แชร์

บทที่ 22

บทที่ 22

แม้ว่ารถแท็กซี่สีเหลืองน้ำเงินคันที่กำลังแล่นมาจะไม่หรูและสภาพค่อนไปทางทรุดโทรม แต่ปราณต์ก็ไม่เกี่ยงที่จะใช้บริการ เขาบอกจุดหมายกับคนขับแล้วขึ้นไปนั่งที่ตอนหลังของรถ พลางซึมซับเอาบรรยากาศการนั่งแท็กซี่ในตัวจังหวัดในทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาหลายปีที่มีโอกาสได้ใช้บริการรถดังกล่าว แน่นอนว่าลูกชายเศรษฐีนีเชียงใหม่ระดับแม่เลี้ยงลักษิกาอย่างเขาย่อมมีรถให้ใช้หลายคัน ดังนั้นจึงไม่มีครั้งใดที่เขาจะได้เฉียดใกล้กับการนั่งรถแท็กซี่เช่นนี้ ความจริงเขาจะโทร.เรียกอินแปงหรือคนที่บ้านให้ขับรถมารับก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่ต้องรบกวนใคร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ติดหรูจนถึงขนาดนั่งรถแท็กซี่ไม่ได้

ปราณต์ทอดสายตาตรงไปข้างหน้าราวกับกำลังมองถนนเงียบๆ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่กล้าชวนคุย บรรยากาศในรถจึงมีเพียงความเงียบ แต่ความเงียบนั้นก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปราณต์ และเขาก็กดรับเช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่โทร.มา

“สวัสดีครับแม่”

“ตาปราณต์อยู่ไหนลูก”

“อยู่บนรถครับ”

“กลับบ้านหน่อยได้ไหม แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”

น้ำเสียงยามที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์มานั้นฟังดูซีเรียสผิดปกติ ดังนั้นปราณต์จึงไม่อาจปฏิเสธได้ แม้ว่าตอนนี้จวนจะถึงเวลาเปิดคลินิกแล้วก็ตาม

“ครับ”

หลังจากรับปากผู้เป็นแม่แล้ว ปราณต์ก็บอกให้คนขับเปลี่ยนเส้นทางให้ไปยังคุ้มลักษิกา ซึ่งคนขับก็รับคำอย่างสุภาพและเกิดอาการเกร็งเล็กน้อย และพอจะเดาได้คร่าวๆ จากการคุยโทรศัพท์ว่าผู้ชายหน้าตาผิวพรรณดีที่นั่งโดยสารรถอยู่ด้านหลังเป็นทายาทของแม่เลี้ยงลักษิกาผู้กว้างขวางในเชียงใหม่

แท็กซี่แล่นมายังคุ้มลักษิกาได้อย่างถูกต้องโดยที่คนขับไม่ได้ถามด้วยซ้ำว่าคุ้มลักษิกาอยู่ส่วนไหนของเชียงใหม่ ปราณต์ส่งเงินให้คนขับสองร้อยบาทโดยไม่รอรับเงินทอน จากนั้นก็ก้าวเข้าไปในบ้านเพื่อพบมารดาตามคำสั่ง

ปราณต์ตรงเข้าไปในห้องนั่งเล่น เพราะรู้ว่ามารดาชอบนั่งอยู่ที่นั่น แต่เมื่อเข้าไปแล้วกลับไม่ใช่แค่แม่นั่งอยู่ตามลำพัง ยังมีปรัชญ์และธรินดาซึ่งอุ้มหนูนิลหลานของเขานั่งอยู่ด้วย ปราณต์ลูบแก้มใสของหลานสาวเบาๆ อย่างเอ็นดู ก่อนจะขยับไปนั่งลงบนโซฟาที่ว่างแล้วเริ่มธุระของตนกับมารดาทันที

“แม่เรียกผมกลับบ้านด่วนมีอะไรหรือเปล่าครับ”

“แม่เลี้ยงแสงหล้าส่งคลิปนี้มาให้แม่ดู คนในคลิปใช่ปราณต์กับหนูนัสหรือเปล่า” แม่เลี้ยงลักษิกาถามลูกชายเสียงเครียดๆ พร้อมกับส่งโทรศัพท์ของตัวเองไปให้

ปราณต์รับมาดูด้วยสีหน้านิ่งๆ เขาไม่ได้แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาให้ใครเห็นขณะนั่งดูคลิป ซึ่งเป็นคลิปเหตุการณ์ตอนที่เขาทะเลาะกับนัสรินหน้าร้านอาหาร แล้วเขากระชากเธอเข้าไปจูบ

“ใช่ครับ” ปราณต์ยอมรับเสียงเรียบๆ หลังจากดูคลิปจบ

“มันมีคลิปหลุดแบบนี้ออกมาได้ยังไงปราณต์ ปราณต์เป็นหมอนะ มีคนนับถือมากมาย ไปทำเรื่องแบบนั้นในที่สาธารณะได้ยังไง แล้วไหนจะชื่อเสียงหนูนัสอีก เลิกกับน้องแล้วไปยุ่งกับน้องแบบนั้นอีกทำไม” แม่เลี้ยงลักษิกาเอ่ยตำหนิออกมาอย่างไม่ถนัดปากนัก เพราะปราณต์แทบจะไม่เคยทำอะไรให้ต้องหนักใจ ยกเว้นครั้งที่หย่ากับนัสรินและครั้งนี้

“ผมกับนัสรินก็แค่ทะเลาะกัน”

“นี่มันคือสิ่งที่คนทะเลาะกันแสดงออกมาเหรอปราณต์”

“แม่ไม่เคยเห็นเหรอครับละครตบจูบ ในโทรทัศน์มีออกเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง”

“แล้วหนูนัสตบปราณต์เหรอ ปราณต์ถึงไปจูบน้องแบบนั้น”

“เปล่าครับ”

“แม่ก็ว่าแม่ไม่เห็น เห็นแต่ที่ปราณต์ประกบปากน้องและจูบเอาๆ” คราวนี้คนเป็นแม่พูดต่อว่าอย่างถนัดปากมากกว่าตอนแรก เพราะดูเหมือนปราณต์จะไม่รู้สึกรู้สมอะไรกับคลิปที่ตนเห็นครั้งแรกก็แทบจะลมใส่

“แค่จูบครับแม่ ยังไม่ได้เอา”

“ตาปราณต์! ไปเอาคำพูดหยาบคายๆ พวกนี้มาจากไหน หรือว่าติดมาจากตาปรัชญ์” แม่เลี้ยงลักษิกาว่าลูกชายคนโตที่พูดอะไรห่ามๆ แบบนั้นทั้งที่ไม่เคยพูด ก่อนจะตวัดตาไปทางลูกชายคนเล็กที่ใช้คำพวกนี้เป็นประจำจนเป็นเรื่องปกติ

“อ้าว จู่ๆ ก็พลอยซวยไปด้วย งั้นไม่ยุ่งดีกว่า พี่ปราณต์เคลียร์กับแม่เลี้ยงลักษิกาเอาเองแล้วกัน ผมไปละ” ปรัชญ์ที่พลอยโดนหางเลขไปด้วยชวนเมียและช่วยเธออุ้มลูก จากนั้นก็เดินตามกันออกจากห้องนั่งเล่น ปล่อยให้พี่ชายเคลียร์กับแม่ตามลำพัง

ทว่าแค่คล้อยหลังปรัชญ์ ปราณต์ก็ขยับตัวลุกด้วย แม่เลี้ยงลักษิกาจึงรีบถามเมื่อลูกชายคนโตก็ทำท่าจะหนีหน้าไปอีกคน

“แล้วนั่นจะไปไหน เรายังคุยกันไม่รู้เรื่องเลยนะ”

“ผมจะกลับไปตรวจคนไข้ที่คลินิกครับ ผมไปนะครับ”

“ตาปราณต์นี่! เฮ้อ...ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องมากลุ้มใจเพราะลูกชายคนนี้”

แม่เลี้ยงลักษิกาได้แต่บ่นตามหลัง เพราะเมื่อปราณต์พูดเสร็จ ร่างสูงก็ก้าวดุ่มๆ ออกจากบ้าน จากนั้นไม่นานนางก็ได้ยินเสียงรถแล่นออกไป...

               

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status