แชร์

บทที่ 35

บทที่ 35

แท็กซี่จากสนามบินแล่นมาจอดยังลานหน้าบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ย่านชานเมืองกรุงเทพฯ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว้างขวางกว่าสามร้อยตารางวา มีรั้วรอบขอบชิดแน่นหนา พื้นที่รอบบ้านเต็มไปด้วยสีเขียวขจีของสนามหญ้าซึ่งปลูกแซมด้วยต้นปาล์ม ให้ความรู้สึกโอ่อ่ากว้างขวาง ชวนสบาย บ่งบอกถึงฐานะผู้เป็นเจ้าของได้เป็นอย่างดี

สำอางกับลุงเล็กสองสามีภรรยาที่ทำหน้าที่เฝ้าบ้านรวมทั้งสายหยุดลูกสาวของทั้งคู่ต่างเดินมาดู เมื่อเห็นว่าคนที่ลงมาจากรถคือปราณต์ซึ่งมาพร้อมกับนัสรินที่เป็นอดีตภรรยาเก่าก็ต้องแปลกใจเป็นอย่างมาก

“สวัสดีค่ะคุณปราณต์ คุณนัส” สำอางยกมือขึ้นไหว้ทั้งสองคน ซึ่งปราณต์และนัสรินก็ยกมือขึ้นรับไหว้ เพราะถึงแม้ว่าสำอางจะเป็นลูกจ้างแต่ก็เป็นผู้ใหญ่กว่า

“สบายดีนะป้าสำอาง ลุงเล็ก สายหยุด”

“สบายดีทุกคนค่ะ อิฉันไม่ทราบว่าคุณปราณต์จะมา ไม่อย่างนั้นคงให้ตาเล็กไปรับที่สนามบินแล้วละค่ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมนั่งแท็กซี่มาเองก็ไม่ได้ลำบากอะไร ทุกคนมีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวผมดูแลตัวเองได้ อ้อ...แล้วไม่ต้องโทร.บอกแม่ล่ะว่าผมมาที่นี่” ปราณต์สั่งกำชับในประโยคท้าย ทำให้ทุกคนต่างพยักหน้ารับรู้ แม้จะสงสัยและอยากบอกแม่เลี้ยงลักษิกาผู้เป็นเจ้านายสูงสุด แต่เมื่อปราณต์สั่งเช่นนั้นก็ไม่มีใครคิดจะกล้าขัดคำสั่ง

“แล้วคุณปราณต์กับคุณนัสทานอะไรกันมาหรือยังคะ ถ้ายังไม่ทานอะไรเดี๋ยวอิฉันกับสายหยุดจะไปเตรียมอาหารให้ค่ะ”

“ไม่ต้องหรอกป้าสำอาง เดี๋ยวผมจะให้นัสรินจัดการเอง” เขาตอบคนของเขาโดยไม่ได้ถามหญิงสาวที่ยืนเงียบอยู่ข้างๆ สักนิด

“ถ้าอย่างนั้นอิฉันกับสายหยุดและตาเล็กอยู่หลังบ้านนะคะ คุณปราณต์มีอะไรก็ไปเรียกได้เลยค่ะ”

หลังจากพูดจบป้าสำอาง ลุงเล็ก และสายหยุดต่างก็เดินตามกันไปยังที่พักซึ่งอยู่ด้านหลังของคฤหาสน์ เพราะรู้เป็นนัยๆ ว่าเจ้านายต้องการความเป็นส่วนตัว

“ไปทำอะไรให้กินหน่อยสิ” เขาหันมาพูดกับนัสรินเป็นครั้งแรกพร้อมทั้งขยับมาโอบเอวและพาเดินเข้าบ้านไปด้วยกัน

“นัสทำอาหารไม่ได้เรื่อง น่าจะไม่ถูกปากคุณ”

นัสรินปฏิเสธอย่างตั้งป้อม เมื่อคิดถึงเรื่องราวในครั้งอดีตที่เขาแทบจะไม่ไยดีกับอาหารที่เธอทำเลย

“ก็กินมาได้ตั้งสามเดือนนี่นะ กินอีกสักมื้อจะเป็นไรไป”

“งั้นก็ปล่อยนัสค่ะ นัสจะได้เข้าครัว”

เธอบอกพลางพยายามแกะมือที่โอบอยู่บนเอวของตัวเองออก

“ปล่อยก็ได้ แต่อย่าโอ้เอ้อยู่ในครัวนานนักล่ะ เพราะไม่อย่างนั้นผมจะตามเข้าไปกินคุณในครัวแทนอาหาร”

ปราณต์สั่งแกมขู่สำทับก่อนจะยอมปล่อยมือออกจากเอวเล็ก เพื่อให้นัสรินเข้าไปทำอาหารในห้องครัว ส่วนตัวเองเดินไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น

ร่างบางในชุดลำลองพาตัวเองเข้าไปในห้องครัวอย่างพอจะจำได้แม้จะเคยมาที่นี่แค่ครั้งเดียว เธอถูกมีดบาดในตอนที่เข้ามาช่วยธรินดาเตรียมอาหาร ตอนนั้นตัวเองยังไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรเกี่ยวกับเรื่องในครัว แต่ช่วงที่อยู่กับปราณต์เธอก็ได้เรียนรู้และค่อยๆ ทำทุกอย่างเป็นแม้จะไม่ดีเท่าใดนัก

มือเล็กเปิดตู้เย็น มองหาวัตถุดิบที่จะพอประกอบอาหารง่ายๆ ได้ แล้วหยิบออกมาวางเรียงรายกันที่โต๊ะ เธอเริ่มจากหุงข้าว ล้างผัก หั่นไส้กรอกเป็นแฉกๆ เตรียมไข่ออกมาสองฟอง เพื่อทำข้าวผัดอเมริกัน นัสรินออกจะงงตัวเองเหมือนกันที่จู่ๆ ก็ต้องมาอยู่ในห้องครัวของบ้านหลังนี้ ทั้งๆ ที่ตอนนี้เธอควรจะได้อยู่กับพ่อแม่ตามที่ตั้งใจ แต่เพราะคำขู่ของคนเลือดเย็นอย่างปราณต์ ทำให้เธอต้องยอมทำตามความต้องการของเขาอย่างเลี่ยงไม่ได้

เวลาผ่านไปร่วมชั่วโมง แต่อาหารก็ยังไม่เรียบร้อย เพราะคนทำหยิบจับอะไรไม่คล่องนัก ตั้งแต่หย่ากับปราณต์เธอก็แทบจะไม่ได้เข้าครัวเลย เนื่องจากที่บ้านมีแม่บ้านคอยดูแลเรื่องอาหารให้อยู่แล้ว อีกทั้งเธอพยายามจะหลีกเลี่ยง ด้วยกลัวว่าตัวเองจะคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ในตอนที่อยู่กับปราณต์

หอมหัวใหญ่คือสิ่งที่นัสรินหยิบมาหั่นเป็นลำดับสุดท้าย หลังจากเตรียมเบคอน ไส้กรอก และผักอย่างอื่นไว้หมดแล้ว มือข้างขวาจับมีดที่คมกริบผ่าหอมหัวใหญ่ออกเป็นสองซีก จากนั้นก็ลงมือหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ ขณะที่กำลังหั่นอยู่นั่นเอง เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็ดังใกล้เข้ามา นัสรินรู้แน่ว่าเป็นปราณต์ เขาขู่เอาไว้ว่าหากเธอทำนาน เขาจะมากินเธอแทนอาหาร ทำให้หญิงสาวต้องเร่งมืออย่างลนลาน อารามเร่งรีบบวกกับละอองจากหัวหอมที่พวยพุ่งขึ้นใส่ตา ทำให้มีดคมกริบในมือแฉลบไปโดนนิ้วชี้ข้างซ้ายที่ช่วยจับหอมหัวใหญ่ชิ้นนั้นอยู่

“อุ๊ย!”

เสียงร้องอุทานดังขึ้นพร้อมกับที่มีดในมือถูกวางอย่างเป็นอัตโนมัติ และเสียงนั้นก็ทำให้คนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในครัวรีบปรี่เข้าไปดูทันที

“เป็นอะไร???”

“นัสโดนมีดบาดค่ะ” เสียงหวานทั้งตอบทั้งซี้ดปากสลับกัน

“ใจลอยไปถึงใครล่ะถึงได้ซุ่มซ่ามจนตัวเองเจ็บแบบนี้ ไหนผมขอดูหน่อย” ปราณต์บ่นพลางจับมือด้านซ้ายมาดูแผลให้ และก็ชะงักไปครู่หนึ่งเมื่อเห็นรอยจางๆ รอบนิ้วนางของเธอ ซึ่งมันคือรอยของการสวมแหวนหมั้นและแหวนแต่งงานนั่นเอง แหวนหมั้นปรัชญ์เป็นคนสวมมัน ส่วนแหวนแต่งงานเขาเป็นคนสวม แต่ไม่รู้ว่าตอนถอดผู้ชายคนไหนเป็นคนถอดให้

“นัสไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ” เธอฝืนใจบอกเขาไปแบบนั้นซึ่งส่วนทางกับสีหน้ายิ่งนัก

“แน่ใจนะว่าไม่อยากให้ผมทำแผลให้”

“แผลแค่นี้เองค่ะ นัสซุ่มซ่ามไปหน่อยเลยพลอยทำให้คุณเสียเวลารอนาน คุณปราณต์ออกไปก่อนเถอะค่ะ นัสจวนจะเสร็จแล้ว” นัสรินพูดตามประสาซื่อโดยไม่รู้ตัว ว่าคำพูดที่ว่า ‘จวนจะเสร็จ’ จะสะดุดหัวคนฟังยิ่งกว่าอะไร

“ผมจับมือยังไม่ได้เอาอะไรใส่ คุณก็จะเสร็จแล้วเหรอ”

“หมอบ้านี่ พูดจากแต่เรื่องหื่นๆ ห่ามๆ หยาบคาย”

นัสรินกระชากมือตัวเองออกราวกับโดนของร้อน พร้อมกับตวัดตามองหมอโรคจิตอย่างเคืองขุ่น

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status