"นั่นสิจ้ะ...เมื่อไรหนูจะหายจากอาการบ้าๆนี่ซะที"
เกวรินทร์เองก็หน้ามุ่ยห่อเหี่ยวหัวใจที่ตนพูดไม่ได้เสียที
"อีหนู...เราพูดได้แล้วนี่นา"
สิ้นเสียงเกวรินทร์ทุกคนต่างก็เบิกตาโพรงดีใจกันยกใหญ่ทั้งเจ้าตัวเองก็ตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน
"ได้ผลจริงๆด้วย.."
มาลีเข้าไปสวมกอดลูกสาวเธอสีหน้าระรื่น
"เย่ๆ..."
เกวรินทร์ตื่นเต้นกระโดดไปมาที่เธอกลับมาพูดมีเสียงเสียทีนับว่าคำขอของเธอที่ขอแก้บนข้อเดียวก่อนมันได้ผล
เช้าวันต่อมา
"พวกคุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง"
เป็นอย่างที่เกวรินทร์คิดเมื่อนิโคลัสตื่นขึ้นมาได้ก็ฏโมโหเอาการที่ถูกมัดมือชกเรื่องเมื่อคืน
ตอนนี้ทุกคนก็เอาแต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัวคำที่ดีที่สุดก็คือคำว่าขอโทษ
"ทุกคนทำก็เพื่อช่วยฉันคุณอย่าโกรธเลยนะคะ...เห็นไหมพอฉันแต่งกับคุณฉันก็พูดได้เลย"
เกวรินทร์พยายามทำให้นิโคลัสอารมณ์เย็นลงและบอกให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอคิดมันไม่ผิดเรื่องลี้ลับมีจริและที่เธอหายเป็นปกติกลับมามีเสียงได้ก็เพราะเมื่อคืนแต่งงานกับเขา
"เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ฉันสัญญา"
"เฮ้อ.."
ชายหนุ่มร่างสูงยืนเท้าเอวปวดหัวหนึบไม่คิดเลยว่าจะมาเสียทีคนที่นี่ได้เขารู้ได้เลยว่านิสัยพิเลนๆของเกวรินทร์ได้มาจากใคร
10.00 น.
หลังจากทานอาหารเช้ากันเรียบร้อยแล้วเกวรินทร์ก็เตรียมตัวไปกรุงเทพพร้อมนิโคลัสของๆเธอไม่ได้มีอะไรมากเพราะนิโคลัสบอกว่าที่พักของเธอเขาจัดแจงข้าวของเครื่องใช้ไว้ให้ครบหมดแล้วให้เธอเตรียมพวกเอกสารการเดินทางให้พร้อมก็พอ
"หนูไปก่อนนะจ้ะ"
"ดูแลตัวเองดีๆนะลูก"
หญิงสาวกอดพ่อกับแม่และย่ากลมครู่หนึ่งให้ชื่นใจเพราะรู้ว่าครั้งนี้ต้องจากบ้านไปไกล
"ยังไงฝากดูแลลูกผมด้วย"
พนาเอ่ยฝากฝังลูกสาวตนกับนิโคลัสเขาเชื่อว่านิโคลัสเป็นสุภาพบุรุษในระดับหนึ่งเพราะหากไม่ใช่คงยอมรับปากรับลูกสาวเขาเป็นภรรยาอย่างว่าง่ายไปแล้ว
"อีหนูต้องไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองเกิดมีคุณเป็นที่พึ่งเดียวดูแลหลานฉันด้วย"
ทองม้วนรู้ดีว่าการอยู่ไกลบ้านแถมวัฒนธรรมมันน่าจะว้าเหว่พอสมควรคนเดียวที่เห็นว่าจะทำให้หลานเธอรู้สึกมีหลักได้ก็ไม่พ้นนิโคลัส
"ครับเธอทำงานกับผมยังไงก็ต้องดูแลให้ดีอยู่แล้ว"
ชายหนุ่มรับปากไม่ใช่ดูแลเธอในฐานะภรรยาแต่เพราะเธอเป็นลูกจ้างของเขายังไงเขาก็ต้องดูแลดีอยู่แล้ว
ชั่วโมงต่อมา
หลังจากที่เดินทางออกจากบ้านมาพักใหญ่เกวรินทร์ก็เริ่มท้องร้องเพราะเมื่อเช้าไม่ได้ทานอะไรเยอะ
"ฉันหิวค่ะ... ขอกินอะไรบนรถได้หรือเปล่า"
"อืม.."
เมื่อได้รับอนุญาตสาวเจ้าก็ควักกล่องอาหารออกมาจากกระเป๋า
"อะไรของเธอ"
นิโคลัสเห็นว่ากล่องในมือของหญิงสาวมีแรปซีนไว้แน่นหนาจึงอยากรู้ว่าในกล่องมีอะไรทำไมต้องเก็บเสียดิบดีขนาดนั้น
"ทุเรียนไงคุณไม่เคยกินเหรอ"
สาวเจ้าฉีกแรปซีนทิ้งได้ก็เปิดกล่องยื่นเข้าไปให้นิโคลัสได้ดูไม่ทันถึงตรงหน้าดีคนตัวโตก็ต้องรีบเอี้ยวตัวหนีปิดจมูกเพราะกลิ่นอาหารในกล่องมันตีขึ้นจมูกจนรู้สึกมึนหัวกะทันหัน
ไม่ใช่เพียงแค่นิโคลัสที่ทนกับกลิ่นนี้ไม่ได้ลูคัสและโอดินต่างก็มีอาการไม่ต่างจากคนเป็นนายเขาจึงรีบเปิดกระจกรถไล่กลิ่นข้างในทันที
"เอาเก็บใส่กล่องไปเดี๋ยวนี้เลย"
"โอเคๆ.. "
เกวรินทร์เห็นเช่นนั้นจึงรีบปิดกล่องเก็บโดยเร็วและหาถุงพลาสติกในกระเป๋าห่อให้หนาด้วยลืมไปว่ามีคนไม่ชอบกลิ่นทุเรียนเหมือนกัน
15.00 น.
หลังจากที่มาถึงโรงแรมได้ทุกคนก็แยกย้ายเข้าห้องตัวเองเพื่อพักผ่อน
ในส่วนของเกวรินทร์แม้นจะง่วงจะเพลียแต่เธอก็ยังคงหลับตาไม่ลงเพราะยังคงต้องโทรคุยกับทรายแก้วเพื่อนของเธอเรื่องการแก้บน
หลังจากเกวรินทร์เล่าเรื่องตัวเองให้ทรายแก้วฟังจนหมดแล้วปลายสายอย่างทรายแก้วก็รู้สึกตกใจกับเรื่องที่พึ่งรับรู้ไม่น้อย
"โหเรื่องมันหนักขนาดนี้เยเหรอ... แต่ย่าแกก็สุดยอดเลย"
"ใช่ย่าฉันเจ้าแผนการสุด...เออ...แกไม่เจอเรื่องอะไรจริงๆเหรอทราย"
เกวรินทร์อมยิ้มกริ่มเป็นใครได้ยินวีรกรรมย่าเธอเป็นอันพูดแบบนี้แทบทุกคน
"อืม...ไม่เจออะไรนะ"
ทรายแก้วเอ่ยเสียงอึกอักเล็กน้อย
"ดีแล้วล่ะเรื่องนี้อย่าบอกเอยนะเดี๋ยวเอยจะไม่สบายใจ"
เกวรินทร์รู้ว่าเพื่อนเธอไม่เจออะไรก็สบายใจและยังไม่ลืมกำชับเรื่องการบนบานกับทรายแก้วว่าอย่าให้เจ้าเอยเพื่อนของพวกเธอที่เป็นเหตุทำให้พวกเธอต้องบนบานได้รู้เรื่องเพราะไม่อยากมห้เพื่อนไม่สบายใจ
"อืม.. รู้แล้ว"
"อ่อ..จริงสิแกบนว่าอะไร"
"ก็..."
ติ๊งงงง
ยังไม่ทันที่ทรายแก้วจะบอกสิ่งที่ไปบนพร้อมกันกับเกวรินทร์ครั้งนั้นเสียงออดห้องของเกวรินทร์ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
"เดี๋ยวฉันโทรไปใหม่นะทรายมีคนเคาะห้องแค่นี้ก่อน"
"โอเค"
แกร๊กกก.. เมื่อเปิดประตูได้สาวเจ้าก็เงยหน้ามองชายร่างสูงด้วยสีหน้าสงสัย"คุณ...มีธุระอะไรคะ?""ฉันแค่จะมาบอกว่าหวังว่าเธอคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรให้ฉันต้องมามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอีกนะเกวรินทร์"นิโคลัสเดินผ่านร่างบางเข้ามาในห้องของเธอก่อนจะทิ้งตัวนั่งไขว่ห้างลงบนโซฟาก่อนจะยื่นคำขาดกับหญิงสาวที่เดินตามมานั่งตรงข้ามกับเขา"เอ่อ...อืม..ค่ะ..น่าจะไม่มีแล้วมั้งคะ"เกวรินทร์เม้มปากกลอกตาไปมาเล็กน้อยก่อนจะรับปากด้วยสีหน้าระรื่นตอนนี้เธอยังไม่มีอะไรให้เขาต้องช่วยจึงยังไม่เอ่ยความจริงอีกข้อ"เตรียมตัวให้พร้อมฉันจะเดินทางในอีกสองวันระหว่างนี้เธอก็ต้องอยู่ที่นี่เพราะฉันขี้เกียจจะตามหาเธออีก""ค่ะ..ฉันจะเชื่อฟังคำสั่งคุณทุกอย่างเลยค่ะคุณเจ้านาย..."หญิงสาวเอ่ยเสียงแหลมด้วยสีหน้าระรื่นเช่นเดิม"อย่าลืมปรับบุคลิกใหม่ด้วยล่ะ...เป็นเลขาฉันต้องน่าเชื่อถือเข้าใจหรือเปล่า"นิโคลัสรู้ว่าเกวรินทร์ยังมีบุคลิกท่าทีคำพูดที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่มากนักเขาจึงต้องสั่งให้เธอปรับตรงนี้เพราะคนที่จะเป็นเลขาติดตามเขาตลอดต้องดูดีและน่าเชื่อถือ"ให้ฉันเป็นเลขาคุณเลยเหรอคะ"สาวเจ้าชะงักงันเบิกตาโพรงคราแรกคิดว่าเขาจะให้เธอทำงานใ
"ฉันขออยู่ตรงนี้ก็ได้คุณไปนอนเถอะอย่าปิดประตูล่ะเปิดประตูเอาไว้ให้ฉันตื่นมาเห็นคุณตลอด...ฉันกลัวเห็นใจฉันเถอะนะคะ"สาวเจ้ามองหน้าเจ้าของห้องด้วยสายตาอ้อนวอน"เกวรินทร์!"นิโคลัสเสียงแข็งใส่หญิงสาวอีกรอบ"นะคะ..ฉันไหว้ล่ะ"เธอยกมือไหว้คนตรงหน้าที่กำลังทำหน้าดุประหงกๆดูซิว่าเขาจะใจดำกับเธออีกได้หรือเปล่า"เฮ้อ...อย่ากวนฉันอีกละกัน"นิโคลัสเงยหน้ากรอกสายตามองบนก่อนจะเดินเข้าห้องนอนตัวเองไปเขาแง้มประตูเอาไว้ตามที่หญิงสาวบอกและกำชับกับเธออีกครั้งว่าห้ามกวนเขาอีกหากจะนอนที่นี่"ค่ะ..ขอบคุณนะคะ"สาวเจ้ายิ้มร่าและแล้วลูกอ้อนของเธอก็ทำให้เขาใจอ่อนจนได้ชั่วโมงต่อมา"หึ่.."นิโคลัสเดินถือผ้านวมอีกผืนออกมาจากห้องนอนเขาสบถในลำคอเล็กน้อยเมื่อเห็นร่างบางนอนขดตัวอยู่บนโซฟาเขาคิดไม่ผิดว่าเธอคงต้องนอนหนาวเป็นแน่เพราะเขาเปิดแอร์ต่ำกว่า20องศาคนไทยอย่างเธอคงรู้สึกไม่โอเคเท่าไรแต่สำหรับเขาอากาศกำลังสบายนิโคลัสค่อยๆห่มผ้าให้เกวรินทร์ก่อนจะยืนเท้าเอวมองหน้าหญิงสาวที่หลับตาพริ้มครู่หนึ่งพรางคิดในใจว่าวันข้างหน้าเธอจะมีเรื่องอะไรให้เขาปวดหัวอีกหรือเปล่าก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไปพักผ่อนเช้าวันต่อมา "อืม...ก็ใจ
"เอกสารฝากให้บอสด้วย"ระหว่างที่สองสาวนั่งคุยหัวร่อต่อกระซิกกันอยู่เอเลน่าเซลสาวสวยเซ็กซี่ประจำออฟฟิศก็เดินเอาเอกสารมากองตรงหน้าของเกวรินทร์บนโต๊ะของนุดีด้วยสีหน้าที่ไม่เป็นมิตรเกวรินทร์พอจะมองออกว่าเอเลน่าไม่ชอบหน้าเธอตั้งแต่แรกพบแต่เธอก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรดีที่เธอและเอเลน่าไม่ได้ติดต่องานอะไรกันมากนักจึงไม่น่าอึดอัดเท่าไร"เอกสารอะไรเหรอคะ?"หญิงสาวแม้นจะรู้ว่าเอเลน่าไม่ชอบแต่ก็ยังคุยกับอีกฝ่ายด้วยสีหน้าที่เปื้อนด้วยรอยยิ้มทุกครั้ง"อ่านเอาสิฉันว่าเธอน่าจะมีสมองนะ"ว่าจบเอเลน่าสาวสวยในชุดเดรสรัดรูปสีดำสั้นจนแทบจะเห็นแก้มก้นก็เดินบิดสะโพกออกไป"หืม..."เกวรินทร์มองหน้ากับนุดีด้วยสีหน้าเอือมระอา"อย่าไปใส่ใจเลยเอเลน่านางก็เป็นแบบนี้หวงของทั้งที่ไม่ใช่ของตัวเอง""ของ?..ของอะไรคะ""เอเลน่าเธอชอบบอสทุกคนที่นี่รู้ดีมีบอสน่าจะไม่รู้...ผู้หญิงคนไหนที่ได้ใกล้ชิดกับบอสจะถูกเธอเขม่นใส่ทุกคน"คราแรกนุดีก็ว่าจะไม่พูดแต่เห็นทีคงต้องพูดให้เกวรินทร์รู้ตัวเสียหน่อยไม่อย่างนั้นก็จะสงสัยแบบนี้ต่อไปว่าทำไมเอเลน่าถึงมีทีท่าไม่ค่อยชอบเกวรินทร์แบบนั้น"อ่อ...อย่างนี้นี่เองเกวจะพยายามไม่สนใจเธอละกันนะคะ"เ
18.30 น.RrrrrRrrrrrเกวรินทร์รีบเดินออกมาจากในครัวเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์"มีอะไรคะ"หญิงสาวเห็นว่าเป็นนิโคลัสโทรหาจึงรีบกดรับ"กลับบ้านหรือยัง""กลับมาตั้งแต่ช่วงบ่ายแล้วค่ะ""อืม...ฉันกำลังไปหา""มา..ท..."ตื้ดดยังไม่ทันที่หญิงสาวจะถามว่าเขามีธุระอะไรกับเธอปลายสายก็ตัดไปเสียก่อน"อ้าวนึกจะวางก็วาง"ทำเอาสาวเจ้าถึงเท้าเท้าเอวขมวดคิ้วไม่รู้ว่านิโคลัสจะรีบอะไรขนาดนั้นครู่ต่อมาไม่นานนักนิโคลัสก็ขับรถมาถึงบ้านหอบของพะลุงพะลังมากองไว้ตรงหน้าเกวรินทร์ที่ห้องนั่งเล่น"คุณโอดินไปซื้อของพวกนี้ให้ฉันเหรอคะ?"หญิงสาวเปิดดูแทบทุกถุงเห็นว่าเป็นพวกเครื่องแต่งตัวแม้นเธอจะไม่เคยใช้ของพวกนี้แต่เห็นชื่อแบรนด์ก็พอจะรู้ว่าของทั้งหมดนี่คงแพงน่าดู"อืม..""ชุดนี่ท่าจะแพงๆทั้งนั้นเลยย.. เอ่อ.. คุณจะหักเงินค่าชุดฉันหรือเปล่า"หากนิโคลัสอยากให้เธอใช้ของพวกนี้เธอก็ไม่ปฏิเสธเพียงแค่อยากรู้เท่านั้นว่าเขาจะมาหักเงินเดือนเธอหรือเปล่านี่แหละที่เธอกลัว"บอกว่าให้ก็คือให้""ขอบคุณมากค่ะ...พี่นุดีทำอาหารไทยมาให้ฉันเยอะเลยคุณอยู่กินข้าวเย็นกับฉันนะคะ"เมื่อได้ยินคำตอบที่ตรงใจสาวเจ้าก็ยิ้มหน้าบานก่อนจะชวนชายหนุ่มท
"ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงได้สื่อกับเธอได้แต่เมื่อฉันสื่อกับเธอได้..ช่วยฉันเถอะนะถ้าคดีถูกตัดสินไปในทางที่ถูกฉันจะได้ไปสบายเสียทีไม่ต้องมาเร่ร่อนอยู่แบบนี้"ที่ณดายังไปไหนไม่ได้เพราะเธอยังไม่ได้รับความยุติธรรมเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมดวงจิตของเธอถึงได้สื่อสารกับเกวรินทร์ได้คนเดียวทั้งที่ก่อนหน้าพยายามติดต่อกับน้องสาวเธอแต่ไม่เป็นผล"ฉันขอทำใจสักแปปนะคะ"เกวรินทร์ได้ยินเรื่องเลวร้ายที่ณดาเจอเธอก็นึกโกรธแทนหญิงสาวแต่ตอนนี้หากจะให้เธอมีสมาธิคงต้องรอให้เธอตั้งสติอีกสักเดี๋ยวครู่ต่อมาตอนนี้ณดากำลังทำให้เกวรินทร์เห็นภาพและรับรู้ความรู้สึกของณดาขณะนั้นได้เกวรินทร์เห็นผู้ชายต่างชาติคนหนึ่งกำลังดึงณดามาที่สระว่ายน้ำหน้าบ้านหลังใหญ่ในตอนกลางคืน"คุณจะทำอะไร"ณดาพูดกับผู้ชายคนนั้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้นความรู้สึกเจ็บปวดเสียใจของณดาทำเกวรินทร์ร้องให้ออกมาในตอนนี้ด้วยเช่นกัน"ฉันบอกให้เธอเอาเด็กในท้องออกไง"ผู้ชายต่างชาติคนนั้นเขาตวาดใส่ณดาจนเธอสะดุ้งตัวโยน"ไม่..ถ้าคุณไม่ต้องการฉันก็จะเลี้ยงเค้าเอง"เพี๊ยะ"อ๊ายยย.."ณดาถูกตบฉาดใหญ่จนเธอล้มไปกองอยู่ข้างสระน้ำ"พูดดีๆไม่รู้เรื่องใช่
วันต่อมาวันนี้เป็นวันทำงานเริ่มแรกของสัปดาห์เกวรินทร์ที่มาถึงบริษัทตั้งแต่เช้าเธอก็มานั่งทำงานของเธอตามปกติที่โต๊ะทำงานหน้าห้องของนิโคลัสแต่ดูเหมือนหญิงสาวจะถูกจับตามองจากคนในบริษัทเป็นพิเศษเพราะเธอเล่นสวมใส่เสื้อผ้ารองเท้ากระเป๋าและเครื่องประดับที่เป็นแบรนด์เนมราคาแพงทั้งตัวทั้งที่พึ่งจะเริ่มทำงานได้เพียงเดือนเดียวแต่ดูท่าหญิงสาวจะไม่ได้รู้ตัวว่าคนจะจับสังเกตเรื่องนี้เพราะในหัวตอนนี้มีแต่งานด้วยไม่อยากให้นิโคลัสดุอะไรเธออีกจึงต้องใส่ใจกับรายละเอียดของงานเป็นพิเศษไม่ให้ขาดตกบกพร่องอะไรไป"มาดูแม่เลขาบอสสิ""ทำไม"เฮลี่ย์เซลสาวเพื่อนรักกับเอเลน่าเห็นเอเลน่าเดินเข้ามาในออฟฟิศก็รีบดึงมือเพื่อนสาวเธอแกล้งเดินผ่านหน้าโต๊ะทำงานของเกวรินทร์"ดูแม่นั่นแต่งตัวสิ...เนื้อตัวคอลเลคชั่นใหมทั้งนั้นพึ่งเริ่มทำงานจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อนักหนาถ้าไม่มีใครให้"เฮลี่ย์เดินพาเอเลน่ามาถึงตรงหน้าโต๊ะทำงานของเกวรินทร์เธอก็กระซิบกระซาบกับเอเลน่าด้วยความอิจฉาตาร้อนแต่ดูเกวรินทร์จะไม่รู้ตัวเพราะมัวแต่หันหลังเก็บแยกอกสารที่ตู้หลังโต๊ะทำงานเอเลน่าเห็นชุดที่เกวรินทร์ใส่แวบแรกเธอก็รู้ได้ทันทีว่าชุดที่หญิงสาวใส่เป
"คุณ..โอลิเวอร์ใช่หรือเปล่าคะ?"เมื่อพาแขกทั้งสองเข้าห้องมาได้เกวรินทร์ก็ตัดสินใจเอ่ยทักกับนิโคลัสน้ำเสียงค่อนข้างแข็งเพราะอยากจะได้คำตอบจากปากนิโคลัสว่าจะตอบอย่างไรหากเธอพูดถึงเรื่องของณดา"ครับผมโอลิเวอร์ยินดีที่ได้.. "โอลิเวอร์ยื่นมือมาทักทายเกวรินทร์เขาทระนงตัวคิดว่าเกวรินทร์น่าจะอยากสานสัมพันธ์ด้วยและเขาเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธอะไร"คุณรู้จักคุณณดาหรือเปล่าคะ"เกวรินทร์โพร่งถามโอลิเวอร์ขณะที่เขายังพูดไม่จบประโยคทำเอาเดฟและโอลิเวอร์ต่างก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก"ณดาเธอเคยเป็นพนักงานในบริษัทของผมแต่เธอเสียไปได้สองปีแล้วคุณถามทำไมเหรอครับ"โอลิเวอร์พยายามปั้นหน้ายิ้มไม่กระโตกกระตากเพราะเขายังไม่รู่ว่าที่หญิงสาวถามหาณดากับเขาต้องการอะไรกันแน่"เธอเสียเพราะอะไรเหรอคะ""อุบัติเหตุระหว่างทำงานน่ะครับ""โกหก...คุณนั่นแหละที่เป็นคนฆ่าเธอ"เกวรินทร์ได้ยินคำตอบของโอลิเวอร์เธอถึงกับฟิวส์ขาดชี้หน้าตะคอกใส่โอลิเวอร์จนตอนนี้มั้งเดฟและโอลิเวอร์มีท่าทางไม่พอใจหญิงสาวอย่างมากและตกใจมากไปในคราเดียวกันที่ไม่รู้ว่าหญิงสาวตรงหน้ารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร"กรุณาให้เกียรตินายผมด้วยเค้าไม่ใช่เพื้อ
เมื่อใกล้เวลาเลิกงานในวันสุดสัปดาห์เกวรินทร์เอาเวลาว่างที่กำลังจะเลิกงานนี้มานั่งปรึกษากับนุดีเรื่องแผนที่จะบุกไปที่บ้านของโอลิเวอร์"พรุ่งนี้เกวจะไปที่บ้านโอลิเวอร์ค่ะ""เอาจริงเหรอเกวพี่คิดไปคิดมามันจะไม่ปลอดภัยนะ...เราลองปรึกษาคนที่น่าจะปรึกษาได้ก่อนดีไหม"นุดีค้นหาประวัติโอลิเวอร์มาทั้งอาทิตย์เธอรู้สึกว่าเขาค่อนข้างน่ากลัวและค่อนข้างมีอิทธิพลเธอจึงเห็นว่าหากการที่เกวรินทร์จะทำเช่นนั้นมันดูเสี่ยงเกินไป"ไม่ต้องปรึกษาใครแล้วค่ะ...เกวคิดแผนมาแล้วเชื่อใจเกวนะคะพี่นุดี"เกวรินทร์ส่ายหัวหงึกหงักเธอคิดแผนนี้มาได้สองสามวันแล้วและคิดว่ามันน่าจะได้ผลอีกอย่างหากไปขอคำปรึกษาจากคนอื่นก็ต้องเล่าเรื่องเหนือธรรมชาติที่เธอเจอแล้วคนที่รับฟังคงจะเชื่อยากอีกเช่นเคยดังนั้ครั้งนี้เธอลงมือเองจะดีกว่า"เอ่อ..ก็ได้""พี่นุดีพอจะรู้หรือเปล่าคะว่าโอลิเวอร์ชอบติดต่อกับบอสเราเรื่องอะไร""เห็นว่าน่าจะเป็นเรื่องที่ของบอสที่โอลิเวอร์อยากได้ไปสร้างคาสิโนนะเห็นมาติดต่อหลายครั้งแล้วแต่บอสไม่ยอมซะที""อ่อ..เกวจะเก็บเป็นข้อมูลไว้ค่ะ"เกวรินทร์ดูมั่นใจเต็มร้อยผิดกับนุดีที่ยังกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่อย่างไรเธอก็คงจะป