ตระกูลหลิวนั้นไม่ได้โด่งดังมีชื่อเสียงไปทั่วแคว้น หาใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ร่ำรวยหรือไร้ความสามารถ แต่เป็นเพราะตระกูลหลิวแห่งเหิงเยว่เลือกที่จะอยู่ใช้ชีวิตอย่างสงบ แม้จะมีพลังวิเศษที่แตกต่างกันไปจากรุ่นสู่รุ่นจนโดดเด่นขึ้นมา แต่พวกเขาก็มักจะเลือกทำงานที่ไม่ออกหน้าออกตามากนัก ยศถาบรรดาศักดิ์เป็นสิ่งที่พวกเขาวิ่งหนีมาโดยตลอด หากมีใครบางคนในรุ่นได้ดิบได้ดีเป็นขุนนางหรือเป็นคนสำคัญ คนที่เหลือก็มักจะหลบหลีกเร้นกาย ไม่แสดงตัวเท่าไหร่นัก
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้หลายคนหลงลืมไปว่าหลายศตวรรษที่ผ่านมาตระกูลหลิวรับใช้ราชสำนักและสร้างคุณงามความดีให้กับบ้านเมืองมากมายเท่าไร
มันไม่แปลกหรอกที่จะมีสมบัติอลังการแบบนี้ แต่แปลกที่เขาเพิ่งรู้เนี่ยแหละ
หลิวซีซวนเห็นกองสมบัติมหาศาลที่สะสมมาตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษก็ถึงกับตาตั้ง แล้วสลบไปในอ้อมกอดของเซวียนจางหย่งทันที
ไม่ได้สลบเพราะตกใจ แต่สลบเพราะจะเข้ามิติส่วนตัวไปวีนท่านตาหลิวหงชิงต่างหาก
“ท่านตา ท่านตา ท่านอยู่หรือไม่” เขาวิ่งไปยังสระบัวเป็นสถานที่แรก จากการที่ได้แวะเวียนเข้ามาในมิติส่วนตัวหลายครั้ง เขาพบว่าบรรพบุรุษผู้นี้ชื่นชอบการจิบชาริมน้ำมากที่สุด
“ว่าอย่างไร หลานข้า เจ้าวิ่งมาหาข้าด้วยท่าทางแตกตื่นเช่นนี้ มีเรื่องบุรุษมาปรึกษาข้าอีกแล้วสินะ”
“โธ่ ท่านตา ข้าดูเหมือนคนบ้าผู้ชายนักหรือ”
หลิวหงชิงเกือบจะพยักหน้าและตอบว่าใช่ แต่เห็นแก่หน้าเกอคนงามที่เป็นหลานเพียงคนเดียว จึงทำเพียงแค่ยิ้มอ่อน
คลั่งไคล้บุรุษก็ดีแล้ว ข้าอยากอุ้มหลาน
“สรุปแล้ว เจ้าบาดเจ็บตรงไหนหรือไม่”
“ข้าปลอดภัยดี จางหย่งมาช่วยพาข้าหนี ส่วนคนในเรือนก็ปลอดภัยทุกคน”
“ขอบคุณสวรรค์ เช่นนั้นก็ดียิ่ง” หลิวหงชิงยังคงมีรอยยิ้มประดับใบหน้า สร้างความงุนงงให้กับหลานชายไม่น้อย
“ท่านไม่เสียใจหรือ ท่านตาตู้เฉิงร้องไห้จนน้ำตาเกือบหมดตัว ทั้งที่เป็นเพียงผู้ดูแล แต่ท่านเป็นบรรพบุรุษ เป็นผู้ที่เคยเป็นเจ้าของบ้านตระกูลหลิว ท่านไม่คิดแค้นหรือโศกเศร้าหรือ”
“เศร้าทำไม ข้าตายแล้ว ข้าอาศัยอยู่ที่มิติส่วนตัวแห่งนี้ ไม่ได้อาศัยที่เรือนตระกูลหลิวเสียหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องคิดมาก เพียงแค่ยังมีชีวิตก็ยังเริ่มต้นใหม่ได้” ชายชราเอ่ยปลอบใจด้วยท่าทางอบอุ่นมีเมตตา แต่หลานชายตัวดีกลับเอาแต่กอดอกมองตาเขาเขม็ง
“ท่านไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี เหตุใดท่านจึงไม่บอกว่าบ้านเรามีทรัพย์สมบัติมากมายราวกับท้องพระคลัง ก้อนทองก้อนเพชรสะท้อนแสงจนแสบตาไปหมด หากรู้ว่าร่ำรวยถึงเพียงนี้ ข้าจะกินแล้วก็นอนอย่างเดียว ไม่ขยับตัว เหตุใดท่านไม่บอกข้าเลย”
“หืม ตู้เฉิงจำได้แล้วหรือ ว่าคลังสมบัติของตระกูลเราเก็บไว้ที่ใด”
“คนแก่อย่างท่านตาตู้เฉิงความจำเลอะเลือน จำเรื่องนั้นไม่ได้ แต่ไฟมันไหม้โรงเตี๊ยมจนหมด ข้าเลยเห็นทางเข้าช่องลับ ท่านตา ท่านน่าจะบอกข้า”
“ก็ข้าบอกแล้วไงว่ามาอยู่ร่างนี้ เจ้าจะสุขสบาย ตระกูลหลิวหน้าตางดงาม ร่ำรวยเงินทอง มีเงินไม่เคยขาดมือ”
หลิวซีซวนกอดอกเบ้ปากใส่ท่านตา ที่ไม่ยอมบอกที่ซ่อนทรัพย์สมบัติให้ตนรู้ล่วงหน้า
“เช่นนี้ ข้าคงต้องขอบคุณจวิ้นอ๋องเสียแล้ว ที่วางเพลิงบ้านตระกูลหลิวจนข้าเจอคลังสมบัติ”
หลิวหงชิงถอนหายใจ ก่อนจะเอามือลูบศีรษะหลานชายอย่างอ่อนโยน
“เจ้าหลานผู้นี้ เกิดใหม่เพียงไม่กี่เดือนก็สร้างศัตรูได้เสียแล้ว สมแล้วที่เกิดตระกูลหลิว แต่ข้าขอแนะนำว่า เจ้าถือโอกาสย้ายออกจากเหิงเยว่ไปเสีย”
“ทำไมล่ะท่านตา”
ชายชราเอานิ้วดีดกะโหลกเขาอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะค่อนแคะ
“เจ้าไม่รู้หรอก เพราะว่าเจ้าโดนฟ้าผ่าจนพลังวิเศษในการพยากรณ์ที่ได้จากข้าไปมันหายไปหมดแล้ว น่าตายนัก”
“ท่านตาจะให้ข้าย้ายไปที่ไหน ข้าไม่ไป ข้าเพิ่งปรับตัวอยู่เหิงเยว่ได้ไม่นานเอง”
“หลานข้า บางครั้งเราก็ไม่อาจฝืนดวงชะตาได้หรอก ก่อนที่ชีวิตจะสมหวัง อาจจะจำเป็นที่ต้องไปเผชิญเคราะห์กรรมเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า”
“ท่านหมายความว่ายังไง..”
จู่ๆ เขาก็รู้สึกง่วงขึ้นมาอย่างประหลาด ดวงตาปรือปรอยมองชายชราอย่างตั้งคำถาม ก่อนจะหลับไป
“เฮือก!!”“เจ้าเป็นอะไรไป”หลิวซีซวนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เวลานี้เขาอยู่ในอ้อมกอดของเซวียนจางหย่งที่ในห้องลับคลังสมบัติตระกูลหลิวเช่นเดิม เซวียนจางหย่งนั้นมีสีหน้ากังวลไม่น้อยแต่เมื่อเห็นคนในอ้อมกอดฟื้นขึ้นมาพร้อมกับคลี่ยิ้มพริ้มพราย ก็ถึงกับใจกระตุก“ดีจังเลยที่ฟื้นขึ้นมาได้เจอเจ้า ข้าไปพบบรรพบุรุษมาเท่านั้น อย่าได้กังวล”“พบบรรพบุรุษ?”หลิวซีซวนทำเป็นไม่ได้ยินคำถามจากอีกฝ่าย เขาผุดลุกขึ้นมาด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง มองไปยังท่านตาตู้เฉิงที่กำลังนั่งจดบันทึกทรัพย์สมบัติในห้องลับนี้ด้วยท่าทางแข็งขัน ก่อนจะเดินไปสำรวจข้าวของในห้องอีกครั้งหู้ย รวยแล้ว“ท่านตา ตู้เจา ลี่จู พวกเรารวยแล้ว” เขาพุ่งเขาไปกอดทุกคนอย่างดีอกดีใจ พวกเขาเพิ่งกลายเป็นคนไร้บ้านหยกๆ บัดนี้กลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยไปในเพียงพริบตา“นี่ข้าทำงานหน้าเตาอยู่บนทรัพย์สมบัติเหล่านี้มาหลายปีเลยหรือ ข้าจะเป็นลมแล้วคุณชายหลิว” ตู้ลี่จูเองก็แทบไม่เชื่อสายตากับสิ่งที่เห็นมองรอบกาย ตาปริบๆ“คุณชาย เรื่องนี้อย่าเอะอะไปนะ” ตู้เจาเอ่ยเสียงแผ่ว ก่อนจะมองไปรอบกาย ในห้องนี้นอกจากพวกเขาแล้ว ก็มีเซวียนจางหย่งอีกคน“ใช่ รู้กันแค่นี้ คนเรารู้หน้า ไม่
“พี่จางหย่งกำลังจะขอคุณชายหลิวแต่งงานหรือ” ตู้ลี่จูเอ่ยถามอย่างตรงไปตรงมา คำถามขวานผ่าซากทำเอาบุรุษแข็งแกร่งผู้หนึ่ง ถึงกับหน้ามีท่าทางขัดเขิน เกาจมูกไปมาตู้ลี่จู สหายเกอลูกดกผู้นี้ทำดีมาก เขาอยากจะกดไลก์ให้สักพันครั้ง ให้กับความปังของคำถามแต่งค่ะ แต่งค่ะ แต่งค่ะเขาซ้อมตอบแล้ว เห็นมั้ย“เรื่องแบบนั้น ข้าเอ่ยเองคงไม่เหมาะ ต้องให้ผู้ใหญ่เป็นคนพูด” “โอ๊ย รอให้ผู้ใหญ่พูด แล้วเมื่อไหร่ข้าจะสมหวัง ข้ารู้นะว่าแท้จริงพวกเราเคยเป็นคู่หมายกันมาก่อน ท่านพ่อของท่านมาทาบทามข้าให้กับท่านมาก่อน”“เจ้ารู้?”“รู้สิ คุณชายหลี่บอกข้าแล้วว่า ท่านคือเซวียนจางหย่ง บุตรชายตระกูลเซวียนที่เป็นถึงจอหงวนบู๊ บิดาท่านเป็นสหายกับบิดาของข้า”“ใช่ และตอนนั้นเจ้ารังเกียจข้า เจ้าฝากบิดามาบอกว่าข้ามันอันตราย จะทำให้ชีวิตของเจ้าอันตรายไปด้วย” เซวียนจางหย่งเอ่ยด้วยใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงกลับสูงขึ้น ราวกับยังคงฝังใจกับคำตอบนี้ ไม่ลืมเลือนโถ ข้าน้อยผิดไปแล้ว หลิวซีซวนแทบจะคุกเข่ากอดขาบุรุษในดวงใจตอนนั้น ข้ามันมีตาแต่ไร้แวว ข้าถูกผีสิงไม่สิ ตอนนั้นต่างหากที่ถูกผีพระเอกดังทะลุมิติมาสิง“ข้าขอโทษ ขอโทษที่เวลานั้นมองข
“บัดซบ ทุกอย่างผิดแผนไปหมดแล้ว”“ท่านพ่อตาโปรดสงบสติอารมณ์เสียก่อน” เหตุวุ่นวายในเหิงเยว่ย่อมส่งผลมาถึงเมืองหลวง ที่จวนเสนาบดีพิธีการนั้น ยามนี้เซี่ยโม่โฉวก็เดือดดาลไม่แพ้กับใคร เขานั้นโกรธจนมือสั่นเมื่อได้ยินข่าวร้ายจากเหิงเยว่จวิ้นอ๋องได้รับราชโองการ สั่งให้ไปบวชไกลถึงไห่โอว“เช่นนี้ แผนที่เราดำเนินการมาต้องระงับไว้ก่อน รอวันที่เหมาะสม ท่านอ๋องย่อมได้กลับมาเยือนเมืองหลวงอีกครั้งอย่างองอาจ” ถานตงหยางเองก็เสียดายไม่น้อยที่แผนที่วางไว้ต้องยกเลิกไป ตำแหน่งเสนาบดีอยู่ใกล้แค่เอื้อมแต่กลับพังทลายในชั่วข้ามคืน เหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงก็กลับมาสงบราบเรียบ แม่ทัพหยวนรอดตาย ฮ่องเต้หายประชวรน่าเสียดายเสียจริง“ข้าได้ยินว่าที่แผนทุกอย่างพัง เพราะเกอแซ่หลิวกับเซวียนจางหย่ง เจ็บใจนัก”“ท่านหมายถึง จอหงวนบู๊ที่เป็นพระญาติกับฮ่องเต้น่ะหรือ” งานด้านโยธานั้นไม่ค่อยได้มีโอกาสพบเจอกับหน่วยสืบราชการลับตงฉางมากนัก ข่าวล่าสุดที่ได้ยินมาเขานึกว่าคนผู้นี้ตายไปแล้วเสียอีก“ใช่ ที่เคยประชุมไปกับขุนนางที่เข้ากับฝั่งท่านอ๋องคงต้องเปลี่ยนแผนใหม่ จวิ้นอ๋องไม่ยอมโดนเนรเทศอย่างง่ายดายแน่นอน บอกทุกคนให้เตรียมตัว
“เจ้าเป็นเกอ พูดเช่นนี้จะดูไม่งาม” “ใครไม่งาม ข้าน่ะหรือ หากข้าไม่งาม แล้วใครจะงามกัน ท่านไม่ต้องห่วง ตอนนี้ข้ารวยมาก ท่านไม่ต้องกังวลเรื่องทรัพย์สมบัติ ท่านอยากได้อะไร ข้าจะหามาให้”ไม้ตายสุดท้ายคือ เอาเงินเข้าสู้ สายเปย์แห่งเหิงเยว่ ทั้งอ่อยทั้งอ้อนทั้งเปย์ จะไม่ได้ให้มันรู้ไปสิ“ข้าไม่ได้ต้องการสมบัติของเจ้า สมบัติของข้าก็มีไม่น้อย เจ้าเด็กโง่” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงระอา ก่อนจะดึงพู่หยกเรียบๆ ชิ้นหนึ่งออกมา แล้วถูกเข้ากับเอวของหลิวซีซวนโดยไม่พูดไม่จา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาจนใบหน้าห่างกับคนงามเพียงแค่คืบ จังหวะหัวใจของเกอคนงามเต้นผิดจังหวะ ไม่อาจควบคุมได้ เมื่อเจอคนหล่อในดวงใจจู่โจมอย่างไม่ทันตั้งตัว“ที่ผ่านมา ข้ายังแสดงออกไม่ชัดเจนอีกหรือ ว่าคำตอบของข้าคืออะไร”อย่าว่าแต่หลิวซีซวนที่ตายเลย เลี่ยงหรงกับเลี่ยงชิงยังอยากกระโดดออกจากหน้าต่างรถม้า เมื่อเห็นว่าพู่หยกประจำตัวของตระกูลเซวียนถูกนำไปผูกเอวบางของหลิวซีซวน ราวกับกำลังผูกมัดคนงามไม่ให้หนีไปไหนสรุป ใครเกี้ยวใครกันแน่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะเดินทางกลับมาถึงเมืองหลวงในช่วงเวลาเดียวกับที่กองทัพของแม่ทัพหยวนกลับมาพอดี รถม้าของเขาจึงต่อท้าย
คนตระกูลหลิวจากเหิงเยว่ ยืนอ้าปากค้างเรียงกันอยู่หน้าจวนขนาดใหญ่อย่างตื่นตะลึงบ้านเพิ่งโดนไฟไหม้จนไม่เหลืออะไรสักอย่าง แต่กลับได้จวนใหม่ไฉไลกว่าเดิม หากไม่เรียกว่าโชคช่วย แล้วจะเรียกว่าอะไรข้าคิดว่า ต่อให้เป็นดวงมหาโชคของหลี่เฉียงฮุยก็ยังไม่อาจเทียบกับเขาได้“คุณชาย ที่นี่เป็นบ้านใหม่ของเราจริงหรือ” ตู้เจาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง ท่าทางตอนนี้ มองจากร้อยเมตรก็มองออกว่านี่คือ บ้านนอกเข้ากรุง“ท่านพี่ ก็ฮ่องเต้มีราชโองการประทานให้คุณชายหลิว พวกเราก็ได้ยินกันหมด ท่านอย่าทำท่าทางน่าอายเช่นนี้” ตู้ลี่จูปรามสามี ก่อนที่บุรุษผู้หนึ่งจะก้าวขึ้นมา“คารวะคุณชายหลิว ข้าได้รับมอบหมายให้มาส่งมอบจวนหลังนี้ให้กับคุณชายหลิวและผู้ติดตาม จวนหลังนี้ฮ่องเต้พระราชทานมาให้เพราะความสามารถและคุณงามความดีของคุณชายที่เป็นกุนซือช่วยวางแผนรบ จนทัพเสริมสามารถมีชัยเหนือศัตรู ซ้ำยังช่วยชี้แนะและผลักดันให้องค์ชายห้าฉายแววโดดเด่นเพียงนี้”หลิวซีซวนทำเพียงแค่ยิ้มจางๆ สิ่งเดียวที่เขาผลักดันองค์ชายห้าคือ ผลักให้ไปตามผู้ชายที่ชายแดนเท่านั้น“ท่านไม่คิดว่าที่นี่ใหญ่เกินไปหรือ”“ไม่หรอกขอรับ แท้จริงที่นี่เคยเป็นจวนของคนต
บุรุษหน้าคมหันกลับมาที่เขาพร้อมกับยักคิ้วให้ ก่อนจะเดินเข้าจวนข้างๆ เขาไปทันทีอ้าว อ้าว อ้าว เราอยู่บ้านข้างกันเหรอหากใครเดินผ่านไปผ่านมาแถบจวนขุนนาง ก็คงเห็นเกอคนงามจากเหิงเยว่กำลังยืนอ้าปากค้างหน้าเรือนด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด ยืนช็อกอยู่ไม่นานก็มีบ่าวชายหญิงสี่คนเดินตรงจากข้างบ้านตรงมาหาเขา“คุณชายหลิว พวกข้าเป็นบ่าวจากจวนของใต้เท้าเซวียน ถูกส่งมาให้รับใช้คุณชายเจ้าค่ะ”“จวนใต้เท้าเซวียน ข้างบ้านข้าคือ จวนของเซวียนจางหย่งน่ะหรือ”“ใช่แล้วเจ้าค่ะ เป็นจวนส่วนตัวที่ใต้เท้าเซวียนได้รับพระราชทานมาจากฮ่องเต้ ใต้เท้าเซวียนยังฝากคำพูดกลับมาว่า หากคุณชายหลิวคิดถึงจนทนไม่ไหว สามารถปีนรั้วไปหาได้ทุกเมื่อเจ้าค่ะ”หน็อย หน็อย เดี๋ยวนี้ร้ายกาจแพรวพราวนักนะเดี๋ยวพ่อก็ปีนรั้วไปหาซะเลยเย็นวันนั้น หลิวซีซวนก็รับบริการจากบ่าวทั้งสี่อย่างเต็มที่ ทั้งบีบนวด ขัดสีฉวีวรรณ นี่เป็นครั้งแรกตั้งแต่ที่มาอยู่ในโลกนี้ที่เขาได้ทำสิ่งที่ใกล้เคียงกับสปามากที่สุด ผิวพรรณที่ดูแลตามมีตามเกิดแบบคนเหิงเยว่ กระจ่างใสขึ้น ผิดหูผิดตา ผิวกายนั้นเนียนนุ่มน่าสัมผัส กลิ่นกายหอมฟุ้งชวนหลงใหล ความปวดเมื่อยจากเรื่องตึงเครียด
เกอตัวเล็กขยับเข้าไปหาเซวียนจางหย่ง ก่อนจะมุดเข้าไปในอ้อมกอดอย่างออดอ้อน“งือ คืนนี้เก๊าขอนอนด้วยนะก๊าบ”“เจ้าพูดอะไรรึ”“เป็นภาษาสวรรค์ ความลับสวรรค์มิอาจแพร่งพราย” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะซุกตัวเขาไปแนบอกอุ่นให้แนบชิดมากขึ้น ทว่าจู่ๆ ร่างกายก็สัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างที่ไม่ได้สัมผัสมานาน เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาก็กลายเป็นสีทองพลังแห่งการพยากรณ์กลับคืนมาแล้ว!ยามนี้เหตุการณ์ทุกอย่างคลี่คลาย บ้านเมืองสงบเรียบร้อย จวิ้นอ๋องออกบวช แต่เหตุใดเขายังคงเห็นเซวียนจางหย่งถูกแทงเข้าที่อก โดยมีบุรุษในชุดสีทองลายมังกรจับอยู่ที่ด้ามดาบเช่นเดิมเล่าถึงแม้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป แต่เซวียนจางหย่งก็ยังต้องถูกฮ่องเต้แทงเช่นเดิมน่ะหรือ“เจ้าร้องไห้ทำไมหลิวซีซวน เกิดอะไรขึ้น” เซวียนจางหย่งเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแตกตื่น ก่อนจะทั้งกอดทั้งปลอบคนตัวเล็กให้คลายกังวลเกือบทั้งคืนณ จวนรองเจ้ากรมโยธากลางดึกคืนนี้ก็เป็นเช่นอีกหลายคืน ถานตงหยางนั้นยุ่งวุ่นวายกับการปรับเปลี่ยนแผนการกับเซี่ยโม่โฉวจนดึกดื่น ฮูหยินคนใหม่ที่เพิ่งแต่งกันมาได้ไม่นาน หาใช่คนที่อ่อนหวานหรือเข้าอกเข้าใจสามีนัก เซี่ยอ้ายเหม่ยเคยได้บุร
“ท่านตา ท่านตาช่วยข้าด้วย ท่านตา” เสียงร้องเรียกโวยวายดังขึ้นมาทุกครั้งที่หลานชายคนเดียวบุกเข้ามาในมิติส่วนตัว หลิวหงชิงที่กำลังนั่งอ่านตำราอยู่ถึงกับยกยิ้มมุมปากพร้อมกับส่ายหน้าอย่างระอา ก่อนจะหันไปหาหลิวซีซวนที่มีท่าทางแตกตื่น“คราวนี้บุรุษของเจ้ามีปัญหาอะไร”“ท่านตา ท่านรู้หรือ” “สีหน้าแตกตื่นเช่นนี้ ย่อมเกี่ยวกับบุรุษแซ่เซวียนผู้นั้น ข้ารู้จักหลานข้าดี” นี่ท่านกำลังด่าข้าทางอ้อมว่าข้าบ้าผู้ชายหรือ ท่านตา“เกิดเรื่องอะไรขึ้นล่ะ เจ้าจงเล่ามาให้หมด เผื่อตาแก่อย่างข้าจะช่วยอะไรเจ้าได้”“เรื่องมันเป็นแบบนี้ท่านตา ข้าเข้ามาอยู่เมืองหลวงวันแรกก็พบว่าเซวียนจางหย่งอยู่จวนข้างๆ เขาบุกเข้ามาอุ้มข้าถึงในเรือนแล้วกระโดดข้ามกำแพงกลับไปยังจวนของตน จากนั้นก็บรรเลงเพลงกู่เจิ้งไพเราะจับใจให้ข้าฟัง แล้วจากนั้นเราก็กอดกัน”“หยุดก่อน นี่เจ้าจะปรับทุกข์หรือจะอวดกันแน่ ไม่เห็นใจตาแก่ที่อยู่ในมิติส่วนตัวเพียงลำพังหรือ”“โธ่ ท่านฟังให้จบก่อนท่านตา ตอนที่เรากอดกัน พลังวิเศษด้านการพยากรณ์ของข้ามันก็กลับมา”“หืม ดียิ่ง จากนี้ไปพลังด้านอื่นๆ ที่ข้าถ่ายทอดให้ไปก่อนหน้านี้ก็จะค่อยๆ ทยอยกลับมา เจ้าจะได้มีความร
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา