10
ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน
หัวใจของกันตภณตอนนี้มันวุ่นวายสับสนไปหมด เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่เพียงความฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พ่อของเขาถูกยิง หรือเรื่องที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าณิศาอยู่เบื้องหลัง
ชายหนุ่มได้แต่เดินไปเดินมา เพราะทางโรงพยาบาลยังไม่เปิดให้เยี่ยม ต้องรออีกทีพรุ่งนี้เช้าเลย
“สวัสดีครับ คุณใช่ลูกชายคุณวิมลที่ถูกยิงเมื่อช่วงเย็นใช่ไหมครับ”
ตำรวจร้อยเวรเดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อสอบสวนภณผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียว
ชายหนุ่มให้การไปตามความจริงทุกอย่าง และเขาหลีกเลี่ยงการพูดถึงณิศาให้ได้มากที่สุด เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ยังไม่เชื่อ จนกว่าจะมีพยานหลักฐานมายืนยันหรือบิดาของเขาบอกเขาด้วยตัวเอง
“ตำรวจมาทำไมคะ” หญิงสาวเดินสวนกับตำรวจพอดี
“ก็มาสอบถาม สอบสวนหาข้อมูลทั่วไป ” ชายหนุ่มตอบโดยที่ยังคงนั่งก้มหน้ากำมือทั้งสองข้างแน่น
“ดิวแวะจองที่พักไว้แล้ว อยู่ห่างจากโรงพยาบาลแค่ไม่ถึงสองร้อยเมตร กลับไปพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ถึงจะเยี่ยมได้ ถ้ามีอะไรทางโรงพยาบาลจะโทรไปแจ้งอยู่แล้ว ภณไม่ต้องกังวล”
ถึงแม้ไม่อยากห่างพ่อไปเลย แต่เขาก็จำเป็นต้องกลับไปพักผ่อน เพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง ถ้าแย่ไปอีกคนพ่อของเขาจะไม่เหลือใครแล้ว
“แวะกินอะไรกันก่อนนะ” หญิงสาวพาสามีนั่งร้านอาหารที่อยู่ริมทางใกล้ๆ
ตอนนี้ดิวจากที่เคยเป็นคนที่มีคนอื่นดูแล แต่ตอนนี้เขากลับต้องมาดูแลคนอื่นแทน
กันตภณไม่อยู่ในสภาพที่จะดูแลหรือปกป้องใครได้ เขาเหมือนร่างที่ไร้อารมณ์ ใบหน้าซีดเซียว มองแล้วเหมือนคนป่วยที่น่าจะนอนโรงพยาบาลแทนบิดา
“กินเยอะๆ เอ้าอ้าปาก เดี่ยวดิวป้อนเอง”
เมื่อเห็นสามีไม่ยอมกินข้าว ภรรยาที่แสนดีอย่างปาลิดา ถึงกับต้องป้อนกันทีละคำ คุณสามีก็ทำตัวเป็นหุ่นยนต์ที่คอยอ้าปากตามคำสั่ง
โรงแรมที่ปาลิดามาติดต่อไว้ เป็นโรงแรมระดับ5ดาวเลย เธอเลือกที่นี่เพราะอยู่ใกล้โรงพยาบาลมากที่สุด ถึงแม้จะราคาแสนแพงก็ตาม
“กินยา แล้วจะได้นอน” หญิงสาวส่งยาเม็ดสีขาวให้สามีที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จ
“ยาอะไร นี่ภณไม่ได้ป่วยนะ” ชายหนุ่มทำท่าจะไม่ยอมกิน
“ยาแก้เครียด”
หญิงสาวโกหก เพราะความจริงมันคือยานอนหลับ ที่เธอเคยได้มาจากโรงพยาบาล
เมื่ออาบน้ำกินยาได้ไม่ถึงชั่วโมงกันตภรก็หลับไปเพราะฤทธิ์ยาและความเหนื่อยล้าจากเรื่องราวต่างๆในวันนี้
ปาลิดานั่งมองหน้าสามี เธอรู้ว่านอกจากเรื่องที่พ่อถูกยิง สามีของเธอยังกังวลเรื่องที่ณิศาอยู่เบื้องหลัง หญิงสาวเริ่มถอดใจ ไม่ว่าเธอจะทำดีแค่ไหน สุดท้ายคนในหัวใจของเขาก็มีแต่คนรักเก่า
เรื่องนี้จบลงเมื่อไหร่ ดิวตัดสินใจจะยอมหย่าให้และจะยอมให้บิดาขายที่คืนให้ตามที่ชายหนุ่มต้องการ
การปกป้องเขามันทำให้หัวใจของเธอเองต้องบอบช้ำ ปาลิดาคิดว่าเธอควรจะต้องหันมารักตัวเองบ้าง แต่ตอนนี้ เธอยังจะไม่ทิ้งเขาไปไหน เพราะช่วงเวลานี้เขาไม่มีใครนอกจากเธอ
เสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ ปลุกให้ทั้งคู่รีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำ เพื่อรีบไปเยี่ยมคนเจ็บ เพราะเขาเปิดให้เข้าเยี่ยมได้วันละสามรอบ และรอบเช้าก็เริ่มตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า
“พ่อ ผมอยู่นี่แล้วนะ” ชายหนุ่มจับแขนของบิดาที่ยังพูดไม่ได้เพราะใส่ท่อช่วยหายใจอยู่
“เดี๋ยวก็หายแล้วนะคะ กระสุนไม่โดนจุดสำคัญ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงอะไร เดี๋ยวถอดท่อออกเมื่อไหร่เราค่อยคุยกัน”
ปาลิดาเหมือนจะเดาใจคนเจ็บออก เพราะวิมลพยายามจะพูด ยกไม้ยกมือเหมือนต้องการบอกอะไรบางอย่าง
“สวัสดีครับ อาการตอนนี้ดีขึ้น คนไข้รู้สึกตัวตลอด การหายใจดีมาก แต่หมอขอดูระยะยาวอีกหนึ่งวัน ถ้ายังหายใจได้ดีแบบนี้ พรุ่งนี้เช้าทางหมอจะถอดท่อช่วยหายใจออก”
คุณหมอบอกอาการคนเจ็บ และแนวทางการรักษาต่อ ซึ่งถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ”
“พ่อคะ หายใจเก่งๆ พรุ่งนี้คุณหมอจะถอดท่อให้ เราจะได้คุยกันแล้วนะคะ” ลูกสะใภ้กระซิบบอกข่าวดีพ่อสามี
กันตภณอยู่กับบิดาจนหมดเวลาเยี่ยมถึงได้ยอมออกมา ถ้าพยาบาลไม่บอกเขาคงยืนมึนอยู่อย่างนั้นแน่ๆ
“เหมือนพ่ออยากพูดอะไรเนาะว่าไหม” ชายหนุ่มหันมาพูดกับภรรยา
“ก็คงอยากบอกว่าเกิดอะไรขึ้นกับท่าน ในวันนั้น” หญิงสาวมองหน้าสามี เพื่อดูสีหน้าที่แสดงออกผ่านความรู้สึก
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ทุกอย่างมันจะได้จบๆ”
กันตภณเองก็เข้าใจ ว่าที่ปาลิดามองหน้าเขาแบบนั้นเพราะอะไร เธอกำลังคิดว่าเขาคงไม่มีทางยอมรับถ้าณิศาจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้
“ที่สวนเป็นอย่างไรบ้าง” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่องคุย
“ไม่ต้องห่วงหรอก พี่คำดูแลให้ทุกอย่างตอนนี้ก็มีต้อมมาช่วยอีกแรง”
“ภณ คุณเสียใจไหมที่ต้องมาแต่งงานกับดิว” อยู่ดีๆหญิงสาวก็ถามขึ้นมา ทำเอาคนฟังไม่ทันตั้งตัว
“แล้วคุณล่ะ เสียใจไหมที่อยากแต่งงานกับผม” ชายหนุ่มไม่ตอบแต่กลับถามคำถามกลับแทน
“ดิวไม่เสียใจที่แต่งงานกับคุณ แต่เสียใจที่บังคับคุณ เพราะการที่เราเห็นคนที่เรารักไม่มีความสุข เราก็ไม่มีความสุขไปด้วย”
คำตอบที่ดูจะชัดเจน ชายหนุ่มอย่างกันตภณได้แต่มองหน้าภรรยาที่เขาไม่เคยแม้แต่จะบอกว่ารักเธอเลยสักครั้ง เขาไม่รู้จะพูดอะไร จึงได้แต่จับมือของปาลิดาไว้แน่น
“ขอบคุณที่ไม่ปล่อยมือภณ ในวันที่ภณไม่เหลือใคร”
ถึงแม้มันจะไม่ใช่ความรู้สึกในใจทั้งหมดที่เขามี แต่มันคือความแน่ใจทั้งหมดที่เขาจะกล้าพูด ชายหนุ่มยังคงจับมือภรรยาไว้แน่น ถึงแม้ทางที่เดินกลับโรงแรมจะแคบและบ่อยครั้งก็มีคนที่เดินสวนมาพยายามจะเข้ามาแทรกตรงกลาง แต่ทั้งคู่ก็ยอมหลบเพื่อให้เขาเหล่านั้นเดินผ่านไปแต่ไม่ยอมที่จะปล่อยมือจากกัน
11ความจริง ค่ำคืนนี้กันตภณหลับโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับเลย เพราะเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ที่พรุ่งนี้พ่อของเขาจะได้ถอดท่อช่วยหายใจ ความจริงทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย “มานอนกอดหน่อยสิ” ชายหนุ่มเรียกภรรยาที่กำลังนั่งหวีผม ให้มานอนข้างๆเขา เหมือนเด็กที่กำลังอยากอ้อนเอาอะไร “หวีผมอยู่...” ปาลิดาลากเสียง “ก็มาหวีตรงนี้ เดี๋ยวภณหวีให้” ปาลิดาอยากรู้ว่าสามีของเธอจะทำได้เหมือนที่พูดจริงไหม เธอจึงหยิบหวีและลุกไปนั่งข้างๆเขา “ผมคุณดำมากเลย ถ้ามีลูกผู้หญิงต้องผมสวยเหมือนคุณแน่ๆ” ชายหนุ่มพูดเหมือนลืมไปแล้ว ว่าเขาตกลงอะไรไว้กับครอบครัวของภรรยา“ถ้าพ่อภณหายแล้ว ภณจะกลับไปอยู่ดูแลพ่อก็ได้นะ”“แล้วดิวล่ะ” ชายหนุ่มถามกลับทันที“ดิวก็คงต้องอยู่ดูแลพ่อที่บ้าน”“ไม่เอา ถ้าดิวไม่ไปอยู่กับภณ ภณก็จะเอาพ่อมาอยู่กับเรา ดิวคงไม่ว่าภณนะ นอนไม่หลับแน่ๆถ้าต้องนอนคนเดียว”หญิงสาวแอบยิ้มให้กับคำตอบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามันแทนคำว่ารักได้หรือเปล่า“แต่ก่อนคุณก็นอนคนเดียวนะ ทำมาเป็นจะนอนไม่หลับ”หญิงสาวแย่งหวีจากมือชายหนุ่มมาหวีเอง“ก็มันไม่ชินแล้
12มอบตัว หลังจากตำรวจออกหมายเรียกได้ไม่นาน พ่อของณิศาก็พาลูกสาวเข้ามอบตัว จากการสอบสวนผู้ต้องหาทำให้รู้เรื่องราวทั้งหมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากการที่ณิศาและนิรัชเกิดมีความสัมพันธ์กันเกิดขึ้น และทางฝ่ายชายได้อัดคลิปไว้ เพื่อใช้เป็นสิ่งต่อรองให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ที่ดินของวิมลกับของต้อมคือที่ดินที่ ทางนายใหญ่ของนิรัชต้องการ เพราะในที่ดินทั้งสองผืน เคยเป็นที่ฝังสมบัติเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อณิศาทำไม่สำเร็จ ทางนิรัชก็ถูกนายใหญ่ทำโทษด้วยความโกรธเขาจึงปล่อยคลิปเขากับณิศา หญิงสาวเครียดไม่รู้จะทางออกยังไง จึงเอาปืนที่พ่อของเธอซ่อนไว้ หวังจะมายิงปาลิดา แต่ไม่มีโอกาสจึงหันมาทำร้ายวิมลแทน เพราะถ้าวิมลยอมทำตามที่เธอต้องการตั้งแต่ทีแรก ภณก็คงไม่ต้องแต่งงาน และเธอก็จะไม่ต้องอายคนทั้งประเทศแบบนี้ ชายหนุ่มได้ฟังข้อมูลจากทางตำรวจทั้งหมด เขาคิดไม่ถึง ว่าผู้หญิงที่เขารักและซื่อสัตย์กับเธอตลอด ที่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพเธอจะนอกใจเขา แต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่เคยมีให้กัน และณิศาก็ได้รับกรรมของเธอแล้ว ชายหนุ่มจึงอโหสิกรรมให้“กลับบ้านกันนะพ่อ”หมอให
บทที่ 1น้องปี1 การอยู่หอของน้องปีหนึ่งถือได้ว่า เป็นเรื่องที่สุดแสนจะตื่นเต้น แต่ละคนได้มาอยู่ห้องเดียวกัน ต่างก็มาจากคนละที่ คนละจังหวัด บางคนก็ขนของมาเต็มที่ บางคนก็มีของติดตัวมาเพียงน้อยนิด “เราชื่อซัมเมอร์นะ เธอล่ะเชื่ออะไร”สาวสวยที่ดูจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ท่าทางการแต่งตัวของเธอบ่งบอกถึงความทันสมัย และมีฐานะ “เราชื่อลูกพีช ยินดีที่ได้รู้จักนะ” สาวน้อยหน้าตาท่าทางเรียบร้อย ดูยังขี้อายอยู่ที่ต้องคุยทักทายกับเพื่อนใหม่ ห้องนอนถูกแบ่งให้แต่ละห้องนอนด้วยกันสองคน โดยการสุ่มเลือกของทางมหาวิทยาลัย ลูกพีชกับซัมเมอร์ถูกเลือกให้นอนห้องเดียวกัน “ลูกพีชเลือกตู้เสื้อผ้า กับเตียงก่อนได้เลยนะ เราเอาอันไหนก็ได้”พูดจบซัมเมอร์ก็เดินออกจากห้องที่อยู่ชั้นสามออกไปข้างนอก เมื่อเหลือตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ลูกพีชก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ ตั้งแต่โตมา ก็เพิ่งจะเคยห่างพ่อกับแม่ครั้งแรก ไม่รู้เมื่อไหร่จะชิน สาวน้อยน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ต้องอายใครเวลานี้ “ลูกพีช เราซื้อขนมมาฝาก”คนสวยของห้องลงไปข้างล่างได้ไม่นาน ก็เดินขึ้นมาพร้อมถุงขนมใบใหญ่
ทั้งคู่เลือกกินร้านอาหารตามสั่งที่ อยู่ไม่ไกลจากหอ ในซอยที่อยู่ห่างไปจากหอไม่ถึง500 เมตร เป็นแหล่งกิน แหล่งซื้อของ ของบรรดานักศึกษาที่นี่ ถึงแม้จะเป็นซอยแคบๆ แต่ผู้คนเดินไปเดินมา กันเต็มไปหมด ซัมเมอร์ไม่ชอบที่จะต้องคอยเดินหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่เข้ามาในซอย จึงชวนลูกพีชกินร้านๆแรกๆที่เจอเลย “เธอมองอะไรซัมเมอร์”สาวน้อยขี้อายดุใส่เพื่อน เมื่อเห็นเธอกำลังส่งสายตาหวานให้โต๊ะข้างๆ ที่มีแต่ผู้ชายนั่งอยู่ทั้งโต๊ะ “ก็เขามอง เราก็มองตอบ ไม่มีอะไรหรอก” คนตอบไม่สนใจจริงจัง ถึงแม้ตอนนี้ซัมเมอร์จะเลิกสนใจมองผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆแล้ว แต่ผู้ชายหนึ่งในนั้นยังนั่งมองเธออยู่ ลูกพีชรู้สึกไม่ชอบเลย ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมองด้วยสายตาที่ดี แต่มันเหมือนพวกเธอกำลังตกเป็นจุดสนใจ “ซัมเมอร์อิ่มหรือยัง ไปกันเถอะ” “ยังๆ อีกนิดนะ เธอกลัวพวกนั้นเหรอ ” ซัมเมอร์ รู้ใจคนชวนกลับ “ก็ดูพวกเขามองสิ เล่นจ้องไม่ละสายตา โดยเฉพาะเจ้าคนที่นั่งตรงข้ามเธอ ส่งตาหวานเชียว” คนพูดอายแทนคนถูกมอง “ปล่อยให้มองไป เราสวย เรารู้ ฮ่าๆ ๆ” ยังมีข้าวอยู่ในปากแ
บทที่2หนุ่มนักกีฬา เช้านี้ทั้งสองคนต่างแยกกันไปเรียน เพราะต่างคนต่างเรียนกันคนละคณะ ลูกพีชคณะของเธออยู่ด้างข้างของมหาวิทยาลัย เป็นคณะที่มีหนุ่มหล่อที่สุดเมื่อเทียบกับทุกคณะ ส่วนซัมเมอร์เธอเรียนคณะที่มีตึกสูงที่สุดและเป็นคณะที่ถือว่า มีแต่ผู้หญิงสวยๆ ซึ่งก็เหมาะกับเธอมาก เพราะความสวยของซัมเมอร์ไม่เป็นรองใคร มื้อกลางวันลูกพีชเลือกกินอาหารใต้อาคารเรียน เพราะไม่อยากเดินไปไหน อากาศข้างนอกร้อนจนแทบจะเผาเธอได้ “มีคนนั่งไหมครับ ขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง “ว่างค่ะ” “เอ้า! จำพี่ได้ไหม เราเคยเรียนโรงเรียนมัธยมด้วยกัน พี่ชื่อกวิน” ชายหนุ่มรีบแนะนำตัว เผื่อหญิงสาวตรงหน้าจะพอคุ้นชื่อและจำเขาได้ “คุ้นๆค่ะ” ลูกพีชตอบ ใครว่าคุ้นๆ ชายหนุ่มผู้นี้ทำเอาหัวใจของลูกพีชแทบหยุดเต้น เขาคือรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า เธอแอบชอบเขาตั้งแต่เข้าไปเรียนใหม่ๆ และเขาก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกเรียนที่นี่ด้วย “เรียนศิลปกรรมเหรอ ถึงมากินข้าวที่นี่” คนมาใหม่ถาม “ใช่ค่ะ เรียนที่นี่” คนตอบไ
ตั้งแต่มาถึงมหาวิทยาลับ ซัมเมอร์ยังไม่เจอผู้ชายที่ถูกใจเธอเลยเพิ่งจะเจอก็วันนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย อาหารเย็นวันนี้ ลูกพีชกินจนเกลี้ยงจาน เพราะเมื่อกลางวันเธอมัวแต่เขิน จนอิ่มอกอิ่มใจ กินต่อไม่ไหว พอถึงมื้อเย็นท้องว่างจนกินหมดจานแบบไม่เหลือสักเม็ด“ไปหิวมาจากไหนกัน เกือบกินจานเข้าไปด้วยเลย”เพื่อนที่นั่งกินข้างๆแซว เพราะคนกินข้าวตัวนิดเดียวแต่กินจนหมดจาน “อิ่มแล้ว เรา...ก็ไปออกกำลังกายกัน” สาวสวยในชุดออกกำลังยืนขึ้นอย่างมีความสุข “เพิ่งกินข้าวอิ่ม ไปออกกำลังกายเดี๋ยวก็จุกกันพอดี” ลูกพีชร้องห้าม “นี่แม่คุณ ใครว่าเราจะไปออกกำลังกายกันจริงๆล่ะ เราจะแค่กำลังจะไปนั่งพักเพราะวิ่งมาจนเหนื่อย แล้วก็ไปนั่งพักตรงสนามบาสแค่นั้นเอง” แผนการที่แสนจะอ่อยเต็มที่ “นั้นไง คนที่ใส่เสื้อสีแดง” ซัมเมอร์ชี้เป้าหมายให้เพื่อนสาวดู “ขาวดี แต่ยังเห็นหน้าไม่ชัดเลย” “ไปๆ เข้าไปนั่งข้างในเลย เขานั่งกันเยอะแยะ”ซัมเมอร์จูงมือคนตัวเล็กร่างบางให้เดินตามแบบที่ไม่รอฟังคำตอบเลย ว่าเธอจะอยากเข้าไปด้วยไหม
บทที่3เมื่อซัมเมอร์เจอเป้าหมายใหม่ เย็นนี้ลูกพีชรู้ตัวว่าคงต้องถูกลากไปที่ สนามบาสอีกแน่ คราวนี้เธอเลยขอไปออกกำลังจริงๆเลย ออกเสร็จค่อยไปกินข้าว “ซัมเมอร์เธอเข้าไปที่สนามบาสก่อนเลยนะ เราขอวิ่งอีกสองรอบจะตามเข้าไป” วิ่งได้แค่ไม่กี่รอบซัมเมอร์ก็ทำท่างอแง อยากไปที่สนามบาสแล้ว ลูกพีชยังอยากวิ่งออกกำลังกายอยู่ เธอจึงให้เพื่อนสาวที่ที่หน้าตาบูดบึ้งเพราะใจร้อน ไปที่สนามก่อนเธอเลย “ถ้าอย่างนั้น เราไปรอที่สนามบาสนะ แล้วอย่าหนีไปกินข้าวคนเดียวเสียล่ะ” คนสวยส่งยิ้มหวานให้เพื่อน ก่อนเดินแยกไปอีกทาง ลูกพีชเริ่มมีความสุขกับการได้มาออกกำลังกาย มันช่วยให้เธอคลายความคิดถึงบ้านได้มากเลย แม่เคยบอกว่าถ้าเราออกกำลังกายก่อนนอน จะช่วยให้นอนหลับง่าย หลายคืนที่ผ่านมา เธอเอาแต่นอนคิดถึงห้องนอนของเธอจนนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้ว วิ่งได้ครบสองรอบตามสัญญา ลูกพีชก็ไปที่สนามบาส แต่ภาพที่เธอเห็นตรงหน้า ทำให้หญิงสาว เกือบจะวิ่งออกมาจากสนามบาส เพราะแทนที่เธอจะเห็นซัมเมอร์กับโอม เธอกับเห็นเพื่อนคนสวยยืนคุยกับกวิน รุ่นพี่ที่เธอแอบชอบมานาน
บทที่4แม่สื่อหัวใจว้าวุ่น “นอนหลับฝันดีนะครับ” กวีเปิดหน้าต่างรถ แล้วตะโกนบอกซัมเมอร์ที่กำลังเดินเข้าหอ อารมณ์แบบนี้เขาเรียกอิจฉาใช่ไหม ลูกพีชถามตัวเอง ทำไมนะ ทำไมคนที่เขาบอกไม่ใช่เธอ คืนนี้คงเป็นคืนที่เธอจะต้องจัดการกับความรู้สึกของตัวเองให้ได้ เพราะมันไม่ใช่ความผิดของทั้งคู่ เธอจะมาแอบโกรธซัมเมอร์ในใจแบบนี้ไม่ได้ ลูกพีชพยายามรวมรวมสติ “ลูกพีช เธอว่าพี่เขาจะชอบเราไหม” ซัมเมอร์ถามทันทีหลังจากถึงห้องที่หอพัก “เราไม่รู้ แต่คงชอบแหละ ถึงได้พาไปกินชาบู” คนตอบแทบจะอกแตกตาย “ไม่รู้ล่ะ เธอต้องช่วยเรา ก็เธอเคยเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกันมาก่อน แถมตอนนี้ก็เรียนคณะเดียวกันอีก” คนขอให้ช่วยกอดเอวเพื่อสาวอย่างเอาใจ “เราไม่ได้สนิทกับพี่เขาขนาดนั้นนะ แค่เคยเห็นกันเฉย ๆ ” ลูกพีชหาทางออก “ไม่รู้ล่ะ ลูกพีชเพื่อนที่แสนจะน่ารักต้องช่วยเรานะ แม่สื่อคนสวย” ความน่ารักช่างเอาอกเอาใจของซัมเมอร์นี่แหละ ที่ทำให้ลูกพีชใจอ่อน ถึงแม้มันคงจะเป็นการทำร้ายหัวใจของตัวเอง หญิงสาวได้แต่บอกกับตัวเองว่า เธอเป็นเพียงคนที่แอบชอบ ไม่ได้เป็นแฟนพี่เ