Share

ตอนที่26 แอบทึ่ง

เช้าวันต่อมา

ก๊อกๆๆ

นนทวัตรพอจะยิ้มออกเมื่อมาเคาะประตูห้องที่เขาเคาะเปิดออกมาเป็นหน้าของหญิงสาวเท่ากับว่าตอนนี้เขาเชื่อใจของเธอได้พอสมควร

“จะไปแล้วเหรอคะ”

“อืม.. นี่..คุณตาบวมขนาดนี้เลยเหรอ”

ตอนนี้สิ่งที่นนทวัตรสนใจคือเรื่องใบหน้าของหญิงสาวมากกว่าที่ดูบวมจนเขารับรู้ได้ว่าเมื่อคืนเธอคงร้องให้หนักแน่นอน

“ช่างมันเถอะค่ะ”

นนทวัตรและณจันทร์ไปรับทะเลออกจากโรงพยาบาลในช่วงสายตอนนี้เจ้าเด็กชายตัวกลมวัยหกเดือนไม่มีของใช้อะไรสักอย่างทั้งสองจึงต้องแวะหาซื้อของใช้และนมผงของเด็กก่อนที่จะลงเรือไปยังเกาะ

“แพมเพิสอันนี้ใช่หรือเปล่า”

ณจันทร์ที่กำลังอุ้มเจ้าก้อนกลมที่กำลังหลับปุ๋ยเธอรีบส่ายหัวกับสิ่งที่นนทวัตรได้หยิบมา

“อันนี้ของผู้หญิงค่ะ.. เลือกของเด็กผู้ชายมาสิคะ”

“คุณทั้งสองมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”

พนักงานเห็นท่าชายหนุ่มเก้ๆกังๆและหญิงสาวที่ดูจะเลือกของเป็นแต่ไม่ค่อยถนัดเท่าไรเพราะอุ้มเด็กเล็กจึงรีบเข้ามาช่วยทันที

“เอ่อ..ฉันขอนมผงของเด็กหกเดือนสัก5กล่องค่ะแล้วก็ขวดนมขวดใหญ่สามขวดกับขวดเล็ก2ขวดค่ะทิชชู่เช็ดก้นกับมหาหิงส์ด้วยนะคะ”

นนทวัตรยืนจ้องหญิงสาวด้วยสายตาที่ทึ่งในตัวเธออีกครั้งไอ้คำว่าช่วยเขาเลี้ยงเด็กคนนี้คงใช้กับเธอไม่ได่เสียแล้วน่าจะเป็นเขามากกว่าที่ต้องเป็นลูกมือของเธอ

“ได้ค่ะ”

“ไปจ่ายเงินกันเถอะ”

เมื่อพนักงานเตรียมของมาให้ครบทุกตามที่หญิงสาวสั่งของก็แทบเต็มรถแล้วเขาจึงจะเข็นรถไปเพื่อจ่ายเงิน

“ยังค่ะ.. ต้องไปดูแป้งกับครีมอาบน้ำด้วย”

ณจันทร์รีบกวักมือให้นนทวัตรตามมาที่โซนแป้งเด็กก่อนจะมองซ้ายมองขวาแล้วก็เจอสิ่งที่เธอต้องการที่อยู่ชั้นบนสุด

“คุณนนเอากะละมังใบใหญ่สีฟ้านะคะ”

สาวเจ้าชี้วานให้คนตัวโตหยิบกะละมังอาบน้ำของเด็กใบใหญ่สุดมาให้ขณะที่เธอก็เลืกหยิบแป้งเด็กใส่รถเข็น

“โอเค”

ทั้งสองใช้เวลาเลือกของอยู่พักใหญ่จนครบจนตอนนี้เข้าเวลาเที่ยงทั้งสามก็มาถึงที่ท่าเรือเรียบร้อย

“เลี้ยงเด็กคนนึงใช้อุปกรณ์เยอะเหมือนกันนะ”

หลังจากที่นนทวัตรขนของลงเรือเสร็จก็มองของตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตาว่าการเลี้ยงเด็กตัวแค่นิดเดียวจะใช้ของใช้อะไรมากมายขนาดนี้

“ค่ะ..ไม่ใช่แค่อุปกรณ์นะคะต้องเข้าใจพฤติกรรมเค้าด้วย”

“พูดเหมือนเคยเลี้ยงเลย”

“ก็..พอรู้มาเท่านั่นแหละค่ะ”

ณจันทร์ที่กล่าวฉะฉานอย่างคนมีความรู้ในการเลี้ยงเด็กตอนนี้เสียงของเธอเริ่มอ่อนลงเพราะไม่อยากจะตอบชายหนุ่มไปตามตรงว่าเธอเคยเลี้ยงเด็กเล็กเป็นสิบๆคนก็เลี้ยงมาแล้ว

แง..แง้..”

เสียงเจ้าตัวกลมที่ร้องโยเยอยู่ที่ท้องเรือทำนนทวัตรต้องหยุดการเดินเรือและลงมาหาหญิงสาวกะทันหัน

“ทะเลเป็นอะไรร้องใหญ่เลย”

“เหมือนจะมีไข้ค่ะฉันป้อนยาไปแล้วเดี๋ยวอีกสักแปปก็คงจะหลับไปค่ะคุณนนไม่ต้องห่วง..รีบไปให้ถึงเกาะเร็วๆดีกว่าค่ะ”

“โอเค”

ณจันทร์ไม่อยากให้นนทวัตรกังวลเรื่องเสียงร้องของทะเลเพราะการร้องโยเยแบบนี้เป็นเพราะไม่สบายตัวเนื่องจากไม่สบายเธออยากจะให้ชายหนุ่มขับเรือไปให้ถึงเกาะอย่างเร็วที่สุดมากกว่าเพราะการเช็ดตัวป้อนยาและพาเจ้าก้อนกลมเดินกล่อมจะสะดวกว่าบนเรือมาก

“ลากโซฟามาทำไมคะ”

ณจันทร์ที่กำลังกล่อมเจ้าตัวกลมอยู่ยนเตียงในห้องนอนของนนทวัตรเธอมองชายหนุ่มที่กำลังลากโซฟานอนของเธอเข้ามาในห้องของเขาก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงกระซิบเพราะกลัวคนที่กำลังจะหลับตื่นขึ้นมาร้องให้อีก

“ผมเอาไว้นอนไง..คุณก็นอนบนเตียงกับทะเลเผื่อดึกๆทะเลร้องแล้วคุณไม่ตื่นผมจะได้ช่วยดูได้”

คนตัวโตตอบกลับหญิงสาวด้วยเสียงกระซิบเช่นกัน

“ค่ะ..”

“คุณจะเอาอะไรไหม..ยาหรือผ้าเช็ดตัวอะไรแบบนี้”

“ฉันเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะคุณเอาของที่เรือมาเก็บให้หมดก็พอ”

“โอเค”

ณจันทร์มองตามหลังนนทวัตรด้วยสีหน้าที่เริ่มสบายใจขึ้นหน่อยเพราะดูท่าทั้งเธอและเขาจะปรองดองกันก็เพราะต้องช่วยกันเลี้ยงเด็กชายตัวกลมนี่แหละ

“โล่งใจเหมือนกันที่ได้ยินจันทร์โทรมาบอกว่าสบายดีแล้วจันทร์อยู่ที่เกาะบอกหรือเปล่าว่าเกาะอะไร”

ณิชาวางถาดผลไม้ตรงหน้าของพราวมุกเธอพอจะมีสีหน้าเบิกบานได้บ้างเมื่อรู้ว่าเมื่อคืนณจันทร์โทรมาบอกว่าสบายดีไม่ต้องห่วง

“จันทร์บอกว่าน่าจะเป็นเกาะส่วนตัวของครอบครัวคุณนนแต่ไม่รู้ชื่อแถวๆระยองไม่ไกล”

“ไม่ได้บอกว่าจะกลับเมื่อไรใช่หรือเปล่า”

“อืม..ไม่ได้บอก...เออตัว”

พราวมุกส่ายหัวเธอเองก็ลืมไปเลยที่จะถามณจันทร์เรื่องนี้เพราะมัวแต่ดีใจที่ณจันทร์ติดต่อมาหา

“หืม”

“วันนี้ตัวหยุดไปฟังผลดีเอ็นเอกับเค้านะ”

“ได้​สิ..แอบตื่นเต้นเหมือนกันนะเนี่ย”

ณิชารู้สึกตื่นเต้นไม่แพ้ไปกว่าพราวมุกเพราะหากพราวมุกเป็นทายาทเศรษฐีจริงๆเธอก็จะดีใจด้วยมากๆ

“จริง..เค้าถึงอยากให้ตัวไปด้วยไงจะได้ลดความตื่นเต้นลงหน่อย”

และแล้วเวลาอันสำคัญก็มาถึงตอนนี้สองสาวพราวมุกและณิชานั่งจับมือกันแน่นอยู่ที่ห้องรับแขกบ้านของแก้วเกตพร้อมหน้าพร้อมตากับแก้วเกตและกวินกับเปรมทนายประจำตระกูลของสร้อยแสงดาว

“ผลดีเอ็นเอของคุณพราวมุกกับคุณสรุตาตรงกัน99.99%ครับสรุปได้ว่าคุณพราวมุกคือทายาทคนสุดท้ายของตระกูล....”

สิ้นเสียงคำกล่าวของเปรมทุกคนก็มีสีหน้าเปื้อนยิ้มยินดีกับผลดีเอ็นเอที่ได้รับฟัง

“ดีใจด้วยนะพราว”

ณิชากอดกับพราวมุกแน่นที่หลังจากนี้ชีวิตเพื่อของเธอก็จะดีขึ้นแล้ว

“ฉันว่าแล้วเชียว...อ่อ..ที่คุณเปรมบอกว่าพินัยกรรมของสร้อยแสงดาวมีเนื้อหาเกี่ยวกับฉันกับตาวินเรื่องอะไรเหรอ”

จบคำถามของแก้วเกตเปรมก็ยกซองพินัยกรรมขึ้นมาหนึ่งฉบับเพื่อบอกกล่างให้ทุกคนในที่นี้รับรู้ไปพร้อมๆกัน

“คุณสร้อยแสงดาวเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมาในขณะที่มีสติครบถ้วนทุกประการและเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดีมากแล้วจึงเขียนมาว่า..หากเจอหลานสาวทายาทคนสุดท้ายให้ยกมรดกบ้านและที่ดินรวมถึงเครื่องเพชรและเงินจำนวนห้าสิบล้านบาทให้กับทายาทหากไม่เจอภายหลังจาก50ปีไปแล้วให้ยกทั้งหมดกับมูลนิธิการกุศล

ส่วนเงินในธนาคารสองพันล้านบาทรวมถึงโรงพยาบาลที่ให้คุณแก้วเกตดูแลอยู่ตอนนี้ยกให้ทายาทคนสุดท้ายหลังจากที่เธอได้แต่งงานกับทายาทของคุณแก้วเกตคือคุณกวินอยู่กินกันจนครบปีไปแล้วเท่านั้นหากไม่ได้แต่งและไม่ได้เจอทายาทคนสุดท้ายให้ยกโรงพยาบาลให้คุณแก้วเกตหรือทายาทของคุณแก้วเกตและเงิน2พันล้านยกให้การกุศล...”

จากสีหน้าของทุกคนที่มีแต่ความปิติคราแรกตอนนี้ดูจะเริ่มมีความกังวลโดยเฉพาะตัวกวินและพราวมุก

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status