"นอนทับแขนฉันทั้งคืนยังจะแกล้งกวนฉันอีกเหรอ"
ดวงตาคมค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะบ่นหญิงสาวที่เธอเล่นนอนดิ้นไปมากวนเขาจนนอนไม่หลับจนต้องรวบตัวกอดเอาไว้กว่าจะหลับได้ก็เกือบฟ้าสางพอตื่นมาก็ยังไม่หยุดกวนเขาอีก
"เอ่อ...ฉันขอโทษค่ะไม่รู้ว่ามานอนติดคุณตั้งแต่เมื่อไร...น่าจะสายแล้วฉันไปล้างหน้าก่อนนะคะ"
เกวรินทร์ก้มหน้างุดไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอกำลังเขินจึงรีบลุกยืนขึ้นหมายจะออกไปจากห้องเพื่อไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำแต่ก็ถูกนิโคลัสดึงมือไว้เพราะเขาก็จะไปเหมือนกัน
"อืม...ฉันไปด้วย"
ทั้งสองเลื่อนประตูออกจากห้องมาพร้อมกันแล้วก็ต้องชะงักงันกันไปทั้งคู่เมื่อเห็นว่านุดีและแดเนียลนั่งอยู่ที่กลางบ้าน
"เอ่อ...คือเมื่อคืน..เอ่อ...ไม่ใช่อย่างที่คิดนะคะ"
เกวรินทร์เห็นสายตาของแดเนียลและนุดีก็รู้เลยว่าทั้งคู่กำลังคิดอะไรอยู่จึงรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก
"อาเห็นว่าเกวนอนไม่หลับเลยมานอนเป็นเพื่อนเท่านั้น"
นิโคลัสเอ่ยเสริมช่วยเกวรินทร์อีกแรงเพราะไม่อยากถูกมองไม่ดีไม่คิดว่าทั้งสองจะมานั่งรอแบบนี้
"อ๋อ.. ครับนอนเป็นเพื่อน"
แดเนียลอมยิ้มกริ่มทั้งส่งสายตาหยอกเย้าคนเป็นอาก่อนจะหันมายิ้มกับนุดี
"เอ่อ...เราไปเดินเล่นกันดีกว่าค่ะพี่แดน"
นุดีรีบลุกขึ้นชวนแดเนียลออกไปเดินเล่นกันก่อนคราแรกกะว่าจะมาชวนเกวรินทร์และนิโคลัสออกไปพร้อมกันแต่ดูท่าเธอไปกันสองคนก่อนจะดีกว่า
"ดีเหมือนกัน...เธอกับคุณอาจะตามมาด้วยก็ได้ไปเดินแถวๆนี้เอง"
แดเนียลจูงมือนุดีเดินออกไปหน้าบ้านไม่ลืมที่จะหันมาชวนทั้งสองให้ตามไปด้วย
"เค้าจะเข้าใจผิดกันหรือเปล่า"
เกวรินทร์หันมามองหน้ากับนิโคลัสด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนักไม่รู้ว่าสองคนนั้นเชื่อหรือเปล่าว่าเมื่อคืนเธอกับนิโคลัสไม่ได้มีอะไรเกินเลยกัน
"ไม่หรอก...ฉันว่าพวกเค้าเข้าใจ"
นิโคลัสรู้ดีว่าแดเนียลเข้าใจเขาดีที่ทำท่าทางอมยิ้มกริ่มเมื่อครู่คงอยากหยอกเขาเล่นเท่านั้น
หัลงจากที่นิโคลัสและเกวรินทร์อาบน้ำล้างหน้าล้างตากันเรียบร้อยแล้วก็ตามแดเนียลและนุดีมาเดินที่ถนนด้านนอกตอนนี้ริมถนนเรียงรายไปด้วยต้นซากุระที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วสองฟากฝั่งถนนเวลาสายๆแบบนี้เหมาะแก่การเดินเล่นมากๆเพราะคนไม่ได้พลุกพล่านมากนัก
"ถ้าฉันทำงานกับคุณไปเรื่อยๆจะได้เที่ยวที่ไหนอีกหรือเปล่าคะ"
เกวรินทร์เดินถ่ายรูปเล่นกับนุดีพักใหญ่ก็เดินกลับมานั่งกับนิโคลัสที่กำลังนั่งพักอยู่ที่เก้าอี้สาธารณะเธออยากรู้ว่าหลังจากนี้เธอจะได้ไปเที่ยวที่ไหนอีกหากยังทำงานกับนิโคลัสอยู่
“ฉันว่าจะคุยเรื่องนี้กับเธอพอดี...หนี้ที่เหลือฉันยกให้หลังจากกลับจากญี่ปุ่นแล้วฉันจะส่งเธอกลับบ้าน”
นิโคลัสเห็นหญิงสาวถามเขาเรื่องนี้พอดีจึงถือโอกาสพุดในสิ่งที่เขาจะต้องบอกเธอเลยแล้วกัน
“อะไรนะคะ..คุณไม่เห็นบอกกับฉันก่อนเลย..”
จากใบหน้าที่ระรื่นเมื่อครู่ตอนนี้เปลี่ยนเป็นเจื่อนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินสิ่งที่ไม่อยากได้ยินเท่าไรนัก
“ก่อนหน้าที่ฉันจะผ่าตัด..เธอร้องให้ว่าอยากกลับบ้านไม่ใช่หรือไง”
“ค่ะ..แต่ฉันอยากทำงานที่นี่ต่อจะได้หรือเปล่า”
“อืม..ฉันเปิดรับเลขาคนใหม่มาแล้วน่ะสิ...”
แม้นไม่อยากจะปฏิเสธแต่เขาก็จำเป็นที่จะต้องปฏิเสธเพราะต้องการปกป้องความรู้สึกตัวเองเช่นกัน
"เข้าใจ...แล้วค่ะ"
หญิงสาวพยักหน้าเข้าใจก่อนจะลุกเดินคอตกออกไปทั้งยังมีน้ำตาคลอน้อยๆแต่เธอก็พยายามไม่ให้มันไหลออกมา
วันนี้ทังวันเกวรินทร์จึงดูไม่ค่อยร่าเริงรักนิโคลัสเองก็เช่นกันอาการของทั้งคู่ทำให้คนใกล้ชิดอย่างนุดีและแดเนียลจับสังเกตได้
"สองคนนั้นดูแปลกๆนะคะ"
"เห็นคุณอาบอกว่าจะส่งเกวกลับบ้านอาทิตย์หน้าเพราะรับเลขาคนใหม่มาแล้ว"
แดเนียลไม่ได้แปลกใจว่าทำไมสองคนนั้นถึงได้ซึมลงไปคงเป็นเพราะอาของเขาบอกเรื่องที่จะส่งเกวรินทร์กลับหลังจากกลับจากที่นี่แล้วแน่
"ทำไมล่ะคะก็บอส...กับเกว"
นุดีขมวดคิ้วจนผูกโบว์เธอก็ดูออกว่าทั้งสองต่างก็มีใจให้กันแต่ทำไมนิโคลัสถึงเลือกที่จะปล่อยให้เกวรินทร์ไปจากตัวเองได้
"ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณอาคิดอะไรอยู่"
ตอนนี้แดเนียลก็เดาใจของอาเขาไม่ออกเช่นกันว่าต้องการให้เรื่องราวต่อไปเป็นแบบไหนกันแน่
22.00 น.
“เธอจะให้ฉันนอนเป็นเพื่อนอีกหรือเปล่า”
นิโคลัสเปิดประตูออกมาจากห้องเขาเห็นเกวรินทร์นั่งกอดเข่าอยู่กลางบ้านยังไม่ยอมเข้าห้องไปจึงคิดว่าเธอน่าจะนอนไม่หลับเหมือนเมื่อคืน
“ฉันขอกลับบ้านแล้วกลับมาอยู่กับคุณได้หรือเปล่า...ฉันไม่อยากไปจากคุณ”
สาวเจ้ารีบลุกยืนเดินเข้าประชิดตัวนิโคลัสก่อนจะเงยหน้าพูดกับเขขาด้วยแววตาเศร้าหมองเธอไม่อยากไปจากเขาเลยจริงๆ
“ทำไม”
“ไม่รู้ว่า..เรียกว่ารักหรือเปล่าแต่ฉันไม่อยากจากคุณไปไหน”
หญิงสาวหลุบสายตาลงต่ำเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยพูดความในใจออกมาเธอรู้ว่าเธอชอบเขามาพักหนึ่งแล้วแต่ไม่รู้ว่าไอ้อาการที่เธอรู้สึกว่าการอยู่กับเขามันทำให้เธอมีความสุขรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยและไม่อยากออกไปจากชีวิตของเขาเลยมันคือรักหรือเปล่าแต่เธอก็อยากให้เขารับรู้เอาไว้เผื่อว่าเขาจะได้ไม่ผลักไสเธอให้ห่างไปจากเขาอีก
“ถ้าคิดว่าพูดแบบนี้แล้วคิดว่าฉันจะยอมมีลูกกับเธออย่าพูดดีกว่าเกว”
นิโคลัสเริ่มรู้สึกประหม่าใจเต้นแรงพอสมควรกับคำพูดของเกวรินทร์ตาเขาก็ไม่แน่ใจเท่าไรว่าสิ่งที่เธอพูดเธอคิดแบบนี้จริงๆหรือเพียงต้องการให้เขายอมมีลูกกับเธอตามที่เธอต้องการกันแน่
“ไม่ใช่นะคะ...ฉันยอมเห็นผีตลอดไปก็ได้แต่ขอให้ได้อยู่ในชีวิตของคุณ”
นิโคลัสยังคงเงียบไม่ได้โต้ตอบอะไรหญิงสาวกลับไปเพราะเขาไม่เคยคิดว่าหญิงสาวที่อ่อนกว่าเขาหลายสิบปีจะมีความรู้สึกแบบนี้กับเขาจริงๆ
“หาว่าฉันโกหกอีกใช่หรือเปล่า...ฉันพูดจริงๆนะคะ...คุณอาจจะเห็นว่าฉันเป็นเด็กไม่น่าเชื่อถือแต่ฉันจะทำให้คุณรู้ว่าฉันรักคุณจริงๆ..ไม่ใช่เห็นว่าคุณรวย..ม..อื้ออ”
เกวรินทร์เริ่มเสียงสั่นเครือเงยหน้ามองคนที่เอาแต่ยืนเงียบน้ำตาคลอเธอพรั่งพรูความรู้สึกออกมาไม่หยุดอยากให้เขาเข้าใจว่าเธอไม่ได้โกหกและทุกคำที่พูดออกมามันมาจากใจล้วนๆแต่ยังไม่ทันได้พูดจบนิโคลัสก็รวบร่างบางไปบดจูบทำเอาสาวเจ้าตกใจจนตัวเกร็งและรีบผละตัวออกห่างจากคนตัวโตอย่างรวดเร็ว
"ทำไม...รักฉันไม่ใช่หรือไง"นิโคลัสรีบรัดร่างบางมากอดเอาไว้ก่อนที่จะก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลด้วยน้ำเสียงแหบพร่า"...การที่ฉันบอกรักไม่ใช่ว่าฉันจะง่ายกับคุณที่ยังไม่ได้รักฉันตอบนะ""ใครบอกว่าฉันไม่ได้รักเธอ...ยัยเด็กบ้าเอ้ย..ฉันต้องวุ่นวายใจก็เพราะเธอ""คุณนิค...จ...จริงเหรอคะ"ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของคนที่เธอมีใจให้เขานิโคลัสพยักหน้าเบาๆทั้งรวบรัดร่างบางบดจูบให้ชื่นใจอีกรอบ"อื้อ..."คนตัวโตที่กำลังมีอารมณ์รักพลุ่งพล่านอีกรอบในรอบหลายปีเขาผละริมฝีปากออกมามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มไม่ได้อยากหยุดการกระทำแม้นแต่วินาทีเดียวแต่เห็นว่าคนอ่อนประสปการณ์กำลังหายใจไม่ออกจึงจำใจต้องหยุดให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอดฟู่วว..หายใจไม่ออก""ฉันว่าต้องสอนกันอีกเยอะ""อื้อ.."เมื่อเห็นหญิงสาวได้ออกซิเจนพอประมาณแล้วนิโคลัสก็รีบอุ้มร่างบางเข้าห้องนอนค่อยๆวางร่างบางนอนราบกับฟูกประสานมือทั้งสองของเขากับมือเรียวของหญิงสาวเขาบดจูบดูดดึงริมฝีปางบางด้วยความนุ่มนวลอีกรอบค่อยๆสอดส่ายลิ้นร้ายตวัดฉกชิมความหวานเป็นระยะจนตอนนี้หญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างคนตัวโตรู้สึกถึงอารมณ์แห่งความสุ
"ยังไม่ได้ตรวจเลยย่า""ตอนนั้นพ่อเราก็อย่างนี้แหละอีหนู...ย่าว่าต้องท้องแล้วล่ะ"ทองม้วนค่อนข้างมั่นใจนิโคลัสเองก็ยืนยิ้มแก้มปริเมื่อรู้ตัวส่ากำลังมีทายาทกับคนที่ตัวเองรักส่วนเกวรินทร์คิดไปคิดมาเธอก็ไม่เจอเรื่องแปลกมาเป็นเดือนกว่าแล้วเหมือนกันคงจะจริงอย่างที่ย่าเธอว่าตอนนี้เธอมีลูกกับนิโคลัสอย่างที่อยากมีแล้วจริงๆ"เค้าเป็นยังไงล่ะลูกถึงไปตกหลุมรักเค้าได้"หลังมื้อเย็นมาลีและเกวรินทร์ก็ช่วยกันล้างถ้วยล้างชามเวลานี้มาลีจึงได้โอกาสถามไถ่เรื่องความรักของลูกสาวเธอด้วยอยากรู้เหมือนกันว่าลูกเธอไปรักไปชอบคนมีอายุรุ่นราวคราวพ่ออย่างนิโคลัสได้อย่างไร"ตอนแรกก็ดูดุจนน่ากลัวแต่พอรู้จักจริงๆเค้าอบอุ่นมากเลยจ่ะแม่...ขี้บ่นนิดหน่อยแต่มีปัญหาทีไรเป็นเค้าที่ช่วยเหลือหนูทุกครั้ง""อืม... เห็นลูกสาวแม่มีความสุขแบบนี้แม่ก็ดีใจ"มาลีเห็นลูกสาวเธอพูดถึงนิโคลัสไปยิ้มไปก็รีบรู้ได้ว่าลูกเธอคงมีความสุขที่จะรักนิโคลัสจริงๆไม่ใช่เพียงแค่ผูกพันธ์เพราะความใกล้ชิดเท่านั้นเธอรู้อย่างนี้ก็ค่อยโล่งใจที่เกวรินทร์ไม่ได้รู้สึกแค่ชั่ววูบส่วนนิโคลัสมาลีก็วางใจที่เขาเป็นคนดูแลลูกของเธอเพราะนิโคลัสเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะและ
จันทบุรีสวนไพรวัลย์บ้านสวนไพรวัลย์เป็นที่ของไพรวัลย์และทองม้วนปู่และย่าของเกวรินทร์ซึ่งหลังจากที่ไพรวัลย์เสียเมื่อหลายสิบปีก่อนมาลีและพนาก็มาบริหารต่อเรื่อยมาสวนนี้มีอาณาเขตกว้างขวางมีทั้งสวนเงาะลำใยทุเรียนและทุกคนก็อาศัยกันอยู่ในสวนนี้ด้วยบ้านที่พนามาลีและทองม้วนอาศัยอยู่เป็นบ้านเรือนไทยโบราณที่ปลูกตั้งแต่สมัยไพรวัลย์และมาลีพึ่งแต่งงานกันใหม่ๆจวบจนถึงตอนนี้ก็หลายสิบปีแล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านเรือนไทยหลังค่อนข้างใหญ่โตเมื่อก่อนเป็นใต้ถุนโล่งแต่พอทองม้วนแก่ตัวเข้าพนาก็ต่อเติมห้องหับที่ชั้นล่างแถบหลังบ้านเพื่อที่ทองม้วนจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้ลำบากส่วนพนาและมาลีเองก็ย้ายมานอนกันข้างล่างเช่นกันเพราะสะดวกกว่าอยู่ข้างบนมากตอนนี้ห้องนอนชั้นบนเห็นจะมีแค่ห้องของเกวรินทร์เท่านั้น"ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย"เสียงบ่นพึงพำของเกวรินทร์หญิงสาวหน้าสวยวัย21ย่าง22ปีเธอพึ่งเรียนจบบริหารหมาดๆจากมหาลัยในกรุงเทพมหานครหญิงสาวเป็นคนผอมแห้งสูง160 ผิวสีน้ำผึ้งใบหน้ากลมแก้มป่องผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกยาวถึงกลางหลังคิ้วบางได้รูปตากลมหางตาเฉี่ยวเหมือนลูกแมวจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากบางเป็นกระจับตอนนี
วัดxxมาลีและทองม้วนพาเกวรินทร์มาวัดที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนักเมื่อมาถึงก็รีบพึ่งไปที่กุฏิหลวงตาแม้นหลวงตาที่มีเมตตาสูงและช่วยเหลือคนมามากหลังจากที่พนาตามหลวงตาออกมาจากกุฏิให้ออกมาดูลูกสาวตนได้หลวงตาก็นั่งมองเกวรินทร์อยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาเสียงอ่อนตัวท่านเองไม่สามารถแก้ไขอะไรให้ได้เพราะตัวเกวรินทร์เป็นคนผูกยังไงก็ต้องเป็นคนแก้ตอนนี้ตัวท่านทำได้แค่แนะแนวทางเท่านั้น"อืม..รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับท่านเดี๋ยวก็หาย"เกวรินทร์นั่งน้ำตาไหลเพราะที่เธอเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะคำที่เธอบนบานเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน"หมายความว่ายังไงคะ"มาลีมองลูกสาวตนอย่างไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะเงยหน้าถามหลวงตาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ"ลูกโยมไปบนบานไว้ผลสำเร็จขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้แก้บน""ฉันว่าแล้วเชียว...เราไปบนอะไรไว้ล่ะอีหนู"สิ้นเสียงหลวงตาแม้นทองม้วนก็ตบเข่าฉาดเพราะเธอนั้นคิดไม่ผิดว่าสิ่งที่หลานเธอเป็นก็เป็นเพราะเรื่องเล้นลับหลังจากนี้ก็แค่ให้หลานสาวเธอแก้บนเสียก็จบเรื่อง"แล้วเราบนอะไรไว้จะได้แก้"มาลีเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ"เขียนให้แม่กับย่าเรารับรู้นะโยม"หลวงตาแม้นยื่นปากกากับกระดาษวางให้เกวรินทร์ได้หยิบ เกวรินทร์
"แล้วนี่จะคุยกับเค้ายังไงล่ะเค้าพูดไทยได้ใช่หรือเปล่า""ได้จ่ะพ่อ""..เอาเบอเจ้านายเรามาเดี๋ยวพ่อโทรคุยเอง"พนารู้ว่าเจ้านายลูกสาวตนที่เป็นต่างชาติพูดไทยได้จึงอยากจะเจรจากับอีกฝ่ายเอง"แล้วเค้ามีลูกมีเมียหรือเปล่า..."มาลีลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทมัวแต่อยากให้ลูกตัวเองหายไวๆเพราะถ้าหากผู้ชายคนนั้นมีลูกมีเมียแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจน่าดู"ไม่มีจ่ะแม่...เดี๋ยวหนูติดต่อบอกเรื่องนี้กับเค้าเองจ่ะพ่อ"เกวรินทร์รีบส่ายหัวก่อนจะรีบเขียนบอกพ่อกับแม่ตนว่าเธอจะติดต่อกับเจ้านายเธอเอง"งั้นก็ให้มันเร็วๆล่ะปล่อยไปแบบนี้จะไม่ดีกับตัวเรา"พนาเห็นว่าลูกสาวตนจะจัดการเองก็ไม่ขัดอะไรเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไวเพราะหากปล่อยเวลาผ่านไปไม่รู้ว่าลูกเขาจะเจออะไรบ้าง 20.30น.ค่ำคืนนี้ในบ้านสวนเงียบเชียบไม่มีเสียงผู้คนเสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องอยู่ทุกคืนก็เงียบสนิทจนผิดปกติจนเกวลินที่นอนอยู่ในห้องถึงกับรู้สึกวังเวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เธอก็พยายามสลัดความรู้สึกผิดปกติออกจากหัวสมองและทำการพยายามนั่งแหกปากเปล่งเสียงให้ออกมาให้ได้นานสองนานที่เธอนั่งพยายามอยู่แบบนั้นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จเล
“อีกประมาณสองกิโลครับนาย”ลูคัสมือขวาคนสนิทวัยสามสิบกว่าๆนั่งอยู่ข้างๆโอดินมือซ้ายของนิโคลัสที่กำลังขับรถเขาหันกลับมาบอกคนเป็นนายพร้อมชูมือถือที่กำลังเปิดจีพีเอส“อืม..”นิโคลัสตอบกลับพร้อมพยักหน้าเบาๆด้วยน้ำเสียงทุ้มในลำคอก่อนจะเปรยสายตาหันมองข้างทางที่ส่วนมากจะมีแต่ป่าแต่สวนเป็นส่วนใหญ่ยิ่งเข้าลึกมามากเท่าไรถนนหนทางก็ค่อนข้างลำบากมากขึ้นเท่านั้นเขาเดาออกว่าถนนหนทางแถวนี้น่าจะใช้เดินทางเข้าไร่เข้าสวนเสียมากจึงไม่ค่อยเจริญเท่าไรนัก นิโคลัสหนุ่มใหญ่วัยเกือบห้าสิบเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกาครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเลียมแต่เขาให้คนเป็นพี่บริหารธุรกิจนี้เพียงคนเดียวแต่ก็มีปรึกษางานกันกับคนเป็นพี่ที่บริษัทบ่อยๆส่วนธุรกิจของตัวเขาเองก็คือการทำอสังหาโรงแรมบ้านพักต่างๆนิโคลัสเป็นหนุ่มใหญ่ที่ตอนนี้ยังครองตัวโสดเพราะภรรยาคนที่สองเสียไปด้วยโรคร้ายเมื่อประมาณห้าปีก่อนเขาไม่คิดจะมีใครเพิ่มเพราะไม่อยากจะเสียใจกับการสูญเสียคนรักไปอีกเนื่องจากภรรยาทั้งคนแรกและคนที่สองที่เขาแต่งงานด้วยอยู่กันได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเธอก็ต้องเป็นโรคร้ายและจากเขาไปในที่สุดแม้นอายุจะเกือบเลขห้าแต่เขาค่อนข้างดูหนุ่
เกวรินทร์พยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ“เอ่อ...เราคุยกับเค้าแล้วเหรออีหนูเค้าถึงได้มาที่นี่”ทองม้วนเอ่ยถามหลานสาวเธอด้วยความใจชื้น“เปล่าจ่ะย่า...เค้ามาเอง”“อ้าวเรอะ...แต่ก็ดีแล้ว..มาได้จังหวะเหมาะเจาะพอดีเลย”เมื่อได้เพ่งสายตาอ่านตัวหนังสือที่หลานสาวเขียนก็ใจแป้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรหากยังไม่รู้วันนี้ชายหนุ่มมาถึงที่นี่แล้วเดี๋ยวก็ได้รู้เอง“สวัสดีทุกคนครับ”นิโคลัสเดินตามพนามายืนต่อหน้าทุกคนดวงตาคมของเขาเหลือบมองไปที่หญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนเป็นแม่ด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้าลูคัสกับโอดินเองก็ยกมือไหว้ตามเจ้านายตนไปด้วยมาบ้านเมืองของคนอื่นเขาก็ต้องทำตามประเพณีของบ้านเมืองคนอื่นเช่นกัน“นี่มาลีภรรยาผมแม่เจ้าเกวส่วนนี่ก็แม่ผมชื่อทองม้วน...คุณนิโคลัสเค้าจะมารับเจ้าเกวไปทำงาน”พนารีบแนะนำตัวทั้งเมียและแม่ให้นิโคลัสได้รู้จักก่อนจะบอกจุดประสงค์ของนิโคลัสให้ทุกคนได้รับรู้“ก่อนจะไปช่วยอะไรหลานฉันอย่างได้หรือเปล่า”มาลีและทองม้วนรับไหว้ชายทั้งสามและเป็นทองม้วนเองที่เอ่ยปากออกมาถึงเรื่องที่กำลังร้อนรุ่มในใจอยู่ตอนนี้เธออยากจะเจรจาเสียให้มันจบๆหล
"พรุ่งนี้ครับ...พวกผมต้องขอตัวกลับโรงแรมก่อน"นิโคลัสพอจะโล่งใจได้บ้างที่ทองม้วนดูจะถอดใจแล้วตอนนี้เขาก็เห็นว่ามันเย็นมากแล้วจึงถือโอกาสนี้ขอตัวกลับไปที่โรงแรมเสียก่อนที่ฟ้าจะมืด"ถ้าไม่รังเกียจก็นอนเสียที่นี่เถอะนะ..."พนากับมาลีถึงกับมองหน้ากันเพราะรู้ได้แน่ชัดว่าแม่ตนต้องมีแผนการอะไรแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนคนแปลกหน้าที่พึ่งเจอนอนที่บ้านนิโคลัสเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งอันที่จริงเขาไม่ได้อยากรบกวนอะไรคนที่บ้านนี้แต่คำว่าถ้าไม่รังเกียจของผู้อาวุโสทำให้เขาต้องจำใจทำตามคำขอ"เอ่อ..ก็ได้ครับ"ครู่ต่อมาหลังจากนิโคลัสตกลงที่จะพักที่นี่ทองม้วนและพนาจึงเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มให้กับสามหนุ่ม"แม่จะทำอะไรกันแน่"พนาที่กำลังลงมือผัดข้าวผัดเมนูที่คิดว่าต่างชาติน่าจะทานได้ถูกปากเขาหันมาถามคนเป็นแม่ที่กำลังบดามุนไพรอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มอ่อน"เอ็งรู้เหรอไอ้ฑิต"ทองม้วนหันมามองหน้าลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเช่นกันทั้งยังเอ่ยเสียงเบาทำท่าลับลมคมใน"ฉันลูกแม่นี่นา""รู้ก็ดีแล้วเอ็งเอาไอ้นี่ไปใส่ในน้ำสามคนนั้นนะ"ว่าจบก็วางสมุนไพรลงบนผ้าขาวบางแล้วบีบผสมน้ำนิดหน่อย"อะไรเหรอแม่"พนาทำสีหน้าแปลกใจเพราะเขาเอ