“เกาะเล็กครับ”
“ทำแบบนี้ได้ยังไงยังไม่ได้แต่งกับลูกสาวเค้าเลยพากันไปแบบนี้เสียหน้าฉันหมดกัน”
“ใจเย็นๆค่ะคุณลูกเราแค่อยากจะทำความรู้จักกับหนูตะวันให้มากขึ้นก็ได้..เอาแบบนี้ก็ได้ค่ะกลับมาก็จับแต่งกันไปเลยเป็นการให้เกียรติทางบ้านหนูตะวันด้วย”
อนงค์นาถพยายามกล่อมให้สามีของเธอใจเย็นลงในเมื่อเรื่องมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เธอก็เห็นว่าจะต้องแสดงความรับผิดชอบกับเรื่องนี้ให้ดีที่สุด
“อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน”
ภัทรพลเห็นด้วยกับภรรยาถ้ารู้ว่าลูกชายตนจะทำแบบนี้เขาไม่ปล่อยให้แค่จัดงานหมั้นคงจับให้แต่งไปให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยจะได้ไม่ต้องมาเกรงใจทางบ้านของโสภิตาที่ลูกชายทำอะไรตามใจตัวเองเช่นนี้
สองสาวนั่งหน้าห่อเหี่ยวกันอยู่ที่ห้องเช่าเพราะเป็นห่วงณจันทร์หลังจากที่เธอโทรหาโสภิตาให้โทรถามทางบ้านของนนทวัตรว่าชายหนุ่มจะพาเพื่อนเธอกลับมาเมื่อไรกลับได้คำตอบว่าไม่มีกำหนดแถมยังติดต่อไม่ได้แบบนี้พวกเธอก็ค่อนข้างเป็นกังวลขึ้นกว่าเดิมเยอะ
“จันทร์จะไม่เป็นอะไรใช่ไหมไปกับคุณนนสองต่อสองแบบนั้น”
ณิชาหันมามองหน้าพราวมุกเธอไม่อยากจะคิดอะไรที่มันไม่ดีอีกแต่มันก็อดคิดไม่ได้เพราะตอนนี้เพื่อนของเธอก็ถูกนนทวัตรเข้าใจว่าเป็นคู่หมั้นของเขา
“อย่าพึ่งคิดอะไรไปก่อนเลยจันทร์โตแล้วนะเค้าเชื่อว่าจันทร์รู้ว่าควรดูแลตัวเองยังไง”
พราวมุกมีแอบคิดแบบณิชาเหมือนกันแต่เธอก็เชื่อว่าณจันทร์ยังมีไม้มีมือหากใครจะทำอะไรไม่สมควรเธอต้องปกป้องตัวเองได้แน่และยังเชื่อเหมือนเดิมว่านนทวัตรจะต้องมีความเป็นสุภาพบุรุษในตัวสูง
“พี่สาคะตกลงนักสืบที่เราจ้างไปไม่มีอะไรคืบหน้าจริงๆใช่หรือเปล่าคะ”
เป็นอีกวันที่โสภิตายังคงเครียดหนักเพราะไม่มีวี่แววว่าจะตามตัวปานตะวันเจอแถมถ้ายังไม่เจอลูกเธออยู่แบบนี้ณจันทร์ก็จะต้องมาสวมรอยเป็นปานตะวันอยู่เรื่อยไป
“เค้าก็รายงานพี่มาแบบนั้นนะ..พี่บอกแล้วไงให้ใจเย็นๆ”
สารภีว่าพร้อมยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มด้วยท่าทีไม่ได้กังวลอะไร
“หรือโสจะไปบอกความจริงกับครอบครัวคุณพลดีเพราะโสไม่อยากให้หนูจันทร์ต้องมาเดือดร้อนเพราะเรื่องของบ้านเราแล้ว”
โสภิตาเริ่มคิดว่าไม่อนากจะหลอกลวงใครอีกต่อไปเพราะแค่เครียดเรื่องตามหาลูกไม่เจอก็แทบนอนไม่หลับอยู่แล้วนี่ยังต้องกังวลเรื่องที่จะต้องปั้นหน้าหลอกครอบครัวของเพื่อนสามีอีก
“อย่าลืมสิโสว่าเราทำทุกอย่างก็เพื่อช่วยพยุงบริษัทที่คุณรุจรักและบริษัทนี่ก็จะเป็นสมบัติเอาไว้ให้ตะวันเราเดินมาถึงจุดนี้กันแล้วจะปล่อยให้สิ่งที่ทำมาเสียเปล่าไม่ได้นะโส..ส่วนเรื่องณจันทร์ถ้าเธอกลับมาเราก็ให้เงินพิเศษเธอเป็นค่าตอบแทนก็ได้ที่ยอมเล่นละครต่อ”
“ก็ได้ค่ะ”
สารภีไม่เห็นด้วยกับความคิดน้องสาวเธออย่างมากในเมื่อขึ้นหลังเสือแล้วจะมายอมงง่ายๆคงไม่ดีแน่โสภิตาเมื่อถูกคนเป็นพี่เตือนสติเข้าเธอก็ตามสารภีไปโดยไม่ได้ค้านอะไร
ครื่น...ซ่าาา..
คืนนี้ที่เกาะเหมือนจะมีพายุเข้าเพราะลมแรงตั้งแต่ช่วงเย็นจนถึงเข้าฟ้ามืดลมฟ้าลมฝนก็เหมือนจะแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ฝนตกก็หนาวเหมือนกันนะเนี่ย”
ณจันทร์นอนกอดผ้าห่มผืนไม่หนามากขดอยู่ที่โซฟาแม้นจะไม่ได้เห็นอะไรข้างนอกเธอก็พอจะเดาได้ว่าฟ้าฝนข้างนอกแรงน่าดูเพราะดูจากฟ้าที่แล่บและและส่งเสียงร้องคำรามไม่หยุด
ฟึ่บบ “อ้าว..ดับซะงั้น”
คนที่กำลังจะข่มตาหลับลงจู่ๆโคมไฟที่ส่งแสงสลัวอยู่มุมข้างโซฟาก็ดับลงสาวเจ้าไม่ได้ใส่ใจเรื่องไฟฟ้าเพราะเธอก็ไม่จำเป็นต้องใช้พัดลมหรือแสงสว่างจากโคมไฟในคืนนี้เพราะกำลังจะนอนแล้ว
“ตะวัน..ตะวัน”
“มีอะไรคะ”
สาวเจ้าลุกขึ้นพรวดหลังจากที่กำลังจะหลับตาลงอีกรอบเพราะได้ยินเสียงนนทวัตรเรียกดังมาจากข้างในห้อง
“ตะวัน..คุณอยู่ไหน”
เสียงของชายหนุ่มแม้นจะดังแต่ดูสั่นเครือเหมือนคนที่กำลังตื่นกลัวอะไรสักอย่างจนณจันทร์รับรู้ได้
“คุณนน.. เรียกฉันทำไม”
หญิงสาวค่อยๆเดินไปยืนแนบใกล้กับหน้าประตูห้องของชายหนุ่มและตะโกนถามอีกฝ่าย
“ผมกลัวความมืดเข้ามาหาผมหน่อย”
เสียงของนนทวัตรเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆจนณจันทร์รู้ว่าอีกฝ่ายคงกลัวมากเธอจึงไม่ตะขิดตะขวงใจที่จะเข้าไปในห้องของเขา
แกร๊กก
“คุณอยู่ตรงไหน”
“ผมอยู่ที่เตียง”
ณจันทร์ค่อยๆเดินไปตามเสียงของชายหนุ่มที่ส่งมาหาเธอจนเข้าถึงตัวของเขาได้และเข้าไปนั่งใกล้ๆ
“ฉันอยู่นี่ค่ะ..คุณกลัวความมืดมากเลยเหรอคะ”
ณจันทร์ถูกนนทวัตรจับมือเอาไว้แน่นความสั่นเทาจากร่างกายชายหนุ่มทำณจันทร์ต้องรีบวาดมือลูบหลังให้นนทวัตรได้ผ่อนคลายความกลัวลง
“ผมไม่ชอบอยู่ในที่มืดตั้งแต่เด็กแล้ว”
ชายหนุ่มเริ่มที่จะกลับมาตั้งสติและพยายามหายใจให้เป็นจังหวะปกติเมื่อมีคนอยู่ใกล้ๆ
“ฉันจะอยู่ข้างๆคุณ...ค่อยๆหายใจเข้าออกลึกๆนะคะ”
“อืม..”
“คุณทานยาก่อนนอนหรือยังคะ”
ณจันทร์ปล่อยให้นนทวัตรได้หายใจหายคอให้เป็นปกติครู่หนึ่งก่อนจะหาเรื่องคุยกับเขาเพื่อที่จะทำให้นนทวัตรไม่ต้องจดจ่ออยู่กับการกลัวความมืดอย่างเดียว
“เรียบร้อยแล้ว”
“แล้วพรุ่งนี้คุณอยากทานอะไรคะฉันจะได้ตื่นมาทำให้”
“ข้าวต้มเหมือนเดิมก็ได้”
“ติดใจฝีมือฉันงั้นสิ”
“ก็ยอมรับว่าคุณมีฝีมือการทำอาหาร”
“ขอบคุณที่ชม...เอ่อ..แล้วฉันจะปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวได้ตอนไหน”
“ถ้าห้องยังไม่มีแสงสว่างผมก็ไม่โอเค”
“ทำไมคุณถึงกลัวขนาดนี้ล่ะคะ”
ณจันทร์พอจะรู้ว่าชายหนุ่มเริ่มผ่อนคลายความกลัวมากแล้วเพราะดูจากน้ำเสียงที่เริ่มนิ่งเหมือนเดิมเธอจึงอยากจะรู้ว่าทำไมเขาถึงได้กลัวกับความมืดแบบนี้
“ตอนเด็กๆถูกพี่ผมแกล้งปล่อยไว้คนเดียวที่มืดๆเลยเป็นความกลัวตั้งแต่นั้นมา..คุณคงตลกมากสินะ”
ตอนนั้นนนทวัตรจำได้ดีที่ถูกณดลพี่ชายคนโตแกล้งตอนไปที่ไร่ของปู่เขาถูกขังอยู่ที่กระท่อมท้ายไร่ตอนมีงานเลี้ยงช่วงกลางคืนกว่าพ่อและแม่ของเขาจะตามไปช่วยเขาก็ร้องให้จนหลับไปแล้วหลังจากนั้นพี่ชายของเขาก็ถูกตีจนก้นลายและถูกหักค่าขนมกักบริเวณจนพี่ชายของเขาเข็ดและไม่กล้าที่จะแกล้งเขาอีกเลยแต่นั่นมันก็ทำให้เขามีปมกลัวความมืดตั้งแต่นั้นมาจนทุกคืนที่นอนจะต้องมีแสงไฟให้เห็นตลอดแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี
“ฉันไม่ตลกกับความกลัวของคนอื่นหรอกค่ะ”
ณจันทร์ไม่ได้คิดจะขบขันชายหนุ่มเรื่องความกลัวของเขาหรือแม้แต่ความกลัวของคนอื่นเพราะเธอรู้ดีว่าต่างคนต่างก็มีเรื่องเป็นปมในใจของตัวเองเหมือนกับเธอที่กลัวความสูงจนถึงขั้นเป็นลมมาแล้วหลายครั้ง สองหนุ่มสาวพูดคุยกันไปพักใหญ่จนลมฟ้าลมฝนเริ่มซาลงด้วยความเพลียและไม่รู้จะหาเรื่องอะไรมาคุยกันแล้วจึงผลอยหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้ตัวกันทั้งคู่
วันต่อมาตอนนี้นนทวัตรตื่นแล้วแต่เขายังคงจ้องมองคนที่หลับตาพริ้มและยังคงจับมือของเขาอยู่ไม่ปล่อยมุมปากหนาเริ่มมีรอยยิ้มเล็กน้อยกับภาพที่กำลังมองแอบคิดในใจว่าเวลาหญิงสาวหลับก็ดูน่ารักเหมือนกันผิดกับตอนที่ต่อปากต่อคำกับเขาเป็นไหนๆ“คุณนน..ตื่นแล้วเหรอคะ”ณจันทร์รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาได้นนทวัตรก็รีบตีสีหน้าปกติและหันไปสายตาเหลือบมองทางอื่นแทนไม่อยากให้หญิงสาวรับรู้ว่าเขากำลังสนใจใบหน้าของเธออยู่“ฉันไปทำอาหารเช้าให้นะคะคุณไปล้างหน้าล้างตาเตรียมทานข้าวจะได้ทานยานะคะ”ณจันทร์เห็นแสงสว่างที่ผ่านมาทางม่านของหน้าต่างก็พอจะรู้ว่าวันนี้เธอน่าจะตื่นสายจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงเพื่อจะไปเตรียมตัวทำอาหารเช้าชายหนุ่มจะได้ทานข้าวและทานยาตรงเวลานนทวัตรมองตามหลังคนที่ลุกลี้ลุกลนทั้งบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆยอมรับว่าเริ่มมองเธอดีขึ้นมาบ้างจากเหตุการณ์เมื่อคืน“ถ้าผมไม่เจ็บเพราะคุณ.. คุณจะดีกับผมแบบนี้หรือเปล่าตะวัน”แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่แน่ใจว่าที่หญิงสาวดีกับเขาเพราะรู้ตัวว่าทำเขาเจ็บหรือมาจากนิสัยจริงๆของเธอกันแน่ซุปเปอร์XX“หนมผิง”เมฆาเดินลากรถเข็นเข้ามาหาณิชาเมื่อเห็นว่าเธอกำลังง่วนอยู่กับการเลือกซื้อผักผลไม้
Rrrrr“ว่าไงพราว..หนมผิงกลับไปหลายชั่วโมงแล้วนะยังไม่ถึงห้องอีกเหรอ”เมฆาเริ่มมีสีหน้ากังวลหลังจากพราวมุกโทรมาถามว่าณิชาจะกลับตอนไหนและทำไมถึงติดต่อณิชาไม่ได้“ยังค่ะ..พราวโทรหาก็ไม่รับ”“เดี๋ยวพี่ให้เพื่อนเช็คสัญญาณจากมือถือผิงถ้าเจอเดี๋ยวพี่ไปส่งหนมผิงเองพราวไม่ต้องห่วง”“ค่ะพี่เมฆ”หลังคุยกับพราวมุกจบเมฆาก็ลองโทรหาณิชาแต่ปรากฏว่าเธอก็ไม่รับสายเขาเช่นกันจึงรีบโทรหาเพื่อนที่เป็นตำรวจทันทีเพราะรู้สึกเป็นห่วงณิชาพอสมควรคราแรกคิดว่าเธอถึงห้องพักแล้วเสียอีก“อาม..ฉันมีเรื่องให้แกช่วย”หลังจากเมฆาโทรหาอานนท์เพื่อนที่เป็นตำรวจให้เช็คสัญญาณมือถือของณิชาว่าอยู่ที่ตำแหน่งไหนหลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมงเมฆาก็รู้ที่อยู่ของณิชาและรีบออกไปหาเธอทันทีณิชามานั่งดื่มที่บาร์ได้ร่วมชั่วโมงกว่าแล้วที่เธอเข้ามาในร้านแบบนี้ทั้งที่ไม่เคยเข้าเพราะอยากรู้ว่าความเมามันจะทำให้เธอลืมเรื่องปวดหัวใจไปได้หรือเปล่าแต่เหมือนมันก็ยังลืมไม่ได้อยู่ดี“ทำไม.. อึก.. ทำไมทำจายม่ายด้ายสักทีนะ”สาวเจ้าถือแก้วเครื่องดื่มเอาไว้แน่นแต่ตัวของเธอฟุบอยู่บนโต๊ะแทบยกหัวตัวเองไม่ขึ้นแล้วแม้นจะไม่ได้ดื่มไปเยอะแต่คนที่ไม่เคยดื่มอย่า
ณิชาสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาในช่วงเช้าเธอรู้สึกหนักหัวมากเป็นพิเศษมือน้อยควานหาแว่นด้วยความเคยชินแต่ก็แอบแปลกใจที่ทำไมควานหาที่หัวนอนแล้วไม่เจอ“นี่”และแล้วก็มีใครบางคนยื่นแว่นมาใส่มือของเธอเป็นเมฆาที่พึ่งล้างหน้าแปรงฟันเสร็จและออกมาเห็นหญิงสาวตื่นและกำลังควานหาอะไรบางอย่างและเขาก็เดาออกว่าเธอคงจะหาแว่นไม่เจอจึงรีบเดินมาหยิบให้“พี่เมฆ”ณิชาสวมแว่นได้ก็เงยหน้ามองคนที่ยืนตรงหน้าด้วยความงุนงงทั้งมองไปรอบๆพบว่าที่นี่ไม่ใช่ห้องของเธอนึกย้อนไปเมื่อวานเธอจำได้ว่าไปนั่งที่บาร์แต่จำไม่ได้ว่าหลังจากนั้นเธอมาที่นี่ได้อย่างไร“จำได้หรือเปล่าว่าเมื่อคืน..เรา”ยังไม่ทันที่เมฆาจะได้อธิบายจบคนที่เห็นว่าตัวเองไม่ได้ใส่เสื้อผ้าของตัวเองและมาอยู่ในห้องกับผู้ชายสองต่อสองไม่พ้นที่จะเปลืองตัวในขณะที่ไม่มีสติแน่“เมื่อคืน..เมื่อคืน”ณิชาเงยหน้ามองคนที่ยืนยิ้มด้วยความผิดหวังไม่คิดว่าเขาจะฉวยโอกาสในตอนที่เธอไม่ได้สติเลยเมื่อความโกรธเริ่มครอบงำสาวเจ้าก็รีบวิ่งไปเปิดประตูหมายจะหนีไปจากที่นี่ทันที“จะไปไหนผิง”เมฆาที่มองตามหลังคนตัวเล็กด้วยความตกใจและคิดว่าเธอคงกำลังเข้าใจผิดเขาแน่ถึงได้มีสีหน้าตกใจวิ่งออกไปแบบนั้
“ไปกับผม”“จะพาฉันไปไหน”ณจันทร์ที่หมายจะเดินหนีไปเดินเล่นกลับถูกจูงมือให้เดินตามไปหน้าตาเฉย“ตามมาเถอะน่า”ณจันทร์เดินตามนนทวัตรมาถึงท่าเรือเห็นเขาลงเรือไปและถูกเรียกกวักมือให้ลงเรือตามเธอก็มีสีหน้ามีความหวังอีกครั้งว่าชายหนุ่มอาจจะใจดีพาเธอออกไปจากที่นี่แล้ว“จะพากลับบ้านเหรอ”“นั่นเป็นเรื่องที่ผมจะทำยากที่สุดคุณก็รู้เพราะอะไร”นนทวัตรตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยก่อนจะขับเรือออกจากท่า“แล้วพามาทำอะไร”“เปิดหูเปิดตา”“อารมณ์ไหนของคุณเนี่ย”สาวเจ้ายกมือเกาหัวแกรกๆแอบหวั่นใจว่าชายหนุ่มนั้นจะหาเรื่องอะไรแกล้งเธออีก อันที่จริงนนทวัตรไม่ได้คิดจะแกล้งอะไรหญิงสาวเพียงแค่เขาอยากออกมาเปิดหูเปิดตาเองด้วยอยู่แต่ในบ้านหลังเล็กๆกับริมชายหาดวันนี้คิดอยากดูทิตย์ตกกลางทะเลจึงต้องลากเธอด้วยเรือยอร์ชขนาดกลางแล่นออกจากฝั่งไม่นานนักคนที่นั่งชมวิวไปเรื่อยอย่างณจันทร์ก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่น่าตกใจและรีบสะกิดให้นนทวัตรหันไปดู“น.. นั่น”“บ้าจริง”ชายหนุ่มมีสีหน้าตื่นตระหนกไม่แพ้หญิงสาวเพราะตอนนี้ที่ลานหินสูงหน้าเกาะกำลังมีคนกระโดดลงมาและเขาเชื่อว่าคงไม่ได้มากระโดดน้ำเล่นแน่จึงรีบหันหัวเรือไปยังจุดที่มีคนกร
เช้าวันต่อมาก๊อกๆๆนนทวัตรพอจะยิ้มออกเมื่อมาเคาะประตูห้องที่เขาเคาะเปิดออกมาเป็นหน้าของหญิงสาวเท่ากับว่าตอนนี้เขาเชื่อใจของเธอได้พอสมควร“จะไปแล้วเหรอคะ”“อืม.. นี่..คุณตาบวมขนาดนี้เลยเหรอ”ตอนนี้สิ่งที่นนทวัตรสนใจคือเรื่องใบหน้าของหญิงสาวมากกว่าที่ดูบวมจนเขารับรู้ได้ว่าเมื่อคืนเธอคงร้องให้หนักแน่นอน“ช่างมันเถอะค่ะ”นนทวัตรและณจันทร์ไปรับทะเลออกจากโรงพยาบาลในช่วงสายตอนนี้เจ้าเด็กชายตัวกลมวัยหกเดือนไม่มีของใช้อะไรสักอย่างทั้งสองจึงต้องแวะหาซื้อของใช้และนมผงของเด็กก่อนที่จะลงเรือไปยังเกาะ“แพมเพิสอันนี้ใช่หรือเปล่า”ณจันทร์ที่กำลังอุ้มเจ้าก้อนกลมที่กำลังหลับปุ๋ยเธอรีบส่ายหัวกับสิ่งที่นนทวัตรได้หยิบมา“อันนี้ของผู้หญิงค่ะ.. เลือกของเด็กผู้ชายมาสิคะ”“คุณทั้งสองมีอะไรให้ช่วยไหมคะ”พนักงานเห็นท่าชายหนุ่มเก้ๆกังๆและหญิงสาวที่ดูจะเลือกของเป็นแต่ไม่ค่อยถนัดเท่าไรเพราะอุ้มเด็กเล็กจึงรีบเข้ามาช่วยทันที“เอ่อ..ฉันขอนมผงของเด็กหกเดือนสัก5กล่องค่ะแล้วก็ขวดนมขวดใหญ่สามขวดกับขวดเล็ก2ขวดค่ะทิชชู่เช็ดก้นกับมหาหิงส์ด้วยนะคะ”นนทวัตรยืนจ้องหญิงสาวด้วยสายตาที่ทึ่งในตัวเธออีกครั้งไอ้คำว่าช่วยเขาเลี้ยงเด
“สร้อยไม่เห็นเคยบอกฉันเรื่องนี้มาก่อนเลย”แก้วเกตเอ่ยกับเปรมด้วยท่าทางไม่สบายใจเพราะไม่คิดว่าเพื่อนเธอจะเขียนพินัยกรรมเรื่องการคลุมถุงชนหลานทั้งสองขึ้นมา“คุณสร้อยเชื่อใจคุณแก้วเกตที่สุดครับเลยเขียนพินัยกรรมฉบับนี้ขึ้นมา”เปรมรู้ดีว่าจุดประสงค์ของสร้อยแสงดาวคือต้องการให้ทายาทคนสุดท้ายของเธออยู่ในหูในตาของคนที่ไว้ใจได้และสมบัติของเธอที่ตกทอดมาก็อยากจะให้อยู่ในความดูแลของแก้วเกตเช่นกันจึงเขียนพินัยกรรมออกมาเช่นนี้“ล..แล้วเด็กสองคนพึ่งจะเจอกันจะให้แต่งงานเลยเหรอ”ระหว่างที่ผู้ใหญ่คุยกันกวินและพราวมุกมีหันมาสบตากันบ้างแต่ต่างคนก็ต่างหลบสายตากันอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่ที่จะต้องมาแต่งงานกันกะทันหัน“เรื่องโรงพยาบาลยายคืนให้หนูได้นะลูกแต่เรื่องเงินสองพันล้านหนูพราวต้องตัดสินใจเอาเองแล้วล่ะ”แก้วเกตหันมาคุยกับพราวมุกเรื่องโรงพยาบาลเธอพร้อมที่จะยกให้ทายาทของสร้อยแสงดาวอยู่แล้วแต่เรื่องเงินสองพันล้านเห็นทีเธอจะช่วยอะไรไม่ได้เพราะอยู่ที่คนสองคนจะตัดสินใจกันแล้ว“ผมต้องตัดสินใจด้วยสิครับคุณย่า..ผมพึ่งเจอกับคุณพราวไม่กี่ครั้งเองจะให้มาแต่งงานกันได้ยังไง”“ใช่ค่ะ”พราวมุกเห็นด้วยก
“ผมบดข้าวกับตับให้ทะเลเรียบร้อยแล้วนะ”หลังจากที่พาทะเลกลับมาที่บ้านได้นนทวัตรถือถ้วยข้าวที่เขาพึ่งบดเสร็จออกมานั่งพร้อมหน้ากับหญิงสาวและเจ้าก้อนกลม“ขอบคุณค่ะ”ณจันทร์ยื่นมือรับถ้วยข้าวที่มือของชายหนุ่มแต่เขาก็ไม่ยอมให้เธอเสียอย่างนั้นก่อนจะเข้ามานั่งตรงหน้าเจ้าตัวกลมที่นั่งอยู่บนรถเข็นแทน“วันนี้ผมขอป้อนเค้าบ้างได้หรือเปล่า”“ได้สิคะ”“อืม.. ฟู่”ข้าวบดคำโตที่เข้าปากเด็กชายไปตอนนี้ได้กระเด็นมาอยู่บนหน้าของนนทวัตรทั้งหมด“ทะเล”นนทวัตรรีบหันหน้าหลบร้องเสียงหลงด้วยความตกใจที่จู่ๆก็ถูกเจ้าตัวกลมจู่โจมโดยที่ไม่ทันตั้งตัว“เลอะหมดเลย”ณจันทร์รีบหยิบทิชชู่เปียกเช็ดหน้าให้ชายหนุ่มทันทีและคิดว่าทะเลน่าจะไม่ชอบรสชาติของตับบดถึงได้พ่นออกมาแบบนี้“ทะเลน่าจะไม่ค่อยชอบรสชาติของตับบดน่ะค่ะเดี๋ยวฉันลองเอาฟักทองบดรวมดู”ณจันทร์เช็ดเหน้าให้นนทวัตรเรียบร้อยเธอจึงรีบเดินถือถ้วยข้าวเข้าไปในครัวใหม่เพื่อนำฟักทองที่ต้มแช่ตู่เย็นเอาไว้มาอุ่นและบดรวมไปกับข้าวของเด็กชายอีกครั้ง“แกล้งลุงเหรอห้ะ..เดี๋ยวก็ไม่ให้กินนมซะหรอก”นนทวัตรหันมาหยอกล้อเล่นกับเจ้าตัวกลมหลังจากที่หญิงสาวให้หลังไปแล้ว“แอ้ะ..”เจ้าแก้มยุ
“อืม..แต่ผมขอคุณอย่างเดียวขอแค่มีแค่ผมเท่านั้น”“ฉันยืนยันกับคุณอีกครั้งนะคะ...ว่าฉันเลิกกับไทม์แล้วจริงๆสิ่งที่คุณเห็นอาจจะเป็นเพราะไทม์อยากจะให้เราทะเลาะกันส่วนวันนั้นที่คุณเจอฉันที่ร้านอาหารกับผู้ชายคนอื่นมันไม่มีอะไรจริงๆค่ะ”“ผมจะเชื่อคุณอีกสักครั้ง..ต่อไปนี้เราสงบศึกกันแล้วมาเรียนรู้กันให้มากขึ้นโอเคไหม”“ค่ะ”ร่างบางถูกรวบกอดเอาไว้แน่นคราแรกเธอตกใจพอสมควรแต่เมื่อได้รับอ้อมกอดที่อ่อนโยนอบอุ่นเธอก็เริ่มยิ้มออกมาได้..หญิงสาวเริ่มรู้ตัวเองแล้วว่าทำไมถึงได้เขินสายตาของชายหนุ่มแถมตอนนี้ยังไม่รู้สึกกลัวเขาอย่างก่อนหน้าว่าคงเป็นเพราะเธอน่าจะเริ่มมีใจให้ชายหนุ่มไปแล้วแน่นอนแอบตำหนิตัวเองที่เผลอใจจนได้แต่อีกใจก็ส่งเสียงบอกกับเธอว่าหากตอนนี้เป็นเวลาที่เธอจะได้มีความสุขก็ตักตวงมันไปให้เต็มที่เมื่อถึงเวลาที่ต้องจากกันอย่างน้อยเธอก็มีเรื่องดีๆของเขาให้จดจำอาทิตย์ต่อมาธนกรเหมือนคนบ้าที่ตามหาปานตะวันไปทั่วไม่ว่าจะไปหาเธอที่บ้านแต่ก็ถูกสารภีไล่กลับและบอกคำเดียวว่าปานตะวันไปต่างประเทศเขาไม่เคยเชื่อคำพูดของสารภีเพราะรู้ว่าตอนที่เขาคบกับปานตะวันเธอไม่ชอบหน้าเขาอยู่แล้ว นาทีนี้คนที่เขาจะขอความช่ว