บทที่10
ความลับของเราสองคน
ความผิดครั้งนี้ฝังลงในจิตใจ ของหญิงสาว เธอนั่งเรียนแบบร่างที่ไร้วิญญาณ ตาเหม่อลอย ไม่ได้ยินเสียงต่าง ๆ ที่ดังอยู่รอบตัว
“เป็นอะไรของเธอลูกพีช ทำท่าเหมือนคนกำลังอกหัก” ฌอนถามเพราะนั่งสังเกตมานาน
“ลูกพีช” เรียกชื่อซ้ำอีกรอบ
“ฮะ! อะไรนะ เรียกเราเหรอ” หญิงสาวได้สติหันมาตอบตามเสียงคนที่เรียกชื่อ
“เป็นอะไรของเธอ ตั้งแต่เช้าแล้ว เอาแต่นั่งเหม่อ อกหักหรือไง มีอะไรก็เล่า ให้เราฟังได้นะ”
ถึงแม้ลูกพีชกับฌอน จะสนิทกันไม่เท่าซัมเมอร์ อาจเป็นเพราะทั้งสองคน คนละเพศกัน แต่หลายเรื่องที่เพื่อนสนิทต่างเพศคนนี้ เป็นที่ปรึกษาให้เธอได้ตลอด
ความคิดแผนการบางอย่าง ผุดขึ้นในหัวของ หญิงสาว ซึ่งแผนนี้ฌอนต้องช่วยเธอได้แน่ๆ เอาไว้เลิกเรียน เธอจะลองขอร้องเขา แต่คงเป็นการขอร้องแบบที่เธอคงไม่เล่าความจริงทั้งหมดให้เขาฟัง
“เดี๋ยวเลิกเรียน เราไปหาอะไรกินกันนะ แล้วพีชจะเล่าให้ฌอนฟัง”
ชายหนุ่มพยักหน้า เขาทั้งเป็นห่วงทั้งอยากรู้ เพราะอาการของเพื่อนสาว ดูแล้วจะแย่เอาการ ใต้ตาช้ำจนกลายเป็นสีน้ำตาล หน้าตาก็ดูอิดโรย เหมือนคนไม่ค่อยได้นอน
หลังเลิกเรียน ร้านอาหารญี่ปุ่น ในห้างหน้ามหาวิทยาลัย ถูกเลือกเป็นที่นั่งคุย เพราะผู้คนไม่วุ่นวายมากนัก ดูเป็นส่วนตัว และฌอนเองก็ชอบกินอาหารญี่ปุ่นอยู่แล้ว
“ว่ามา แม่เพื่อนสาว เกิดอะไรขึ้น”
ฌอนถามทันทีหลังจากอาหารถูกวางบนโต๊ะจนครบ
“จะว่าอะไรไหม ถ้าเรามีเรื่องให้ฌอนช่วย โดยที่เราไม่บอกเหตุผล ว่าเพราะอะไร” ลูกพีชพูดตามความจริงที่เธอตั้งใจไว้
“จะบ้าหรือไง จะให้เขาช่วยแล้วยังจะไม่เล่า ความจริงอีก มันความลับอะไรกันนักหนา” คนถูกขอให้ช่วยหงุดหงิดใจ
“ถ้าเธอจะไม่ช่วยก็ไม่เป็นไรนะฌอน เราเข้าใจ”
“เออๆ ๆ บอกมาจะให้ช่วยอะไร” สุดท้ายด้วยความสงสารเพื่อนฌอนก็ใจอ่อน
“พีชอยากให้ฌอน แกล้งเป็นแฟนกับพีช โดยเฉพาะต่อหน้า รุ่นพี่คนนึงในคณะ ฌอนทำได้ไหม ”
มือบางยื่นมาจับแขนคนนั่งตรงข้าม มองด้วยสายตาอ้อนวอน
“ไอ้ช่วยน่ะมันช่วยได้ แต่มันจะเนียนไหม ใครเขาคงดูออกมั้ง ว่าเราไม่ใช่ผู้ชายเต็มตัว” คนช่วยกังวล
“ดูไม่ออกหรอก เราเจอเธอแรกๆ เรายังว่าฌอนเป็นผู้ชายที่ดูดี ยังอยากจีบเลย” ลูกพีชแกล้งพูดเพราะอยากให้เพื่อนช่วยเธอ
“แล้วต้องทำอย่างไรบ้างล่ะ ต้องไปนอนที่หอด้วยเลยไหม” ฌอนพูดให้คนหน้าเครียดได้ยิ้มบ้าง
“ยังจะมาตลกอีก เราเครียดอยู่นะ” มือบางตีไปที่แขนหนาที่กำลังคีบซูชิเข้าปาก
“ก็แค่ เวลาอยู่ที่คณะ เธอต้องคอยเดินข้างๆเรา ทำท่าเอาใจเรา ถ้าเจอรุ่นพี่คนนั้น เราก็แกล้งแสดงหวานๆใส่กัน ให้เขาเชื่อว่าเราเป็นแฟนกัน” ลูกพีชอธิบาย
“พูดง่ายเนาะ เหมือนในละครเลย แล้วพระเอกก็โง่หลงเชื่อ และเดินเข้ามาต่อยเพื่อนนางเอกจนล้มคว่ำ ถึงได้รู้ความจริง ลูกพีช เธอดูละครมากไปป่ะ” เคี้ยวไปด้วยพูดไปด้วย อย่างไม่คิดว่าแผนนี้จะสำเร็จ
“ทำๆไปเถอะ” หญิงสาวคิดออกแค่นี้
“เพื่ออะไร ลูกพีชเธอทำแบบนี้เพื่ออะไร เขาจีบเธอเหรอ ” ฌอนเริ่มหลอกถาม
“เปล่า......” หญิงสาวลากเสียงยาว จนคนฟังเริ่มสงสัย
“เขาไม่ได้จีบเรา ส่วนเพราะอะไร เราบอกแล้วไง ว่ายังไม่พร้อมเล่าให้ฟัง”
ลูกพีชไม่หลงกล ยังคงเก็บความลับของเขากับกวินไว้ได้
“เออแล้วแต่เลย หวังว่าเขาจะไม่มาต่อยเราเหมือนในหนังนะ สู้นะโว้ย” ฌอนทำท่าทางเหมือนตั๊กแตนจะต่อยมวย
“ขอบใจมานะ แล้วทุกย่างเรียบร้อย เราจะเล่าให้เธอฟัง”
สองคนเพื่อนรักเอื้อมมือมาจับกัน ชายหนุ่มพยักหน้า ให้เพื่อนที่หน้าตาหมองคล้ำตรงหน้า ฌอนเต็มใจช่วยลูกพีชอย่างที่ไม่คิดอะไรเลย เพราะอยากให้เพื่อนของเขากลับมาสดใสร่าเริงเหมือนเดิม
เช้านี้เพื่อเล่นบทบาทให้เหมือน ฌอนขับรถยนต์มารับลูกพีชถึงหอ ก่อนที่จะจอดไว้หน้าคณะ แล้วเดินไปกินข้าวที่ร้านอาหารที่มีเพียงที่เดียวในตึกของคณะนี้
“ฌอน !” ลูกพีชดึงแขนเพื่อนอย่างหน้าตาตื่น
“อะไรของเธอ” คนถูกดึงมองตามที่เพื่อนชี้
“คนที่นั่งอยู่ในกลุ่มผู้ชายสามคน ข้างตู้ไอติม คนที่ตัวสูงที่สุด คนนั้นนั่นแหละ ที่เราต้องการให้เขาเลิกยุ่งกับเรา ทำไงดี ไปกินที่อื่นไหม”
“นี่ แม่นาง จะบ้าหรือไง อยากให้เขาเลิกยุ่ง เราเจอเขาก็ดีแล้ว จะได้แสดงละคร ตามที่เธอเขียนบทไว้ไง” ฌอนเอามือมาลูบหัวเพื่อนสาวเพราะหันไปเห็นสายตาของผู้ชายคนนั้นหันมาพอดี
“ไปนั่งใกล้ๆ โต๊ะเขากัน”
คนพูดจูงมือแฟนกำมะลอเดินไปหาที่นั่งใกล้ๆ ชายหนุ่มที่กำลังมองทั้งคู่อยู่
“พีชครับ เดี๋ยวฌอนไปซื้อข้าวให้ เอาแบบเดิมที่ พีชชอบกินทุกวันนะ” นักแสดงชายตีบทแตกกระจุย
“โอเคค่ะฌอน อย่าไปช้านะ พีชคิดถึง” ดาราสาวก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน
เมื่อฌอนเดินไปซื้อข้าว หญิงสาวก็ได้แต่นั่งเขี่ยโทรศัพท์ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา เพราะกลัวว่า จะทำให้เขาลุกมาหาเธอ
“มากับใคร”
กวินส่งไลน์เข้ามาหาเธอ
ลุกพีชวางโทรศัพท์ลง ทำท่าเหมือนว่าเธอไม่เห็นข้อความนั้น และหยิบสมุดออกมานั่งเขียนอะไรแทน ในใจก็ร้อนๆหนาวๆ กลัวเขาจะทนไม่ไหว แล้วลุกมาหาเธอที่โต๊ะ
“มาแล้วครับพีชคนสวย” ฌอนมาได้ทันเวลา
“ฌอนเขาส่งไลน์มาหาเรา แต่เราไม่อ่าน” หญิงสาวกระซิบบอกคนนั่งตรงข้าม
“นิ่งไว้”
พูดจบ นักแสดงชายก็สวมวิญญาณแฟนหนุ่ม ป้อนข้าวเพื่อนสาว ที่อ้าปากไม่ทัน เพราะยังงงอยู่
ภาพของหญิงสาวชายหนุ่มตรงหน้า ที่ทำท่าทางแสดงความหวานต่อกัน มันสร้างความหงุดหงิดให้กับ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่โต๊ะใกล้ๆเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ทำได้แค่นั่งมองตาเขียวปัด
“มองไรของแกวะกวิน ทำอย่างกับโมโหใคร” โอมถามเมื่อหันมาเห็นสายตาเพื่อน
กวินได้แต่พยายามควบคลุมอารมณ์ให้สงบลง เพราะเขาไม่มีคำตอบให้เพื่อน เรื่องราวที่เกิดขึ้น ระหว่างเขากับลูกพีช คงเป็นได้แค่ความลับของเขาสองคน
บทที่11เมื่อมันไม่ใช่ความรักก็ควรจบ “เป็นไงล่ะ ตีบทแตกกันทั้งคู่เลยนะ” สองนักแสดงพากันหัวเรา ให้กับผลงานการแสดงของทั้งคู่ ที่เพิ่งแสดงไปที่ร้านอาหาร “เขาเชื่อสนิทเลย เชื่อเราสิพีช” ฌอนมั่นใจ “เราก็ว่าอย่างนั้นแหละ” ลูกพีช แอบมองสายตา ที่กวินมองมาที่เธอและฌอน เขาเชื่อจริงๆ เพราะสายตามีความโมโหแสดงออกมาอย่างชัดเจน เขาเห็นเธอมีแฟนแล้ว เขาคงเลิกยุ่งกับเธอแน่ๆ หญิงสาวโล่งใจ เลิกเรียนแล้ว วันนี้ฌอนมีนัดกับเพื่อนชายคนสนิทของเขา เลยไม่ได้ไปส่งลูกพีชที่หอ เหมือนที่ตั้งใจไว้ หญิงสาวจึงเดินกลับคนเดียวตามปกติ “ขึ้นรถ บอกให้ขึ้นรถ” เสียงตะโกนดังมาจาชายหนุ่มที่อยู่ในรถที่ขับมาจอดข้างเธอ แทนที่จะขึ้นรถ ตามคำสั่งของคนในรถ หญิงสาวกลับรีบสาวเท้าเดินให้ไวที่สุดเท่าที่ทำได้ โดยไม่หันหน้ามามอง รถที่ขับตามเธอมาอย่างติดๆ ปี๊ด ๆ ๆ เสียงบีบแตรของกวิน ทำเอาสายตาคนแถวนั้นหันมามาอง ตามแหล่งที่มาของเสียงพร้อมกัน หญิงสาวแทบจะวิ่งไปให้พ้นเขา แต่ก็ไม่กล้า กลัวผู้คนจะพากันตกใจ และจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต “จะขึ้นมาดีๆ
บทที่12รักเธอ..แม่สื่อของฉัน “อย่าเรียกมันว่าความรักเลย ระหว่างพี่กับซัมเมอร์ มันเป็นความหลงมากว่า พี่ยอมรับพี่หลงเพราะเขาเป็นผู้หญิงหน้าตาดี” ชายหนุ่มค่อยๆปล่อยมือทั้งสองข้าง ออกจากแขนเรียว ที่แดงช้ำเพราะถูกแรงของเขารัดไว้จนแน่น หญิงสาวจึงค่อยๆขยับตัวลุกขึ้น “ที่พี่เสียใจ เพราะผิดหวังกับความรู้สึกดีๆที่พี่ให้ซัมเมอร์ แต่เขากับทำลายทุกอย่างเพียงเพราะตามใจอารมณ์ของตัวเอง” กวินก้มหน้ากับฝ่ามือทั้งสองข้างของตัวเอง “ทั้งพี่และซัมเมอร์ไม่ได้รักกัน ตั้งแต่เกิดเรื่อง เพื่อนของพีช ก็พยายามขอกลับไปอยู่สถานะเดิมกับโค้ช จนโค้ชต้องมาขอให้พี่ช่วย แต่พี่ก็ปฏิเสธไป เพราะไม่อยากเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก” “จริงเหรอคะ” หญิงสาวถามทั้งที่เธอก็พอรู้เรื่องนี้อยู่แล้วบ้าง “ส่วนพี่ ตั้งแต่ที่เรามีอะไรกัน พี่ก็ถามตัวเองตลอด ว่ามันเกิดขึ้นเพราะอะไร และความรู้สึกตอนนี้มันคืออะไรกันแน่” กวินเงยหน้าจากฝ่ามือทั้งสองข้างและหันมาจ้องตาหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆบนเตียง “ใช่มันเกิดจากความเมา และความโกรธ จนเมื่อพี่มาเห็นพีชอยู่กับไอ้ผู้ชายคนนั้น หัวใจของพี่
1หวังดี “ภณนายไปเรียนมหาวิทยาลัยมา ณิศาเขาไม่เหมือนเดิมแล้วนะ” ปาลิดาตัดสินใจมาเตือนเพื่อน ซึ่งเป็นเพื่อนที่เธอแอบหลงรักมาตั้งแต่เด็ก ๆ “ไม่เหมือนเดิมยังไง ดิวนี่เธอโตแล้วนะ ยังจะไม่เลิกอิจฉาณิศาเขาอีกเหรอ” ปาลิดาคิดแล้วว่า กันตภณไม่มีทางเชื่อในสิ่งที่เธอมาเตือนเขา และสุดท้ายเธอเองนั่นแหละที่จะเป็นฝ่ายโดนว่าให้ช้ำใจกลับมา “นายจะคิดจะว่าอะไรเรา ก็ตามใจ แต่หัดเปิดหูเปิดตาดูบ้าง เผื่อจะโง่น้อยลง” หญิงสาวเริ่มมีอารมณ์ “ได้ แต่เธอก็ควรจะไปลดความขี้อิจฉาลงบ้าง อย่างไรเราก็เป็นเพื่อนกันมานานทั้งสามคน ณิศาเขาไม่เคยว่าเธอเลยสักคำ มีแต่เธอที่คอยจะมาใส่ร้ายเขาตลอดเวลา” ชายหนุ่มรักและเชื่อใจในตัวแฟนสาวมาก เพราะเขากับเธอ ตกลงคบกันเป็นแฟนมาเกือบสิบปีแล้วกันตภณเขาจำได้เมื่อตอนเด็กๆ ปาลิดาแอบชอบเขาถึงขนาดเขียนจดหมาย มาวางไว้ที่ใต้โต๊ะทุกวัน และวันที่เขาตัดสินใจเป็นแฟนกับณิศา ดิวก็เอาแต่ร้องไห้และอาละวาดใส่ณิศาหาว่าแย่งเขาไปจากเธอ“ฉันยอมรับ ว่าเมื่อตอนเด็กๆ ฉันมันขี้อิจฉา แต่ตอนนี้ฉันโตแล้ว จำไว้นะว่าฉันมาเตือนนายแล้ว”ถึงแม้จะเ
2เกลี้ยกล่อม ณิศาร้องไห้มาหาคนรักที่กำลังทำงานอยู่ที่ไร่ หน้าตาของเธอบวมแดงเหมือนผ่านการร้องไห้อย่างหนักมา “ณิศาเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นบอกภณมาสิ มีใครทำอะไร ภณจะไปจัดการมันเอง” ชายหนุ่มลูบผมคนรักในอ้อมกอด “ที่ดินแปลงสุดท้ายของบ้าน พ่อเอาไปจำนองไว้กับนายอำเภอ เขากำลังจะยึดที่ของพ่อ ณิศาไม่รู้จะทำยังไง” หญิงสาวบีบน้ำตา ได้เหมือนสั่งมันได้อย่างใจ ชายหนุ่มเชื่อในคำพูดทุกอย่างที่เธอบอก “ภณจะช่วยณิศาได้ยังไงกัน ภณคิดไม่ออกจริงๆ” ชายหนุ่มมองไม่เห็นหนทาง “ภณก็เอาเงินจากคุณนิรัชไปซื้อที่คืนจากกำนันแล้วเอากำไรที่ได้มาแต่งงานกับณิศา แค่นี้พ่อก็จะไม่ต้องโดนยึดที่แล้ว แต่...ถ้าภณยังไม่อยากแต่งงานหรือไม่อยากช่วยก็ไม่เป็นไรนะ” เมื่อได้ยินคำพูดแกมน้อยใจของคนรัก มีหรือที่ผู้ชายอย่าง กันตภณจะไม่หวั่นไหว เขาตัดสินใจที่จะพูดกับพ่อคืนนี้ หลังอาหารมื้อเย็นชายหนุ่มตัดสินใจ ที่จะพูดเรื่องการซื้อที่คืนจากกำนันแล้วเอาส่วนต่างที่ได้ไปขอณิศาแต่งงาน เพื่อช่วยไม่ให้พ่อของเธอโดนยึดที่ดินที่เหลือแค่แปลงสุดท้าย “แล้วแต่ลูกต
3วิวาห์จำยอม “เอ้า...ทำไมย้อนกลับมาเร็วจังล่ะเจ้าภณ อย่าบอกนะว่านางณิศามันยอมให้เอ็งแต่งงาน” การเป็นผู้ใหญ่ที่อาบน้ำร้อนมาก่อนของกำนัน มองเหตุการณ์ทุกอย่างได้ชัดเจน ในเมื่อผู้หญิงเขามีคนอื่นไปแล้ว มันไม่มีความรักหลงเหลือมันคงมีก็แต่ผลประโยชน์ “ผมต้องการแต่งงานกับดิวให้เร็วที่สุดครับ” ชายหนุ่มไม่ยอมพูดถึงคนรัก เพราะเขารู้ ยิ่งพูดถึงยิ่งทำให้กำนันมองณิศาไปในทางที่ไม่ดี “ใจร้อนเสียด้วย เดี๋ยวฉันจะไปดูฤกษ์ดี ที่เร็วที่สุดกับหลวงตาที่วัดแล้วจะไปบอกเอ็งที่บ้าน” ฤกษ์ที่เหมาะที่สุด เร็วสมใจจริงๆ ทั้งสองฝ่ายมีเวลาเตรียมตัวแค่สามวัน แต่ชาวบ้านในหมู่บ้านต่างมาช่วยกัน ไม่นานงานทุกอย่างก็พร้อมสำหรับงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้ พิธีในช่วงเช้าเป็นในส่วนของพิธีสงฆ์ ชายหนุ่มพยายามมองหาคนรักแต่ก็ไม่พบว่าหญิงสาวมาร่วมงาน ปาลิดาเธอเห็นสีหน้าของเจ้าบ่าว จิตใจที่คิดว่าจะหนักแน่น ก็ยังอดน้อยใจไม่ได้ พิธีเช้าและบ่ายผ่านไปได้ด้วยดี ถึงพิธีส่งตัวเข้าหอ บ้านหลังเล็กที่อยู่ติดกับบ้านของกำนัน ถูกตกแต่งให้เป็นเรือนหอของบ่าวสาว
4ข้าวใหม่ปลามัน วันนี้ปาลิดาตื่นสายกว่าทุกวัน เพราะเธอรู้สึกเนื้อตัวช้ำไปหมด แสงแดดจากนอกหน้าต่างลอดผ่านช่องว่างของผ้าม่านผืนสีขาวเข้ามา ทำให้หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้คงสายมากแล้ว หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นจากที่นอนแต่มันกลับทำให้เธอรู้สึกวูบและล้มลงกลับไปนอนบนที่นอนที่ตอนนี้ผ้าปูยุ่งเหยิงไปหมด “ดิว ดิว ” เสียงเรียกจากเสียงที่เธอฟังไม่ค่อยถนัด กว่าจะนึกได้ว่าคือเสียงของสามีของเธอนั่นเอง “ตัวร้อนเชียว ” กันตภณเอาหลังมือทาบลงที่หน้าผากของหญิงสาว ที่นอนหน้าแดงกร่ำอยู่บนที่นอน “รู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เลย” ปาลิดาบอกสามี ทั้งที่เธอยังคงหลับตาอยู่ เพราะร่างกายอ่อนเพลียเกินกว่าจะลืมตาได้ “ภณนายทำอะไร” หญิงสาวถามเมื่อรู้สึก ว่ามีผ้าชุบน้ำมาสัมผัสกับเรือนร่างของเธอ “ก็เช็ดตัวให้อย่างไรล่ะ ไม่สบายก็นอนไป อย่าพูดมาก” ชายหนุ่มไล่เช็ดตัวให้ภรรยาตั้งแต่บริเวณที่อยู่นอกเสื้อผ้า ไปจนถึงในส่วนที่ถูกปกปิดไว้ นาทีนี้ปาลิดาก็ยังคงอายเขาอยู่ ถึงแม้เมื่อคืนเขาจะได้เห็นทุกส่วนของร่างกายเธอแล้ว แต่ด้วยพิ
5ทำตามสัญญา ชายหนุ่มเดินทางไปหานายอำเภอ เพื่อนำเงินที่กำนันให้ไปขอไถ่ที่คืนมา ให้กับครอบครัวของณิศา ตามที่กำนันได้สัญญาไว้ “ไม่เห็นต้องรีบมาไถ่คืนเลย เพิ่งจะเอามาจำนองไว้ไม่ถึงสัปดาห์” นายอำเภอพูดกับกันตภณ ชายหนุ่มได้ยินแล้ว ถึงกลับพูดไม่ออก เพราะคนรักของเขา บอกว่า นายอำเภอกำลังจะยึดที่ดิน เพราะพ่อของเธอนำมาจำนองไว้นานแล้ว แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มก็คิดว่าคนรักของเขาคงมีเหตุผลที่ต้องโกหกแบบนั้น เมื่อได้โฉนดคืน ภณก็เดินทางมุ่งหน้าไปที่บ้านของณิศาทันที แต่สิ่งที่เขาได้เจอคือนิรัช “เอ่อ..ภณคะ นี่คุณนิรัช ที่ณิศาเคยเล่าให้คุณฟัง วันนี้เราไปดูที่ดินกัน แต่ยังไม่มีใครยอมขายเลย” หญิงสาวร้อนตัว รีบแนะนำชายปลายหน้า ให้ชายหนุ่มที่เป็นคนรักกันรู้จัก “สวัสดีครับคุณภณ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” นิรัชไม่อยากให้อีกฝ่ายสงสัย จึงรีบขอตัวกลับทันที เพื่อต้องการเปิดทางให้ณิศาได้มีโอกาสเกลี่ยกล่อมเรื่องที่ดิน ที่เจ้านายของเขาอยากได้ด้วย “คุณดูสนิทกันจังเลยนะณิศา” กันตภณอดที่จะพูดไม่ได้
6น้อยใจ เช้านี้กันตภณเริ่มลงมือกับการปรับพื้นที่ เพื่อเตรียมกับการจะลงมะม่วง และขนุน เขาตั้งใจจะลองทำสักอย่างละไร่ก่อน เพราะไม่เคยมีประสบการณ์กลัวจะไปไม่รอด “น้ำในกระติกอย่าลืมเอาไปนะภณ” ปาลิดาตื่นมาตั้งแต่เช้าเพื่อเตรียมอาหารกลางวัน น้ำ และเธอจะตามไปทีหลัง เพราะต้องซักผ้าถูบ้านก่อน “ตามไปอย่าลืมแวะซื้อน้ำแข็งไปเพิ่มให้ด้วยนะ” ชายหนุ่มตะโกนบอกภรรยา ปาลิดารีบจัดแจงงานบ้าน เพราะอยากตามไปช่วยสามีให้ไวที่สุด ไม่ถึงสิบโมงเช้าหญิงสาวก็ขี่รถตามมาที่ ที่ดินที่พ่อของเธอให้ใช้ทำกิน แต่ภาพที่เห็นทำเอาปาลิดาถึงกับอยากลับบ้านทันที “เลือกแล้วก็ต้องสู้ เป็นถึงลูกกำนันอย่าให้ใครมาเหยียบจมูก” ยังไม่ทันจะคว้ารถและขี่กลับ ก็ต้องมาหยุดเพราะเสียงของคำ ซึ่งเป็นเสมือนพี่ชายของเธอ ถึงแม้เขาจะเป็นเพียงแค่ลูกของลูกน้องพ่อของเธอ “พี่คำ ดิวต้องทำยังไง เขาสองคนรักกัน ดิวนั่นแหละที่มาแย่ง” หญิงสาวใจไม่สู้เอาเสียเลย “แน่ใจเหรอว่าเขารักกัน ที่ดิวกับพี่ได้ยินและเห็นวันนั้น คนรักกันเขาทำกันใช่ไหม เราต่างก็รู้ว่าตอนนี้เจ้