"ทำไม...รักฉันไม่ใช่หรือไง"
นิโคลัสรีบรัดร่างบางมากอดเอาไว้ก่อนที่จะก่ายกระซิบข้างใบหน้านวลด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
"...การที่ฉันบอกรักไม่ใช่ว่าฉันจะง่ายกับคุณที่ยังไม่ได้รักฉันตอบนะ"
"ใครบอกว่าฉันไม่ได้รักเธอ...ยัยเด็กบ้าเอ้ย..ฉันต้องวุ่นวายใจก็เพราะเธอ"
"คุณนิค...จ...จริงเหรอคะ"
ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจที่ได้ยินคำว่ารักจากปากของคนที่เธอมีใจให้เขา
นิโคลัสพยักหน้าเบาๆทั้งรวบรัดร่างบางบดจูบให้ชื่นใจอีกรอบ
"อื้อ..."
คนตัวโตที่กำลังมีอารมณ์รักพลุ่งพล่านอีกรอบในรอบหลายปีเขาผละริมฝีปากออกมามองหน้าหญิงสาวด้วยสายตาหยาดเยิ้มไม่ได้อยากหยุดการกระทำแม้นแต่วินาทีเดียวแต่เห็นว่าคนอ่อนประสปการณ์กำลังหายใจไม่ออกจึงจำใจต้องหยุดให้เธอได้สูดอากาศเข้าปอด
ฟู่วว..หายใจไม่ออก"
"ฉันว่าต้องสอนกันอีกเยอะ"
"อื้อ.."
เมื่อเห็นหญิงสาวได้ออกซิเจนพอประมาณแล้วนิโคลัสก็รีบอุ้มร่างบางเข้าห้องนอนค่อยๆวางร่างบางนอนราบกับฟูกประสานมือทั้งสองของเขากับมือเรียวของหญิงสาวเขาบดจูบดูดดึงริมฝีปางบางด้วยความนุ่มนวลอีกรอบค่อยๆสอดส่ายลิ้นร้ายตวัดฉกชิมความหวานเป็นระยะ
จนตอนนี้หญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างคนตัวโตรู้สึกถึงอารมณ์แห่งความสุขที่แปลกใหม่ที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนแม้จะหายใจติดขัดบ้างเป็นบางเวลา
ไม่นานนักนิโคลัสก็ใช้ชั่วโมงบินที่เหนือกว่าเล้าโลมหญิงสาวให้มีอารมณ์รักประทุตามเขาไปได้และแล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ได้เกิดขึ้นอย่างนุ่มนวลในคราแรกและเริ่มร้อนระอุในเวลาต่อมาจวบจนแทบฟ้าสางกว่านิโคลัสปล่อยให้ร่างบางได้เป็นอิสระ
วันต่อมา
ปาไปเกือบเที่ยงที่ทั้งสองพึ่งจะตื่นหนำซ้ำหญิงสาวท่าจะมีไข้อ่อนๆและระบมไปทั้งตัวเพราะพิษจากบทรักของนิโคลัสเมื่อคืน
"ฉันปวดไปทั้งตัวเลยค่ะ"
หญิงสาวนอนบ่นอี้อยู่บนฟูกเพราะรู้สึกระบมไปทั้งตัวโดยเฉพาะของสงวนของเธอเพราะเมื่อคืนเป็นครั้งแรกที่เธอมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรัก
"ฉันขอโทษวันหลังฉันจะเบามือ"
นิโคลัสก้มลงจูบหน้าผากหญิงสาวเบาๆคำพูดของเขาทำคนที่หน้ามุ่ยขวยเขินไม่น้อย
“กินนี่ก่อนจะได้กินยา...เธอมีไข้”
นิโคลัสอุ้มร่างบางมานั่งบนตักก่อนจะแกะกล่องข้าวหน้าแซลมอนที่สั่งมาให้หญิงสาวได้ทานก่อนกินยา
“ค่ะ..อืม...เลยเที่ยงแล้วไม่มีใครมาตามเราออกไปข้างนอกเหรอคะ”
“ฉันบอกพวกเค้าแล้วว่าเธอไม่สบาย”
“ค่ะ..คุณนิคคะ”
“หืม..”
“ทำไมถึงต้องไล่ฉันกลับด้วยล่ะคะทั้งที่คุณก็รู้สึกดีๆกับฉัน"
"เพราะรู้สึกดีมากถึงต้องให้กลับไปไง"
"คุณเป็นคนแก่ที่ดูสับสนนะคะ"
คำตอบของนิโคลัสทำเอาสาวเจ้าที่กำลังจะคีบเนื้อแซลมอนเข้าปากต้องวางมือเอาไว้ก่อน
"ฟังฉันให้จบก่อนที่จะว่าฉันแก่...เพราะฉันคิดว่าเธอไม่ได้คิดอะไรกับคนมีอายุอย่างฉัน..ถ้าเธอต้องอยู่ใกล้ฉันนานๆฉันกลัวว่าวันนึงเธอต้องจากไปจะต้องเสียใจมากเพราะฉันไม่ชอบการสูญเสียเท่าไร"
"อย่างนี้นี่เอง...คุณวางใจได้เลยนะคะว่าฉันจะไม่หนีคุณไปไหนแน่นอน"
"ตอนนี้ฉันก็ไม่ยอมปล่อยให้เธอไปไหนแล้วล่ะ"
ว่าจบก็รวบกอดร่างบางเอาไว้หลวมๆดูเหมือนกับว่าตอนนี้ชีวิตของนิโคลัสเริ่มมีชีวิตชีวากระชุ่มกระชวยหัวใจอีกครั้ง
ตั้งแต่นิโคลัสและเกวรินทร์เผยความในใจกันได้ทั้งสองก็ดูจะเป็นคู่รักที่หวานกันเป็นพิเศษเรียกได้ว่านุดีกับแดเนียลยังยอมในความหวานของทั้งคู่เลย
เดือนต่อมา
"หนูกลับมาแล้วจ้าาา..."
เกวรินทร์มาถึงบ้านสวนพร้อมนิโคลัสในช่วงเย็นเมื่อมาถึงสาวเจ้าก็วิ่งโล่เข้ามากระโดดกอดทุกคนที่รอต้อนรับ
"สวัสดีทุกคนครับครับ"
นิโคลัสเดินถือกระเป๋าใบใหญ่ลงมาจากรถหรูรีบเดินตามหญิงสาวมาสวัสดีทุกคน
"เอาของไปเก็บในห้องก่อนเถอะคุณนิค"
มาลีรับไหว้นิโคลัสและเชิญให้เขาเอาของไปเก็บจะได้ลงมานั่งทานข้าวเย็นกันเพราะวันนี้เธอกับทองม้วนทำอาหารต้อนรับทั้งสองไว้หลายอย่างเลย
หลังจากทักทายกันครู่หนึ่งทุกคนก็มานั่งล้อมวงทานข้าวกันที่แคร่ไม้ตัวเดิม
"คิดถึงจังเลยลูก..หลานย่าดูผอมไปเยอะเลยนะ"
"ก็ที่โน่นไม่มีกับข้าวฝีมือย่านี่จ้ะ"
"ปากเรานี่นะแล้วจะไม่ให้ย่าคิดถึงได้ยังไง"
ทุกคนต่างก็อมยิ้มเมื่อย่าหลานเค้าออดอ้อนออเซาะกันกลางวงอาหารเย็น
นิโคลัสเห็นเกวรินทร์อารมณ์ดีเขาก็พลอยอารมณ์ดีไปด้วย
"มีแต่ของโปรดหนูทั้งนั้นเลย"
เกวรินทร์ออดอ้อนคนเป็นย่าเสร็จก็ลงมือตักกับข้าวใส่จานนั่งเคี้ยวตุ้ยๆอย่างอารมณ์ดีเพราะคิดถึงอาหารรสมือของคนที่บ้านมานานแล้ว
"พ่อนิคลองนี่สิไก่ตุ๋นเนื้อนุ่มกำลังดีเลยนะ"
ทองม้วนตักน่องไก่ใส่จานของนิโคลัสเพราะเธอเห็นว่ากับข้าวถวยนี้ท่าจะรสชาติถูกปากฝรั่งอย่างหลานเขยเธอสุดแล้ว
"ขอบคุณครับ...ผมว่ามัน...อืม.."
ยังไม่ทันที่อาหารในช้อนจะเข้าปากนิโคลัสก็รู้สึกว่าไก่ค่อนข้างคาวจนเขาผะอืดผะอมต้องรีบวิ่งไปอาเจียนที่โคนต้นไม้ใหญ่
"อ้าวคุณนิค"
เกวรินทร์รีบตามมาดูอาการสามีเธออย่างรวดเร็วด้วยไม่เคยเห็นนิโคลัสเป็นแบบนี้มาก่อนจึงตกใจ
ทองม้วนพนาและมาลีต่างก็กรูกันเข้ามาดูอาการยิโคลัสด้วยความเป็นห่วง
"เราเป็นโรคกระเพาะหรือเปล่า"
"เปล่าครับ"
ทองม้วนยืนเท้าเอวสังเกตอาการของนิโคลัสเหมือนกับคนเป็นโรคกระเพาะแต่หากไม่ใช่อาการอย่างนี้เห็นท่าจะเหมือนอาการแพ้ท้อง
"อืม...แล้วนี่ได้กันยัง"
ในบ้านนี้ไม่มีใครพูดตรงได้เท่ากับทองม้วนอีกแล้วสิ้นคำถามของหญิงชราทุกคนต่างก็มองหน้ากันอย่างขวยเขินนิโคลัสเองก็ลำยากใจจะตอบเช่นกัน
"อ..เอ่อ.."
"ย่า..."
เกวรินทร์ยืนบิดเอวแทบขาดเสียแล้วตอนนี้
"แม่ก็ถามอะไรเจ้าเกวอย่างนั้นเล่า"
พนาเกาหัวแกรกๆไม่คิดว่าแม่เขาจะโพร่งมาตรงๆแบบนี้เหมือนกัน
"ก็ที่ถามเพราะอาการที่พ่อนิคเป็นมันเหมือนแพ้ท้องแทนเมีย..เหมือนเอ็งไงไอ้ทิต"
"อ่อ...จริงด้วยตอนนั้นยังจำได้ว่าฉันกินอะไรไม่ได้เป็นเดือนๆ"
พนานึกขึ้นได้ว่าตอนนั้นที่มาลีท้องเกวรินทร์เขาก็มีอาการแบบนี้เช่นกันยอมรับว่าทรมานมากพอสมควร
"อืม..รอบเดือนมายัง"
"เอ่อ..ย..ยังจ่ะ"
"นั่นไงว่าแล้ว...ตอนแรกทำเป็นไม่อยากจะแต่งกลับมาท้องเลยเป็นไง"
ทองม้วนเอ่ยเย้าหยอกหลานเขยเธอเล่นแม้นทั้งสองจะไม่ได้ตอบอะไรเรื่องความสัมพันธ์แต่เธอก็เดาออกว่ามันไปทิศทางไหนหากไม่ใช่อย่างที่เธอว่าทั้งสองคงแย้งไปแล้ว
"ยังไม่ได้ตรวจเลยย่า""ตอนนั้นพ่อเราก็อย่างนี้แหละอีหนู...ย่าว่าต้องท้องแล้วล่ะ"ทองม้วนค่อนข้างมั่นใจนิโคลัสเองก็ยืนยิ้มแก้มปริเมื่อรู้ตัวส่ากำลังมีทายาทกับคนที่ตัวเองรักส่วนเกวรินทร์คิดไปคิดมาเธอก็ไม่เจอเรื่องแปลกมาเป็นเดือนกว่าแล้วเหมือนกันคงจะจริงอย่างที่ย่าเธอว่าตอนนี้เธอมีลูกกับนิโคลัสอย่างที่อยากมีแล้วจริงๆ"เค้าเป็นยังไงล่ะลูกถึงไปตกหลุมรักเค้าได้"หลังมื้อเย็นมาลีและเกวรินทร์ก็ช่วยกันล้างถ้วยล้างชามเวลานี้มาลีจึงได้โอกาสถามไถ่เรื่องความรักของลูกสาวเธอด้วยอยากรู้เหมือนกันว่าลูกเธอไปรักไปชอบคนมีอายุรุ่นราวคราวพ่ออย่างนิโคลัสได้อย่างไร"ตอนแรกก็ดูดุจนน่ากลัวแต่พอรู้จักจริงๆเค้าอบอุ่นมากเลยจ่ะแม่...ขี้บ่นนิดหน่อยแต่มีปัญหาทีไรเป็นเค้าที่ช่วยเหลือหนูทุกครั้ง""อืม... เห็นลูกสาวแม่มีความสุขแบบนี้แม่ก็ดีใจ"มาลีเห็นลูกสาวเธอพูดถึงนิโคลัสไปยิ้มไปก็รีบรู้ได้ว่าลูกเธอคงมีความสุขที่จะรักนิโคลัสจริงๆไม่ใช่เพียงแค่ผูกพันธ์เพราะความใกล้ชิดเท่านั้นเธอรู้อย่างนี้ก็ค่อยโล่งใจที่เกวรินทร์ไม่ได้รู้สึกแค่ชั่ววูบส่วนนิโคลัสมาลีก็วางใจที่เขาเป็นคนดูแลลูกของเธอเพราะนิโคลัสเป็นผู้ใหญ่มีวุฒิภาวะและ
จันทบุรีสวนไพรวัลย์บ้านสวนไพรวัลย์เป็นที่ของไพรวัลย์และทองม้วนปู่และย่าของเกวรินทร์ซึ่งหลังจากที่ไพรวัลย์เสียเมื่อหลายสิบปีก่อนมาลีและพนาก็มาบริหารต่อเรื่อยมาสวนนี้มีอาณาเขตกว้างขวางมีทั้งสวนเงาะลำใยทุเรียนและทุกคนก็อาศัยกันอยู่ในสวนนี้ด้วยบ้านที่พนามาลีและทองม้วนอาศัยอยู่เป็นบ้านเรือนไทยโบราณที่ปลูกตั้งแต่สมัยไพรวัลย์และมาลีพึ่งแต่งงานกันใหม่ๆจวบจนถึงตอนนี้ก็หลายสิบปีแล้วบ้านหลังนี้เป็นบ้านเรือนไทยหลังค่อนข้างใหญ่โตเมื่อก่อนเป็นใต้ถุนโล่งแต่พอทองม้วนแก่ตัวเข้าพนาก็ต่อเติมห้องหับที่ชั้นล่างแถบหลังบ้านเพื่อที่ทองม้วนจะได้ไม่ต้องขึ้นลงบันไดให้ลำบากส่วนพนาและมาลีเองก็ย้ายมานอนกันข้างล่างเช่นกันเพราะสะดวกกว่าอยู่ข้างบนมากตอนนี้ห้องนอนชั้นบนเห็นจะมีแค่ห้องของเกวรินทร์เท่านั้น"ทำไมฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย"เสียงบ่นพึงพำของเกวรินทร์หญิงสาวหน้าสวยวัย21ย่าง22ปีเธอพึ่งเรียนจบบริหารหมาดๆจากมหาลัยในกรุงเทพมหานครหญิงสาวเป็นคนผอมแห้งสูง160 ผิวสีน้ำผึ้งใบหน้ากลมแก้มป่องผมสีน้ำตาลเข้มหยักศกยาวถึงกลางหลังคิ้วบางได้รูปตากลมหางตาเฉี่ยวเหมือนลูกแมวจมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากบางเป็นกระจับตอนนี
วัดxxมาลีและทองม้วนพาเกวรินทร์มาวัดที่ไม่ไกลจากบ้านเท่าไรนักเมื่อมาถึงก็รีบพึ่งไปที่กุฏิหลวงตาแม้นหลวงตาที่มีเมตตาสูงและช่วยเหลือคนมามากหลังจากที่พนาตามหลวงตาออกมาจากกุฏิให้ออกมาดูลูกสาวตนได้หลวงตาก็นั่งมองเกวรินทร์อยู่ครู่หนึ่งจึงเอ่ยออกมาเสียงอ่อนตัวท่านเองไม่สามารถแก้ไขอะไรให้ได้เพราะตัวเกวรินทร์เป็นคนผูกยังไงก็ต้องเป็นคนแก้ตอนนี้ตัวท่านทำได้แค่แนะแนวทางเท่านั้น"อืม..รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับท่านเดี๋ยวก็หาย"เกวรินทร์นั่งน้ำตาไหลเพราะที่เธอเป็นแบบนี้คงเป็นเพราะคำที่เธอบนบานเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน"หมายความว่ายังไงคะ"มาลีมองลูกสาวตนอย่างไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะเงยหน้าถามหลวงตาด้วยน้ำเสียงร้อนใจ"ลูกโยมไปบนบานไว้ผลสำเร็จขึ้นแล้วแต่ยังไม่ได้แก้บน""ฉันว่าแล้วเชียว...เราไปบนอะไรไว้ล่ะอีหนู"สิ้นเสียงหลวงตาแม้นทองม้วนก็ตบเข่าฉาดเพราะเธอนั้นคิดไม่ผิดว่าสิ่งที่หลานเธอเป็นก็เป็นเพราะเรื่องเล้นลับหลังจากนี้ก็แค่ให้หลานสาวเธอแก้บนเสียก็จบเรื่อง"แล้วเราบนอะไรไว้จะได้แก้"มาลีเอ่ยถามลูกสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ"เขียนให้แม่กับย่าเรารับรู้นะโยม"หลวงตาแม้นยื่นปากกากับกระดาษวางให้เกวรินทร์ได้หยิบ เกวรินทร์
"แล้วนี่จะคุยกับเค้ายังไงล่ะเค้าพูดไทยได้ใช่หรือเปล่า""ได้จ่ะพ่อ""..เอาเบอเจ้านายเรามาเดี๋ยวพ่อโทรคุยเอง"พนารู้ว่าเจ้านายลูกสาวตนที่เป็นต่างชาติพูดไทยได้จึงอยากจะเจรจากับอีกฝ่ายเอง"แล้วเค้ามีลูกมีเมียหรือเปล่า..."มาลีลืมคิดเรื่องนี้ไปเสียสนิทมัวแต่อยากให้ลูกตัวเองหายไวๆเพราะถ้าหากผู้ชายคนนั้นมีลูกมีเมียแล้วคงเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจน่าดู"ไม่มีจ่ะแม่...เดี๋ยวหนูติดต่อบอกเรื่องนี้กับเค้าเองจ่ะพ่อ"เกวรินทร์รีบส่ายหัวก่อนจะรีบเขียนบอกพ่อกับแม่ตนว่าเธอจะติดต่อกับเจ้านายเธอเอง"งั้นก็ให้มันเร็วๆล่ะปล่อยไปแบบนี้จะไม่ดีกับตัวเรา"พนาเห็นว่าลูกสาวตนจะจัดการเองก็ไม่ขัดอะไรเพียงแค่อยากให้อีกฝ่ายรับรู้โดยไวเพราะหากปล่อยเวลาผ่านไปไม่รู้ว่าลูกเขาจะเจออะไรบ้าง 20.30น.ค่ำคืนนี้ในบ้านสวนเงียบเชียบไม่มีเสียงผู้คนเสียงหรีดหริ่งเรไรที่เคยร้องอยู่ทุกคืนก็เงียบสนิทจนผิดปกติจนเกวลินที่นอนอยู่ในห้องถึงกับรู้สึกวังเวงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนแต่เธอก็พยายามสลัดความรู้สึกผิดปกติออกจากหัวสมองและทำการพยายามนั่งแหกปากเปล่งเสียงให้ออกมาให้ได้นานสองนานที่เธอนั่งพยายามอยู่แบบนั้นแต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลสำเร็จเล
“อีกประมาณสองกิโลครับนาย”ลูคัสมือขวาคนสนิทวัยสามสิบกว่าๆนั่งอยู่ข้างๆโอดินมือซ้ายของนิโคลัสที่กำลังขับรถเขาหันกลับมาบอกคนเป็นนายพร้อมชูมือถือที่กำลังเปิดจีพีเอส“อืม..”นิโคลัสตอบกลับพร้อมพยักหน้าเบาๆด้วยน้ำเสียงทุ้มในลำคอก่อนจะเปรยสายตาหันมองข้างทางที่ส่วนมากจะมีแต่ป่าแต่สวนเป็นส่วนใหญ่ยิ่งเข้าลึกมามากเท่าไรถนนหนทางก็ค่อนข้างลำบากมากขึ้นเท่านั้นเขาเดาออกว่าถนนหนทางแถวนี้น่าจะใช้เดินทางเข้าไร่เข้าสวนเสียมากจึงไม่ค่อยเจริญเท่าไรนัก นิโคลัสหนุ่มใหญ่วัยเกือบห้าสิบเป็นนักธุรกิจชาวอเมริกาครอบครัวทำธุรกิจเกี่ยวกับปิโตรเลียมแต่เขาให้คนเป็นพี่บริหารธุรกิจนี้เพียงคนเดียวแต่ก็มีปรึกษางานกันกับคนเป็นพี่ที่บริษัทบ่อยๆส่วนธุรกิจของตัวเขาเองก็คือการทำอสังหาโรงแรมบ้านพักต่างๆนิโคลัสเป็นหนุ่มใหญ่ที่ตอนนี้ยังครองตัวโสดเพราะภรรยาคนที่สองเสียไปด้วยโรคร้ายเมื่อประมาณห้าปีก่อนเขาไม่คิดจะมีใครเพิ่มเพราะไม่อยากจะเสียใจกับการสูญเสียคนรักไปอีกเนื่องจากภรรยาทั้งคนแรกและคนที่สองที่เขาแต่งงานด้วยอยู่กันได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นเธอก็ต้องเป็นโรคร้ายและจากเขาไปในที่สุดแม้นอายุจะเกือบเลขห้าแต่เขาค่อนข้างดูหนุ่
เกวรินทร์พยักหน้าหงึกหงักเป็นคำตอบ“เอ่อ...เราคุยกับเค้าแล้วเหรออีหนูเค้าถึงได้มาที่นี่”ทองม้วนเอ่ยถามหลานสาวเธอด้วยความใจชื้น“เปล่าจ่ะย่า...เค้ามาเอง”“อ้าวเรอะ...แต่ก็ดีแล้ว..มาได้จังหวะเหมาะเจาะพอดีเลย”เมื่อได้เพ่งสายตาอ่านตัวหนังสือที่หลานสาวเขียนก็ใจแป้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้เป็นผลอะไรหากยังไม่รู้วันนี้ชายหนุ่มมาถึงที่นี่แล้วเดี๋ยวก็ได้รู้เอง“สวัสดีทุกคนครับ”นิโคลัสเดินตามพนามายืนต่อหน้าทุกคนดวงตาคมของเขาเหลือบมองไปที่หญิงสาวร่างบางที่นั่งอยู่ข้างคนเป็นแม่ด้วยสายตาคาดโทษก่อนจะยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองที่นั่งอยู่ตรงหน้าลูคัสกับโอดินเองก็ยกมือไหว้ตามเจ้านายตนไปด้วยมาบ้านเมืองของคนอื่นเขาก็ต้องทำตามประเพณีของบ้านเมืองคนอื่นเช่นกัน“นี่มาลีภรรยาผมแม่เจ้าเกวส่วนนี่ก็แม่ผมชื่อทองม้วน...คุณนิโคลัสเค้าจะมารับเจ้าเกวไปทำงาน”พนารีบแนะนำตัวทั้งเมียและแม่ให้นิโคลัสได้รู้จักก่อนจะบอกจุดประสงค์ของนิโคลัสให้ทุกคนได้รับรู้“ก่อนจะไปช่วยอะไรหลานฉันอย่างได้หรือเปล่า”มาลีและทองม้วนรับไหว้ชายทั้งสามและเป็นทองม้วนเองที่เอ่ยปากออกมาถึงเรื่องที่กำลังร้อนรุ่มในใจอยู่ตอนนี้เธออยากจะเจรจาเสียให้มันจบๆหล
"พรุ่งนี้ครับ...พวกผมต้องขอตัวกลับโรงแรมก่อน"นิโคลัสพอจะโล่งใจได้บ้างที่ทองม้วนดูจะถอดใจแล้วตอนนี้เขาก็เห็นว่ามันเย็นมากแล้วจึงถือโอกาสนี้ขอตัวกลับไปที่โรงแรมเสียก่อนที่ฟ้าจะมืด"ถ้าไม่รังเกียจก็นอนเสียที่นี่เถอะนะ..."พนากับมาลีถึงกับมองหน้ากันเพราะรู้ได้แน่ชัดว่าแม่ตนต้องมีแผนการอะไรแน่นอนไม่อย่างนั้นคงไม่ชวนคนแปลกหน้าที่พึ่งเจอนอนที่บ้านนิโคลัสเองก็ชะงักไปครู่หนึ่งอันที่จริงเขาไม่ได้อยากรบกวนอะไรคนที่บ้านนี้แต่คำว่าถ้าไม่รังเกียจของผู้อาวุโสทำให้เขาต้องจำใจทำตามคำขอ"เอ่อ..ก็ได้ครับ"ครู่ต่อมาหลังจากนิโคลัสตกลงที่จะพักที่นี่ทองม้วนและพนาจึงเข้าครัวเพื่อทำอาหารเพิ่มให้กับสามหนุ่ม"แม่จะทำอะไรกันแน่"พนาที่กำลังลงมือผัดข้าวผัดเมนูที่คิดว่าต่างชาติน่าจะทานได้ถูกปากเขาหันมาถามคนเป็นแม่ที่กำลังบดามุนไพรอะไรบางอย่างด้วยรอยยิ้มอ่อน"เอ็งรู้เหรอไอ้ฑิต"ทองม้วนหันมามองหน้าลูกชายเธอด้วยรอยยิ้มเช่นกันทั้งยังเอ่ยเสียงเบาทำท่าลับลมคมใน"ฉันลูกแม่นี่นา""รู้ก็ดีแล้วเอ็งเอาไอ้นี่ไปใส่ในน้ำสามคนนั้นนะ"ว่าจบก็วางสมุนไพรลงบนผ้าขาวบางแล้วบีบผสมน้ำนิดหน่อย"อะไรเหรอแม่"พนาทำสีหน้าแปลกใจเพราะเขาเอ
"นั่นสิจ้ะ...เมื่อไรหนูจะหายจากอาการบ้าๆนี่ซะที"เกวรินทร์เองก็หน้ามุ่ยห่อเหี่ยวหัวใจที่ตนพูดไม่ได้เสียที"อีหนู...เราพูดได้แล้วนี่นา"สิ้นเสียงเกวรินทร์ทุกคนต่างก็เบิกตาโพรงดีใจกันยกใหญ่ทั้งเจ้าตัวเองก็ตกใจและดีใจในคราวเดียวกัน"ได้ผลจริงๆด้วย.."มาลีเข้าไปสวมกอดลูกสาวเธอสีหน้าระรื่น"เย่ๆ..."เกวรินทร์ตื่นเต้นกระโดดไปมาที่เธอกลับมาพูดมีเสียงเสียทีนับว่าคำขอของเธอที่ขอแก้บนข้อเดียวก่อนมันได้ผลเช้าวันต่อมา"พวกคุณทำกับผมแบบนี้ได้ยังไง" เป็นอย่างที่เกวรินทร์คิดเมื่อนิโคลัสตื่นขึ้นมาได้ก็ฏโมโหเอาการที่ถูกมัดมือชกเรื่องเมื่อคืนตอนนี้ทุกคนก็เอาแต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะแก้ตัวคำที่ดีที่สุดก็คือคำว่าขอโทษ"ทุกคนทำก็เพื่อช่วยฉันคุณอย่าโกรธเลยนะคะ...เห็นไหมพอฉันแต่งกับคุณฉันก็พูดได้เลย"เกวรินทร์พยายามทำให้นิโคลัสอารมณ์เย็นลงและบอกให้เขาเชื่อว่าสิ่งที่พวกเธอคิดมันไม่ผิดเรื่องลี้ลับมีจริและที่เธอหายเป็นปกติกลับมามีเสียงได้ก็เพราะเมื่อคืนแต่งงานกับเขา"เรื่องนี้จะไม่มีใครรู้ฉันสัญญา""เฮ้อ.."ชายหนุ่มร่างสูงยืนเท้าเอวปวดหัวหนึบไม่คิดเลยว่าจะมาเสียทีคนที่นี่ได้เขารู้ได้เลยว่านิสัยพิเลนๆของเกวริ