล...น่าสนใจจริงๆ”
ดีนพูดพลางมองเหม่อคิดถึงหญิงสาวที่เขาพึ่งแยกจากเธอมาเมื่อครู่ เจ้าแมวสีนิลถึงกับหูตั้งนั่งมองเขาตาแป๋ว แม้ในใจแอบสั่นหวั่นไหวกับสิ่งที่เขาพูดก็ตาม...
“ฉันคิดว่า...ฉันคงจะชอบเลขาคนสวยคนนี้แล้วล่ะมั้ง” เขาเอ่ยพลางทำหน้าจริงจังครุ่นคิดเหมือนอย่างที่ชอบทำ นิลมณีถึงกับใจเต้นรัวเร็วเมื่อได้ยินอย่างนั้น...ใจเต้นด้วยความรู้สึกไม่สบอารมณ์...
...ผู้ชายคนนี้เป็นโรคขาดความรักหรือไง ยังไม่รู้จักกันดีก็บอกว่าชอบไปทั่ว...
“เหมี๊ยววว”
“เจ้าเหมียวขี้เรื้อนนี่...น่าเวทนาเสียจริง” เสียงหนึ่งดังขึ้นพาให้นิลมณีเงยหน้าขึ้นมองต้นเสียงด้วยสายตาที่ไม่พอใจนัก แต่ในสายตาคมของชายหนุ่มกลับมองว่าแมวดำตัวน้อยนี้ทำหน้าน่าสงสารน่าเอ็นดูเสียจริง เขาค่อยๆนั่งลงด้วยใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะอุ้มเจ้าเหมียวน้อยสีดำนั้นขึ้นมา ...ไอ้มนุษย์โสโครกนี่!! ปล่อยข้านะ!!... เสียงที่เอื้อนเอ่ยของเธอในตอนนี้กลายเป็นเพียงเสียงร้องเหมียวๆ สายตาดุดันน่าเกรงขามกลับกลายเป็นสายตาออดอ้อนซึ่งชายหนุ่มมองว่าแมวตัวน้อยนี้คงกำลังดีใจที่เขาจะเก็บมันกลับไปเลี้ยง “รู้ว่าดีใจ ช่วยเลิกร้องได้ไหมเจ้าเหมียว คอนโดฉันห้ามไม่ให้เลี้ยงสัตว์ แต่เห็นว่าแกน่าเวทนาหรอกนะ” ...ใครอยากให้มาเวทนากันยะ!!....เฮ้ย!!... ไม่ทันที่จะได้ร้องเหมียวเถียงชายหนุ่มต่อ เขาก็จัดการจับเธอยัดใส่ในกระเป๋าเป้สะพายหลังของเขาก่อนจะรีบวิ่งกลับคอนโดทันที ชายหนุ่มรีบเข้าห้องของตัวเองก่อนจะนำกระเป๋าที่ใส่ลูกแมวตัวสีดำสนิทนั้นไปวางไปบนโซฟา ก่อนจะเปิดกระเป๋าแล้วอุ้มเจ้าลูกแมวออกมาที่ตอนนี้มันคอพับไปแล้ว เมื่อเห็นอย่างนั้นเขาก็ตกใจสุดขี
ในโลกนี้มีความเชื่ออยู่หลายความเชื่อ ไสยศาสตร์ ต่างๆมากมายและแตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ ไม่มีใครรู้ว่าโลกอีกโลกหนึ่งที่ผู้คนเรียกว่าขุมนรก สรวงสรรค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือแม้แต่ภูตผีปีศาจมีอยู่จริงหรือไม่ ยิ่งยุคสมัยเปลี่ยนไปมากเท่าไหร่ความเชื่อเรื่องเล่านี้ก็ยิ่งลดน้อยลง บนโลกนี้มีอีกมิติหนึ่งที่ทับซ้อนและอาศัยอยู่กับมนุษย์ วิญญาณ ปีศาจ บางกลุ่มที่ยังไม่ถูกพิพากษาจากผู้คุมวิญญาณหรือกำลังหลบหนีอยู่ต่างใช้ชีวิตล่องลอยแทรกแซงอยู่กับมนุษย์ทั่วทุกมุมโลก ปีศาจที่ผู้คนมักมองไม่เห็นและหลบซ่อนในป่าลึกกลางหุบเขาต่างๆ แบ่งกันเป็นเหล่าเป็นกอของแต่ละพื้นที่ และแน่นอนว่าเมื่อมีเหล่าปีศาจมากมายเป็นสังคมก็ต้องมีผู้ที่อยู่เหนือปีศาจเหล่านั้น ราชาปีศาจของสยามประเทศในยุคนี้นั้นเป็นปีศาจสาวที่ฝึกฝนมาหลายพันปี ผ่านความยากลำบากมาเหลือคณานับเป็นพันปีตั้งแต่ยังเด็ก ด้วยความที่เธอไม่ได้เกิดเป็นปีศาจที่น่าเกรงขามอย่างเสือสาง เธอเป็นแค่แมวดำต่ำต้อยแต่ก็สามารถไต่เต้าขึ้นมาเป็นราชาแห่งภูตผีปีศาจได้ในปัจจุบัน “ปีศาจจิ้งจอกแห่งเอเชียตอนเหนือเริ่มฝ่าเข้าเขตแ
นิลมณีในร่างแมวสีดำขนเงางามที่ถูกชายหนุ่มคนหนึ่งเก็บมาเลี้ยงหลังจากที่เขาไปเจอเธอที่ข้างถนน ดีนก็พาเจ้าแมวตัวน้อยตาใสแจ๋วนั้นไปที่คลินิกหลังจากที่ดูอ่อนแอมาหลายวัน ก่อนที่เขาจะรู้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้โดนทำร้ายร่างกายมาอย่างหนักยิ่งทำให้ความรู้สึกสงสารเพิ่มขึ้นมาในใจของเขาและคอยดูแลเจ้าแมวน้อยอย่างดี ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วมันเป็นผลกระทบจากการต่อสู้ในโลกปีศาจมิติคู่ขนานของเธอก็เท่านั้น แม้เขาจะมีใบหน้าที่เรียบนิ่งแต่ก็คอยสังเกตเจ้าแมวน้อยตลอด พร้อมทั้งศึกษาวิธีการเลี้ยงแมวตัวนี้เป็นอย่างดี แต่ที่น่าแปลกก็คือเจ้าแมวตัวสีดำนั้นกลับไม่ค่อยเข้าไปอ้อนหรือคลอเคลียเขาเหมือนแมวตัวอื่นๆเสียเท่าไหร่ มันจะนอนอยู่นิ่งๆบนโซฟาเสมอ เวลาที่เขาเดินเข้าไปนั่งตรงโซฟามันก็ลุกขึ้นแล้วเดินเชิดหน้าไปนอนตรงที่อื่นแทน ด้วยความที่ดีนยังต้องทำงานจึงได้ปล่อยให้เจ้าแมวน้อยอยู่เงียบๆตัวเดียวในห้อง ซึ่งมันเป็นเวลาดีที่นิลมณีจะทำการรักษาด้วยพลังที่มีอยู่ จนตอนนี้ผ่านมาเกือบอาทิตย์แล้วเธอก็เริ่มที่จะฟื้นฟูพลังได้บ้างแล้วแต่ไม่ทั้งหมด หากจะให้มันง่ายหน่อยก็คงต้องหาจอมปีศาจอาว
เพราะกลิ่นไอปีศาจที่ติดตัวเขามาเมื่อวานทำให้เธอต้องวางแผนที่จะเข้าไปที่ทำงานของทาสผู้เลี้ยงดูเธอในร่างแมวเหมียว เช้านี้เป็นอีกวันของการทำงานเพราะอย่างนั้นดีนจึงออกไปทำงานตามปกติ เมื่อเขาออกไปจากห้องเพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นางปีศาจแมวในร่างแมวเหมียวก็แปลงกายเป็นหญิงสาวสวยสะพรั่ง แอบดมกลิ่นลอบตามเขาไปจนถึงบริษัทใหญ่ หญิงสาวเงยหน้ามองตึกสูงราวสามสิบชั้นนั้นอย่างเชิดๆ ก่อนจะเดินเข้าไปที่ล็อบบี้ของบริษัทนั้นด้วยท่าทางมั่นใจเต็มเปี่ยม โลกมนุษย์นี้ใช่ว่าเธอจะไม่เคยมาท่องเที่ยวและเรียนรู้มัน เธอในชุดเสื้อเชิ้ตรัดรูปพอดิบพอดีไม่ดูน่าเกลียดจนเกินไปคู่กับกระโปรงทรงเอสีดำ ด้วยรูปร่างของเธอไร้ที่ติและยั่วยวนนั้นไม่ว่าจะหญิงหรือชายต่างหันมามองเธอเป็นตาเดียว “ขอโทษค่ะ...พอดีว่าจะมาสมัครงาน”
หลังจากทานอาหารมื้อนั้นเรียบร้อยนิลมณีก็แยกกลับบ้าน แม้ว่าเขาจะขอไปส่งแต่เธอเลือกที่จะปฏิเสธอย่างไร้เยื่อไย จะให้ไปส่งได้อย่างไรในเมื่อบ้านที่เธอต้องกลับคือห้องของเขา เธอจึงเดินเชิดๆสะบัดผมสีดำสนิทออกมาโดยไม่หันหลังกลับไปมองเขาอีก ปล่อยให้ดีนมองตามตาละห้อยอยู่อย่างนั้น ถึงแม้เขาจะเป็นคนเจ้าชู้เพล์บอย แต่เขาก็ถือว่าเป็นคนที่ปากจัดจ้านอยู่ดี นิลมณีเดินเข้าตรอกซอยมืดๆหลังจากที่เดินมาได้สักพัก เธอมองหน้ามองหลังก่อนจะค่อยๆกลายเป็นเจ้าแมวน้อยสีดำเหมือนเช่นเดิม ก่อนจะกระโดดปีนกำแพงและเดินนวยนาดต่อไปเรื่อยๆเพื่อกลับไปยังคอนโดของเขา ระยะทางที่เดินไปคอนโดนั้นการแปลงเป็นแมวจะปลอดภัยกว่าเป็นหญิงสาว ด้วยรูปลักษณ์ที่น่าเย้ายวนใจพร้อมด้วยพลังของปีศาจที่ทำให้ผู้คนลุ่มหลงนั้นมันไม่เป็นผลดีกับเธอเท่าไหร่นัก นิลมณีกลับมายังห้องคอนโดอย่างปลอดภัย พอถึงคอนโดเธอก็กลับกลายร่างเป็นหญิงสาวเดินเข้าคอนโดมาสวยๆ ประตูที่รักษาความปลอดภัยนั้นใช้ไม่ได้กับปีศาจแบบเธอ จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะกลับเข้าห้องมาได้สบายๆ เธอเดินไปเดินมาในห้องของเขาในร่างเจ้าแมวเหมียว เพราะร่างเจ้าแม
นิลมณีตื่นขึ้นมาพร้อมกับภาพอุจาดตาสำหรับแมวที่เธอไม่อยากจะเห็น เจ้าตัวตนแท่งยักษ์เด่นผงาดตั้งชันขึ้นจนเป็นลำปูดนูนผ่านกางเกงนอนของเขาเด่นตระง่านต่อหน้าต่อตาแม้ว่าเจ้าของมันจะหลับอยู่ เธอร้องเสียงหลงในเสียงของแมวจนขนลุกชันไปทั่วสันหลัง โก่งสี่เท้าขึ้นราวกับขู่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าด้วยความตกใจ ...เจ้ามนุษย์บ้ากามนี่!!... เสียงขู่บ่งบอกสิ่งที่เธออยากจะพูดด่าคนที่งัวเงียตื่นขึ้นด้วยเสียงแมวๆ ดีนขยี้ตาเล็กน้อยผะโงกหน้าขึ้นมองเจ้าแมวเหมียวของเขาเล็กน้อย สะโพกของเขาขยับไปมาตามสัญชาตญานที่ตื่นขึ้นตามนิสัยของผู้ชายแม้จะยังไม่ได้สติดีเท่าไหร่ก็ตาม “หืม? เป็นอะไรไปเจ้าสีนิล” ดีนเอ่ยเสียงงัวเงียในลำคอแต่ดูเหมือนเจ้าแมวของเขาจะยังขู่ไม่หยุดราวกับกำลังบ่นอะไรบางอย่าง เขาจึงคว้าร่างของมันเข้ามากอดอีกครั้งแล้วหลับตาลง
...หมอ...หม๊ออออออ... เงี๊ยววววว!!! “เจ็บแป๊บเดียวน่าเจ้าเหมียว” สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยขึ้นหลังจากที่เจ้าแมวสีดำตรงหน้าร้องขู่เขาและดีดดิ้นไม่หยุดหลังที่เห็นเข็มฉีดยาในมือของเขา ผู้ช่วยก็จับล็อกเจ้าเหมียวแมวไว้แน่นจนเท้าหน้าเล็กๆของมันไม่สามารถขยับได้ เท้าหลังได้แต่เพียงกุยกายอยู่บนเขียงหรือเคาน์เตอร์สแตนเลสสำหรับการรักษา ...เจ็บนะ!!!... เข็มแหลมๆทิ่มแทงเข้าไปยังเนื้อหนังแก้มก้นเจ้าแมวสีนิล ขนสีดำของมันลุกชันขึ้นพลางร้องเสียงแมวสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด ในใจแอบนึกแค้นเคืองเจ้ามนุษย์ที่พาเธอมาฉีดยาแบบนี้ “เรียบร้อยแล้ว เด็กดีมากเจ้าเหมียว” สัตวแพทย์หนุ่มพูดพลางเอามือลูบหัวมันเบาๆ ก่อนที่ผู้ช่วยจะรีบพามันเข้ากระเป๋าเป้พกพาแมวเพราะกลัวว่ามันจะหันมาข่วนอีกครั้ง แล้วรีบนำมันออกไปคืนเจ้าของ “เรียบร้อยแล้วนะคะ” ผู้ช่วยสาวเดินเอากระเป๋าเป้พกพาแมวไปให้ดีนเองกับมือพลางยิ้มหวานส่งให้ ดีนที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่เงยหน้าขึ้นแล้วรีบลุกขึ้นรับกระเป๋าเป้นั้นด้วยรอยยิ้มบางๆตามมารยาท “ขอบคุณครับ ชำระเง
สีนิล หรือ นิลมณีในร่างแมวร้องเหมียวๆมองเจ้าของของมันและหญิงสาวที่เธอคุ้นหน้าจากโรงพยาบาลสัตว์เมื่อตอนกลางวัน ด้วยความที่มีแมวมองจ้องการกระทำของพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นพร้อมปัดหางไปมาทั้งที่คอตั้ง หูตั้ง ตาตั้ง ตัวอยู่นั่นที่เดิมราวกับรูปปั้นสฟริงค์ เป็นเหตุให้คนทั้งสองต้องหยุดชะงักการกระทำลงแล้วหันไปมองเจ้าแมวสีดำนั้น ความรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีแมวมอง แมวที่เป็นแมวจริงๆ ดีนยกยิ้มขึ้นก่อนจะหยัดตัวขึ้นนั่งแอบกลั้นขำเอาไว้ แม้แต่หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า นา ยังรู้สึกเขินจนได้แต่ยิ้มเจื่อน “แมวคุณนี่...บางที่ก็น่าขนลุกเหมือนกันนะคะ ให้ความรู้สึกแปลกๆ” หญิงสาวเอ่ย “คุณหนูนาคิดอย่างนั้นหรือครับ? แล้วมันให้ความรู้สึกแปลกๆยังไงล่ะครับ?” “เหมือนคนเลยค่ะ นาว่ามันค่อนข้างที่จะนิสัยเหมือนคนแบบเราๆเลยค่ะ” เขาเงียบก่อนจะหันไปขมวดคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้ม สีหน้าดูครุ่นคิดกับสิ่งที่หญิงสาวพูด จะว่าไปเจ้าสีนิลก็เหมือนคนจริงๆจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในการเลี้ยงมันล้วนไม่ใช่วิสัยแมว แต่คงคิดมากไป
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา