"แล้วนี่จะคุยกับเค้ายังไงล่ะเค้าพูดไทยได้ใช่หรือเปล่า"
"ได้จ่ะพ่อ"
"..เอาเบอเจ้านายเรามาเดี๋ยวพ่อโทรคุยเอง"
พนารู้ว่าเจ้านายลูกสาวตนที่เป็นต่างชาติพูดไทยได้จึงอยากจะเจรจากับอีกฝ่ายเอง
"แล้วเค้ามีลูกมีเมียหรือเปล่า..."
มาลีลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทมัวแต่อยากให้ลูกตัวเองหายไวๆเพราะถ้าหากผู้ชายคนนั้นมีลูกมีเมียแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจน่าดู
"ไม่มีจ่ะแม่...เดี๋ยวหนูติดต่อบอกเรื่องนี้กับเค้าเองจ่ะพ่อ"
เกวรินทร์รีบส่ายหัวก่อนจะรีบเขียนบอกพ่อกับแม่ตนว่าเธอจะติดต่อกับเจ้านายเธอเอง
"งั้นก็ให้มันเร็วๆล่ะปล่อยไปแบบนี้จะไม่ดีกับตัวเรา"
พนาเห็นว่าลูกสาวตนจะจัดการเองก็ไม่ขัดอะไรเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไวเพราะหากปล่อยเวลาผ่านไปไม่รู้ว่าลูกเขาจะเจออะไรบ้าง
20.30น.
ค่ำคืนนี้ในบ้านสวนเงียบเชียบไม่มีเสียงผู้คนเสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องอยู่ทุกคืนก็เงียบสนิทจนผิดปกติจนเกวลินที่นอนอยู่ในห้องถึงกับรู้สึกวังเวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่เธอก็พยายามสลัดความรู้สึกผิดปกติออกจากหัวสมองและทำการพยายามนั่งแหกปากเปล่งเสียงให้ออกมาให้ได้นานสองนานที่เธอนั่งพยายามอยู่แบบนั้นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จเลยสักนิดเธอจึงได้แต่นั่งหน้ามุ่ยรู้สึกหดหู่หัวใจพอสมควร
RrrrrRrrrrr
จากที่นั่งหน้ามุ่ยคราแรกตอนนี้หน้ายิ่งยับหนักกว่าคราแรกด้วยสายที่โทรเข้ามาเป็นสายของนิโคลัสคนที่ทำให้เธอกังวลใจอยู่ในตอนนี้
หากจะกดรับก็ทำไม่ได้เพราะเธอก็ไม่มีเสียงพูดจึงจำใจกดตัดสายอีกฝ่ายไปแต่ดูเหมือนคนที่โทรมาจะไม่ยอมง่ายๆกลับโทรจิกเธอไม่ลดละ
ติ๊ดๆ
เสียงข้อความในมือถือของเกวรินทร์ดังขึ้นหลังจากนิโคลัสโทรหาเธอหลายสายแล้วเธอกดตัดสาย
"เธอจะกลับมากรุงเทพเมื่อไรถ้าเธอไม่มาหาฉันภายในวันนี้พรุ่งนี้ฉันไปตามเธอถึงบ้านแน่"
เกวรินทร์ไม่ได้ตอบอะไรกลับหากเขามาที่นี่ก็ดีเธอจะได้ทำอะไรให้มันจบๆไปแต่เดาได้เลยว่าตอนนี้นิโคลัสคงหัวเสียเพราะเธอไม่น้อย
เธอไม่รู้ว่าหากนิโคลัสได้รับคำร้องขอของเธอเขาจะว่าอย่างไรแต่ยังไงเธอก็จะทำให้เขาปฏิเสธไม่ได้เพราะเธออยากหายจากไอ้อาการบ้าๆนี่ใจจะขาดแม้นเธอจะเคยคิดว่าการแต่งงานต้องแต่งกับคนที่เธอรักแต่ตอนนี้คงต้องทิ้งความคิดเรื่องนี้ไปก่อนต้องเอาชีวิตเธอให้รอดพ้นจากผลการบนบานนี้ไปให้ได้ก่อน
วันต่อมา
"อ้าวพี่ฑิตสงค์มาแต่เช้าเลย"
มาลีเดินออกมาต้อนรับประสงค์เพื่อนของสามีเธอที่อยู่ห่างจากสวนไพรวัลย์ไม่ไกลนักไม่รู้ว่าวันนี้ประสงค์มีธุระอะไรจึงมาหาแต่เช้าโดยที่ไม่ได้โทรบอกกันก่อน
"ฉันว่าจะให้ฑิตพนไปดูรถไถให้หน่อยไม่รู้เป็นอะไรติดๆดับๆ...อ่อ..เพื่อนไอ้เกวมาเที่ยวบ้านงั้นเรอะฉันเห็นเดินตามไอ้เกวเข้าป่าทุเรียนเป็นพรวนเลย"
ประสงค์มองตามหลังเกวรินทร์ที่เดินเข้าสวนอยู่ไกลๆก็เอ่ยถามมาลีเพราะไม่ค่อยคุ้นกับคนที่เดินตามเกวรินทร์เท่าไรนัก
"อ๋อ..จ่ะ.. เดี๋ยวฉันไปเรียกพี่ฑิตมาให้นะจ้ะ"
หญิงร่างบางวัยกลางคนหน้าซีดเผือดขนลุกซู่เธอเห็นเพียงแค่ลูกสาวเธอเดินเข้าสวนทุเรียนหลังบ้านคนเดียวดูท่าที่ประสงค์เห็นคงจะไม่ใช่คนเสียแล้วแต่ก็พยักหน้ารับเพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายตระหนกและรีบเดินกลับเข้าไปเคาะประตูห้องเรียกพนาสามีเธอให้ออกมาหาประสงค์ทันที
ครู่ต่อมา
ตอนนี้พนาได้ออกไปกับประสงค์แล้วเรื่องที่ประสงค์เห็นเธอไม่ได้เล่าอะไรให้พนาสามีเธอฟังเพราะยังไม่มีโอกาสตอนนี้ก็ได้แต่ปรึกษากับทองม้วนแม่สามีเธอไปก่อนว่าจะเอาอย่างไรดียิ่งนับวันลูกสาวเธอจะมีสิ่งไม่ดีเกิดขึ้นกับตัวอยู่เรื่อยๆ
"แม่ฉันว่าชักไม่ดีแล้วนะ"
มาลีนั่งกุมบีบมือแม่สามีเธอแน่นสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไรนัก
"อืม..คงต้องรีบแล้วล่ะ"
หญิงชรานั่งชันเข่าหน้านิ่วคิ้วขมวดเห็นท่าจะต้องเร่งให้อะไรๆมันเร็วขึ้นเสียแล้วเพราะดูท่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลานสาวเธอไปให้คำสัจเอาไว้คงจะแรงพอสมควร
“ใกล้ถึงหรือยัง”
เสียงทุ้มราบเรียบของนิโคลัสหนุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่บนรถตู้คันหรูเอ่ยถามคนสนิททั้งสองที่นั่งขับรถอยู่ด้านหน้าสีหน้าของเรียบเฉยแต่ภายในใจค่อนข้างร้อนรุ่มเนื่องด้วยมีน้ำโหกับหญิงสาวลูกหนี้ของเขาพอสมควรเพราะที่เขาต้องดั้นด้นมาถึงที่นี่ก็เพราะกลัวว่าลูกหนี้ของเขาจะเล่นตุกติกอะไรอีกด้วยให้เวลามาพักผ่อนที่บ้านหลายวันแล้วแต่สาวเจ้าก็ไม่ยักจะติดต่อกลับหรือคิดจะกลับไปที่กรุงเทพเสียที
“อีกประมาณสองกิโลครับนาย”ลูคัสมือขวาคนสนิทวัยสามสิบกว่าๆนั่งอยู่ข้างๆโอดินมือซ้ายของนิโคลัสที่กำลังขับรถเขาหันกลับมาบอกคนเป็นนายพร้อมชูมือถือที่กำลังเปิดจีพีเอส“อืม..”นิโคลัสตอบกลับพร้อมพยักหน้าเบาๆด้วยน้ำเสียงทุ้มในลำคอก่อนจะเปรยสายตาหันมองข้างทางที่ส่วนมากจะมีแต่ป่าแต่สวนเป็นส่วนใหญ่ยิ่งเข้าลึกมามากเท่าไรถนนหนทางก็ค่อนข้างลำบากมากขึ้นเท่านั้นเขาเดาออกว่าถนนหนทางแถวนี้น่าจะใช้เดินทางเข้าไร่เข้าสวนเสียมากจึงไม่ค่อยเจริญเท่าไรนัก นิโคลัสหนุ่มใหญ่วัยเกือบห้าสิบเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกาครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเลียมแต่เขาให้คนเป็นพี่บริหารธุรกิจนี้เพียงคนเดียวแต่ก็มีปรึกษางานกันกับคนเป็นพี่ที่บริษัทบ่อยๆส่วนธุรกิจของตัวเขาเองก็คือการทำอสังหาโรงแรมบ้านพักต่างๆนิโคลัสเป็นหนุ่มใหญ่ที่ตอนนี้ยังครองตัวโสดเพราะภรรยาคนที่สองเสียไปด้วยโรคร้ายเมื่อประมาณห้าปีก่อนเขาไม่คิดจะมีใครเพิ่มเพราะไม่อยากจะเสียใจกับการสูญเสียคนรักไปอีกเนื่องจากภรรยาทั้งคนแรกและคนที่สองที่เขาแต่งงานด้วยอยู่กันได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเธอก็ต้องเป็นโรคร้ายและจากเขาไปในที่สุดแม้นอายุจะเกือบเลขห้าแต่เขาค่อนข้างดูหนุ่
เกวรินทร์พยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ“เอ่อ...เราคุยกับเค้าแล้วเหรออีหนูเค้าถึงได้มาที่นี่”ทองม้วนเอ่ยถามหลานสาวเธอด้วยความใจชื้น“เปล่าจ่ะย่า...เค้ามาเอง”“อ้าวเรอะ...แต่ก็ดีแล้ว..มาได้จังหวะเหมาะเจาะพอดีเลย”เมื่อได้เพ่งสายตาอ่านตัวหนังสือที่หลานสาวเขียนก็ใจแป้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรหากยังไม่รู้วันนี้ชายหนุ่มมาถึงที่นี่แล้วเดี๋ยวก็ได้รู้เอง“สวัสดีทุกคนครับ”นิโคลัสเดินตามพนามายืนต่อหน้าทุกคนดวงตาคมของเขาเหลือบมองไปที่หญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนเป็นแม่ด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้าลูคัสกับโอดินเองก็ยกมือไหว้ตามเจ้านายตนไปด้วยมาบ้านเมืองของคนอื่นเขาก็ต้องทำตามประเพณีของบ้านเมืองคนอื่นเช่นกัน“นี่มาลีภรรยาผมแม่เจ้าเกวส่วนนี่ก็แม่ผมชื่อทองม้วน...คุณนิโคลัสเค้าจะมารับเจ้าเกวไปทำงาน”พนารีบแนะนำตัวทั้งเมียและแม่ให้นิโคลัสได้รู้จักก่อนจะบอกจุดประสงค์ของนิโคลัสให้ทุกคนได้รับรู้“ก่อนจะไปช่วยอะไรหลานฉันอย่างได้หรือเปล่า”มาลีและทองม้วนรับไหว้ชายทั้งสามและเป็นทองม้วนเองที่เอ่ยปากออกมาถึงเรื่องที่กำลังร้อนรุ่มในใจอยู่ตอนนี้เธออยากจะเจรจาเสียให้มันจบๆหล
"พรุ่งนี้ครับ...พวกผมต้องขอตัวกลับโรงแรมก่อน"นิโคลัสพอจะโล่งใจได้บ้างที่ทองม้วนดูจะถอดใจแล้วตอนนี้เขาก็เห็นว่ามันเย็นมากแล้วจึงถือโอกาสนี้ขอตัวกลับไปที่โรงแรมเสียก่อนที่ฟ้าจะมืด"ถ้าไม่รังเกียจก็นอนเสียที่นี่เถอะนะ..."พนากับมาลีถึงกับมองหน้ากันเพราะรู้ได้แน่ชัดว่าแม่ตนต้องมีแผนการอะไรแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนคนแปลกหน้าที่พึ่งเจอนอนที่บ้านนิโคลัสเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งอันที่จริงเขาไม่ได้อยากรบกวนอะไรคนที่บ้านนี้แต่คำว่าถ้าไม่รังเกียจของผู้อาวุโสทำให้เขาต้องจำใจทำตามคำขอ"เอ่อ..ก็ได้ครับ"ครู่ต่อมาหลังจากนิโคลัสตกลงที่จะพักที่นี่ทองม้วนและพนาจึงเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มให้กับสามหนุ่ม"แม่จะทำอะไรกันแน่"พนาที่กำลังลงมือผัดข้าวผัดเมนูที่คิดว่าต่างชาติน่าจะทานได้ถูกปากเขาหันมาถามคนเป็นแม่ที่กำลังบดามุนไพรอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มอ่อน"เอ็งรู้เหรอไอ้ฑิต"ทองม้วนหันมามองหน้าลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเช่นกันทั้งยังเอ่ยเสียงเบาทำท่าลับลมคมใน"ฉันลูกแม่นี่นา""รู้ก็ดีแล้วเอ็งเอาไอ้นี่ไปใส่ในน้ำสามคนนั้นนะ"ว่าจบก็วางสมุนไพรลงบนผ้าขาวบางแล้วบีบผสมน้ำนิดหน่อย"อะไรเหรอแม่"พนาทำสีหน้าแปลกใจเพราะเขาเอ
"นั่นสิจ้ะ...เมื่อไรหนูจะหายจากอาการบ้าๆนี่ซะที"เกวรินทร์เองก็หน้ามุ่ยห่อเหี่ยวหัวใจที่ตนพูดไม่ได้เสียที"อีหนู...เราพูดได้แล้วนี่นา"สิ้นเสียงเกวรินทร์ทุกคนต่างก็เบิกตาโพรงดีใจกันยกใหญ่ทั้งเจ้าตัวเองก็ตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน"ได้ผลจริงๆด้วย.."มาลีเข้าไปสวมกอดลูกสาวเธอสีหน้าระรื่น"เย่ๆ..."เกวรินทร์ตื่นเต้นกระโดดไปมาที่เธอกลับมาพูดมีเสียงเสียทีนับว่าคำขอของเธอที่ขอแก้บนข้อเดียวก่อนมันได้ผลเช้าวันต่อมา"พวกคุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง" เป็นอย่างที่เกวรินทร์คิดเมื่อนิโคลัสตื่นขึ้นมาได้ก็ฏโมโหเอาการที่ถูกมัดมือชกเรื่องเมื่อคืนตอนนี้ทุกคนก็เอาแต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัวคำที่ดีที่สุดก็คือคำว่าขอโทษ"ทุกคนทำก็เพื่อช่วยฉันคุณอย่าโกรธเลยนะคะ...เห็นไหมพอฉันแต่งกับคุณฉันก็พูดได้เลย"เกวรินทร์พยายามทำให้นิโคลัสอารมณ์เย็นลงและบอกให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอคิดมันไม่ผิดเรื่องลี้ลับมีจริและที่เธอหายเป็นปกติกลับมามีเสียงได้ก็เพราะเมื่อคืนแต่งงานกับเขา"เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ฉันสัญญา""เฮ้อ.."ชายหนุ่มร่างสูงยืนเท้าเอวปวดหัวหนึบไม่คิดเลยว่าจะมาเสียทีคนที่นี่ได้เขารู้ได้เลยว่านิสัยพิเลนๆของเกวริ
แกร๊กกก.. เมื่อเปิดประตูได้สาวเจ้าก็เงยหน้ามองชายร่างสูงด้วยสีหน้าสงสัย"คุณ...มีธุระอะไรคะ?""ฉันแค่จะมาบอกว่าหวังว่าเธอคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรให้ฉันต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอีกนะเกวรินทร์"นิโคลัสเดินผ่านร่างบางเข้ามาในห้องของเธอก่อนจะทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างลงบนโซฟาก่อนจะยื่นคำขาดกับหญิงสาวที่เดินตามมานั่งตรงข้ามกับเขา"เอ่อ...อืม..ค่ะ..น่าจะไม่มีแล้วมั้งคะ"เกวรินทร์เม้มปากกลอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะรับปากด้วยสีหน้าระรื่นตอนนี้เธอยังไม่มีอะไรให้เขาต้องช่วยจึงยังไม่เอ่ยความจริงอีกข้อ"เตรียมตัวให้พร้อมฉันจะเดินทางในอีกสองวันระหว่างนี้เธอก็ต้องอยู่ที่นี่เพราะฉันขี้เกียจจะตามหาเธออีก""ค่ะ..ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งคุณทุกอย่างเลยค่ะคุณเจ้านาย..."หญิงสาวเอ่ยเสียงแหลมด้วยสีหน้าระรื่นเช่นเดิม"อย่าลืมปรับบุคลิกใหม่ด้วยล่ะ...เป็นเลขาฉันต้องน่าเชื่อถือเข้าใจหรือเปล่า"นิโคลัสรู้ว่าเกวรินทร์ยังมีบุคลิกท่าทีคำพูดที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนักเขาจึงต้องสั่งให้เธอปรับตรงนี้เพราะคนที่จะเป็นเลขาติดตามเขาตลอดต้องดูดีและน่าเชื่อถือ"ให้ฉันเป็นเลขาคุณเลยเหรอคะ"สาวเจ้าชะงักงันเบิกตาโพรงคราแรกคิดว่าเขาจะให้เธอทำงานใ
"ฉันขออยู่ตรงนี้ก็ได้คุณไปนอนเถอะอย่าปิดประตูล่ะเปิดประตูเอาไว้ให้ฉันตื่นมาเห็นคุณตลอด...ฉันกลัวเห็นใจฉันเถอะนะคะ"สาวเจ้ามองหน้าเจ้าของห้องด้วยสายตาอ้อนวอน"เกวรินทร์!"นิโคลัสเสียงแข็งใส่หญิงสาวอีกรอบ"นะคะ..ฉันไหว้ล่ะ"เธอยกมือไหว้คนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าดุประหงกๆดูซิว่าเขาจะใจดำกับเธออีกได้หรือเปล่า"เฮ้อ...อย่ากวนฉันอีกละกัน"นิโคลัสเงยหน้ากรอกสายตามองบนก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปเขาแง้มประตูเอาไว้ตามที่หญิงสาวบอกและกำชับกับเธออีกครั้งว่าห้ามกวนเขาอีกหากจะนอนที่นี่"ค่ะ..ขอบคุณนะคะ"สาวเจ้ายิ้มร่าและแล้วลูกอ้อนของเธอก็ทำให้เขาใจอ่อนจนได้ชั่วโมงต่อมา"หึ่.."นิโคลัสเดินถือผ้านวมอีกผืนออกมาจากห้องนอนเขาสบถในลำคอเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างบางนอนขดตัวอยู่บนโซฟาเขาคิดไม่ผิดว่าเธอคงต้องนอนหนาวเป็นแน่เพราะเขาเปิดแอร์ต่ำกว่า20องศาคนไทยอย่างเธอคงรู้สึกไม่โอเคเท่าไรแต่สำหรับเขาอากาศกำลังสบายนิโคลัสค่อยๆห่มผ้าให้เกวรินทร์ก่อนจะยืนเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวที่หลับตาพริ้มครู่หนึ่งพรางคิดในใจว่าวันข้างหน้าเธอจะมีเรื่องอะไรให้เขาปวดหัวอีกหรือเปล่าก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปพักผ่อนเช้าวันต่อมา "อืม...ก็ใจ
"เอกสารฝากให้บอสด้วย"ระหว่างที่สองสาวนั่งคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่เอเลน่าเซลสาวสวยเซ็กซี่ประจำออฟฟิศก็เดินเอาเอกสารมากองตรงหน้าของเกวรินทร์บนโต๊ะของนุดีด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเกวรินทร์พอจะมองออกว่าเอเลน่าไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่แรกพบแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดีที่เธอและเอเลน่าไม่ได้ติดต่องานอะไรกันมากนักจึงไม่น่าอึดอัดเท่าไร"เอกสารอะไรเหรอคะ?"หญิงสาวแม้นจะรู้ว่าเอเลน่าไม่ชอบแต่ก็ยังคุยกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง"อ่านเอาสิฉันว่าเธอน่าจะมีสมองนะ"ว่าจบเอเลน่าสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำสั้นจนแทบจะเห็นแก้มก้นก็เดินบิดสะโพกออกไป"หืม..."เกวรินทร์มองหน้ากับนุดีด้วยสีหน้าเอือมระอา"อย่าไปใส่ใจเลยเอเลน่านางก็เป็นแบบนี้หวงของทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง""ของ?..ของอะไรคะ""เอเลน่าเธอชอบบอสทุกคนที่นี่รู้ดีมีบอสน่าจะไม่รู้...ผู้หญิงคนไหนที่ได้ใกล้ชิดกับบอสจะถูกเธอเขม่นใส่ทุกคน"คราแรกนุดีก็ว่าจะไม่พูดแต่เห็นทีคงต้องพูดให้เกวรินทร์รู้ตัวเสียหน่อยไม่อย่างนั้นก็จะสงสัยแบบนี้ต่อไปว่าทำไมเอเลน่าถึงมีทีท่าไม่ค่อยชอบเกวรินทร์แบบนั้น"อ่อ...อย่างนี้นี่เองเกวจะพยายามไม่สนใจเธอละกันนะคะ"เ
18.30 น.RrrrrRrrrrrเกวรินทร์รีบเดินออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์"มีอะไรคะ"หญิงสาวเห็นว่าเป็นนิโคลัสโทรหาจึงรีบกดรับ"กลับบ้านหรือยัง""กลับมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วค่ะ""อืม...ฉันกำลังไปหา""มา..ท..."ตื้ดดยังไม่ทันที่หญิงสาวจะถามว่าเขามีธุระอะไรกับเธอปลายสายก็ตัดไปเสียก่อน"อ้าวนึกจะวางก็วาง"ทำเอาสาวเจ้าถึงเท้าเท้าเอวขมวดคิ้วไม่รู้ว่านิโคลัสจะรีบอะไรขนาดนั้นครู่ต่อมาไม่นานนักนิโคลัสก็ขับรถมาถึงบ้านหอบของพะลุงพะลังมากองไว้ตรงหน้าเกวรินทร์ที่ห้องนั่งเล่น"คุณโอดินไปซื้อของพวกนี้ให้ฉันเหรอคะ?"หญิงสาวเปิดดูแทบทุกถุงเห็นว่าเป็นพวกเครื่องแต่งตัวแม้นเธอจะไม่เคยใช้ของพวกนี้แต่เห็นชื่อแบรนด์ก็พอจะรู้ว่าของทั้งหมดนี่คงแพงน่าดู"อืม..""ชุดนี่ท่าจะแพงๆทั้งนั้นเลยย.. เอ่อ.. คุณจะหักเงินค่าชุดฉันหรือเปล่า"หากนิโคลัสอยากให้เธอใช้ของพวกนี้เธอก็ไม่ปฏิเสธเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าเขาจะมาหักเงินเดือนเธอหรือเปล่านี่แหละที่เธอกลัว"บอกว่าให้ก็คือให้""ขอบคุณมากค่ะ...พี่นุดีทำอาหารไทยมาให้ฉันเยอะเลยคุณอยู่กินข้าวเย็นกับฉันนะคะ"เมื่อได้ยินคำตอบที่ตรงใจสาวเจ้าก็ยิ้มหน้าบานก่อนจะชวนชายหนุ่มท