21.00 น.
ณัฐนิชาเกิดความกังวลใจมาตั้งแต่ช่วงเมื่อกลางวันเธอไม่คิดว่าโลกจะกลมจนเหวี่ยงให้เธอมาเจอกับเขาอีกครั้งเขาในคืนนั้นที่เป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ทำลายเธอโดยที่เธอร้องขออะไรไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เพื่อนและน้องของสาวของเธอบอกเธอเกือบที่จะมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับเขาแล้วเชียวยังไงเธอก็จะต้องพาชีวิตเธอและลูกๆให้อยู่ห่างกับเขามากที่สุดเพราะเธอไม่รู้ว่าคนที่ไม่อยากจะมีครอบครัวอย่างชายหนุ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดมีลูกโดยไม่ได้ตั้งใจคนใจร้ายอย่างเขาจะทำอะไรกับพวกเธอบ้าง
แกร๊กกก
“คุณเมฆเข้ามาทางนี้อีกแล้วนะคะ”
ณัฐนิชาที่กำลังนั่งกอดเขาคิดอะไรเพลินๆอยู่ข้างๆของลูกๆเธอที่หลับกันไปแล้วเมื่อได้ยินเสียงประตูหลังห้องเปิดออกเธอก็หันขวับมองเห็นชายหนุ่มอย่างชัดเจนพลางตำหนิตัวเองที่เผลอลืมล็อคประตูเธอถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจที่เขาเข้ามาในห้องเธอโดยใช้ประตูหลังห้องอีกแล้ว
“ทำไมคุณยังไม่นอน”
เมฆาเห็นว่าหญิงสาวนั้นปวดหัวจนไม่ไปทานข้าวเย็นเขาก็อยากเข้ามาดูว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่าแต่เมื่อเข้ามาเห็นเธอยังไม่นอนแถมยังนั่งกอดเข่าอยู่ภายใต้แสงของโคมไฟบนหัวนอนนั่นอีกเขาคิดว่าเธอคงจะไม่ได้ป่วยจริงแต่เธอต้องมีอะไรในใจอย่างที่เขาสงสัยอยู่แน่นอน
“นิกำลังจะนอนแล้วค่ะ”
ณัฐนิชารีบซุกตัวนอนลงใต้ผ้าห่มเพื่อให้เขาเห็นว่าเธอจะนอนแล้วจะได้ออกไปจากห้องของเธอเสียที
“คุณเป็นอะไรกันแน่”
เมฆามองหญิงสาวที่ทิ้งตัวลงนอนข้างๆเด็กๆแต่เขาก็ไม่ได้คิดจะกลับห้องไปตอนนี้อีกทั้งยังถามหญิงสาวเสียงแข็งว่าตกลงเธอเป็นอะไรกันแน่ถึงได้มีท่าทีที่เมินเฉยกับเขาอย่างที่เธอนั้นไม่เคยเป็น
“นิไม่ได้เป็นอะไรนี่คะแค่ปวดหัวอยากพักคุณเมฆกลับไปห้องคุณเถอะค่ะ”
ณัฐนิชาจำต้องลุกออกจากฟูกนอนพร้อมเข้าไปดันตัวชายหนุ่มให้กลับไปที่ห้องของเขาแต่เหมือนคนตัวโตจะไม่ได้สะท้านต่อแรงดันของเธอเลยสักนิดยังคงยื่นนิ่งมองเธอด้วยสีหน้าและแววตาที่สงสัยอยู่
“ผมไม่เชื่อว่าคุณแค่ปวดหัว”
เมฆายื่นสองมือของเขาจับไหล่ของหญิงสาวเอาไว้จนคนตัวเล็กต้องแหงนขึ้นมามองหน้าของชายหนุ่มด้วยสายตาไม่พอใจอีกครั้ง
“นิแค่ปวดหัวแล้วคุณจะมาเค้นคำตอบอะไรกับนิคะ”
ณัฐนิชาจ้องชายหนุ่มเขม็งพร้อมพูดเสียงแข็งแต่ไม่ดังมากเพราะว่ากลัวเด็กๆจะตื่นขึ้นมากลางดึกเธอไม่ชอบให้เขามาเค้นทำท่าดุกับเธอแบบนี้เลย
“ผมแค่เป็นห่วงคุณ...คุณก็น่าจะรู้ว่าผมรู้สึกยังไงกับคุณ”
เมฆาไม่ได้คิดจะเค้นเอาคำตอบจากเธอให้อึดอัดใจแต่เขาเป็นห่วงเธอจริงๆเขาไม่ชอบที่หญิงสาวนั้นมีท่าทีไม่สนใจกันแบบนี้กับเขามันไม่ได้น่ารักเหมือนอย่างที่เธอเคยเป็นก่อนจะบอกกับเธอตามตรงให้รู้แล้วรู้รอดว่าที่เขาต้องคอยเป็นห่วงเธอมันเป็นเพราะเขามีความรู้สึกบางอย่างให้กับเธอและถามเธอด้วยสายตาที่อ่อนยวบลงว่าเธอไม่รู้บ้างเลยหรืออย่างไรว่าเขารู้สึกอย่างไร
“...นิ..ไม่รู้ค่ะ...”
ณัฐนิชาหลบสายตาชายหนุ่มเธอก้มหน้าลงไม่ได้อยากรับรู้ว่าเขารู้สึกอะไรกับเธอทั้งนั้นในตอนนี้จึงตอบปฏิเสธชายหนุ่มออกไป
“แล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาที่คุณไม่เคยปฏิเสธผมมันคืออะไร...คุณล้อผมเล่นหรือไง”
เมฆาเริ่มขบกรมแน่นทุกครั้งที่เขาทำดีกับเธอหญิงสาวไม่เคยปฏิเสธทำให้เขาคิดเองเออเองว่าเธอคงจะมีใจให้เขาบ้างถึงแม้มันจะเป็นเวลาที่รวดเร็วเกินไปยังไงเขาก็คิดว่าหญิงสาวคงจะมีใจตรงกันกับเขาแต่มาวันนี้จู่ๆเธอก็เปลี่ยนไปจนเขาสับสนเธอจะมาเล่นกับความรู้สึกของเขาเขาไม่ยอมง่ายๆแน่
“ใครกันแน่คะที่กำลังล้อเล่นอยู่...คุณกลับไปห้องคุณเถอะค่ะนิจะพักผ่อน”
ณัฐนิชาอดทนฟังคำกล่าวหาจากชายหนุ่มไม่ได้เธออดประชดเขาไม่ได้ว่าใครกันแน่ที่กำลังล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นอยู่เธอยอมรับว่าเขาทำให้เธอหวั่นไหวจนเกือบเผลอใจดีที่เธอรู้ก่อนว่าเขานั้นไม่อยากมีครอบครัวเธอเองจะได้ไม่ถลำคิดไปไกลกว่านี้และยิ่งรู้ว่าเขาเป็นคนที่ทำร้ายเธอในคืนนั้นทำให้เธอเลิกรู้สึกดีกับเขาในทันที
“นี่ชุดพรุ่งนี้ใส่งานวันเกิดผมด้วย...ผมหวังว่าผมจะได้เห็น”
เมฆาเห็นว่าหากคุยกันไปตอนนี้ก็มีแต่จะรู้สึกแย่ด้วยกันเปล่าๆเขาจึงหันหลังกลับไปที่ห้องของเขาพร้อมเอื้อมมือหยิบชุดที่เขาสั่งซื้อมาให้เธอได้ใส่ในงานวันเกิดของเขาวางไว้ที่โต๊ะในห้องของเธอเขาหวังว่าเขาจะได้เห็นว่าเธอใส่ชุดที่เขาซื้อให้ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะถือว่าเธอนั้นกำลังทำตัวท้าทายเขาอยู่
วันต่อมา
“คุณนิไปไหนเหรอครับ”
เมฆาถามหาณัฐนิชากับป๋อมแป๋มวันนี้แทบทั้งวันเมฆาไม่เห็นณัฐนิชาในบ้านเลยมีแต่น้องชายของเขากับน้องสาวของหญิงสาวและป๋อมแป๋มกับพวกแม่บ้านเท่านั้นที่กำลังวุ่นวายกับเรื่องปาร์ตี้บนเรือในคืนนี้
“เห็นบอกว่าจะวาดแบบอยู่ในห้องค่ะ”
ป๋อมแป๋มเห็นเพื่อนเธอนั่งในห้องทำงานตั้งแต่เช้าแล้วไม่รู้ว่าจะรีบให้งานมันเสร็จไปถึงไหนเธอเชื่อว่าเพื่อนเธอมีอะไรในใจแน่ๆแต่เธอก็ต้องรอเวลาให้ผ่านไปก่อนอยู่ดีเธอรู้นิสัยของเพื่อนเธอดีหากถึงเวลาอยากจะบอกก็บอกเอง
“อ่อ..ครับ”
เมฆามีอาการเซ็งตั้งแต่เมื่อคืนที่เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าหญิงสาวเป็นอะไรอีกทั้งเมื่อคืนก็ยังไปหาเรื่องทะเลาะกับเธออีกตอนนี้เขาคิดว่าควรจะปล่อยเธอไปก่อนแต่ยังไงเขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอเป็นอะไรยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดหัวใจ
17.00 น.
“เด็กๆมาทานข้าวก่อนครับ”
ตอนนี้วายุนั่งง่วนอยู่กับเด็กๆทั้งสองที่วิ่งเล่นกันไปทานข้าวกันไปโดยไม่มีคนช่วยเพราะพวกสาวๆนั้นเข้าไปแต่งตัวกันหมด
“พวกผู้หญิงไปไหนกัน”
เมฆาเห็นน้องชายเขาดูแลเด็กๆอยู่แค่คนเดียวและก็ใกล้เวลาที่จะขึ้นเรือกันแล้วด้วยเขาจึงถามหาคนอื่นๆ
“ผู้หญิงเค้าก็แต่งสวยกันอยู่น่ะสิครับ”
“มาฉันช่วย”
เมฆารู้ว่าพวกผู้หญิงคงใช้เวลากันอีกนานในเรื่องแต่งตัวเขาจึงนั่งลงที่โซฟาพร้อมถือถ้วยข้าวช่วยน้องชายป้อนเด็กๆอีกแรงพักหลังมานี้เขาเห็นน้องชายของเขาง่วนอยู่แต่กับเด็กๆและรินทร์ธาราเขาไม่ยักรู้ว่าน้องชายที่สุดแสนจะเลือดร้อนจะมานั่งใจเย็นดูแลเด็กๆเรื่องนี้ถ้าคนเป็นแม่ของเขารู้คงยิ้มหน้าบานที่ลูกชายคนเล็กตอนนี้มีนิสัยเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนตอนที่อยู่กับเด็กๆ
“เรือพร้อมแล้วครับ...ใครจะเป็นคนขับครับ”ธาดาเดินเข้ามาหาชายหนุ่มสองพี่น้องที่นั่งคุยกันพร้อมถือถ้วยข้าวเด็กๆเหมือนกับพวกพ่อลูกอ่อนไม่มีผิดก่อนจะถามว่าวันนี้ใครจะเป็นคนขับเรือออกไป“เรือใครคนนั้นก็ขับสิ”เมฆาหันไปมองธาดาว่าพลางอมยิ้มงานนี้เขาคงไม่เป็นคนขับเองแน่เพราะเขาเป็นเจ้าของวันเกิด“อืม...โอเคครับงั้นเดี๋ยวผมไปรอด้านนอกก็แล้วกัน”ธาดาพยักหน้าเข้าใจเขาขอตัวออกไปรอด้านนอกด้วยรู้ตัวอยู่แล้วว่าวันนี้ยังไงเขาก็ต้องเป็นคนขับเองแต่ก็แค่แกล้งถามเพื่อให้แน่ใจเท่านั้นเองว่าจะมีใครอยากจะขับเรือแทนเขาหรือเปล่า“เมื่อไรเวจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม”วายุส่ายหัวให้กับธาดาที่ชอบเหลือเกินจะมารับใช้พวกเค้าทั้งที่ตัวเองก็มีชีวิตที่สบายกว่านี้ได้หลายเท่าถ้าเป็นเขาคงเบื่อตาย“ไม่รู้สิเวอยู่อย่างนี้คงมีความสุขดีล่ะมั้ง”เมฆาคิดว่าเขานั้นเข้าใจธาดาดีเขาคิดว่าวันหากธาดามีความสุขกับชีวิตแบบนี้เขาก็ไม่ได้อยากขัดความสุขใครเมื่อถึงจุดที่ธาดารู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตใหม่เขาก็ไม่ได้คิดจะห้ามออกจะยินดีด้วย“วันนี้แกสวยมากเลยนะนิคุณเมฆต้องประทับใจแน่เลย”ป๋อมแป๋มกำลังยืนทำผมให้ณัฐนิชาอยู่ที่หน้ากระจกบานใ
เมื่อทุกคนขึ้นเรือกันครบธาดาก็ขับเรือยอร์ชสุดหรูลำใหญ่ที่มีพื้นที่อำนวยความสะดวกเพียงพอสำหรับทุกคนออกจากฝั่งไม่นานก็จอดเรือพร้อมเริ่มงานปาร์ตี้บนเรือกันอย่างสนุกสนานตอนนี้ธาดาทำหน้าที่ย่างบาร์บีคิวและดูแลเรื่องอาหารให้กับทุกคนส่วนป๋อมแป๋มก็ทำตัวเป็นดีเจเปิดเพลงคลอบรรยากาศไปทางด้านวายุและรินทร์ธาราก็ไม่ทิ้งหน้าที่เดิมยังคงเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆทั้งสองอีกทั้งยังพาเด็กๆมาออกสเตปแดนซ์กันอย่างน่ารักอีกด้วย“นี่ฉันต้องเปิดเพลงเด็กด้วยหรือเปล่าเนี่ย”“ฮ่าๆๆ”ป๋อมแป๋มและณัฐนิชาอดขำเจ้าสองแสบที่ออกมาเต้นกับรินทร์ธาราและวายุไม่ได้ที่เด็กๆดูจะสนุกกันจนลืมขวดนมในมือไปเลย“เอ่อ...นี่แกเค้กอยู่ในตู้แกไปเอามาสิ่นี่ก็จะได้เวลาคุณเมฆเป่าเค้กแล้ว”ป๋อมแป๋มเห็นว่ามันได้เวลาที่จะให้เมฆานั้นเป่าเค้กเธอเห็นชายหนุ่มกำลังยืนชมวิวอยู่ที่ด้านบนพอดีเลยให้ณัฐนิชาถือเค้กไปให้เมฆาเป่าน่าจะทำให้เจ้าของวันเกิดรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย“แกก็ไปเองสิทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”ณัฐนิชารีบส่ายหัวระริกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องถือเค้กไปให้เมฆาด้วย“ก็แกนั่นแหละเหมาะสุดแล้วฉันว่าคุณเมฆเค้าต้องประทับใจ...”ณัฐนิชายังคงยืนนิ่งท
“มันเป็นของพี่นิค่ะคุณเมฆเก็บได้ตรงไหนคะสงสัยพี่นิจะทำหล่นไว้แน่เลย...หวานไม่เห็นมันนานมากแล้วนะคะไม่คิดว่าพี่นิจะเอาติดมาด้วย”รินทร์ธาราตอบชายหนุ่มออกไปว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของพี่สาวเธอและคิดว่าชายหนุ่มคงจะเก็บได้แน่เธอเองก็ไม่ได้เห็นสร้อยเส้นนี้ของพี่สาวเธอนานแล้วคิดพี่สาวเธอเก็บไว้อย่างดีเสียอีกแต่นี่ดันมาทำหล่นให้คนอื่นเก็บได้เฉยเลย“อ่อ...เอ่อ...ด...เดี๋ยวผมเอาไปให้เธอเองก็ได้ครับ”เมฆาตัวชาวาบแทบจะหยุดหายใจคนที่เขาอยากจะเจออยู่ใกล้ตัวเขาแค่นี้เองเขาพอจะเดาออกแล้วว่าทำไมตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางวันณัฐนิชาถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปขนาดนั้นพลางมองไปที่เจ้าสองแสบตัวกลมที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ตอนนี้ภาพมันลางเพราะน้ำตาที่มันเริ่มคลอออกมาหูที่อื้อไม่ได้ยินอะไรทำให้ชายหนุ่มเหมือนถูกตรึงไว้ตอนนี้เขาแทบยืนไม่อยู่และพยายามทบทวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาค่อยๆลำดับเหตุการณ์“นี่คุณ...มาดูเด็กๆ”วายุที่เห็นรินทร์ธาราคุยกันกระหนุงกระหนิงกับพี่ชายของตนเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมเรียกให้หญิงสาวกลับมาดูเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่อย่างคึกครื้นและดูจะไม่หมดแรงง่ายๆ“โอเคๆ...หวานขอตัวนะคะ”รินทร์ธาราหันไปตามเสียง
“หืม...นี่”ณัฐนิชาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกวนประสาทเธอได้มากขนาดนี้มือเล็กที่ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครตอนนี้มันเงื้อมมือออกอัตโนมัติหมายจะฟาดไปที่ปากเสียๆของเขา“อืมม...คุณไม่สนใจตำแหน่งเมียผมจริงๆเหรอถึงสั่งให้ผมห้ามยุ่งกับคุณ...อืมไม่ใช่สิคุณก็เป็นเมียผมแล้วนี่นาต้องถามว่าคุณจะกลับมาเป็นเมียผมอีกไหม”เมฆาจับข้อมือหญิงสาวเอาไว้ทันและขึงไว้กับกำแพงก่อนที่มันจะถึงใบหน้าเขาไม่รู้สึกโกรธเธอที่จะทำแบบนี้สักนิดกลับอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นอีกต่างหากเลยเริ่มมีท่าทีและน้ำเสียงที่กวนอารมณ์เธอเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว“หยุดพูดแล้วออกไปเลยนะ”ณัฐนิชาทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ได้แต่ไล่เขาให้ออกห่างจากตัวเธอเท่านั้น“ผมออกไปก็ได้...จะไปหาลูกๆของผม”เมฆาปล่อยหญิงสาวแล้วค่อยๆเดินหันหลังออกไปจากห้องอย่างผู้ชนะเขาไม่ได้อยากทำกับเธอแบบนี้แต่ความพยศของหญิงสาวต่างหากที่บังคับให้เขาต้องทำ“เด็กๆไปไหนกันหมดครับ”เมฆาเดินออกมาด้านนอกก็ไม่เห็นเด็กๆแล้วจึงเดินเข้ามาถามหนุ่มสาวทั้งสี่คนที่กำลังยืนดื่มกันอยู่ที่หัวเรือ“นอนแล้วค่ะคุณเมฆ..เด็กๆอยู่ในห้องหวานน่ะค่ะ”“โอเคครับ...อืมเดี๋ยวคืนนี้คุณหวานไปนอนห้องผมก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปนอนกั
“ทำไมฉันต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วยเล่า”รินทร์ธาราตวัดสายตามองคนที่พึ่งเอ่ยเสียงดุสีหน้าของเธอตอนนี้เริ่มมีคิ้วขมวดเพราะไม่เข้าใจชายหนุ่มทำไมจะต้องอยากรู้เรื่องของเธอตลอดด้วย“หวาน..เห็นพาเด็กๆไปหาพี่ล่ะ”ขณะที่วายุกำลังเถียงกับรินทร์ธาราณัฐนิชาก็เดินหน้ามุ่ยออกมาพอดีเพราะดึกแล้วแต่น้องสาวเธอยังไม่ยักจะพาหลานๆไปส่งที่ห้อง“อ๋อ...เด็กๆนอนอยู่ในห้องหวานค่ะ”รินทร์ธาราพูดพรางชี้บอกว่าเธอพาเด็กๆไปที่ห้องของเธอก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมากดื่มอึกใหญ่“อ่อ...จะ”ณัฐนิชาได้ยินเช่นนั้นจึงหันหลังมุ่งตรงไปที่ห้องของน้องสาวเธอทันที“หืมม...เดี๋ยวคุณเมฆอยู่ในห้องป่ะ”รินทร์ธารานึกขึ้นได้ว่าห้องเธอไม่ได้มีเด็กๆนอนอยู่อย่างเดียวจะบอกพี่เธอตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ไม่ทันแล้วล่ะหวาน...อิๆๆ”ป๋อมแป๋มแอบขำและคิดว่าดีแล้วที่รินทร์ธาราลืมบอกณัฐนิชา วายุเองก็นั่งอมยิ้มกริ่มช่างเป็นจังหวะที่ดีเหลือเกินที่สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกันเผื่อจะพูดคุยให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ได้แกร็กกก“อ้าวคุณ”เมฆาผงกหัวขึ้นเมื่อเห็นณัฐนิชาเปิดประตูเข้ามา“คุณมานอนในห้องน้องสาวนิได้ยังไงคะ”จากที่หญิงสาวหน้ามุ่ยอยู่แล้วในคราแรกตอนนี้เริ่มขม
“อืม...พึ่งรู้เมื่อคืนนี้แหละ”วายุพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ได้รู้มาเขาเห็นสีหน้าของทุกคนเขาก็พอจะเดาภาพออกว่าสีหน้าของเขาเมื่อคืนคงจะไม่ต่างกับทุกคนในตอนนี้เพราะในความคิดของเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้สองคนชายหญิงที่พลาดมีสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแถมยังมีโซ่ทองไว้คล้องใจเป็นเจ้าสองก้อนกลมหลานแฝดของเขาอีกต่างหากแต่ตอนนี้เหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะให้ทั้งสี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันในเวลาอันรวดเร็วเพราะดูท่าแล้วณัฐนิชาคงจะใจแข็งน่าดูเขาไม่ได้คิดโทษเธอที่เธอเลือกแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าเธอคงจะทนอยู่กับความเจ็บปวดเรื่องคืนนั้นมานานเหมือนกัน“คุณนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่องนะ...อีกอย่างคุณยังทำงานให้ผมไม่เสร็จผมไม่ให้คุณกลับ”เมื่อเมฆาพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของเขาได้เขาก็ต้องเล่นบทโหดเป็นคนเสียงแข็งใส่เธอทันที“นิขอยกเลิกงานค่ะ...แล้วก็จะพาลูกๆนิกลับด้วย”ณัฐนิชาไม่อยากจะมองหน้าของเขาเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขาน่ากลัวไม่ใช่แค่ท่าทางกับคำพูดความคิดของเขาก็ยังดูน่ากลัวสำหรับเธอด้วย“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะยอมง
“เฮ้อ...ให้เวลาเธอหน่อยก็แล้วกัน”วายุคิดว่าเขาเข้าใจทั้งสองฝ่ายตอนนี้เรื่องมันยังใหม่ๆอยู่ต้องรอให้ทั้งคู่ปรับตัวกันอีกสักพัก“พี่นิ”รินทร์ธาราเข้ามาในห้องก็รีบโผไปกอดปลอบพี่สาวของเธอพร้อมลูบหลังคนที่สะอื้นกอดเข่าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล“ใจเย็นๆแก”ป๋อมแป๋มเองก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากให้เพื่อนเธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อน“คุณเมฆเค้าจะพรากลูกไปจากฉัน...ฮือๆๆ...ฉันไม่ยอม”ณัฐนิชาสะอื้นไปพูดไปเพราะตอนนี้เธอเหมือนคนจนหนทางที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรชายหนุ่มได้“คุณเมฆเค้าไม่ได้จะพรากลูกไปจากพี่นินะคะเค้าก็แค่อยากจะให้พี่กับเด็กๆอยู่กับเค้าเป็นครอบครัวเท่านั้นเอง”รินทร์ธาราเองเข้าใจว่าพี่สาวของเธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านมาแล้วแต่เธอก็เข้าใจเมฆาเหมือนกันและเธอเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดและดีสำหรับเด็กๆแล้วในแบบที่เธอมอง“นี่หวานเข้าข้างเค้าเหรอ”ณัฐนิชาเงยหน้ามามองน้องสาวของเธออย่างน้อยใจที่ดูน้องสาวของเธอนั้นจะเข้าข้างชายหนุ่มไปอีกคนทำเอารินทร์ธาราที่ถูกตำหนินั้นถึงกับหน้าจ๋อยไปไม่เป็น“หวานไม่ได้เข้าข้างหรอกแก...น้องมันก็อยากเห็นแกมีครอบครัวไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แ
“หืม...ดูท่าลูกชายแม่จะถูกใจหนูนิชาก่อนหน้าที่จะรู้ความจริงใช่ไหม”มัทนามองสีหน้าลูกชายของเธอคนที่อาบน้ำร้อนอย่างเธอมาก่อนก็ต้องดูออกอยู่แล้วว่าอารมณ์และคำพูดแบบนี้ลูกชายเธอมีอาการเป็นอย่างไร“อืมม...จะพูดยังไงดีล่ะครับเธอก็น่ารักดีนะแต่ตอนี้เธอดูดื้อสุดๆไปเลย”เมฆาพยักหน้ารู้ว่าคนเป็นแม่รู้ใจของเขาดีที่สุดแค่มองแปปเดียวก็รู้แล้วว่าเขาคิดอะไรอยู่“แม่จะบอกว่าถ้าลูกใช้วิธีบังคับเธอมันไม่โอเคหรอกเป็นแม่เองแม่ก็ไม่ชอบ..ผู้หญิงเวลาเจ็บมันฝังใจต้องให้เวลาหนูนิเค้าหน่อยตอนนี้แม่ว่าลูกควรปล่อยเธอไปก่อน”มัทนายอมรับว่าลูกชายเธอผิดที่ทำร้ายจิตใจณัฐนิชาและก็รู้ด้วยว่าหญิงสาวคงจะเจ็บปวดอยู่ไม่น้อยกว่าจะผ่านมาได้เพราะเธอก็เป็นผู้หญิงเหมือนกันแต่เธอคิดว่าทางที่ดีที่สุดถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้ทั้งสองตกลงกันได้เพื่อเป็นผลดีกับเด็กๆมัทนาจึงเสนอแนวทางให้ลูกชายของเธอนั้นปล่อยหญิงสาวไปก่อนเพื่อให้เธอนั้นจะได้ไม่อึดอัดและยิ่งทำตัวออกห่างชายหนุ่มไปมากกว่านี้“ปล่อยเธอไปเนี่ยนะครับ”เมฆาไม่รู้ว่าเขาจะเห็นด้วยกับข้อเสนอของแม่เขาดีหรือไม่“เอาเถอะน่าเดี่ยวเรื่องนี้แม่จะช่วยอีกแรงแค่ทำตามที่แม่บอกก็พอรับรองมัดใจ