หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัย
สิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลัง
สถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้
หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใช้เวลาไม่น้อยในการตามล่าอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะมีกองกำลังส่วนตัวคอยปกป้องเอาไว้ ตามมาด้วยเหล่าขุนนางที่มีรายชื่อในบันทึก พวกเขาถูกลงทัณฑ์สถานหนัก เซี่ยโม่โฉวถูกสั่งประหารชีวิตและริบทรัพย์สิน คนในครอบครัวที่ยังอยู่ มีราชโองการถอดถอนบรรดาศักดิ์ทั้งหมด กลายเป็นทาส เนรเทศออกไปอยู่ที่ชายแดน ชีวิตขุนนางเหล่านั้นขึ้นสูงและลงต่ำในชั่วพริบตาเพราะความโลภ อยากได้ลาภยศสรรเสริญ เพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาดทำให้พวกเขาต้องมีจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้
นอกจากเหล่าขุนนางแล้ว กลุ่มทหารก็ถูกจับกุมมาเพื่อสำเร็จโทษเช่นกัน แม่ทัพ
เซวียนอี้หางและแม่ทัพหยวนหลี่เฉียงนั้นตามจับกุมทหารและมือสังหารในคราบหลวงจีนได้จำนวนหนึ่ง หยวนหลี่เฉียงเตรียมการมาอย่างดีสำหรับแผนการในวันนี้ หลังจากที่โจวเฟิงปรากฏตัวต่อหน้า เขาก็ได้รู้ว่าผู้ที่วางยาพิษหนอนกู่ในตัวเขาและคนในกองทัพ ก็คือคนผู้นี้ แต่เขาก็แสร้งทำเป็นตกอยู่ใต้อำนาจและทำตามคำสั่งพวกมันทุกอย่าง เพื่อให้พวกมันวางใจแล้ววางแผนตลบหลังพวกมันได้อย่างเลือดเย็น
เหตุการณ์ก่อกบฏกลางเมืองนี้ นอกจากจะเกี่ยวโยงกับทหาร ไทเฮาเองก็หลีกเลี่ยงความรับผิดชอบไม่ได้ ในค่ำคืนที่ทราบว่าบุตรชายของตนถูกสังหารแล้ว พระนางก็ดื่มยาพิษตายตามไปทันทีเพื่อรักษาเกียรติยศของตน นี่นับว่าเป็นการกวาดล้างเสี้ยนหนามที่ทิ่มแทงฮ่องเต้เฉินเฟยหลงมาหลายปีในครั้งเดียว
ส่วนหลิวซีซวนนั้นนับว่าวุ่นวายน้อยที่สุด ไม่ใช่เพราะไม่มีใครต้องการตัวเขา แต่เป็นเพราะเขาปิดจวนไม่รับแขกเลย ตั้งแต่เกิดเรื่อง
จะให้รับยังไงไหว ร่างกายพังไปหมด เวลานี้ท่านตาจากไปแล้ว ทิ้งไว้แต่พลังวิเศษและวิชาความรู้ของตระกูลหลิวในร่างนี้ แต่ถึงอย่างนั้น การฟื้นฟูร่างกายก็ต้องใช้เวลานาน เพราะเขาดันใช้พลังเกินตัว จนเกือบตายไปหลายรอบ
ช่วยไม่ได้ พอเป็นเรื่องของผู้ชาย เขาก็ขาดสติเสมอ
หลายวันต่อมา อาการของเขาก็เริ่มดีขึ้นจนสามารถออกมาเดินเล่นในจวนได้ ค่ำคืนนี้หลิวซีซวนจึงพาร่างของตนมานั่งที่ศาลาชมจันทร์ที่ตั้งอยู่ในสวนของจวนตระกูลหลิว เขาหยิบหยกหงส์แดงขึ้นมาพิจารณาอีกครั้ง มันเป็นหยกชิ้นเดียวที่พาเขามายังโลกใบนี้ และเป็นหยกที่เขาพกติดตัวตลอดเวลา ไม่เคยห่างกายเลย เขาลูบไล้หยกในมือช้าๆ ก่อนจะเงยหน้ามองจันทร์
บัดนี้ ตระกูลหลิวเหลือเขาเพียงผู้เดียวแล้ว
“ท่านตา ตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหนหรือ”
“หลิวซีซวน เจ้าทำอะไรอยู่” เซวียนจางหย่งคนรักของเขาปรากฏตัวขึ้นมาหลังจากที่เฝ้ามองคนรักชมจันทร์อยู่สักพักแล้ว
“ข้ากำลังชมจันทร์ ว่าแต่ท่านเถิด บาดแผลเป็นอย่างไรบ้าง นี่ท่านกระโดดข้ามรั้วมาอีกแล้วใช่หรือไม่ ทำเช่นนี้เดี๋ยวแผลที่อกก็ปริอีกรอบ”
“เช่นนั้น เจ้าก็ต้องเป็นฝ่ายกระโดดข้ามรั้วมานอนกับข้าแล้ว ข้าเสียขวัญหนักยิ่งนัก หากคุณชายหลิวคอยปลอบโยนไม่ห่าง คงหายดี” หัวหน้าหน่วยตงฉางผู้เคร่งขรึมเมื่ออยู่กับคนรัก ก็กลายร่างเป็นลูกแมวตัวใหญ่ไปเสียได้ หากไม่ติดว่าบาดเจ็บอยู่ หลิวซีซวนก็อยากจะหยิกแรงๆ เสียที
“แค่เพียงท่านหัดนอนพักไม่ขยับตัว แผลท่านก็หายดีแล้ว”
“ แผลของข้านั้นไม่ลึกมากนักหรอก คนดี เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล สมัยก่อน ข้าออกไปสืบราชการลับ บางครั้งบาดเจ็บกลับมาหนักเสียยิ่งกว่านี้ ต้องขอบคุณเจ้า ที่มอบเกราะอ่อนของตระกูลหลิวให้ข้าสวมใส่อยู่ตลอด จึงรอดพ้นความตายมาได้หวุดหวิด”
“จริงๆ แล้ว ข้าเห็นเจ้าถูกแทงในนิมิตต่างหาก แต่ข้าไม่อาจบอกตามตรงด้วยกลัวฝืนลิขิตสวรรค์ ได้แต่คอยบอกให้ท่านระมัดระวัง ภาพที่ข้าเห็นคือ เจ้าถูกแทงทะลุอกโดยมีฮ่องเต้เฉินเฟยหลงจับที่ด้ามดาบเอาไว้ เพราะอยู่ใกล้กับฝ่าบาท ใครจะไปคิดว่าท่านไม่ได้ถูกแทงเพราะฝ่าบาท แต่ถูกแทงเพราะเอาตัวมารับดาบแทนข้ากันเล่า”
“ข้าย่อมต้องทำเช่นนั้นอยู่แล้ว ใครจะยอมเห็นคนรักถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตากัน เจ้าก็รู้ว่าเจ้าคือแก้วตาดวงใจของข้า” ชายหนึ่งดึงมือคนงามขึ้นมาจุมพิต เขาสบตาหวานซึ้งนั้น ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
เรื่องราวทุกอย่างมันเริ่มมาจากเสียงสะอื้นที่ดังออกมาท่ามกลางความหนาวเหน็บอันแสนร้ายกาจบนเส้นทางจากเมืองหลวงมุ่งหน้าลงใต้ บนเส้นทางทุรกันดารนี้มีขบวนรถม้าขบวนใหญ่ที่กำลังเดินทางพร้อมกับบ่าวไพร่และทรัพย์สมบัติมากมายโดยไร้ผู้คุ้มกันไปยังเมืองเหิงเยว่ ซึ่งเป็นเมืองท่าอันดับหนึ่งของแคว้นเว่ยแม้ว่าในขณะนี้ บ้านเมืองในแคว้นเว่ยจะสุขสงบ ไร้ศึกสงคราม ด้วยฮ่องเต้ปกครองด้วยความเป็นธรรมและมีกองกำลังทหารที่แข็งแกร่ง แต่การมีเศรษฐีผู้มั่งคั่งเดินทางไปไหนมาไหนพร้อมกับแก้วแหวนเงินทองมหาศาลเช่นนี้ ก็ดูไม่ปกตินักขบวนรถม้าเคลื่อนที่ด้วยความเงียบเชียบ สิ่งที่ดังที่สุดเห็นจะเป็นเสียงร้องไห้ของผู้เป็นนายแม้อากาศนอกเมืองหลวงจะหนาวเหน็บจนต้องสวมเสื้อผ้าหลายชั้น แต่ผู้เป็นนายกลับด้านชาไร้ความรู้สึก ด้วยความหนาวเหน็บในหัวใจนั้นสาหัสเสียยิ่งกว่า บิดาของเขาที่เป็นคหบดีชื่อดังเคยบอกไว้ว่า ตัวเขานั้นโชคดีนักที่ได้เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย ไม่ต้องตรากตรำทำงานหนักเยี่ยงพวกบ่าวไพร่หรือถูกเฆี่ยนตีเช่นพวกทาส แม้ว่าตัวเขาจะเกิดมาเป็นเกอ เป็นบุรุษที่สามารถตั้งครรภ์ได้ หลายครอบครัวต่างพากันรังเกียจหากผู้ใดให้กำเนิดบุต
“ไม่ดีใจหรือ ซีซวนสหายรัก ข้าอุตส่าห์ตามออกมาดูเจ้า สภาพเจ้าเวลานี้แม้แต่จะหลอกพวกโจรภูเขาว่าเป็นอนุของขุนนาง ยังยากจะยอมรับ น่าสมเพชเสียจริงสหายรัก”“เป็นฝีมือเจ้า” เหอซีซวนเบิกตากว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นชี้หน้าหญิงสาวด้วยความโกรธเกรี้ยว“ ทั้งใช่ และไม่ใช่ คิดว่าข้าจะทำทุกอย่างทั้งหมดนี่เองหรือ” หญิงสาวยกยิ้มยั่ว ก่อนจะหันไปทางกลุ่มคนร้ายพร้อมกับส่งสัญญาณให้บุกไปยังขบวนสมบัติที่เป็นสินเดิมของเหอซีซวน“เจ้า!!” เหอซีซวนพูดไม่ออก ใครจะคาดคิดว่าสหายสนิทจะพาคนมาปล้นชิงทรัพย์ของเขาที่กลางป่าเช่นนี้ แม้ว่าจะมีไอ้ใบ้คอยขัดขวาง แต่มีหรือคนเพียงคนเดียวจะสู้กับคนร้ายมากมายได้ ไอ้ใบ้ยังมีลมหายใจและยืนหยัดต่อสู้ได้จนถึงตอนนี้ ก็นับว่ามีฝีมือไม่น้อยแล้วดวงตาของเหอซีซวนมองภาพนั้นด้วยความปวดใจ ก่อนจะหันกลับมามองสหายรักอย่างโกรธแค้น“อย่ามองข้าเช่นนั้นเลย เจ้าโง่เองที่เดินทางออกมาพร้อมกับทรัพย์สมบัติมหาศาลโดยไร้คนคุ้มกันที่แข็งแกร่ง หากคนของข้าไม่ชิงไป พวกโจรภูเขาย่อมต้องมาปล้นชิงไปอยู่ดี ข้าล่ะถูกใจในความไร้เดียงสาของเจ้ายิ่งนัก บิดาคงทะนุถนอมมากจนทำให้เจ้าโง่งมเช่นทุกวันนี้”“อย่ามาเอ่ยถึงบิดาของข้า
กรุงเทพมหานครในยุคโลกาภิวัตน์ที่ทั้งโลกเชื่อมต่อกันด้วยเพียงปลายนิ้ว อาชีพที่เคยถูกต่อต้านและตราหน้าว่าเต้นกินรำกินกลับกลายเป็นอาชีพที่ทุกคนใฝ่ฝัน วันนี้ ซี อภิวัฒน์ ดาราหนุ่มที่เป็นซูเปอร์สตาร์อันดับหนึ่งของประเทศไทยและเอเชียกำลังนั่งรถลีมูซีนมุ่งหน้าไปยังงานสำคัญระดับประเทศ ชายหนุ่มรูปงามที่มีส่วนผสมของความหล่อคมคายแบบไทยจากผู้เป็นพ่อและมีความหล่อเหลาละมุนละไมตามสไตล์จีนจากผู้เป็นแม่ ด้วยความหล่อที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและฝีมือทางการแสดง จึงทำให้ซีกลายเป็นซุปตาร์ระดับเอเชียได้สำเร็จในวัยเพียงแค่ 27 ปี ดาราหนุ่มที่ใครใฝ่ฝันกำลังนั่งมองออกไปที่สองข้างทางผ่านรถที่กำลังแล่นไป ด้วยสายตาเหนื่อยหน่ายและอ่อนล้า“ซี ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ยังไม่เริ่มงานเลยนะ”ผู้จัดการสาวที่มาด้วยกัน เอ่ยทักด้วยความเป็นห่วง เธอไม่รู้ว่าช่วงนี้เกิดอะไรขึ้น แต่ศิลปินในความดูแลของเธอ ดูเหม่อลอยกว่าปกติ“ไม่มีอะไรหรอกพี่ ผมแค่เหนื่อยนิดหน่อย” ไม่หรอก เขาไม่ได้เหนื่อย แต่เขาอกหักต่างหากคิดดูสิ ขนาดเขาเพิ่งโดนดาราฮ่องกงที่แอบคบกันเทไป ยังไม่มีเวลาให้เศร้าเลยสักวินาทีเดียว นึกย้อนไปถึงวันวาน ซีเคยเป็นคนสนุกสนาน เป
ซีรู้สึกราวกับกำลังถูกล่อลวงด้วยแรงดึงดูดมหาศาล เขาค่อยๆ เดินไปยังผลงานที่วางอยู่ที่มุมห้องเพียงลำพัง ก่อนจะยืนมองหยกชิ้นนั้นราวกับว่ามันมีชีวิต“คุณซีสนใจหยกชิ้นนี้เหรอครับ นี่คือหยกหงส์แดงครับ เป็นหยกล้ำค่า คาดว่าน่าจะเป็นหยกประจำตระกูลครับ” ชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ก่อนจะช่วยอธิบายผลงานให้ดาราดังได้ฟัง“หยกชิ้นนี้ เป็นของยุคไหนเหรอครับ” คนที่ไม่สนใจศิลปะเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกสนใจกับของชิ้นนี้อย่างน่าประหลาด“ผมไม่แน่ใจเหมือนกันครับ มีนักวิชาการวิเคราะห์กันไว้หลากหลาย แต่อีกด้านมีชื่อสกุลหลิวสลักไว้ คาดว่าน่าจะเป็นของตระกูลหลิวครับ แต่ตระกูลนี้ลึกลับมากพวกเราไม่มีหลักฐานอะไรเกี่ยวกับตระกูลนี้สักเท่าไหร่ ดูเหมือนจะเป็นตระกูลที่ไร้ทายาท สิ้นตระกูลไปแล้ว”ไม่มีทายาทแล้วเหรอหืม ไม่จริง แล้วทำไมแม่ของเขาก่อนตายถึงได้บอกกับเขาว่า แท้จริงเธอมาจากตระกูลหลิวเขานี่ไงคือ ทายาทตระกูลหลิว และดูเหมือนจะเป็นทายาทเพียงคนเดียวเสียด้วย“อะแฮ่ม ผมขอจับได้มั้ย” เขาเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ ทว่าผู้ดูแลที่มาให้ความรู้กลับมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำ ก่อนจะหยิบวัตถุโบราณด้วยมือเปล่าแล้วยื่นมาที่
“เดี๋ยวก่อนนะตาแก่ ผมไม่รู้จักคุณ เราไม่รู้จักกัน ทำไมผมต้องมาทำตามที่คุณพูดด้วย” ซีเท้าเอว วีนใส่ชายชราอย่างไม่ยินยอมนี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย กูจะบ้า กูจะบ้า“ไม่ทำก็ตาย จะเอายังไงล่ะ อีกอย่างเรียกข้าให้ดีๆ หน่อย ข้าคือบรรพบุรุษของเจ้านะ เป็นทวดของทวดของทวดของแม่เจ้า”“ตาแก่!!” อย่าคิดว่าซีจะยอมง่ายๆ ใครก็ไม่รู้ แต่งตัวประหลาด ท่าทางไม่น่าไว้วางใจ แม้จะดูใจดีแต่เหมือนจะมีจุดประสงค์แอบแฝงตาคนนี้ต้องหวังอะไรจากเขาแน่ๆชายชราถอนหายใจยาว ใจหนึ่งก็อยากจะดีดกะโหลกหลานชายรูปงามผู้นี้ อีกใจก็นึกเมตตา ดูเหมือนชีวิตที่ผ่านมา จะสร้างบาดแผลให้กับเขาไม่น้อย“เรียกข้าว่าท่านตาเสียเถอะ เจ้าเป็นหลานของข้า แล้วข้าก็หวังดีกับเจ้า หยกในมือนั่นเป็นของเจ้าแล้ว จากนี้ เจ้าคือคนของตระกูลหลิวเต็มตัว”“ผมไม่ใช่คนจากตระกูลหลิว ผมคือซี อภิวัฒน์ เป็นดาราขวัญใจมหาชนสามสมัยซ้อน”“จะกี่สมัยก็ช่าง เพราะคงไม่มีสมัยหน้าอีกแล้ว ไอ้หลานชาย เจ้าตายแล้ว ตายจากเหตุการณ์ตึกถล่ม” ซีมีสีหน้าสับสน ก่อนจะค่อยๆ สลดลงอย่างจำยอม เขาเริ่มตระหนักได้แล้วว่าตนเองได้ตายจากโลกเดิมมาแล้ว อะไรที่เคยคิด เคยกระทำ เคยยึดถือล้วนไม่มี เส
สามปีกับการหาสามีและมีลูกเหรอ เขาไม่รู้หรอกว่าจะมีลูกได้ยังไง แต่โอกาสในการได้ใช้ชีวิตใหม่อีกครั้ง มันก็หอมหวานเกินต้านทานเอาวะ ไหนๆ ก็ตายไปแล้ว ยังไงเขาก็ไม่มีที่ไป ได้ไปเกิดเป็นคุณชายตระกูลหลิวที่มีเงินทองกองเป็นภูเขา ชีวิตคงไม่ต้องทำอะไร นอกจากนั่งกินนอนกิน ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ต้องตื่นตั้งแต่ตีสี่ไปกองถ่าย ไม่ต้องไปซ้อมละครเวที ไม่ต้องออกอีเวนท์ นั่งๆ นอนๆ เที่ยวเล่น แล้วก็รอให้ว่าที่สามีลอยมาหา ในเมื่อท่านตาบอกว่าจะช่วยเขาหาสามี เช่นนั้นก็ย่อมไม่ใช่ปัญหานับว่าเป็นชีวิตที่ไม่เลวเหมือนกัน“ท่านตา ผมยินยอมที่จะไปเกิดใหม่ครับ” เขาเอ่ยกับหลิวหงชิงด้วยน้ำเสียงหนักแน่น พร้อมกับมองตาอีกฝ่ายอย่างแน่วแน่ ชั่วขณะเขารู้สึกราวกับเห็นแววตาหลุกหลิกของอีกฝ่าย ราวกับมีเรื่องบางอย่างแอบซ่อนเอาไว้ ก่อนที่หยกหงส์แดงในมือจะเรืองแสงสว่างไสวไปทั่วทั้งบริเวณ ก่อนที่ภาพทุกอย่างจะกลับมามืดอีกครั้งกรั่บ กรั่บ กรั่บซีเริ่มได้สติอีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ที่มิติส่วนตัวของหลิวหงชิงอีกต่อไป กลิ่นป่าไม้และต้นสนลอยมาแตะจมูก ลมหนาวพัดผ่านกายให้สั่นสะท้าน สัมผัสแรกที่เขาสัมผัสได้คือ เขากำลัง
ห้าปีต่อมาหลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อน จวนตระกูลหลิวก็ปิดเงียบมาตลอด ฮ่องเต้เฉินเฟยหลงนั้นเหนื่อยใจไม่น้อยที่อุตส่าห์พาตัวทายาทตระกูลหลิวกลับมาอยู่ในเมืองหลวง แต่อีกฝ่ายก็ยังคงมีนิสัยเหมือนกับต้นตระกูล นั่นคือเกลียดความวุ่นวาย สิ่งที่หลิวซีซวนขอพระราชทานเป็นรางวัลจากเขาคือ การที่เขาสามารถอยู่เฉยๆ ได้ และปฏิเสธการเข้าพบคนจากราชสำนักหรือใครหน้าไหนก็ตามเขาจะต้องการอะไรอีกเล่า ในเมื่อยามนี้ได้สามีแล้ว เงินทองก็มีจนไม่รู้จะใช้ยังไงหมด ทรัพย์สมบัติในคลังสมบัติตระกูลหลิวก็ถูกเก็บไว้อย่างดีที่บ้านตระกูลหลิวที่เหิงเยว่โดยมีท่านตาตู้เฉิงเป็นผู้ดูแลด้านตู้เจาและตู้ลี่จูนั้นหลังจากเริ่มกิจการของตัวเอง ยามนี้ก็กลายเป็นร้านค้าชื่อดังที่มีหลายสาขา การงานการเงินมั่นคง ส่วนบุตรชายอย่างอาจ้านก็กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนหมอตามที่ตั้งใจไว้ หลิวซีซวนภูมิใจไม่น้อยที่คนข้างกายเขากำลังไปได้ดีกันทุกคน“กรี๊ดดดด อ๊ากกกกกกก”ยามนี้เสียงกรีดร้องกลับดังออกมาจากจวนตระกูลหลิวในเมืองหลวง บ่าวไพร่พากันวิ่งวุ่น ยามนี้สองจวนทุบกำแพงเข้าหากันจนกลายเป็นจวนขนาดใหญ่ ยิ่งเป็นการเสริมบารมีให้หลิวซีซวนแ
“เจ้ารู้ข่าวของถานตงหยางแล้วใช่หรือไม่”“ตอนนั้น ข้าเห็นเขาจากในภาพนิมิตแล้ว สุดท้ายคนผู้นั้นก็ถูกฆ่าตายอย่างไร้ค่ายิ่งนัก”“แล้วเจ้า..ไม่เสียใจหรือ” เซวียนจางหย่งนั้นเป็นบุรุษใจกว้าง เขารู้ดีว่าเขากำลังแต่งให้กับคนงามที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาตระหนักอยู่เสมอว่า แม้หลิวซีซวนจะเลิกรากับอีกฝ่ายไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เยื่อใย อย่างไรก็คนที่เคยอยู่กินกันมาหลายปี“ไม่หรอก เขาสมควรตายจริงๆ คนเช่นนั้นอย่างไรก็คิดไม่ได้ วันข้างหน้าย่อมต้องก่อการเลวร้ายอีกแน่ นับว่าความแค้นระหว่างข้าและเขาได้จบสิ้นในชาตินี้อย่างสมบูรณ์แล้ว” หลิวซีซวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เรียกรอยยิ้มจากบุรุษรูปงามได้ไม่น้อยตัดเวรกันได้แล้วก็ดีชายหนุ่มก้าวเข้ามา ก่อนจะดึงอีกฝ่ายเข้าสู่อ้อมกอดแนบชิดทั้งสองร่างจากทางด้านหลัง แก้มนวลขึ้นสีเล็กน้อยทำให้ชายหนุ่มรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง ที่ผ่านมาเหอซีซวนนั้นเป็นคนซุกซนชอบเรื่องสนุกสนาน แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็ซึมลงไปถนัดตาจนน่าเป็นห่วง เขานึกไปว่าอีกฝ่ายเสียอกเสียใจเรื่องอดีตสามีเสียอีก แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้กำลังมีบางเรื่องรบกวนจิตใจเกอคนงามอยู่“แล้วเมื่อกี้ เจ้ากำลั
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายที่เกิดขึ้นเมืองหลวง ก็ถึงเวลาแห่งการฟื้นฟู โชคดีที่นอกจากจัตุรัสกลางเมืองแล้ว ไม่มีสิ่งใดพังทลาย ทว่าก็มีชาวบ้านโดนลูกหลงจนบาดเจ็บเป็นจำนวนไม่น้อย จนฮ่องเต้ต้องประกาศเรียกตัวหมอตามเมืองต่างๆ ให้เร่งเข้ามาช่วยรักษาอาการให้ปลอดภัยสิ่งที่ทำให้ผู้คนนึกทึ่งในช่วงเวลาวิกฤตก็คือ องค์ชายห้าจอมเสเพลนั้น แท้จริงแล้วเป็นเจ้าของที่แท้จริงของห้องอาหารส่องดาว พระองค์นำอาหารจากห้องอาหารมาเปิดโรงทานแจกจ่ายให้กับผู้คนอย่างไม่รอช้า เหล่าองค์ชายคนอื่นก็ไม่น้อยหน้า เมื่อได้เวลาแสดงความสามารถก็ต่างพากันช่วยฟื้นฟูบ้านเมืองกันอย่างเต็มกำลังสถานการณ์ในเมืองจึงกลับมาสู่สภาพปกติดังเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมคือกลุ่มขุนนางชั่ว งานนี้ความผิดประจักษ์เห็นต่อหน้า จวิ้นอ๋องกำเริบเสิบสาน ตั้งใจชิงบัลลังก์ถึงขั้นกล้าลงมือกับประชาชนโดยมีขุนนางหลายคนหนุนหลัง ฮ่องเต้แต่ไหนแต่ไรประนีประนอม ใจอ่อนให้จวิ้นอ๋องที่มีอำนาจฝั่งมารดาถ่วงดุลอยู่ไม่น้อย แต่เมื่ออีกฝ่ายตายไปแล้ว เขาก็ไม่คิดจะยั้งมือกับพวกขุนนางทั้งหมดที่ร่วมก่อการในครั้งนี้หนึ่งในนั้นก็คือ เสนาบดีเซี่ยโม่โฉว วันนั้นเลี่ยงชิงและเลี่ยงหรงใ
“หลานรัก” เสียงเพรียกดังขึ้นมาแต่ไกล เขาหลับตาลง ก่อนจะพบว่าตนเองมาโผล่อยู่ในมิติส่วนตัวของตนอีกครั้งในที่นี้นั้นสงบเงียบและปลอดโปร่ง ต่างจากโลกแห่งความจริงที่เขากำลังเผชิญ ท่านตาหลิวหงชิงกำลังจิบชาร้อนด้วยท่าทางผ่อนคลาย ก่อนจะหันมายิ้มให้เขา“ท่านตา เกิดเรื่องใหญ่แล้ว”“ข้ารู้แล้ว เรื่องนั้นไม่เป็นปัญหา”“แต่ท่านตา ผู้คนกำลังจะตาย ข้าเองก็จะไม่ไหวแล้ว”“ชู่ หลานรัก ทำใจให้สบาย ข้าบอกเจ้าแล้วใช่หรือไม่ว่า วันนี้เจ้าต้องมีสติให้มาก” หลิวหงชิงยกยิ้มอ่อนโยนให้กับหลานคนเดียว ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้“ข้าพยายามเต็มที่แล้ว ท่านตา แต่ข้าจัดการพวกมันไม่ได้ ข้าช่วยใครไม่ได้เลย”“ไม่ใช่ความผิดของเจ้า เจ้าทำดีแล้ว เด็กดี ข้าพาเจ้ามาที่นี่เพื่อให้มีชีวิตที่ดี ได้สร้างครอบครัวดั่งที่ใจปรารถนา ข้าไม่ได้ตั้งใจจะให้เจ้าต้องรับศึกหนักเช่นนี้” ชายชราปลอบหลานชาย ก่อนจะเอ่ยต่อ“เวลาที่ผ่านมา ข้าติดอยู่ในมิติส่วนตัวนี้มานานเกินไปเหลือเกิน ยามนี้เหอซีซวนได้รับการปลดปล่อยแล้ว ตัวข้าที่เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยววิญญาณก็ควรถึงเวลาต้องไปแล้วเช่นกัน”“ท่านตา ท่านจะไปไหน ท่านไปแล้ว ข้าจะอยู่กับใคร” “เจ้าก็อยู่กับสามี
เขาจะทำอะไรได้ ยามนี้แค่ทรงตัวยืนอยู่ แล้วตั้งรับดาบที่เข้ามารอบทิศก็ลำบากมากแล้ว และก่อนที่เขาพลาดท่าก็มีใครบางคน ปรี่มาช่วยเขาเสียก่อน“คุณชายหลี่” ใช่แล้ว คือพ่อหนุ่มดวงมหาโชคคนดีคนเดิมนั่นเอง ดูจากฝีไม้ลายมือ เขาก็พอจะดูออกว่าคนผู้นี้นั้นไม่สันทัดเรื่องการใช้กำลังเท่าไหร่นัก ไม่แปลกใจที่ได้ทำงานสายผู้ตรวจการมากกว่าจะไปทางทหาร แบบเซวียนจางหย่ง“หลิวซีซวน เจ้าระวังตัวด้วย”“สามีข้าเป็นอย่างไรบ้าง”หลี่เฉียงฮุยถึงกับหันกลับมามองเขา ด้วยสายตาเหลือเชื่อ“เจ้าห่วงชีวิตสหายข้ามากกว่าชีวิตตนเองอีกหรือ รีบเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเจ้าต้านไว้ได้มากเพียงใด”“คุณชายหลี่ ท่านช่วยหยุดโจวเฟิง มันจะจุดเทียนอีกครั้ง ค่ายกลชิงดวงจะกลับมาทำงานได้ใหม่” หลี่เฉียงฮุยมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นทันที เขาสองคนถูกรุมล้อมรอบด้าน จนแทบจะเอาตัวไม่รอดเช่นนี้ จะทำอะไรได้“งั้นเอาเช่นนี้ก็แล้วกัน” หลี่เฉียงฮุยถือคติว่า อะไรทำได้ก็ให้ทำไปก่อน เขาดึงมีดสั้นที่ซ่อนอยู่ออกมา ก่อนจะปาไปทางโจวเฟิงหวังปลิดชีพถึงจะปลิดชีพไม่ได้ แต่ทำลายสมาธิมันได้ก็ยังดีแต่ใครจะไปคาดคิดในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นมีดสั้นพ
หลิวซีซวนค่อยๆ ลุกขึ้นมาช้าๆ ด้วยแรงแค้นที่แน่นอก หากคนตกใจสามารถยกโอ่งหนีไฟไหม้ได้ คนที่กำลังโกรธก็น่าจะยกภูเขาได้ไม่ต่างกัน โดยที่ไม่มีใครคาดฝัน เกอคนงามร่างบางที่เมื่อครู่ยังซวนเซ กลับเดินไปยกแท่นพิธีที่หักครึ่งแล้วทุ่มไปทางโจวเฟิงอย่างไม่ออมมือตู้ม!!!โจวเฟิงนั้นแม้บาดเจ็บอยู่ แต่ประสาทสัมผัสยังคงเฉียบคม เขาจึงกระโดดหลบแท่นหินขนาดใหญ่ได้อย่างหวุดหวิด“นี่เจ้า”“หมาลอบกัด เจ้าแอบซ่อนอยู่ข้างกายข้าและจางหย่งมาตลอด” หลิวซีซวนตวาดดังลั่น เสียงสั่นด้วยความโมโห“แล้วอย่างไร บุรุษผู้นี้มันโง่เอง มันกล้าบุกเข้ามาสอบสวนข้าเพียงลำพัง ทั้งที่รู้ว่าข้านั้นเป็นหลวงจีนที่มีวิชาอาคม สุดท้ายมันก็ถูกข้าใช้วิชาสับเปลี่ยนวิญญาณ และปล่อยให้มันตายไปกับร่างเดิมของข้าในคุก ฮ่าๆๆ”“เจ้ามันสารเลว เพราะเจ้า ผู้คนถึงได้เดือดร้อน เจ้าไม่ได้ต้องการช่วยจวิ้นอ๋องให้ครองบัลลังก์ เจ้าก็แค่ต้องการละเลงเลือดทาแผ่นดินก็เท่านั้น เจ้ามันปีศาจชัดๆ ไม่ต้องพูดมาก เจ้าจะเป็นใครก็ช่าง ข้าจะไม่ปล่อยให้เจ้ารอดไปได้แน่ กล้าทำร้ายคนของข้า เช่นนั้นเจ้าก็จงรับผลกรรม” หลิวซีซวนหยิบดาบขึ้นมาถือไว้พร้อมกับกระชับไว้แน่น พร้อมที่จะโ
ไต้ซือไป๋ในร่างของโจวเฟิงล้วงเข้าไปในปกเสื้อ ดึงเทียนทำพิธีสีแดงแท่งใหม่มาถือไว้อย่างหมายมาด เวลาเหลืออีกไม่มากนัก หากว่าเทียนเล่มเก่าดับ เช่นนั้นเขาก็จะจุดแท่งใหม่ด้วยตัวเองถึงอย่างไร เขาก็ต้องทำภารกิจวันนี้ให้สำเร็จให้ได้เขาควบม้ามุ่งหน้าเข้าไปใจกลางเมือง ถึงแม้เทียนจะดับ แต่หากเขาสามารถจุดเทียนสำรองนี้ได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามโดยที่เหยื่อบูชายัญทั้งสี่ทิศยังคงอยู่ที่เดิม ค่ายกลก็ยังกลับมาทำงานได้อีกครั้งไม่แน่ว่าป่านนี้ คนที่บุกไปทำลายพิธีอาจจะโดนทัณฑ์สวรรค์ผ่าร่างจนตายไปแล้วก็ได้โจวเฟิงมองออกไปไกลยังใจกลางเมือง ก็เห็นเมฆก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะมีอัสนีฟาดลงมาที่กลางเมืองจนเกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว จนแผ่นดินสะเทือนเปรี้ยง!!สายฟ้าฟาดลงมากลางแท่นพิธีที่จัตุรัสกลางเมืองเก้าครั้งติดกันไม่หยุด วันนี้ที่เมืองหลวงนั้นเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวมืดครึ้มเดี๋ยวสว่าง จู่ๆ ท้องฟ้านั้นกลับส่งสายฟ้าฟาดลงมา ท่ามกลางการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย“แฮ่กๆๆ รอดจริงๆ ด้วย” หลิวซีซวนที่ร่ายรำอยู่นาน สุดท้ายเขาก็สามารถเอาตัวรอดจากทัณฑ์สวรรค์ได้ เขามองไปรอบกายก็พบว่าจัตุรัสกลางเมืองนั้นเละ ไม่เหลือชิ้น
ในขณะพวกเขายังสู้กันต่อ แต่หลิวซีซวนกำลังตัวสั่นอยู่กลางพิธี ดวงตาสีทองมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าแตกตื่นนี่เราลืมอะไรไปรึเปล่าอ๋อ เราลืมไปใช่หรือไม่ว่าหลังจากทำลายค่ายกลชิงดวงแล้ว จะได้รับทัณฑ์สวรรค์เป็นสายฟ้าฟาดเวรเอ๊ย กูจะโดนฟ้าผ่าอีกแล้วเหรอวะเนี่ย ครั้งที่แล้วโดนไปยังเกือบตายสักพัก เขากลับได้ยินเสียงกระซิบแผ่วเบาจากภายใน เป็นเสียงของท่านตาที่คงอดทนไม่ไหว จึงแอบมาบอกเขา“ค่ายกลเทวาร่ายรำ” เขามองท้องฟ้าที่เริ่มมีเมฆตั้งเค้าอีกรอบด้วยความสยอง เวลานี้จำเป็นต้องงัดวิชาทุกวิชาของตระกูลหลิวออกมาเพื่อปกป้องตนเองเสียก่อน เทวาร่ายรำก็เป็นอีกอย่างหนึ่งที่ทำเพื่อสร้างเกราะกำบังกายให้กับตนเองจะรออะไรล่ะ ร่ายรำไปเลยสิจ๊ะหลิวซีซวนขยับร่างกายไปพร้อมกับบริกรรมคาถาไปด้วย เขาต้องเรียกสติตนเองตลอดเวลาเพราะหาไม่แล้วอาจจะเผลอก่นด่าสวรรค์ไปแล้วหลายรอบ รอบกายของเกอคนงามเปล่งประกายสีทอง ราวกับแผ่ออกมาเพื่อเป็นเกราะกำบังภัย ตัวของเขาสั่นเทิ้มไม่หยุด กล้ามเนื้อถูกเคี่ยวกรำอย่างหนัก จนเริ่มรับพลังมหาศาลที่ไหลเวียนในกายไม่ไหว เขาไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่ แต่เขาจะไม่ยอมโดนฟ้าผ่าตายอีกหนแน่ๆที่หน้าประตูเม
เซวียนจางหย่งถึงกับมีสีหน้ามืดครึ้ม ทัพของจวิ้นอ๋องและแม่ทัพหวงจะมีอะไรให้น่ากังวล ต่อให้พวกเขาบุกเข้ามาเวลานี้ ก็ไม่แน่ว่าจะมีชัยเหนือคนที่เหลือสิ่งที่น่ากลัวคือ ทัพของหยวนหลี่เฉียงต่างหาก คนผู้นั้นเด็ดขาดโหดเหี้ยม ไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด ไม่เคยมีใครคิดระแวงว่าเขาจะย้ายฝั่งไปสนับสนุนจวิ้นอ๋อง“ข้านี่โชคดีเหลือเกินที่เลือกออกเดินทางไปศึกษาวิชากับพวกหลวงจีนและนักพรตตามเมืองต่างๆ จึงได้รู้จักหลวงจีนที่เชี่ยวชาญวิชานอกรีตอย่างหาตัวจับได้ยาก เขาเก่งถึงขนาดที่สามารถสับเปลี่ยนดวงวิญญาณของตนเองกับผู้อื่นได้ เช่นนี้ข้าคงไม่เหลืออะไรให้กังวล แม่ทัพที่ยิ่งใหญ่ยังต้องยอมสยบให้กับข้า หึหึ” จวิ้นอ๋องเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับมองสงครามกลางเมืองที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด แม้ว่ายามนี้จะมีกองกำลังน้อยกว่าแต่กลับได้เปรียบกว่าทหารหาญและราชองครักษ์ในที่นี้ เซวียนจางหย่งต้องต่อสู้ไปพร้อมกับเฝ้าสังเกตอาการของคนรักที่อยู่กลางแท่นพิธีเพียงลำพังหลิวซีซวนหวนคิดถึงท่านตา ถึงว่าเมื่อคืนถึงคอยกำชับให้เราตั้งสติ เพราะจะเกิดเรื่องแบบนี้นี่เอง ครั้งก่อนเขาเป็นผู้ที่ทำลายพิธีชิงดวงของหลี่เฉียงฮุยเพียงผู้เดียว ครา