นัสรินสบตากับตาคมของอดีตสามีครู่หนึ่ง เธอเห็นแววแปลกใจปรากฏอยู่บนดวงตาคมของเขา แต่ก็แค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิม หญิงสาวจึงเสไปมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างปราณต์พร้อมกับที่หัวใจเกิดอาการแกว่งไหว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ปราณต์ควงมานั้นสวยสง่าเพียงใด เพราะอย่างนี้เองกระมังเขาถึงไม่ได้ไปหาเธออย่างที่บอกเอาไว้ ขณะที่เธอก็บ้าพอที่จะรอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ
“สวัสดีครับหมออรรณพ” ปราณต์ทักทายหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกับนัสรินมาก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกับคอแข็ง
“สวัสดีครับหมอปราณต์/หมอเมย์”
“หมอไม่ได้มากับภรรยาเหรอครับ”
แม้คำถามนั้นจะดูเหมือนธรรมดา หากแต่นัสรินฟังว่าปราณต์จงใจถามเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่าหมออรรณพมีภรรยาแล้ว และเธอกำลังนั่งทานข้าวกับสามีคนอื่นอยู่
“เปล่า...นี่คุณนัสรินเป็นตัวแทนจากบริษัทยาที่จะจำหน่ายให้คลินิกของผม”
“อ้อ...คนขาย...ยา”
ดูเหมือนว่าคนฟังอย่างหมออรรณพและหมอเมธาวีจะไม่สะดุดหูกับคำพูดของปราณต์ที่จงใจพูดเว้นคำ แต่นัสรินเผลอมองคนพูดตาขุ่น
“อย่ามัวแต่แซวผมเลย แล้วนี่หมอกับหมอเมย์มาเดตกันเหรอ” หมออรรณพสัพยอกกลับอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร้อนใจที่หมอในโรงพยาบาลเดียวกันมาเห็น ว่าตนทานข้าวกับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยา
“เปล่าค่ะหมออรรณพ เมย์เป็นคนชวนพี่ปราณต์มาทานข้าวเองค่ะ พอดีได้พี่หมอช่วยเคสเอาไว้ เมย์ก็เลยมาเลี้ยงข้าวตอบแทน” เมธาวีเป็นคนตอบ แม้จะบอกว่าไม่ได้มาออกเดต แต่ท่าทีกลับเต็มไปด้วยความขวยเขินเมื่อถูกหมออรรณพแซวซึ่งๆ หน้าแบบนั้น ทำให้คนมองมองออกทันทีว่าหมอสาวมีใจปฏิพัทธ์ต่อนายแพทย์หนุ่มที่ตัวเองกำลังยืนเคียงข้างอยู่
“โอเคๆ งั้นเชิญตามสบายเลยนะ” หมออรรณพพูดอย่างเปิดทางและเป็นเชิงบอกว่า เขาเองก็ต้องการความเป็นส่วนตัวกับสาวสวยตรงหน้าเช่นกัน
ปราณต์พาเมธาวีไปนั่งที่โต๊ะถัดจากโต๊ะที่นัสรินนั่งอยู่เพียงโต๊ะเดียว เขาหันหลังให้ประตูทางเข้าและหันหน้ามาทางเธอ ทำให้นัสรินต้องหลุบตามองจานข้าว เพราะไม่ชอบสายตาที่แฝงมาด้วยความเหยาะหยันของเขา
“หมอจะว่าอะไรมั้ยคะถ้านัสจะขอตัวกลับก่อน พอดีนัสรู้สึกปวดหัวน่ะค่ะ” นัสรินเอ่ยขอตัวเมื่อรู้สึกว่าอึดอัดกับบรรยากาศและภาพที่ปราณต์กำลังเอาอกเอาใจคุณหมอคนสวยของเขา
“แต่คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลยนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ นัสเองก็ไม่ค่อยหิว”
“งั้นเดี๋ยวผมเช็กบิลเลย รอแป๊บหนึ่งนะ”
“คุณหมอทานเถอะค่ะ อย่าทำให้นัสลำบากใจเลยนะคะ”
“ไม่ได้ๆ ผมพาคุณมาผมก็ต้องไปส่ง”
หมออรรณพไม่ยอมให้ตัวเองเสียคะแนนง่ายๆ และทำตัวเป็นสุภาพบุรุษกับสาวสวยตรงหน้าเต็มที่ เขารีบเรียกพนักงานมาเก็บเงิน แล้วพาหญิงสาวเดินออกจากร้าน ก่อนจะขับรถไปส่งที่คลินิกตามความต้องการของเธอ
ร่างบางยังคงนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศแห่งใหม่แม้ว่าจวนจะได้เวลาเลิกงานแล้วก็ตาม ออฟฟิศซึ่งเป็นตึกแถวสามชั้นตกแต่งด้วยกระจกใสแห่งนี้ค่อนข้างจะใหญ่โต เมื่อเทียบกับจำนวนคนทำงาน ซึ่งตอนนี้มีเพียงสามคนคือนัสริน แม่บ้านวัยสี่สิบปลายๆ และพนักงานรักษาความปลอดภัย นั่นจึงเท่ากับว่าคนที่ทำงานจริงๆ มีเพียงเธอคนเดียว ส่วนแม่บ้านและพนักงานรักษาความปลอดภัยมีหน้าที่ช่วยอำนวยความสะดวกเท่านั้น
“คุณนัสจะกลับบ้านเลยมั้ยคะ ป้าจะได้รอปิดออฟฟิศให้”
คำถามของแม่บ้านทำให้หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์อย่างคนที่ยุ่งกับงานจนลืมเวลา
“ได้เวลาเลิกงานแล้วเหรอคะป้าอุ่นคำ”
“ค่ะ...คุณนัสทำงานเพลินจนลืมเวลาล่ะสิคะ”
“ไม่ได้เพลินอะไรหรอกค่ะ พอดีมีงานที่ต้องสะสางค่อนข้างเยอะ แต่เดี๋ยวนัสกลับเลยก็ได้ค่ะ ขอนัสปรินต์เอกสารแป๊บหนึ่ง ป้าอุ่นคำปิดไฟรอเลยนะคะ”
“ค่ะคุณนัส”
นัสรินจัดการกดสั่งปรินต์เอกสารซึ่งเป็นสัญญาซื้อขายยาจำนวนสองชุดแล้วนั่งรอ เพื่อจะเอาสัญญาสองฉบับนี้ไปให้หมออรรณพเซ็นตามที่นัดเอาไว้ เอกสารไหลออกมาจากเครื่องปรินต์แบบเลเซอร์โดยไม่ต้องรอนาน มือเล็กกำลังจะเอื้อมไปหยิบเอาเอกสารสองชุดนั้นใส่แฟ้ม แต่ก็ต้องเปลี่ยนไปหยิบโทรศัพท์มือถือก่อนเพราะมีคนโทร.เข้ามา
เบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอเป็นเบอร์แปลก คิ้วเรียวมุ่นเข้าหากันด้วยความสงสัยเล็กน้อย แต่ก็กดรับอย่างไม่คิดมากเพราะด้วยหน้าที่การงานของเธอทำให้มีคนติดต่อหลากหลายอยู่แล้ว
“สวัสดีค่ะ”
เสียงหวานกรอกผ่านเครื่องมือสื่อสารอย่างนุ่มนวล เพราะไม่รู้ว่าปลายสายเป็นใคร
“ผมเอง...ปราณต์”
แม้เขาไม่ต้องแนะนำตัว แต่แค่ได้ยินเสียงเธอก็จำได้แม่นว่าเขาคือใคร หากเป็นก่อนหน้าที่เธอจะรู้ว่าเขามีแฟนแล้ว เธอคงตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้ยินเสียงเสียงนี้ผ่านโทรศัพท์ ทว่าตอนนี้ความรู้สึกมันมีแต่ความเฉยเมยเท่านั้น
“ค่ะ มีอะไรเหรอคะ” เธอถามกลับไปเสียงเรียบๆ ไม่ได้นุ่มหูเหมือนกับพูดในคราแรก
“คุณอยู่ไหน เดี๋ยวผมจะไปหา”
“นัสไม่ว่างค่ะ พอดีกำลังจะออกไปข้างนอก มีนัดกับหมออรรณพแล้ว แค่นี้นะคะ” พูดจบนัสรินก็กดตัดสายแล้วระบายลมหายใจออกมาเบาๆ เพื่อไม่ได้ตัวเองหวั่นไหว แม้จะมีคำถามว่าเขาจะมาทำไมแต่ก็พยายามปัดมันทิ้ง แล้วบอกตัวเองว่าเธอกับเขาไม่มีความจำเป็นใดๆ ที่จะต้องเกี่ยวข้องกันแล้วจริงๆ เยื่อใยที่เธอมีให้เขาเพียงฝ่ายเดียวมันไม่มีทางจะเริ่มต้นสานต่อกันได้ใหม่ในเมื่อตอนนี้เขามีเจ้าของหัวใจไปแล้ว
หลังจากบอกตัวเองเช่นนั้น โทรศัพท์ที่เพิ่งจะถูกวางสายก็ถูกเก็บในกระเป๋าสะพาย มือเล็กหยิบเอาเอกสารจากเครื่องปรินเตอร์แล้วเก็บใส่แฟ้ม จากนั้นร่างบางก็ลุกจากโต๊ะพร้อมๆ กับที่ไฟในออฟฟิศถูกปิดจนเกือบมืดสนิท
บทที่ 25นัสรินขับรถไปยังร้านอาหารร้านเดิม เพราะตอนที่หมออรรณพขับรถกลับมาส่งเมื่อวาน เขานัดเธอว่าให้ไปเจอที่นั่น เพื่อแก้มือที่เมื่อวานทั้งเธอทั้งเขาแทบจะยังไม่ได้ทานอาหารที่สั่งมาเลย เธอไปถึงก่อนเวลานัดเช่นเดียวกับทุกครั้งที่นัดลูกค้าคนอื่นๆ วันนี้คนในร้านค่อนข้างหนาตา นัสรินจึงไม่มีโอกาสเลือกมุมที่จะนั่ง เธอได้นั่งโต๊ะว่างตรงบริเวณกลางร้าน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะสิ่งที่คิดตอนนี้คือมาทำงาน จะนั่งตรงไหนมุมไหนจึงไม่ได้สำคัญอะไร หญิงสาวจัดการสั่งอาหารและบอกให้พนักงานนำมาเสิร์ฟตอนที่หมออรรณพมาแล้ว รอไม่นานนักหมออรรณพก็มา เขาเอ่ยทักทายและนั่งลงฝั่งตรงข้าม จากนั้นนัสรินก็ส่งเอกสารให้เขาเซ็น หมออรรณพเซ็นอย่างไม่ได้ลีลาท่ามากเหมือนใครบางคน เธอเก็บเอกสารไว้ชุดหนึ่งและให้หมออรรณพเก็บไว้ชุดหนึ่งเป็นคู่สัญญาพนักงานร้านเริ่มทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟและทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหารโดยไม่มีอะไรขัดเหมือนเมื่อวาน “คุณหมอคะ เดี๋ยวนัสขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เธออยากออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพักด้วย เพราะวันนี้หมออรรณพเหมือนจะ
บทที่ 26 หมออรรณพทำท่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อนัสรินเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนเหมือนเช่นเมื่อวาน เขารู้แน่แล้วว่าหญิงสาวที่สวยซ่อนเปรี้ยวผู้นี้คงไม่เล่นด้วยง่ายๆ แม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาส ดังนั้นช่วงนี้เขาเองก็จะไปหาคนที่เต็มใจฆ่าเวลาไปก่อน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังเป็นประเด็นกับผู้ชายสองคน แม้ว่าจะเอ่ยขอตัวกลับกับหมออรรณพแล้ว นัสรินก็ไม่ได้ออกไปหาปราณต์แต่อย่างใด เธอออกทางประตูหน้าและเดินอ้อมไปยังลานจอดรถ เพื่อจะหนีหน้าคนที่เพิ่งมาข่มขู่ตัวเอง เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่พอไปถึงรถก็พบว่าปราณต์กำลังยืนพิงรถของเธออยู่คล้ายกับมาดักทาง นัสรินจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกคราอย่างเลี่ยงไม่ได้ “กำลังจะหนีกลับล่ะสิ” เขาดักคออย่างรู้ทัน “ค่ะ และคุณเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว” “ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับ” “แล้วคุณไม่กลัวคนไข้จะรอเหรอคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดของคลินิกนี่” “จำได้ด้วยเหรอว่าคลินิกของผมหยุดวันไหนบ้าง ไหนบอกว่าลืมทุก
บทที่ 27“งั้นพาไปที่รถพี่ก็ได้ค่ะ มาช่วยพี่ประคองหน่อย”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเมียพี่จัดการเอง” ปราณต์หยิบกระเป๋าเงินมาให้ทิปแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้ไปได้ ดังนั้นหน้าที่ประคองผู้ชายที่ตัวโตกว่าจึงเป็นของนัสรินคนเดียวหญิงสาวยกแขนของเขาพาดบ่าตัวเอง แล้วพาคนเมาออกจากร้านไปยังรถของตัวเองอย่างทุลักทุเล เพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เขาทิ้งน้ำหนักแทบจะทั้งหมดลงบนไหล่ของเธอ ใบหน้าซบลงบนคอ และบ่อยครั้งที่นัสรินรู้สึกว่าปราณต์ใช้จมูกไซ้ซอกคอของเธอเบาๆ“คุณปราณต์เดินดีๆ สิคะ” เธอปรามเขาเสียงขุ่น แม้ว่าลานจอดรถตอนนี้แทบจะไม่มีคน แต่เธอก็ไม่อยากถูกคนเมาหาเศษหาเลยแบบนี้“นี่ก็เดินดีแล้ว เดินด้วยหอมด้วย” เขากระซิบเสียงอ้อแอ้พลางซุกจมูกเข้าที่ซอกคอขาวละมุนอีกครั้ง“ถ้าคุณลวนลามนัสอีก นัสจะปล่อยคุณทิ้งไว้นี่”“ใจร้ายจริง จะหวงตัวกับผัวไปถึงไหน” เสียงทุ้มนั้นพึมพำก่อนจะหัวเราะน้อยๆ“เลิกขี้ตู่เสียทีค่ะ นัสกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว สมองเสื่อมหรือไงคะคุณหมอปราณต์” นัสรินคิดว่าตัวเองต้องบ้าแน่ๆ ที่ต่อปากต่อคำกับคนเมา แต่เขาก็ช่างยั่วเหลือเกิน ทำให้บ่อยครั้งที่เธอหลุดการควบคุมตัวเองเพราะคำพูดของเขาเมื่
บทที่ 28ร่างบางโน้มตัวไปปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยอย่างระวังตัว ด้วยกลัวว่าจะถูกฉวยโอกาสเอาอีกครั้ง แต่ปราณต์ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ เธอจึงยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดบ่าและเรียกเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าคนเมาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายอมลงจากรถ ก้าวตามร่างเล็กที่ประคองตัวเองเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงโซฟาในห้องโถงนัสรินก็วางร่างใหญ่นั้นลง และเพิ่งสังเกตว่าปราณต์ถือกระเป๋าของเธอมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในบ้าน ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจอย่างอดไม่ได้ บ้านหลังนี้ยังมีบรรยากาศแบบเดิม ปราณต์ยังจัดบ้านและวางทุกอย่างไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งโซฟาตัวนี้ซึ่งเขาเคยใช้มันในการตีตราเธอให้เป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ ปราณต์ก็ไม่ได้ย้ายหรือขยับมันไปไหนเขาคงไม่รู้สึกอะไรที่จะต้องทนมองมันทุกวัน หากแต่นัสรินกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงให้จมไปกับอดีตอีกครั้ง ทำให้มือเล็กต้องรีบเอื้อมไปหยิบเอากระเป๋าของตัวเองจากมือเขา เพื่อจะหนีไปจากที่ที่ทำให้หัวใจตัวเองอ่อนไหวในทันที แต่แค่เอื้อมมือไปมือเล็กก็ถูกปราณต์รั้งเอาไว้“จะไปไหน” “นัสจะกลับค่ะ”“พาผมขึ้นไปส่
บทที่ 29นัสรินมองใบหน้าที่อยู่เหนือใบหน้าของตัวเองอย่างตื่นตระหนก ตอนนี้ท่าทางของปราณต์ไม่มีหลงเหลือวี่แววของคนเมาเลยแม้แต่นิด เธอจึงรู้ตัวว่าเสียรู้เขาให้แล้ว“นี่คุณไม่ได้เมาเหรอคะ”“เมา แต่สร่างเมาตั้งแต่ได้หอมแก้มคุณแล้ว”“คนเจ้าเล่ห์” เธอต่อว่าเขาอย่างเจ็บใจตัวเองที่ถูกหลอก พยายามจะบิดมือออก แต่ยิ่งบิดยิ่งถูกมือแกร่งกดแน่น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม จนลมหายใจอุ่นซ่านนั้นมากระทบซอกคอที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ คุณจะยอมขึ้นมาส่งถึงนี่เหรอ”“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”“เพราะผมไม่อยากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเก่าไปเป็นชู้กับผัวชาวบ้านน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่าหมออรรณพมีเมียแล้ว” ปราณต์ไม่สนใจท่าทีเคืองขุ่นของเธอ แต่เขากลับถามกลับไปอย่างตำหนิ“รู้ค่ะ คุณเป็นคนบอกนัสเองตั้งแต่เมื่อวานไม่ใช่เหรอ”“รู้แล้วทำไมยังไปออกเดต นั่งกินข้าวใต้บรรยากาศสุดโรแมนติกในร้านแบบนั้น”“นัสไม่ได้ทำอะไรที่มันเสียหายนี่คะ นัสแค่ไปคุยงานกับหมอณพ อ้อ...อีกอย่างถึงนัสจะออกเดตกับใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของนัสไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อตอนนี้นัสโสด” นัสรินเผลอประชดและสบตากับเขาอย่างไม่ยอมถูกเล่
บทที่ 30มือใหญ่ละจากการประสานนิ้ว เคลื่อนวาบลูบไล้ไปทั่วเรือนกาย แม้จะไม่เต็มใจในคราแรก แต่กลิ่นกายและรสสัมผัสที่ร่างกายโหยหาอยู่ลึกๆ ก็ทำให้เธอระทดระทวยอยู่ภายใต้การเล้าโลมของเขา“อย่าค่ะ...เราไม่ควรทำแบบนี้”เสียงหวานร้องห้ามสั่นระริก เมื่อปราณต์เริ่มปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายบอบบางของเธอ แม้ปากจะร้องห้ามหากร่างกายกลับไม่แสดงอาการขัดขืนใดๆ ออกมาแม้แต่นิด“ไปทำอะไรมาหือ ถึงได้สวยและมีน้ำมีนวลขึ้นแบบนี้”เสียงทุ้มที่เจืออาการกระเส่าดังขึ้นอย่างพึงพอใจ เมื่อร่างกายของเธอเปลือยเปล่าต่อหน้าเขา จากนั้นปากเขา จมูกเขา มือเขา ก็แตะต้องลูบโลมไปทุกหนแห่งของร่างกายเธออย่างเป็นเจ้าของ ปลุกปั่นเลือดสาวให้เร่าร้อนราวกับถูกอังด้วยไฟกองโตความเย็นจากแอร์แผ่ซ่านเข้ามากระทบผิวกาย เมื่อปราณต์ลุกขึ้นจากการทาบทับ แต่ความเย็นสะท้านนั้นก็เปลี่ยนเป็นเร่าร้อนในระยะเวลาแค่ชั่วพริบตา เมื่อนัสรินประจักษ์แก่สายตาว่าเขาลุกขึ้นไปทำไมตาคู่สวยมองจับจ้องไปยังเรือนกายเปลือยเปล่าที่อัดแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อ กระทั่งเรือนกายใหญ่โตนั้นเคลื่อนขยับมาทาบทับเรือนร่างที่ปราศจากอาภรณ์ของเธออีกครา นัสรินก็รู้ซึ้งถึงความร้อนซ่
บทที่ 31 แสงอรุณเช้าวันใหม่ทาทาบขอบฟ้าของเชียงใหม่ตั้งแต่เช้าตรู่ ทำให้คนที่ตื่นเช้าเป็นประจำรู้สึกตัวขึ้นมาโดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก จะแปลกก็แค่เช้านี้ไม่ได้ตื่นมาเพียงลำพัง แต่เตียงกว้างตอนนี้มีร่างบางของอดีตภรรยาสาวนอนอยู่ด้วย ตาของเธอหลับพริ้ม ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ร่างกายที่เปลือยเปล่าเพราะเขาเป็นคนถอดเสื้อผ้าของเธอเองกับมือสอดซุกอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกับเขา มีเพียงช่วงหัวไหล่ขาวละมุนเท่านั้นที่โผล่พ้นขึ้นมาให้เห็นเพื่อเป็นเครื่องยืนยันว่า ผิวพรรณทั่วเรือนกายของเธอก็เนียนละมุนเช่นเดียวกับส่วนที่เปิดเปลือยต่อสายตาของเขาในตอนนี้ ปราณต์ลุกไปจากเตียงเงียบๆ ไม่ได้ปลุกให้ผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆ ตื่นแต่อย่างใด เขารู้ว่าเธอคงจะเพลียไม่เบา เพราะเมื่อคืนกว่าเขาจะยอมให้เธอนอน เวลาก็ล่วงไปเกือบตีสี่แล้ว ร่างสูงกำยำก้าวเข้าไปใต้ฝักบัว ก่อนจะเปิดก๊อกให้น้ำอุ่นๆ สาดละอองลงมาอาบชโลมร่างเปลือยเปล่าในยามเช้าอย่างผ่อนคลาย ผ่านไปกว่ายี่สิบนาที เขาจึงกลับออกมาจากห้องน้ำอีกครั้ง โดยสวมเสื้อคลุมสีขาว ผมยังเปียกลู่เพราะเมื่อครู่นี้สระผมมาหมาดๆ มือใหญ่จึงเอื้
บทที่ 32“นี่ผมตาฝาดไปหรือเปล่าครับที่เห็นแม่มาบ้านผมแต่เช้าขนาดนี้” ปราณต์เอ่ยทักทายมารดาแบบเรียบๆ และพอจะรู้ถึงสาเหตุการมาของผู้เป็นแม่ เมื่อเหลือบไปเห็นกระเป๋าของนัสรินวางอยู่ที่โต๊ะหน้าโซฟาชั้นล่าง“ไม่ได้ตาฝาดหรอก บัวคำบอกแม่ว่าแกพาผู้หญิงมาค้างที่บ้าน”“ข่าวของแม่นี่เร็วเสมอเลยนะครับ”“แล้วผู้หญิงที่ปราณต์พามาค้างด้วยนั้นเป็นใคร” คนเป็นแม่ถามทั้งที่รู้แก่ใจดี แต่อยากได้ยินจากปากลูกชายมากกว่า“แม่น่าจะรู้แล้วนะครับ” ปราณต์ตอบอย่างรู้ดีว่าแม่ของตนฉลาดแค่ไหนแม่เลี้ยงลักษิการะบายลมหายใจออกมาแรงๆ เพื่อผ่อนคลายความหนักอก นางรู้ว่านัสรินกลับมาเชียงใหม่เพื่อมาทำงาน แต่แม่เลี้ยงผู้กว้างขวางอย่างตนกลับไม่เข้าใจลูกชายของตัวเองสักนิด ว่าทำไมถึงได้หวนกลับไปยุ่งกับอดีตภรรยาที่แต่งและหย่ากันภายในสามเดือน ด้วยเหตุผลที่ว่าไปกันไม่ได้และทั้งคู่ไม่ได้รักกัน ครั้งนั้นนางสงสารนัสรินไม่น้อย แต่ก็คิดว่านัสรินคงเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ เพราะยังสาวยังสวย แถมกิริยาวาจาก็ดีพร้อมไปเสียหมด“มันเกิดอะไรขึ้นหือปราณต์ ไปยุ่งกับน้องทำไมอีก คราวที่แล้วก็จูบน้อง คราวนี้ก็พามาค้างที่บ้านด้วย มันยังไงกันแน่ ในเมื่อหย่