แชร์

บทที่ 20

บทที่ 20

“ปล่อยนัสลงค่ะคุณปราณต์ คุณมีสิทธิ์อะไรมาอุ้มนัสแบบนี้” คนเจ็บโวยวายพลางดิ้นขลุกขลัก แต่ก็ไม่กล้าดิ้นมากเพราะกลัวตก

                “จอดรถที่ไหน” ปราณต์ไม่สนใจอาการขัดขืนของเธอ แต่ถามเสียงดุๆ ขรึมๆ แม้นัสรินจะแอบหวั่นทว่าการถูกอุ้มแบบนี้มันน่าหวาดหวั่นกว่าหลายเท่า

                “ก็นัสบอกแล้วไงคะว่า...”

                “ผมถามว่าจอดรถที่ไหนนัสริน” เสียงดุๆ ขรึมๆ เอ่ยถามย้ำอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่แค่ถามแต่ยังพ่วงชื่อเธอต่อท้าย แถมตาก็ยังหลุบลงมองหน้าเธออย่างดุดันพอกัน     

“ที่ลานจอดรถด้านหน้าค่ะ”

                หลังจากได้คำตอบ ปราณต์ก็ไม่พูดไม่ถามอะไรอีก ร่างสูงอุ้มอดีตภรรยาสาวออกจากห้องประชุม ผ่านหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อไปยังลานจอดรถ ท่ามกลางสายตาของคนไข้ พยาบาล และพนักงานของโรงพยาบาลหลายสิบคน

                “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะคุณหมอ”

พยาบาลหน้าห้องหมอชัชวาลรีบเอ่ยถามปราณต์อย่างค่อนข้างตกใจ เมื่อเห็นเขาอุ้มหญิงสาวซึ่งเธอจำได้ว่าเป็นตัวแทนจำหน่ายยาผ่านมา

                “เธอหกล้มขาแพลง ผมเลยจะอุ้มไปส่ง”

                “อ๋อ...ค่ะๆ มีอะไรให้พี่ช่วยมั้ยคะ”

                “ไม่มีครับ ขอบคุณครับ”

                ปราณต์พูดแค่นั้นก็อุ้มอดีตภรรยาสาวผ่านไป เขาตอบและคุยกับคนอื่นอย่างคล่องปาก ขณะที่นัสรินได้แต่เอาหน้าซุกกับอกกว้างนั้นเพราะอับอายที่ถูกอุ้มต่อหน้าธารกำนัล

                เมื่อไปถึงรถปราณต์ก็ออกคำสั่งอีกครั้ง บอกให้เธอหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋าและปลดล็อกประตู เขาใช้มือข้างหนึ่งเปิดประตูฝั่งข้างคนขับออก วางร่างบางลงที่เบาะ ก่อนจะดึงเอากุญแจจากมือของเธอแล้วอ้อมไปขึ้นรถฝั่งคนขับ

                “คุณปราณต์จะทำอะไรคะ” นัสรินรู้สึกว่าตัวเองถามอะไรโง่ๆ เมื่อปราณต์สตาร์ตรถ

                “ผมจะไปส่ง สภาพแบบนี้คุณคงขับรถไม่ไหวหรอก”

                “แล้วรถคุณปราณต์ล่ะคะ”

                “ห่วงตัวเองก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงรถผมหรอก” เขาทำเสียงดุใส่อีกครั้ง ก่อนจะออกรถและขับมุ่งหน้าไปยังอพาร์ตเมนต์ที่นัสรินพักอยู่เพราะรู้ดีอยู่แล้ว

                “ความจริงคุณไม่น่าต้องลำบากเพราะนัส”

                “ถ้าไม่อยากให้ลำบาก คราวหน้าก็ควรระวังตัวมากกว่านี้”

                เป็นอีกครั้งที่นัสรินเกือบจะเข้าข้างตัวเองว่าปราณต์ห่วงใย แต่เขาจะมาห่วงคนที่เขาเกลียดได้อย่างไร อย่าบ้าไปหน่อยเลยนัสริน

                “ค่ะ...นัสจะระวังตัวให้มากกว่านี้ คราวหน้าจะได้ไม่มีใครมาเสียเวลาและลำบากเพราะนัสอีก”

พูดเสร็จก็เมินหน้าไปมองหน้าต่างอย่างไม่อยากจะตอแยด้วยอีก แต่ดูเหมือนว่าคนขับรถกิตติมศักดิ์จะไม่ยอมสงบศึกง่ายๆ เขากวาดตามองทั่วร่างของเธอแล้วเอ่ยตำหนิออกมาตรงๆ ทำเอานัสรินต้องเดือดเนื้อร้อนใจอีกหนึ่งคำรบ

“ผมว่ากระโปรงคุณมันแคบและสั้นไปนะ แล้วรองเท้านั่นจะใส่สูงไปถึงไหน ไม่รู้หรือไงว่ามันไม่ปลอดภัยเวลาขับรถ แถมอาจจะทำให้ขาเป็นเส้นเลือดขอดอีก จำเป็นไหมว่าเป็นแม่หม้ายผัวหย่าแล้วต้องแต่งตัวให้มันเปรี้ยวขนาดนี้”

“นัสไม่ได้แต่งเพื่อให้เปรี้ยวหรือเพราะคำว่าแม่หม้ายนะคะ นัสต้องแต่งแบบนี้ก็เพราะงานที่นัสทำ” ว่าจะไม่ต่อปากต่อคำด้วยก็อดไม่ได้เมื่อถูกยั่วให้ขุ่น

“เป็นนโยบายบริษัทเหรอ”

“เปล่าค่ะ แต่ใครๆ เขาก็แต่งแบบนี้”

“อ้อ...แสดงว่าบริษัทไม่ได้บอก แต่คิดเอาเองว่าควรจะแต่งแบบไหน”

“ค่ะ”

เพราะมัวแต่เถียงกับเขานัสรินจึงไม่ทันได้สังเกตว่าปราณต์หักพวงมาลัยจากถนนเส้นหลักเข้าซอย มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เขาจอดรถที่หน้าคลินิกของตัวเอง ซึ่งตอนนั้นพนักงานประจำคลินิกมาเปิดรอแล้ว

ปราณต์สั่งให้เธอนั่งรอในรถโดยไม่ได้ดับเครื่อง จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปในคลินิก ครู่หนึ่งก็กลับออกมาพร้อมกับถุงยา  และรถก็แล่นไปตามถนนอีกรอบ หัวใจของนัสรินกระตุกวาบเมื่อปราณต์ขับรถผ่านบ้านที่เขากับเธอเคยอยู่ด้วยกันในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ชั่วขณะหนึ่งก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมปราณต์ถึงไม่ย้ายกลับไปอยู่กับความสะดวกสบายที่บ้าน ทำไมถึงยังอยู่บ้านหลังเดิมทั้งๆ ที่ที่นี่ออกจะลำบากและไม่มีใครดูแลอะไรให้ หรือเป็นเพราะว่าตอนนี้เขามีคนมาคอยดูแลอะไรๆ ในบ้านให้แล้ว ปราณต์ไม่ใช่คนขี้ริ้วขี้เหร่อะไรสักนิด ตรงกันข้ามเขาออกจะเพอร์เฟกต์และเพียบพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์ และคุณสมบัติด้วยซ้ำ มีหรือที่จะไม่มีผู้หญิงมาสนใจ แล้วเป็นไปได้หรือที่เขาจะไม่สนใจใครเลยตลอดช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาหลังจากหย่ากับเธอ

ความจริงที่ตระหนักแก่ใจนั้นทำให้นัสรินนั่งเงียบมาตลอดทาง คราวนี้เงียบจริงๆ และปราณต์เองก็เงียบเช่นกัน เมื่อรถจอดที่หน้าอพาร์ตเมนต์แล้วคนขับกิตติมศักดิ์ก็ดับเครื่อง นัสรินจะหันไปขอบคุณเขา แต่ปราณต์กลับดึงกุญแจรถออกพร้อมกับหยิบเอาถุงยาติดมือมาและเดินอ้อมมาฝั่งที่เธอนั่ง ดึงประตูให้เปิดออก แล้วก้มลงช้อนอุ้มเอาร่างบางขึ้นไว้ในวงแขนอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

“ไม่ต้องค่ะ นัสเดินเองได้” เสียงหวานเอ่ยห้ามปราม เมื่อครู่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลก็อายมากพอแล้ว เธอไม่อยากอายคนในอพาร์ตเมนต์อีก

“อย่าอวดเก่ง”

พูดแค่นั้นเขาก็อุ้มร่างบางแล้วพาก้าวอาดๆ เข้าไปในอพาร์ตเมนต์ราวกับคุ้นเคยเป็นอย่างดี ไม่นานเขาก็พาเธอเข้าไปในลิฟต์โดยไม่ยอมปล่อยให้เธอลง โชคดีที่ไม่มีคนโดยสารลิฟต์พร้อมกัน ไม่อย่างนั้นนัสรินคงอึดอัดมากกว่านี้เป็นแน่ แต่ปัญหาของเธอตอนนี้ไม่ใช่แค่ที่ปราณต์อุ้มมาส่ง เพราะเมื่อถึงชั้นห้าเขาก็ถามเลขห้องของเธอทันที

“คุณอยู่ห้องไหน”

“ห้อง 538 ค่ะ”

อาจจะเพราะอยากให้ถึงแล้วอยากจะให้เขากลับไปไวๆ นัสรินจึงยอมบอกง่ายๆ ปราณต์คงมาส่งเธอถึงหน้าห้องแล้วกลับไป ทว่านั่นก็คือสิ่งที่นัสรินคิดผิดถนัดอีก เมื่อปราณต์ไม่ได้วางเธอลงอย่างที่คิด แต่เขากลับใช้ไหล่ดันประตูให้เปิดออกแล้วพาเธอเข้าไปในห้อง แม้ว่าห้องพักของเธอจะเป็นอพาร์ตเมนต์ที่ค่อนข้างกว้างขวางและแบ่งเป็นสัดส่วน แต่เตียงนอนและส่วนอื่นๆ ก็อยู่ในพื้นที่เดียวกัน ดังนั้นปราณต์จึงไม่ต้องมองหาเตียงให้ยุ่งยาก

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status