9
แค้น
“พ่อ พ่อได้ยินภณไหม”
ชายหนุ่มร้องเรียกพ่อไปตลอดทาง วิมลทำได้เพียงแค่บีบมือลูกชายเพื่อให้รู้ว่าเขาได้ยินลูกอยู่
“รถพยาบาล มารอรับอยู่กลางทางแล้ว เพื่อความรวดเร็ว”
ไม่นานพ่อของภณก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนญาติๆถูกกันไว้ข้างนอก เพื่อสะดวกแก่การรักษา
ทางโรงพยายบาลทำการผ่าตัดด่วน เพื่อเอากระสุนออก โชคยังดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ แต่คนไข้เสียเลือดมาก เพราะกว่าที่ภณจะไปเจอ วิมลน่าจะถูกยิงมาได้สักพักแล้ว
“ภณคุณจะไปไหน”
ปาลิดาคว้าแขนสามีของเธอไว้ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่ารีบร้อนจะเดินออกจากโรงพยาบาล
“ผมจะไปฆ่ามัน” ชายหนุ่มกัดฟันแน่น
“ภณคุณจะไปฆ่าใคร คุณรู้เหรอว่าใครทำ”
“มันต้องเป็นฝีมือไอ้นิรัชแน่ๆ” ชายหนุ่มมั่นใจ
“ใช่เขาคือคนที่น่าจะทำที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าเขาทำ การที่ภณจะไปฆ่าเขา แล้วพ่อล่ะ พ่อคุณต้องการคุณที่สุดในเวลานี้ ไม่ใช่พ่ออยู่โรงพยาบาล ลูกอยู่ในคุก ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกฎหมาย คุณต้องตั้งสตินะภณ”
ปาลิดาพยายามเรียกสติของสามีให้กลับคืนมา เธอเข้าใจ ว่าเป็นใคร ใครก็ต้องแค้น แต่ในเมื่อเรายังไม่มีหลักฐานและตอนนี้ชีวิตของคนเจ็บสำคัญที่สุด
“ทางเราต้องการเลือดค่ะ เราจะใช้เลือดของทางโรงพยาบาลก่อน แต่ต้องมีเลือดไปแลก ไม่จำเป็นต้องเป็นกรุ๊ปเดียวกันก็ได้”
ปาลิดา ภณ และคำ ต่างพากันไปยังห้องรับบริจาคเลือดเพื่อใช้ทดแทนเลือดที่ทางโรงพยายบาลใช้ให้กับวิมล ชายหนุ่มมองภรรยาของเขาและคำด้วยความซาบซึ้งใจ
กำนันสมยศรู้สึกเหมือนตัวเองกับลังถูกล้วงคองูเห่า นี่ถึงขนาดพ่อดองกันต้องมาถูกยิง มีเหรอที่กำนันสมยศจะอยู่นิ่งๆได้ ทั้งที่เขาตั้งใจเอาไว้แล้ว ว่าจะไม่มีเรื่องมีราวกับใคร ตั้งแต่วันที่ลูกสาวเกิด
“ไอ้คำ เอ็งไปสืบมาให้ได้ ว่ามันฝีมือใคร” เสียงคำสั่งที่ฟังดูเด็ดขาดที่สุด ตั้งแต่คำโตมาก็เพิ่งจะเคยได้ยิน
“สืบให้รู้ให้ได้ ว่าใครมันมาเหยียบเท้ากำนันสมยศ”
ก่อนหน้าที่ปาลิดาจะเกิด สมยศเคยเป็นเสือเก่ามาก่อน แต่การกวาดล้างของทางการทำให้เขาเลิกอาชีพนี้ และหันมาทำงานสุจริต จนเป็นที่รักของชาวบ้านและได้มาเป็นกำนัน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นมานานหลายปีแล้ว แต่ทุกคนก็ยังให้ความนับถือเรียกว่าพ่อกำนันบ้าง ลุงกำนันบ้าง ตามๆกันมา
“พ่อกำนัน ไม่ใช่ฝีมือของไอ้นิรัช เพราะมันไปหาไอ้ต้อมที่สวน และมันก็ขับรถไปที่บ้านของแม่ไอ้ต้อมเพื่อไปพูดคุยโน้มน้าวใจอีกรอบ มีพยานเห็นว่ามันอยู่ที่นั่นยันมืดเลย”
คำ ใช้เวลาไม่นานก็ได้ข้อมูลมา จนตัดผู้ต้องสงสัยไปได้หนึ่งคน ซึ่งเป็นคนสำคัญ
“พี่คำ พี่คำ” เสียงลูกน้องของไอ้คำมาเรียกหาลูกพี่
“มีอะไรไอ้แจ๊ค”
“มีคนเห็นเมื่อตอนเกือบสี่โมงเย็น นางณิศามันขี่มอเตอร์ไซค์ออกไปทางเขานู่น ซึ่งตรงนั้นมันมีแต่ไร่แล้วก็บ้านของลุงวิมลเท่านั้นนะ”
“อีณิศา ไปลากตัวมันมา ฉันจะถามมันเอง”
สมยศเลือดขึ้นหน้า เพราะณิศาและปาลิดาเป็นเพื่อนวิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ รวมถึงเจ้าภณด้วย แค่เรื่องที่ดินที่จะทำให้มันได้เงิน มันก็ยอมหักหลังคนรัก แล้วนี่มันจะเลวถึงขั้นยิงพ่อของคนรักมันอีกเชียวเหรอ สมยศเดือดดาลอยู่ในใจ
“พ่อกำนัน มันไม่อยู่บ้าน เห็นพ่อมันบอกว่า มันเก็บเสื้อผ้าไปหมดเลย” คำรายงานทันที เมื่อได้ข่าว
“กูว่าแล้ว มันเลวจริงๆ”
“แล้วเอาไงต่อพ่อกำนัน”
“เตรียมรถ กูจะไปโรงพัก”
กำนันสมยศไม่สามารถหาความจริงได้ เพราะเจ้าตัวก็หนีไปแล้ว จึงได้เอาเรื่องราวพยานทั้งหมด ไปบอกเล่าให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อให้ทำการสอบสวนต่อไป
“ขอบคุณกำนันมากนะครับ ทางเราจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด บ้านเราก็ไม่เคยมีเรื่องโหดร้ายแบบนี้ ตั้งแต่มีการมาหาซื้อที่ดิน ก็พาให้มีเรื่องวุ่นๆอยู่เรื่อยๆเลย”
ร้อยเวรรับเรื่องและรับปากจะดำเนินการเรื่องคดีให้เร็วที่สุด
“ไปโรงพยาบาลกัน”
กำนันสั่งให้คำพาเขาไปโรงพยายบาลที่วิมลรักษาตัวอยู่ ซึ่งเป็นโรงพยายบาลที่ดีที่สุดของจังหวัดนี้แล้ว
“พ่อกำนัน ไม่น่าต้องลำบากมาถึงที่นี่เลยครับ เดี๋ยวมีอะไรผมจะส่งข่าวไป”
ภณเขามาพยุงชายชราที่มีอายุมากกว่าพ่อของเขาเกือบห้าปี
“มีเรื่องร้อนใจ ถ้าไม่ได้บอกเอ็งวันนี้ คงว้าวุ่นใจแน่ๆ”
สมยศเล่าทุกเรื่องที่เขารู้มาให้ลูกเขยฟัง เพราะไม่อยากให้ภณไปคิดแค้นผิดตัว
“ผมว่าไอ้นิรัชมันต้องสั่งให้ณิศาทำแน่ๆ ผมไม่เชื่อว่าผู้หญิงที่ผมรักมาตั้งหลายปีจะคิดฆ่าพ่อผม”
กันตภณหน้าถอดสี เขาไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน มันเหมือนมีดกรีดลงกลางใจ เขามั่นใจในความรักที่ณิศามีให้เขามาตลอด ไม่มีทางที่คนรักของเขาจะทำแบบนั้นได้
“พ่อเข้าใจความรู้สึกแกภณ เอ็งยังไม่จำเป็นต้องเชื่อหรือคิดอะไร ดูแลวิมลให้ดีที่สุดก่อนตอนนี้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของทางการเขา
วิมลถูกเข็นออกมาจากห้องผ่าตัด หมอยังไม่ให้ญาติเยี่ยม ยังคงต้องรักษาตัวอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตก่อน เพื่อระวังการติดเชื้อและต้องอยู่ใกล้ชิดกับหมอ
“ดิว กลับไปกับพ่อกำนันก่อนก็ได้ ผมจะอยู่ดูพ่อ”
“ภณ เดี๋ยวดิวไปเอาเสื้อผ้าและของใช้มาให้ เดี๋ยวเราหานอนโรงแรมแถวนี้ จะได้อยู่ใกล้ๆพ่อ ใจเย็นๆนะ อยู่ตรงนี้รอดิว อย่าไปไหน”
ชายหนุ่มมองสบตาภรรยาที่เขาบอกตัวเองตลอดว่าเขาไม่ได้รักเธอ และคงไม่มีวันรัก แต่วันนี้ เธอกลับคอยอยู่ข้างเขาไม่ทิ้งไปไหน
“ขอบคุณนะดิว”
หญิงสาวพยักหน้าและกอดสามี ก่อนจะขึ้นรถเพื่อกลับบ้านไปเตรียมของ
10ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน หัวใจของกันตภณตอนนี้มันวุ่นวายสับสนไปหมด เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่เพียงความฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พ่อของเขาถูกยิง หรือเรื่องที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าณิศาอยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มได้แต่เดินไปเดินมา เพราะทางโรงพยาบาลยังไม่เปิดให้เยี่ยม ต้องรออีกทีพรุ่งนี้เช้าเลย “สวัสดีครับ คุณใช่ลูกชายคุณวิมลที่ถูกยิงเมื่อช่วงเย็นใช่ไหมครับ” ตำรวจร้อยเวรเดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อสอบสวนภณผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียว ชายหนุ่มให้การไปตามความจริงทุกอย่าง และเขาหลีกเลี่ยงการพูดถึงณิศาให้ได้มากที่สุด เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ยังไม่เชื่อ จนกว่าจะมีพยานหลักฐานมายืนยันหรือบิดาของเขาบอกเขาด้วยตัวเอง “ตำรวจมาทำไมคะ” หญิงสาวเดินสวนกับตำรวจพอดี “ก็มาสอบถาม สอบสวนหาข้อมูลทั่วไป ” ชายหนุ่มตอบโดยที่ยังคงนั่งก้มหน้ากำมือทั้งสองข้างแน่น “ดิวแวะจองที่พักไว้แล้ว อยู่ห่างจากโรงพยาบาลแค่ไม่ถึงสองร้อยเมตร กลับไปพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ถึงจะเยี่ยมได้ ถ้ามีอะไรทางโรงพยาบาลจะโทรไปแจ้งอยู่แล้ว ภณไม่ต้องกังวล” ถึงแม้ไม่อยาก
11ความจริง ค่ำคืนนี้กันตภณหลับโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับเลย เพราะเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ที่พรุ่งนี้พ่อของเขาจะได้ถอดท่อช่วยหายใจ ความจริงทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย “มานอนกอดหน่อยสิ” ชายหนุ่มเรียกภรรยาที่กำลังนั่งหวีผม ให้มานอนข้างๆเขา เหมือนเด็กที่กำลังอยากอ้อนเอาอะไร “หวีผมอยู่...” ปาลิดาลากเสียง “ก็มาหวีตรงนี้ เดี๋ยวภณหวีให้” ปาลิดาอยากรู้ว่าสามีของเธอจะทำได้เหมือนที่พูดจริงไหม เธอจึงหยิบหวีและลุกไปนั่งข้างๆเขา “ผมคุณดำมากเลย ถ้ามีลูกผู้หญิงต้องผมสวยเหมือนคุณแน่ๆ” ชายหนุ่มพูดเหมือนลืมไปแล้ว ว่าเขาตกลงอะไรไว้กับครอบครัวของภรรยา“ถ้าพ่อภณหายแล้ว ภณจะกลับไปอยู่ดูแลพ่อก็ได้นะ”“แล้วดิวล่ะ” ชายหนุ่มถามกลับทันที“ดิวก็คงต้องอยู่ดูแลพ่อที่บ้าน”“ไม่เอา ถ้าดิวไม่ไปอยู่กับภณ ภณก็จะเอาพ่อมาอยู่กับเรา ดิวคงไม่ว่าภณนะ นอนไม่หลับแน่ๆถ้าต้องนอนคนเดียว”หญิงสาวแอบยิ้มให้กับคำตอบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามันแทนคำว่ารักได้หรือเปล่า“แต่ก่อนคุณก็นอนคนเดียวนะ ทำมาเป็นจะนอนไม่หลับ”หญิงสาวแย่งหวีจากมือชายหนุ่มมาหวีเอง“ก็มันไม่ชินแล้
12มอบตัว หลังจากตำรวจออกหมายเรียกได้ไม่นาน พ่อของณิศาก็พาลูกสาวเข้ามอบตัว จากการสอบสวนผู้ต้องหาทำให้รู้เรื่องราวทั้งหมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากการที่ณิศาและนิรัชเกิดมีความสัมพันธ์กันเกิดขึ้น และทางฝ่ายชายได้อัดคลิปไว้ เพื่อใช้เป็นสิ่งต่อรองให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ที่ดินของวิมลกับของต้อมคือที่ดินที่ ทางนายใหญ่ของนิรัชต้องการ เพราะในที่ดินทั้งสองผืน เคยเป็นที่ฝังสมบัติเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อณิศาทำไม่สำเร็จ ทางนิรัชก็ถูกนายใหญ่ทำโทษด้วยความโกรธเขาจึงปล่อยคลิปเขากับณิศา หญิงสาวเครียดไม่รู้จะทางออกยังไง จึงเอาปืนที่พ่อของเธอซ่อนไว้ หวังจะมายิงปาลิดา แต่ไม่มีโอกาสจึงหันมาทำร้ายวิมลแทน เพราะถ้าวิมลยอมทำตามที่เธอต้องการตั้งแต่ทีแรก ภณก็คงไม่ต้องแต่งงาน และเธอก็จะไม่ต้องอายคนทั้งประเทศแบบนี้ ชายหนุ่มได้ฟังข้อมูลจากทางตำรวจทั้งหมด เขาคิดไม่ถึง ว่าผู้หญิงที่เขารักและซื่อสัตย์กับเธอตลอด ที่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพเธอจะนอกใจเขา แต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่เคยมีให้กัน และณิศาก็ได้รับกรรมของเธอแล้ว ชายหนุ่มจึงอโหสิกรรมให้“กลับบ้านกันนะพ่อ”หมอให
บทที่ 1น้องปี1 การอยู่หอของน้องปีหนึ่งถือได้ว่า เป็นเรื่องที่สุดแสนจะตื่นเต้น แต่ละคนได้มาอยู่ห้องเดียวกัน ต่างก็มาจากคนละที่ คนละจังหวัด บางคนก็ขนของมาเต็มที่ บางคนก็มีของติดตัวมาเพียงน้อยนิด “เราชื่อซัมเมอร์นะ เธอล่ะเชื่ออะไร”สาวสวยที่ดูจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ท่าทางการแต่งตัวของเธอบ่งบอกถึงความทันสมัย และมีฐานะ “เราชื่อลูกพีช ยินดีที่ได้รู้จักนะ” สาวน้อยหน้าตาท่าทางเรียบร้อย ดูยังขี้อายอยู่ที่ต้องคุยทักทายกับเพื่อนใหม่ ห้องนอนถูกแบ่งให้แต่ละห้องนอนด้วยกันสองคน โดยการสุ่มเลือกของทางมหาวิทยาลัย ลูกพีชกับซัมเมอร์ถูกเลือกให้นอนห้องเดียวกัน “ลูกพีชเลือกตู้เสื้อผ้า กับเตียงก่อนได้เลยนะ เราเอาอันไหนก็ได้”พูดจบซัมเมอร์ก็เดินออกจากห้องที่อยู่ชั้นสามออกไปข้างนอก เมื่อเหลือตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ลูกพีชก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ ตั้งแต่โตมา ก็เพิ่งจะเคยห่างพ่อกับแม่ครั้งแรก ไม่รู้เมื่อไหร่จะชิน สาวน้อยน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ต้องอายใครเวลานี้ “ลูกพีช เราซื้อขนมมาฝาก”คนสวยของห้องลงไปข้างล่างได้ไม่นาน ก็เดินขึ้นมาพร้อมถุงขนมใบใหญ่
ทั้งคู่เลือกกินร้านอาหารตามสั่งที่ อยู่ไม่ไกลจากหอ ในซอยที่อยู่ห่างไปจากหอไม่ถึง500 เมตร เป็นแหล่งกิน แหล่งซื้อของ ของบรรดานักศึกษาที่นี่ ถึงแม้จะเป็นซอยแคบๆ แต่ผู้คนเดินไปเดินมา กันเต็มไปหมด ซัมเมอร์ไม่ชอบที่จะต้องคอยเดินหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่เข้ามาในซอย จึงชวนลูกพีชกินร้านๆแรกๆที่เจอเลย “เธอมองอะไรซัมเมอร์”สาวน้อยขี้อายดุใส่เพื่อน เมื่อเห็นเธอกำลังส่งสายตาหวานให้โต๊ะข้างๆ ที่มีแต่ผู้ชายนั่งอยู่ทั้งโต๊ะ “ก็เขามอง เราก็มองตอบ ไม่มีอะไรหรอก” คนตอบไม่สนใจจริงจัง ถึงแม้ตอนนี้ซัมเมอร์จะเลิกสนใจมองผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆแล้ว แต่ผู้ชายหนึ่งในนั้นยังนั่งมองเธออยู่ ลูกพีชรู้สึกไม่ชอบเลย ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมองด้วยสายตาที่ดี แต่มันเหมือนพวกเธอกำลังตกเป็นจุดสนใจ “ซัมเมอร์อิ่มหรือยัง ไปกันเถอะ” “ยังๆ อีกนิดนะ เธอกลัวพวกนั้นเหรอ ” ซัมเมอร์ รู้ใจคนชวนกลับ “ก็ดูพวกเขามองสิ เล่นจ้องไม่ละสายตา โดยเฉพาะเจ้าคนที่นั่งตรงข้ามเธอ ส่งตาหวานเชียว” คนพูดอายแทนคนถูกมอง “ปล่อยให้มองไป เราสวย เรารู้ ฮ่าๆ ๆ” ยังมีข้าวอยู่ในปากแ
บทที่2หนุ่มนักกีฬา เช้านี้ทั้งสองคนต่างแยกกันไปเรียน เพราะต่างคนต่างเรียนกันคนละคณะ ลูกพีชคณะของเธออยู่ด้างข้างของมหาวิทยาลัย เป็นคณะที่มีหนุ่มหล่อที่สุดเมื่อเทียบกับทุกคณะ ส่วนซัมเมอร์เธอเรียนคณะที่มีตึกสูงที่สุดและเป็นคณะที่ถือว่า มีแต่ผู้หญิงสวยๆ ซึ่งก็เหมาะกับเธอมาก เพราะความสวยของซัมเมอร์ไม่เป็นรองใคร มื้อกลางวันลูกพีชเลือกกินอาหารใต้อาคารเรียน เพราะไม่อยากเดินไปไหน อากาศข้างนอกร้อนจนแทบจะเผาเธอได้ “มีคนนั่งไหมครับ ขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง “ว่างค่ะ” “เอ้า! จำพี่ได้ไหม เราเคยเรียนโรงเรียนมัธยมด้วยกัน พี่ชื่อกวิน” ชายหนุ่มรีบแนะนำตัว เผื่อหญิงสาวตรงหน้าจะพอคุ้นชื่อและจำเขาได้ “คุ้นๆค่ะ” ลูกพีชตอบ ใครว่าคุ้นๆ ชายหนุ่มผู้นี้ทำเอาหัวใจของลูกพีชแทบหยุดเต้น เขาคือรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า เธอแอบชอบเขาตั้งแต่เข้าไปเรียนใหม่ๆ และเขาก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกเรียนที่นี่ด้วย “เรียนศิลปกรรมเหรอ ถึงมากินข้าวที่นี่” คนมาใหม่ถาม “ใช่ค่ะ เรียนที่นี่” คนตอบไ
ตั้งแต่มาถึงมหาวิทยาลับ ซัมเมอร์ยังไม่เจอผู้ชายที่ถูกใจเธอเลยเพิ่งจะเจอก็วันนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย อาหารเย็นวันนี้ ลูกพีชกินจนเกลี้ยงจาน เพราะเมื่อกลางวันเธอมัวแต่เขิน จนอิ่มอกอิ่มใจ กินต่อไม่ไหว พอถึงมื้อเย็นท้องว่างจนกินหมดจานแบบไม่เหลือสักเม็ด“ไปหิวมาจากไหนกัน เกือบกินจานเข้าไปด้วยเลย”เพื่อนที่นั่งกินข้างๆแซว เพราะคนกินข้าวตัวนิดเดียวแต่กินจนหมดจาน “อิ่มแล้ว เรา...ก็ไปออกกำลังกายกัน” สาวสวยในชุดออกกำลังยืนขึ้นอย่างมีความสุข “เพิ่งกินข้าวอิ่ม ไปออกกำลังกายเดี๋ยวก็จุกกันพอดี” ลูกพีชร้องห้าม “นี่แม่คุณ ใครว่าเราจะไปออกกำลังกายกันจริงๆล่ะ เราจะแค่กำลังจะไปนั่งพักเพราะวิ่งมาจนเหนื่อย แล้วก็ไปนั่งพักตรงสนามบาสแค่นั้นเอง” แผนการที่แสนจะอ่อยเต็มที่ “นั้นไง คนที่ใส่เสื้อสีแดง” ซัมเมอร์ชี้เป้าหมายให้เพื่อนสาวดู “ขาวดี แต่ยังเห็นหน้าไม่ชัดเลย” “ไปๆ เข้าไปนั่งข้างในเลย เขานั่งกันเยอะแยะ”ซัมเมอร์จูงมือคนตัวเล็กร่างบางให้เดินตามแบบที่ไม่รอฟังคำตอบเลย ว่าเธอจะอยากเข้าไปด้วยไหม
บทที่3เมื่อซัมเมอร์เจอเป้าหมายใหม่ เย็นนี้ลูกพีชรู้ตัวว่าคงต้องถูกลากไปที่ สนามบาสอีกแน่ คราวนี้เธอเลยขอไปออกกำลังจริงๆเลย ออกเสร็จค่อยไปกินข้าว “ซัมเมอร์เธอเข้าไปที่สนามบาสก่อนเลยนะ เราขอวิ่งอีกสองรอบจะตามเข้าไป” วิ่งได้แค่ไม่กี่รอบซัมเมอร์ก็ทำท่างอแง อยากไปที่สนามบาสแล้ว ลูกพีชยังอยากวิ่งออกกำลังกายอยู่ เธอจึงให้เพื่อนสาวที่ที่หน้าตาบูดบึ้งเพราะใจร้อน ไปที่สนามก่อนเธอเลย “ถ้าอย่างนั้น เราไปรอที่สนามบาสนะ แล้วอย่าหนีไปกินข้าวคนเดียวเสียล่ะ” คนสวยส่งยิ้มหวานให้เพื่อน ก่อนเดินแยกไปอีกทาง ลูกพีชเริ่มมีความสุขกับการได้มาออกกำลังกาย มันช่วยให้เธอคลายความคิดถึงบ้านได้มากเลย แม่เคยบอกว่าถ้าเราออกกำลังกายก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับง่าย หลายคืนที่ผ่านมา เธอเอาแต่นอนคิดถึงห้องนอนของเธอจนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว วิ่งได้ครบสองรอบตามสัญญา ลูกพีชก็ไปที่สนามบาส แต่ภาพที่เธอเห็นตรงหน้า ทำให้หญิงสาว เกือบจะวิ่งออกมาจากสนามบาส เพราะแทนที่เธอจะเห็นซัมเมอร์กับโอม เธอกับเห็นเพื่อนคนสวยยืนคุยกับกวิน รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบมานาน