นัสรินลอบมองปลายคางของอดีตสามี พลางคิดไปว่าเมื่อวันศุกร์เขาเข้ามาถึงในลิฟต์ แต่วันนี้เขาเข้าถึงในห้องและกำลังอุ้มเธอไปที่เตียง แถมเธอเองก็ไม่ยอมท้วง จากที่ประกาศปาวๆ ว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ดูเหมือนมันจะต้องข้ามไปเสียหมด
ปราณต์วางเธอลงบนเตียง จัดท่าให้นั่งพิงพนักเตียง ส่วนเขานั่งลงที่ขอบเตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนเตียง แล้วถอดรองเท้าของเธอออก ก่อนจะจับข้อเท้าด้านที่แพลงขึ้นพาดบนขาของเขา ท่ายกแบบนั้นทำให้ชายกระโปรงสั้นร่นขึ้น จนนัสรินต้องรีบหยิบหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาปิดชายกระโปรงไว้เป็นพัลวัน เพื่อไม่ให้ปราณต์มองไปถึงไหนต่อไหน
“จะปิดทำไมล่ะ ใส่สั้นก็ต้องกล้าโชว์สิ” ปราณต์เอ่ยออกมาอย่างรำคาญ เมื่อเห็นท่าทีปิดป้องอย่างหวงเนื้อหวงตัวของอดีตภรรยา
“นัสไม่ใช่พวกชอบโชว์ แล้วคุณปราณต์มาจับขานัสยกแบบนี้ทำไม”
“ผมจะนวดข้อเท้าให้”
นัสรินเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าเขาเข้าไปเอายาในคลินิกมาทำไม ความรู้สึกอุ่นซ่านจึงแล่นลึกเข้ามาในหัวใจ แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็วและบอกตัวเองว่าอย่าเคลิบเคลิ้ม การปล่อยให้ปราณต์เข้ามาเดินเล่นในหัวใจได้ง่ายๆ อีกครั้ง นั่นไม่ต่างอะไรกับการยื่นมีดคมๆ ไปให้เขาแทงใจดวงน้อยเล่น
“นัสนวดเองได้ค่ะ ไม่ต้องรบกวนคุณปราณต์หรอก”
“ในเมื่อผมดูแลมาตั้งแต่ต้น ผมก็จะดูแลจนถึงที่สุด ผมไม่ชอบทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ แล้วทิ้งไปหรอก”
ปราณต์ไม่สนใจคำปฏิเสธของหญิงสาว เขาจัดการบีบยาใส่มือแล้วนวดบริเวณข้อเท้าที่แพลงให้อย่างค่อนข้างจะนุ่มนวล ตาคู่สวยหลุบมองมือใหญ่ที่เรียวยาวสะอาดสะอ้านนั้นอย่างพยายามจะไม่หวั่นไหว หากทว่ามันก็ยากเหลือเกินเมื่อสัมผัสจากมือทั้งสองข้างนั้นก่อให้เกิดความวาบหวามในท้องน้อยอย่างมากมาย กว่าที่เขาจะละมือออกไป เลือดในตัวของเธอก็ร้อนซ่านไปหมด หากนัสรินมองตัวเองในกระจกยามนี้คงเห็นว่าแก้มนวลแดงซ่านแค่ไหน
ตาสองคู่สบประสานกันเมื่อเขานวดข้อเท้าให้เสร็จ แล้วขยับมาทายาแผลถลอกให้ สัมผัสที่ข้อเท้าว่าร้อนซ่านแล้ว แต่ยามที่มือเขาแตะบนหัวเข่า กลับยิ่งร้อนซ่านมากกว่าหลายเท่าตัว การเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วของมือใหญ่ มันชวนให้คิดถึงยามที่เขาลากมือนี้สูงขึ้นมาที่ขาอ่อน และล่วงล้ำลึกซึ้งมากกว่านั้น ดังเช่นที่เคยเกิดขึ้นในอดีต หากว่าอีกเพียงอึดใจเดียวเขายังไม่ละมือออกไปจากตรงนั้น เธอคงหลุดเสียงครางออกมา และปราณต์ต้องรู้แน่ๆ ว่าตอนนี้ความรู้สึกภายในของเธอพลุ่งพล่านมากเพียงใด
และอึดใจต่อมานัสรินก็เหมือนนักมวยได้ระฆังช่วยก่อนจะโดนน็อก เพราะปราณต์ละมือออกไปก่อนที่เสียงครางจะหลุดออกจากเรียวปากนุ่มแบบฉิวเฉียด ทำให้นัสรินลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ตัวเองไม่ต้องขายหน้า
“ถ้าปวดอีก หลังอาบน้ำก็นวดอีกครั้ง นวดอย่างที่ผมนวดให้เมื่อกี้ ตอนนอนจะได้ไม่ปวด” ปราณต์สั่งกำชับก่อนจะลุกจากเตียง เอาถุงยาไปวางไว้บนโต๊ะข้างหัวเตียง แล้วเดินตรงไปยังประตู ทำเอาคนที่เพิ่งถูกภวังค์แห่งความวาบหวามเล่นงานตั้งตัวแทบไม่ติด หัวใจดวงน้อยเกิดอาการใจหายแปลกๆ ที่ความใกล้ชิดนั้นจางหายไปอย่างรวดเร็ว และเมื่อนึกได้ว่าตัวเองยังไม่ทันขอบคุณเขาจึงรีบเรียกเขาเอาไว้
“เดี๋ยวค่ะคุณปราณต์”
ร่างสูงชะงักมือที่กำลังจะเปิดประตู แล้วหันกลับมาตามเสียงเรียก ทว่าถ้อยคำที่หลุดออกมาจากปากเขานั้นทำให้นัสรินนึกอยากกัดปากตัวเองที่เรียกเขา
“เรียกทำไม อย่าบอกนะว่าเมื่อกี้เกิดอารมณ์แล้วอยากให้ผมทำต่อให้เสร็จ ถ้าเป็นอย่างนั้นผมคงต้องปฏิเสธ เพราะผมไม่มีอารมณ์ทำอะไรกับคนเจ็บ เวลาจะยกขาขึ้นพาดแขนพาดบ่าก็ต้องคอยระวัง มันทำได้ไม่ถึงอารมณ์”
เพราะคำพูดของเขาเฉียดกับความจริงที่ตัวเองรู้สึกเมื่อสักครู่นี้ เลยทำให้นัสรินอับอายจนหยิบหมอนที่ปิดกระโปรงตัวเองอยู่ขว้างไปใส่เขาทันที แต่ปราณต์ก็เอียงตัวหลบได้สบายๆ ทำให้หมอนลอยหวือไปกระแทกกับประตูแทน
“ไหนว่าไม่ชอบโชว์ แล้วโยนหมอนมาแบบนี้เท่ากับเปิดอ้าซ่าให้ผมดูเลยนะ” ปราณต์ไม่แค่พูดแต่ใช้สายตามองไปยังส่วนที่ก่อนหน้านี้ถูกหมอนบังอยู่ ทำให้นัสรินยิ่งอายกว่าเดิม
“หมอบ้า! หมอโรคจิต! หมอปากจัด!”
ปราณต์ยิ้มมุมปากก่อนจะสาวเท้ายาวๆ กลับไปยังเตียง ยกมือขึ้นคร่อมร่างบางเอาไว้ แล้วจึงค่อยก้มหน้าลงไปตอบโต้อย่างใจเย็น
“ไม่ใช่แค่ปากจัดแต่เซ็กซ์จัดด้วย คุณก็เคยรู้ซึ้งด้วยตัวเองแล้วนี่”
“นัสเกลียดคุณ” นัสรินอยากจะให้ตัวเองตะโกนใส่หน้าเขา แต่กลับพูดประโยคนั้นแค่เบาๆ ก็จะให้เธอพูดเสียงดังกว่านั้นได้อย่างไร ในเมื่อหน้าเขาลอยอยู่ใกล้แค่นี้
“ถ้าเกลียดจริงๆ แล้วเรียกไว้ทำไม”
“นัสก็แค่จะถามว่าคุณปราณต์จะกลับยังไง”
“ทำไมล่ะ อาลัยอาวรณ์หรือว่าห่วงผม” คิ้วเข้มเลิกขึ้นพลางจ้องลึกลงไปในดวงตาคู่สวยอย่างควานหาเอาความจริง ซึ่งนัสรินก็ทำได้แค่หลุบเปลือกตาลงบดบังความในเอาไว้เท่านั้น
“ไม่ได้ห่วง ไม่ได้อาลัยอาวรณ์อะไร แค่ไม่อยากเป็นหนี้บุญคุณค่ะ” เธอพูดในสิ่งที่ไม่ตรงกับใจเลยสักนิด
“ถึงไม่อยากก็ต้องอยาก จำไว้ให้แม่นล่ะนัสรินว่าคุณติดหนี้บุญคุณผมอยู่ แล้วผมจะมาทวงวันหลังพร้อมกับเรียกเก็บดอกเบี้ยด้วย”
นั่นคือประโยคสุดท้ายก่อนที่ปราณต์จะยืดตัวขึ้น แล้วเดินไปยังประตูเช่นเดียวกับตอนที่เขาจะไปครั้งแรก แต่คราวนี้นัสรินไม่ได้เรียกไว้อีก เธอได้แต่นั่งนิ่งและมองตามจนกระทั่งประตูห้องปิดลง
ปราณต์บอกว่าจะมาทวงบุญคุณวันหลังพร้อมกับเก็บดอกเบี้ย นั่นแสดงว่าจะมาหาเธออีกอย่างนั้นหรือ นัสรินไม่รู้ว่าตัวเองควรดีใจหรือควรรู้สึกอย่างอื่น แต่การปล่อยให้ตัวเองใกล้ชิดกับปราณต์บ่อยๆ นั่นเป็นสิ่งที่อันตรายกับหัวใจยิ่งนัก
บทที่ 22แม้ว่ารถแท็กซี่สีเหลืองน้ำเงินคันที่กำลังแล่นมาจะไม่หรูและสภาพค่อนไปทางทรุดโทรม แต่ปราณต์ก็ไม่เกี่ยงที่จะใช้บริการ เขาบอกจุดหมายกับคนขับแล้วขึ้นไปนั่งที่ตอนหลังของรถ พลางซึมซับเอาบรรยากาศการนั่งแท็กซี่ในตัวจังหวัดในทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาหลายปีที่มีโอกาสได้ใช้บริการรถดังกล่าว แน่นอนว่าลูกชายเศรษฐีนีเชียงใหม่ระดับแม่เลี้ยงลักษิกาอย่างเขาย่อมมีรถให้ใช้หลายคัน ดังนั้นจึงไม่มีครั้งใดที่เขาจะได้เฉียดใกล้กับการนั่งรถแท็กซี่เช่นนี้ ความจริงเขาจะโทร.เรียกอินแปงหรือคนที่บ้านให้ขับรถมารับก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่ต้องรบกวนใคร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ติดหรูจนถึงขนาดนั่งรถแท็กซี่ไม่ได้ปราณต์ทอดสายตาตรงไปข้างหน้าราวกับกำลังมองถนนเงียบๆ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่กล้าชวนคุย บรรยากาศในรถจึงมีเพียงความเงียบ แต่ความเงียบนั้นก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปราณต์ และเขาก็กดรับเช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่โทร.มา“สวัสดีครับแม่”“ตาปราณต์อยู่ไหนลูก”“อยู่บนรถครับ”“กลับบ้านหน่อยได้ไหม แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”น้ำเสียงยามที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์มานั้นฟังดูซีเร
บทที่ 23แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตสามีอีก แต่คำพูดของเขาก่อนจากกันวันนั้น ก็ทำให้นัสรินแอบรอคอยการมาของเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ บ่อยครั้งที่เธอมองนาฬิกาสลับกับเงี่ยหูฟังเสียงเคาะประตูห้อง ยิ่งช่วงสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปิดคลินิกของปราณต์ใกล้เข้ามาทีไร เธอก็ยิ่งมองบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น ทว่าการรอคอยของเธอวันแล้ววันเล่าก็ว่างเปล่า นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปราณต์จะมาอย่างที่เขาว่าแต่อย่างใด ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...นัสรินบอกตัวเองแบบนั้น แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงราวกับต้นไม้ที่ไร้ฝนหลั่งลงมาอาบชโลมเป็นเวลานานก็ไม่ปาน หากกระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเป็นปกติ หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขึ้นไปนั่งพิงพนักเตียง หยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อให้เสียงโทรทัศน์ดังเป็นเพื่อนยามอยู่คนเดียว เปิดได้ไม่นานก็ต้องหยิบรีโมตอีกรอบเพื่อหรี่เสียง เพราะมีเสียงจากโทรศัพท์มือถือแผดร้องแข่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น นัสรินกดรับสายทันทีเพราะคนที่โทร.มาคือกิตติหัวหน้าของเธอนั่นเอง “สวัส
บทที่ 24นัสรินสบตากับตาคมของอดีตสามีครู่หนึ่ง เธอเห็นแววแปลกใจปรากฏอยู่บนดวงตาคมของเขา แต่ก็แค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิม หญิงสาวจึงเสไปมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างปราณต์พร้อมกับที่หัวใจเกิดอาการแกว่งไหว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ปราณต์ควงมานั้นสวยสง่าเพียงใด เพราะอย่างนี้เองกระมังเขาถึงไม่ได้ไปหาเธออย่างที่บอกเอาไว้ ขณะที่เธอก็บ้าพอที่จะรอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ“สวัสดีครับหมออรรณพ” ปราณต์ทักทายหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกับนัสรินมาก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกับคอแข็ง“สวัสดีครับหมอปราณต์/หมอเมย์”“หมอไม่ได้มากับภรรยาเหรอครับ”แม้คำถามนั้นจะดูเหมือนธรรมดา หากแต่นัสรินฟังว่าปราณต์จงใจถามเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่าหมออรรณพมีภรรยาแล้ว และเธอกำลังนั่งทานข้าวกับสามีคนอื่นอยู่“เปล่า...นี่คุณนัสรินเป็นตัวแทนจากบริษัทยาที่จะจำหน่ายให้คลินิกของผม”“อ้อ...คนขาย...ยา”ดูเหมือนว่าคนฟังอย่างหมออรรณพและหมอเมธาวีจะไม่สะดุดหูกับคำพูดของปราณต์ที่จงใจพูดเว้นคำ แต่นัสรินเผลอมองคนพูดตาขุ่น“อย่ามัวแต่แซวผมเลย แล้วนี่หมอกับหมอเมย์มาเดตกันเหรอ” หมออรรณพสัพยอกกลับอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร
บทที่ 25นัสรินขับรถไปยังร้านอาหารร้านเดิม เพราะตอนที่หมออรรณพขับรถกลับมาส่งเมื่อวาน เขานัดเธอว่าให้ไปเจอที่นั่น เพื่อแก้มือที่เมื่อวานทั้งเธอทั้งเขาแทบจะยังไม่ได้ทานอาหารที่สั่งมาเลย เธอไปถึงก่อนเวลานัดเช่นเดียวกับทุกครั้งที่นัดลูกค้าคนอื่นๆ วันนี้คนในร้านค่อนข้างหนาตา นัสรินจึงไม่มีโอกาสเลือกมุมที่จะนั่ง เธอได้นั่งโต๊ะว่างตรงบริเวณกลางร้าน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะสิ่งที่คิดตอนนี้คือมาทำงาน จะนั่งตรงไหนมุมไหนจึงไม่ได้สำคัญอะไร หญิงสาวจัดการสั่งอาหารและบอกให้พนักงานนำมาเสิร์ฟตอนที่หมออรรณพมาแล้ว รอไม่นานนักหมออรรณพก็มา เขาเอ่ยทักทายและนั่งลงฝั่งตรงข้าม จากนั้นนัสรินก็ส่งเอกสารให้เขาเซ็น หมออรรณพเซ็นอย่างไม่ได้ลีลาท่ามากเหมือนใครบางคน เธอเก็บเอกสารไว้ชุดหนึ่งและให้หมออรรณพเก็บไว้ชุดหนึ่งเป็นคู่สัญญาพนักงานร้านเริ่มทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟและทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหารโดยไม่มีอะไรขัดเหมือนเมื่อวาน “คุณหมอคะ เดี๋ยวนัสขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เธออยากออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพักด้วย เพราะวันนี้หมออรรณพเหมือนจะ
บทที่ 26 หมออรรณพทำท่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อนัสรินเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนเหมือนเช่นเมื่อวาน เขารู้แน่แล้วว่าหญิงสาวที่สวยซ่อนเปรี้ยวผู้นี้คงไม่เล่นด้วยง่ายๆ แม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาส ดังนั้นช่วงนี้เขาเองก็จะไปหาคนที่เต็มใจฆ่าเวลาไปก่อน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังเป็นประเด็นกับผู้ชายสองคน แม้ว่าจะเอ่ยขอตัวกลับกับหมออรรณพแล้ว นัสรินก็ไม่ได้ออกไปหาปราณต์แต่อย่างใด เธอออกทางประตูหน้าและเดินอ้อมไปยังลานจอดรถ เพื่อจะหนีหน้าคนที่เพิ่งมาข่มขู่ตัวเอง เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่พอไปถึงรถก็พบว่าปราณต์กำลังยืนพิงรถของเธออยู่คล้ายกับมาดักทาง นัสรินจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกคราอย่างเลี่ยงไม่ได้ “กำลังจะหนีกลับล่ะสิ” เขาดักคออย่างรู้ทัน “ค่ะ และคุณเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว” “ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับ” “แล้วคุณไม่กลัวคนไข้จะรอเหรอคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดของคลินิกนี่” “จำได้ด้วยเหรอว่าคลินิกของผมหยุดวันไหนบ้าง ไหนบอกว่าลืมทุก
บทที่ 27“งั้นพาไปที่รถพี่ก็ได้ค่ะ มาช่วยพี่ประคองหน่อย”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเมียพี่จัดการเอง” ปราณต์หยิบกระเป๋าเงินมาให้ทิปแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้ไปได้ ดังนั้นหน้าที่ประคองผู้ชายที่ตัวโตกว่าจึงเป็นของนัสรินคนเดียวหญิงสาวยกแขนของเขาพาดบ่าตัวเอง แล้วพาคนเมาออกจากร้านไปยังรถของตัวเองอย่างทุลักทุเล เพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เขาทิ้งน้ำหนักแทบจะทั้งหมดลงบนไหล่ของเธอ ใบหน้าซบลงบนคอ และบ่อยครั้งที่นัสรินรู้สึกว่าปราณต์ใช้จมูกไซ้ซอกคอของเธอเบาๆ“คุณปราณต์เดินดีๆ สิคะ” เธอปรามเขาเสียงขุ่น แม้ว่าลานจอดรถตอนนี้แทบจะไม่มีคน แต่เธอก็ไม่อยากถูกคนเมาหาเศษหาเลยแบบนี้“นี่ก็เดินดีแล้ว เดินด้วยหอมด้วย” เขากระซิบเสียงอ้อแอ้พลางซุกจมูกเข้าที่ซอกคอขาวละมุนอีกครั้ง“ถ้าคุณลวนลามนัสอีก นัสจะปล่อยคุณทิ้งไว้นี่”“ใจร้ายจริง จะหวงตัวกับผัวไปถึงไหน” เสียงทุ้มนั้นพึมพำก่อนจะหัวเราะน้อยๆ“เลิกขี้ตู่เสียทีค่ะ นัสกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว สมองเสื่อมหรือไงคะคุณหมอปราณต์” นัสรินคิดว่าตัวเองต้องบ้าแน่ๆ ที่ต่อปากต่อคำกับคนเมา แต่เขาก็ช่างยั่วเหลือเกิน ทำให้บ่อยครั้งที่เธอหลุดการควบคุมตัวเองเพราะคำพูดของเขาเมื่
บทที่ 28ร่างบางโน้มตัวไปปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยอย่างระวังตัว ด้วยกลัวว่าจะถูกฉวยโอกาสเอาอีกครั้ง แต่ปราณต์ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ เธอจึงยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดบ่าและเรียกเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าคนเมาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายอมลงจากรถ ก้าวตามร่างเล็กที่ประคองตัวเองเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงโซฟาในห้องโถงนัสรินก็วางร่างใหญ่นั้นลง และเพิ่งสังเกตว่าปราณต์ถือกระเป๋าของเธอมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในบ้าน ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจอย่างอดไม่ได้ บ้านหลังนี้ยังมีบรรยากาศแบบเดิม ปราณต์ยังจัดบ้านและวางทุกอย่างไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งโซฟาตัวนี้ซึ่งเขาเคยใช้มันในการตีตราเธอให้เป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ ปราณต์ก็ไม่ได้ย้ายหรือขยับมันไปไหนเขาคงไม่รู้สึกอะไรที่จะต้องทนมองมันทุกวัน หากแต่นัสรินกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงให้จมไปกับอดีตอีกครั้ง ทำให้มือเล็กต้องรีบเอื้อมไปหยิบเอากระเป๋าของตัวเองจากมือเขา เพื่อจะหนีไปจากที่ที่ทำให้หัวใจตัวเองอ่อนไหวในทันที แต่แค่เอื้อมมือไปมือเล็กก็ถูกปราณต์รั้งเอาไว้“จะไปไหน” “นัสจะกลับค่ะ”“พาผมขึ้นไปส่
บทที่ 29นัสรินมองใบหน้าที่อยู่เหนือใบหน้าของตัวเองอย่างตื่นตระหนก ตอนนี้ท่าทางของปราณต์ไม่มีหลงเหลือวี่แววของคนเมาเลยแม้แต่นิด เธอจึงรู้ตัวว่าเสียรู้เขาให้แล้ว“นี่คุณไม่ได้เมาเหรอคะ”“เมา แต่สร่างเมาตั้งแต่ได้หอมแก้มคุณแล้ว”“คนเจ้าเล่ห์” เธอต่อว่าเขาอย่างเจ็บใจตัวเองที่ถูกหลอก พยายามจะบิดมือออก แต่ยิ่งบิดยิ่งถูกมือแกร่งกดแน่น ซ้ำร้ายไปกว่านั้นเขายังโน้มหน้าลงมาใกล้มากกว่าเดิม จนลมหายใจอุ่นซ่านนั้นมากระทบซอกคอที่ไวต่อความรู้สึกของเธอ“ถ้าไม่เจ้าเล่ห์ คุณจะยอมขึ้นมาส่งถึงนี่เหรอ”“คุณทำแบบนี้เพื่ออะไร”“เพราะผมไม่อยากให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเมียเก่าไปเป็นชู้กับผัวชาวบ้านน่ะสิ รู้หรือเปล่าว่าหมออรรณพมีเมียแล้ว” ปราณต์ไม่สนใจท่าทีเคืองขุ่นของเธอ แต่เขากลับถามกลับไปอย่างตำหนิ“รู้ค่ะ คุณเป็นคนบอกนัสเองตั้งแต่เมื่อวานไม่ใช่เหรอ”“รู้แล้วทำไมยังไปออกเดต นั่งกินข้าวใต้บรรยากาศสุดโรแมนติกในร้านแบบนั้น”“นัสไม่ได้ทำอะไรที่มันเสียหายนี่คะ นัสแค่ไปคุยงานกับหมอณพ อ้อ...อีกอย่างถึงนัสจะออกเดตกับใคร มันก็เป็นสิทธิ์ของนัสไม่ใช่เหรอคะ ในเมื่อตอนนี้นัสโสด” นัสรินเผลอประชดและสบตากับเขาอย่างไม่ยอมถูกเล่