แชร์

บทที่ 2

บทที่ 2

                หัวใจดวงน้อยของคนที่นั่งอยู่วูบหวิว ทันทีที่นกยักษ์ลำนั้นเร่งสปีดเต็มอัตราเร็วบนรันเวย์ ก่อนจะเหินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่อาการวูบโหวง ใจสั่นหวิว เกิดขึ้นอย่างกะทันหันและรุนแรง คล้ายดั่งว่าตัวเองกำลังเผชิญหน้ากับอาการกลัวความสูง แต่นัสรินรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเหล่านี้ ห่างไกลจากคำว่า ‘กลัวความสูง’ ลิบลับ แม้จะเดินทางไม่ค่อยบ่อย แต่เธอก็ขึ้นเครื่องบินมากว่ายี่สิบครั้งแล้ว ซึ่งแรกๆ จะกลัวและตื่นเต้น แต่พอมาครั้งหลังๆ ก็ชินชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับการขึ้นลงของเครื่องบินเสียแล้ว

                ทว่าสาเหตุของอาการวูบโหวงสลับกับหนักอึ้งในใจอยู่ตอนนี้ เป็นเพราะจุดหมายปลายทางที่เธอกำลังจะไปนั้นต่างหาก เครื่องบินลำนี้กำลังมุ่งหน้าไปเชียงใหม่ จังหวัดที่เธอไม่เคยเหยียบย่างไปเลยนับตั้งแต่หย่าขาดจากสามี จากวันนั้นถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่าเธอก็ไม่เคยลืมเหตุการณ์ชีวิตในช่วงสั้นๆ ของการแต่งงานได้เลย ทั้งๆ ที่พยายามมาตลอดที่จะไม่นึกถึงมัน

                เธอถูกตีตราด้วยคำว่า ‘แม่หม้าย’ ทันที หลังจากแต่งงานเพียงแค่สามเดือนและต้องหย่ากับหมอปราณต์ สาเหตุก็เพราะการแต่งงานที่ไม่ได้เกิดจากความเต็มใจของเขา แต่เขาถูกน้องชายของเขาซึ่งควรจะเป็นคนที่แต่งงานกับเธอวางแผนกับเธอจับปราณต์มัดมือชกให้เขาต้องตกกระไดพลอยโจนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

                นัสรินไม่โทษปราณต์ แต่โทษตนเองที่เห็นแก่ตัว เธอตกหลุมรักเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เห็น เธอได้แต่เก็บเขาไว้ในใจเงียบๆ และพยายามเตือนตัวเองมาตลอดว่าเขาเป็นผู้ชายต้องห้าม เป็นพี่ชายของว่าที่สามีในอนาคตซึ่งเธอไม่ควรมีความรู้สึกใดๆ ด้วยนอกเหนือจากความเคารพนับถือ

                 ตาคู่สวยที่ประดับแพขนตางอนยาวมองออกไปนอกหน้าต่างเครื่องบิน คล้ายกับกำลังนั่งมองปุยเมฆ ทว่าในห้วงของความคิดตอนนี้ล้วนมีแต่เรื่องราวระหว่างเธอกับอดีตสามี

                ปราณต์พาเธอย้ายออกจากคุ้มลักษิกา มาอยู่ด้วยกันที่บ้านเช่าหลังค่อนข้างใหญ่ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับคลินิกของเขา โดยให้เหตุผลกับแม่เลี้ยงลักษิกาว่า อยากอยู่ใกล้ๆ คลินิกเพราะเลิกดึก ไม่อยากขับรถกลับไกลๆ แต่นัสรินรู้ดีว่านั่นเป็นเพียงข้ออ้าง เหตุผลที่แท้จริงนั้นก็เพื่อที่เขาจะได้ทรมานเธอได้สะดวกขึ้นต่างหาก

                แม้รู้อยู่เต็มอกว่าปราณต์ไม่ได้เต็มใจจะแต่งงานด้วย แต่นัสรินก็ไม่คิดว่าเขาจะมีปฏิกิริยาในทางเกลียดชังเธออย่างรุนแรงขนาดนั้น สายตาที่เขามองมีแต่ความเฉยเมยเย็นชา วางตัวก็ห่างเหิน พูดกันแทบจะนับคำได้ และทรมานเธอทุกอย่างเท่าที่คนเป็นหมอซึ่งเคยใจดีอย่างเขาจะทำได้

                บ้านหลังใหญ่หลังนั้นอยู่ห่างจากคลินิกของปราณต์ไม่ถึงหนึ่งกิโลเมตร เขาไม่ได้จ้างแม่บ้าน แต่ยกหน้าที่ดูแลบ้านทั้งหมดให้เป็นของเธอ ทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักผ้า รีดผ้า และทำกับข้าว ครั้งแรกที่ได้ยินเช่นนั้นจากปากของปราณต์ นัสรินยอมรับว่าตัวเองหนักใจไม่น้อย เพราะถึงบ้านของเธอจะไม่ได้ร่ำรวยเท่าบ้านของเขา แต่ที่บ้านก็มีคนทำให้ทุกอย่าง เธอจึงแทบจะไม่เคยหยิบจับงานพวกนี้ แต่สุดท้ายเธอก็ค่อยๆ เรียนรู้มัน มือที่เคยอ่อนนุ่มเริ่มหยาบกระด้าง เพราะต้องจับไม้กวาด ไม้ถูพื้น และเตารีด หน้าก็มันแผล็บทุกวันเพราะต้องเข้าครัวเตรียมอาหารที่บางวันปราณต์ก็กิน บางวันก็ไม่แม้แต่จะชายตามอง

                ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับปราณต์ นับวันยิ่งห่างไกลคำว่าสามีภรรยามากขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่เคยแตะต้องเธอเลย ตั้งแต่คืนแรกที่เข้าห้องหอในโรงแรม ปราณต์ก็ออกจากห้องทันทีที่ส่งตัวเสร็จ ปล่อยให้เธอนอนในห้องกว้างนั้นอย่างเดียวดายอ้างว้าง และหลังจากนั้นเขาก็แยกห้องนอนกับเธอมาตลอด เขาไม่เคยร่วมโต๊ะอาหาร ตอนเช้าเธอจะจัดเตรียมไว้ให้ และเลี่ยงไปทำอย่างอื่น ตอนเย็นส่วนใหญ่เขาจะกินมาจากข้างนอก กระนั้นเธอก็ยังเตรียมไว้รอ นัสรินรู้ดีว่าฝีมือทำอาหารของตัวเองแย่มากแค่ไหน  ทว่าหลังๆ มันก็เริ่มดีขึ้น แต่ก็คงไม่ใช่ระดับที่น่าพอใจสำหรับปราณต์

                นัสรินทรมานใจมากที่สุด เธอไม่เคยได้ออกไปไหน ไม่ใช่ปราณต์ห้าม แต่เธอแทบจะไม่รู้จักเชียงใหม่เลย แต่สิ่งที่ทำให้เจ็บปวดมากกว่าการถูกปล่อยให้อยู่บ้านคนเดียว ถูกปล่อยให้นอนคนเดียว ถูกปล่อยให้ทำงานบ้านคนเดียว ทานข้าวคนเดียว ก็คือสายตาของปราณต์ที่มองเธอเหมือนเป็นวัตถุส่วนเกินหนึ่งชิ้นอันไร้ค่าในบ้านของเขา

                คืนนั้นเป็นวันครบรอบหนึ่งเดือนของการแต่งงาน เธอนอนคิดอยู่เกือบครึ่งค่อนคืน กระทั่งที่สุดในตอนเช้าเธอก็รวบรวมความกล้าเข้าไปคุยกับเขาที่โต๊ะอาหาร

                “มีอะไรหรือเปล่า” ปราณต์ถามขึ้นเสียงกระด้างเย็นชาเช่นเดียวกับทุกครั้งยามพูดคุยกัน แววตานั้นก็ไม่ต่างเท่าใดนัก ทำให้หัวใจของนัสรินเจ็บปวดราวกับถูกใครเอาเข็มมาทิ่มแทง

                “นัสอยากจะคุยกับคุณปราณต์เรื่องการแต่งงานของเราค่ะ”

                “มีอะไรต้องคุยอีก คุณก็ได้แต่งงานกับผมสมใจแล้วนี่”

“นัสรู้ค่ะว่าคุณปราณต์ต้องฝืนใจแค่ไหนที่ต้องแต่งงานกับนัส และตอนนี้คุณปราณต์คงเกลียดนัสมาก แต่นัสขอเวลาสักสามเดือนได้มั้ยคะ อย่างน้อยก็ขอให้ทุกคนลืมเรื่องการแต่งงานของเราไปก่อน แล้วนัสจะหย่าให้คุณปราณต์ค่ะ และก็ไม่ต้องห่วงนะคะ นัสจะไม่เรียกร้องอะไรจากคุณแม้แต่บาทเดียว”

มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดประโยคนั้น ในเมื่อใจทั้งใจยังรักเขาและไม่มีสายตาหรือที่ว่างในหัวใจสำหรับใครอีกแล้ว แต่ก็รู้ดีว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้เขาไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นสิ่งเดียวที่เธอจะทำได้ก็คือคืนอิสระให้ปราณต์ เพื่อให้เขาได้เริ่มต้นใหม่กับผู้หญิงดีๆ สักคนที่เขาอาจจะหาเจอในอนาคต

“ฉลาดดีนี่ แต่งงานสามเดือนเพื่อล้างหนี้ แล้วก็หย่าแบบไม่มีอะไรสึกหรอ แถมยังพูดจาให้ดูดีว่าจะไม่เรียกร้องอะไรอีกต่างหาก มีแต่ได้กับได้”

“นัสก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้คุณปราณต์ใช้สิทธิ์สามีกับนัสนี่คะ”พูดไปแล้วก็หน้าแดงด้วยความกระดากปาก ปราณต์คงคิดว่าเธออยากให้เขามีอะไรด้วย

“ใช่! ผมมีสิทธิ์ แต่ผมรังเกียจพฤติกรรมของคุณจนไม่อยากจะแตะต้อง”

สะอึก! จากที่กระดากอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้หน้าเปลี่ยนเป็นชาราวกับถูกไฟชอร์ตจนไร้ความรู้สึก แม้นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอถูกปราณต์พูดจาเชือดเฉือนหัวใจ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่เจ็บที่สุดแล้วกระมัง

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status