Rrrrr
“ว่าไงพราว..หนมผิงกลับไปหลายชั่วโมงแล้วนะยังไม่ถึงห้องอีกเหรอ”
เมฆาเริ่มมีสีหน้ากังวลหลังจากพราวมุกโทรมาถามว่าณิชาจะกลับตอนไหนและทำไมถึงติดต่อณิชาไม่ได้
“ยังค่ะ..พราวโทรหาก็ไม่รับ”
“เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนเช็คสัญญาณจากมือถือผิงถ้าเจอเดี๋ยวพี่ไปส่งหนมผิงเองพราวไม่ต้องห่วง”
“ค่ะพี่เมฆ”
หลังคุยกับพราวมุกจบเมฆาก็ลองโทรหาณิชาแต่ปรากฏว่าเธอก็ไม่รับสายเขาเช่นกันจึงรีบโทรหาเพื่อนที่เป็นตำรวจทันทีเพราะรู้สึกเป็นห่วงณิชาพอสมควรคราแรกคิดว่าเธอถึงห้องพักแล้วเสียอีก
“อาม..ฉันมีเรื่องให้แกช่วย”
หลังจากเมฆาโทรหาอานนท์เพื่อนที่เป็นตำรวจให้เช็คสัญญาณมือถือของณิชาว่าอยู่ที่ตำแหน่งไหนหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงเมฆาก็รู้ที่อยู่ของณิชาและรีบออกไปหาเธอทันที
ณิชามานั่งดื่มที่บาร์ได้ร่วมชั่วโมงกว่าแล้วที่เธอเข้ามาในร้านแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยเข้าเพราะอยากรู้ว่าความเมามันจะทำให้เธอลืมเรื่องปวดหัวใจไปได้หรือเปล่าแต่เหมือนมันก็ยังลืมไม่ได้อยู่ดี
“ทำไม.. อึก.. ทำไมทำจายม่ายด้ายสักทีนะ”
สาวเจ้าถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้แน่นแต่ตัวของเธอฟุบอยู่บนโต๊ะแทบยกหัวตัวเองไม่ขึ้นแล้วแม้นจะไม่ได้ดื่มไปเยอะแต่คนที่ไม่เคยดื่มอย่างหญิงสาวก็จะเมาง่ายกว่าคนที่เคยดื่มเป็นปกติ
“หนมผิง”
เมฆาเดินจ้ำอ้าวเข้ามาหาหญิงสาวตอนที่เขารู้พิกัดว่าเธออยู่ที่ไหนก็ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอจะเข้ามาในร้านแบบนี้ได้นึกว่ามีใครชวนเธอมาแต่เปล่าเลยเมื่อมาถึงกลับเห็นเธอนั่งฟุบอยู่ที่โต๊ะเพียงคนเดียว
“อืม.. คราย”
สาวเจ้าพูดคุยกับคนที่มาเขย่าตัวแต่ไม่สามารถลืมตาขึ้นมามองได้เพราะรู้สึกว่าหนังตาตอนนี้หนักเสียเหลือเกิน เมฆารีบจัดการเช็กบิลและอุ้มคนตัวเล็กกลับไปที่รถทันที
“ทำไมไปนั่งดื่มจนเมาขนาดนี้ไม่กลัวอันตรายหรือไงผิง”
เมฆามองไปยังคนที่นั่งตัวอ่อนปวกเปียกอยู่ข้างๆเขาส่ายหัวเบาๆให้กับสภาพของเธอ
“อึก..อุบ..อ้วกกก..”
“หนมผิง”
ไม่ทันที่เมฆาจะได้ขับรถออกจากลานจอดตัวของเขาก็เต็มไปด้วยอาเจียนของณิชาเห็นทีเขาต้องพาเธอเข้าบ้านก่อนเสียแล้ว เมฆาเลือกที่จะขับรถเข้าบ้านของพ่อและแม่ของเขาเพราะใกล้แถวนี้มากที่สุดเพื่อที่จะให้แม่บ้านเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หญิงสาวและเขาก็จะได้อาบน้ำล้างตัวด้วย
“คุณเมฆพาใครมาคะ”
พรทิพย์แม่บ้านวัยกลางคนมายืนต้อนรับเมฆาหลังจากที่เขาโทรหาเมื่อครู่ว่าจะเข้ามาที่นี่แต่ไม่ได้บอกแต่แรกว่าจะพาผู้หญิงมาด้วย
“น้องที่รู้จักครับป้าพรช่วยไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอด้วยนะครับ”
“ค่ะๆ”
เมฆาอุ้มณิชาไปที่ห้องของเขาก่อนจะรีบไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและไม่ลืมที่จะโทรบอกกับพราวมุกว่าคืนนี้เขาจะดูแลณิชาเองพราวมุกจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณเมฆ..”
เมฆาจัดการตัวเองเรียบร้อยออกมาจากห้องน้ำพรทิพย์ก็จัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับณิชาเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน
“เอ่อ..แล้วจะนอนห้องเดียวกับเธอเหรอคะหรือให้ป้าไปเตรียมให้อีกห้อง”
“ดึกแล้วไม่เป็นไรหรอกครับ”
เมฆาส่ายหัวเพราะไม่อยากจะรบกวนพรทิพย์นอกเหนือเวลางานเขานอนที่โซฟาได้ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว
“ค่ะ...เธอถอดแว่นออกมาแล้วน่ารักน่าชังจังเลยนะคะทำไมถึงได้เมาขนาดนี้ได้ล่ะคะ”
พรทิพย์แอบอมยิ้มมุมปากคิดในใจวาหญิงสาวคนนี้น่าจะไม่ใช่แค่น้องที่รู้จักแน่นอนเพราะปกติไม่มีแม้สักครั้งที่เมฆาจะพาผู้หญิงมาที่บ้านพามาครั้งนี้ก็นอนห้องเดียวกันอีก
“ผมเป็นคนชวนเธอดื่มเองครับ”
ที่เมฆาพูดแบบนี้ก็เพราะไม่อยากให้ณิชาถูกมองไม่ดีเพราะรู้ว่าเธอไม่ใช่คนที่ชอบดื่มเป็นปกติแต่เขาก็แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมวันนี้เธอถึงไปนั่งเมาคนเดียวแบบนั้นได้ดีที่พราวมุกโทรหาเขาไม่อย่างนั้นเขาคงไม่รู้ว่าเธออยู่ที่บาร์นั่นคนเดียวและไม่อยากจะคิดว่าผู้หญิงที่เมาอยู่ในบาร์คนเดียวจะเจออันตรายอะไรบ้าง
“ค่ะๆป้าขอตัวนะคะ..อ่อคุณทั้งสองน่าจะกลับมาช่วงเช้านะคะคุณเมฆ”
“ครับ”
หลังจากพรทิพย์ออกจากห้องไปแล้วเมฆาก็เดินไปหยิบผ้านวมอีกผืนที่อยู่ในตู่มาวางไว้ที่โซฟาก่อนจะเดินกลับไปหยิบหมอนบนเตียง
“อืม..”
เขายังไม่ทันได้หยิบหมอนก็ต้องดึงผ้าห่มคลุมตัวณิชาไว้ก่อนเพราะเธอเล่นดิ้นถีบจนมันไปอยู่ปลายเตียงเรียบร้อย เวลานี้จึงทำให้เมฆาได้มองหน้าหญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มแก้มแดงระเรื่อใกล้ๆยอมรับว่าเธอดูน่ารักเช่นที่พรทิพย์บอกจริงๆ ก่อนจะหันไปมองแว่นหนาๆของเธอที่ข้างหัวเตียงและอมยิ้มอ่อนคิดว่าเจ้าสิ่งที่เรียกว่าแว่นนี่แหละคือสิ่งที่บดบังความน่ารักของเธอเอาไว้
เมื่อมองใบหน้าจิ้มลิ้มนั่นครู่หนึ่งและเห็นว่าสาวเจ้าไม่ดิ้นแล้วเขาจึงหยิบหมอนไปนอนที่โซฟาแต่ยังไม่ทันที่จะล้มตัวนอนลงคนที่แน่นิ่งอยู่บนเตียงคราแรกก็มีท่าว่าจะละเมอลุกขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“ห้อง..คราย”
ณิชาเปิดเปลือกตาได้เล็กน้อยแม้นทุกอย่างจะดูเลือนลางแต่เธอก็พอจะรู้ว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ของเธอและพยายามก้าวไปเรื่อยๆจนเมฆาต้องมาดึงตัวหญิงสาวเอาไว้
“หนมผิง”
“ฝัน..เหรอ”
ณิชาพยายามจ้องมองหน้าคนที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆเธอและก็เห็นว่าเป็นหน้าของเมฆาเธอก็ยกมือเกาหัวแกรกๆคิดว่าตอนนี้เธอน่าจะกำลังฝัน
“ฝันอะไรผิง..เราเมาอยู่มานอนเถอะ”
เมฆาดึงมือของคนตัวเล็กหมายจะให้กลับไปที่เตียงแต่ดูท่าว่าเธอจะไม่ยอมแต่โดยดี
“ออกไปจากความฝันเดี๋ยวนี้เลย..ทำไมต้องมาอยู่ทุกที่ด้วย”
ณิชาสะบัดมือออกจากเมฆาก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงยืดยานแต่ดังพอสมควรด้วยไม่ชอบตัวเองที่จะต้องมีเมฆาเป็นภาพในหัวไปอยู่ทุกที่แม้แต่ในความฝัน
“อย่าเสียงดังสิผิง”
เมฆาไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ณิชาพูดคืออะไรแต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของคนเมา
“ฝันบ้าอะไรเนี่ย”
ณิชาเริ่มหันซ้ายหันขวานั่งฟุบลงกับพื้นโวยวายเสียงดังด้วยคิดว่าตัวเองยังฝันและอยากจะตื่นจากความฝันนี้สักที
“หนมผิงหยุดโวยวาย”
เมฆาเข้ามารวบคนตัวเล็กหมายจะให้กลับไปนอนที่เตียงแต่เธอก็ดันดีดดิ้นสุดชีวิตจนตอนนี้ร่างของทั้งสองกลิ้งเกลือกกันอยู่บนเตียงเรียบร้อยซ้ำตอนนี้ริมฝีปากหนาของเมฆายังกดประกบกับปากของณิชาอีกด้วย
“อื้อ..”
เมฆารีบผละตัวออกจากหญิงสาวด้วยกลัวว่าเธอจะโวยวายกับสิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจเมื่อครู่แต่พอเห็นเธอยังนอนนิ่งหลับตาพริ้มก็ค่อยโล่งใจไปหน่อยและภาวนาว่าเธอจะจำเหตุการณ์ไม่ได้ไม่อย่างนั้นคงมองหน้ากันไม่ติดแน่
เมฆารีบปิดไฟและกลับมานอนที่โซฟาแต่เหตุการณ์เมื่อครู่ยังวนเวียนเป็นภาพในหัวตอนนี้จึงรู้สึกร้อนวูบวาบเล็กน้อยแม้นจะไม่ได้อยู่บนตัวของหญิงสาวนานแต่นั่นก็ทำให้เลือดความเป็นชายสูบฉีดได้มากเป็นพิเศษเหมือนกัน
“เมฆ..”
เมฆาเรียกชื่อตัวเองเสียงแข็งไม่ให้คิดอะไรไม่ดีแต่ยิ่งหลับตาใบหน้าจิ้มลิ้มและภาพที่เขาจูบหญิงสาวก็ยังลอยมาไม่เลิกจนแอบลอบกลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่าไม่คิดเหมือนกันว่าสาวเจ้าที่ไม่มีแว่นอยู่บนหน้าจะดูเป็นคนละคนและทำให้เขาประหม่าได้ขนาดนี้
ณิชาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าเธอรู้สึกหนักหัวมากเป็นพิเศษมือน้อยควานหาแว่นด้วยความเคยชินแต่ก็แอบแปลกใจที่ทำไมควานหาที่หัวนอนแล้วไม่เจอ“นี่”และแล้วก็มีใครบางคนยื่นแว่นมาใส่มือของเธอเป็นเมฆาที่พึ่งล้างหน้าแปรงฟันเสร็จและออกมาเห็นหญิงสาวตื่นและกำลังควานหาอะไรบางอย่างและเขาก็เดาออกว่าเธอคงจะหาแว่นไม่เจอจึงรีบเดินมาหยิบให้“พี่เมฆ”ณิชาสวมแว่นได้ก็เงยหน้ามองคนที่ยืนตรงหน้าด้วยความงุนงงทั้งมองไปรอบๆพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของเธอนึกย้อนไปเมื่อวานเธอจำได้ว่าไปนั่งที่บาร์แต่จำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเธอมาที่นี่ได้อย่างไร“จำได้หรือเปล่าว่าเมื่อคืน..เรา”ยังไม่ทันที่เมฆาจะได้อธิบายจบคนที่เห็นว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าของตัวเองและมาอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองไม่พ้นที่จะเปลืองตัวในขณะที่ไม่มีสติแน่“เมื่อคืน..เมื่อคืน”ณิชาเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มด้วยความผิดหวังไม่คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสในตอนที่เธอไม่ได้สติเลยเมื่อความโกรธเริ่มครอบงำสาวเจ้าก็รีบวิ่งไปเปิดประตูหมายจะหนีไปจากที่นี่ทันที“จะไปไหนผิง”เมฆาที่มองตามหลังคนตัวเล็กด้วยความตกใจและคิดว่าเธอคงกำลังเข้าใจผิดเขาแน่ถึงได้มีสีหน้าตกใจวิ่งออกไปแบบนั้
“ไปกับผม”“จะพาฉันไปไหน”ณจันทร์ที่หมายจะเดินหนีไปเดินเล่นกลับถูกจูงมือให้เดินตามไปหน้าตาเฉย“ตามมาเถอะน่า”ณจันทร์เดินตามนนทวัตรมาถึงท่าเรือเห็นเขาลงเรือไปและถูกเรียกกวักมือให้ลงเรือตามเธอก็มีสีหน้ามีความหวังอีกครั้งว่าชายหนุ่มอาจจะใจดีพาเธอออกไปจากที่นี่แล้ว“จะพากลับบ้านเหรอ”“นั่นเป็นเรื่องที่ผมจะทำยากที่สุดคุณก็รู้เพราะอะไร”นนทวัตรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะขับเรือออกจากท่า“แล้วพามาทำอะไร”“เปิดหูเปิดตา”“อารมณ์ไหนของคุณเนี่ย”สาวเจ้ายกมือเกาหัวแกรกๆแอบหวั่นใจว่าชายหนุ่มนั้นจะหาเรื่องอะไรแกล้งเธออีก อันที่จริงนนทวัตรไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรหญิงสาวเพียงแค่เขาอยากออกมาเปิดหูเปิดตาเองด้วยอยู่แต่ในบ้านหลังเล็กๆกับริมชายหาดวันนี้คิดอยากดูทิตย์ตกกลางทะเลจึงต้องลากเธอด้วยเรือยอร์ชขนาดกลางแล่นออกจากฝั่งไม่นานนักคนที่นั่งชมวิวไปเรื่อยอย่างณจันทร์ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่น่าตกใจและรีบสะกิดให้นนทวัตรหันไปดู“น.. นั่น”“บ้าจริง”ชายหนุ่มมีสีหน้าตื่นตระหนกไม่แพ้หญิงสาวเพราะตอนนี้ที่ลานหินสูงหน้าเกาะกำลังมีคนกระโดดลงมาและเขาเชื่อว่าคงไม่ได้มากระโดดน้ำเล่นแน่จึงรีบหันหัวเรือไปยังจุดที่มีคนกร
เช้าวันต่อมาก๊อกๆๆนนทวัตรพอจะยิ้มออกเมื่อมาเคาะประตูห้องที่เขาเคาะเปิดออกมาเป็นหน้าของหญิงสาวเท่ากับว่าตอนนี้เขาเชื่อใจของเธอได้พอสมควร“จะไปแล้วเหรอคะ”“อืม.. นี่..คุณตาบวมขนาดนี้เลยเหรอ”ตอนนี้สิ่งที่นนทวัตรสนใจคือเรื่องใบหน้าของหญิงสาวมากกว่าที่ดูบวมจนเขารับรู้ได้ว่าเมื่อคืนเธอคงร้องให้หนักแน่นอน“ช่างมันเถอะค่ะ”นนทวัตรและณจันทร์ไปรับทะเลออกจากโรงพยาบาลในช่วงสายตอนนี้เจ้าเด็กชายตัวกลมวัยหกเดือนไม่มีของใช้อะไรสักอย่างทั้งสองจึงต้องแวะหาซื้อของใช้และนมผงของเด็กก่อนที่จะลงเรือไปยังเกาะ“แพมเพิสอันนี้ใช่หรือเปล่า”ณจันทร์ที่กำลังอุ้มเจ้าก้อนกลมที่กำลังหลับปุ๋ยเธอรีบส่ายหัวกับสิ่งที่นนทวัตรได้หยิบมา“อันนี้ของผู้หญิงค่ะ.. เลือกของเด็กผู้ชายมาสิคะ”“คุณทั้งสองมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”พนักงานเห็นท่าชายหนุ่มเก้ๆกังๆและหญิงสาวที่ดูจะเลือกของเป็นแต่ไม่ค่อยถนัดเท่าไรเพราะอุ้มเด็กเล็กจึงรีบเข้ามาช่วยทันที“เอ่อ..ฉันขอนมผงของเด็กหกเดือนสัก5กล่องค่ะแล้วก็ขวดนมขวดใหญ่สามขวดกับขวดเล็ก2ขวดค่ะทิชชู่เช็ดก้นกับมหาหิงส์ด้วยนะคะ”นนทวัตรยืนจ้องหญิงสาวด้วยสายตาที่ทึ่งในตัวเธออีกครั้งไอ้คำว่าช่วยเขาเลี้ยงเด
“สร้อยไม่เห็นเคยบอกฉันเรื่องนี้มาก่อนเลย”แก้วเกตเอ่ยกับเปรมด้วยท่าทางไม่สบายใจเพราะไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะเขียนพินัยกรรมเรื่องการคลุมถุงชนหลานทั้งสองขึ้นมา“คุณสร้อยเชื่อใจคุณแก้วเกตที่สุดครับเลยเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมา”เปรมรู้ดีว่าจุดประสงค์ของสร้อยแสงดาวคือต้องการให้ทายาทคนสุดท้ายของเธออยู่ในหูในตาของคนที่ไว้ใจได้และสมบัติของเธอที่ตกทอดมาก็อยากจะให้อยู่ในความดูแลของแก้วเกตเช่นกันจึงเขียนพินัยกรรมออกมาเช่นนี้“ล..แล้วเด็กสองคนพึ่งจะเจอกันจะให้แต่งงานเลยเหรอ”ระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกันกวินและพราวมุกมีหันมาสบตากันบ้างแต่ต่างคนก็ต่างหลบสายตากันอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะต้องมาแต่งงานกันกะทันหัน“เรื่องโรงพยาบาลยายคืนให้หนูได้นะลูกแต่เรื่องเงินสองพันล้านหนูพราวต้องตัดสินใจเอาเองแล้วล่ะ”แก้วเกตหันมาคุยกับพราวมุกเรื่องโรงพยาบาลเธอพร้อมที่จะยกให้ทายาทของสร้อยแสงดาวอยู่แล้วแต่เรื่องเงินสองพันล้านเห็นทีเธอจะช่วยอะไรไม่ได้เพราะอยู่ที่คนสองคนจะตัดสินใจกันแล้ว“ผมต้องตัดสินใจด้วยสิครับคุณย่า..ผมพึ่งเจอกับคุณพราวไม่กี่ครั้งเองจะให้มาแต่งงานกันได้ยังไง”“ใช่ค่ะ”พราวมุกเห็นด้วยก
“ผมบดข้าวกับตับให้ทะเลเรียบร้อยแล้วนะ”หลังจากที่พาทะเลกลับมาที่บ้านได้นนทวัตรถือถ้วยข้าวที่เขาพึ่งบดเสร็จออกมานั่งพร้อมหน้ากับหญิงสาวและเจ้าก้อนกลม“ขอบคุณค่ะ”ณจันทร์ยื่นมือรับถ้วยข้าวที่มือของชายหนุ่มแต่เขาก็ไม่ยอมให้เธอเสียอย่างนั้นก่อนจะเข้ามานั่งตรงหน้าเจ้าตัวกลมที่นั่งอยู่บนรถเข็นแทน“วันนี้ผมขอป้อนเค้าบ้างได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“อืม.. ฟู่”ข้าวบดคำโตที่เข้าปากเด็กชายไปตอนนี้ได้กระเด็นมาอยู่บนหน้าของนนทวัตรทั้งหมด“ทะเล”นนทวัตรรีบหันหน้าหลบร้องเสียงหลงด้วยความตกใจที่จู่ๆก็ถูกเจ้าตัวกลมจู่โจมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว“เลอะหมดเลย”ณจันทร์รีบหยิบทิชชู่เปียกเช็ดหน้าให้ชายหนุ่มทันทีและคิดว่าทะเลน่าจะไม่ชอบรสชาติของตับบดถึงได้พ่นออกมาแบบนี้“ทะเลน่าจะไม่ค่อยชอบรสชาติของตับบดน่ะค่ะเดี๋ยวฉันลองเอาฟักทองบดรวมดู”ณจันทร์เช็ดเหน้าให้นนทวัตรเรียบร้อยเธอจึงรีบเดินถือถ้วยข้าวเข้าไปในครัวใหม่เพื่อนำฟักทองที่ต้มแช่ตู่เย็นเอาไว้มาอุ่นและบดรวมไปกับข้าวของเด็กชายอีกครั้ง“แกล้งลุงเหรอห้ะ..เดี๋ยวก็ไม่ให้กินนมซะหรอก”นนทวัตรหันมาหยอกล้อเล่นกับเจ้าตัวกลมหลังจากที่หญิงสาวให้หลังไปแล้ว“แอ้ะ..”เจ้าแก้มยุ
“อืม..แต่ผมขอคุณอย่างเดียวขอแค่มีแค่ผมเท่านั้น”“ฉันยืนยันกับคุณอีกครั้งนะคะ...ว่าฉันเลิกกับไทม์แล้วจริงๆสิ่งที่คุณเห็นอาจจะเป็นเพราะไทม์อยากจะให้เราทะเลาะกันส่วนวันนั้นที่คุณเจอฉันที่ร้านอาหารกับผู้ชายคนอื่นมันไม่มีอะไรจริงๆค่ะ”“ผมจะเชื่อคุณอีกสักครั้ง..ต่อไปนี้เราสงบศึกกันแล้วมาเรียนรู้กันให้มากขึ้นโอเคไหม”“ค่ะ”ร่างบางถูกรวบกอดเอาไว้แน่นคราแรกเธอตกใจพอสมควรแต่เมื่อได้รับอ้อมกอดที่อ่อนโยนอบอุ่นเธอก็เริ่มยิ้มออกมาได้..หญิงสาวเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าทำไมถึงได้เขินสายตาของชายหนุ่มแถมตอนนี้ยังไม่รู้สึกกลัวเขาอย่างก่อนหน้าว่าคงเป็นเพราะเธอน่าจะเริ่มมีใจให้ชายหนุ่มไปแล้วแน่นอนแอบตำหนิตัวเองที่เผลอใจจนได้แต่อีกใจก็ส่งเสียงบอกกับเธอว่าหากตอนนี้เป็นเวลาที่เธอจะได้มีความสุขก็ตักตวงมันไปให้เต็มที่เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันอย่างน้อยเธอก็มีเรื่องดีๆของเขาให้จดจำอาทิตย์ต่อมาธนกรเหมือนคนบ้าที่ตามหาปานตะวันไปทั่วไม่ว่าจะไปหาเธอที่บ้านแต่ก็ถูกสารภีไล่กลับและบอกคำเดียวว่าปานตะวันไปต่างประเทศเขาไม่เคยเชื่อคำพูดของสารภีเพราะรู้ว่าตอนที่เขาคบกับปานตะวันเธอไม่ชอบหน้าเขาอยู่แล้ว นาทีนี้คนที่เขาจะขอความช่ว
วันต่อมา“หลับหรือยัง”นนทวัตรเดินมาชะเง้อหน้ามองหญิงสาวที่กำลังป้อนนมเจ้าตัวกลมที่จะหลับไม่หลับแหล่อยู่ที่หน้าประตูห้องนอน“กำลังจะหลับค่ะ”ณจันทร์เอ่ยกระซิบตอบกลับคนที่กำลังเดินเข้ามาหาเธอ“ผมลืมบอกคุณ..ลุงโนชบอกว่าอีกไม่กี่วันหมอก็จะให้ยิหวากลับแล้ว”“เหรอคะ..ฉันคงต้องคิดถึงทะเลมากๆแน่เลย”ณจันทร์ก้มมองหน้าเจ้าตัวกลมในอ้อมอกแอบใจหายเหมือนกันที่เธอจะไม่ได้เจอทะเลอีกแล้ว“เดี๋ยวผมจะพามาหาบ่อยๆดีหรือเปล่า”“ค่ะ”สาวเจ้าเริ่มมีแววตาไหววูบด้วยรู้ตัวว่าคงไม่มีเหตุที่จะต้องมาที่นี่อีกเพราะเมื่อกลับไปแล้วเธอก็คงจะได้กลับไปใช้ชีวิตเป็นณจันทร์คนเดิมซ่า.. ซ่าา.. ช่วงเย็นแดดร่มลมตกณจันทร์อุ้มทะเลมานั่งเล่นที่ชายหาดเพื่อปล่อยให้หนูน้อยได้คลานเล่นกับธรรมชาติส่วนเธอก็ทำหน้าที่เป็นตากล้องเก็บภาพแห่งความสุขเอาไว้แทบจะตลอดเวลาเมื่อรู้ตัวว่าจะต้องไปจากที่นี่ในอีกไม่เท่าไร“ทะเลยิ้มให้น้าหน่อยสิครับ”“แอ้..”เจ้าตัวกลมหัวเราะร่าเล่นกล้องเรียกรอยยิ้มณจันทร์ให้ยิ้มตามได้เป็นอย่างดี“คุณ..”จู่ๆนนทวัตรก็กระโดดโผล่มาที่หน้ากล้องมือถือของณจันทร์ทำเอาสาวเจ้าตกอกตกใจจนแทบทำมือถือล่วง“คุณนน..ตกใจหมดค่ะ”“ถ
“จันทร์ขึ้นมาเร็ว”ณจันทร์ขมวดคิ้วมองพราวมุกที่กำลังเปิดประจกรถส่งเสียงเรียกเธอพร้อมกับณิชา“เอารถใครมารับเค้าเนี่ย”ณจันทร์ยืนเกาหัวแกลกๆที่ริมฟุตบาท“รถเค้าเองขึ้นมาเร็วๆจะพาไปดูบ้านใหม่”“บ้านใหม่”“งงล่ะสิเรื่องมันยาวเดี๋ยวถึงบ้านจะเล่าให้ฟัง..ขึ้นมาก่อนเร็ว”เมื่อณจันทร์ขึ้นรถมาได้พราวมุกก็รีบบึ่งพาเพื่อนไปที่บ้านหลังใหญ่ของตระกูลคุณยายเธอทันทีและหน้าที่อธิบายเรื่องราวทุกอย่างก็เป็นหน้าที่ของณิชากว่าจะเล่ากันจบทั้งสามก็มาถึงที่บ้านกันเรียบร้อยแล้ว“ตัวเป็นถึงทายาทเศรษฐีเลยเหรอ”ณจันทร์ที่นั่งอยู่บนโซฟาตัวหรูหันมาจับตัวพราวมุกและมองไปรอบๆอีกครั้ง“ใช่ตอนแรกเค้าก็ไม่อยากจะเชื่อแต่มันก็เป็นไปแล้วและนี่ก็คือบ้านของเรา”“ใหญ่โตขนาดนี้ทำความสะอาดยังไงไหวล่ะเนี่ย”“เค้าก็ว่างั้นแล้วก็ไม่อยากเสียเงินจ้างแม่บ้าน..เค้าเลยไปดูบ้านใหม่เอาไว้แล้ว”“ซื้อใหม่”“ใช่..”พราวมุกพยักหน้าหงึกหงักเธอไม่ได้คิดจะอยู่บ้านหลังนี้ถาวรเพราะใหญ่โตเกินไปและไม่ได้คิดอยากจะชีวิตแบบผู้ดีที่มีแม่บ้านหรือคนรถมาคอยรองมือรองเท้าจึงคิดว่าจะไปหาซื้อบ้านหลังที่ไม่ใหญ่มากพอจะให้เธอและเพื่อนทั้งสองอยู่กันได้อย่างสบายก็พ