หมออรรณพทำท่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อนัสรินเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนเหมือนเช่นเมื่อวาน เขารู้แน่แล้วว่าหญิงสาวที่สวยซ่อนเปรี้ยวผู้นี้คงไม่เล่นด้วยง่ายๆ แม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาส ดังนั้นช่วงนี้เขาเองก็จะไปหาคนที่เต็มใจฆ่าเวลาไปก่อน
ทางด้านหญิงสาวที่กำลังเป็นประเด็นกับผู้ชายสองคน แม้ว่าจะเอ่ยขอตัวกลับกับหมออรรณพแล้ว นัสรินก็ไม่ได้ออกไปหาปราณต์แต่อย่างใด เธอออกทางประตูหน้าและเดินอ้อมไปยังลานจอดรถ เพื่อจะหนีหน้าคนที่เพิ่งมาข่มขู่ตัวเอง เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่พอไปถึงรถก็พบว่าปราณต์กำลังยืนพิงรถของเธออยู่คล้ายกับมาดักทาง นัสรินจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกคราอย่างเลี่ยงไม่ได้
“กำลังจะหนีกลับล่ะสิ” เขาดักคออย่างรู้ทัน
“ค่ะ และคุณเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว”
“ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับ”
“แล้วคุณไม่กลัวคนไข้จะรอเหรอคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดของคลินิกนี่”
“จำได้ด้วยเหรอว่าคลินิกของผมหยุดวันไหนบ้าง ไหนบอกว่าลืมทุกอย่างเกี่ยวกับผมไปหมดแล้ว”
นัสรินรู้สึกเสียหน้าและเจ็บใจตัวเองที่เผลอพูดอะไรไม่คิดให้เขาเข้าข้างตัวเอง ยิ่งเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าคร้ามคมอันแสนเย็นชา และแววตาที่เหมือนจะรู้ทันความคิดของเธอไปหมด เธอก็ยิ่งเกลียดขี้หน้า
“ก็แค่เรื่องเดียวเท่านั้นละค่ะที่สมองของนัสยังลบออกไปไม่หมด”
“เอาเป็นว่าผมจะพยายามเชื่อ เอากุญแจรถมาให้ผม” เขาสั่งพร้อมกับแบมือรอ แต่นัสรินเชิดหน้าและไม่คิดจะยอมง่ายๆ
“นัสไม่ให้ค่ะ คุณมาทางไหนก็กลับไปทางนั้น อย่ามายุ่งกับนัส”
“จะส่งมาดีๆ หรือให้ผม ‘ล้วง’ เอาเอง”
“หมอบ้า! หมอลามก!” นัสรินได้แต่ก่นด่าอย่างอับอายกับคำพูดที่เขาจงใจเน้นไปในเชิงหยาบโลน
“ผมบ้าได้มากกว่าที่คุณคิด คราวที่แล้วยังกล้าจับคุณจูบที่หน้าร้านได้เลย คราวนี้ถ้าจะจับคุณแล้ว ‘ล้วง’ เอากุญแจมันก็ไม่น่ายาก”
“แล้วทำไมคุณไม่ขับรถคุณไปเองล่ะคะ ต่างคนต่างไปก็ได้นี่”
“ผมมาแท็กซี่” เขาตอบสั้นๆ ไม่ได้อธิบายขยายความ ว่าที่อุตส่าห์ลงทุนนั่งแท็กซี่มาดักเธอที่นี่ก็เพื่อหวังผลบางอย่าง
“นัสต้องบ้าแน่ๆ ถ้านัสยอมคุณ”
“คุณต้องยอมผมนัสริน”
นายแพทย์หนุ่มพูดพลางจ้องมองใบหน้าหวานๆ นั้นด้วยแววตาที่บอกว่าเอาจริง ทำให้นัสรินต้องถอนหายใจอย่างฟึดฟัด แต่ก็ยอมล้วงเอากุญแจรถในกระเป๋าตัวเองส่งให้ปราณต์ในที่สุด
“คุณจะพานัสไปไหน?” เสียงหวานรีบเอ่ยถามอดีตสามีเมื่อเขาขับรถพาออกมาจากร้านอาหารแห่งนั้นแล้ว โดยไม่ได้บอกจุดหมายปลายทางว่าจะพาเธอไปที่ใด อีกทั้งเส้นทางดังกล่าวก็ไม่ใช่ทางกลับอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอยู่
“คุณติดหนี้บุญคุณผมอยู่ไม่ใช่เหรอ ผมจะให้เลี้ยงข้าว”
“แต่นัสอิ่มแล้ว”
“อิ่มแล้วก็ไม่ต้องกิน แค่ไปนั่งรอจ่ายเงินเท่านั้น”
“ถ้านัสเลี้ยงข้าวคุณแล้ว เราจะไม่มีอะไรค้างคากันอีกแล้วใช่มั้ย”
“ไม่แน่ว่าอาจจะทั้ง ‘ค้าง’ ทั้ง ‘คา’ ก็ได้”
“คนบ้า!” เสียงหวานได้แต่บ่นพึมพำเมื่ออดีตสามีจงใจพูดกินนัยลึกให้เธอหน้าแดงเล่น
ปราณต์หัวเราะแล้วพาขับรถมายังร้านอาหารแห่งหนึ่ง ซึ่งร้านนั้นไม่ใช่ร้านอาหารธรรมดาทั่วไป แต่เป็นร้านอาหารกึ่งผับ และมีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้บริการด้วย
“แน่ใจนะว่าจะไม่กินอีก” ปราณต์ถามย้ำหลังจากเข้ามานั่งในร้านแล้ว
“แน่ใจค่ะ คุณอยากกินอะไรก็กินเถอะค่ะ กินเสร็จนัสจะได้กลับเสียที”
“อ้อ...ลืมไปว่าอิ่มอกอิ่มใจกับการละเลียดอาหารมื้อเย็นอันเลิศรสกับผัวชาวบ้านมาแล้ว”
นัสรินรู้ว่าเขาจงใจพูดจาดูถูกจึงข่มใจไม่ให้ตอบโต้ และนั่งนิ่งเหมือนไม่รู้สึกรู้สากับคำพูดของเขา ปราณต์จึงหัวเราะในลำคอเบาๆ คล้ายดั่งเยาะหยัน ก่อนจะหันไปสั่งอาหารกับพนักงานร้าน ซึ่งเขาไม่ได้สั่งแค่อาหารแต่ยังสั่งเหล้ามาดื่มด้วย
“นี่คุณปราณต์จะดื่มเหล้าด้วยเหรอคะ”
“ที่ถามนี่เป็นห่วงหรือกลัวเปลืองเงิน”
“นัสไม่ได้กลัวเปลืองเงิน”
“งั้นก็แสดงว่าห่วงผม”
“คนหลงตัวเอง นัสมีเหตุผลอะไรที่จะต้องห่วงคุณ”
“อย่างน้อยผมก็อยู่ในฐานะ ‘ผัว’ เก่า”
เป็นอีกครั้งที่นัสรินต้องเลือกที่จะไม่ตอบโต้ เพราะพูดไปก็มีแต่เสียเปรียบ เป็นจังหวะเดียวกับที่พนักงานของร้านซึ่งเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบต้นๆ นำอาหารกับเครื่องดื่มมาเสิร์ฟ พร้อมกับจัดการชงเหล้าให้กับปราณต์ตามที่เขาบอก
ปราณต์ตักนั่นตักนี่ใส่ปาก สลับกับยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม โดยมีอดีตภรรยานั่งมองอย่างกระวนกระวาย เมื่อเห็นว่าหลังๆ มาเขาดื่มเหล้ามากกว่าทานอาหาร
เวลาผ่านไปเกือบๆ สองชั่วโมง คนที่นั่งดื่มเหล้าก็เริ่มมีอาการพูดลิ้นพันกัน เขากำลังจะยกเหล้าขึ้นดื่มอีกแล้ว แต่นัสรินซึ่งทนมองเฉยๆ ไม่ไหวอีกต่อไป จึงเอื้อมไปแย่งแก้วมาจากมือเขาพร้อมกับเอ่ยห้าม
“พอแล้วค่ะ คุณเมาแล้วนะคะ”
“งั้นก็เช็กบิลสิ จะได้กลับ” เขาพูดเสียงยานคางและหัวเราะในลำคอเบาๆ
นัสรินเรียกพนักงานที่คอยทำหน้าที่บริการโต๊ะของเธอให้เช็กบิล หลังจากเธอจ่ายเงินเสร็จ ปราณต์ก็ลุกขึ้นยืนแต่ยืนแบบโงนเงน ทำให้นัสรินต้องถลาเข้าไปประคองอย่างลืมตัว
“ระวังหน่อยสิคะ เดี๋ยวก็ล้มหัวร้างข้างแตกเอาหรอก”
“ดีใจที่เมียเป็นห่วง” เขากระซิบเสียงพร่าที่หูของเธอ ทำเอานัสรินหน้าแดงซ่าน กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมากับลมหายใจของเขาชวนให้นึกถึงเหตุการณ์ในคืนก่อนวันหย่ากัน
“น้องคะ เรียกแท็กซี่ให้พี่หน่อย” นัสรินหันไปบอกพนักงานชายคนเดิม
“ผัวเมาขนาดนี้ ยังจะผลักไสไล่ส่งให้กลับแท็กซี่ ผู้หญิงอะไรใจดำชะมัด”
แม้เสียงของเขาจะอ้อแอ้แต่พนักงานชายคนนั้นก็ได้ยินเต็มสองหู และมองหน้าเธอเหมือนจะรอคำยืนยันอีกรอบ นัสรินหน้าเจื่อน เพราะสายตาที่พนักงานผู้นั้นมองมาอย่างประณาม ไม่ต่างอะไรกับคำพูดของปราณต์ที่หาว่าเธอใจดำ
บทที่ 27“งั้นพาไปที่รถพี่ก็ได้ค่ะ มาช่วยพี่ประคองหน่อย”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเมียพี่จัดการเอง” ปราณต์หยิบกระเป๋าเงินมาให้ทิปแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้ไปได้ ดังนั้นหน้าที่ประคองผู้ชายที่ตัวโตกว่าจึงเป็นของนัสรินคนเดียวหญิงสาวยกแขนของเขาพาดบ่าตัวเอง แล้วพาคนเมาออกจากร้านไปยังรถของตัวเองอย่างทุลักทุเล เพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เขาทิ้งน้ำหนักแทบจะทั้งหมดลงบนไหล่ของเธอ ใบหน้าซบลงบนคอ และบ่อยครั้งที่นัสรินรู้สึกว่าปราณต์ใช้จมูกไซ้ซอกคอของเธอเบาๆ“คุณปราณต์เดินดีๆ สิคะ” เธอปรามเขาเสียงขุ่น แม้ว่าลานจอดรถตอนนี้แทบจะไม่มีคน แต่เธอก็ไม่อยากถูกคนเมาหาเศษหาเลยแบบนี้“นี่ก็เดินดีแล้ว เดินด้วยหอมด้วย” เขากระซิบเสียงอ้อแอ้พลางซุกจมูกเข้าที่ซอกคอขาวละมุนอีกครั้ง“ถ้าคุณลวนลามนัสอีก นัสจะปล่อยคุณทิ้งไว้นี่”“ใจร้ายจริง จะหวงตัวกับผัวไปถึงไหน” เสียงทุ้มนั้นพึมพำก่อนจะหัวเราะน้อยๆ“เลิกขี้ตู่เสียทีค่ะ นัสกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว สมองเสื่อมหรือไงคะคุณหมอปราณต์” นัสรินคิดว่าตัวเองต้องบ้าแน่ๆ ที่ต่อปากต่อคำกับคนเมา แต่เขาก็ช่างยั่วเหลือเกิน ทำให้บ่อยครั้งที่เธอหลุดการควบคุมตัวเองเพราะคำพูดของเขาเมื่
บทที่ 28ร่างบางโน้มตัวไปปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยอย่างระวังตัว ด้วยกลัวว่าจะถูกฉวยโอกาสเอาอีกครั้ง แต่ปราณต์ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ เธอจึงยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดบ่าและเรียกเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าคนเมาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายอมลงจากรถ ก้าวตามร่างเล็กที่ประคองตัวเองเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงโซฟาในห้องโถงนัสรินก็วางร่างใหญ่นั้นลง และเพิ่งสังเกตว่าปราณต์ถือกระเป๋าของเธอมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในบ้าน ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจอย่างอดไม่ได้ บ้านหลังนี้ยังมีบรรยากาศแบบเดิม ปราณต์ยังจัดบ้านและวางทุกอย่างไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งโซฟาตัวนี้ซึ่งเขาเคยใช้มันในการตีตราเธอให้เป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ ปราณต์ก็ไม่ได้ย้ายหรือขยับมันไปไหนเขาคงไม่รู้สึกอะไรที่จะต้องทนมองมันทุกวัน หากแต่นัสรินกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงให้จมไปกับอดีตอีกครั้ง ทำให้มือเล็กต้องรีบเอื้อมไปหยิบเอากระเป๋าของตัวเองจากมือเขา เพื่อจะหนีไปจากที่ที่ทำให้หัวใจตัวเองอ่อนไหวในทันที แต่แค่เอื้อมมือไปมือเล็กก็ถูกปราณต์รั้งเอาไว้“จะไปไหน” “นัสจะกลับค่ะ”“พาผมขึ้นไปส่
บทที่ 29นัสรินมองใบหน้าที่อยู่เหนือใบหน้าของตัวเองอย่างตื่นตระหนก ตอนนี้ท่าทางของปราณต์ไม่มีหลงเหลือวี่แววของคนเมาเลยแม้แต่นิด เธอจึงรู้ตัวว่าเสียรู้เขาให้แล้ว“นี่คุณไม่ได้เมาเหรอคะ”“เมา แต่สร่างเมาตั้งแต่ได้หอมแก้มคุณแล้ว”“คนเจ้าเล่ห์” เธอต่อว่าเขาอย่างเจ็บใจตัวเองที่ถูกหลอก พยายามจะบิดมือออก แต่ยิ่งบิดยิ่งถูกมือแกร่งกดแน่น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม จนลมหายใจอุ่นซ่านนั้นมากระทบซอกคอที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ คุณจะยอมขึ้นมาส่งถึงนี่เหรอ”“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”“เพราะผมไม่อยากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเก่าไปเป็นชู้กับผัวชาวบ้านน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่าหมออรรณพมีเมียแล้ว” ปราณต์ไม่สนใจท่าทีเคืองขุ่นของเธอ แต่เขากลับถามกลับไปอย่างตำหนิ“รู้ค่ะ คุณเป็นคนบอกนัสเองตั้งแต่เมื่อวานไม่ใช่เหรอ”“รู้แล้วทำไมยังไปออกเดต นั่งกินข้าวใต้บรรยากาศสุดโรแมนติกในร้านแบบนั้น”“นัสไม่ได้ทำอะไรที่มันเสียหายนี่คะ นัสแค่ไปคุยงานกับหมอณพ อ้อ...อีกอย่างถึงนัสจะออกเดตกับใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของนัสไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อตอนนี้นัสโสด” นัสรินเผลอประชดและสบตากับเขาอย่างไม่ยอมถูกเล่
บทที่ 30มือใหญ่ละจากการประสานนิ้ว เคลื่อนวาบลูบไล้ไปทั่วเรือนกาย แม้จะไม่เต็มใจในคราแรก แต่กลิ่นกายและรสสัมผัสที่ร่างกายโหยหาอยู่ลึกๆ ก็ทำให้เธอระทดระทวยอยู่ภายใต้การเล้าโลมของเขา“อย่าค่ะ...เราไม่ควรทำแบบนี้”เสียงหวานร้องห้ามสั่นระริก เมื่อปราณต์เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายบอบบางของเธอ แม้ปากจะร้องห้ามหากร่างกายกลับไม่แสดงอาการขัดขืนใดๆ ออกมาแม้แต่นิด“ไปทำอะไรมาหือ ถึงได้สวยและมีน้ำมีนวลขึ้นแบบนี้”เสียงทุ้มที่เจืออาการกระเส่าดังขึ้นอย่างพึงพอใจ เมื่อร่างกายของเธอเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา จากนั้นปากเขา จมูกเขา มือเขา ก็แตะต้องลูบโลมไปทุกหนแห่งของร่างกายเธออย่างเป็นเจ้าของ ปลุกปั่นเลือดสาวให้เร่าร้อนราวกับถูกอังด้วยไฟกองโตความเย็นจากแอร์แผ่ซ่านเข้ามากระทบผิวกาย เมื่อปราณต์ลุกขึ้นจากการทาบทับ แต่ความเย็นสะท้านนั้นก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในระยะเวลาแค่ชั่วพริบตา เมื่อนัสรินประจักษ์แก่สายตาว่าเขาลุกขึ้นไปทำไมตาคู่สวยมองจับจ้องไปยังเรือนกายเปลือยเปล่าที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ กระทั่งเรือนกายใหญ่โตนั้นเคลื่อนขยับมาทาบทับเรือนร่างที่ปราศจากอาภรณ์ของเธออีกครา นัสรินก็รู้ซึ้งถึงความร้อนซ่
บทที่ 31 แสงอรุณเช้าวันใหม่ทาทาบขอบฟ้าของเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำรู้สึกตัวขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก จะแปลกก็แค่เช้านี้ไม่ได้ตื่นมาเพียงลำพัง แต่เตียงกว้างตอนนี้มีร่างบางของอดีตภรรยาสาวนอนอยู่ด้วย ตาของเธอหลับพริ้ม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ร่างกายที่เปลือยเปล่าเพราะเขาเป็นคนถอดเสื้อผ้าของเธอเองกับมือสอดซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา มีเพียงช่วงหัวไหล่ขาวละมุนเท่านั้นที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ผิวพรรณทั่วเรือนกายของเธอก็เนียนละมุนเช่นเดียวกับส่วนที่เปิดเปลือยต่อสายตาของเขาในตอนนี้ ปราณต์ลุกไปจากเตียงเงียบๆ ไม่ได้ปลุกให้ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นแต่อย่างใด เขารู้ว่าเธอคงจะเพลียไม่เบา เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมให้เธอนอน เวลาก็ล่วงไปเกือบตีสี่แล้ว ร่างสูงกำยำก้าวเข้าไปใต้ฝักบัว ก่อนจะเปิดก๊อกให้น้ำอุ่นๆ สาดละอองลงมาอาบชโลมร่างเปลือยเปล่าในยามเช้าอย่างผ่อนคลาย ผ่านไปกว่ายี่สิบนาที เขาจึงกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง โดยสวมเสื้อคลุมสีขาว ผมยังเปียกลู่เพราะเมื่อครู่นี้สระผมมาหมาดๆ มือใหญ่จึงเอื้
บทที่ 32“นี่ผมตาฝาดไปหรือเปล่าครับที่เห็นแม่มาบ้านผมแต่เช้าขนาดนี้” ปราณต์เอ่ยทักทายมารดาแบบเรียบๆ และพอจะรู้ถึงสาเหตุการมาของผู้เป็นแม่ เมื่อเหลือบไปเห็นกระเป๋าของนัสรินวางอยู่ที่โต๊ะหน้าโซฟาชั้นล่าง“ไม่ได้ตาฝาดหรอก บัวคำบอกแม่ว่าแกพาผู้หญิงมาค้างที่บ้าน”“ข่าวของแม่นี่เร็วเสมอเลยนะครับ”“แล้วผู้หญิงที่ปราณต์พามาค้างด้วยนั้นเป็นใคร” คนเป็นแม่ถามทั้งที่รู้แก่ใจดี แต่อยากได้ยินจากปากลูกชายมากกว่า“แม่น่าจะรู้แล้วนะครับ” ปราณต์ตอบอย่างรู้ดีว่าแม่ของตนฉลาดแค่ไหนแม่เลี้ยงลักษิการะบายลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อผ่อนคลายความหนักอก นางรู้ว่านัสรินกลับมาเชียงใหม่เพื่อมาทำงาน แต่แม่เลี้ยงผู้กว้างขวางอย่างตนกลับไม่เข้าใจลูกชายของตัวเองสักนิด ว่าทำไมถึงได้หวนกลับไปยุ่งกับอดีตภรรยาที่แต่งและหย่ากันภายในสามเดือน ด้วยเหตุผลที่ว่าไปกันไม่ได้และทั้งคู่ไม่ได้รักกัน ครั้งนั้นนางสงสารนัสรินไม่น้อย แต่ก็คิดว่านัสรินคงเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ เพราะยังสาวยังสวย แถมกิริยาวาจาก็ดีพร้อมไปเสียหมด“มันเกิดอะไรขึ้นหือปราณต์ ไปยุ่งกับน้องทำไมอีก คราวที่แล้วก็จูบน้อง คราวนี้ก็พามาค้างที่บ้านด้วย มันยังไงกันแน่ ในเมื่อหย่
บทที่ 33เสียงโทรศัทพ์มือถือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะ ทำให้ตาคู่สวยที่บอบช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักในตอนเช้า ต้องละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อก้มดูหน้าจอว่าใครโทร.มา แม้หัวใจจะเจ็บช้ำปานใดเมื่อเห็นว่าเบอร์ที่โทร.เข้ามาเป็นเบอร์ของคนในครอบครัวของปราณต์ แต่นัสรินก็ตัดสินใจรับเพราะอย่างน้อยธรินดาก็ยังเป็นน้องสาวที่น่ารักสำหรับเธอมาตลอด ตั้งแต่ครั้งที่เธอยังหมั้นกับปรัชญ์“สวัสดีจ้ะน้องเล็ก” น้ำเสียงยามกรอกลงไปในโทรศัพท์นั้นยังพยายามฝืนให้เป็นปกติ ไม่ให้อีกฝ่ายจับสังเกตได้ว่าตอนนี้เธออยู่ในอาการเช่นใด แม่เลี้ยงลักษิกาคงเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าให้กับธรินดาและปรัชญ์ฟังหมดแล้ว และนั่นคงเป็นเหตุผลที่ธรินดาโทร.มาหา“สวัสดีค่ะพี่นัส วันหยุดนี้พี่นัสจะไปไหนหรือเปล่าคะ พวกเราว่าจะไปเที่ยวดอยที่เชียงรายกัน พี่นัสไปด้วยกันไหมคะ”ธรินดาเอ่ยชวนมาอย่างมีไมตรีจนคนฟังสัมผัสได้ถึงความจริงใจ หากเป็นเมื่อก่อนเธออาจลังเลว่าจะไปด้วยดีหรือไม่ เพราะอย่างน้อยคนในครอบครัวของอดีตสามีก็ดีกับเธอทุกคน แต่หลังจากเหตุการณ์เมื่อเช้าเธอคงไม่มีหน้าไปพบใคร“วันเสาร์นี้พี่จะกลับบ้านไปหาพ่อกับแม่ที่กรุงเทพฯ น่ะจ้ะ เอาไว
บทที่ 34นัสรินหยิบมาเปิดดู ก่อนจะหน้าซีดเผือดราวกับขาดโลหิตอย่างอึ้งๆ เพราะจำนนด้วยหลักฐาน เธอไม่คิดว่าปราณต์จะได้เห็นการ์ดพวกนี้ เพราะการ์ดพวกนี้เป็นส่วนที่เธอแจกให้กับญาติและเพื่อนสนิทฝั่งตัวเอง ซึ่งในการ์ดแต่งงานที่ออกแบบอย่างสวยงามนั้น ระบุชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวเป็นชื่อของเธอกับเขา นั่นเป็นการยืนยันชัดว่าการแต่งงานที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับเขาไม่ใช่เกิดขึ้นเพราะสาเหตุของการตกกระไดพลอยโจน แต่เกิดจากความตั้งใจของเธอกับปรัชญ์ที่วางแผนการเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะให้ปราณต์แต่งงานกับเธอแทน“คุณอยากให้นัสชดใช้ยังไงล่ะคะ” เธอหันไปถามเมื่อคิดว่ายังไงเรื่องนี้ตัวเองก็เป็นคนทำผิดจริงๆ“คุณน่าจะรู้ดีนะนัสริน ว่าผมยังต้องการร่างกายของคุณ”คำพูดนั้นแสนเย็นชาและฟังดูใจร้ายเหลือเกิน และแม้นัสรินจะรู้อยู่แล้วก็ยังอดปลาบแปลบใจไม่ได้“นัสก็ให้คุณไปแล้วนี่คะ” นัสรินเชิดหน้าขึ้นตอบ พยายามทำตัวให้นิ่งเฉย เหมือนกับไม่รู้สึกรู้สาต่อคำพูดของเขาเช่นกัน“น้อยไปไหม แค่ครั้งเดียวผมยังไม่อิ่มหรอก”“แล้วต้องกี่ครั้ง คุณปราณต์ถึงจะพอ”“จนกว่าผมจะพอใจ”นัสรินจ้องหน้าคนใจร้ายเลือดเย็นอย่างน้อยใจ เขาช่างพูดออกมาได้ว่าเธอ