แชร์

บทที่ 23

บทที่ 23

แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตสามีอีก แต่คำพูดของเขาก่อนจากกันวันนั้น ก็ทำให้นัสรินแอบรอคอยการมาของเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ บ่อยครั้งที่เธอมองนาฬิกาสลับกับเงี่ยหูฟังเสียงเคาะประตูห้อง ยิ่งช่วงสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปิดคลินิกของปราณต์ใกล้เข้ามาทีไร เธอก็ยิ่งมองบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น ทว่าการรอคอยของเธอวันแล้ววันเล่าก็ว่างเปล่า นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปราณต์จะมาอย่างที่เขาว่าแต่อย่างใด

                ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...นัสรินบอกตัวเองแบบนั้น แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงราวกับต้นไม้ที่ไร้ฝนหลั่งลงมาอาบชโลมเป็นเวลานานก็ไม่ปาน หากกระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเป็นปกติ

                หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขึ้นไปนั่งพิงพนักเตียง หยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อให้เสียงโทรทัศน์ดังเป็นเพื่อนยามอยู่คนเดียว เปิดได้ไม่นานก็ต้องหยิบรีโมตอีกรอบเพื่อหรี่เสียง เพราะมีเสียงจากโทรศัพท์มือถือแผดร้องแข่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น นัสรินกดรับสายทันทีเพราะคนที่โทร.มาคือกิตติหัวหน้าของเธอนั่นเอง

                “สวัสดีค่ะหัวหน้า”

                “ขอโทษนะนัสที่ผมโทร.มาซะดึกเลย แต่พอดีว่าลูกค้าที่เชียงใหม่เพิ่งจะติดต่อมา”

                “มีอะไรเหรอคะหัวหน้า” นัสรินถามกลับไปอย่างไม่แน่ใจ ลูกค้าที่เชียงใหม่ตอนนี้ก็มีแค่โรงพยาบาลที่ปราณต์ทำงานอยู่ หรือว่าเขาไม่พอใจอะไรเธอแล้วโทร.ไปแจ้งกับทางบริษัท

                “ไม่มีอะไรมากหรอก พอดีหมอที่โน่นอยากจะสั่งซื้อยาไปใช้ที่คลินิกน่ะ ผมก็เลยจะให้นัสไปคุยรายละเอียดกับเขาหน่อย”

                คำตอบที่ได้ยินจากปลายสายทำให้นัสรินหัวใจเต้นแรงขึ้นมาทันที เพราะแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าอาจเป็นปราณต์

                “ได้ค่ะหัวหน้า แล้วหมอที่ว่านี่ชื่ออะไรเหรอคะ”

ถามไปแล้วก็รอลุ้นคำตอบว่าจะใช่อดีตสามีหรือเปล่า ปากว่าไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขา แต่พอไม่ได้เจอไม่ได้เห็นจริงๆ หัวใจมันก็วูบโหวงจนกลายเป็นกระวนกระวาย

                “ชื่อ...หมออรรณพ ผมนัดกับหมอให้พรุ่งนี้ช่วงเย็นๆ นะ ยังไงนัสไปพบหมอที่คลินิกเลย เดี๋ยวผมส่งรายละเอียดไปให้ทางเมล”

                “ค่ะ” เสียงหวานได้แต่ตอบรับอย่างสั้นๆ และเบาหวิว บอกไม่ถูกว่าผิดหวังมากเพียงใดที่หมอคนดังกล่าวไม่ได้เป็นหมอปราณต์อย่างที่แอบหวังเอาไว้ในตอนแรก

                การสนทนาสั้นๆ กับหัวหน้าจบลงแค่นั้น ร่างบางทอดกายนอนลงบนเตียงอย่างอ้างว้าง พร้อมกับทำใจให้ยอมรับความจริงว่าปราณต์ไม่เคยมีเยื่อใยใดๆ กับเธอมาตั้งแต่ต้น และคงจะไม่มีวันมีตลอดไป

                จากเรื่องที่หัวหน้าโทร.มาแจ้งเมื่อวาน เย็นนี้นัสรินจึงมาพบหมออรรณพยังคลินิกของเขาตามที่นัดเอาไว้ หมออรรณพเป็นผู้ชายวัยสี่สิบต้นๆ มีอัธยาศัยดีเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับนัสริน แม้เขาจะแสดงท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยบ้างแต่ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดเกินไป จึงไม่ได้ทำให้นัสรินอึดอัดเท่าใดนัก

                “เอาเป็นว่าผมตกลงซื้อยาตามลิสต์ที่แจ้งไปเลยนะ” หมออรรณพตอบตกลงอย่างไม่ยากเย็นหลังจากหญิงสาวอธิบายรายละเอียดของยาแต่ละตัวให้ฟัง

                “ขอบพระคุณค่ะ งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้นัสจะเอาสัญญามาให้เซ็นนะคะ”

                “โอเคเป็นช่วงเย็นๆ เหมือนเดิมนะ ช่วงกลางวันผมไม่ว่าง”

                “ค่ะคุณหมอ”

                “แล้วนี่ทานอะไรมาหรือยัง”

                “ยังค่ะ”

                “งั้นไปหาอะไรทานกันก่อนค่อยกลับ ผมเองก็หิว แถวนี้มีร้านอาหารอร่อยบรรยากาศดีอยู่ร้านหนึ่ง ผมอยากให้คุณนัสรินลองชิม”

“คือนัส...” นัสรินไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไรให้ดูไม่น่าเกลียด เพราะหมออรรณพเป็นลูกค้า การปฏิเสธไม่ต่างอะไรกับการตัดไมตรีอันดีที่เธอพึงมี

“หรือว่าคุณมีนัดแล้ว”

“เปล่าค่ะ ไม่มีค่ะ”

“งั้นก็ไปด้วยกันเถอะ เดี๋ยวมื้อนี้ผมเลี้ยงเอง พรุ่งนี้หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จคุณค่อยเลี้ยงผมก็แล้วกัน”

ว่าแล้วหมออรรณพก็เดินนำไปที่รถ นัสรินจะขับรถไปเองหมออรรณพก็ไม่ยอม สุดท้ายเธอจึงต้องได้นั่งรถไปกับเขา นัสรินพยายามบอกตัวเองว่าเดี๋ยวมันก็ผ่านไป อีกทั้งนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอมาทานข้าวกับลูกค้า แม้จะเป็นในเวลาเย็นครั้งแรกก็ตาม

หมออรรณพพามายังร้านอาหารสไตล์ล้านนาซึ่งเป็นร้านเดียวกับที่ปราณต์เคยพามา นัสรินระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เมื่อสมองแวบคิดไปถึงอดีตสามีและเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ร้านในวันนั้นอย่างอดไม่ได้ คงจะมีแต่เธอที่คิดถึงเขา ส่วนเขาคงไม่เคยจะคิด หรือหากจะคิดก็คงคิดถึงแต่เรื่องเลวร้ายที่เธอเคยทำ

ร่างบางนั่งลงเก้าอี้เมื่อหมออรรณพเลื่อนออกให้อย่างที่สุภาพบุรุษพึงกระทำ ก่อนที่เขาจะเดินอ้อมไปนั่งฝั่งตรงข้าม และจัดการสั่งอาหารกับพนักงานร้านที่มาคอยรอบริการ เมื่ออาหารมาเขาก็ชวนเธอลงมือทานอาหาร ซึ่งนัสรินพยายามเต็มที่ที่จะยิ้มแย้มทั้งๆ ที่ไม่อยากอยู่ในร้านนี้เลยสักนิด

“ผมดูว่าคุณเกร็งๆ นะ ผมทำอะไรให้กลัวหรือเปล่า” หมออรรณพถามอย่างคนช่างสังเกต แม้ว่าหญิงสาวพยายามจะปกปิดท่าทีของตัวเองเพียงใดก็ตาม

“เปล่าค่ะ นัสแค่เกรงใจคุณหมอที่สั่งอาหารมาตั้งเยอะ แต่นัสกลับกินนิดได้เดียวเองค่ะ” นัสรินบอกออกไปอย่างไม่ตรงกับความรู้สึกตอนนี้เลยสักนิด

“ควบคุมอาหารแบบนี้นี่เองถึงได้หุ่นดี แต่ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก ทานได้เลย ทานไม่หมดก็ให้พนักงานร้านห่อกลับบ้าน”

“หมอใจดีจังนะคะ”

“แน่นอน...คนเป็นหมอต้องใจดีอยู่แล้ว”

ไม่จริงเลยสักนิด...หมอบางคนก็ไม่ได้ใจดีแบบนี้ นัสรินได้แต่เถียงอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้พูดออกมา เธอยิ้มและพยักหน้านิดๆ เป็นเชิงขอบคุณเมื่อหมออรรณพตักอาหารใส่จานให้ มือเล็กทั้งสองข้างจับช้อนและส้อมเพื่อลงมือรับประทานอาหาร แต่ช้อนกับส้อมก็ถูกจับค้างไว้เช่นนั้น เมื่อตาเหลือบไปเห็นคนสองคนที่กำลังเดินผ่านประตูร้านเข้ามาข้างใน

ด้วยอากัปกิริยาของผู้หญิงที่นั่งอยู่ตรงข้าม ทำให้หมออรรณพหันไปมองอย่างเป็นอัตโนมัติ และเมื่อเห็นว่าทั้งสองเป็นหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกันก็ผงกหัวเป็นเชิงทักทาย ปราณต์และหมอเมธาวีจึงเดินตรงมายังโต๊ะที่หมออรรณพกับนัสรินนั่งอยู่

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status