แชร์

บทที่ 41

บทที่ 41

“จะไปงานอะไรคะแม่เลี้ยง”

“หนูนัสจะไปงานเลี้ยงราตรีสโมสรของโรงพยาบาล น่าจะจัดที่หอประชุมจังหวัดนั่นแหละ แต่ฉันอยากให้ลูกสะใภ้ของฉันสวยและเด่นที่สุดในงาน คุณวรรณจัดให้ได้ไหม”

“ไม่มีปัญหาค่ะแม่เลี้ยง เชิญวัดตัวค่ะคุณนัส”

“คุณแม่คะ...” นัสรินกำลังจะเอ่ยแย้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่แม่เลี้ยงลักษิกาไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธใดๆ

“แม่เองก็ถูกเชิญให้ไปงานนี้เหมือนกัน กำลังคิดอยู่ว่าจะให้ใครไปแทน เห็นหนูนัสว่าจะไปแม่ก็เลยคิดออก ถือว่าแม่ขอร้องก็แล้วกันนะ แม่จะให้หนูนัสเอาซองของแม่ไปด้วย ถือว่าเป็นตัวแทนของบริษัทด้วย ของแม่ด้วย พอดีช่วงนี้แม่ขี้เกียจออกงาน แก่แล้วก็อยากอยู่กับลูกกับหลานสบายๆ บ้าง”

เมื่อถูกขอร้องแกมบังคับเช่นนั้น นัสรินจึงจำต้องยอมให้เจ้าของห้องเสื้อวัดตัวและเลือกแบบชุดให้ตามที่เห็นสมควร พอวัดตัวและเลือกแบบชุดเสร็จแม่เลี้ยงก็สั่งกำชับวรรณาว่า ขอให้เร่งตัดชุดและนำชุดไปส่งให้กับนัสรินที่อพาร์ตเมนต์ของเธอ

หลังจากวรรณากลับไปแล้ว แม่เลี้ยงลักษิกาก็ไปเปิดเซฟ เขียนเช็คใส่ซองสำหรับบริจาคสมทบทุนให้กับโรงพยาบาล พร้อมกับถือกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ติดมือมาด้วยกล่องหนึ่ง

“นี่เป็นซองที่แม่จะฝากไปนะ ส่วนของในกล่องนี่แม่ให้หนูนัส”

นัสรินรับซองและกล่องนั้นมาเปิดดู แล้วมองคนให้อย่างอึ้งๆ

“แม่เลือกสร้อยเพชรเส้นเล็กๆ แต่ก็มากพอที่มันจะทำให้ลำคอระหงมีสง่าและคนจับจ้องมอง หนูนัสใส่สร้อยเส้นนี้ไปงานด้วยนะ” แม่เลี้ยงลักษิกาสั่งกำชับและบอกถึงความตั้งใจของตัวเอง

“นัสรับไม่ได้หรอกค่ะ มันมากเกินไป”

“ไม่มากเกินไปหรอกหนูนัส ถ้ายังรักและเคารพแม่อยู่ก็ขอให้รับและทำทุกอย่างที่แม่บอกให้ทำนะ”

นัสรินได้แต่พูดไม่ออก ไม่อยากรับของอะไรจากแม่เลี้ยงลักษิกาเลย ไม่ใช่ว่ารังเกียจรังงอน เพียงแต่เธอคิดว่าตัวเองไม่ได้เป็นอะไรกับครอบครัวของแม่เลี้ยงแล้ว จึงกระดากใจที่จะรับ แต่แม่เลี้ยงก็พูดในเชิงบังคับ ทำให้เธอจำต้องรับเครื่องประดับชิ้นนั้นกลับไปด้วย

งานเลี้ยงราตรีสโมสรถูกจัดขึ้นที่หอประชุมจังหวัดในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา และก็ไม่ผิดไปจากที่แม่เลี้ยงลักษิกาตั้งใจเอาไว้ เพราะทันทีที่นัสรินก้าวเข้าไปในห้องจัดงาน สายตาเกือบจะทุกคู่ต่างหันมายังเธออย่างสนใจ จนเธอต้องรีบกำจัดความเขินอายของตัวเอง แล้วเดินตรงไปหาผู้อำนวยการของโรงพยาบาล มอบซองของบริษัทและซองของแม่เลี้ยงลักษิกาให้ พร้อมกับบอกกล่าวและคุยกันพอเป็นพิธี เธอจึงผละไปยืนอยู่มุมเงียบๆ คนเดียวเพราะไม่รู้จักใครในงานเลย นอกจากหมออรรณพที่กำลังเดินตรงเข้ามาหา

“สวัสดีครับคุณนัสริน ไม่คิดว่าคุณนัสจะมางานวันนี้ด้วย”

“สวัสดีค่ะคุณหมอ นัสมาเป็นตัวแทนของบริษัทกับนำซองของแม่เลี้ยงลักษิกามามอบให้กับทางโรงพยาบาลด้วยน่ะค่ะ”

นัสรินบอกไปตามความจริง แต่หมออรรณพฟังแล้วกลับสะดุดหูยิ่งนัก

“คุณนัสรินรู้จักกับแม่เลี้ยงลักษิกาด้วยเหรอครับ ตอนแรกผมคิดว่าแม่เลี้ยงจะมาด้วยตัวเอง หรือไม่ก็ฝากซองมากับลูกชายอย่างหมอปราณต์”

“คือนัสเป็น...” กำลังจะบอกความจริงกับหมออรรณพไปว่า ความจริงแล้วเธอเป็นอดีตลูกสะใภ้ของแม่เลี้ยงลักษิกา แต่สายตากลับไปสะดุดกับภาพของปราณต์ที่กำลังยืนคุยและยิ้มแย้มอยู่กับหมอเมธาวี ทำให้หัวใจของเธอกระตุกวาบจนพูดอะไรไม่ออกในทันที

เธออุตส่าห์คิดหาทางหลบเลี่ยงเขาจนสมองแทบไม่ได้คิดอย่างอื่น แม่ของเขาอุตส่าห์ลงทุนตัดชุดและมอบเครื่องประดับให้เพื่อให้เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงาน ผู้ชายทั่วทั้งงานแทบจะมองมายังเธอตาไม่กะพริบ แต่ปราณต์กลับไม่แม้แต่จะชายตาแล ความสนใจของเขาอยู่ที่หมอเมธาวีคนเดียว ส่วนเมียเก็บอย่างเธอไม่อยู่ในสายตาของเขาสักนิด มีแต่เธอที่สำคัญตัวเองเกินไป

“คุณนัสรินครับ...คุณนัสริน...” หมออรรณพเรียกชื่อเธอสองครั้งติดๆ กัน เมื่อจู่ๆ นัสรินก็หยุดพูดและเงียบไปดื้อๆ

“เอ้อ...คะ”

“คุณนัสรินเป็นอะไรหรือเปล่า อยู่ๆ ก็เงียบไป”

“อ๋อ...เปล่าค่ะ พอดีนัสเจอคนรู้จักน่ะค่ะ”

หมออรรณพหันไปตามสายตาของนัสรินก็เห็นว่า เธอกำลังมองไปยังปราณต์กับเมธาวี

“อ้อหมอปราณต์กับหมอเมธาวีนั่นเอง ว่าแต่คุณนัสรินจะไปทักทายคู่นั้นหรือเปล่า”

คำว่า ‘คู่นั้น’ ที่หมออรรณพพูดออกมาก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างปราณต์กับเมธาวี ทำเอานัสรินมือไม้เย็นเฉียบและหัวใจวูบโหวงมากไปกว่าเดิม

“ไม่ดีกว่าค่ะ เขาคงไม่อยากให้ใครขัดคอ” หญิงสาวบอกเรียบๆ พยายามไม่ให้หมออรรณพจับน้ำเสียงและสีหน้าของตนได้ เธอนึกขอบคุณตัวเองเหมือนกันที่วันนี้แต่งหน้าค่อนข้างเข้ม ไม่อย่างนั้นตอนนี้หมออรรณพคงเห็นว่าเธอหน้าซีดแค่ไหน

“ผมก็ว่าอย่างนั้นละครับ”

“แล้วนี่คุณหมอไม่ได้พาภรรยามาด้วยเหรอคะ นัสว่าจะไปไหว้สักหน่อย”

คำถามของนัสรินทำเอาหมออรรณพยิ้มแหยๆ แต่ก็ไม่ได้มีผลอะไรนักที่นัสรินรู้ว่าเขามีเมียแล้ว เขามีวิธีที่ทำให้ผู้หญิงหลายๆ คนยอมศิโรราบได้ โดยไม่สนว่าเขามีเมียแล้ว

“วันนี้ผมโสดครับ เทกแคร์คุณนัสได้เต็มที่”

“โชคดีนะคะที่นัสเจอคุณหมอ ไม่งั้นนัสคงไม่รู้จะคุยกับใคร”

ทั้งคู่คุยกันแค่นั้นก็ต้องหันหน้าไปทางเวที เพราะพิธีการได้เริ่มขึ้นโดยมีเจ้าหน้าที่หนุ่มสาวคู่หนึ่งเป็นผู้ทำหน้าที่พิธีกร เมื่อพิธีกรกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานเสร็จ งานก็เริ่มขึ้นโดยการเปิดฟลอร์เต้นรำซึ่งผู้ที่ถูกเชิญให้เต้นเปิดฟลอร์ก็คือผู้อำนวยการของโรงพยาบาลกับภรรยานั่นเอง จากนั้นไม่นานฟลอร์ก็เริ่มแน่นขนัดด้วยคู่เต้นรำคู่อื่นๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status