แชร์

บทที่ 31

บทที่ 31

                แสงอรุณเช้าวันใหม่ทาทาบขอบฟ้าของเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำรู้สึกตัวขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก จะแปลกก็แค่เช้านี้ไม่ได้ตื่นมาเพียงลำพัง แต่เตียงกว้างตอนนี้มีร่างบางของอดีตภรรยาสาวนอนอยู่ด้วย ตาของเธอหลับพริ้ม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ร่างกายที่เปลือยเปล่าเพราะเขาเป็นคนถอดเสื้อผ้าของเธอเองกับมือสอดซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา มีเพียงช่วงหัวไหล่ขาวละมุนเท่านั้นที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ผิวพรรณทั่วเรือนกายของเธอก็เนียนละมุนเช่นเดียวกับส่วนที่เปิดเปลือยต่อสายตาของเขาในตอนนี้ 

                ปราณต์ลุกไปจากเตียงเงียบๆ ไม่ได้ปลุกให้ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นแต่อย่างใด เขารู้ว่าเธอคงจะเพลียไม่เบา เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมให้เธอนอน เวลาก็ล่วงไปเกือบตีสี่แล้ว

                ร่างสูงกำยำก้าวเข้าไปใต้ฝักบัว ก่อนจะเปิดก๊อกให้น้ำอุ่นๆ สาดละอองลงมาอาบชโลมร่างเปลือยเปล่าในยามเช้าอย่างผ่อนคลาย ผ่านไปกว่ายี่สิบนาที เขาจึงกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง โดยสวมเสื้อคลุมสีขาว ผมยังเปียกลู่เพราะเมื่อครู่นี้สระผมมาหมาดๆ มือใหญ่จึงเอื้อมไปเอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับน้ำออกจากผม แต่ตากลับมองไปยังเตียงกว้างซึ่งตอนนี้นัสรินก็ยังคงนอนหลับลึก อย่างไม่มีทีท่าว่าจะรับรู้ความเคลื่อนไหวใดๆ ในห้องเลยแม้แต่น้อย

                ‘คงจะเพลียจัด’

                ปราณต์บอกตัวเองเช่นนั้น พร้อมกับคลี่ริมฝีปากยิ้มบางๆ ถึงสาเหตุที่ทำให้นัสรินเพลียจนหลับเอาเป็นเอาตายแบบนี้

                เขาขยับมานั่งลงที่ขอบเตียง โน้มหน้าไปมองหน้าเนียนใสนั้นใกล้ๆ แล้วกดจมูกโด่งลงบนพวงแก้มหนักๆ หวังจะปลุกให้ตื่น แต่อดีตภรรยาตามกฎหมายที่เขาเพิ่งจะทำให้เธอเป็นเมียทางพฤตินัยอีกครั้งก็ยังหลับสนิทอยู่เช่นเดิม ปราณต์จึงปล่อยให้นอนต่ออย่างเต็มอิ่ม ส่วนตัวเองลุกไปแต่งตัวเพื่อออกไปทำงาน

                ขณะที่เจ้าของบ้านยังคงขลุกอยู่ในห้องตัวเองในยามเช้า ประตูหน้าบ้านก็ถูกเปิดเข้ามาโดยคนที่มีกุญแจ ซึ่งก็คือบัวคำและสาวใช้อีกสองคนนั่นเอง ทั้งหมดมาที่นี่เป็นประจำ สัปดาห์ละสี่วัน เพื่อมาทำความสะอาดบ้านและดูแลความเรียบร้อยของบ้านตามที่แม่เลี้ยงลักษิกาสั่งเอาไว้

                คิ้วของบัวคำย่นเข้าหากัน เมื่อเห็นว่าตอนนี้มีรถคันที่ไม่คุ้นตาจอดอยู่หน้าบ้าน และเมื่อเข้าไปข้างในบ้านความสงสัยก็ค่อยๆ กระจ่าง และพอจะตีความได้ว่ารถคันนั้นคงเป็นรถของผู้หญิง เพราะกระเป๋าที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าโซฟานั่นมันเป็นกระเป๋าสะพายแบบที่ผู้หญิงใช้กัน

                บัวคำไม่รอช้า รีบโทรศัพท์หาแม่เลี้ยงลักษิกาเพื่อรายงานความเป็นไปของบ้านหลังนี้ ตามที่แม่เลี้ยงสั่งกำชับกับตนเอาไว้ ว่าหากพบอะไรผิดปกติให้รายงานทันที ซึ่งโทรศัพท์ดังอยู่ไม่นานแม่เลี้ยงลักษิกาก็กดรับสายของบัวคำ

                “ว่าไงบัวคำ” แม่เลี้ยงลักษิกาถามคนสนิทของตนที่โทร.หาแต่เช้า ซึ่งนั่นทำให้แม่เลี้ยงพอจะรู้โดยสัญชาตญาณคร่าวๆ ว่าคงมีอะไรไม่ชอบมาพากลที่บ้านของลูกชายคนโตเป็นแน่

“แม่เลี้ยงคะ เมื่อคืนคุณหมอปราณต์น่าจะพาผู้หญิงมาค้างที่บ้านค่ะ”

“นี่ฉันไม่ได้หูฝาดไปใช่มั้ย ผู้หญิงที่ไหนกันบัวคำ” แม่เลี้ยงรีบถามกลับมาอย่างทันควันแกมร้อนใจ

“บัวคำก็ไม่รู้ค่ะแม่เลี้ยง เห็นแต่รถจอดอยู่หน้าบ้าน และก็มีกระเป๋าผู้หญิงวางอยู่ที่โต๊ะข้างล่างนี่ค่ะ”

“ไปเปิดกระเป๋าดูซิบัวคำ เผื่อจะมีบัตรหรืออะไรที่บอกได้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร”

“มันจะไม่เป็นการละลาบละล้วงเหรอคะแม่เลี้ยง” บัวคำออกจะเกรงใจ เพราะที่ผ่านมาไม่เคยละลาบละล้วงความเป็นส่วนตัวของเจ้านายหรือของใครมาก่อน และนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่บัวคำได้รับความไว้วางใจจากแม่เลี้ยงลักษิกาจนกลายเป็นคนสนิท

“ฉันสั่งให้ทำก็ทำตามเถอะน่า ฉันอยากรู้ว่าตาปราณต์พาผู้หญิงที่ไหนมาค้างด้วย”

“ค่ะๆ แม่เลี้ยง”

บัวคำขยับไปยังกระเป๋าสะพายสีชมพูอ่อนซึ่งวางอยู่ที่โต๊ะ ยกมือไหว้ขอโทษขอโพยเจ้าของก่อน แล้วจึงหยิบมาเปิดดู โดยที่ยังไม่ได้วางสายจากแม่เลี้ยง เมื่อบัวคำเปิดกระเป๋าออกมาก็เห็นว่าในนั้นมีกระเป๋าสตางค์สีเดียวกับกระเป๋าสะพายอยู่ด้วย บัวคำจึงเปิดดูและก็ต้องทำตาเบิกกว้างขึ้นอย่างตกใจ แล้วรีบเก็บทุกอย่างให้เข้าที่ ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ที่วางไว้ข้างๆ ตัวขึ้นมาอีก

“ได้เรื่องแล้วค่ะแม่เลี้ยง”

“ว่าไงบัวคำ”

“ในกระเป๋ามีบัตรที่เป็นชื่อของ...คุณนัสรินค่ะแม่เลี้ยง”

“ว่าแล้วเชียว! ตาปราณต์นะตาปราณต์ เธอรอฉันอยู่ที่นั่นนะบัวคำ แล้วก็อย่าเพิ่งขึ้นไปชั้นบน เดี๋ยวพ่อตัวดีรู้ตัวก่อน ฉันจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ละ”

“ค่ะแม่เลี้ยง” สั่งกำชับคนของตัวเองเสร็จแม่เลี้ยงลักษิกาก็ให้อินแปงพาบึ่งรถมายังบ้านของลูกชายทันที

ร่างที่อวบท้วมตามวัยทว่ายังคงสง่างามก้าวเข้าไปในบ้าน พร้อมๆ กับที่ลูกชายคนโตลงจากบันไดชั้นสองมา เขามุ่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามารดามาแต่เช้า เพราะปกติแม่เลี้ยงลักษิกาไม่ค่อยจะย่างกรายมาบ้านของเขาเท่าใดนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเขาเสียมากกว่าที่กลับไปบ้าน ความจริงเขาซื้อบ้านหลังนี้ไว้ได้หกเดือนแล้ว เนื่องจากเจ้าของบ้านคนเก่าซึ่งเป็นเพื่อนสมัยเรียนมัธยมของเขา ตัดสินใจที่จะตั้งรกรากอยู่ต่างประเทศกับภรรยาเป็นการถาวรเลย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status