“เด็กๆกระโดมาเลยเดี๋ยวลุงรับเอง” ตู้มมมม
“อร้ายยยย”
“ฮ่าๆๆ”
“ใบหม่อนวิ่งมาเลยครับ” ตู้มมมมม
ณัฐนิชาได้ยินเสียงของทั้งสามเล่นน้ำกันอย่างสนุกจนต้องออกมายืนพิงขอบประตูดูทั้งสามที่กำลังสนุกอยู่กับการกระโดดน้ำเธอยิ่งมองยิ่งอดยิ้มไม่ได้
“เลิกเล่นกันได้แล้วค่ะเด็กๆ”
ณัฐนิชาเห็นว่าทั้งสามเล่นน้ำกันมาร่วมครึ่งชั่วโมงแล้วอีกอย่างก็ใกล้จะเที่ยงแล้วอากาศก็ค่อนข้างร้อนจึงคิดว่าไปพาเด็กๆอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนดีกว่า
ชั่วโมงต่อมา
“โถ่แม่ครับผมยังไม่อยากมีครอบครัวเสียหน่อยแค่นี้ก่อนนะครับ”
เมฆาต้องส่ายหัวเวลาคุยกับคนเป็นแม่ทุกครั้งไปที่ชอบเล่าเรื่องผู้หญิงคนนั้นคนนี้เชียร์ให้เขาได้ฟังตลอดนี่ขนาดเขาโทรไปชวนให้มาปาร์ตี้วันเกิดด้วยเจ้าตัวก็ปฏิเสธว่าอายุเยอะแล้วไม่ชอบนั่งเรือนานๆแถมยังมิวายที่จะพูดเรื่องผู้หญิงคนล่าสุดที่พึ่งไปเจอให้ฟังจนเขานั้นต้องตัดบทขอจบการสนทนาไป
ณัฐนิชาชะงักเล็กน้อยเมื่อเข้ามาเจอคำพูดที่เมฆากำลังโทรคุยกับแม่พอดีตอนนี้เธอรู้แล้วว่าชายหนุ่มนั้นคงไม่ได้คิดอยากจะจริงจังกับเธอตามที่เพื่อนเธอบอกสักนิดเขาคงจะชอบชีวิตโสดไม่ชอบมีครอบครัวเมื่อรู้แบบนี้เธอเองก็รู้สึกหน่วงนิดๆยอมรับว่าสิ่งที่เขาทำให้เธอพักหลังมานี้มันทำให้เธอแอบหวั่นไหวจริงๆแต่ไม่เป็นอะไรในเมื่อรู้แบบนี้เธอก็จะได้ทำใจไม่ให้รู้สึกหวั่นไหวอะไรอีก
ก๊อกๆๆ
“เด็กๆล่ะครับ”
เมฆาหันไปตามเสียงเคาะประตูที่หน้าห้องของเขาชายหนุ่มตกใจเล็กน้อยหวังว่าหญิงสาวจะไม่ได้ยินสิ่งที่เขาคุยกับคนเป็นแม่เมื่อครู่แต่เมื่อเห็นรอยยิ้มอ่อนๆของหญิงสาวเขาเองก็สบายใจได้ก่อนจะเริ่มถามหาเด็กๆ
“ทานนมหลับไปแล้วล่ะคะคงจะเพลียเล่นกันสนุกขนาดนั้น”
ณัฐนิชาตอบชายหนุ่มพร้อมส่งยิ้มอ่อนๆให้เขาเฉกเช่นที่ทำประจำแต่ตอนนี้สายตาของเธอมันค่อนข้างที่จะเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย
“ไปทานข้าวกันเถอะค่ะ...นิเตรียมอาหารไว้บนโต๊ะหมดแล้ว”
“ครับ”
ณัฐนิชาเพียงแค่เดินมาตามชายหนุ่มไปทานข้าวเพราะอาหารที่ดาวเรืองเตรียมใส่กล่องมาให้เธอจัดเตรียมใส่จานบนโต๊ะอาหารเรียบร้อยแล้ว
“เอ้!!...”
เมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอออกจากห้องของเขาไปพลันสายตาหญิงสาวก็ไปสะดุดกับของบางอย่างที่มันเหมือนกับของที่เธอนั้นรักมากแต่มันหายไปเมื่อเหตุการณ์เลวร้ายในวันนั้นพลันมือก็ไวตามความรู้สึกหญิงสาวรีบหยิบร็อคเก็ตที่แขวนอยู่ตรงหน้าเธอมาเปิดดูทันทีวินาทีนั้นตัวเธอชาวาบไปหมดหายใจติดขัดเพราะไม่คิดว่าของๆเธอจะมาอยู่ที่นี่ได้
“มีอะไรหรือเปล่าครับ”
เมฆารู้สึกว่าหญิงสาวไม่ได้เดินตามเขามาจึงหันหลังกลับไปดูก็เห็นเธอนั้นกำลังยืนดูเจ้าร็อคเก็ตที่เขาสงสัยอยู่กับมันมานานหลายปี
“ร็อคเก็ตอันนี้..ของคุณเมฆเหรอคะ.”
ณัฐนิชารีบหันไปถามชายหนุ่มอย่างหน้าตาตื่นเพราะถ้ามันเป็นของชายหนุ่มเธอก็อยากรู้ว่าชายหนุ่มได้มันมาอย่างไร
“เอ่อ..ไม่ใช่หรอกครับคือผมได้มันมาตอนเกิดเหตุนิดหน่อยเมื่อสามปีก่อนน่ะครับ.”
“อืม...ค่ะ”
เมฆาตอบหญิงสาวพร้อมเดินหันหลังไปที่โต๊ะอาหารทันทีเขาเข้าใจว่าหญิงสาวคงจะชื่นชมของพวกนี้อยู่แล้วเลยไม่อยากหวงอะไรเธอมากนัก
ณัฐนิชาถึงกับกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอมือไม้สั่นคนในคืนนั้นคือเขาเองเขาคือผู้ชายใจร้ายที่ย่ำยีเธอในคืนนั้นหญิงสาวรีบวางร็อคเก็ตนี้ไว้ที่เดิมขัดแย้งจากเสียงหัวใจที่อยากจะได้มันคืนใจจะขาดแต่ก็กลัวว่าจะดูมีพิรุจ
เธอพยายามทบทวนดูว่าทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นกับเขาจังอีกทั้งเด็กๆก็คล้ายกับเขาอย่างมากอีกด้วยแต่ก็ต้องเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจเรื่อยมาไม่เคยพูดให้ใครฟังแม้แต่เพื่อนสนิทของเธอคำพูดที่บอกว่าเขานั้นไม่อยากมีครอบครัวแล่นมาในหัวเธอไม่อยากจะคิดเลยถ้าเขารู้ว่าผู้หญิงในคืนนั้นเป็นเธอเขาจะทำยังไง
ไหนจะลูกของเธออีกตอนนี้เธอเริ่มสับสนไปหมดแต่ก็ยังคุมสติทำตัวให้เป็นปกติหญิงสาวคิดว่าจะปิดบังเรื่องนี้ต่อไปเพราะเธอจะไม่ยอมให้คนใจร้ายอย่างเขาเข้ามาอยู่ในชีวิตเธอและลูกๆแน่นอนเธอคิดๆแล้วไม่น่าหลวมตัวไปรู้สึกหวั่นไหวกับคนอย่างเขาเลย
“ทานนี่สิครับ”
เมฆาชอบเวลาที่เธออยู่กับเขาแค่สองคนมันเป็นส่วนตัวและเขาก็แสดงออกในการเอาใจใส่เธอได้มากอีกด้วยเพราะไม่มีสายตาของใครมาจับจ้อง
ณัฐนิชาเอาแต่ก้มหน้าไม่มองชายหนุ่มใบหน้าของเธอที่ปกติจะเปื้อนรอยยิ้มอ่อนๆตอนนี้กลับไม่มีให้กับเขาแม้แต่นิดเดียว
“คุณนิเป็นอะไรหรือเปล่า”
เมฆาสังเกตว่าหญิงสาวนั้นดูแปลกๆมาเป็นพักแล้วเขาจึงต้องเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยว่าเธอเป็นอะไรหรือเปล่า
“เปล่าค่ะ...ถ้าเด็กๆตื่นแล้วเรากลับกันเลยนะคะ”
“โอเคครับ”
ณัฐนิชาจำต้องตอบชายหนุ่มไปว่าเธอไม่เป็นอะไรด้วยน้ำเสียงห้วนๆตอนนี้เธอแค่รอให้เด็กๆตื่นเท่านั้นเธอจะได้กลับเสียที
เมฆาดูออกว่าหญิงสาวคงมีเรื่องกังวลในใจเพราะสีหน้าเธอมันปิดไม่มิดเรื่องนี้เขาไม่อยากเซ้าซี้เธอแต่เขาแค่อยากจะทำให้เธอกลับมาอารมณ์ดีได้ก็เท่านั้นเอง
ช่วงเย็นของวัน
โต๊ะอาหาร
“แล้วคุณนิล่ะครับ”
เมฆาเห็นทุกคนมาพร้อมกันที่โต๊ะอาหารแล้วยกเว้นณัฐนิชาเขาจึงต้องเอ่ยถามป๋อมแป๋มว่าทำไมยังไม่เห็นหญิงสาวมาที่นี่
“เห็นบ่นปวดหัวน่ะค่ะเลยขอพัก”
ป๋อมแป๋มเองก็เห็นว่าเพื่อนของเธอซึมๆตั้งแต่กลับมาแล้วตอนเย็นก็บอกว่าไม่ขอร่วมโต๊ะอาหารอีกเธอคิดว่าเพื่อนเธอต้องเป็นอะไรแน่ๆแต่ไม่อยากกวนใจเพื่อนตอนนี้เพราะณัฐนิชาให้เหตุผลมาว่าไม่สบายเธอจึงตอบชายหนุ่มไปตามที่เพื่อนของเธอบอกมา
“อ่อ...ครับ”
เมฆามีสีหน้ากังวลพอสมควรเขาเชื่อว่าหญิงสาวต้องมีอะไรคาใจแน่เพราะเขาเห็นเธอแปลกๆตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้วตอนนี้เขาคิดว่าให้พ้นเวลานี้ไปก่อนยังไงคืนนี้เขาก็ต้องรู้ให้ได้ว่าเธอนั้นเป็นอะไรกันแน่
21.00 น.ณัฐนิชาเกิดความกังวลใจมาตั้งแต่ช่วงเมื่อกลางวันเธอไม่คิดว่าโลกจะกลมจนเหวี่ยงให้เธอมาเจอกับเขาอีกครั้งเขาในคืนนั้นที่เป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ทำลายเธอโดยที่เธอร้องขออะไรไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษอย่างที่เพื่อนและน้องของสาวของเธอบอกเธอเกือบที่จะมอบความไว้วางใจทั้งหมดให้กับเขาแล้วเชียวยังไงเธอก็จะต้องพาชีวิตเธอและลูกๆให้อยู่ห่างกับเขามากที่สุดเพราะเธอไม่รู้ว่าคนที่ไม่อยากจะมีครอบครัวอย่างชายหนุ่มเมื่อรู้ว่าตัวเองพลาดมีลูกโดยไม่ได้ตั้งใจคนใจร้ายอย่างเขาจะทำอะไรกับพวกเธอบ้างแกร๊กกก“คุณเมฆเข้ามาทางนี้อีกแล้วนะคะ”ณัฐนิชาที่กำลังนั่งกอดเขาคิดอะไรเพลินๆอยู่ข้างๆของลูกๆเธอที่หลับกันไปแล้วเมื่อได้ยินเสียงประตูหลังห้องเปิดออกเธอก็หันขวับมองเห็นชายหนุ่มอย่างชัดเจนพลางตำหนิตัวเองที่เผลอลืมล็อคประตูเธอถามชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจที่เขาเข้ามาในห้องเธอโดยใช้ประตูหลังห้องอีกแล้ว“ทำไมคุณยังไม่นอน”เมฆาเห็นว่าหญิงสาวนั้นปวดหัวจนไม่ไปทานข้าวเย็นเขาก็อยากเข้ามาดูว่าเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่าแต่เมื่อเข้ามาเห็นเธอยังไม่นอนแถมยังนั่งกอดเข่าอยู่ภายใต้แสงของโคมไฟบนหัวนอนนั่นอีกเขาคิดว่าเธอคงจะไม่ได้ป่วยจริง
“เรือพร้อมแล้วครับ...ใครจะเป็นคนขับครับ”ธาดาเดินเข้ามาหาชายหนุ่มสองพี่น้องที่นั่งคุยกันพร้อมถือถ้วยข้าวเด็กๆเหมือนกับพวกพ่อลูกอ่อนไม่มีผิดก่อนจะถามว่าวันนี้ใครจะเป็นคนขับเรือออกไป“เรือใครคนนั้นก็ขับสิ”เมฆาหันไปมองธาดาว่าพลางอมยิ้มงานนี้เขาคงไม่เป็นคนขับเองแน่เพราะเขาเป็นเจ้าของวันเกิด“อืม...โอเคครับงั้นเดี๋ยวผมไปรอด้านนอกก็แล้วกัน”ธาดาพยักหน้าเข้าใจเขาขอตัวออกไปรอด้านนอกด้วยรู้ตัวอยู่แล้วว่าวันนี้ยังไงเขาก็ต้องเป็นคนขับเองแต่ก็แค่แกล้งถามเพื่อให้แน่ใจเท่านั้นเองว่าจะมีใครอยากจะขับเรือแทนเขาหรือเปล่า“เมื่อไรเวจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิม”วายุส่ายหัวให้กับธาดาที่ชอบเหลือเกินจะมารับใช้พวกเค้าทั้งที่ตัวเองก็มีชีวิตที่สบายกว่านี้ได้หลายเท่าถ้าเป็นเขาคงเบื่อตาย“ไม่รู้สิเวอยู่อย่างนี้คงมีความสุขดีล่ะมั้ง”เมฆาคิดว่าเขานั้นเข้าใจธาดาดีเขาคิดว่าวันหากธาดามีความสุขกับชีวิตแบบนี้เขาก็ไม่ได้อยากขัดความสุขใครเมื่อถึงจุดที่ธาดารู้สึกอยากจะเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตใหม่เขาก็ไม่ได้คิดจะห้ามออกจะยินดีด้วย“วันนี้แกสวยมากเลยนะนิคุณเมฆต้องประทับใจแน่เลย”ป๋อมแป๋มกำลังยืนทำผมให้ณัฐนิชาอยู่ที่หน้ากระจกบานใ
เมื่อทุกคนขึ้นเรือกันครบธาดาก็ขับเรือยอร์ชสุดหรูลำใหญ่ที่มีพื้นที่อำนวยความสะดวกเพียงพอสำหรับทุกคนออกจากฝั่งไม่นานก็จอดเรือพร้อมเริ่มงานปาร์ตี้บนเรือกันอย่างสนุกสนานตอนนี้ธาดาทำหน้าที่ย่างบาร์บีคิวและดูแลเรื่องอาหารให้กับทุกคนส่วนป๋อมแป๋มก็ทำตัวเป็นดีเจเปิดเพลงคลอบรรยากาศไปทางด้านวายุและรินทร์ธาราก็ไม่ทิ้งหน้าที่เดิมยังคงเป็นพี่เลี้ยงให้เด็กๆทั้งสองอีกทั้งยังพาเด็กๆมาออกสเตปแดนซ์กันอย่างน่ารักอีกด้วย“นี่ฉันต้องเปิดเพลงเด็กด้วยหรือเปล่าเนี่ย”“ฮ่าๆๆ”ป๋อมแป๋มและณัฐนิชาอดขำเจ้าสองแสบที่ออกมาเต้นกับรินทร์ธาราและวายุไม่ได้ที่เด็กๆดูจะสนุกกันจนลืมขวดนมในมือไปเลย“เอ่อ...นี่แกเค้กอยู่ในตู้แกไปเอามาสิ่นี่ก็จะได้เวลาคุณเมฆเป่าเค้กแล้ว”ป๋อมแป๋มเห็นว่ามันได้เวลาที่จะให้เมฆานั้นเป่าเค้กเธอเห็นชายหนุ่มกำลังยืนชมวิวอยู่ที่ด้านบนพอดีเลยให้ณัฐนิชาถือเค้กไปให้เมฆาเป่าน่าจะทำให้เจ้าของวันเกิดรู้สึกดีอยู่ไม่น้อย“แกก็ไปเองสิทำไมต้องเป็นฉันด้วยล่ะ”ณัฐนิชารีบส่ายหัวระริกไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องถือเค้กไปให้เมฆาด้วย“ก็แกนั่นแหละเหมาะสุดแล้วฉันว่าคุณเมฆเค้าต้องประทับใจ...”ณัฐนิชายังคงยืนนิ่งท
“มันเป็นของพี่นิค่ะคุณเมฆเก็บได้ตรงไหนคะสงสัยพี่นิจะทำหล่นไว้แน่เลย...หวานไม่เห็นมันนานมากแล้วนะคะไม่คิดว่าพี่นิจะเอาติดมาด้วย”รินทร์ธาราตอบชายหนุ่มออกไปว่าสร้อยเส้นนี้เป็นของพี่สาวเธอและคิดว่าชายหนุ่มคงจะเก็บได้แน่เธอเองก็ไม่ได้เห็นสร้อยเส้นนี้ของพี่สาวเธอนานแล้วคิดพี่สาวเธอเก็บไว้อย่างดีเสียอีกแต่นี่ดันมาทำหล่นให้คนอื่นเก็บได้เฉยเลย“อ่อ...เอ่อ...ด...เดี๋ยวผมเอาไปให้เธอเองก็ได้ครับ”เมฆาตัวชาวาบแทบจะหยุดหายใจคนที่เขาอยากจะเจออยู่ใกล้ตัวเขาแค่นี้เองเขาพอจะเดาออกแล้วว่าทำไมตั้งแต่เมื่อวานตอนกลางวันณัฐนิชาถึงมีท่าทีที่เปลี่ยนไปขนาดนั้นพลางมองไปที่เจ้าสองแสบตัวกลมที่กำลังวิ่งเล่นอยู่ตอนนี้ภาพมันลางเพราะน้ำตาที่มันเริ่มคลอออกมาหูที่อื้อไม่ได้ยินอะไรทำให้ชายหนุ่มเหมือนถูกตรึงไว้ตอนนี้เขาแทบยืนไม่อยู่และพยายามทบทวนคิดถึงเรื่องที่ผ่านมาค่อยๆลำดับเหตุการณ์“นี่คุณ...มาดูเด็กๆ”วายุที่เห็นรินทร์ธาราคุยกันกระหนุงกระหนิงกับพี่ชายของตนเขารู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยพร้อมเรียกให้หญิงสาวกลับมาดูเด็กๆที่กำลังวิ่งเล่นกันอยู่อย่างคึกครื้นและดูจะไม่หมดแรงง่ายๆ“โอเคๆ...หวานขอตัวนะคะ”รินทร์ธาราหันไปตามเสียง
“หืม...นี่”ณัฐนิชาไม่คิดว่าชายหนุ่มจะกวนประสาทเธอได้มากขนาดนี้มือเล็กที่ไม่เคยคิดจะทำร้ายใครตอนนี้มันเงื้อมมือออกอัตโนมัติหมายจะฟาดไปที่ปากเสียๆของเขา“อืมม...คุณไม่สนใจตำแหน่งเมียผมจริงๆเหรอถึงสั่งให้ผมห้ามยุ่งกับคุณ...อืมไม่ใช่สิคุณก็เป็นเมียผมแล้วนี่นาต้องถามว่าคุณจะกลับมาเป็นเมียผมอีกไหม”เมฆาจับข้อมือหญิงสาวเอาไว้ทันและขึงไว้กับกำแพงก่อนที่มันจะถึงใบหน้าเขาไม่รู้สึกโกรธเธอที่จะทำแบบนี้สักนิดกลับอยากจะแกล้งเธอมากขึ้นอีกต่างหากเลยเริ่มมีท่าทีและน้ำเสียงที่กวนอารมณ์เธอเพิ่มขึ้นไปอีกเท่าตัว“หยุดพูดแล้วออกไปเลยนะ”ณัฐนิชาทำอะไรไม่ได้ในตอนนี้ได้แต่ไล่เขาให้ออกห่างจากตัวเธอเท่านั้น“ผมออกไปก็ได้...จะไปหาลูกๆของผม”เมฆาปล่อยหญิงสาวแล้วค่อยๆเดินหันหลังออกไปจากห้องอย่างผู้ชนะเขาไม่ได้อยากทำกับเธอแบบนี้แต่ความพยศของหญิงสาวต่างหากที่บังคับให้เขาต้องทำ“เด็กๆไปไหนกันหมดครับ”เมฆาเดินออกมาด้านนอกก็ไม่เห็นเด็กๆแล้วจึงเดินเข้ามาถามหนุ่มสาวทั้งสี่คนที่กำลังยืนดื่มกันอยู่ที่หัวเรือ“นอนแล้วค่ะคุณเมฆ..เด็กๆอยู่ในห้องหวานน่ะค่ะ”“โอเคครับ...อืมเดี๋ยวคืนนี้คุณหวานไปนอนห้องผมก็ได้ครับเดี๋ยวผมไปนอนกั
“ทำไมฉันต้องรายงานคุณทุกเรื่องด้วยเล่า”รินทร์ธาราตวัดสายตามองคนที่พึ่งเอ่ยเสียงดุสีหน้าของเธอตอนนี้เริ่มมีคิ้วขมวดเพราะไม่เข้าใจชายหนุ่มทำไมจะต้องอยากรู้เรื่องของเธอตลอดด้วย“หวาน..เห็นพาเด็กๆไปหาพี่ล่ะ”ขณะที่วายุกำลังเถียงกับรินทร์ธาราณัฐนิชาก็เดินหน้ามุ่ยออกมาพอดีเพราะดึกแล้วแต่น้องสาวเธอยังไม่ยักจะพาหลานๆไปส่งที่ห้อง“อ๋อ...เด็กๆนอนอยู่ในห้องหวานค่ะ”รินทร์ธาราพูดพรางชี้บอกว่าเธอพาเด็กๆไปที่ห้องของเธอก่อนจะยกแก้วในมือขึ้นมากดื่มอึกใหญ่“อ่อ...จะ”ณัฐนิชาได้ยินเช่นนั้นจึงหันหลังมุ่งตรงไปที่ห้องของน้องสาวเธอทันที“หืมม...เดี๋ยวคุณเมฆอยู่ในห้องป่ะ”รินทร์ธารานึกขึ้นได้ว่าห้องเธอไม่ได้มีเด็กๆนอนอยู่อย่างเดียวจะบอกพี่เธอตอนนี้ก็ไม่ทันเสียแล้ว“ไม่ทันแล้วล่ะหวาน...อิๆๆ”ป๋อมแป๋มแอบขำและคิดว่าดีแล้วที่รินทร์ธาราลืมบอกณัฐนิชา วายุเองก็นั่งอมยิ้มกริ่มช่างเป็นจังหวะที่ดีเหลือเกินที่สองคนนั้นจะได้อยู่ด้วยกันเผื่อจะพูดคุยให้อะไรๆมันดีขึ้นก็ได้แกร็กกก“อ้าวคุณ”เมฆาผงกหัวขึ้นเมื่อเห็นณัฐนิชาเปิดประตูเข้ามา“คุณมานอนในห้องน้องสาวนิได้ยังไงคะ”จากที่หญิงสาวหน้ามุ่ยอยู่แล้วในคราแรกตอนนี้เริ่มขม
“อืม...พึ่งรู้เมื่อคืนนี้แหละ”วายุพยายามเล่าเรื่องราวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่ได้รู้มาเขาเห็นสีหน้าของทุกคนเขาก็พอจะเดาภาพออกว่าสีหน้าของเขาเมื่อคืนคงจะไม่ต่างกับทุกคนในตอนนี้เพราะในความคิดของเขามันก็เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นเลยก็ว่าได้สองคนชายหญิงที่พลาดมีสัมพันธ์กันโดยที่ไม่ได้ตั้งใจหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งแถมยังมีโซ่ทองไว้คล้องใจเป็นเจ้าสองก้อนกลมหลานแฝดของเขาอีกต่างหากแต่ตอนนี้เหมือนเรื่องมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิดที่จะให้ทั้งสี่มาเป็นครอบครัวเดียวกันในเวลาอันรวดเร็วเพราะดูท่าแล้วณัฐนิชาคงจะใจแข็งน่าดูเขาไม่ได้คิดโทษเธอที่เธอเลือกแบบนี้เพราะเขาเข้าใจว่าเธอคงจะทนอยู่กับความเจ็บปวดเรื่องคืนนั้นมานานเหมือนกัน“คุณนี่ท่าทางจะพูดไม่รู้เรื่องนะ...อีกอย่างคุณยังทำงานให้ผมไม่เสร็จผมไม่ให้คุณกลับ”เมื่อเมฆาพาหญิงสาวเข้ามาในห้องของเขาได้เขาก็ต้องเล่นบทโหดเป็นคนเสียงแข็งใส่เธอทันที“นิขอยกเลิกงานค่ะ...แล้วก็จะพาลูกๆนิกลับด้วย”ณัฐนิชาไม่อยากจะมองหน้าของเขาเท่าไรนักเพราะตอนนี้เขาน่ากลัวไม่ใช่แค่ท่าทางกับคำพูดความคิดของเขาก็ยังดูน่ากลัวสำหรับเธอด้วย“คุณคิดว่าคนอย่างผมจะยอมง
“เฮ้อ...ให้เวลาเธอหน่อยก็แล้วกัน”วายุคิดว่าเขาเข้าใจทั้งสองฝ่ายตอนนี้เรื่องมันยังใหม่ๆอยู่ต้องรอให้ทั้งคู่ปรับตัวกันอีกสักพัก“พี่นิ”รินทร์ธาราเข้ามาในห้องก็รีบโผไปกอดปลอบพี่สาวของเธอพร้อมลูบหลังคนที่สะอื้นกอดเข่าอยู่ด้วยสีหน้ากังวล“ใจเย็นๆแก”ป๋อมแป๋มเองก็ทำอะไรมากไม่ได้นอกจากให้เพื่อนเธอใจเย็นลงกว่านี้ก่อน“คุณเมฆเค้าจะพรากลูกไปจากฉัน...ฮือๆๆ...ฉันไม่ยอม”ณัฐนิชาสะอื้นไปพูดไปเพราะตอนนี้เธอเหมือนคนจนหนทางที่ไม่สามารถต่อต้านอะไรชายหนุ่มได้“คุณเมฆเค้าไม่ได้จะพรากลูกไปจากพี่นินะคะเค้าก็แค่อยากจะให้พี่กับเด็กๆอยู่กับเค้าเป็นครอบครัวเท่านั้นเอง”รินทร์ธาราเองเข้าใจว่าพี่สาวของเธอรู้สึกเสียใจกับเรื่องที่มันผ่านมาแล้วแต่เธอก็เข้าใจเมฆาเหมือนกันและเธอเห็นว่าสิ่งที่ชายหนุ่มตัดสินใจนั้นเป็นสิ่งที่ถูกที่สุดและดีสำหรับเด็กๆแล้วในแบบที่เธอมอง“นี่หวานเข้าข้างเค้าเหรอ”ณัฐนิชาเงยหน้ามามองน้องสาวของเธออย่างน้อยใจที่ดูน้องสาวของเธอนั้นจะเข้าข้างชายหนุ่มไปอีกคนทำเอารินทร์ธาราที่ถูกตำหนินั้นถึงกับหน้าจ๋อยไปไม่เป็น“หวานไม่ได้เข้าข้างหรอกแก...น้องมันก็อยากเห็นแกมีครอบครัวไหนเรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แ