จันทบุรี
สวนไพรวัลย์
บ้านสวนไพรวัลย์เป็นที่ของไพรวัลย์และทองม้วนปู่และย่าของเกวรินทร์ซึ่งหลังจากที่ไพรวัลย์เสียเมื่อหลายสิบปีก่อนมาลีและพนาก็มาบริหารต่อเรื่อยมาสวนนี้มีอาณาเขตกว้างขวางมีทั้งสวนเงาะลำใยทุเรียนและทุกคนก็อาศัยกันอยู่ในสวนนี้ด้วย
บ้านที่พนามาลีและทองม้วนอาศัยอยู่เป็นบ้านเรือนไทยโบราณที่ปลูกตั้งแต่สมัยไพรวัลย์และมาลีพึ่งแต่งงานกันใหม่ๆจวบจนถึงตอนนี้ก็หลายสิบปีแล้ว
บ้านหลังนี้เป็นบ้านเรือนไทยหลังค่อนข้างใหญ่โตเมื่อก่อนเป็นใต้ถุนโล่งแต่พอทองม้วนแก่ตัวเข้าพนาก็ต่อเติมห้องหับที่ชั้นล่างแถบหลังบ้านเพื่อที่ทองม้วนจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้ลำบาก
ส่วนพนาและมาลีเองก็ย้ายมานอนกันข้างล่างเช่นกันเพราะสะดวกกว่าอยู่ข้างบนมากตอนนี้ห้องนอนชั้นบนเห็นจะมีแค่ห้องของเกวรินทร์เท่านั้น
"ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย"
เสียงบ่นพึงพำของเกวรินทร์หญิงสาวหน้าสวยวัย21ย่าง22ปีเธอพึ่งเรียนจบบริหารหมาดๆจากมหาลัยในกรุงเทพมหานคร
หญิงสาวเป็นคนผอมแห้งสูง160 ผิวสีน้ำผึ้งใบหน้ากลมแก้มป่องผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกยาวถึงกลางหลังคิ้วบางได้รูปตากลมหางตาเฉี่ยวเหมือนลูกแมวจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากบางเป็นกระจับ
ตอนนี้หญิงสาวได้กลับมาอยู่ที่บ้านสวนก่อนจะเดินทางไปทำงานที่อเมริกาเพราะมีข้อผูกมัดกับคนๆนึงไว้ว่าเธอจะต้องไปทำงานใช้หนี้ในเรื่องที่เธอก่อเอาไว้ตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง
ที่เธอกำลังนั่งกอดเข่าสีหน้าเคร่งเครียดพึมพำอยู่ในมุมห้องนอนก็เพราะไม่กี่วันก่อนจวบจนถึงวันนี้เธอก็เจอเรื่องเจ็บตัวไม่เว้นแต่ละวันเช่นวันนี้เมื่อช่วงบ่ายเธอก็ดันตกต้นมะม่วงเจ็บจุกเสียจนหลังแอ้หลังแอ่นเมื่อวานเดินในสวนอยู่ดีๆงูก็เกือบฉกดีที่พ่อเธอเห็นแล้วร้องเตือนก่อนไม่อย่างนั้นคงไปนอนแอ้งแม้งอยู่โรงพยาบาลไปแล้ว
ก๊อกๆๆ
"เกว..ทำไมไม่ลงไปกินข้าวลูก"
มาลีหญิงร่างเล็กวัยกลางคนแม่ของเกวรินทร์เดินขึ้นมาเคาะประตูห้องลูกสาวตนเพื่อเรียกไปทานข้าวเพราะตอนนี้ทั้งสามีและแม่สามีเธอได้รออยู่ที่แคร่ไม้ใต้ถุนบ้านนานแล้ว
"หนูไม่ค่อยหิวจ่ะแม่"
สาวเจ้าเปิดประตูมาคุยกับคนเป็นแม่หน้ามุ่ย
"ไม่หิวก็ต้องไปกินเดี๋ยวปวดทงปวดท้องขึ้นมาอีก..ไปเร็วย่าเราเค้ารออยู่"
มาลีรีบดึงมือลูกสาวเจ้าตัวให้เดินตามลงไปข่างล่างแต่โดยดีเพราะหากเธอพาลูกเธอลงไปไม่ได้ตอนนี้มีหวังแม่สามีเธอคงขึ้นมาตามอีกรอบเป็นแน่
"มาๆอีหนูย่าทำต้มกระดูกหมูของโปรดเราไว้ด้วยกินเยอะๆ"
ทองม้วนหญิงชราผมขาวสีนิลวัยเกือบ80ปีแต่ยังคงดูแข็งแรงเพราะชอบที่จะเข้าไร่เข้าสวนทุกวันเห็นหลานสาวเดินลงมาได้ก็เรียกให้มาทานข้าวอย่างรวดเร็ว
"จ่ะย่า"
"เป็นอะไรหน้าบูดหน้าบึ้ง"
ทองม้วนถลกผ้าซิ่นนั่งชันเข่าเอ่ยถามหลานสาวคนเดียวด้วยสีหน้ากังวล
"ก็หนูเจอแต่เรื่องเจ็บตัวไม่รู้เป็นอะไรนักหนา"
สาวเจ้านั่งข้างคนเป็นย่าลงได้ก็บ่นอู้อี้หน้ามุ่ย
"เอ่อ.. นั่นสิเมื่อวานเห็นพ่อเราว่าจะถูกงูฉกวันนี้ก็ตกต้นไม้เสียอีก"
ทองม้วนเห็นทีหลานเธอช่วงนี้ก็จะมีแต่เรื่องจริงๆ
"ช่วงนี้ซวยเป็นพิเศษเลย"
"เอ่อ...เราเคยไปบนบานที่ไหนแล้วลืมแก้หรือเปล่าอีหนู"
ทองม้วนเอ่ยถามหลานสาวเธอขึ้นอีกรอบคนโบราณอย่างเธอเห็นจะนึกถึงเรื่องนี้เป็นอันดับต้นๆเมื่อเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับคนในครอบครัว
"อ๋อ...คือ..อึก"
เกวรินทร์ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าเธอนั้นเคยบนอะไรแต่ในใจก็คิดว่าไม่น่าจะเกี่ยวก่อนจะอ้าปากบอกกับย่าตนแต่จู่ๆเสียงเธอก็หายไปเสียอย่างนั้นทั้งที่เมื่อึรู่ก็ยังพูดได้ดีๆ
"เกว..เป็นอะไรลูก"
มาลีพนาและทองม้วนต่างก็ตกใจกับอาการของเกวรินทร์สาวเจ้าที่ไม่มีเสียงก็ได้แต่ส่ายหัวสีหน้าของเธอตื่นตระหนกจนเริ่มมีน้ำตา
"แม่ว่าท่าจะไม่ดีแล้วล่ะมาลีเอ้ย...พาอีหนูไปหาหลวงตาแม้นให้ท่านช่วยดีกว่า"
ทองม้วนเชื่อว่าที่หลานเธอเป็นแบบนี้คงเพราะสิ่งเร้นลับเป็นแน่ข้าวเย็นวันนี้จึงยังไม่ได้ลงมือทานก็รีบพาเกวรินทร์ไปที่วัดเพื่อไปหาพระที่พวกเธอนับถือให้ช่วยเหลือ
วัดxxมาลีและทองม้วนพาเกวรินทร์มาวัดที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนักเมื่อมาถึงก็รีบพึ่งไปที่กุฏิหลวงตาแม้นหลวงตาที่มีเมตตาสูงและช่วยเหลือคนมามากหลังจากที่พนาตามหลวงตาออกมาจากกุฏิให้ออกมาดูลูกสาวตนได้หลวงตาก็นั่งมองเกวรินทร์อยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาเสียงอ่อนตัวท่านเองไม่สามารถแก้ไขอะไรให้ได้เพราะตัวเกวรินทร์เป็นคนผูกยังไงก็ต้องเป็นคนแก้ตอนนี้ตัวท่านทำได้แค่แนะแนวทางเท่านั้น"อืม..รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับท่านเดี๋ยวก็หาย"เกวรินทร์นั่งน้ำตาไหลเพราะที่เธอเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะคำที่เธอบนบานเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน"หมายความว่ายังไงคะ"มาลีมองลูกสาวตนอย่างไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะเงยหน้าถามหลวงตาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ"ลูกโยมไปบนบานไว้ผลสำเร็จขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้แก้บน""ฉันว่าแล้วเชียว...เราไปบนอะไรไว้ล่ะอีหนู"สิ้นเสียงหลวงตาแม้นทองม้วนก็ตบเข่าฉาดเพราะเธอนั้นคิดไม่ผิดว่าสิ่งที่หลานเธอเป็นก็เป็นเพราะเรื่องเล้นลับหลังจากนี้ก็แค่ให้หลานสาวเธอแก้บนเสียก็จบเรื่อง"แล้วเราบนอะไรไว้จะได้แก้"มาลีเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ"เขียนให้แม่กับย่าเรารับรู้นะโยม"หลวงตาแม้นยื่นปากกากับกระดาษวางให้เกวรินทร์ได้หยิบ เกวรินทร์
"แล้วนี่จะคุยกับเค้ายังไงล่ะเค้าพูดไทยได้ใช่หรือเปล่า""ได้จ่ะพ่อ""..เอาเบอเจ้านายเรามาเดี๋ยวพ่อโทรคุยเอง"พนารู้ว่าเจ้านายลูกสาวตนที่เป็นต่างชาติพูดไทยได้จึงอยากจะเจรจากับอีกฝ่ายเอง"แล้วเค้ามีลูกมีเมียหรือเปล่า..."มาลีลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทมัวแต่อยากให้ลูกตัวเองหายไวๆเพราะถ้าหากผู้ชายคนนั้นมีลูกมีเมียแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจน่าดู"ไม่มีจ่ะแม่...เดี๋ยวหนูติดต่อบอกเรื่องนี้กับเค้าเองจ่ะพ่อ"เกวรินทร์รีบส่ายหัวก่อนจะรีบเขียนบอกพ่อกับแม่ตนว่าเธอจะติดต่อกับเจ้านายเธอเอง"งั้นก็ให้มันเร็วๆล่ะปล่อยไปแบบนี้จะไม่ดีกับตัวเรา"พนาเห็นว่าลูกสาวตนจะจัดการเองก็ไม่ขัดอะไรเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไวเพราะหากปล่อยเวลาผ่านไปไม่รู้ว่าลูกเขาจะเจออะไรบ้าง 20.30น.ค่ำคืนนี้ในบ้านสวนเงียบเชียบไม่มีเสียงผู้คนเสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องอยู่ทุกคืนก็เงียบสนิทจนผิดปกติจนเกวลินที่นอนอยู่ในห้องถึงกับรู้สึกวังเวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เธอก็พยายามสลัดความรู้สึกผิดปกติออกจากหัวสมองและทำการพยายามนั่งแหกปากเปล่งเสียงให้ออกมาให้ได้นานสองนานที่เธอนั่งพยายามอยู่แบบนั้นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จเล
“อีกประมาณสองกิโลครับนาย”ลูคัสมือขวาคนสนิทวัยสามสิบกว่าๆนั่งอยู่ข้างๆโอดินมือซ้ายของนิโคลัสที่กำลังขับรถเขาหันกลับมาบอกคนเป็นนายพร้อมชูมือถือที่กำลังเปิดจีพีเอส“อืม..”นิโคลัสตอบกลับพร้อมพยักหน้าเบาๆด้วยน้ำเสียงทุ้มในลำคอก่อนจะเปรยสายตาหันมองข้างทางที่ส่วนมากจะมีแต่ป่าแต่สวนเป็นส่วนใหญ่ยิ่งเข้าลึกมามากเท่าไรถนนหนทางก็ค่อนข้างลำบากมากขึ้นเท่านั้นเขาเดาออกว่าถนนหนทางแถวนี้น่าจะใช้เดินทางเข้าไร่เข้าสวนเสียมากจึงไม่ค่อยเจริญเท่าไรนัก นิโคลัสหนุ่มใหญ่วัยเกือบห้าสิบเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกาครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเลียมแต่เขาให้คนเป็นพี่บริหารธุรกิจนี้เพียงคนเดียวแต่ก็มีปรึกษางานกันกับคนเป็นพี่ที่บริษัทบ่อยๆส่วนธุรกิจของตัวเขาเองก็คือการทำอสังหาโรงแรมบ้านพักต่างๆนิโคลัสเป็นหนุ่มใหญ่ที่ตอนนี้ยังครองตัวโสดเพราะภรรยาคนที่สองเสียไปด้วยโรคร้ายเมื่อประมาณห้าปีก่อนเขาไม่คิดจะมีใครเพิ่มเพราะไม่อยากจะเสียใจกับการสูญเสียคนรักไปอีกเนื่องจากภรรยาทั้งคนแรกและคนที่สองที่เขาแต่งงานด้วยอยู่กันได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเธอก็ต้องเป็นโรคร้ายและจากเขาไปในที่สุดแม้นอายุจะเกือบเลขห้าแต่เขาค่อนข้างดูหนุ่
เกวรินทร์พยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ“เอ่อ...เราคุยกับเค้าแล้วเหรออีหนูเค้าถึงได้มาที่นี่”ทองม้วนเอ่ยถามหลานสาวเธอด้วยความใจชื้น“เปล่าจ่ะย่า...เค้ามาเอง”“อ้าวเรอะ...แต่ก็ดีแล้ว..มาได้จังหวะเหมาะเจาะพอดีเลย”เมื่อได้เพ่งสายตาอ่านตัวหนังสือที่หลานสาวเขียนก็ใจแป้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรหากยังไม่รู้วันนี้ชายหนุ่มมาถึงที่นี่แล้วเดี๋ยวก็ได้รู้เอง“สวัสดีทุกคนครับ”นิโคลัสเดินตามพนามายืนต่อหน้าทุกคนดวงตาคมของเขาเหลือบมองไปที่หญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนเป็นแม่ด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้าลูคัสกับโอดินเองก็ยกมือไหว้ตามเจ้านายตนไปด้วยมาบ้านเมืองของคนอื่นเขาก็ต้องทำตามประเพณีของบ้านเมืองคนอื่นเช่นกัน“นี่มาลีภรรยาผมแม่เจ้าเกวส่วนนี่ก็แม่ผมชื่อทองม้วน...คุณนิโคลัสเค้าจะมารับเจ้าเกวไปทำงาน”พนารีบแนะนำตัวทั้งเมียและแม่ให้นิโคลัสได้รู้จักก่อนจะบอกจุดประสงค์ของนิโคลัสให้ทุกคนได้รับรู้“ก่อนจะไปช่วยอะไรหลานฉันอย่างได้หรือเปล่า”มาลีและทองม้วนรับไหว้ชายทั้งสามและเป็นทองม้วนเองที่เอ่ยปากออกมาถึงเรื่องที่กำลังร้อนรุ่มในใจอยู่ตอนนี้เธออยากจะเจรจาเสียให้มันจบๆหล
"พรุ่งนี้ครับ...พวกผมต้องขอตัวกลับโรงแรมก่อน"นิโคลัสพอจะโล่งใจได้บ้างที่ทองม้วนดูจะถอดใจแล้วตอนนี้เขาก็เห็นว่ามันเย็นมากแล้วจึงถือโอกาสนี้ขอตัวกลับไปที่โรงแรมเสียก่อนที่ฟ้าจะมืด"ถ้าไม่รังเกียจก็นอนเสียที่นี่เถอะนะ..."พนากับมาลีถึงกับมองหน้ากันเพราะรู้ได้แน่ชัดว่าแม่ตนต้องมีแผนการอะไรแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนคนแปลกหน้าที่พึ่งเจอนอนที่บ้านนิโคลัสเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งอันที่จริงเขาไม่ได้อยากรบกวนอะไรคนที่บ้านนี้แต่คำว่าถ้าไม่รังเกียจของผู้อาวุโสทำให้เขาต้องจำใจทำตามคำขอ"เอ่อ..ก็ได้ครับ"ครู่ต่อมาหลังจากนิโคลัสตกลงที่จะพักที่นี่ทองม้วนและพนาจึงเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มให้กับสามหนุ่ม"แม่จะทำอะไรกันแน่"พนาที่กำลังลงมือผัดข้าวผัดเมนูที่คิดว่าต่างชาติน่าจะทานได้ถูกปากเขาหันมาถามคนเป็นแม่ที่กำลังบดามุนไพรอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มอ่อน"เอ็งรู้เหรอไอ้ฑิต"ทองม้วนหันมามองหน้าลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเช่นกันทั้งยังเอ่ยเสียงเบาทำท่าลับลมคมใน"ฉันลูกแม่นี่นา""รู้ก็ดีแล้วเอ็งเอาไอ้นี่ไปใส่ในน้ำสามคนนั้นนะ"ว่าจบก็วางสมุนไพรลงบนผ้าขาวบางแล้วบีบผสมน้ำนิดหน่อย"อะไรเหรอแม่"พนาทำสีหน้าแปลกใจเพราะเขาเอ
"นั่นสิจ้ะ...เมื่อไรหนูจะหายจากอาการบ้าๆนี่ซะที"เกวรินทร์เองก็หน้ามุ่ยห่อเหี่ยวหัวใจที่ตนพูดไม่ได้เสียที"อีหนู...เราพูดได้แล้วนี่นา"สิ้นเสียงเกวรินทร์ทุกคนต่างก็เบิกตาโพรงดีใจกันยกใหญ่ทั้งเจ้าตัวเองก็ตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน"ได้ผลจริงๆด้วย.."มาลีเข้าไปสวมกอดลูกสาวเธอสีหน้าระรื่น"เย่ๆ..."เกวรินทร์ตื่นเต้นกระโดดไปมาที่เธอกลับมาพูดมีเสียงเสียทีนับว่าคำขอของเธอที่ขอแก้บนข้อเดียวก่อนมันได้ผลเช้าวันต่อมา"พวกคุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง" เป็นอย่างที่เกวรินทร์คิดเมื่อนิโคลัสตื่นขึ้นมาได้ก็ฏโมโหเอาการที่ถูกมัดมือชกเรื่องเมื่อคืนตอนนี้ทุกคนก็เอาแต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัวคำที่ดีที่สุดก็คือคำว่าขอโทษ"ทุกคนทำก็เพื่อช่วยฉันคุณอย่าโกรธเลยนะคะ...เห็นไหมพอฉันแต่งกับคุณฉันก็พูดได้เลย"เกวรินทร์พยายามทำให้นิโคลัสอารมณ์เย็นลงและบอกให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอคิดมันไม่ผิดเรื่องลี้ลับมีจริและที่เธอหายเป็นปกติกลับมามีเสียงได้ก็เพราะเมื่อคืนแต่งงานกับเขา"เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ฉันสัญญา""เฮ้อ.."ชายหนุ่มร่างสูงยืนเท้าเอวปวดหัวหนึบไม่คิดเลยว่าจะมาเสียทีคนที่นี่ได้เขารู้ได้เลยว่านิสัยพิเลนๆของเกวริ
แกร๊กกก.. เมื่อเปิดประตูได้สาวเจ้าก็เงยหน้ามองชายร่างสูงด้วยสีหน้าสงสัย"คุณ...มีธุระอะไรคะ?""ฉันแค่จะมาบอกว่าหวังว่าเธอคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรให้ฉันต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอีกนะเกวรินทร์"นิโคลัสเดินผ่านร่างบางเข้ามาในห้องของเธอก่อนจะทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างลงบนโซฟาก่อนจะยื่นคำขาดกับหญิงสาวที่เดินตามมานั่งตรงข้ามกับเขา"เอ่อ...อืม..ค่ะ..น่าจะไม่มีแล้วมั้งคะ"เกวรินทร์เม้มปากกลอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะรับปากด้วยสีหน้าระรื่นตอนนี้เธอยังไม่มีอะไรให้เขาต้องช่วยจึงยังไม่เอ่ยความจริงอีกข้อ"เตรียมตัวให้พร้อมฉันจะเดินทางในอีกสองวันระหว่างนี้เธอก็ต้องอยู่ที่นี่เพราะฉันขี้เกียจจะตามหาเธออีก""ค่ะ..ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งคุณทุกอย่างเลยค่ะคุณเจ้านาย..."หญิงสาวเอ่ยเสียงแหลมด้วยสีหน้าระรื่นเช่นเดิม"อย่าลืมปรับบุคลิกใหม่ด้วยล่ะ...เป็นเลขาฉันต้องน่าเชื่อถือเข้าใจหรือเปล่า"นิโคลัสรู้ว่าเกวรินทร์ยังมีบุคลิกท่าทีคำพูดที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนักเขาจึงต้องสั่งให้เธอปรับตรงนี้เพราะคนที่จะเป็นเลขาติดตามเขาตลอดต้องดูดีและน่าเชื่อถือ"ให้ฉันเป็นเลขาคุณเลยเหรอคะ"สาวเจ้าชะงักงันเบิกตาโพรงคราแรกคิดว่าเขาจะให้เธอทำงานใ
"ฉันขออยู่ตรงนี้ก็ได้คุณไปนอนเถอะอย่าปิดประตูล่ะเปิดประตูเอาไว้ให้ฉันตื่นมาเห็นคุณตลอด...ฉันกลัวเห็นใจฉันเถอะนะคะ"สาวเจ้ามองหน้าเจ้าของห้องด้วยสายตาอ้อนวอน"เกวรินทร์!"นิโคลัสเสียงแข็งใส่หญิงสาวอีกรอบ"นะคะ..ฉันไหว้ล่ะ"เธอยกมือไหว้คนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าดุประหงกๆดูซิว่าเขาจะใจดำกับเธออีกได้หรือเปล่า"เฮ้อ...อย่ากวนฉันอีกละกัน"นิโคลัสเงยหน้ากรอกสายตามองบนก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปเขาแง้มประตูเอาไว้ตามที่หญิงสาวบอกและกำชับกับเธออีกครั้งว่าห้ามกวนเขาอีกหากจะนอนที่นี่"ค่ะ..ขอบคุณนะคะ"สาวเจ้ายิ้มร่าและแล้วลูกอ้อนของเธอก็ทำให้เขาใจอ่อนจนได้ชั่วโมงต่อมา"หึ่.."นิโคลัสเดินถือผ้านวมอีกผืนออกมาจากห้องนอนเขาสบถในลำคอเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างบางนอนขดตัวอยู่บนโซฟาเขาคิดไม่ผิดว่าเธอคงต้องนอนหนาวเป็นแน่เพราะเขาเปิดแอร์ต่ำกว่า20องศาคนไทยอย่างเธอคงรู้สึกไม่โอเคเท่าไรแต่สำหรับเขาอากาศกำลังสบายนิโคลัสค่อยๆห่มผ้าให้เกวรินทร์ก่อนจะยืนเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวที่หลับตาพริ้มครู่หนึ่งพรางคิดในใจว่าวันข้างหน้าเธอจะมีเรื่องอะไรให้เขาปวดหัวอีกหรือเปล่าก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปพักผ่อนเช้าวันต่อมา "อืม...ก็ใจ
"ยังไม่ได้ตรวจเลยย่า""ตอนนั้นพ่อเราก็อย่างนี้แหละอีหนู...ย่าว่าต้องท้องแล้วล่ะ"ทองม้วนค่อนข้างมั่นใจนิโคลัสเองก็ยืนยิ้มแก้มปริเมื่อรู้ตัวส่ากำลังมีทายาทกับคนที่ตัวเองรักส่วนเกวรินทร์คิดไปคิดมาเธอก็ไม่เจอเรื่องแปลกมาเป็นเดือนกว่าแล้วเหมือนกันคงจะจริงอย่างที่ย่าเธอว่าตอนนี้เธอมีลูกกับนิโคลัสอย่างที่อยากมีแล้วจริงๆ"เค้าเป็นยังไงล่ะลูกถึงไปตกหลุมรักเค้าได้"หลังมื้อเย็นมาลีและเกวรินทร์ก็ช่วยกันล้างถ้วยล้างชามเวลานี้มาลีจึงได้โอกาสถามไถ่เรื่องความรักของลูกสาวเธอด้วยอยากรู้เหมือนกันว่าลูกเธอไปรักไปชอบคนมีอายุรุ่นราวคราวพ่ออย่างนิโคลัสได้อย่างไร"ตอนแรกก็ดูดุจนน่ากลัวแต่พอรู้จักจริงๆเค้าอบอุ่นมากเลยจ่ะแม่...ขี้บ่นนิดหน่อยแต่มีปัญหาทีไรเป็นเค้าที่ช่วยเหลือหนูทุกครั้ง""อืม... เห็นลูกสาวแม่มีความสุขแบบนี้แม่ก็ดีใจ"มาลีเห็นลูกสาวเธอพูดถึงนิโคลัสไปยิ้มไปก็รีบรู้ได้ว่าลูกเธอคงมีความสุขที่จะรักนิโคลัสจริงๆไม่ใช่เพียงแค่ผูกพันธ์เพราะความใกล้ชิดเท่านั้นเธอรู้อย่างนี้ก็ค่อยโล่งใจที่เกวรินทร์ไม่ได้รู้สึกแค่ชั่ววูบส่วนนิโคลัสมาลีก็วางใจที่เขาเป็นคนดูแลลูกของเธอเพราะนิโคลัสเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะและ
"ทำไม...รักฉันไม่ใช่หรือไง"นิโคลัสรีบรัดร่างบางมากอดเอาไว้ก่อนที่จะก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลด้วยน้ำเสียงแหบพร่า"...การที่ฉันบอกรักไม่ใช่ว่าฉันจะง่ายกับคุณที่ยังไม่ได้รักฉันตอบนะ""ใครบอกว่าฉันไม่ได้รักเธอ...ยัยเด็กบ้าเอ้ย..ฉันต้องวุ่นวายใจก็เพราะเธอ""คุณนิค...จ...จริงเหรอคะ"ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของคนที่เธอมีใจให้เขานิโคลัสพยักหน้าเบาๆทั้งรวบรัดร่างบางบดจูบให้ชื่นใจอีกรอบ"อื้อ..."คนตัวโตที่กำลังมีอารมณ์รักพลุ่งพล่านอีกรอบในรอบหลายปีเขาผละริมฝีปากออกมามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มไม่ได้อยากหยุดการกระทำแม้นแต่วินาทีเดียวแต่เห็นว่าคนอ่อนประสปการณ์กำลังหายใจไม่ออกจึงจำใจต้องหยุดให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอดฟู่วว..หายใจไม่ออก""ฉันว่าต้องสอนกันอีกเยอะ""อื้อ.."เมื่อเห็นหญิงสาวได้ออกซิเจนพอประมาณแล้วนิโคลัสก็รีบอุ้มร่างบางเข้าห้องนอนค่อยๆวางร่างบางนอนราบกับฟูกประสานมือทั้งสองของเขากับมือเรียวของหญิงสาวเขาบดจูบดูดดึงริมฝีปางบางด้วยความนุ่มนวลอีกรอบค่อยๆสอดส่ายลิ้นร้ายตวัดฉกชิมความหวานเป็นระยะจนตอนนี้หญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างคนตัวโตรู้สึกถึงอารมณ์แห่งความสุ
"นอนทับแขนฉันทั้งคืนยังจะแกล้งกวนฉันอีกเหรอ"ดวงตาคมค่อยๆลืมตาขึ้นมาก่อนจะบ่นหญิงสาวที่เธอเล่นนอนดิ้นไปมากวนเขาจนนอนไม่หลับจนต้องรวบตัวกอดเอาไว้กว่าจะหลับได้ก็เกือบฟ้าสางพอตื่นมาก็ยังไม่หยุดกวนเขาอีก"เอ่อ...ฉันขอโทษค่ะไม่รู้ว่ามานอนติดคุณตั้งแต่เมื่อไร...น่าจะสายแล้วฉันไปล้างหน้าก่อนนะคะ"เกวรินทร์ก้มหน้างุดไม่อยากให้อีกฝ่ายเห็นว่าเธอกำลังเขินจึงรีบลุกยืนขึ้นหมายจะออกไปจากห้องเพื่อไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำแต่ก็ถูกนิโคลัสดึงมือไว้เพราะเขาก็จะไปเหมือนกัน"อืม...ฉันไปด้วย"ทั้งสองเลื่อนประตูออกจากห้องมาพร้อมกันแล้วก็ต้องชะงักงันกันไปทั้งคู่เมื่อเห็นว่านุดีและแดเนียลนั่งอยู่ที่กลางบ้าน"เอ่อ...คือเมื่อคืน..เอ่อ...ไม่ใช่อย่างที่คิดนะคะ"เกวรินทร์เห็นสายตาของแดเนียลและนุดีก็รู้เลยว่าทั้งคู่กำลังคิดอะไรอยู่จึงรีบอธิบายด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก"อาเห็นว่าเกวนอนไม่หลับเลยมานอนเป็นเพื่อนเท่านั้น"นิโคลัสเอ่ยเสริมช่วยเกวรินทร์อีกแรงเพราะไม่อยากถูกมองไม่ดีไม่คิดว่าทั้งสองจะมานั่งรอแบบนี้"อ๋อ.. ครับนอนเป็นเพื่อน"แดเนียลอมยิ้มกริ่มทั้งส่งสายตาหยอกเย้าคนเป็นอาก่อนจะหันมายิ้มกับนุดี"เอ่อ...เราไปเดิ
"ดี...ตามมาเลย"เกวรินทร์เห็นนิโคลัสพูดคุยด้วยสีหน้าระรื่นกับยูกิเธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศในร้านค่อนข้างอึดอัดสำหรับเธอพอสมควรเลยยิ้มไม่ค่อยจะออกเท่าไร"เธอเป็นใครเหรอคุณแดเนียลทำไมดูสนิทกับคุณนิคจัง"หลังจากที่นิโคลัสตามยูกิไปในครัวแล้วเกวรินทร์ก็ได้ทีถามแดเนียลให้หายคาใจ"เป็นเพื่อนกับคุณอาตั้งแต่สมัยเรียนแล้วน่าจะเป็นเพื่อนผู้หญิงคนเดียวที่สนิท""สนิทแบบแค่เพื่อนจริงเหรอ"เกวรินทร์รู้มาว่านิโคลัสไม่ค่อยสุงสิงกับผู้หญิงทั้งยังรักความเป็นส่วนตัวการที่เขาจะสนิทกับยูกิเธอคิดว่าไม่น่าจะใช่เพื่อนธรรมดา“อืม..ก็คุณยูกิเธอไม่ได้ชอบผู้ชายแถมมีนิสัยแบบผู้ชายด้วย”แดเนียลยืนยันว่ายูกิเป็นเค่เพื่อนของอาเขาจริงๆเพราะยูกิไม่ได้ชอบผู้ชาย“อืม..เข้าใจแล้วค่ะ”เกวรินทร์แอบอมยิ้มอ่อนเธอรู้แบบนี้ก็ค่อยลดอาการอึดอัดหัวใจลงได้หน่อยนุดีมองหน้ากับแดเนียลทั้งคู่อมยิ้มให้กันอย่างมีเลศนัยรู้ว่าทำไมเกวรินทร์ถึงอยากจะรู้นักว่านิโคลัสและยูกิมีความสัมพันธ์เป็นแบบไหนที่นั่งหน้ามุ่ยก่อนหน้าคงเป็นเพราะแอบหวงนิโคลัสเป็นแน่ครู่ต่อมาตอนนี้เกวรินทร์นั่งอยู่คนเดียวเพราะนุดีและแดเนียลเดินออกจากร้านไปหาซื้อของว่างมานั่งท
โรงพยาบาล"พี่นุดีคะสบายใจได้แล้วนะคะริตารับสารภาพแล้วว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกคุณแดเนียล"เกวรินทร์รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากการคุยโทรศัพท์กับนิโคลัสเมื่อครู่ก็รีบมาบอกความจริงให้นุดีรู้ว่าสองแม่ลูกนั่นหลอกลวงให้นุดีสบายใจได้ว่าแดเนียลไม่ได้โกหก"อืม...ตอนนี้พี่แดนเป็นยังไงบ้าง"ตอนนี้นุดีค่อนข้างห่วงสภาพจิตใจของแดเนียลมากกว่าว่าจะเป็นอย่างไรเพราะเธอรู้ว่าแดเนียลรักแม่ของเขามากยิ่งรู้ว่าการตายของแม่ไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุแต่เกิดจากการถูกฆาตกรรมสภาพจิตใจแดเนียลจะเป็นอย่างไร"คุณนิคบอกว่าค่อนข้างเครียดค่ะ""พี่อยากไปหาพี่แดน""อย่าพึ่งขยับตัวค่ะ...ตอนนี้คุณนิคกับคุณแดเนียลกำลังกลับมาค่ะ"เกวรินทร์รีบห้ามไม่ให้นุดีลุกเพราะตอนนี้หมอยังไม่ให้นุดีขยับตัวแกร๊กก"คุณแดเนียลมาพอดีเลยเกวขอตัวนะคะ"เกวรินทร์เห็นแดเนียลเปิดประตูเข้ามาพอดีเธอจึงขอตัวออกจากห้องไปเพราะรู้ว่าทั้งสองมีเรื่องที่จะต้องคุยกันเป็นการส่วนตัวส่วนเธอก็ออกมานั่งคุยกับนิโคลัสด้านนอก"สองแม่ลูกนั่นร้ายเหมือนกันนะคะ""นี่แหละความอยากได้อยากมีจนหน้ามืดตามัวไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี"นิโคลัสรู้เลยว่าความอยากได้อยากมีของคนมันทำให้เห็นแก่
"เธอตั้งครรภ์อ่อนๆประมาณหกสัปดาห์แล้วช่วงนี้ต้องระวังให้มากนะคะ""หา..."แดเนียลอ้าปากค้างดีใจและเสียใจไปในเวลาเดียวกันเพราะวันที่เขารู้ว่าเขามีลูกแต่ดันเกือบจะเสียลูกไปเสียอย่างนั้นเพราะคนนิสัยเสียสองแม่ลูกนั่นยิ่งคิดเขาก็ยิ่งเจ็บใจ"จะหาอะไรล่ะคะคุณกำลังจะมีลูกไม่ดีใจหรือไง""เธอรู้"แดเนียลตกใจกว่าที่รู้ว่าเกวรินทร์รู้แสดงว่าก่อนหน้านี้นุดีก็ต้องรู้ตัวแล้วแต่ยังไม่ได้บอกกับเขา"อืม.."หญิงสาวพยักหน้ารับเบาๆ"เดี๋ยวแล้วเธอทำไมไม่บอกฉันจะได้ให้นุดีหยุดทำงาน"นิโคลัสดึงเกวรินทร์มาคุยนี่ถือเป็นเรื่องร้ายแรงหากนุดีท้องที่จริงจะต้องแจ้งกับเขาจะได้ให้เธอหยุดงานแต่นี่เท่ากับหญิงสาวทั้งสองช่วยกันปกปิดดีที่ตอนนี้ลูกในท้องนุดีไม่เป็นอะไรไม่อย่างนั้นเขาคงรู้สึกผิดกว่านี้แน่เพราะก่อนหน้านี้ให้นุดีจัดการงานหลายเรื่องโดยไม่รู้ว่าเธอท้องอ่อนๆ"ก็พี่นุดีไม่ให้บอกใครไงคะเธอบอกว่าจะเซอร์ไพรซ์คุณในวันเกิด"เกวรินทร์ไม่ใช่ไม่อยากบอกแต่เธอถูกนุดีของเอาไว้ต่างหากและเธอก้ไม่รู้ด้วยว่าสองแม่ลูกนั่นจะมาทำเรื่อง"อาว่าต้องรีบทำอะไรให้มันจบเร็วๆแล้วล่ะ"นิโคลัสยกมือจับบ่าแดเนียลเห็นทีเรื่องของริตาแดเนียลต้องร
“เอ่อ...คุยอะไรเหรอคะ?”นุดีถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเกือบถูกจับได้“เปล่า...ผมถามไปอย่างนั้น”“เกวออกมาแล้วไปเตรียมตัวถ่ายกันดีกว่าค่ะ”นุดีรีบลุกหนีจากนิโคลัสเมื่อเห็นเกวรินทร์ออกมาจากโซนแต่งตัวเพราะกลัวว่าหากเธอเผลอพูดอะไรมากไปคงถูกนิโคลัสสงสัยแน่นอนว่าเธอกำลังช่วยเหลือเกวรินทร์อยู่ครึ่งชั่วโมงต่อมาตอนนี้ถึงขั้นตอนการถ่ายทำของฉากแรกอาเทอร์ผู้กำกับหนุ่มฝีมือดีจัดฉากให้เกวรินทร์และนิโคลัสนอนหลับกันอยู่บนเตียงโดยให้นิโคลัสรวบกอดหญิงสาวจกทางด้านหลังและมีเดนิสคลานอยู่ใกล้ๆ"คุณนิโคลัสกอดแน่นอีกนิดครับคุณเกวอย่าพึ่งลืมตาปล่อยให้เดนิสคลานเล่นบนตัวพวกคุณเลย"เกวรินทร์รีบหลับตาปี๋เมื่ออาเทอร์ตะโกนให้เธอหลับตาตอนนี้ทั้งสองนอนตัวเกร็งกันพอสมควรเพราะไม่เคยใกล้ชิดกันต่อหน้าคนอื่นแบบนี้มาก่อนหลังจากถ่ายฉากบนเตียงเสร็จตอนนี้ทุกคนก็ออกจากบ้านมาถ่ายที่สวนหน้าบ้านต่อแต่กว่าจะผ่านฉากบนเตียงอาเทอร์ก็ต้องบรีฟทั้งสองนานอยู่พอสมควร"พูดคุยอะไรกันก็ได้ครับแต่ขอให้ใบหน้ายิ้มเข้าไว้"ตอนนี้อาเทอร์ให้ทั้งสามนั่งปิกนิคกันที่สวนหน้าบ้านก่อนเริ่มถ่ายเขาก็บอกให้เกวรินทร์และแดเนียลพูดคุยอะไรกันก็ได้แต่ขอให้ยิ้มแย้ม
"ฉันไม่ได้ยอมรับว่าเอาเนื้อตัวเข้าแลกไม่ได้มีความคิดอย่างที่เธอคิดจะทำ...ฉันแค่ทำงานให้ดีแค่นี้บอสก็เอ็นดูแล้ว...แล้วถ้าคนที่บอสเอ็นดูมากๆอย่างฉันบอกไปฟ้องบอสว่าเธอพูดอะไรไว้บ้างและก็แอบเป่าหูบอสว่าเธอไม่สมควรทำงานที่นี่ต่อไปบอสก็คงเชื่อฉัน"เอเลน่าเงียบไม่ได้ตอบโต้อะไรเกวรินทร์กลับเพราะเธอรู้ว่าช่วงที่นิโคลัสป่วยเกวรินทร์เป็นคนดูแลใกล้ชิดหากเธอต้องถูกไล่ออกตอนนี้คงไม่ดีแน่เพราะบริษัทนี้สร้างเงินให้เธอไม่น้อย"ที่แท้ก็ไม่แน่จริง..คนแบบนี้ใครได้ใกล้เป็นประสาทเสีย"“เอเลน่าคงไม่กล้าแล้วล่ะขอบใจนะเกว”สองสาวรู้ว่าคนอย่างเอเลน่าเก่งแต่ปากแต่ความเก่งแต่ปากของเธอก้ทำคนอื่นประสาทได้เช่นกันเกวรินทร์จึงต้องอ้างนิโคลัสขู่เอาไว้ก่อนเพราะใช้วิธีนี้ทีไรก็ได้ผลทุกทีไปบ้านริตา“เรียกฉันมามีอะไรจะคุย”รัตนาเข้ามาหาริตาที่บ้านได้ก็รีบถามถึงธุระสำคัญที่ลูกสาวเธอจะคุยด้วยทันที"คุณแม่คะริตามีเรื่องจะปรึกษาค่ะ""มีอะไร...""คือ..ริตาท้องค่ะ""ห้ะ...จริงเหรอลูกแดเนียลใช่ไหม"รัตนายิ้มร่าเพราะคิดว่าลูกในท้องของริตาคือลูกแดเนียล"ไม่ใช่ค่ะ..."ริตารับส่ายหัวก่อนที่แม่เธอจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้"อะไรนะ"ริต
"โอ้โห...ใช้วิธีนี้เลยเหรอเกว"นุดีถึงกับอยากเจอย่าของเกวรินทร์จริงๆหลังจากที่ฟังนิโคลัสเล่าจบรู้เลยว่านิสัยแก่นแก้วของเกวรินทร์ได้มาจากใคร"ก็ตอนนั้นอยากหายนี่คะ...อ่อคุณแดเนียลกับพี่นุดีต้องปิดเรื่องนี้ให้เงียบเลยนะคะ""ต้องปิดอยู่แล้ว...ใครจะเชื่อว่าอาฉันเสียท่าให้เธอ..ฮ่าๆๆ"แดเนียลแอบตกใจกับวิธีการที่ทางบ้านเกวรินทร์จัดการกับอาของเขาเหมือนกันแต่ก็มองเป็นเรื่องตลกที่น้อยคนจะมาลบเหลี่ยมอาของเขาได้"ขำอะไรแดเนียล"นิโคลัสส่งสายตาคาดโทษให้หลานชายตนเล็กน้อย"เปล่าครับ""เกว..ยังไงฉันก็มีลูกกับเธอไม่ได้เราไม่ได้รักกัน"นิโคลัสยืนยันกับเกวรินทร์ต่อหน้านุดีและแดเนียลให้ได้ฟังพร้อมกันว่าอย่างไรก็ไม่สามารถที่จะมีลูกกับญิงสาวได้เพราะการมีลูกเท่ากับมีพันธะผูกพันธ์กันไปชั่วชีวิต"เอ่อ...นั่นสิคะเราไม่ได้รักกัน...แต่...ถ้าเราต้องเจออะไรแบบนี้อีกล่ะ...คุณแดเนียลกับพี่นุดีคิดว่ายังไงคะ"คำว่าไม่ได้รักกันของนิโคลัสทำเอาเกวรินทร์หน้าเสียพอสมควรแต่เธอจะให้เธอทำอย่างไรถ้าหากไม่แก้บนให้มันเสร็จเธอก็จะต้องเจอเรื่องลี้ลับแบบนี้ไปตลอดไม่รู้ว่านิโคลัสจะเห็นใจเธอบ้างหรือเปล่า"พี่ก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไงเล