8
ขวางผลประโยชน์
“เหนื่อยไหมวันนี้ เห็นยกนั่นยกนี่ทั้งวัน” ภณถามภรรยาที่วันนี้เข้านอนก่อนเขาอีก
“มันเมื่อยๆ สงสัยจะยกของผิดท่าไปหน่อย”
เมื่อได้ยินคนตัวเล็กบอกว่าเมื่อย ภณก็สวมบทบาทหน้าที่เป็นหมอนวดทันที
“ทำอะไร” หญิงสาวสะดุ้งเมื่อมือหนาบีบลงไปที่ขาของเขา
“ก็นวดให้ไง เห็นบอกว่าว่าเมื่อย”
“นวดอ่ะดี แต่เบาแรงหน่อยนะคะ พ่อแรงเยอะ ขาจะหักแล้ว”
ภณหัวเราะให้กับคำพูดของภรรยา เขาลืมไปเลยว่า ขาของ ปาลิดาเล็กกว่าแขนของเขาเสียอีก
คืนนี้สามีผู้มีแรงเยอะยอมให้ภรรยาได้พักร่างหนึ่งวัน เพราะต่างฝ่ายก็เหนื่อยกับงานที่สวนจนพากันหลับสนิทถึงเช้า
*****หนึ่งเดือนผ่านไป*****
สวนผลไม้ตอนนี้ถูกลงต้นไม้เต็มแล้วทุกพื้นที่ เหลือก็แต่ที่ดินของวิมล ที่ตอนนี้เลิกปลูกมันแล้ว เพราะต้องมาช่วยลูกชายดูแลสวน
“ภณพ่อว่าจะให้เจ้าต้อมมันมาปลูกถั่วลิสงที่ที่ดินของเรา ไม่คิดค่าเช่ามัน เพราะมันก็ไม่มีที่ดินจะทำกิน และที่ดินเราจะได้บำรุงไปในตัวด้วย”
วิมลบอกกับลูกชาย เพราะสงสารเด็กหนุ่มในหมู่บ้านที่กำลังมีลูกเล็ก ที่ดินก็เหลือเพียงแค่ไร่เดียว โดนเขายึดไปหมด
“ได้สิพ่อ ให้มันทำสักคราวสองคราว แล้วผมจะเอาที่มาปลูกมะม่วง แล้วจ้างมันดูแล จะได้มีรายได้”
ครอบครัวของวิมลกับกำนันสมยศมีนิสัย ชอบช่วยเหลือคนอื่นเหมือนกัน จึงทำให้ลูกสาวและลูกชายของบ้านนี้เป็นคนมีจิตใจดีตามบุพการี
“พ่อกำนันไอ้ต้อมมันมาหา ร้องไห้มาเลย” คำวิ่งขึ้นมาบอกเจ้านายที่บนบ้าน
“อะไรกันวะ ใครทำอะไรมัน ไปเรียกมันขึ้นมา” กำนันลุกจากเก้าอี้ไปยืนรอที่ระเบียง
“มีอะไรก็เล่าไป” คำ รีบสั่ง
“ไอ้นิรัชมันจะซื้อที่ฉัน พอฉันไม่ขายมันก็ข่มขู่ ฉันไม่รู้จะทำยังไงดี” ต้อมเล่าสิ่งที่ทำให้เขากลัวจนต้องร้องไห้
“ไอ้นี่ นี่มันยังไงกัน เอาอย่างนี้เอ็งไปเอาโฉนดมา แล้วบอกว่าเอามาจำนองให้ฉันแล้ว แล้วเอ็งก็ไปย้ายข้าวของมาอยู่ที่สวนของเจ้าภณเลย เพราะยังไงเอ็งก็ต้องทำถั่วที่ข้างๆอยู่แล้ว คำไปตามลูกน้องเอ็งมาช่วยมันหน่อยสิ”
“ได้จ้าพ่อกำนัน” คำรีบพาต้อมไปทำตามที่กำนันบอก
“เสียงอะไรกันพ่อกำนัน” ภณได้ยินเสียงจึงรีบวิ่งมาที่บ้านพ่อตา
สมยศบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเจ้าต้อมให้ลูกเขยฟัง ถึงแม้จะไม่ใช่นักเลงหัวไม้แต่พอฟังแบบนี้ ภณก็รู้สึกอยากปะทะขึ้นมาทันที
“แล้วเอ็งจะไปไหน” กำนันถามเมื่อเห็นลุกเขยคว้ารถเตรียมจะออกไป
“จะไปช่วยพี่คำดูหน่อย กลัวพวกมันมาหาเรื่องเอา”
“ถ้างั้นรอก่อน”
กำนันหยิบปืนขนาดพกพาให้ลูกเขยพกไปเพื่อไว้ใช้ป้องกันตัว
เมื่อไปถึงพวกของคำกำลังช่วยกันรื้อบ้านบางส่วนและเอารถมาขนของใช้ที่จำเป็นไปไว้ในที่สวนของภณก่อน
“พี่คำแล้วมีใครไปทำบ้านให้อยู่ใหม่หรือยังที่ในสวน” ภณถามด้วยความเป็นห่วง
“ทางนู้นมีเจ้าต้อมกับน้องชายมัน”
“ถ้าอย่างนั้นผมไปช่วยทางนู้นนะ”
ถึงภณจะไปเรียนปริญญาที่กรุงเทพ แต่เรื่องงานช่างงานสวน เขามีความสามารถติดตัวมาตั้งแต่เด็กๆ เพราะพ่อของเขาคอยสอนตลอด
ทั้งสามคนช่วยกันเริ่มก่อสร้างต่อจากโรงนาที่ภณทำไว้สำหรับนั่งพักร้อน เพราะมีเสาและหลังคาเรียบร้อยแล้ว
น้องชายของต้อมทำหน้าที่ไปสร้างห้องน้ำให้ดีกว่าเดิม เพราะภณทำไว้ใช้แค่เพียงชั่วคราว
“เอ้า...แค่ขอซื้อที่ถึงขนาดต้องย้ายบ้านหนีกันเลยเหรอ”
นิรัชขับรถมาจอดที่หน้าสวนของภณ ก่อนจะเปิดประตูลงมา
มือทั้งสองข้างล้วงกระเป๋าอย่างนักเลง
“ก็มันขายที่ดินให้พ่อกำนันเขาตั้งนานแล้วไม่รู้เรื่องเลยหรือไง เขาให้มันย้ายไปไหนมันก็ต้องไป”
ภณตอบแทน เพราะรู้ว่าตอนนี้ต้อมกับน้องชายกำลังกลัวจนอาจจะพูดผิดพูดถูก
“ขอโทษนะครับคุณภณ คุณลูกเขยตกถังข้าวสารผมไม่ได้พูดกับคุณ”
นิรัชยังคงพูดจาหาเรื่อง แต่เขาฉลาดพอที่จะไม่เดินเข้ามาในที่ของคนอื่น
“ผมชอบเสือก โดยเฉพาะเวลาเห็นพวกเก่งแต่ขู่ไม่กัด ผมยิ่งชอบเสือก” ภณถึงเวลานี้ร่างกายต้องการการปะทะเอามากๆ
“เดี๋ยวก็รู้ว่าจะกัดไหม จำไว้นะไอ้ต้อม ฉันให้ข้อเสนอแกดีๆ แกกลับไม่รับระวังจะเจอลูกปืน” นิรัชชี้หน้าและเปิดประตูขึ้นรถไป
“ต้อมไม่ต้องกลัว แต่ก็ต้องระวัง เวลาไปไหนมาไหนก็ดูหน้าดูหลัง บ้านเมืองมีกฎหมายดูสิมันจะกล้าก็ลอง”
เมื่อของทั้งหมดถูกย้ายจากที่ดินเก่ามาจนหมด บรรดาลูกน้องของคำก็ช่วยกันสร้างบ้านหลังเล็กๆ ที่พอกันลมกันฝนได้
“ไว้ค่อยๆต่อเติมไป ที่ดินของเอ็งยังไงมันก็เป็นของเอ็ง พ่อกำนันแค่จะเก็บไว้ให้ ” คำอธิบาย
“เดี๋ยวคืนนี้พวกเราผลัดกันขี่รถมาดูมันกันบ้างนะ คนบ้านเดียวกัน จะให้คนอื่นมันมารังแกได้ไง”
คำหันไปสั่งบรรดาลูกน้องเขาที่มีรวมๆกันเกือบยี่สิบคนเห็นจะได้ แต่ละคนอยู่ในวัยที่กำลัง พร้อมปะทะทั้งนั้น
“เอ้า มาทำไมดิว” ภณหันไปเห็นภรรยาขี่รถมาพร้อมปิ่นโตเถาใหญ่
“พ่อเล่าให้ฟัง ดิวก็คิดว่าคงกำลังยุ่งๆกันเลยทำกับข้าวมาฝากครอบครัวต้อม ส่วนพวกเด็กๆ พ่อกำนันเตรียมไว้ให้ที่บ้านแล้วจ้า พี่คำพาน้องๆพี่ไปกินเลยนะ”
ต้อมและครอบครัวยกมือไหว้ทุกคนที่ต่างยื่นมือเข้ามาช่วยครอบครัวของเขา ไม่งั้นมีหวังเขาคงต้องเสียสมบัติชื้นสุดท้ายไปแน่ๆ
“ไปหาพ่อพี่กันเถอะ ฉันทำน้ำพริกหนุ่มว่าจะอาไปฝากท่าน”
สองคนสามีภรรยาขี่รถซ้อนท้ายกันไป ยังบ้านของวิมล ที่อยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน ใกล้กับที่ดินที่นิรัชอยากได้
“ทำไมบ้านเงียบจัง” ภณรู้สึกผิดปกติจึงรีบวิ่งขึ้นไปหาพ่อบนบ้าน
“พ่อ พ่อถูกยิง” ภณตะโกนเสียงหลง
ปาลิดาวิ่งขึ้นมาบนบ้านและรีบลงไปโทรศัพท์หาคำ ให้รีบเอารถมารับวิมลไปส่งโรงพยาบาล
9แค้น “พ่อ พ่อได้ยินภณไหม” ชายหนุ่มร้องเรียกพ่อไปตลอดทาง วิมลทำได้เพียงแค่บีบมือลูกชายเพื่อให้รู้ว่าเขาได้ยินลูกอยู่ “รถพยาบาล มารอรับอยู่กลางทางแล้ว เพื่อความรวดเร็ว” ไม่นานพ่อของภณก็ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน ส่วนญาติๆถูกกันไว้ข้างนอก เพื่อสะดวกแก่การรักษา ทางโรงพยายบาลทำการผ่าตัดด่วน เพื่อเอากระสุนออก โชคยังดีที่ไม่ถูกจุดสำคัญ แต่คนไข้เสียเลือดมาก เพราะกว่าที่ภณจะไปเจอ วิมลน่าจะถูกยิงมาได้สักพักแล้ว “ภณคุณจะไปไหน”ปาลิดาคว้าแขนสามีของเธอไว้ เมื่อเห็นว่าเขาทำท่ารีบร้อนจะเดินออกจากโรงพยาบาล“ผมจะไปฆ่ามัน” ชายหนุ่มกัดฟันแน่น“ภณคุณจะไปฆ่าใคร คุณรู้เหรอว่าใครทำ”“มันต้องเป็นฝีมือไอ้นิรัชแน่ๆ” ชายหนุ่มมั่นใจ“ใช่เขาคือคนที่น่าจะทำที่สุด แต่ก็ยังไม่ได้หมายความว่าเขาทำ การที่ภณจะไปฆ่าเขา แล้วพ่อล่ะ พ่อคุณต้องการคุณที่สุดในเวลานี้ ไม่ใช่พ่ออยู่โรงพยาบาล ลูกอยู่ในคุก ปล่อยให้มันเป็นเรื่องของกฎหมาย คุณต้องตั้งสตินะภณ”ปาลิดาพยายามเรียกสติของสามีให้กลับคืนมา เธอเข้าใจ ว่าเป็นใคร ใครก็ต้องแค้น แต่ในเมื่อเรายังไม่มีหลักฐานแล
10ขอบคุณที่อยู่เคียงข้างกัน หัวใจของกันตภณตอนนี้มันวุ่นวายสับสนไปหมด เขาอยากให้ทุกอย่างเป็นแค่เพียงความฝัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พ่อของเขาถูกยิง หรือเรื่องที่ทุกคนกำลังสงสัยว่าณิศาอยู่เบื้องหลัง ชายหนุ่มได้แต่เดินไปเดินมา เพราะทางโรงพยาบาลยังไม่เปิดให้เยี่ยม ต้องรออีกทีพรุ่งนี้เช้าเลย “สวัสดีครับ คุณใช่ลูกชายคุณวิมลที่ถูกยิงเมื่อช่วงเย็นใช่ไหมครับ” ตำรวจร้อยเวรเดินทางมาที่โรงพยาบาล เพื่อสอบสวนภณผู้เป็นลูกชายเพียงคนเดียว ชายหนุ่มให้การไปตามความจริงทุกอย่าง และเขาหลีกเลี่ยงการพูดถึงณิศาให้ได้มากที่สุด เพราะอย่างไรเสีย เขาก็ยังไม่เชื่อ จนกว่าจะมีพยานหลักฐานมายืนยันหรือบิดาของเขาบอกเขาด้วยตัวเอง “ตำรวจมาทำไมคะ” หญิงสาวเดินสวนกับตำรวจพอดี “ก็มาสอบถาม สอบสวนหาข้อมูลทั่วไป ” ชายหนุ่มตอบโดยที่ยังคงนั่งก้มหน้ากำมือทั้งสองข้างแน่น “ดิวแวะจองที่พักไว้แล้ว อยู่ห่างจากโรงพยาบาลแค่ไม่ถึงสองร้อยเมตร กลับไปพักก่อนดีกว่า พรุ่งนี้ถึงจะเยี่ยมได้ ถ้ามีอะไรทางโรงพยาบาลจะโทรไปแจ้งอยู่แล้ว ภณไม่ต้องกังวล” ถึงแม้ไม่อยาก
11ความจริง ค่ำคืนนี้กันตภณหลับโดยไม่ต้องพึ่งยานอนหลับเลย เพราะเขารู้สึกสบายใจขึ้นมาก ที่พรุ่งนี้พ่อของเขาจะได้ถอดท่อช่วยหายใจ ความจริงทุกอย่างก็จะถูกเปิดเผย “มานอนกอดหน่อยสิ” ชายหนุ่มเรียกภรรยาที่กำลังนั่งหวีผม ให้มานอนข้างๆเขา เหมือนเด็กที่กำลังอยากอ้อนเอาอะไร “หวีผมอยู่...” ปาลิดาลากเสียง “ก็มาหวีตรงนี้ เดี๋ยวภณหวีให้” ปาลิดาอยากรู้ว่าสามีของเธอจะทำได้เหมือนที่พูดจริงไหม เธอจึงหยิบหวีและลุกไปนั่งข้างๆเขา “ผมคุณดำมากเลย ถ้ามีลูกผู้หญิงต้องผมสวยเหมือนคุณแน่ๆ” ชายหนุ่มพูดเหมือนลืมไปแล้ว ว่าเขาตกลงอะไรไว้กับครอบครัวของภรรยา“ถ้าพ่อภณหายแล้ว ภณจะกลับไปอยู่ดูแลพ่อก็ได้นะ”“แล้วดิวล่ะ” ชายหนุ่มถามกลับทันที“ดิวก็คงต้องอยู่ดูแลพ่อที่บ้าน”“ไม่เอา ถ้าดิวไม่ไปอยู่กับภณ ภณก็จะเอาพ่อมาอยู่กับเรา ดิวคงไม่ว่าภณนะ นอนไม่หลับแน่ๆถ้าต้องนอนคนเดียว”หญิงสาวแอบยิ้มให้กับคำตอบ ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่ามันแทนคำว่ารักได้หรือเปล่า“แต่ก่อนคุณก็นอนคนเดียวนะ ทำมาเป็นจะนอนไม่หลับ”หญิงสาวแย่งหวีจากมือชายหนุ่มมาหวีเอง“ก็มันไม่ชินแล้
12มอบตัว หลังจากตำรวจออกหมายเรียกได้ไม่นาน พ่อของณิศาก็พาลูกสาวเข้ามอบตัว จากการสอบสวนผู้ต้องหาทำให้รู้เรื่องราวทั้งหมด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากการที่ณิศาและนิรัชเกิดมีความสัมพันธ์กันเกิดขึ้น และทางฝ่ายชายได้อัดคลิปไว้ เพื่อใช้เป็นสิ่งต่อรองให้เธอทำตามที่เขาต้องการ ที่ดินของวิมลกับของต้อมคือที่ดินที่ ทางนายใหญ่ของนิรัชต้องการ เพราะในที่ดินทั้งสองผืน เคยเป็นที่ฝังสมบัติเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อณิศาทำไม่สำเร็จ ทางนิรัชก็ถูกนายใหญ่ทำโทษด้วยความโกรธเขาจึงปล่อยคลิปเขากับณิศา หญิงสาวเครียดไม่รู้จะทางออกยังไง จึงเอาปืนที่พ่อของเธอซ่อนไว้ หวังจะมายิงปาลิดา แต่ไม่มีโอกาสจึงหันมาทำร้ายวิมลแทน เพราะถ้าวิมลยอมทำตามที่เธอต้องการตั้งแต่ทีแรก ภณก็คงไม่ต้องแต่งงาน และเธอก็จะไม่ต้องอายคนทั้งประเทศแบบนี้ ชายหนุ่มได้ฟังข้อมูลจากทางตำรวจทั้งหมด เขาคิดไม่ถึง ว่าผู้หญิงที่เขารักและซื่อสัตย์กับเธอตลอด ที่ไปเรียนต่อที่กรุงเทพเธอจะนอกใจเขา แต่ด้วยความรักที่ทั้งคู่เคยมีให้กัน และณิศาก็ได้รับกรรมของเธอแล้ว ชายหนุ่มจึงอโหสิกรรมให้“กลับบ้านกันนะพ่อ”หมอให
บทที่ 1น้องปี1 การอยู่หอของน้องปีหนึ่งถือได้ว่า เป็นเรื่องที่สุดแสนจะตื่นเต้น แต่ละคนได้มาอยู่ห้องเดียวกัน ต่างก็มาจากคนละที่ คนละจังหวัด บางคนก็ขนของมาเต็มที่ บางคนก็มีของติดตัวมาเพียงน้อยนิด “เราชื่อซัมเมอร์นะ เธอล่ะเชื่ออะไร”สาวสวยที่ดูจะพกความมั่นใจมาเต็มร้อย ท่าทางการแต่งตัวของเธอบ่งบอกถึงความทันสมัย และมีฐานะ “เราชื่อลูกพีช ยินดีที่ได้รู้จักนะ” สาวน้อยหน้าตาท่าทางเรียบร้อย ดูยังขี้อายอยู่ที่ต้องคุยทักทายกับเพื่อนใหม่ ห้องนอนถูกแบ่งให้แต่ละห้องนอนด้วยกันสองคน โดยการสุ่มเลือกของทางมหาวิทยาลัย ลูกพีชกับซัมเมอร์ถูกเลือกให้นอนห้องเดียวกัน “ลูกพีชเลือกตู้เสื้อผ้า กับเตียงก่อนได้เลยนะ เราเอาอันไหนก็ได้”พูดจบซัมเมอร์ก็เดินออกจากห้องที่อยู่ชั้นสามออกไปข้างนอก เมื่อเหลือตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว ลูกพีชก็อดน้ำตาซึมไม่ได้ ตั้งแต่โตมา ก็เพิ่งจะเคยห่างพ่อกับแม่ครั้งแรก ไม่รู้เมื่อไหร่จะชิน สาวน้อยน้ำตาไหลอาบแก้มอย่างไม่ต้องอายใครเวลานี้ “ลูกพีช เราซื้อขนมมาฝาก”คนสวยของห้องลงไปข้างล่างได้ไม่นาน ก็เดินขึ้นมาพร้อมถุงขนมใบใหญ่
ทั้งคู่เลือกกินร้านอาหารตามสั่งที่ อยู่ไม่ไกลจากหอ ในซอยที่อยู่ห่างไปจากหอไม่ถึง500 เมตร เป็นแหล่งกิน แหล่งซื้อของ ของบรรดานักศึกษาที่นี่ ถึงแม้จะเป็นซอยแคบๆ แต่ผู้คนเดินไปเดินมา กันเต็มไปหมด ซัมเมอร์ไม่ชอบที่จะต้องคอยเดินหลบรถมอเตอร์ไซค์ที่ขี่เข้ามาในซอย จึงชวนลูกพีชกินร้านๆแรกๆที่เจอเลย “เธอมองอะไรซัมเมอร์”สาวน้อยขี้อายดุใส่เพื่อน เมื่อเห็นเธอกำลังส่งสายตาหวานให้โต๊ะข้างๆ ที่มีแต่ผู้ชายนั่งอยู่ทั้งโต๊ะ “ก็เขามอง เราก็มองตอบ ไม่มีอะไรหรอก” คนตอบไม่สนใจจริงจัง ถึงแม้ตอนนี้ซัมเมอร์จะเลิกสนใจมองผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆแล้ว แต่ผู้ชายหนึ่งในนั้นยังนั่งมองเธออยู่ ลูกพีชรู้สึกไม่ชอบเลย ถึงแม้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมองด้วยสายตาที่ดี แต่มันเหมือนพวกเธอกำลังตกเป็นจุดสนใจ “ซัมเมอร์อิ่มหรือยัง ไปกันเถอะ” “ยังๆ อีกนิดนะ เธอกลัวพวกนั้นเหรอ ” ซัมเมอร์ รู้ใจคนชวนกลับ “ก็ดูพวกเขามองสิ เล่นจ้องไม่ละสายตา โดยเฉพาะเจ้าคนที่นั่งตรงข้ามเธอ ส่งตาหวานเชียว” คนพูดอายแทนคนถูกมอง “ปล่อยให้มองไป เราสวย เรารู้ ฮ่าๆ ๆ” ยังมีข้าวอยู่ในปากแ
บทที่2หนุ่มนักกีฬา เช้านี้ทั้งสองคนต่างแยกกันไปเรียน เพราะต่างคนต่างเรียนกันคนละคณะ ลูกพีชคณะของเธออยู่ด้างข้างของมหาวิทยาลัย เป็นคณะที่มีหนุ่มหล่อที่สุดเมื่อเทียบกับทุกคณะ ส่วนซัมเมอร์เธอเรียนคณะที่มีตึกสูงที่สุดและเป็นคณะที่ถือว่า มีแต่ผู้หญิงสวยๆ ซึ่งก็เหมาะกับเธอมาก เพราะความสวยของซัมเมอร์ไม่เป็นรองใคร มื้อกลางวันลูกพีชเลือกกินอาหารใต้อาคารเรียน เพราะไม่อยากเดินไปไหน อากาศข้างนอกร้อนจนแทบจะเผาเธอได้ “มีคนนั่งไหมครับ ขอนั่งด้วยคนนะ” เสียงดังมาจากด้านหลัง หญิงสาวจึงหันไปมองตามเสียง “ว่างค่ะ” “เอ้า! จำพี่ได้ไหม เราเคยเรียนโรงเรียนมัธยมด้วยกัน พี่ชื่อกวิน” ชายหนุ่มรีบแนะนำตัว เผื่อหญิงสาวตรงหน้าจะพอคุ้นชื่อและจำเขาได้ “คุ้นๆค่ะ” ลูกพีชตอบ ใครว่าคุ้นๆ ชายหนุ่มผู้นี้ทำเอาหัวใจของลูกพีชแทบหยุดเต้น เขาคือรุ่นพี่ที่โรงเรียนเก่า เธอแอบชอบเขาตั้งแต่เข้าไปเรียนใหม่ๆ และเขาก็คือสาเหตุที่ทำให้เธอเลือกเรียนที่นี่ด้วย “เรียนศิลปกรรมเหรอ ถึงมากินข้าวที่นี่” คนมาใหม่ถาม “ใช่ค่ะ เรียนที่นี่” คนตอบไ
ตั้งแต่มาถึงมหาวิทยาลับ ซัมเมอร์ยังไม่เจอผู้ชายที่ถูกใจเธอเลยเพิ่งจะเจอก็วันนี้ อย่างน้อยมันก็ทำให้ชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยน่าอยู่ขึ้นเยอะเลย อาหารเย็นวันนี้ ลูกพีชกินจนเกลี้ยงจาน เพราะเมื่อกลางวันเธอมัวแต่เขิน จนอิ่มอกอิ่มใจ กินต่อไม่ไหว พอถึงมื้อเย็นท้องว่างจนกินหมดจานแบบไม่เหลือสักเม็ด“ไปหิวมาจากไหนกัน เกือบกินจานเข้าไปด้วยเลย”เพื่อนที่นั่งกินข้างๆแซว เพราะคนกินข้าวตัวนิดเดียวแต่กินจนหมดจาน “อิ่มแล้ว เรา...ก็ไปออกกำลังกายกัน” สาวสวยในชุดออกกำลังยืนขึ้นอย่างมีความสุข “เพิ่งกินข้าวอิ่ม ไปออกกำลังกายเดี๋ยวก็จุกกันพอดี” ลูกพีชร้องห้าม “นี่แม่คุณ ใครว่าเราจะไปออกกำลังกายกันจริงๆล่ะ เราจะแค่กำลังจะไปนั่งพักเพราะวิ่งมาจนเหนื่อย แล้วก็ไปนั่งพักตรงสนามบาสแค่นั้นเอง” แผนการที่แสนจะอ่อยเต็มที่ “นั้นไง คนที่ใส่เสื้อสีแดง” ซัมเมอร์ชี้เป้าหมายให้เพื่อนสาวดู “ขาวดี แต่ยังเห็นหน้าไม่ชัดเลย” “ไปๆ เข้าไปนั่งข้างในเลย เขานั่งกันเยอะแยะ”ซัมเมอร์จูงมือคนตัวเล็กร่างบางให้เดินตามแบบที่ไม่รอฟังคำตอบเลย ว่าเธอจะอยากเข้าไปด้วยไหม