Share

บทที่7.ความฝัน

last update Last Updated: 2024-12-19 07:33:59

กลางกรุงที่พลุกพล่าน ท้องฟ้าสีครามถูกขับเน้นด้วยเส้นขอบฟ้าของตึกสูงรายรอบเสียงรถยนต์และฝูงชนที่เดินขวักไขว่สร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลังของเมืองหลวง ใจกลางความวุ่นวาย สองพ่อลูกยืนอยู่ริมฟุตาบาธในเสื้อผ้าที่เรียบง่าย ฝุ่นจับรองเท้าสะพายกีต้าร์คู่ใจข้างหลัง

ดวงตาของอาดัมเปี่ยมไปด้วยความหวัง ลึกซึ้งและสุกใส ราวกับแสงประกายเล็กๆ ที่ส่องผ่านม่านเมฆหมอกแต่เขามองตรงไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ ตึกกระจกสูงระฟ้าที่สะท้อนแสงแดดยามบ่ายดูเหมือนจะเป็นมากกว่าอาคารมันเป็นเป้าหมาย เป็นปลายทางของความฝันที่เขาและพ่อร่วมกันสร้าง ดวงตาคู่นั้นไม่เพียงสะท้อนภาพความทะเยอทะยาน แต่ยังแฝงไว้ด้วยความเชื่อมั่นในพลังของเสียงเพลงและอนาคตที่ยังไม่ถูกกำหนด

อาดัมและพ่อก้าวเข้าไปในตึกสูงตระหง่าน ประตูอัตโนมัติเปิดออก ล็อบบี้กว้างขวางที่ปูด้วยหินอ่อนเงาวับ แสงไฟนีออนสาดส่องให้ทุกอย่างดูหรูหราและเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม เสียงรองเท้าของพวกเขากระทบพื้นดังกังวานในพื้นที่ที่ดูจะกว้างใหญ่เกินกว่าที่คุ้นเคย อาดัมเหลือบมองรอบตัวด้วยความตื่นเต้น ขณะที่พ่อมองตรงไปยังแผงปุ่มเรียกลิฟต์ ด้วยใบหน้าที่แฝงความมุ่งมั่น

เมื่อประตูลิฟต์เปิดออก พวกเขาก้าวเข้าไปในพื้นที่โลหะขัดมันที่สะท้อนเงาเลือนรางของทั้งคู่ อาดัมรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นแรงขึ้นทุกวินาที ขณะที่พ่อกดปุ่มไปยังชั้นบนสุด เสียง "ติ๊ง" เบาๆ ตามมาด้วยการเคลื่อนตัวของลิฟต์ขึ้นไปสู่อากาศด้านบน ดวงตาของอาดัมมองตัวเลขที่ค่อยๆ เปลี่ยนไปบนจอไฟดิจิทัล เขากำมือที่ถือเคสกีต้าร์แน่น ราวกับกอดความฝันไว้ไม่ให้หลุดมือ

ลมหายใจค่อยๆ หนักแน่นขึ้นในความเงียบของลิฟต์ ก่อนที่พ่อจะเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่มั่นใจ "พร้อมหรือยังลูก?" อาดัมหันมองพ่อ ก่อนพยักหน้าช้าๆ พร้อมรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมาย "พร้อมครับ"

ติ้ง !

เสียงลิฟต์ดังขึ้นอีกครั้งเมื่อประตูเปิดออกสู่ชั้นบนสุด จุดหมายที่เต็มไปด้วยความฝันและโอกาสรออยู่เบื้องหน้า

ส่งถึงห้องออดิชั้น..ห้องนั้นเรียบง่ายแต่ทรงพลัง ผนังสีขาวสะอาดล้อมรอบด้วยแผ่นกันเสียงสีเทาอ่อน บนผนังมีโลโก้ค่ายเพลงใหญ่ติดอยู่เด่นชัดเหมือนเครื่องหมายแห่งความฝัน โต๊ะยาวตั้งอยู่ด้านหน้า มีผู้บริหารและทีมงานนั่งเรียงกันอยู่ สายตาแต่ละคู่ดูนิ่งแต่เต็มไปด้วยความคาดหวัง และแฝงความกดดันที่ยากจะอธิบาย

พื้นห้องปูด้วยพรมสีเข้มซึ่งช่วยซับเสียง กึ่งกลางห้องมีไมโครโฟนตั้งอยู่เดี่ยวๆ พร้อมกับขาตั้งกีตาร์ที่ดูเหมือนจะรอคอยให้เสียงเพลงมาปลดปล่อยความเงียบ ห้องถูกส่องด้วยแสงไฟสีขาวนวลที่ทำให้ทุกอย่างดูชัดเจนจนไม่มีที่ให้หลบซ่อน

เสียงแอร์ที่ทำงานเบาๆ กลายเป็นเสียงพื้นหลังเดียวในขณะที่อาดัมและพ่อยืนอยู่ตรงกลางห้อง พื้นที่นั้นให้ความรู้สึกทั้งเปิดโล่งและโดดเดี่ยวในเวลาเดียวกัน อาดัมเหลือบมองผู้ฟังทุกคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า มือของเขาจับกีตาร์แน่นก่อนจะสูดลมหายใจลึก พ่อเอื้อมมือตบไหล่เบาๆ เหมือนจะส่งสัญญาณว่า นี่คือช่วงเวลาที่เรารอคอย

บรรยากาศในห้องนั้นหนักอึ้ง แต่เต็มไปด้วยศักยภาพ ทุกโน้ตและทุกคำร้องที่กำลังจะเกิดขึ้นจะเป็นตัวตัดสินชะตาของพวกเขาในเสี้ยวนาทีนี้

“พร้อมหรือยังครับ? ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มเลย” เสียงของชายใบหน้าเคร่งขรึมที่นั่งอยู่ตรงกลางโต๊ะเปล่งออกมา เสียงนั้นต่ำลึกและมั่นคง แต่เต็มไปด้วยอำนาจที่ทำให้อาดัมรู้สึกเหมือนถูกตรึงอยู่กับที่ เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาเมื่อมองอาดัมและพ่อ ราวกับกำลังประเมินทุกอณูของพวกเขาในขณะนั้น

อาดัมเผลอกลืนน้ำลาย ขณะที่ห้องทั้งห้องดูเงียบงันจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นชัดเจน พ่อยิ้มบางๆ และพยักหน้าเบาๆ เป็นสัญญาณให้เริ่ม อาดัมสูดลมหายใจลึก สัมผัสที่นิ้วมือจับกีตาร์แน่นขึ้น เขามองตรงไปข้างหน้า ดวงตาของเขาพบกับสายตาของชายคนนั้น—สายตาที่เฉียบคมแต่เต็มไปด้วยความคาดหวัง

เสียงแรกจากกีตาร์ดังขึ้น ทำลายความเงียบในทันที เสียงเพลงที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และความหวังเริ่มไหลลื่นในอากาศ ทุกสายตาจับจ้องไปยังพวกเขา ราวกับว่าทุกโน้ตและทุกคำร้องกำลังถูกวัดผล

เสียงเพลงไหลลื่นเป็นจังหวะ อาดัมร้องด้วยพลังที่สะสมมาทั้งชีวิต น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยอารมณ์และความเชื่อมั่น ในขณะที่พ่อส่งสายตาให้กำลังใจและดีดกีตาร์ช่วยประสาน เสียงเพลงค่อยๆ ครอบคลุมทั้งห้อง ทุกโน้ต ทุกคำร้องส่งต่อเรื่องราวที่ลึกซึ้ง สะกดให้ทุกสายตาของผู้บริหารจ้องมองโดยไม่ละสายตา

เมื่อเสียงเพลงสุดท้ายจบลง ห้องออดิชั่นกลับมาเงียบงันอีกครั้ง เสียงกีตาร์ที่เคยก้องกังวานกลายเป็นเพียงความทรงจำในอากาศ อาดัม พยายามเก็บความตื่นเต้นและความกดดันที่ยังหลงเหลืออยู่ในอก เขาเหลือบมองผู้ตัดสินที่ยังคงนั่งนิ่ง เคร่งขรึม ไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากพวกเขา มีเพียงสายตาที่เหมือนกำลังชั่งน้ำหนักและวิเคราะห์ทุกสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น

ชายใบหน้าเคร่งขรึมลุกขึ้นจากโต๊ะ ส่งสัญญาณให้ทีมงานคนอื่นลุกตาม พวกเขาก้าวออกจากห้องไปทางประตูอีกด้านหนึ่ง เสียงรองเท้ากระทบพื้นเงียบแต่หนักแน่น พวกเขาหายเข้าไปในห้องประชุมที่อยู่ไม่ไกล ประตูปิดลงช้าๆ ทิ้งให้ห้องออดิชั่นเต็มไปด้วยความเงียบที่แทบได้ยินเสียงลมหายใจของอาดัมและพ่อ

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า เสียงพูดคุยเบาๆ ที่เล็ดลอดออกมาจากห้องประชุมเหมือนเสียงกระซิบที่จับใจความไม่ได้ อาดัมเหลือบมองพ่อ ซึ่งพยายามยิ้มให้กำลังใจ แม้แววตาจะดูไม่ต่างจากเขากังวลและเต็มไปด้วยคำถาม

เสียงนาฬิกาในห้องดัง "ติ๊ก ติ๊ก" ในความเงียบชวนให้อดคิดไม่ได้ว่าผลลัพธ์ที่รออยู่อีกฟากประตูจะเป็นอย่างไร ทุกวินาทีรู้สึกเหมือนยาวนานกว่าปกติ พวกเขารู้ดีว่าคำตัดสินนี้อาจเปลี่ยนชีวิตไปตลอดแต่ก็ต้องรออย่างอดทน

ดวงตาของอาดัมจับจ้องไปที่ประตูที่ดูเหมือนเป็นตัวกั้นระหว่างโลกสองใบ โลกที่เขาอยู่ตอนนี้ กับโลกที่กำลังรออยู่หลังบานนั้น ทุกอย่างเงียบสงัดแม้กระทั่งเสียงนาฬิกาที่เคยดัง "ติ๊ก ติ๊ก" ก็เหมือนจะช้าลง หรืออาจจะหยุดไปในความรู้สึกของเขา

ประตูค่อยๆ แง้มออก เสียงบานพับที่ดังเบาๆ กลับฟังชัดในความเงียบของห้องเล็กๆ ชายคนหนึ่งปรากฏขึ้นที่ประตู ท่าทางสุขุม ดวงตาของเขามองตรงมายังอาดัม พร้อมเสียงเรียกที่สั้น กระชับ แต่แฝงด้วยน้ำหนัก

“อาดัม เข้ามา”

อาดัมหันไปมองพ่อที่นั่งอยู่ข้างๆ ดวงตาของพ่อเต็มไปด้วยความอบอุ่น แม้จะมีร่องรอยความกังวลซ่อนอยู่ลึกๆ แต่รอยยิ้มบางๆ บนใบหน้ากลับเปี่ยมด้วยความเชื่อมั่นในตัวเขา พ่อยื่นมือออกมาแตะที่มือของอาดัม บีบเบาๆ เพื่อส่งผ่านกำลังใจ

"ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พ่อภูมิใจในตัวลูกเสมอ" คำพูดของพ่อทำให้อาดัมรู้สึกถึงความหนักแน่นที่เริ่มกลับมาหาเขา เขาสูดลมหายใจลึก ปล่อยให้ความกลัวละลายไปในสายสัมผัสของพ่อ

เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืน มุ่งหน้าไปยังประตูที่เปิดรอเหมือนเวทีที่เขาต้องแสดงตัวเป็นตัวเอก ชายที่ยืนรออยู่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่ถอยหลบเพื่อเปิดทางให้เขาก้าวเข้าไป

Related chapters

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่8.เส้นทางที่กำหนด

    อาดัมก้าวเข้ามาในห้องที่ดูโอ่อ่า แต่กลับมีบรรยากาศที่เคร่งขรึมจนทำให้เขารู้สึกเหมือนอากาศหนักขึ้นทุกย่างก้าว พื้นพรมหนานุ่มช่วยกลบเสียงฝีเท้าของเขา แต่หัวใจที่เต้นแรงกลับก้องอยู่ในความรู้สึก ราวกับเสียงกลองที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ใกล้จังหวะไคลแมกซ์แสงไฟสีขาวนวลส่องลงมาจากโคมระย้าด้านบน ทำให้เงาบางๆ จากเฟอร์นิเจอร์ในห้องทอดลงบนพื้น เจ้าของค่ายเพลงนั่งอยู่ที่เก้าอี้หนังตัวใหญ่ ด้านหลังเป็นชั้นวางหนังสือและรางวัลมากมายที่ประดับอย่างเป็นระเบียบ เขาดูสง่างามแต่ก็น่าเกรงขาม ราวกับราชาผู้ครองอาณาจักรมือของเขาเคาะปากกากับเอกสารตรงหน้าอย่างเป็นจังหวะ เบา แต่ชัดเจนพอที่จะสร้างแรงกดดันในความเงียบของห้อง ดวงตาคมกริบของเขาจ้องมองมาที่อาดัม ราวกับสามารถมองทะลุความคิดในใจของเขาได้ทุกอย่าง“นั่งลงสิ” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่แฝงด้วยอำนาจที่ไม่อาจปฏิเสธได้อาดัมขยับเข้าไปน

    Last Updated : 2024-12-19
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่9.ทุ่งนาที่แห้งแล้ง

    แต่เวลานี้ครอบครัวฮันน่าและชาวบ้านในชนบทแทบจะสิ้นหวังก็ว่าได้เมื่อถึงกลางฤดูร้อนที่แสนโหดร้ายจนทำให้ผู้คนท้อแท้กับอาชีพทำไร่ทำสวน ท้องฟ้าสีครามที่เคยงดงามบัดนี้ถูกแทนที่ด้วยหมอกควันจางๆ ที่เกิดจากไอร้อนระอุ นาข้าวที่เคยเขียวขจีและเต็มไปด้วยชีวิตชีวา กลับกลายเป็นเพียงทุ่งกว้างที่ปกคลุมด้วยความแห้งแล้ง ดินแตกระแหง สีน้ำตาลหม่น ฝุ่นทรายปลิวฟุ้งอยู่ในอากาศ เหมือนกับเสียงสะท้อนของธรรมชาติที่กำลังร้องไห้ในลำคลองที่เคยเต็มไปด้วยน้ำใสและฝูงปลาว่ายวน บัดนี้กลับกลายเป็นแค่ทางน้ำแคบๆ ที่แห้งขอด ปลาน้อยใหญ่ที่เคยมีให้จับกินทุกวัน เริ่มหร่อยหรอจนแทบจะมองไม่เห็น ความแร้นแค้นทำให้ชีวิตของชาวไร่ชาวนาหนักหนากว่าเดิม สถานการณ์การเงินของทุกครอบครัวในหมู่บ้านดิ่งลงเหว การขายผลผลิตที่เคยเป็นที่พึ่งในฤดูก่อนกลายเป็นเพียงฝันเลือนราง ในบ้านไม้หลังเล็กที่ตั้งอยู่กลางทุ่งแห้งผาก สองปู่ย่าของฮันน่าก็ไม่ต่างจากธรรมชาติรอบตัว พวกท่านนับวันยิ่งแก่ชราลง กำลังวังชาที่เคยมีเริ่มหมดไป การเดินเหินกลายเป็นเรื่องยากยิ่ง ลำพังการใช้ชีวิตประจำวันก็เหนื่อยล้า การทำไร่ทำสวนที่เคยเป็นความภาคภูมิใจในอดีตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายอ

    Last Updated : 2024-12-19
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่10.มิตรภาพและความลับ

    ฮันน่าใช้ชีวิตในเมืองที่ไม่คุ้นเคยด้วยความเหงาและโดดเดี่ยว แต่โชคดีที่เธอมีแจนเป็นเพื่อนสนิทในโรงงาน ความไว้ใจจึงเริ่มขึ้นทีละเล็กละน้อยจากการพูดคุยและการใช้เวลาอยู่ด้วยกัน“ฮันน่า คืนนี้ไปกับฉันได้ไหม? มีหนุ่มนัดเจอที่ร้านอาหาร ไม่ไกลจากที่นี่หรอก เขาบอกว่าอยากเจอเธอด้วย” แจนพูดพร้อมส่งสายตาอ้อนวอน ในห้องน้ำหญิงที่ทั้งสองแอบมาพักเบรกช่วงบ่าย ฮันน่ามองแจนด้วยความลังเล เธอไม่ค่อยชอบพบปะคนแปลกหน้า แต่ก็ไม่อยากทำให้แจนผิดหวัง“แล้ว...เขาเป็นใครเหรอ?” ฮันน่าถามน้ำเสียงเรียบ แจนยิ้มทันทีราวกับรู้ว่าฮันน่าจะตอบตกลงในที่สุด“แค่ไปสนุกๆ เองน่า ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำให้เธออึดอัด” แจนกล่าวด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น ฮันน่าพยักหน้าเบาๆ แม้ใจจะยังครุ่นคิด แต่เธอก็รู้สึกว่าแจนเป็นคนเดียวที่ทำให้ชีวิตในเมืองใหญ่นี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้นคืนนั้นอาจเป็นอีกครั้งที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเธอแน่นแฟ้นขึ้น หรืออาจนำไปสู่เรื่องราวใหม่ที่ฮันน่าเองก็ไม่คาดคิด...หลังจากเลิกงาน ฮันน่าและแจนรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าและออกเดินทางไปยังจุดหมายที่อยู่ห่างออกไปโดยรถแท็กซี่บาร์แห่งนี้ตั้งอยู่ในซอยเปลี่ยวลึกฮันน่าเดินตามแจนเข้าไปในร้

    Last Updated : 2024-12-20
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่11.หนีจากความกลัว

    “อยากกินอะไร สั่งเพิ่มได้เลยนะ เดี๋ยวผมเลี้ยงเอง” จอนห์พูดขึ้น พร้อมรอยยิ้ม ที่ดูเหมือนจะเป็นมิตรราวกลับว่าเขาเป็นเจ้ามือใหญ่ของเย็นนี้ แต่กลับทำให้ฮันน่ารู้สึกอึดอัดเธอไม่แน่ใจว่าคำพูดนั้นเป็นเพียงความหวังดี หรือเป็นการแฝงนัยบางอย่างแต่แล้วสถาณการณ์ยิ่งแย่ลงไปกว่าเดิมเมื่อจอนห์ลุกจากเก้าอี้และข้ามฝั่งมานั่งข้างเธอ ฮันน่ารู้สึกถึงแรงกดดันเพิ่มขึ้นเมื่อเขาเลื่อนมือออกมาพยายามล่วงเกินเธอจนเกินขอบเขตที่เธอรู้สึกสบายใจ จนฮันน่าต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที “ฮันน่า..กลับก่อนดีกว่าค่ะ”“อยู่ต่ออีกหน่อยสิครับ”แต่แล้วเขาเอื้อมมือเข้ามาใกล้เธออีกครั้ง จนทำให้ความอดทนของฮันน่าหมดลงในทันทีเธอยกมือขึ้นเพี๊ยะ! เสียงฝ่ามือที่กระทบแก้มดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ฮันน่าหายใจแรงด้วยความโกรธที่ก่อตัวขึ้นจากการกระทำที่ไม่เหมาะสมจอนห์ชะงักไปทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความตกใจ เขายกมือขึ้นแตะแก้มที่แดงเป็นรอยอย่างไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้น เสียงในร้านที่เคยจอแจพลันเงียบกริบ ทุกสายตาในร้านต่างหันมามองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยและตกตะลึงฮันน่ายืนตัวตรง แม้ร่างกายจะสั่นเล็กน้อย แต่ใบหน้าเธอฉายแววกร้าวและแน่วแน่ น้

    Last Updated : 2024-12-23
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่12.ความเปลี่ยนแปลงและจดหมาย

    หลังจากคืนนั้น ทุกสิ่งรอบตัวของฮันน่าดูเหมือนจะเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม ความสัมพันธ์ที่เคยเรียบง่ายและอบอุ่นกับแจน เพื่อนร่วมงานที่เคยเป็นเหมือนจุดพักใจเล็กๆ ท่ามกลางวันที่วุ่นวายบัดนี้กลับกลายเป็นคนเงียบงันและหลีกเลี่ยงสายตาสิ่งที่รุนแรงกว่าความเฉยชาจากแจนคือสายตาจากเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ ที่ไม่เหมือนเดิม พวกเขามองเธอราวกับเธอเป็นคนนอก หรือแปลกหน้าที่ไม่ควรอยู่ตรงนั้น ทุกครั้งที่เธอเดินผ่าน เสียงซุบซิบดังขึ้นตามหลังเธอ แม้จะฟังไม่ถนัด แต่เธอสัมผัสได้ว่ามันเกี่ยวกับตัวเธอเธอรู้สึกเหมือนถูกกลืนหายไปในฝูงชนที่มองมาด้วยสายตาเย็นชา เหมือนทุกคนรอบตัวไม่ต้องการให้เธออยู่ที่นั่น ความเงียบรอบข้างที่ขัดแย้งกับเสียงซุบซิบที่แผ่วเบา กลายเป็นเสียงก้องในหัวใจของเธอ"มันเกิดอะไรขึ้น..?"คำถามนั้นวนเวียนอยู่ในหัว เธอพยายามปะติดปะต่อเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงนี้ แต่ทุกอย่างกลับพร่าเลือนราวหมอกปกคลุม สภาพแวดล้อมที่เคยคุ้นเคย กลายเป็นพื้นที่แปลกหน้า เสียงหัวเราะที่เคยได้ยินบ่อยครั้ง ตอนนี้กลับฟังเหมือนเสียงหัวเราะเยาะความจริงที่เธอไม่อาจปฏิเสธได้คือ เธอเป็นเพียงเด็กสาวที่ใสซื่อจากต่างจังหว

    Last Updated : 2024-12-23
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่13.การกลับมาครั้งสุดท้าย

    ฮันน่าก้าวลงจากรถทัวร์พร้อมกระเป๋าใบเดิม สายลมจากท้องทุ่งนาที่โอบล้อมด้วยภูเขาอันคุ้นตาพัดผ่านใบหน้า ราวกับต้อนรับการกลับมาของเธอ แต่ความรู้สึกในใจกลับแตกต่าง เธอเร่งรีบเดินตามถนนเส้นเล็กที่ทอดยาวไปยังบ้านไม้หลังเก่าที่เคยอาศัย หวังเพียงจะได้เห็นหน้าปู่เป็นครั้งสุดท้าย แต่เมื่อมาถึง เสียงพระสวดเบา ๆ จากในบ้านกลับทำให้เธอรู้ว่า เธอมาช้าเกินไปในบ้านที่อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความอาลัย ฮันน่าก้าวเข้ามาท่ามกลางญาติพี่น้องที่นั่งกันเงียบ ๆ ทุกคนมองมาที่เธอด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความเสียใจและเห็นอกเห็นใจ แต่ในใจของเธอ ทุกอย่างกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าเท้าของเธอเหมือนถูกโซ่ล่ามไว้ แต่สุดท้าย ฮันน่าก็พาตัวเองเดินไปจนถึงหน้าโลงศพ ภาพถ่ายของปู่ในกรอบไม้เรียบง่ายตั้งตระหง่านอยู่ด้านบน รอยยิ้มในภาพนั้นเป็นสิ่งเดียวที่ยังคงปลอบโยนเธอในวินาทีนี้ ฮันน่าค่อย ๆ ก้มลงพนมมือ น้ำตาที่กลั้นไว้ตลอดทางไหลรินลงอาบแก้มอย่างไม่อาจห้ามได้เธอพึมพำแผ่วเบาราวกับปู่จะได้ยิน "หนูกลับมาแล้วนะปู่ ขอให้ปู่หลับให้สบาย ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีกแล้ว" เสียงของเธอสั่นเครือ แต่เปี่ยมไปด้วยความอาลัยในพระคุณของปู่ที่ได้เลี้ยงเธ

    Last Updated : 2024-12-24
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่14.ชีวิตตามฝัน

    10 ปีผ่านไป ณ เมืองที่ไม่เคยหลับใหล ซึ่งเต็มไปด้วยแสงสีและความคึกคัก ท้องฟ้ายามเย็นเปลี่ยนเป็นสีส้มอมแดง ทาบทับผืนน้ำทะเลสะท้อนเงาแสงสุดท้ายของวัน อาดัม หนุ่มหล่อมาดเซอร์ ดวงตาคมเข้มเหมือนมีเรื่องราวสะท้อนอยู่ในนั้น สะพายกีตาร์ตัวเก่งไว้บนหลัง พร้อมจักรยานคันโปรดที่เขาใช้เดินทางอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยเสรีภาพเสียงล้อจักรยานบดไปบนถนนเลียบชายหาดคลอด้วยเสียงคลื่นที่ซัดเข้าฝั่งอย่างแผ่วเบา กลิ่นน้ำทะเลและสายลมเย็นสดชื่นพัดผ่านผิวหน้า ปลุกทุกความรู้สึกให้ตื่นตัว เขาไม่รีบร้อน แต่ปล่อยให้ทุกวินาทีของการเดินทางซึมซับความสวยงามของธรรมชาติรอบตัวอาดัมจอดจักรยานคู่ใจริมชายหาดอีกครั้งเมื่อเขาหันมอง แสงอาทิตย์ที่กำลังลาลับขอบฟ้าทอแสงสีทองสะท้อนบนผิวน้ำทะเลเป็นภาพที่สวยงามเกินบรรยายชวนให้เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ถ่ายภาพช่วงเวลานี้ไว้แล้วโพสต์ลงโซเชียลมีเดียที่มีผู้ติดตามจำนวนหนึ่งที่รอคอยความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนนี้ พร้อมคำบรรยายที่สะท้อนความคิดสร้างสรรค์และความรู้สึกที่อยากให้ทุกคนได้สัมผัส“บางครั้งชีวิตก็เหมือนแสงอาทิตย์ยามเย็น อาจดูเหมือนสิ้นสุด แต่ก็ยังคงทิ้งความงดงามไว้ให้เราได

    Last Updated : 2024-12-24
  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่15.เดินทางสู่ทะเล

    แต่ในอีกโลกหนึ่ง ของสาวผู้โดดเดี่ยว เธอยืนนิ่งบนระเบียงของคอนโดสูงที่มองเห็นเมืองทั้งเมืองจากมุมมองอันกว้างใหญ่ ชุดนอนสีขาวที่เธอสวมดูเรียบง่าย ท่ามกลางแสงจันทร์ที่ตกกระทบบนผิวผมยาวสลวยของเธอ ราวกับตัวเธอกลมกลืนไปกับความสงบของราตรีสายตาของเธอทอดลงไปยังพื้นเบื้องล่าง ที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากไฟถนนและแสงสะท้อนจากหน้าต่างนับไม่ถ้วนของอาคารใกล้เคียง แม้ความเคลื่อนไหวของเมืองจะเต็มไปด้วยพลัง แต่ดูเหมือนว่าไม่มีสิ่งใดสามารถรบกวนภวังค์ในจิตใจของเธอได้แก้ววิสกี้ในมือของฮันน่าสั่นไหวขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นดื่มมันจนหมดในอึกเดียว รสขมของแอลกอฮอล์ไหลลงสู่ลำคอ แต่กลับไม่สามารถลบล้างความเจ็บปวดที่ฝังลึกในใจเธอได้ ความทรงจำที่ตามหลอกหลอนมานับสิบปีกัดกินจิตใจของเธอราวกับเปลวไฟที่ไม่มีวันดับเธอยืนหลับตาอยู่อย่างนั้น สายลมแห่งรัตติกาลพัดผ่านใบหน้าของเธอ แต่แล้วความเงียบเหงานั้นก็ถูกทำลายด้วยเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือ เธอสะดุ้งก่อนจะรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาดูหน้าจอที่ส่องแสงในความมืดแสดงชื่อหนึ่งขึ้นมาน้ำหนักของชื่อบนหน้าจอนั้นทำให้เธอหยุดนิ่ง ราวกับเวลาถูกแช่แข็งในช่วงวินาทีที่ยาวนาน เธอจ้องมองชื่อน

    Last Updated : 2024-12-25

Latest chapter

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่31.มือนำทาง

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบสงบ มีเพียงเสียงลมพัดแผ่วเบาลอดผ่านหน้าต่างห้องของอาดัม เขายืนถือโทรศัพท์ไว้แนบหู ปลายสายนั้นคือวิน เพื่อนสนิทที่โทรมาจากต่างแดน เพราะหลังจากเหตุการ์ณ์ที่เกาะทองคำวันนั้นวินได้บินกลับไปอย่างกระทันหัน "นายแน่ใจเหรอ...อาดัม?" เสียงของวินชัดเจนผ่านใบหูของอาดัมในขณะที่ทั้งสองได้คุยกันมาได้สักพักแล้วจนมาถึงช่วงสุดท้ายก่อนจะวางสายลง “แน่ใจสิ…”อาดัมตอบกลับด้วยความมั่นใจขณะที่ดวงตาคมกริบของเขาฉายแววความแน่วแน่มั่นคง ถึงแม้เขาจะรู้จักเธอแค่เพียงหนึ่งสัปดาห์ก็ตาม แต่บางอย่างในตัวเธอทำให้เขาตัดสินใจได้โดยไม่ลังเล เมื่อวินได้ยินคำตอบที่ราวกลั่นออกมาจากหัวใจของอาดัมแล้ว เขาก็เอ่ยด้วยด้วยน้ำเสียงแห่งความยินดี “เมื่อนายมั่นใจและเชื่อมั่นแล้ว ฉันก็เชื่อในตัวนายเช่นกันว่านายนั้นทำได้ดี” วินตอบกลับแล้วหันมองดูเวลาบนข้อมือที่ใกล้เข้ากะทำงานไปทุกที“ ไว้คุยกันใหม่ ฉันต้องเข้าทำงานแล้ว ขอพระเจ้าอวยพร นายกับฮันน่า นะ" “ขอบใจมากเพื่อน ..วิน! แล้วเจอกัน ” .. ตุ๊ด.. ตุ๊ด.. ตุ๊ด..………….เมื่อวางสายไปแล้ว อาดัมถอนหายใจออกมาช้าๆ พลางเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้ายามราตรี แสงดาวระยิบระยับสะท้อ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่30.แสงแห่งคำอธิษฐาน

    ยามหัวค่ำในห้องพักฟื้น อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศแผ่ซ่านลึกเข้าไปถึงกระดูก ฮันน่า นอนนิ่งอยู่บนเตียง แม้ร่างกายยังคงเจ็บปวดจากบาดแผลที่ยังไม่หายดี แต่ถึงกระนั้นความเจ็บปวดจากร่างกายนั้นเทียบไม่ได้เลยกับสิ่งที่กัดกินเธออยู่ภายในความกลัว ที่เหมือนเงาดำซึ่งคืบคลานเข้ามารัดแน่นจนหายใจแทบไม่ออกเธอรู้ดีว่าการหนีจาก ลินลี่ ไม่ใช่เรื่องง่าย... ไม่สิ มันเป็นไปไม่ได้เลย เพราะที่นี่ไม่ใช่ที่สำหรับคนอย่างเธอ นี่คือเมืองที่ลินลี่ครอบครองทุกสิ่งหญิงผู้มีอิทธิพล ผู้ทรงพลังยิ่งกว่ากฎหมายและความยุติธรรม ไม่มีมุมใดของเมืองนี้ที่จะหลบพ้นสายตาของเธอได้หัวใจของฮันน่าเต้นแรงในอก ดวงตาจ้องมองเงาตรงประตูหน้าห้องที่ดูเหมือนจะขยับเคลื่อนไหวตามเสียงฝีเท้าในจินตนาการของเธอ ทุกวินาทีราวกับกำลังรอคอยหายนะที่จะมาถึงโดยไม่มีวันเลี่ยงได้เธอไม่ได้หวังปาฏิหาริย์อีกต่อไป... ในเมืองของลินลี่ คนที่หนีไปได้ มีเพียงเงา หรือซากศพตึก... ตึก...ตึกเสียงรองเท้าส้นสูงดังสะท้อนก้องมาตามทางเดินยาวนอกห้อง ทุกก้าวการเดินนั้นราวกับกำลังย้ำเตือนถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึง ทุกก้าว ยิ่งกระชั้นชิด เสมือนเสียงของนาฬิกาเรือนใหญ่ที่น

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่29..เคียงข้าง...แม้วันอ่อนแอ

    ภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล บรรยากาศเงียบงัน แสงไฟนวลตาส่องกระทบผนังสีขาวสะอาดตา ทว่ากลับให้ความรู้สึกโดดเดี่ยว อากาศอบอวลด้วยกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อเจือจาง เตียงคนไข้ถูกจัดไว้อย่างเป็นระเบียบ ม่านสีขาวกั้นเป็นสัดส่วน อาดัมก้าวเข้ามาอย่างช้าๆสายตาของเขามองไปยังหญิงสาวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง ผ้าพันแผลสีขาวพันรอบศีรษะของเธอ และขาของเธอถูกดามไว้อย่างแน่นหนา ร่องรอยบาดแผลและรอยฟกช้ำปรากฏให้เห็นบนผิวกายซีดเซียว ร่างกายของเธอดูเปราะบางราวกับอาจแตกสลายได้ทุกเมื่อ เสียงลมหายใจแผ่วเบาของเธอยืนยันว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็เป็นชีวิตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด อาดัมรู้สึกเหมือนมีก้อนหินหนักๆ กดทับอยู่ในอก ราวกับแบกรับความรู้สึกผิดที่มองไม่เห็น เขายืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจเบาๆ สายตาไล่มองไปตามร่างของเธอ พลางครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอต้องเจ็บหนักขนาดนี้ เขารู้ว่าเธอรอดมาได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเธอจะผ่านมันไปได้โดยง่าย เสียงฝีเท้าของเขาเบาลงขณะก้าวถอยหลัง สุดท้ายอาดัมเลือกจะหมุนตัวเดินออกจากห้องแม้ความกังวลยังคงฝังแน่นอยู่ในใจ... เขาตรงกลับมาบ้านที่อบอุ่นเสียงฝีเท้าดังก้องทั่วห้องโถ่งทางเด

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่28.เงาแห่งโชคชะตา

    กลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ เรือสปีดโบ๊ทแล่นตัดผ่านเกลียวคลื่นอย่างรวดเร็ว เสียงเครื่องยนต์คำรามกลบความเงียบของท้องฟ้ายามเย็นที่กำลังมืดลง อาดัมนั่งเงียบอยู่ข้างฮันน่า ดวงตาของเขามองไปยังใบหน้าของฮันน่าที่เปื้อนไปด้วยเลือด เธอดูอ่อนล้าและไร้เรี่ยวแรงและในแววตาของเธอนั้นช่างเต็มไปด้วยความเจ็บปวด“คุณ…เข้มแข็งไว้นะ” อาดัมเอ่ยขึ้น ด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง ขณะที่นันย์ตาเขามองเธอราวกับต้องการส่งกำลังใจทั้งหมดที่เขามีให้กับเธอ ปลายนิ้วของเขาแตะลงบนแขนของเธอเบา ๆ สัมผัสแผ่วเบาที่ไม่ได้ต้องการอะไร นอกจากให้เธอรู้ว่าเธอไม่ได้เผชิญกับสิ่งนี้เพียงลำพัง ฮันน่ามองอาดัม ก่อนพยักหน้าแม้ไม่มีคำพูดใดออกมา แต่แววตาของเธอนั้นรับรู้ถึงความห่วงใยของเขา และเธอจะพยายามอดทน ให้ถึ่งฝั่งเรือสปีดโบ๊ทเข้าใกล้ฝั่งมากขึ้น ทุกวินาทีเต็มไปด้วยความเร่งด่วน ไฟสีแดงของรถพยาบาลที่จอดรออยู่ที่ท่าเรือสะท้อนบนผิวน้ำ ราวกับประกาศความสำคัญของชีวิตที่กำลังแขวนอยู่บนเส้นด้ายทันทีที่เรือจอดเทียบที่ท่า คนขับเรือและเจ้าหน้าที่รีบเข้ามาช่วยอาดัมพยุงฮันน่าขึ้นไปยังรถพยาบาล เสียงไซเรนดังก้องเมื่อรถพุ่งออกจากท่าเรือ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่27.อุบัติเหตุไม่คาดฝันพลิกชีวิต

    ท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนจากใสป็นสีดำครึ้มคลุมเคลือ บรรยากาศในหุบเขาข้างทะเลช่างเงียบสงบดูเหมือนทุกสิ่งหยุดนิ่งแต่มีเพียงเสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ของฮันน่าที่ดังก้องสะท้อนในความว่างเปล่า เธอบิดเร่งความเร็วขึ้นทางลาดชัน เสียงลมหายใจถี่กระชั้นของเธอผสมผสานกับเสียงไซเรนรถสายตรวจที่ดังแว่วมาไกลๆ ทุกเสียงเหมือนเหล็กปลายแหลมทิ่มแทงหัวใจ สร้างความกดดันให้เธอจนแทบระเบิด ความหวาดระแวงไหลเวียนในสายเลือดอย่างไม่มีสิ้นสุดจนมาถึงริมผาสูง เบื้องหน้าคือมหาสมุทรที่กว้างสุดลูกหูลูกตา ฮันน่าจอดมอเตอร์ไซค์และทอดสายตามองลงไปยังน้ำทะเลที่นิ่งเงียบ และไร้ขอบเขต ในขณะที่หัวใจเธอกลับเต็มไปด้วยความวุ่นวายราวพายุหมุน เสียงข้อความ "ติ้ง ติ้ง" ดังจากโทรศัพท์มือถือในมือ เป็นข้อความจากลินลี่ที่เหมือนเสียงเรียกครั้งสุดท้ายดึงเธอกลับมาสู่ความจริง“พอกันที ลินลี่” เธอเอ่ยเสียงเบา แต่เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว พลางมือขว้างโทรศัพท์ในมือออกไปสุดแรง มันพุ่งผ่านอากาศแล้วหายลับลงสู่ทะเลลึก ราวกับตัดสายใยสุดท้ายที่ผูกเธอไว้กับชีวิตเดิมดวงตาเลื่อนไปที่กระเป๋าสัมภาระข้างตัวด้วยแววตาแน่วแน่ ก่อนจะคว้ามันขึ้นและโยนมันลงไปตามโทรศ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่26.การผจญภัยบนเกาะทองคำ

    เรือเฟอร์รี่เคลื่อนเทียบเข้าฝั่งอย่างช้าๆ เสียงคลื่นกระทบกับท่าเรือดังราวจังหวะกลอง สอดประสานกับเสียงนกนางนวลร้องที่ลอยตัวอยู่เหนือชายฝั่ง อาดัมและวินก้าวลงจากเรือด้วยใบหน้าที่เริงร่า วิญญาณและร่างสัมผัสได้ถึงพลังแห่งธรรมชาติของเกาะทองคำ ทันทีที่เท้าลงบนผืนดิน กลิ่นลมทะเลสดชื่นอบอวลอยู่ในอากาศ พัดพาเอาความสบายใจมาสู่พวกเขา แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องกระทบกับผิวน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับ เกาะแห่งนี้ดูเหมือนจะโอบรับพวกเขาด้วยความอบอุ่นอาดัมยืดตัวขึ้น สูดลมหายใจลึก รู้สึกถึงความบริสุทธิ์ของอากาศบนเกาะที่ราวดั่งสวรรค์แห่งนี้ เขาหันมาทางวินด้วยใบหน้าตื่นเต้นแล้วเอ่ยขึ้นว่า“เราเช่ารถมอไซค์กันวิน มีร้านเช่าตรงที่หน้าท่าเรือ จะได้ขับรถชมรอบๆเกาะ”เสียงพูดของอาดัมฟังดูสดใสและเต็มไปด้วยพลัง วินพยักหน้าด้วยรอยยิ้มกว้าง แล้ว ทั้งคู่มุ่งหน้าไปยังร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ ใกล้ๆ ท่าเรือที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ที่กำลังหารถเช่าหรือมองหาไกด์นำเที่ยวหลังจากจัดการเรื่องการเช่ามอเตอร์ไซค์เรียบร้อยแล้ว ทั้งสองขี่มันออกไปบนถนนเล็กๆ ที่ตัดผ่านชายฝั่ง น้ำทะเลสีฟ้าใสสะท้อนอยู่ที่ปลายสายตา สายลมพัดผ่านใบหน้าขอ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่25.การเช็กอินที่ตึงเครียด

    บรรยากาศที่เปิดโล่งของล็อบบี้รีสอร์ตกลางสวนปาล์ม สียงคลื่นกระทบฝั่งดังแว่วมาไกลๆราวกับคำทักทายของมหาสมุทร เสียงลมพัดผ่านกิ่งใบของต้นไม้เกิดเป็นเสียงกระซิบที่แผ่วเบา คล้ายดนตรีธรรมชาติที่บรรเลงประสานกันอย่างลงตัว แสงแดดอุ่นยามสายลอดผ่านเพดานกระจกใสด้านบน สาดส่องลงมา ทอดเงาเป็นลวดลายอ่อนช้อยบนพื้นหินขัดสีเทาที่เปี่ยมด้วยความประณีตเฟอร์นิเจอร์ไม้สีน้ำตาลถูกจัดวางไว้อย่างมีสไตล์และลงตัว ที่สะท้อนถึงความกลมกลืนระหว่างธรรมชาติและความทันสมัย เสียงรองเท้าของฮันน่ากระทบพื้นเบาๆ ในจังหวะที่มั่นคง ตรงไปยังที่เคาน์เตอร์รับรองกลางล็อบบี้ พนักงานสาวสวมเสื้อสูทสีขาวสะอาดทับเสื้อเชิ้ตเนื้อเบาสีฟ้าอ่อน ใบหน้าผ่องใสถูกแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มต้อนรับอย่างอ่อนน้อม เธอยืนสง่างามหลังเคาน์เตอร์ไม้เรียบหรู มือวางพร้อมบริการฮันน่าหยุดอยู่ด้านหน้าเค้าน์เตอร์ สูดลมหายใจลึกเพื่อรวบรวมสมาธิ ขณะที่หัวใจเต้นแรงขึ้นเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจแต่ยังแฝงด้วยความตื่นเต้น“สวัสดีค่ะ ฉันฮันน่าเข้าเช็กอินค่ะ”“สักครู่นะคะ” เสียงของเธอราวกับสายลมเย็นที่พัดผ่านกลางฤดูร้อน ก่อนหยิบเอกสารเช็กอินมาตรวจสอบอย่างต

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่24.กับดักบนเกาะทองคำ

    ใกล้เกาะทองคำ บรรยากาศเหนือผืนน้ำสงบแต่แฝงไปด้วยความตึงเครียด บนเรือสายตรวจ เจ้าหน้าที่ทุกคนปฏิบัติหน้าที่อย่างเงียบงัน เสียงคลื่นกระทบตัวเรือดังก้องเป็นจังหวะสม่ำเสมอ แต่ในหัวของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวลและข้อสงสัยเรือสปีทโบ๊ตต้องสงสัยที่ได้รับรายงานถูกตรวจค้นอย่างละเอียด ทุกช่องเก็บของ และมุมเล็กมุมน้อยถูกเปิดออกเพื่อตรวจสอบ เอกสารทุกแผ่นถูกอ่านอย่างถี่ถ้วน แต่ผลลัพธ์ที่ได้คือความว่างเปล่าไม่มีสิ่งของผิดกฎหมายหรืออะไรที่ชวนให้คิดว่าเรือลำนี้เกี่ยวข้องกับการลักลอบเลยแม้แต่น้อยเสียงถอนหายใจดังขึ้นเบา ๆ ท่ามกลางความผิดหวัง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันไปหาหัวหน้าทีม “ข้อมูลผิดพลาด…ครับหัวหน้า” เขาพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจด้วยน้ำเสียงที่สับสนและความรู้สึกสิ้นหวังหัวหน้าทีมยืนนิ่งอยู่ตรงสะพานเรือ ดวงตาของเขามองไกลออกไปยังผืนทะเลที่ทอดยาวสุดสายตา ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ภายในเขากำลังประมวลผลข้อมูล “ไม่ใช่ความผิดพลาด…” เขาเอ่ยในที่สุด น้ำเสียงหนักแน่นของเขาทำให้ทุกคนหยุดนิ่งและหันมาฟังอย่างตั้งใจ “พวกเขาเปลี่ยนแผนแล้ว เราถูกเบี่ยงเบนความสนใจ”คำพูดนั้นทำให้ทั้งทีมตกอยู่ในความเงียบ ทุกคนเริ่มตระหนักว่าภ

  • 42 คำอธิษฐานบนถนนหลากสี (42 Prayers on the Rainbow Road)   บทที่23.รอยต่อแห่งท้องทะเล

    บรรยากาศในบ้านอาดัมเริ่มเงียบสงบลง หลังจากเสียงหัวเราะและความสนุกสนานของปาร์ตี้วันขอบคุณพระเจ้าค่อยๆ จางหายไป กลิ่นหอมอ่อนๆ ของอาหารที่ยังหลงเหลือในอากาศผสมกับความอบอุ่นจากแสงไฟในบ้าน เพื่อนๆ หลายคนทยอยกันกลับ บางคนช่วยคุณแม่ของอาดัมเก็บจานชาม บางคนกวาดบ้านพร้อมพูดคุยเรื่องราวในค่ำคืนที่เพิ่งผ่านไปวิน เพื่อนสนิทของอาดัม เดินเข้ามาพร้อมหยิบเสื้อคลุมที่วางพาดเก้าอี้ขึ้นมา ก่อนจะหันไปพูดกับอาดัมด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่แฝงด้วยความคาดหวัง"อาดัม พรุ่งนี้นายว่างไหม? เราข้ามเกาะไปเที่ยวที่เกาะทองกันสักคืนดีไหม? ฉันอยากรำลึกถึงวันเก่าๆ เพราะเดี๋ยวอีกสองสามวันฉันต้องกลับแล้ว"อาดัมที่กำลังเก็บกีตาร์ใส่กระเป๋าหยุดมือชั่วครู่ เขาเงยหน้าขึ้นมองวินด้วยรอยยิ้มกว้าง แววตาฉายชัดถึงความยินดีที่เพื่อนสนิทเอ่ยปากชวน"ได้สิเพื่อน วิน ฉันว่างอยู่ งั้นเราขึ้นเรือรอบแรกกันเลยไหม? รอบ 8 โมงเช้า เจอกันที่ท่าเรือ"วินหัวเราะเบาๆ ขณะสวมเสื้อคลุม "ตกลง งั้นเจอกันพรุ่งนี้!" เขายื่นมือไปหาอาดัม ทั้งสองยกมือประกบกันอย่างแน่นหนา ก่อนที่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มของพวกเขาจะเติมเต็มห้องที่เงียบสงบ"งั้นฉันไปก่อนนะ พรุ่งนี้

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status