“ปล่อยนัสลงค่ะคุณปราณต์ คุณมีสิทธิ์อะไรมาอุ้มนัสแบบนี้” คนเจ็บโวยวายพลางดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่กล้าดิ้นมากเพราะกลัวตก
“จอดรถที่ไหน” ปราณต์ไม่สนใจอาการขัดขืนของเธอ แต่ถามเสียงดุๆ ขรึมๆ แม้นัสรินจะแอบหวั่นทว่าการถูกอุ้มแบบนี้มันน่าหวาดหวั่นกว่าหลายเท่า
“ก็นัสบอกแล้วไงคะว่า...”
“ผมถามว่าจอดรถที่ไหนนัสริน” เสียงดุๆ ขรึมๆ เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ถามแต่ยังพ่วงชื่อเธอต่อท้าย แถมตาก็ยังหลุบลงมองหน้าเธออย่างดุดันพอกัน
“ที่ลานจอดรถด้านหน้าค่ะ”
หลังจากได้คำตอบ ปราณต์ก็ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก ร่างสูงอุ้มอดีตภรรยาสาวออกจากห้องประชุม ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อไปยังลานจอดรถ ท่ามกลางสายตาของคนไข้ พยาบาล และพนักงานของโรงพยาบาลหลายสิบคน
“เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณหมอ”
พยาบาลหน้าห้องหมอชัชวาลรีบเอ่ยถามปราณต์อย่างค่อนข้างตกใจ เมื่อเห็นเขาอุ้มหญิงสาวซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายยาผ่านมา
“เธอหกล้มขาแพลง ผมเลยจะอุ้มไปส่ง”
“อ๋อ...ค่ะๆ มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยคะ”
“ไม่มีครับ ขอบคุณครับ”
ปราณต์พูดแค่นั้นก็อุ้มอดีตภรรยาสาวผ่านไป เขาตอบและคุยกับคนอื่นอย่างคล่องปาก ขณะที่นัสรินได้แต่เอาหน้าซุกกับอกกว้างนั้นเพราะอับอายที่ถูกอุ้มต่อหน้าธารกำนัล
เมื่อไปถึงรถปราณต์ก็ออกคำสั่งอีกครั้ง บอกให้เธอหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าและปลดล็อกประตู เขาใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออก วางร่างบางลงที่เบาะ ก่อนจะดึงเอากุญแจจากมือของเธอแล้วอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ
“คุณปราณต์จะทำอะไรคะ” นัสรินรู้สึกว่าตัวเองถามอะไรโง่ๆ เมื่อปราณต์สตาร์ตรถ
“ผมจะไปส่ง สภาพแบบนี้คุณคงขับรถไม่ไหวหรอก”
“แล้วรถคุณปราณต์ล่ะคะ”
“ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงรถผมหรอก” เขาทำเสียงดุใส่อีกครั้ง ก่อนจะออกรถและขับมุ่งหน้าไปยังอพาร์ตเมนต์ที่นัสรินพักอยู่เพราะรู้ดีอยู่แล้ว
“ความจริงคุณไม่น่าต้องลำบากเพราะนัส”
“ถ้าไม่อยากให้ลำบาก คราวหน้าก็ควรระวังตัวมากกว่านี้”
เป็นอีกครั้งที่นัสรินเกือบจะเข้าข้างตัวเองว่าปราณต์ห่วงใย แต่เขาจะมาห่วงคนที่เขาเกลียดได้อย่างไร อย่าบ้าไปหน่อยเลยนัสริน
“ค่ะ...นัสจะระวังตัวให้มากกว่านี้ คราวหน้าจะได้ไม่มีใครมาเสียเวลาและลำบากเพราะนัสอีก”
พูดเสร็จก็เมินหน้าไปมองหน้าต่างอย่างไม่อยากจะตอแยด้วยอีก แต่ดูเหมือนว่าคนขับรถกิตติมศักดิ์จะไม่ยอมสงบศึกง่ายๆ เขากวาดตามองทั่วร่างของเธอแล้วเอ่ยตำหนิออกมาตรงๆ ทำเอานัสรินต้องเดือดเนื้อร้อนใจอีกหนึ่งคำรบ
“ผมว่ากระโปรงคุณมันแคบและสั้นไปนะ แล้วรองเท้านั่นจะใส่สูงไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่ามันไม่ปลอดภัยเวลาขับรถ แถมอาจจะทำให้ขาเป็นเส้นเลือดขอดอีก จำเป็นไหมว่าเป็นแม่หม้ายผัวหย่าแล้วต้องแต่งตัวให้มันเปรี้ยวขนาดนี้”
“นัสไม่ได้แต่งเพื่อให้เปรี้ยวหรือเพราะคำว่าแม่หม้ายนะคะ นัสต้องแต่งแบบนี้ก็เพราะงานที่นัสทำ” ว่าจะไม่ต่อปากต่อคำด้วยก็อดไม่ได้เมื่อถูกยั่วให้ขุ่น
“เป็นนโยบายบริษัทเหรอ”
“เปล่าค่ะ แต่ใครๆ เขาก็แต่งแบบนี้”
“อ้อ...แสดงว่าบริษัทไม่ได้บอก แต่คิดเอาเองว่าควรจะแต่งแบบไหน”
“ค่ะ”
เพราะมัวแต่เถียงกับเขานัสรินจึงไม่ทันได้สังเกตว่าปราณต์หักพวงมาลัยจากถนนเส้นหลักเข้าซอย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาจอดรถที่หน้าคลินิกของตัวเอง ซึ่งตอนนั้นพนักงานประจำคลินิกมาเปิดรอแล้ว
ปราณต์สั่งให้เธอนั่งรอในรถโดยไม่ได้ดับเครื่อง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในคลินิก ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมกับถุงยา และรถก็แล่นไปตามถนนอีกรอบ หัวใจของนัสรินกระตุกวาบเมื่อปราณต์ขับรถผ่านบ้านที่เขากับเธอเคยอยู่ด้วยกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ชั่วขณะหนึ่งก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมปราณต์ถึงไม่ย้ายกลับไปอยู่กับความสะดวกสบายที่บ้าน ทำไมถึงยังอยู่บ้านหลังเดิมทั้งๆ ที่ที่นี่ออกจะลำบากและไม่มีใครดูแลอะไรให้ หรือเป็นเพราะว่าตอนนี้เขามีคนมาคอยดูแลอะไรๆ ในบ้านให้แล้ว ปราณต์ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไรสักนิด ตรงกันข้ามเขาออกจะเพอร์เฟกต์และเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์ และคุณสมบัติด้วยซ้ำ มีหรือที่จะไม่มีผู้หญิงมาสนใจ แล้วเป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่สนใจใครเลยตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาหลังจากหย่ากับเธอ
ความจริงที่ตระหนักแก่ใจนั้นทำให้นัสรินนั่งเงียบมาตลอดทาง คราวนี้เงียบจริงๆ และปราณต์เองก็เงียบเช่นกัน เมื่อรถจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์แล้วคนขับกิตติมศักดิ์ก็ดับเครื่อง นัสรินจะหันไปขอบคุณเขา แต่ปราณต์กลับดึงกุญแจรถออกพร้อมกับหยิบเอาถุงยาติดมือมาและเดินอ้อมมาฝั่งที่เธอนั่ง ดึงประตูให้เปิดออก แล้วก้มลงช้อนอุ้มเอาร่างบางขึ้นไว้ในวงแขนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ไม่ต้องค่ะ นัสเดินเองได้” เสียงหวานเอ่ยห้ามปราม เมื่อครู่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็อายมากพอแล้ว เธอไม่อยากอายคนในอพาร์ตเมนต์อีก
“อย่าอวดเก่ง”
พูดแค่นั้นเขาก็อุ้มร่างบางแล้วพาก้าวอาดๆ เข้าไปในอพาร์ตเมนต์ราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็พาเธอเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ยอมปล่อยให้เธอลง โชคดีที่ไม่มีคนโดยสารลิฟต์พร้อมกัน ไม่อย่างนั้นนัสรินคงอึดอัดมากกว่านี้เป็นแน่ แต่ปัญหาของเธอตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่ปราณต์อุ้มมาส่ง เพราะเมื่อถึงชั้นห้าเขาก็ถามเลขห้องของเธอทันที
“คุณอยู่ห้องไหน”
“ห้อง 538 ค่ะ”
อาจจะเพราะอยากให้ถึงแล้วอยากจะให้เขากลับไปไวๆ นัสรินจึงยอมบอกง่ายๆ ปราณต์คงมาส่งเธอถึงหน้าห้องแล้วกลับไป ทว่านั่นก็คือสิ่งที่นัสรินคิดผิดถนัดอีก เมื่อปราณต์ไม่ได้วางเธอลงอย่างที่คิด แต่เขากลับใช้ไหล่ดันประตูให้เปิดออกแล้วพาเธอเข้าไปในห้อง แม้ว่าห้องพักของเธอจะเป็นอพาร์ตเมนต์ที่ค่อนข้างกว้างขวางและแบ่งเป็นสัดส่วน แต่เตียงนอนและส่วนอื่นๆ ก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นปราณต์จึงไม่ต้องมองหาเตียงให้ยุ่งยาก
บทที่ 21นัสรินลอบมองปลายคางของอดีตสามี พลางคิดไปว่าเมื่อวันศุกร์เขาเข้ามาถึงในลิฟต์ แต่วันนี้เขาเข้าถึงในห้องและกำลังอุ้มเธอไปที่เตียง แถมเธอเองก็ไม่ยอมท้วง จากที่ประกาศปาวๆ ว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก ดูเหมือนมันจะต้องข้ามไปเสียหมดปราณต์วางเธอลงบนเตียง จัดท่าให้นั่งพิงพนักเตียง ส่วนเขานั่งลงที่ขอบเตียง ยกขาข้างหนึ่งขึ้นพาดบนเตียง แล้วถอดรองเท้าของเธอออก ก่อนจะจับข้อเท้าด้านที่แพลงขึ้นพาดบนขาของเขา ท่ายกแบบนั้นทำให้ชายกระโปรงสั้นร่นขึ้น จนนัสรินต้องรีบหยิบหมอนอีกใบที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาปิดชายกระโปรงไว้เป็นพัลวัน เพื่อไม่ให้ปราณต์มองไปถึงไหนต่อไหน“จะปิดทำไมล่ะ ใส่สั้นก็ต้องกล้าโชว์สิ” ปราณต์เอ่ยออกมาอย่างรำคาญ เมื่อเห็นท่าทีปิดป้องอย่างหวงเนื้อหวงตัวของอดีตภรรยา“นัสไม่ใช่พวกชอบโชว์ แล้วคุณปราณต์มาจับขานัสยกแบบนี้ทำไม”“ผมจะนวดข้อเท้าให้”นัสรินเพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าเขาเข้าไปเอายาในคลินิกมาทำไม ความรู้สึกอุ่นซ่านจึงแล่นลึกเข้ามาในหัวใจ แต่ก็รีบปัดมันทิ้งอย่างรวดเร็วและบอกตัวเองว่าอย่าเคลิบเคลิ้ม การปล่อยให้ปราณต์เข้ามาเดินเล่นในหัวใจได้ง่ายๆ อีกครั้ง นั่นไม่ต่างอะไรกับการ
บทที่ 22แม้ว่ารถแท็กซี่สีเหลืองน้ำเงินคันที่กำลังแล่นมาจะไม่หรูและสภาพค่อนไปทางทรุดโทรม แต่ปราณต์ก็ไม่เกี่ยงที่จะใช้บริการ เขาบอกจุดหมายกับคนขับแล้วขึ้นไปนั่งที่ตอนหลังของรถ พลางซึมซับเอาบรรยากาศการนั่งแท็กซี่ในตัวจังหวัดในทันที เพราะนี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ทำงานมาหลายปีที่มีโอกาสได้ใช้บริการรถดังกล่าว แน่นอนว่าลูกชายเศรษฐีนีเชียงใหม่ระดับแม่เลี้ยงลักษิกาอย่างเขาย่อมมีรถให้ใช้หลายคัน ดังนั้นจึงไม่มีครั้งใดที่เขาจะได้เฉียดใกล้กับการนั่งรถแท็กซี่เช่นนี้ ความจริงเขาจะโทร.เรียกอินแปงหรือคนที่บ้านให้ขับรถมารับก็ได้ แต่ก็ไม่เห็นว่าจะมีความจำเป็นที่ต้องรบกวนใคร อีกทั้งเขาก็ไม่ได้ติดหรูจนถึงขนาดนั่งรถแท็กซี่ไม่ได้ปราณต์ทอดสายตาตรงไปข้างหน้าราวกับกำลังมองถนนเงียบๆ ทำให้คนขับแท็กซี่ไม่กล้าชวนคุย บรรยากาศในรถจึงมีเพียงความเงียบ แต่ความเงียบนั้นก็ถูกรบกวนด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือของปราณต์ และเขาก็กดรับเช่นเดียวกับทุกครั้งเมื่อเห็นว่าผู้เป็นแม่โทร.มา“สวัสดีครับแม่”“ตาปราณต์อยู่ไหนลูก”“อยู่บนรถครับ”“กลับบ้านหน่อยได้ไหม แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”น้ำเสียงยามที่เอ่ยผ่านโทรศัพท์มานั้นฟังดูซีเร
บทที่ 23แม้ปากจะบอกว่าไม่อยากเกี่ยวข้องใดๆ กับอดีตสามีอีก แต่คำพูดของเขาก่อนจากกันวันนั้น ก็ทำให้นัสรินแอบรอคอยการมาของเขาอย่างห้ามใจไม่อยู่ บ่อยครั้งที่เธอมองนาฬิกาสลับกับเงี่ยหูฟังเสียงเคาะประตูห้อง ยิ่งช่วงสองทุ่มกว่าๆ ซึ่งเป็นเวลาปิดคลินิกของปราณต์ใกล้เข้ามาทีไร เธอก็ยิ่งมองบ่อยครั้งขึ้นเท่านั้น ทว่าการรอคอยของเธอวันแล้ววันเล่าก็ว่างเปล่า นี่ก็ผ่านไปสามวันแล้วแต่กลับไม่มีวี่แววว่าปราณต์จะมาอย่างที่เขาว่าแต่อย่างใด ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ...นัสรินบอกตัวเองแบบนั้น แต่ใจกลับห่อเหี่ยวลงราวกับต้นไม้ที่ไร้ฝนหลั่งลงมาอาบชโลมเป็นเวลานานก็ไม่ปาน หากกระนั้นเธอก็ยังบังคับตัวเองให้ทำกิจวัตรประจำวันของตนอย่างเป็นปกติ หลังจากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว ร่างบางก็ขึ้นไปนั่งพิงพนักเตียง หยิบรีโมตโทรทัศน์แล้วกดเปิดเพื่อให้เสียงโทรทัศน์ดังเป็นเพื่อนยามอยู่คนเดียว เปิดได้ไม่นานก็ต้องหยิบรีโมตอีกรอบเพื่อหรี่เสียง เพราะมีเสียงจากโทรศัพท์มือถือแผดร้องแข่งเสียงโทรทัศน์ขึ้น นัสรินกดรับสายทันทีเพราะคนที่โทร.มาคือกิตติหัวหน้าของเธอนั่นเอง “สวัส
บทที่ 24นัสรินสบตากับตาคมของอดีตสามีครู่หนึ่ง เธอเห็นแววแปลกใจปรากฏอยู่บนดวงตาคมของเขา แต่ก็แค่แวบเดียวมันก็เปลี่ยนเป็นเฉยเมยดังเดิม หญิงสาวจึงเสไปมองผู้หญิงที่ยืนเคียงข้างปราณต์พร้อมกับที่หัวใจเกิดอาการแกว่งไหว เมื่อเห็นว่าผู้หญิงที่ปราณต์ควงมานั้นสวยสง่าเพียงใด เพราะอย่างนี้เองกระมังเขาถึงไม่ได้ไปหาเธออย่างที่บอกเอาไว้ ขณะที่เธอก็บ้าพอที่จะรอคอยอย่างลมๆ แล้งๆ“สวัสดีครับหมออรรณพ” ปราณต์ทักทายหมอที่ทำงานอยู่โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทำท่าเหมือนไม่เคยรู้จักกับนัสรินมาก่อน ทำให้หญิงสาวถึงกับคอแข็ง“สวัสดีครับหมอปราณต์/หมอเมย์”“หมอไม่ได้มากับภรรยาเหรอครับ”แม้คำถามนั้นจะดูเหมือนธรรมดา หากแต่นัสรินฟังว่าปราณต์จงใจถามเพื่อประกาศให้เธอรู้ว่าหมออรรณพมีภรรยาแล้ว และเธอกำลังนั่งทานข้าวกับสามีคนอื่นอยู่“เปล่า...นี่คุณนัสรินเป็นตัวแทนจากบริษัทยาที่จะจำหน่ายให้คลินิกของผม”“อ้อ...คนขาย...ยา”ดูเหมือนว่าคนฟังอย่างหมออรรณพและหมอเมธาวีจะไม่สะดุดหูกับคำพูดของปราณต์ที่จงใจพูดเว้นคำ แต่นัสรินเผลอมองคนพูดตาขุ่น“อย่ามัวแต่แซวผมเลย แล้วนี่หมอกับหมอเมย์มาเดตกันเหรอ” หมออรรณพสัพยอกกลับอย่างไม่ได้เดือดเนื้อร
บทที่ 25นัสรินขับรถไปยังร้านอาหารร้านเดิม เพราะตอนที่หมออรรณพขับรถกลับมาส่งเมื่อวาน เขานัดเธอว่าให้ไปเจอที่นั่น เพื่อแก้มือที่เมื่อวานทั้งเธอทั้งเขาแทบจะยังไม่ได้ทานอาหารที่สั่งมาเลย เธอไปถึงก่อนเวลานัดเช่นเดียวกับทุกครั้งที่นัดลูกค้าคนอื่นๆ วันนี้คนในร้านค่อนข้างหนาตา นัสรินจึงไม่มีโอกาสเลือกมุมที่จะนั่ง เธอได้นั่งโต๊ะว่างตรงบริเวณกลางร้าน แต่หญิงสาวก็ไม่ได้ซีเรียสอะไร เพราะสิ่งที่คิดตอนนี้คือมาทำงาน จะนั่งตรงไหนมุมไหนจึงไม่ได้สำคัญอะไร หญิงสาวจัดการสั่งอาหารและบอกให้พนักงานนำมาเสิร์ฟตอนที่หมออรรณพมาแล้ว รอไม่นานนักหมออรรณพก็มา เขาเอ่ยทักทายและนั่งลงฝั่งตรงข้าม จากนั้นนัสรินก็ส่งเอกสารให้เขาเซ็น หมออรรณพเซ็นอย่างไม่ได้ลีลาท่ามากเหมือนใครบางคน เธอเก็บเอกสารไว้ชุดหนึ่งและให้หมออรรณพเก็บไว้ชุดหนึ่งเป็นคู่สัญญาพนักงานร้านเริ่มทยอยนำอาหารมาเสิร์ฟและทั้งคู่ก็ลงมือรับประทานอาหารโดยไม่มีอะไรขัดเหมือนเมื่อวาน “คุณหมอคะ เดี๋ยวนัสขอตัวเข้าห้องน้ำสักครู่นะคะ”หญิงสาวเอ่ยขึ้นหลังจากทานอาหารอิ่มแล้ว เธออยากออกไปสูดอากาศข้างนอกสักพักด้วย เพราะวันนี้หมออรรณพเหมือนจะ
บทที่ 26 หมออรรณพทำท่าผิดหวังไม่น้อย เมื่อนัสรินเอ่ยปากขอตัวกลับก่อนเหมือนเช่นเมื่อวาน เขารู้แน่แล้วว่าหญิงสาวที่สวยซ่อนเปรี้ยวผู้นี้คงไม่เล่นด้วยง่ายๆ แม้จะเสียดายอยู่ลึกๆ แต่ก็คิดว่าตัวเองยังพอมีโอกาส ดังนั้นช่วงนี้เขาเองก็จะไปหาคนที่เต็มใจฆ่าเวลาไปก่อน ทางด้านหญิงสาวที่กำลังเป็นประเด็นกับผู้ชายสองคน แม้ว่าจะเอ่ยขอตัวกลับกับหมออรรณพแล้ว นัสรินก็ไม่ได้ออกไปหาปราณต์แต่อย่างใด เธอออกทางประตูหน้าและเดินอ้อมไปยังลานจอดรถ เพื่อจะหนีหน้าคนที่เพิ่งมาข่มขู่ตัวเอง เธอไม่อยากข้องเกี่ยวกับเขา ในเมื่อเขามีเจ้าของแล้วก็ควรจะต่างคนต่างอยู่ แต่พอไปถึงรถก็พบว่าปราณต์กำลังยืนพิงรถของเธออยู่คล้ายกับมาดักทาง นัสรินจึงต้องเผชิญหน้ากับเขาอีกคราอย่างเลี่ยงไม่ได้ “กำลังจะหนีกลับล่ะสิ” เขาดักคออย่างรู้ทัน “ค่ะ และคุณเองก็ควรจะกลับไปได้แล้ว” “ผมไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องรีบกลับ” “แล้วคุณไม่กลัวคนไข้จะรอเหรอคะ นี่ไม่ใช่วันหยุดของคลินิกนี่” “จำได้ด้วยเหรอว่าคลินิกของผมหยุดวันไหนบ้าง ไหนบอกว่าลืมทุก
บทที่ 27“งั้นพาไปที่รถพี่ก็ได้ค่ะ มาช่วยพี่ประคองหน่อย”“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวเมียพี่จัดการเอง” ปราณต์หยิบกระเป๋าเงินมาให้ทิปแล้วโบกมือเป็นเชิงบอกให้ไปได้ ดังนั้นหน้าที่ประคองผู้ชายที่ตัวโตกว่าจึงเป็นของนัสรินคนเดียวหญิงสาวยกแขนของเขาพาดบ่าตัวเอง แล้วพาคนเมาออกจากร้านไปยังรถของตัวเองอย่างทุลักทุเล เพราะคนเมาไม่ให้ความร่วมมือเลย เขาทิ้งน้ำหนักแทบจะทั้งหมดลงบนไหล่ของเธอ ใบหน้าซบลงบนคอ และบ่อยครั้งที่นัสรินรู้สึกว่าปราณต์ใช้จมูกไซ้ซอกคอของเธอเบาๆ“คุณปราณต์เดินดีๆ สิคะ” เธอปรามเขาเสียงขุ่น แม้ว่าลานจอดรถตอนนี้แทบจะไม่มีคน แต่เธอก็ไม่อยากถูกคนเมาหาเศษหาเลยแบบนี้“นี่ก็เดินดีแล้ว เดินด้วยหอมด้วย” เขากระซิบเสียงอ้อแอ้พลางซุกจมูกเข้าที่ซอกคอขาวละมุนอีกครั้ง“ถ้าคุณลวนลามนัสอีก นัสจะปล่อยคุณทิ้งไว้นี่”“ใจร้ายจริง จะหวงตัวกับผัวไปถึงไหน” เสียงทุ้มนั้นพึมพำก่อนจะหัวเราะน้อยๆ“เลิกขี้ตู่เสียทีค่ะ นัสกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว สมองเสื่อมหรือไงคะคุณหมอปราณต์” นัสรินคิดว่าตัวเองต้องบ้าแน่ๆ ที่ต่อปากต่อคำกับคนเมา แต่เขาก็ช่างยั่วเหลือเกิน ทำให้บ่อยครั้งที่เธอหลุดการควบคุมตัวเองเพราะคำพูดของเขาเมื่
บทที่ 28ร่างบางโน้มตัวไปปลดล็อกเข็มขัดนิรภัยอย่างระวังตัว ด้วยกลัวว่าจะถูกฉวยโอกาสเอาอีกครั้ง แต่ปราณต์ก็ไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งนิ่งๆ เธอจึงยกแขนข้างหนึ่งของเขาขึ้นพาดบ่าและเรียกเขาอีกครั้ง และครั้งนี้ดูเหมือนว่าคนเมาจะให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขายอมลงจากรถ ก้าวตามร่างเล็กที่ประคองตัวเองเข้าไปในบ้าน เมื่อถึงโซฟาในห้องโถงนัสรินก็วางร่างใหญ่นั้นลง และเพิ่งสังเกตว่าปราณต์ถือกระเป๋าของเธอมาด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจเท่ากับสิ่งที่อยู่ในบ้าน ตาคู่สวยกวาดมองสำรวจอย่างอดไม่ได้ บ้านหลังนี้ยังมีบรรยากาศแบบเดิม ปราณต์ยังจัดบ้านและวางทุกอย่างไว้ที่เดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แม้กระทั่งโซฟาตัวนี้ซึ่งเขาเคยใช้มันในการตีตราเธอให้เป็นแม่หม้ายอย่างสมบูรณ์ ปราณต์ก็ไม่ได้ย้ายหรือขยับมันไปไหนเขาคงไม่รู้สึกอะไรที่จะต้องทนมองมันทุกวัน หากแต่นัสรินกลับรู้สึกว่าตัวเองถูกดึงให้จมไปกับอดีตอีกครั้ง ทำให้มือเล็กต้องรีบเอื้อมไปหยิบเอากระเป๋าของตัวเองจากมือเขา เพื่อจะหนีไปจากที่ที่ทำให้หัวใจตัวเองอ่อนไหวในทันที แต่แค่เอื้อมมือไปมือเล็กก็ถูกปราณต์รั้งเอาไว้“จะไปไหน” “นัสจะกลับค่ะ”“พาผมขึ้นไปส่