สีนิล หรือ นิลมณีในร่างแมวร้องเหมียวๆมองเจ้าของของมันและหญิงสาวที่เธอคุ้นหน้าจากโรงพยาบาลสัตว์เมื่อตอนกลางวัน ด้วยความที่มีแมวมองจ้องการกระทำของพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นพร้อมปัดหางไปมาทั้งที่คอตั้ง หูตั้ง ตาตั้ง ตัวอยู่นั่นที่เดิมราวกับรูปปั้นสฟริงค์ เป็นเหตุให้คนทั้งสองต้องหยุดชะงักการกระทำลงแล้วหันไปมองเจ้าแมวสีดำนั้น
ความรู้สึกเขินอย่างบอกไม่ถูกเมื่อมีแมวมอง แมวที่เป็นแมวจริงๆ ดีนยกยิ้มขึ้นก่อนจะหยัดตัวขึ้นนั่งแอบกลั้นขำเอาไว้ แม้แต่หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า นา ยังรู้สึกเขินจนได้แต่ยิ้มเจื่อน
“แมวคุณนี่...บางที่ก็น่าขนลุกเหมือนกันนะคะ ให้ความรู้สึกแปลกๆ” หญิงสาวเอ่ย
“คุณหนูนาคิดอย่างนั้นหรือครับ? แล้วมันให้ความรู้สึกแปลกๆยังไงล่ะครับ?”
“เหมือนคนเลยค่ะ นาว่ามันค่อนข้างที่จะนิสัยเหมือนคนแบบเราๆเลยค่ะ”
เขาเงียบก่อนจะหันไปขมวดคิ้วเล็กน้อย ริมฝีปากยกยิ้ม สีหน้าดูครุ่นคิดกับสิ่งที่หญิงสาวพูด จะว่าไปเจ้าสีนิลก็เหมือนคนจริงๆจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ในการเลี้ยงมันล้วนไม่ใช่วิสัยแมว แต่คงคิดมากไป
“เช่นอะไรครับ?”
“สายตาค่ะ สายตาท่าทางของเจ้าเหมียวทำให้นารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังถูกผู้หญิงอีกคนจ้องมอง” พูดอย่างไม่คล่องปากนัก เหลือบมองชายหนุ่มที่นั่งข้างๆอย่างเกร็งๆ กลัวว่าเขาจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอพูดแล้วหาว่าเธอเป็นบ้า
“ก็...จริงของคุณ ให้ความรู้สึกเกรงใจแปลกๆ เหมือนเกรงใจ...”
เหมี๊ยวว... เจ้าแมวสีดำร้องขึ้นขัดประโยคที่เขาพูด นั่งท่าเดิมอยู่อย่างนั้น เพราะมีแมวนั่งมองอย่างตั้งใจทำให้อารมณ์ต่างๆเหือดหายไปเสียหมด ความรู้สึกเกรงใจแมวก่อตัวขึ้นในใจของคนทั้งคู่ รู้สึกพลังบางอย่างจากตัวของมันทำให้พวกเขาหยุดทุกอย่างเอาไว้อย่างชะงักงัน
“น่าแปลกนะคะ ที่คุณดีนเลี้ยงแมวสีดำสนิทแบบนี้เอาไว้ ตามความเชื่อโบราณเขาว่าแมวดำเป็นแมวผี” หนูนาเอ่ย ดวงตาสวยปรายมองเจ้าแมวเหมียวที่มีสีดำสนิทไม่มีแม้แต่สีขาวแซม คงจะมีแต่ดวงตาของเจ้าแมวเท่านั้นที่เด่นชัดเป็นสีเหลือง
“แมวมันเลือกเกิดไม่ได้นี่ครับ คงจะมีแต่คนแบบเราๆที่ไปตัดสินพวกมันแบบนั้น” ดีนเอ่ยพลางลุกขึ้นหยัดตัวเต็มความสูงจัดแจงเสื้อผ้าที่ยับย่นให้เรียบ หลุบสายตาคมมองหญิงสาวข้างกายที่เงยหน้ามองเขาตาละห้อย
“ผมจะส่งคุณนะครับ” ดีนเอ่ย หญิงสาวจึงพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะงอแงได้เช่นกัน การที่บังเอิญเจอเขาในบาร์ก็ถือว่าโชคดีแค่ไหนแล้ว อย่างไรคนทั้งคู่ก็มีช่องทางการติดต่อกันเรียบร้อยแล้ว เธอจึงคิดว่าค่อยหาโอกาสใหม่คราวหน้าก็ยังไม่สาย
เดินตามหลังชายหนุ่มไปยังหน้าประตูห้อง เจ้าแมวสีดำตัวน้อยก็เดินตามไปราวกับว่าต้องการจะส่งแขก ก่อนที่คนทั้งคู่จะหายไปจากสายตาเมื่อประตูตรงหน้าปิดตัวลง
...มันต้องอย่างนี้สิ จะไปทำอะไรที่ไหนก็ไปไม่ใช่ลากมาที่ห้องให้แมวดู เสียสายตาชะมัด... นิลมณีคิดในใจพลางหันหลังเดินกลับไปนอนเกลือกกลิ้งที่โซฟาตามเดิม
ไม่นานอย่างที่คิด เจ้าของห้องที่เธอนอนเอกเขนกอยู่ก็กลับเข้ามา เดินตรงมาทิ้งตัวลงบนโซฟาที่เจ้าแมวสีนิลนอนอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน เจ้าแมวน้อยหันไปมองชายหนุ่มอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหมอบนอนลงไปเช่นเดิม
ปลายนิ้วเรียวไกล่เกลี่ยร่างเจ้าแมวน้อยที่นอนนิ่งอย่างเอ็นดู แต่ทว่ามันกลับกางกรงเล็บเท้าหน้าปัดปลายนิ้วเขา เชิงบอกไม่ให้เขาแตะต้องตัวเธอ
“ดุจังนะเราน่ะตัวแค่นี้” ดีนเอ่ยพลางโน้มตัวลงไปพูดคุยกับเจ้าแมวที่นอนข้างๆ
... อี๋ เหม็นเหล้า เอาหน้าออกไปให้ห่างเลยนะ... ร้องเสียงแมวออกมาพลางเอาเท้าหน้าข้างเดิมยันใบหน้าหล่อเหลาของเขาเอาไว้ แต่ชายหนุ่มกลับใช้มือใหญ่ทั้งสองข้างจับเท้าหน้าทั้งสองข้างของมันออกไม่ให้ยันหน้าเขาได้ ทว่า...เมื่อไม่มีเท้าหน้าก็ใช้อุ้งเท้าหลังทั้งสองยันแทน หางยาวสีดำงอปกปิดส่วนสงวนเอาไว้
“ต้องขนาดนั้นเลย?”
เหมี๊ยวววว... ร้องตอบเขาราวกับคุยกันรู้เรื่อง ยอมแพ้หยัดตัวลุกขึ้นมานั่งดังเดิมพลางถอนหายใจ
“มีแมว...แมวก็หยิ่งไม่ให้แตะ...พอมีสาว แมวก็เหมือนไม่ยอมให้มี”
อาจจะด้วยเพราะความเมาถึงทำให้เขาพูดเรื่อยเปื่อย นิลมณีในร่างเจ้าสีนิลทำทีเมินเฉยไม่ฟังเขาเหมือนเช่นเคย ดีนหันไปมองมันที่นอนขดอยู่ก็ยกยิ้มแล้วยอมลุกขึ้นเดินเข้าไปอาบน้ำอาบท่าในทันที
พออาบน้ำก็ยังไม่วายออกมาคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวเข้าไปนอนด้วยดังเดิม ถึงแม้ว่ามันจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ดิ้นหลุดพ้นมือเขาไปไม่ได้อยู่ดี จำเป็นต้องนอนให้เขากอดราวกับว่าเธอเป็นเพียงตุ๊กตาแมว เมื่อเขาหลับสนิทจึงจะกระโดดออกมานอนที่พรมตรงพื้นห้อง ไม่อยากที่เห็นภาพบาดตาเหมือนอย่างเมื่อเช้านี้...
นี่คงเป็นครั้งแรกที่นิลมณีคิดว่าทำไมมนุษย์ที่ทำงานต้องหยุดสองวันด้วย วันนี้เป็นวันอาทิตย์ที่เขายังคงอยู่บ้านวุ่นวายแต่กับเจ้าแมวเหมียวนั่นก็คือเธอ นิลมณีไม่มีโอกาสไปที่ไหนเลยในวันหยุดของเขา และไม่เข้าใจว่าเขาจะเป็นคนติดบ้านไปถึงไหน เธอยังมีเรื่องที่ต้องสืบอีกเยอะแยะเลยแต่ก็ไม่สามารถทำได้
“เจ้าสีนิล วันนี้ฉันจะทำปลาทูย่างให้เธอล่ะกันนะ” ดีนเอ่ยขึ้นกับสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์และพูดภาษามนุษย์ไม่ได้ ทำได้เพียงร้องเหมียวๆ แต่เขาก็ขยันคุยเสียเหลือเกิน ดูจากเมื่อวานเขาไม่น่าใช่คนที่จะมานั่งทำตัวเหมือนคนเหงาแบบนี้ได้เลยแท้ๆ
ได้แต่นอนหมอบบิดไปบิดมาอยู่อย่างนั้นไม่ได้ส่งเสียงตอบอะไรออกไป เขาก็ยังคงทำหน้าที่ทำอาหารให้เจ้าแมวสีดำของเขาอยู่อย่างอารมณ์ดีแม้ใบหน้าจะเรียบนิ่งจนเดาอารมณ์ไม่ได้ก็ตาม
จากนิสัยปกติของแมวแล้ว จะเห็นว่ามนุษย์อย่างเรานั้นเป็นเพียงแมวตัวใหญ่หากแต่พวกมันจะไม่ยอมรับและทำตัวไม่ยอมฟังหรือทำตามคำสั่งของมนุษย์หรือว่าเจ้าแมวตัวใหญ่นั้น เพื่อที่ตัวเองจะได้ไม่ต้องตกเป็นลูกฝูง แต่การที่มีมนุษย์มาให้อาหารนั้นมันก็จะถือว่าเขาเป็นจ่าฝูงที่ล่าอาหารมาให้ได้
หากแต่วันใดที่มนุษย์ออกจากบ้านไปแต่ไม่มีอาหารกลับมามันก็จะมองว่าแมวตัวใหญ่นี้ล่าเหยื่อไม่ได้ และตัวมันเองจะต้องออกไปล่าเหยื่อ คาบเข้าบ้านมาฝากเพื่อที่แมวตัวใหญ่จะยอมรับว่ามันคือจ่าฝูงและเจ้าของต้องเป็นทาสของมัน
ดีน ชายหนุ่มหน้านิ่งผู้นี้ถือว่าโชคดีนัก เพราะว่าแมวที่เขาเลี้ยงนั้นไม่ใช่แมวธรรมดา จึงไม่ได้มีพฤติกรรมน่าตลกเหมือนอย่างในโซเซียลเสียเท่าไหร่ แมวตัวนี้คิดการใหญ่กว่านั้น...
...ช่างเป็นวันที่น่าเบื่ออีกวันสินะ ให้ตายสิ!... นิลมณีคิดในใจ ก่อนจะหันไปมองดีนผู้ที่เป็นเจ้าของเธอ กำลังวางปลาทูย่างกระทะให้เธอตรงชามข้าวแมว เธอปรายตามองมันเล็กน้อยก่อนจะอ้าปากหาวเสียกว้างแล้วนอนแผ่หลาพลิกตัวอยู่ที่เดิม
“ยังไม่หิวเหรอเจ้าสีนิล?” มนุษย์หนุ่มเอ่นถามแมวจอมหยิ่งของเขา แต่มันก็ยังคงนอนแผ่หลับตานิ่ง
...พรุ่งนี้ก็ได้เริ่มงานแล้วสินะ...ยังไงฉันก็ต้องหาต้นตอของกลิ่นอายนั้นให้เจอ!... คิดในใจไม่ได้ใส่ใจคนที่ร้องเรียกเธอไปทานอาหารมากนัก ในหัวคิดแต่เรื่องของวันพรุ่งนี้ ในร่างมนุษย์สาวพราวเสน่ห์ !
ชักเริ่มคิดว่าจะมีเรื่องน่าสนุกแล้วสิ หากต้องอยู่กับเขาในร่างมนุษย์คงจะมีเรื่องให้เถียงเขาได้ทุกวันเป็นแน่ คิดๆวางแผนไปก็วุ่นวายอยู่ไม่น้อยที่ต้องรีบกลับจากที่ทำงานเพื่อกลับเข้าห้องของเขาในร่างแมว ขออย่าได้ตัวติดกันตลอดเวลาเลยเถอะ
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
ตั้งแต่ทานข้าวกับอัคคีเพื่อนของเขาจนนั่งรถกลับดีนก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ นั่งเท้าคางกับหน้าต่างรถมองออกไปข้างด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แม้ว่านิลมณีไม่ได้อยากจะสนใจเท่าไหร่แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้อยู่ เธอนั่งไขว้ห้างจ้องมองดีนด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ก่อนที่สายตาคมของเขาจะปราดปรายมองไปยังเธอ “มีคำถามอะไรจะถามอีกหรือเปล่า?” ดีนเอ่ยถามขึ้น “ไม่มีค่ะ” “แล้วมองหน้าทำไม?” “จะบอกว่าไปส่งที่บริษัทด้วยค่ะ” คำพูดเฉยชาของเธอทำให้เขาเงียบนิ่งไป ก่อนจะหันหน้าตรงกลับมามองเธอ สีหน้าที่เรียบเฉยของเขาในตอนแรกเปลี่ยนเป็นไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ นิลมณีเห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “บอสต่างหากมีคำถามอะไรหรือเปล่า?” “หน้าฉันเหมือนมีปัญหาหรือไง?” “ค่ะ” อึ้งกับคำตอบสั้นๆของหญิงสาวตรงหน้า ดึงสายตาคมกลับไปมองนอกรถอย่างหัวเสียก่อนจะปราดสายตามองเธออีกครั้งที่ยังคงทำหน้าตายเหมือนเดิม “ทำไมต้องรับคำเชิญของอัคคี?” “เขาก็เป็นลูกค้าคนสำคัญของบอสไม่ใช่หรือคะ?”
“เฮ้ยๆ ใจเย็นก่อนเพื่อน..” อัคคีถึงกับเอ่ยห้องห้ามเพื่อนของเขาหลังจากที่ได้ยินแบบนั้น แน่นอนว่าผู้ชายด้วยกันย่อมรู้ดี ถึงเขาจะไม่ใช่มนุษย์แต่เขาก็พอที่ตามยุคตามสมัยอยู่บ้าง ดีนหันไปมองหน้าเพื่อนด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าที่ตัวเองพูดนั้นเป็นเรื่องปกติ “บอสคะ...จะชวนผู้หญิงทุกคนไปดูแมวที่ห้องแบบนี้มันใช้ได้เหรอคะ?” นิลมณีเอ่ยพลางหันไปขมวดคิ้วใส่เขา โลกปีศาจมันก็คือโลกคู่ขนาน ยุคสมัยไปทางไหนโลกคู่ขนานก็ไปทางนั้นไม่มีอะไรแปลกแยกออกจากกัน “ถ้าอย่างนั้นผมเอาแมวมาให้คุณดูดีไหม? ช่วงนี้มันดูดุและดูอารมณ์ไม่ดีบ่อย คุณชอบแมวน่าจะเคยศึกษาพฤติกรรมมันมาบ้าง” ดีนเอ่ยต่อ ทำเอาทุกคนถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก ไม่รู้ว่าเขากวนประสาทหรือว่าเขาไม่รู้ความหมายของการชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้องกันแน่ แต่สำหรับนิลมณีนั้นเชื่อความคิดแรกเสียมากกว่า เพราะเธอเคยเห็นเขาชวนผู้หญิงไปดูแมวที่ห้อง! “ขอโทษทีนะคะ ฉันเป็นเลขาไม่ใช่สัตวแพทย์” เธอเอ่ยเสียงเรียบ “ก็จริงอย่างที่เธอพูดนะเว้ยไอ้ดีน แมวมึงเป็นอะไรก็พาไปหาหมอสิวะ” อัคคีพูดพร้อมหัวเราะ สายตามองดีนเพื่อนข
อัคคีรู้ได้ทันทีว่านิลมณีนั้นเป็นพวกประเภทเดียวกับเขา นิลมณีเองก็ไม่ต่างกันเพียงแต่ว่ากลิ่นไอของอัคคีไม่ใช่กลิ่นไอที่เธอตามหา เพื่อนของดีนจ้องมองเธอแล้วยกยิ้มขึ้นแต่นิลมณีกลับมีสีหน้านิ่งเฉย ดีนที่มองทั้งคู่มองหน้ากันไปก็มีสีหน้าที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาถอนหายใจพลางเบือนหน้าไปทางอื่นแทน และแน่นอนว่าเพื่อนของเขานั้นสังเกตุเห็น “ผมว่าเราไปหาไรทานกันดีกว่านะครับ เดี๋ยวมื้อนี่ผมเลี้ยงแล้วกันถือว่าให้เกียรติที่คุณแต่งตัวสวยมาในวันนี้” แม้จะเป็นการพูดเอ่ยชมก็ตามแต่ทว่ามันกลับตอกย้ำนิลมณีจนเธอหันไปมองขวางตัวการที่เลือกชุดให้เธอ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธแต่เขาก็ใช้อำนาจของคำว่าเจ้านายมาขู่จนเธอต้องรับ ดีนเห็นสายตาของนิลมณีก็เบือนหน้าหนี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้หน้าตาเฉยก่อนจะเดินตามอัคคีเพื่อนของตนไปนั่งที่โต๊ะด้านในสุด อัคคีเองก็พอเป็นสุภาพบุรุษเลื่อนเก้าอี้ให้เธอนั่งอย่างสุภาพ “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปยิ้มแล้วกล่าวขอบคุณเขาตามารยาท “ร้านมึงนี่เงียบเป็นป่าช้าเหมือนเดิมเลยนะ” “แต่ร้านขายอาหารหมาขายดีนะ มึงเทสเองเหรอถึงได้ร
นิลมณีในชุดเดรสแขนยาวสีขาวที่เธอไม่ชอบ แต่ต้องสวมใส่มันเพราะผู้เป็นเจ้านายต้องการให้ดูสุภาพที่สุด ถึงแม้จะเป็นขายาวแต่มันกลับเป็นแขนยาวลายลูกไม้บางๆ ลำคอระหงส์ถูกประดับด้วยสร้อยคอผ้าลายลูกไม้เช่นกัน เครื่องประดุบต่างหู ข้อมือล้วนแต่เป็นเพชรแท้ที่ดีนซื้อให้ ความสั้นของกระโปรงชุดเดรสเหนือเข่าขึ้นมาอยู่พอสมควรกระเป๋าแบรนด์เนมใบหรูสีขาวเข้ากับชุดที่เธอใส่ ใบหน้าถูกแต่งแต้มอย่างสวยงามแต่สีหน้าของนิลมณีกลับบึ้งตึงตลอดการนั่งรถไปกับเขา เธอแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องสีขาว ทั้งที่เธอบอกเขาไปแล้วว่าเธอชอบสีดำมันดูดีกว่าแต่เขากลับตอบเธอมาว่า ‘เราไปพบลูกค้า ไม่ได้ไปงานศพลูกค้า’ ใครๆเขาก็ใส่สีดำกันทั้งนั้น ไม่รู้ว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยไปทำไม...ถึงแม้ว่าชุดที่เธอเลือกจะดำสนิททั้งแต่หัวจรดเท้
ไม่ว่าจะทานมื้อกลางวันหรือแม้แต่ช่วงเวลาที่ทำงานวันนี้ช่างเป็นวันที่หนักหนาสำหรับนิลมณีเสียจริง มีทั้งเพื่อนใหม่ที่ไม่ได้คิดจะมี แถมยังถูกนินทาตอนเดินกลับเข้ามาที่บริษัทหลังจากไปทานมื้อกลางวันกับผู้ที่ขึ้นชื่อว่าซีอีโอ ราวกับตอกย้ำข่าวลือระหว่างเธอกับเขาอีก “ดูคุณจะฮอตน่าดูเลยนะครับ” อยู่คนที่นั่งทำงานอยู่ก็เอ่ยขึ้นหลังจากที่เงียบอยู่นานจวนจะเลิกงานอยู่แล้วพึ่งปริปากพูดกับเธอ “เห็นนั่งจ้องฉันอยู่ตั้งนาน นี่เหรอคะที่จะพูด” นิลมณีพูดไปพลางพิมพ์คีย์บอร์ดไป สายตาของเธอไม่ละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เลยแม้แต่น้อยในขณะที่ตอบคำถามของเขา “ผมแค่สงสัยน่ะครับ ผู้ชายส่วนใหญ่ชอบผู้หญิงหยิ่งๆแบบคุณงั้นเหรอ? คงชอบผู้หญิงนิสัยแปลกๆ” “ผู้ชายที่ว่านี่หมายถึงคุณด้วยหรือเปล่าคะ?” นิลมณีละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หันไปมองเขาด้วยแววตาเฉยชาอย่างที่ชอบทำ และเขาเองก็ทำสีหน้าไร้อารมณ์เหมือนเช่นเคย ดีนได้แค่มองเข้าไปในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนนั้น “ทำไมเหรอครับ? ถ้ารวมผมด้วยคุณจะตอบรับผมดีกว่าผู้ชายเมื่อกลางวันหรือเปล่า?”
นั่งรถ Lexus คันหรูภายใต้ความเงียบอยู่นาน มีเพียงซันนี่ที่พยายามพูดเจื้อยแจ้วชวนคุยไปเรื่อยเปื่อยด้วยความรู้สึกตื่นเต้น แม้นิลมณีจะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ซันนี่พูดเท่าไหร่แต่ก็ยังพอ เออ ออห่อหมกไปบ้างแล้วเบือนหน้าออกไปนอกรถแทน ทุกการกระทำของนิลมณีนั้นอยู่ในสายตาของดีน เพราะเธอรู้ว่าเขากำลังจ้องมองเธออยู่ถึงไม่ค่อยอยากหันไป “ไหนว่าเป็นเพื่อน ดูไม่ค่อยจะสนใจเพื่อนที่กำลังคุยด้วยเท่าไหร่เลยนะครับคุณเลขา” อยู่ๆเขาก็พูดออกมาโต้งๆเสียอย่างนั้น นิลมณีปรายสายตาไปทางต้นเสียง เม้มริมฝีปากบางสวยไว้แน่นก่อนจะหันไปทางซันนี่ที่ทำหน้างงกับคำพูดของดีน “คุณซันนี่...ไม่สิ ซันนี่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะถ้าท่าทีของฉันดูเหมือนไม่สนใจ แต่ฉันเป็นคนแบบนี้...ความจริงแล้วฉันฟังที่เธอพูดอยู่” นิลมณีหันไปจับมือของซันนี่เอาไว้ด้วยสีหน้ารู้สึกผิดถึงแม้จะแสร้งทำก็ตามที ซันนี่ยิ้มตอบรับพร้อมกับจับมือของนิลมณีเอาไว้แน่นสีหน้าดูดีใจที่นิลมณีห่วงความรู้สึกของเธอ “ไม่เป็นไร ฉันพอรู้ว่าคุณ...เอ่อ นิลน่าจะเป็นคนเงียบๆ เพื่อนกันต้องรับนิสัยกันได้อยู่แล้ว ฉันรู้ว่านิลไม่ใช่
ตั้งหน้าตั้งทำงานพร้อมกับถกเถียงเรื่องแมวไม่ชอบอาบน้ำกับซีอีโอของบริษัทหน้าตั้ง เวลาตอนนี้ก็บ่งบอกถึงช่วงเวลาพักกลางวันของพนักงาน หลังจากที่บรรยากาศในห้องทำงานเงียบอยู่นาน ดีนละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์เหลือบตามองนิลมณีที่ยังทำงานไม่สนใจเวลา “ไม่ไปทานข้าวเหรอครับ? นี่พักกลางวันแล้วนะ...ทางบริษัทไม่มีนโยบายทำงานล่วงเวลากลางวันนะครับ” ดีนเอ่ยขึ้นเมื่อยังเห็นว่านิลมณีไม่มีทีท่าว่าจะขยับไปไหน เธอหันไปปรายตามองเขาก่อนจะถอดถอนหายใจ “ค่ะ” ตอบเพียงสั้นๆ “ถ้าคุณไม่ไปแล้วคนเป็นหัวหน้าอย่างผมจะไปพักได้ยังไง” &ldqu
ราวกับโชคชะตาเล่นตลกเมื่อเดินไปคุยไปกับพนักงานหน้าล็อบบี้สาวชื่อว่า ซันนี่ ถึงได้รับรู้รายละเอียดของบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่นั้นเป็นบริษัทที่ผลิตอาหาร และอุปกรณ์ของสัตว์เลี้ยง ทั้งที่ท่าทางของซีอีโอนั้นดูจะเลี้ยงสัตว์ไม่เป็นเอาเสียเลย จากการที่จับแมวอาบน้ำ ด้วยเป้าหมายที่เธอจะเข้ามาสืบหาจอมปีศาจในบริษัทแห่งนี้จึงไม่ได้สนใจเรื่องอื่นใด “ถึงแล้วค่ะ ฉันคงเข้าไปด้วยไม่ได้นะคะคุณนิล...ดีใจมากเลยค่ะที่คุณนิลช่วยฉันเมื่อครู่และยังยอมเป็นเพื่อนกับฉันอีก” “ใครเป็นเพื่อนคุณ ฉันแค่....” “ยังไงก็เถอะค่ะ ไม่ว่าคุณนิลอาจจะไม่อยากเป็นเพื่อนกับฉันแต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับคุณนิลจริงๆค่ะ” ซันนี่เอ่ยพลางรวบมือเรียวทั้งสองข้างขึ้นมาจับกุมไว้ ออร่าของความจริงใจแผ่ออกมาจนนิลมณีรู้สึกขนลุกเกลียวราวกับโดนไฟช็อตอย่างไรอย่างนั้น “เฮ้อ...ฉันไม่ใช่คนใจดี ไม่ใช่คนดีหรอกนะ” “ไม่หรอกค่ะ ถึงคุณนิล...เอ่อ..จะทำให้ฉันรู้สึกขนลุกแปลกๆก็เถอะ แต่ว่าคุณคงไม่ใช่คนร้ายลึกแบบนั้น” ซันนี่เอ่ยต่อ “อย่ารู้ดี เธอไม่รู้จักฉันด้วย
เช้าวันสดใสยที่ไม่สดใสเมื่อเจ้ามนุษย์หนุ่มยังนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงโดยไม่สนเวลาเลย นิลมณีตั้งหน้าตั้งตารอให้เขาออกจากห้องเพื่อไปทำงานก่อนที่เธอจะตามไป หากแต่ว่าชายหนุ่มกลับยังไม่ยอมตื่นเลยด้วยซ้ำ ...ไม่พ้นน่าที่ข้าสินะ... คิดในใจนั่งเงยหน้ามองร่างสูงกำยำที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียง พลันสายตาของเธอก็อดที่จะเบี่ยงเบนไปยังจุดเด่นชัดกลางลำตัวไม่ได้จริงๆ หลับตากัดฟันแน่นระงับอารมณ์หงุดหงิดที่ต้องทนเห็นอย่างนี้ทุกเช้า ตัดสินใจกระโดดขึ้นไปบนเตียงก่อนจะกระโดขึ้นไปบนตัวเขาร้องเสียงเหมียวๆข้างๆหู ก็ยังคงนิ่งสนิท ไม่ว่าจะเดินวนไปวนมาตรงอกเขาก็ยังคงไม่ยอมตื่น นี่หลับหรือซ้อมตายกันแน่ ไม่ทันจะได้เริ่มแผนต่อไปเจ้าตัวใหญ่ก็พลิกตัวคว้าร่างเจ้าแมวเหมียวของเขาเข้าไปกอดเหมือนตุ๊กตา เงี๊ยววว!! ...ทำอะไรของเจ้าเนี่ย!! ตื่นแล้วไปทำงานได้แล้วนุดขี้เซาเอ้ย!!... ร้องบ่นออกมาจนเป็นเสียงแมว แม้จะรู้ว่าเขาจะไม่เข้าใจแต่อย่างน้อยก็ทำให้รำคาญอยู่บ้าง เจ้าแมวสีนิลดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแกร่ง ก่อนจะรีบดีดกระโดดตัวออกจากช่องระหว่างแขนของเขา ตั้งท่าเดินไปยังกลา