แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตสามีอีก แต่คำพูดของเขาก่อนจากกันวันนั้น ก็ทำให้นัสรินแอบรอคอยการมาของเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ บ่อยครั้งที่เธอมองนาฬิกาสลับกับเงี่ยหูฟังเสียงเคาะประตูห้อง ยิ่งช่วงสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปิดคลินิกของปราณต์ใกล้เข้ามาทีไร เธอก็ยิ่งมองบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น ทว่าการรอคอยของเธอวันแล้ววันเล่าก็ว่างเปล่า นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปราณต์จะมาอย่างที่เขาว่าแต่อย่างใด
ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...นัสรินบอกตัวเองแบบนั้น แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงราวกับต้นไม้ที่ไร้ฝนหลั่งลงมาอาบชโลมเป็นเวลานานก็ไม่ปาน หากกระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเป็นปกติ
หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขึ้นไปนั่งพิงพนักเตียง หยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อให้เสียงโทรทัศน์ดังเป็นเพื่อนยามอยู่คนเดียว เปิดได้ไม่นานก็ต้องหยิบรีโมตอีกรอบเพื่อหรี่เสียง เพราะมีเสียงจากโทรศัพท์มือถือแผดร้องแข่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น นัสรินกดรับสายทันทีเพราะคนที่โทร.มาคือกิตติหัวหน้าของเธอนั่นเอง
“สวัสดีค่ะหัวหน้า”
“ขอโทษนะนัสที่ผมโทร.มาซะดึกเลย แต่พอดีว่าลูกค้าที่เชียงใหม่เพิ่งจะติดต่อมา”
“มีอะไรเหรอคะหัวหน้า” นัสรินถามกลับไปอย่างไม่แน่ใจ ลูกค้าที่เชียงใหม่ตอนนี้ก็มีแค่โรงพยาบาลที่ปราณต์ทำงานอยู่ หรือว่าเขาไม่พอใจอะไรเธอแล้วโทร.ไปแจ้งกับทางบริษัท
“ไม่มีอะไรมากหรอก พอดีหมอที่โน่นอยากจะสั่งซื้อยาไปใช้ที่คลินิกน่ะ ผมก็เลยจะให้นัสไปคุยรายละเอียดกับเขาหน่อย”
คำตอบที่ได้ยินจากปลายสายทำให้นัสรินหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที เพราะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจเป็นปราณต์
“ได้ค่ะหัวหน้า แล้วหมอที่ว่านี่ชื่ออะไรเหรอคะ”
ถามไปแล้วก็รอลุ้นคำตอบว่าจะใช่อดีตสามีหรือเปล่า ปากว่าไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา แต่พอไม่ได้เจอไม่ได้เห็นจริงๆ หัวใจมันก็วูบโหวงจนกลายเป็นกระวนกระวาย
“ชื่อ...หมออรรณพ ผมนัดกับหมอให้พรุ่งนี้ช่วงเย็นๆ นะ ยังไงนัสไปพบหมอที่คลินิกเลย เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไปให้ทางเมล”
“ค่ะ” เสียงหวานได้แต่ตอบรับอย่างสั้นๆ และเบาหวิว บอกไม่ถูกว่าผิดหวังมากเพียงใดที่หมอคนดังกล่าวไม่ได้เป็นหมอปราณต์อย่างที่แอบหวังเอาไว้ในตอนแรก
การสนทนาสั้นๆ กับหัวหน้าจบลงแค่นั้น ร่างบางทอดกายนอนลงบนเตียงอย่างอ้างว้าง พร้อมกับทำใจให้ยอมรับความจริงว่าปราณต์ไม่เคยมีเยื่อใยใดๆ กับเธอมาตั้งแต่ต้น และคงจะไม่มีวันมีตลอดไป
จากเรื่องที่หัวหน้าโทร.มาแจ้งเมื่อวาน เย็นนี้นัสรินจึงมาพบหมออรรณพยังคลินิกของเขาตามที่นัดเอาไว้ หมออรรณพเป็นผู้ชายวัยสี่สิบต้นๆ มีอัธยาศัยดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับนัสริน แม้เขาจะแสดงท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเกินไป จึงไม่ได้ทำให้นัสรินอึดอัดเท่าใดนัก
“เอาเป็นว่าผมตกลงซื้อยาตามลิสต์ที่แจ้งไปเลยนะ” หมออรรณพตอบตกลงอย่างไม่ยากเย็นหลังจากหญิงสาวอธิบายรายละเอียดของยาแต่ละตัวให้ฟัง
“ขอบพระคุณค่ะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้นัสจะเอาสัญญามาให้เซ็นนะคะ”
“โอเคเป็นช่วงเย็นๆ เหมือนเดิมนะ ช่วงกลางวันผมไม่ว่าง”
“ค่ะคุณหมอ”
“แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“งั้นไปหาอะไรทานกันก่อนค่อยกลับ ผมเองก็หิว แถวนี้มีร้านอาหารอร่อยบรรยากาศดีอยู่ร้านหนึ่ง ผมอยากให้คุณนัสรินลองชิม”
“คือนัส...” นัสรินไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรให้ดูไม่น่าเกลียด เพราะหมออรรณพเป็นลูกค้า การปฏิเสธไม่ต่างอะไรกับการตัดไมตรีอันดีที่เธอพึงมี
“หรือว่าคุณมีนัดแล้ว”
“เปล่าค่ะ ไม่มีค่ะ”
“งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง พรุ่งนี้หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จคุณค่อยเลี้ยงผมก็แล้วกัน”
ว่าแล้วหมออรรณพก็เดินนำไปที่รถ นัสรินจะขับรถไปเองหมออรรณพก็ไม่ยอม สุดท้ายเธอจึงต้องได้นั่งรถไปกับเขา นัสรินพยายามบอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป อีกทั้งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทานข้าวกับลูกค้า แม้จะเป็นในเวลาเย็นครั้งแรกก็ตาม
หมออรรณพพามายังร้านอาหารสไตล์ล้านนาซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่ปราณต์เคยพามา นัสรินระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อสมองแวบคิดไปถึงอดีตสามีและเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ร้านในวันนั้นอย่างอดไม่ได้ คงจะมีแต่เธอที่คิดถึงเขา ส่วนเขาคงไม่เคยจะคิด หรือหากจะคิดก็คงคิดถึงแต่เรื่องเลวร้ายที่เธอเคยทำ
ร่างบางนั่งลงเก้าอี้เมื่อหมออรรณพเลื่อนออกให้อย่างที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม และจัดการสั่งอาหารกับพนักงานร้านที่มาคอยรอบริการ เมื่ออาหารมาเขาก็ชวนเธอลงมือทานอาหาร ซึ่งนัสรินพยายามเต็มที่ที่จะยิ้มแย้มทั้งๆ ที่ไม่อยากอยู่ในร้านนี้เลยสักนิด
“ผมดูว่าคุณเกร็งๆ นะ ผมทำอะไรให้กลัวหรือเปล่า” หมออรรณพถามอย่างคนช่างสังเกต แม้ว่าหญิงสาวพยายามจะปกปิดท่าทีของตัวเองเพียงใดก็ตาม
“เปล่าค่ะ นัสแค่เกรงใจคุณหมอที่สั่งอาหารมาตั้งเยอะ แต่นัสกลับกินนิดได้เดียวเองค่ะ” นัสรินบอกออกไปอย่างไม่ตรงกับความรู้สึกตอนนี้เลยสักนิด
“ควบคุมอาหารแบบนี้นี่เองถึงได้หุ่นดี แต่ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ทานได้เลย ทานไม่หมดก็ให้พนักงานร้านห่อกลับบ้าน”
“หมอใจดีจังนะคะ”
“แน่นอน...คนเป็นหมอต้องใจดีอยู่แล้ว”
ไม่จริงเลยสักนิด...หมอบางคนก็ไม่ได้ใจดีแบบนี้ นัสรินได้แต่เถียงอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เธอยิ้มและพยักหน้านิดๆ เป็นเชิงขอบคุณเมื่อหมออรรณพตักอาหารใส่จานให้ มือเล็กทั้งสองข้างจับช้อนและส้อมเพื่อลงมือรับประทานอาหาร แต่ช้อนกับส้อมก็ถูกจับค้างไว้เช่นนั้น เมื่อตาเหลือบไปเห็นคนสองคนที่กำลังเดินผ่านประตูร้านเข้ามาข้างใน
ด้วยอากัปกิริยาของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้าม ทำให้หมออรรณพหันไปมองอย่างเป็นอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าทั้งสองเป็นหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็ผงกหัวเป็นเชิงทักทาย ปราณต์และหมอเมธาวีจึงเดินตรงมายังโต๊ะที่หมออรรณพกับนัสรินนั่งอยู่
บทที่ 24นัสรินสบตากับตาคมของอดีตสามีครู่หนึ่ง เธอเห็นแววแปลกใจปรากฏอยู่บนดวงตาคมของเขา แต่ก็แค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิม หญิงสาวจึงเสไปมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างปราณต์พร้อมกับที่หัวใจเกิดอาการแกว่งไหว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ปราณต์ควงมานั้นสวยสง่าเพียงใด เพราะอย่างนี้เองกระมังเขาถึงไม่ได้ไปหาเธออย่างที่บอกเอาไว้ ขณะที่เธอก็บ้าพอที่จะรอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ“สวัสดีครับหมออรรณพ” ปราณต์ทักทายหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกับนัสรินมาก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกับคอแข็ง“สวัสดีครับหมอปราณต์/หมอเมย์”“หมอไม่ได้มากับภรรยาเหรอครับ”แม้คำถามนั้นจะดูเหมือนธรรมดา หากแต่นัสรินฟังว่าปราณต์จงใจถามเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่าหมออรรณพมีภรรยาแล้ว และเธอกำลังนั่งทานข้าวกับสามีคนอื่นอยู่“เปล่า...นี่คุณนัสรินเป็นตัวแทนจากบริษัทยาที่จะจำหน่ายให้คลินิกของผม”“อ้อ...คนขาย...ยา”ดูเหมือนว่าคนฟังอย่างหมออรรณพและหมอเมธาวีจะไม่สะดุดหูกับคำพูดของปราณต์ที่จงใจพูดเว้นคำ แต่นัสรินเผลอมองคนพูดตาขุ่น“อย่ามัวแต่แซวผมเลย แล้วนี่หมอกับหมอเมย์มาเดตกันเหรอ” หมออรรณพสัพยอกกลับอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร
บทที่ 25นัสรินขับรถไปยังร้านอาหารร้านเดิม เพราะตอนที่หมออรรณพขับรถกลับมาส่งเมื่อวาน เขานัดเธอว่าให้ไปเจอที่นั่น เพื่อแก้มือที่เมื่อวานทั้งเธอทั้งเขาแทบจะยังไม่ได้ทานอาหารที่สั่งมาเลย เธอไปถึงก่อนเวลานัดเช่นเดียวกับทุกครั้งที่นัดลูกค้าคนอื่นๆ วันนี้คนในร้านค่อนข้างหนาตา นัสรินจึงไม่มีโอกาสเลือกมุมที่จะนั่ง เธอได้นั่งโต๊ะว่างตรงบริเวณกลางร้าน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะสิ่งที่คิดตอนนี้คือมาทำงาน จะนั่งตรงไหนมุมไหนจึงไม่ได้สำคัญอะไร หญิงสาวจัดการสั่งอาหารและบอกให้พนักงานนำมาเสิร์ฟตอนที่หมออรรณพมาแล้ว รอไม่นานนักหมออรรณพก็มา เขาเอ่ยทักทายและนั่งลงฝั่งตรงข้าม จากนั้นนัสรินก็ส่งเอกสารให้เขาเซ็น หมออรรณพเซ็นอย่างไม่ได้ลีลาท่ามากเหมือนใครบางคน เธอเก็บเอกสารไว้ชุดหนึ่งและให้หมออรรณพเก็บไว้ชุดหนึ่งเป็นคู่สัญญาพนักงานร้านเริ่มทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟและทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหารโดยไม่มีอะไรขัดเหมือนเมื่อวาน “คุณหมอคะ เดี๋ยวนัสขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เธออยากออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพักด้วย เพราะวันนี้หมออรรณพเหมือนจะ
บทที่ 26 หมออรรณพทำท่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อนัสรินเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนเหมือนเช่นเมื่อวาน เขารู้แน่แล้วว่าหญิงสาวที่สวยซ่อนเปรี้ยวผู้นี้คงไม่เล่นด้วยง่ายๆ แม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาส ดังนั้นช่วงนี้เขาเองก็จะไปหาคนที่เต็มใจฆ่าเวลาไปก่อน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังเป็นประเด็นกับผู้ชายสองคน แม้ว่าจะเอ่ยขอตัวกลับกับหมออรรณพแล้ว นัสรินก็ไม่ได้ออกไปหาปราณต์แต่อย่างใด เธอออกทางประตูหน้าและเดินอ้อมไปยังลานจอดรถ เพื่อจะหนีหน้าคนที่เพิ่งมาข่มขู่ตัวเอง เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่พอไปถึงรถก็พบว่าปราณต์กำลังยืนพิงรถของเธออยู่คล้ายกับมาดักทาง นัสรินจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกคราอย่างเลี่ยงไม่ได้ “กำลังจะหนีกลับล่ะสิ” เขาดักคออย่างรู้ทัน “ค่ะ และคุณเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว” “ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับ” “แล้วคุณไม่กลัวคนไข้จะรอเหรอคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดของคลินิกนี่” “จำได้ด้วยเหรอว่าคลินิกของผมหยุดวันไหนบ้าง ไหนบอกว่าลืมทุก
บทที่ 27“งั้นพาไปที่รถพี่ก็ได้ค่ะ มาช่วยพี่ประคองหน่อย”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเมียพี่จัดการเอง” ปราณต์หยิบกระเป๋าเงินมาให้ทิปแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้ไปได้ ดังนั้นหน้าที่ประคองผู้ชายที่ตัวโตกว่าจึงเป็นของนัสรินคนเดียวหญิงสาวยกแขนของเขาพาดบ่าตัวเอง แล้วพาคนเมาออกจากร้านไปยังรถของตัวเองอย่างทุลักทุเล เพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เขาทิ้งน้ำหนักแทบจะทั้งหมดลงบนไหล่ของเธอ ใบหน้าซบลงบนคอ และบ่อยครั้งที่นัสรินรู้สึกว่าปราณต์ใช้จมูกไซ้ซอกคอของเธอเบาๆ“คุณปราณต์เดินดีๆ สิคะ” เธอปรามเขาเสียงขุ่น แม้ว่าลานจอดรถตอนนี้แทบจะไม่มีคน แต่เธอก็ไม่อยากถูกคนเมาหาเศษหาเลยแบบนี้“นี่ก็เดินดีแล้ว เดินด้วยหอมด้วย” เขากระซิบเสียงอ้อแอ้พลางซุกจมูกเข้าที่ซอกคอขาวละมุนอีกครั้ง“ถ้าคุณลวนลามนัสอีก นัสจะปล่อยคุณทิ้งไว้นี่”“ใจร้ายจริง จะหวงตัวกับผัวไปถึงไหน” เสียงทุ้มนั้นพึมพำก่อนจะหัวเราะน้อยๆ“เลิกขี้ตู่เสียทีค่ะ นัสกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว สมองเสื่อมหรือไงคะคุณหมอปราณต์” นัสรินคิดว่าตัวเองต้องบ้าแน่ๆ ที่ต่อปากต่อคำกับคนเมา แต่เขาก็ช่างยั่วเหลือเกิน ทำให้บ่อยครั้งที่เธอหลุดการควบคุมตัวเองเพราะคำพูดของเขาเมื่
บทที่ 28ร่างบางโน้มตัวไปปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยอย่างระวังตัว ด้วยกลัวว่าจะถูกฉวยโอกาสเอาอีกครั้ง แต่ปราณต์ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ เธอจึงยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดบ่าและเรียกเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าคนเมาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายอมลงจากรถ ก้าวตามร่างเล็กที่ประคองตัวเองเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงโซฟาในห้องโถงนัสรินก็วางร่างใหญ่นั้นลง และเพิ่งสังเกตว่าปราณต์ถือกระเป๋าของเธอมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในบ้าน ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจอย่างอดไม่ได้ บ้านหลังนี้ยังมีบรรยากาศแบบเดิม ปราณต์ยังจัดบ้านและวางทุกอย่างไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งโซฟาตัวนี้ซึ่งเขาเคยใช้มันในการตีตราเธอให้เป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ ปราณต์ก็ไม่ได้ย้ายหรือขยับมันไปไหนเขาคงไม่รู้สึกอะไรที่จะต้องทนมองมันทุกวัน หากแต่นัสรินกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงให้จมไปกับอดีตอีกครั้ง ทำให้มือเล็กต้องรีบเอื้อมไปหยิบเอากระเป๋าของตัวเองจากมือเขา เพื่อจะหนีไปจากที่ที่ทำให้หัวใจตัวเองอ่อนไหวในทันที แต่แค่เอื้อมมือไปมือเล็กก็ถูกปราณต์รั้งเอาไว้“จะไปไหน” “นัสจะกลับค่ะ”“พาผมขึ้นไปส่
บทที่ 29นัสรินมองใบหน้าที่อยู่เหนือใบหน้าของตัวเองอย่างตื่นตระหนก ตอนนี้ท่าทางของปราณต์ไม่มีหลงเหลือวี่แววของคนเมาเลยแม้แต่นิด เธอจึงรู้ตัวว่าเสียรู้เขาให้แล้ว“นี่คุณไม่ได้เมาเหรอคะ”“เมา แต่สร่างเมาตั้งแต่ได้หอมแก้มคุณแล้ว”“คนเจ้าเล่ห์” เธอต่อว่าเขาอย่างเจ็บใจตัวเองที่ถูกหลอก พยายามจะบิดมือออก แต่ยิ่งบิดยิ่งถูกมือแกร่งกดแน่น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม จนลมหายใจอุ่นซ่านนั้นมากระทบซอกคอที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ คุณจะยอมขึ้นมาส่งถึงนี่เหรอ”“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”“เพราะผมไม่อยากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเก่าไปเป็นชู้กับผัวชาวบ้านน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่าหมออรรณพมีเมียแล้ว” ปราณต์ไม่สนใจท่าทีเคืองขุ่นของเธอ แต่เขากลับถามกลับไปอย่างตำหนิ“รู้ค่ะ คุณเป็นคนบอกนัสเองตั้งแต่เมื่อวานไม่ใช่เหรอ”“รู้แล้วทำไมยังไปออกเดต นั่งกินข้าวใต้บรรยากาศสุดโรแมนติกในร้านแบบนั้น”“นัสไม่ได้ทำอะไรที่มันเสียหายนี่คะ นัสแค่ไปคุยงานกับหมอณพ อ้อ...อีกอย่างถึงนัสจะออกเดตกับใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของนัสไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อตอนนี้นัสโสด” นัสรินเผลอประชดและสบตากับเขาอย่างไม่ยอมถูกเล่
บทที่ 30มือใหญ่ละจากการประสานนิ้ว เคลื่อนวาบลูบไล้ไปทั่วเรือนกาย แม้จะไม่เต็มใจในคราแรก แต่กลิ่นกายและรสสัมผัสที่ร่างกายโหยหาอยู่ลึกๆ ก็ทำให้เธอระทดระทวยอยู่ภายใต้การเล้าโลมของเขา“อย่าค่ะ...เราไม่ควรทำแบบนี้”เสียงหวานร้องห้ามสั่นระริก เมื่อปราณต์เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายบอบบางของเธอ แม้ปากจะร้องห้ามหากร่างกายกลับไม่แสดงอาการขัดขืนใดๆ ออกมาแม้แต่นิด“ไปทำอะไรมาหือ ถึงได้สวยและมีน้ำมีนวลขึ้นแบบนี้”เสียงทุ้มที่เจืออาการกระเส่าดังขึ้นอย่างพึงพอใจ เมื่อร่างกายของเธอเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา จากนั้นปากเขา จมูกเขา มือเขา ก็แตะต้องลูบโลมไปทุกหนแห่งของร่างกายเธออย่างเป็นเจ้าของ ปลุกปั่นเลือดสาวให้เร่าร้อนราวกับถูกอังด้วยไฟกองโตความเย็นจากแอร์แผ่ซ่านเข้ามากระทบผิวกาย เมื่อปราณต์ลุกขึ้นจากการทาบทับ แต่ความเย็นสะท้านนั้นก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในระยะเวลาแค่ชั่วพริบตา เมื่อนัสรินประจักษ์แก่สายตาว่าเขาลุกขึ้นไปทำไมตาคู่สวยมองจับจ้องไปยังเรือนกายเปลือยเปล่าที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ กระทั่งเรือนกายใหญ่โตนั้นเคลื่อนขยับมาทาบทับเรือนร่างที่ปราศจากอาภรณ์ของเธออีกครา นัสรินก็รู้ซึ้งถึงความร้อนซ่
บทที่ 31 แสงอรุณเช้าวันใหม่ทาทาบขอบฟ้าของเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำรู้สึกตัวขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก จะแปลกก็แค่เช้านี้ไม่ได้ตื่นมาเพียงลำพัง แต่เตียงกว้างตอนนี้มีร่างบางของอดีตภรรยาสาวนอนอยู่ด้วย ตาของเธอหลับพริ้ม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ร่างกายที่เปลือยเปล่าเพราะเขาเป็นคนถอดเสื้อผ้าของเธอเองกับมือสอดซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา มีเพียงช่วงหัวไหล่ขาวละมุนเท่านั้นที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ผิวพรรณทั่วเรือนกายของเธอก็เนียนละมุนเช่นเดียวกับส่วนที่เปิดเปลือยต่อสายตาของเขาในตอนนี้ ปราณต์ลุกไปจากเตียงเงียบๆ ไม่ได้ปลุกให้ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นแต่อย่างใด เขารู้ว่าเธอคงจะเพลียไม่เบา เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมให้เธอนอน เวลาก็ล่วงไปเกือบตีสี่แล้ว ร่างสูงกำยำก้าวเข้าไปใต้ฝักบัว ก่อนจะเปิดก๊อกให้น้ำอุ่นๆ สาดละอองลงมาอาบชโลมร่างเปลือยเปล่าในยามเช้าอย่างผ่อนคลาย ผ่านไปกว่ายี่สิบนาที เขาจึงกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง โดยสวมเสื้อคลุมสีขาว ผมยังเปียกลู่เพราะเมื่อครู่นี้สระผมมาหมาดๆ มือใหญ่จึงเอื้