ขณะที่นัสรินกำลังขุ่นเคืองคนพูด ร่างสูงก็ขยับมายืนซ้อนหลัง ทำเอานัสรินตัวแข็งทื่อกลัวว่าปราณต์จะมาทำอะไรอย่างที่ตัวเองนึกหวาดหวั่น ไม่ใช่ว่าเธอจะรังเกียจหรือไม่ไยดีต่อไฟปรารถนาของเขา ตรงกันข้ามเธอกลับโหยหามันอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่เธอรู้สึกแย่กับตัวเองที่ร่างกายนี้เป็นที่ปรารถนาของเขา หากแต่หัวใจของเธอเขากลับไม่คิดแม้แต่จะเหลียวแล
“เมื่อไหร่จะเลิกประวิงเวลา ไหนว่าอาบน้ำเสร็จจะไปนอนรอบนเตียง” เขาทวงถามถึงคำพูดที่เธอพูดใส่หน้าเขาก่อนจะเข้าไปอาบน้ำ
“ผมนัสยังไม่แห้งนี่คะ จะให้ไปนอน หมอนคุณก็เปียกแย่” เสียงหวานตอบพลางใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดมือราวกับไม่สนใจคำพูดของเขา ทั้งๆ ที่ตอนนี้หัวใจเต้นแรงโลดไปหมด
“หมอนเปียก ผมไม่ซีเรียสหรอก แต่ผมจะซีเรียสถ้าหากว่าส่วนอื่นของคุณ ‘เปียก’ โดยที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ”
คำพูดของเขาทำให้ร่างบางที่นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ตอนแรกลุกพรวดพราดขึ้นจากเก้าอี้ และหันหน้าไปเผชิญกับคนชอบหาเรื่องและพูดจาสองแง่สองง่ามด้วยสายตาเคืองขุ่น
“หมอลามก! นัสไม่เคยเป็นแบบนั้น”
“งั้นก็แสดงว่า ‘เปียก’ เฉพาะกับผมน่ะสิ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างยียวนแววตาก็ไหวระริกอย่างคนที่กำลังขำแต่หน้ากลับยังนิ่งเฉย แต่นัสรินไม่ได้นิ่งด้วย เธอกำมือและระดมกำปั้นเล็กๆ ทุบอกเขาอย่างเจ็บใจและระบายอารมณ์
“หมอบ้า! เกลียดๆๆๆ”
ปราณต์รวบมือและได้ทีตวัดร่างบางที่ไม่ทันระวังตัวนั้นมากอด ทำให้เนื้อตัวที่มีเพียงเสื้อคลุมของเขาคลุมอยู่เสียดสีกับร่างกำยำทันที
“ปล่อยนัสนะคะ” เธอบอกเสียงห้วนเพราะยังเคืองขุ่นอยู่ แต่ก็ทำอะไรปราณต์ไม่ได้อีกเนื่องจากตอนนี้ถูกเขากอดเอาไว้แน่น
“หมดเวลาของคุณแล้วนัสริน ต่อไปนี้เป็นเวลาของผม”
จบคำร่างสูงก็ย่อตัวลงช้อนอุ้มเอาร่างเล็กบางนั้นขึ้นไว้ในอ้อมแขน พาเดินไปยังเตียง วางลง แล้วโน้มตัวลงทาบทับทันทีโดยไม่มีเวลาให้เชลยหัวใจได้ตั้งตัวเลย
“คุณลบคลิปนั้นทิ้งก่อนได้มั้ยคะ” เสียงหวานถามขัดขึ้นอย่างต่อรอง ก่อนที่ปากของเขาจะประกบลงมา
“ผมจะลบก็ต่อเมื่อผมได้คุณจนพอใจแล้วเท่านั้น”
นัสรินกำลังจะเอ่ยปากต่อว่าความใจร้ายของเขา แต่ไม่ต่างอะไรกับการเผยอปากให้ปากหยักร้อนนั้นแนบลงมาประกบ ปากนุ่มถูกปิดกั้นอยู่เนิ่นนานหลายนาที นานกว่าตอนที่เขาใช้เวลาถอดเสื้อคลุมจากร่างกายของเธอเสียอีก หลังจากนั้นเขาจึงอนุญาตให้ปากของเธอว่าง แต่ปากนั้นก็ไม่สามารถเอ่ยต่อว่าต่อขานอะไรได้อีก เพราะตอนนี้นัสรินรู้สึกเหมือนว่ามันมีไว้เพื่อปลดปล่อยเสียงครางกระเส่าของตัวเองออกมาเท่านั้น หนักเบาล้วนขึ้นอยู่กับรสสัมผัสอันสุดซ่านสยิวของปากและจมูกโด่งที่ประพรมไปทั่วร่างกาย
ร่างบางได้แต่บิดไหวยามเมื่อปราณต์ทะยานเข้ามาเป็นหนึ่งเดียว มือเรียวเล็กยกขึ้นโอบกอดลูบไล้บนกล้ามเนื้อแน่นหนา ขณะที่เขาโหมกระหน่ำความปรารถนาลงใส่ร่างกายของเธออย่างเต็มอารมณ์ ตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเหยเกที่มองมายังเธอเช่นกัน
แม้แต่ยามอยู่ในอารมณ์รักเช่นนี้ เขาก็ยังดูหล่อเหลาเหลือเกิน เขาจะรู้ไหมหนอว่าเธอทรมานแค่ไหน ที่ต้องหักห้ามใจตัวเองไม่ให้รักเขา ขณะที่ร่างกายกลับตื่นเพริดไปด้วยความสุขสม ทั้งที่รู้ดีว่าทุกห้วงนาทีที่เขาหยัดกายแรงลึกเข้ามาเต็มกำลังนั้น เหมือนดั่งว่าเขาจะตอกตรึงเธอให้เป็นเพียงธาตุอารมณ์ของเขาตลอดไปเท่านั้น
เช้าวันใหม่...สายหยุดมาเคาะห้องและนำเสื้อผ้าของนัสรินที่ซักแห้งและรีดจนหอมกรุ่นเรียบร้อยแล้วมาส่งตามคำสั่งของปราณต์ที่โทร.ลงไปเรียก ตอนที่สายหยุดมานั้นนัสรินอาบน้ำเสร็จพอดี และปราณต์ก็เข้าไปอาบน้ำบ้าง จึงเป็นหน้าที่ของเธอที่ต้องไปรับเสื้อผ้าจากสายหยุดที่หน้าประตู
“ขอบคุณมากนะคะพี่สายหยุด” เสียงหวานเอ่ยอย่างนุ่มหู แต่ก็ไม่กล้าสบตาสาวใช้ที่สูงวัยกว่า ด้วยเพราะรู้ดีว่าสายหยุดต้องรู้แน่ว่าเมื่อคืนระหว่างเธอกับปราณต์เกิดอะไรขึ้นบ้าง มันช่างน่าอายเหลือเกินที่คนอื่นๆ ต้องมารับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งแรกคนของคุ้มลักษิกาก็รับรู้กันหลายคน และมาครั้งนี้คนที่บ้านในกรุงเทพฯ ก็มารับรู้กันทั้งบ้าน ซึ่งปราณต์คงไม่รู้สึกอะไร คงจะมีความสุขด้วยซ้ำที่ทำให้เธออับอายได้
“ไม่เป็นไรค่ะคุณนัส อาหารเช้าเตรียมเสร็จแล้วนะคะ ถ้าคุณนัสกับคุณปราณต์หิวก็ลงไปทานกันได้เลยค่ะ”
“คงสักพักค่ะพี่สายหยุด คุณปราณต์ยังอาบน้ำอยู่”
“ค่ะ ถ้าอย่างนั้นสายหยุดไปจัดโต๊ะรอนะคะ”
ว่าแล้วสายหยุดก็ผละไปโดยไม่พูดหรือแสดงกิริยาอะไรให้นัสรินต้องอับอาย แต่สำหรับคนที่มีราคีติดตัวอย่างเธอก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้
ปราณต์ออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่นัสรินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ เขายังคงไม่พูดอะไรนอกจากแต่งตัวเงียบๆ จากนั้นก็จูงมือเธอพาลงไปชั้นล่างและทานอาหารด้วยกัน หลังจากอิ่มเขาก็พาเดินออกไปยังรถที่ลุงเล็กเตรียมไว้ให้ คราวนี้เป็นนัสรินที่ทนต่อความสงสัยไม่ไหวจึงเป็นฝ่ายถามขึ้น
“คุณจะพานัสไปไหนคะ”
“พาไปซื้อเสื้อผ้าใหม่”
“เสื้อผ้าของนัสมีเยอะแยะแล้วค่ะ นัสไม่ได้อยากได้ใหม่” นัสรินปฏิเสธเสียงแข็ง เธอไม่อยากรับอะไรจากเขา เพราะนั่นมันยิ่งตอกย้ำว่าเธอเป็นเมียเก็บของเขา เขาจึงมีหน้าที่ต้องซื้อข้าวของให้เพื่อเอาใจและตอบแทนเรื่องบนเตียงที่เธอยอมให้เขา
“ผมไม่ชอบให้คุณแต่งชุดรัดติ้วล่อเสือล่อตะเข้”
“มันเนื้อตัวของนัสนี่คะ นัสจะแต่งยังไงมันก็สิทธิ์ของนัส”
“แต่ตอนนี้เนื้อตัวคุณมันเป็นสิทธิ์ของผม เพราะฉะนั้นผมจึงมีสิทธิ์ที่จะทำอะไรกับร่างกายของคุณก็ได้”
ปราณต์บอกเสียงเข้มทำให้นัสรินเบือนหน้าหนีอย่างเจ็บปวด ปราณต์จึงออกรถไปโดยไม่เดือดร้อนกับท่าทีของเธอ เมื่อไปถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังเขาก็พาเธอไปเลือกเสื้อผ้า นัสรินไม่ยอมเลือกเขาก็เป็นคนเลือกให้ แต่ละชุดล้วนแต่สวยหวานเรียบร้อย ต่างกับชุดปัจจุบันที่เธอใส่ทำงานอยู่อย่างสิ้นเชิง ปราณต์เลือกให้เกือบสิบชุด จากนั้นเขาเป็นคนจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตของเขา
บทที่ 39“หิวหรือเปล่า อยากกินอะไรมั้ย” ปราณต์หันมาถามหลังออกจากร้านเสื้อผ้าแล้ว“ไม่ค่ะ” นัสรินตอบสั้นๆ ไม่อยากพูดอะไรกับเขาในตอนนี้“ถ้าอย่างนั้นก็กลับ”มือข้างหนึ่งตวัดมากระชับมือของเธอแล้วจูงให้เดินตาม อีกมือถือถุงเสื้อผ้าที่เขาบอกพนักงานขายให้รวมใส่ถุงแค่สามถุงเพื่อจะได้ไม่พะรุงพะรัง แล้วเดินเคียงคู่กันออกไปยังรถ ทำให้นัสรินอดคิดไม่ได้ ตอนนี้ท่าทางที่เขากำลังปฏิบัติกับเธอคงทำให้คนมองเข้าใจว่า เธอกับเขาเป็นคู่รักหรือสามีภรรยาที่มาเดินเที่ยวห้างซื้อของด้วยกันในวันหยุด มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่ทั้งสองอย่าง ตอนนี้เธอเป็นเมียเก็บและนางบำเรอของเขาเต็มตัวแล้วนัสรินแปลกใจอย่างมากเมื่อเห็นว่าปราณต์ไม่ได้ขับรถกลับบ้านของเขาอย่างที่เธอคิด แต่เบนจุดหมายไปทางอื่นเหมือนกับว่าเขามีธุระจะทำต่อ ทั้งๆ ที่ก่อนออกจากห้างเขาบอกเธอว่าจะพากลับตาคู่สวยมองถนนเส้นนั้นอย่างคุ้นเคย เพราะมันเป็นถนนที่ไปยังบ้านของเธอ และเมื่อปราณต์ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านของเธอจริงๆ เธอก็หันไปมองเขาอย่างหวาดหวั่น“คุณพานัสมาที่นี่ทำไมคะ” นัสรินรีบถามอย่างร้อนใจ กลัวว่าเขาจะทำอะไรห่ามๆ ให้เธอได้อับอายขายหน้าพ่อแม่อีก
บทที่ 40ทันทีที่กลับมาทำงานเชียงใหม่ในเช้าวันจันทร์ นัสรินก็ได้รับโทรศัพท์จากกิตติ บอกว่าทางโรงพยาบาลจะจัดงานเลี้ยงราตรีสโมสรเพื่อระดมทุนซื้อเครื่องมือแพทย์ บริษัทของเธอในฐานะซัพพลายเออร์จึงต้องไปร่วมงานดังกล่าวและนำทุนส่วนหนึ่งไปมอบให้เพื่อแสดงไมตรีจิต และนัสรินก็ถูกมอบหมายจากกิตติให้ไปร่วมงานดังกล่าวนัสรินรับปากแต่ก็คิดหนัก เพราะคาดว่าต้องเจอปราณต์ในงานนั้นแน่ๆ แต่อีกใจก็ปลอบตัวเองว่า คนในงานน่าจะเยอะอยู่พอสมควร หากเธอหลบเลี่ยงดีๆ ก็คงหนีสายตาของปราณต์พ้น ดังนั้นตอนนี้จึงเหลือเพียงเรื่องเดียวที่ยังเป็นปัญหาก็คือเรื่องชุดที่จะใส่ไปร่วมงาน เธอไม่ได้เตรียมชุดเพื่อจะออกงานกลางคืนมาด้วย เพราะไม่คิดว่าจะต้องได้ไป ดังนั้นหลังจากเคลียร์งานที่โต๊ะเสร็จ นัสรินจึงขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าชื่อดังในเชียงใหม่ เพื่อหาชุดราคาจับต้องได้สักชุดสำหรับใส่ไปร่วมงานร่างบางเดินแค่มองสำรวจ ยังไม่ได้แวะร้านไหน เพราะอยากดูโดยรวมก่อน เดินดูชุดร้านนั้นร้านนี้ผ่านกระจกหน้าร้านไปเรื่อยๆ ก็คิดถึงเสื้อผ้าที่ปราณต์พาไปซื้อ ชุดที่เขาซื้อให้มีแต่ชุดแพงๆ วันนั้นเขาหมดไปหลายหมื่นเหมือนกัน ทว่าเธอก็ทิ้งชุดพวกนั้นไว้ในร
บทที่ 41“จะไปงานอะไรคะแม่เลี้ยง”“หนูนัสจะไปงานเลี้ยงราตรีสโมสรของโรงพยาบาล น่าจะจัดที่หอประชุมจังหวัดนั่นแหละ แต่ฉันอยากให้ลูกสะใภ้ของฉันสวยและเด่นที่สุดในงาน คุณวรรณจัดให้ได้ไหม”“ไม่มีปัญหาค่ะแม่เลี้ยง เชิญวัดตัวค่ะคุณนัส”“คุณแม่คะ...” นัสรินกำลังจะเอ่ยแย้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่แม่เลี้ยงลักษิกาไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธใดๆ“แม่เองก็ถูกเชิญให้ไปงานนี้เหมือนกัน กำลังคิดอยู่ว่าจะให้ใครไปแทน เห็นหนูนัสว่าจะไปแม่ก็เลยคิดออก ถือว่าแม่ขอร้องก็แล้วกันนะ แม่จะให้หนูนัสเอาซองของแม่ไปด้วย ถือว่าเป็นตัวแทนของบริษัทด้วย ของแม่ด้วย พอดีช่วงนี้แม่ขี้เกียจออกงาน แก่แล้วก็อยากอยู่กับลูกกับหลานสบายๆ บ้าง”เมื่อถูกขอร้องแกมบังคับเช่นนั้น นัสรินจึงจำต้องยอมให้เจ้าของห้องเสื้อวัดตัวและเลือกแบบชุดให้ตามที่เห็นสมควร พอวัดตัวและเลือกแบบชุดเสร็จแม่เลี้ยงก็สั่งกำชับวรรณาว่า ขอให้เร่งตัดชุดและนำชุดไปส่งให้กับนัสรินที่อพาร์ตเมนต์ของเธอหลังจากวรรณากลับไปแล้ว แม่เลี้ยงลักษิกาก็ไปเปิดเซฟ เขียนเช็คใส่ซองสำหรับบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาล พร้อมกับถือกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ติดมือมาด้วยกล่องหนึ่ง“นี่เป็นซองที่แม่จะฝากไป
บทที่ 1เรากำลังจะหมั้น!คนที่รอคอยและลุ้นอะไรมากๆ มักจะตื่นเต้นเสมอ และยิ่งเป็นเรื่องที่จะมาเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาล มันก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นอีกเป็นหลายเท่า ความรู้สึกของผู้หญิงทุกคนเมื่อวันสำคัญของตัวเองมาถึงคงไม่ต่างกัน โดยเฉพาะช่วงเวลาที่รอคอยให้พิธีการมาถึงร่างบางสวยสง่างามระหงในชุดเดรสสีขาวแบบเปิดไหล่เล็กน้อย แขนยาว ตัดเย็บอย่างประณีตด้วยผ้าลูกไม้สีขาวทั้งชุด ผมดำขลับถูกม้วนเป็นก้นหอยคล้ายกลีบดอกกุหลาบและรวบไว้ด้านหลังอย่างเรียบร้อย เปิดใบหน้างดงามที่ไร้ไฝฝ้าตำหนิใดๆ มีเพียงแค่เครื่องสำอางชั้นดีซึ่งแต่งเติมโดยโทนสีชมพูอมส้ม เพื่อให้ใบหน้านั้นดูมีสีสันและโดดเด่นยิ่งขึ้น บนลำคอมีสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ เข้าชุดกับต่างหูที่ใส่ประดับแค่พองามหากเป็นยามปกติ เธอคงไม่คิดจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหรูหราและราคาแพงขนาดนี้ แม้กระทั่งในยามที่ต้องออกงานสังคมกับบิดามารดาเป็นบางครั้งบางคราว เธอก็เลือกเสื้อผ้าที่ราคาไม่ได้แพงอะไร ด้วยรู้ว่าเสื้อผ้าเหล่านั้นใส่ออกงานซ้ำได้เพียงครั้งสองครั้งเท่านั้น แต่สำหรับงานวันนี้และชุดนี้มันคือข้อยกเว้น เพราะมันเป็นชุดที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาแพงเฉียดหมื่นทั้งห
บทที่ 2 หัวใจดวงน้อยของคนที่นั่งอยู่วูบหวิว ทันทีที่นกยักษ์ลำนั้นเร่งสปีดเต็มอัตราเร็วบนรันเวย์ ก่อนจะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่อาการวูบโหวง ใจสั่นหวิว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง คล้ายดั่งว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอาการกลัวความสูง แต่นัสรินรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหล่านี้ ห่างไกลจากคำว่า ‘กลัวความสูง’ ลิบลับ แม้จะเดินทางไม่ค่อยบ่อย แต่เธอก็ขึ้นเครื่องบินมากว่ายี่สิบครั้งแล้ว ซึ่งแรกๆ จะกลัวและตื่นเต้น แต่พอมาครั้งหลังๆ ก็ชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการขึ้นลงของเครื่องบินเสียแล้ว ทว่าสาเหตุของอาการวูบโหวงสลับกับหนักอึ้งในใจอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางที่เธอกำลังจะไปนั้นต่างหาก เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ จังหวัดที่เธอไม่เคยเหยียบย่างไปเลยนับตั้งแต่หย่าขาดจากสามี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่าเธอก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ชีวิตในช่วงสั้นๆ ของการแต่งงานได้เลย ทั้งๆ ที่พยายามมาตลอดที่จะไม่นึกถึงมัน เธอถูกตีตราด้วยคำว่า ‘แม่หม้าย’ ทันที หลังจากแต่งงานเพียงแค่สามเดือนและต้องหย่าก
บทที่ 3“นัสทราบดีค่ะว่าคุณปราณต์เกลียดนัสแค่ไหน”“เข้าใจซะใหม่นะนัสรินว่าผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ผมรังเกียจพฤติกรรมของคุณต่างหาก” ปราณต์ย้ำคำพูดตัวเองด้วยสีหน้าเฉยชา หากแต่ความหมายของมันจะต่างอะไรกันล่ะในความรู้สึกของนัสริน ในเมื่อไม่ว่าเขาจะรังเกียจหรือเกลียดมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกในด้านดีเลยสักนิด“เพราะอย่างนี้ไงคะ นัสเลยจะคืนอิสระให้คุณปราณต์ คุณปราณต์จะได้เริ่มต้นชีวิตใหม่”“เหมือนที่คุณเองก็จะได้หาผัวใหม่เหมือนกันใช่ไหม”เป็นอีกครั้งที่นัสรินอึ้งกับวาจาของปราณต์ เธอแค่คิดจะหย่ากับเขาเพื่อให้เขาเป็นอิสระ แต่ไม่เคยคิดจะหาใครมาแทนที่เขาอย่างที่เขากล่าวหาสักนิด ทว่าพูดไปมันก็คงเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ในเมื่อปราณต์ปักใจรังเกียจเธอตั้งแต่แต่งงานกันแล้ว“ตกลงคุณปราณต์จะหย่าหรือเปล่าคะ” นัสรินถามตรงๆ และไม่คิดจะต่อปากต่อคำใดๆ เพื่อให้ตัวเองต้องเจ็บปวดไปมากกว่านั้นอีก“ก็ตามใจ อยากหย่าก็จะหย่าให้”พูดแค่นั้น ปราณต์ก็ลุกพรวดพราดจากโต๊ะอาหารแล้วก้าวดุ่มๆ ออกไปยังโรงรถ นัสรินได้แต่เพียงยืนมองตามหลังร่างสูงนั้นไปด้วยสายตาเศร้าสร้อยและเจ็บปวด เธอไม่เคยทำอะไรถูกใจเขาเลย แม้แต่ตอนพูดเรื่องหย่า ที่เธอ
บทที่ 4“นัสคงไม่เคยดีเลยสินะคะในสายตาคุณปราณต์”“ก็เคย แต่นั่นมันก่อนที่ผมจะรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นยังไง!”นัสรินทั้งอึ้งทั้งเจ็บที่เขาตอบออกมาไวราวกับไม่ต้องคิด ถ้าย้อนเวลาได้เธอคงปฏิเสธข้อเสนอของปรัชญ์ที่ให้เธอแต่งงานกับปราณต์แทน เพราะอย่างน้อยการได้แอบรัก มันยังดีกว่าการได้แต่งงานกับคนที่รัก แต่ต้องอยู่กันด้วยความเกลียดชัง“ถ้าอย่างงั้นคุณปราณต์ก็ดีใจได้เต็มที่เลยค่ะ หรือจะเตรียมทำบุญใหญ่ล้างซวยด้วยก็ได้ เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงสิ่งไม่ดีอย่างนัสจะออกจากชีวิตคุณปราณต์แล้ว”นั่นคือวาจาประชดประชันอันรุนแรงที่สุดเท่าที่นัสรินจำได้ว่าตัวเองเคยใช้กับเขา เธอไม่เคยคิดจะใช้คำพูดแบบนี้กับใครด้วยซ้ำ แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับ มันผลักดันให้เธอหลุดมันออกมา ตอนนั้นเธออยู่ในอาการของคนหัวใจสลาย ขอบตาร้อนผ่าว รู้ดีว่านั่นคืออาการของคนที่กำลังจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เธอจึงรีบเชิดหน้าพร้อมกับก้าวเท้าเพื่อหนีหน้าคนใจร้ายให้เร็วที่สุด ไม่อยากร้องไห้ ไม่อยากให้น้ำตาหล่นต่อหน้าเขา เดี๋ยวเขาจะหาว่าสำออยและแกล้งฟูมฟายเอาอีกร่างเล็กก้าวได้ไม่ถึงก้าว มือแข็งแรงของปราณต์ก็ยื่นไปตะปบที่ต้นแขน กระชากร่างให้เธอห
บทที่ 5“คุณปราณต์ปล่อยนะคะ” นัสรินร้องบอกออกไป พร้อมกับหอบหายใจอย่างเหนื่อยๆ เพราะต้องออกแรงสู้กับเขาสองยกติดๆ กัน แทนที่จะปล่อย แต่ปราณต์กลับกวาดสายตามองเธอช้าๆ ตั้งแต่ริมฝีปากที่กำลังสั่นน้อยๆ กระทั่งไปหยุดมองอยู่ตรงหน้าอกอวบอิ่มที่สะท้อนขึ้นลงๆ จากแรงหายใจของเธอ เขาจ้องอยู่ตรงนั้นนานจนเธออับอายไปหมด“ไม่ปล่อย นี่มันแค่เริ่มต้น”“นัสขอร้องค่ะ นัสไม่ต้องการ” “ไม่ต้องการเหรอ” ปราณต์เงยหน้าขึ้นจากการมองหน้าอกอวบคู่นั้น แล้วแนบใบหน้าลงมาจนปากเกือบชิดกัน จึงกลายเป็นว่าเขากระซิบอยู่ใกล้เรียวปากนุ่มแค่เส้นด้ายกั้น กลิ่นแอลกอฮอล์โชยคลุ้งมากับลมหายใจของเขา ทว่านัสรินกลับไม่นึกรังเกียจเลยแม้แต่นิด ตรงกันข้ามกลิ่นนั้นกลับแล่นเข้าไปกระตุ้นเร้าให้หัวใจของเธอเต้นแรง ราวกับกำลังจะทะลุออกมานอกอก“ไม่ต้องการค่ะ” เธอปฏิเสธและเบือนหน้าหนีสายตาของเขา แค่ถูกกอดถูกจูบเธอยังสั่นไปหมด แต่ตอนนี้เธอกำลังถูกปราณต์นอนทับ สัดส่วนแทบจะทุกสัดส่วนแนบชิดกัน มีเพียงอาภรณ์ขวางกั้น แถมตอนนี้สายตาของเขาที่มองเธออย่างโกรธกรุ่นในตอนแรก ก็เปลี่ยนเป็นมองอย่างลุ่มลึกทว่าเจือไว้ด้วยไฟปรารถนาบางอย่าง คงเป็นเพราะฤทธิ