เธอ...คือเจ้าสาวที่ฟ้าส่งมาโปรด ให้เจ้าบ่าวใกล้ตายที่ถูกเทงานแต่งงานอย่าง...เขา ++++++++ “เราขอโทษที่ไม่ได้บอกแกเรื่องพี่ปุณณ์จะแต่งงาน เราแค่ไม่อยากเห็นแกอกหักน้ำตานอง แต่เอ๊ะ...ทำไมแกพูดเหมือนกับว่ารู้จักเจ้าสาว” “อื้อ...พอดีเราเป็นญาติกัน คงเหมือนแกกับพี่ปุณณ์นั่นแหละ” “โลกแม่งก็กลม” เอ่ยจบเพียงดาวก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้เธอมืดแปดด้านไปหมดแล้ว ไม่รู้จะแก้ไขปัญหานี้ได้ยังไง “แล้วแบบนี้งานแต่งงานจะเอาไงต่อ” “ป้าเรา แม่พี่ปุณณ์นะ ยื่นคำขาดให้ญาติเจ้าสาวหาทางแก้ไขอยู่” “จะหาทางแก้ไขยังไงเล่า ในเมื่อเจ้าสาวไม่อยู่แบบนี้แล้ว” ดรินทร์คิ้วขมวดอีกคน “ก็ใช่ไง อีกอย่างเราเห็นบรรดาพ่อแม่ญาติพี่น้องเจ้าสาวพากันหนีขึ้นรถแล้วขับออกไปจากโรงแรมตะกี้นี้ คงเทงานแต่งงานเหมือนเจ้าสาวแล้วแน่นอน เราฟันธงได้” “หา” เสียงอุทานด้วยความตกใจดังมาจากดรินทร์อีกครั้ง “เอาไงดีอะแก ช่วยกันคิดหน่อยสิ” “จะไปคิดอะไรให้ยุ่งยาก ในเมื่อไม่มีเจ้าสาวแล้วก็ยกเลิกงานแต่งไปสิแก จะจัดต่อทำไม”
View More“เป็นอะไร นั่งเหม่อเชียว”“มีเรื่องในใจให้คิดนิดหน่อย”“เรื่องอะไร เล่าได้นะ เราพร้อมรับฟัง”“คือ...” เพียงดาวอ้ำอึ้งนิดหน่อย เพราะไม่รู้จะเริ่มเล่าจากจุดไหนก่อนดี แต่สุดท้ายก็เริ่มพูดเริ่มระบายความรู้สึกของตัวเธอเองออกมา โดยหลักๆ คือเธอไม่เข้าใจว่าทำไมถึงทั้งชอบและไม่ชอบบรูคลิน เขาดูเจ้าชู้ไก่แจ้ แต่มองอีกทีก็มีเสน่ห์ ถ้าเธอชอบเขา เขาคงได้หลงตัวเองอีกแน่ๆ ว่ามีผู้หญิงมาชอบที่สำคัญคือเธอยังไม่อยากมีแฟน ยังอยากทำงานเก็บเงินสร้างเนื้อสร้างตัวให้ฐานะมั่นคงกว่านี้อีกสักหน่อย ค่อยคิดเรื่องอื่น “อะไรคือนิยามความมั่นคงของแก” ดรินทร์เอ่ยถามถึงนิยามความมั่นคงในชีวิตของเพียงดาว“ก็มีบ้าน มีรถ มีเงินสดในบัญชีเยอะหน่อย”“แกก็มีครบหมดแล้วนี่ แถมยังมีบริษัทเป็นของตัวเองด้วย มั่นคงกว่านี้ก็ตอหม้อทางรถไฟแล้วมั้ง”“แต่เราว่า...” ยังไม่ทันที่เพียงดาวจะได้เอ่ยอะไรออกมา ดรินทร์ก็แทรกขึ้นเพราะอยากพูดให้เพื่อนได้คิด“บางครั้งความรักก็ไม่จำเป็นต้องรอจนพร้อมเพอร์เฟคไปเสียทุกสิ่งอย่างก็ได้แก ขืนรอถึงขนาดนั้นมดลูกแกได้ฝ่อกันหมดพอดีสิ หรือไม่ผู้ชายที่หมายตาก็พากันหายจ้อยไปมีลูกมีเมียกันหมดแล้ว แกจะเอาแบบนั้นเ
เมื่ออาการป่วยเพราะอาหารเป็นพิษดีขึ้นมากแล้ว คู่ฮันนีมูนแบบมัดมือชกอย่างปุณณ์และดรินทร์ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ อย่างสวัสดิภาพ ทันทีที่มาถึงบ้าน ปรียาก็ตรงเข้าไปถามไถ่อาการของดรินทร์ด้วยความเป็นห่วง แวบหนึ่งเธอแอบสังเกตเห็นแววตาเอื้ออาทรที่ลูกชายส่งมาให้ดรินทร์ก็รู้สึกดีอย่างที่สุด แม้จะผิดหวังและเสียหน้าเพราะดาวจรัส แต่อย่างน้อยสวรรค์ก็ส่งดรินทร์มาให้“เป็นยังไงบ้างปุณณ์”“เป็นยังไงบ้างคืออะไรครับคุณแม่” ลูกชายคนเดียวของปรียาถามกลับมาอย่างไม่เข้าใจ “เอ้า! ก็ไปฮันนีมูนกับน้องมาทั้งที ไม่มีอะไรกลับมาฝากแม่บ้างเลยเหรอ”“อ๋อ...ถ้าของฝากอยู่ในรถครับ เดี๋ยวผมไปหยิบมาให้”“แม่ไม่ได้หมายถึงของ แม่หมายถึงหลาน” ในที่สุดปรียาก็ต้องเฉลยออกไป ว่าของฝากที่พูดถึงนั้นคืออะไรกันแน่ “คุณแม่ครับ ผมกับลินเราก็แค่แต่งงานกันแค่ในนามเท่านั้นเอง ผมจะไปฝืนใจทำเรื่องแบบนั้นกับลินได้ยังไง” พูดไปแล้วก็ทำให้ปุณณ์นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูดประโยคอะไรแบบนี้ออกไป เพราะอาจขัดใจผู้เป็นแม่จนโรคหัวใจกำเริบ แต่เพราะปรียาลืมตัวว่ากำลังเล่นบทคนป่วยหนักอยู่ เธอจึงไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมา “โถ่พ่อลูกชายคนดีของแม่ เอาเถอะๆ วันพระ
“ฮะ”“ฉันรู้สึกไม่โอเคสักเท่าไหร่กับการที่คุณทำแบบนี้” เวลานี้ต่อให้ต้องเสียลูกค้าเพียงดาวก็ยอม และเธอยังทิ้งระยะห่างออกไปด้วยการใช้สรรพนามแทนตัวเองว่าฉัน เพื่อบ่งบอกว่ากำลังไม่ปลื้มกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น “แบบไหนคะ” แม้จะรู้แต่เจนนิสก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ ลึกๆ ก็สงสารเพียงดาวไม่น้อย เพราะเธอคงอึดอัดใจแย่“คุณก็น่าจะรู้ว่าแบบไหน”“คุณเพียงดาวรู้แล้วอย่างนั้นเหรอคะ ว่าเจนคิดยังไงกับคุณ”“ค่ะ...ฉันว่าฉันพอจะรู้”“ดีจัง...แล้วแบบนี้คุณเพียงดาวพอจะเปิดใจให้เจนได้ไหมคะ เราจะได้ทำความรู้จักกันได้มากขึ้น” แทนที่จะถอยเพราะเพียงดาวไม่เล่นด้วย เจนนิสกลับตื้อต่อก็เพื่อต้องการฆ่าเวลาให้บรูคลินมาถึงร้านนั่นเอง “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันมีแฟนแล้ว”“เจนไม่เชื่อฮะ”“ไม่เชื่อก็ต้องเชี่อค่ะ เพราะคนรักของฉันเดินมานั่นแล้ว” เพียงดาวส่งยิ้มให้เจนนิส ก่อนจะโบกไม้โบกมือไปยังบรูคลิน ซึ่งชายหนุ่มเองก็ตั้งใจเดินเข้ามาในร้านอาหารตั้งแต่แรกแล้ว นั่นเพราะ เจนนิสรายงานตลอดว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่“ที่รักคะ ทางนี้ค่ะ” เอ่ยเรียกแบบหวานหยดเสร็จ เพียงดาวกลับไม่รอให้บรูคลินเดินตรงมาหา เพราะเธอลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปหาเข
“ใช่ค่ะ พอดีเจนรู้มาจากเพื่อนๆ ว่าบริษัทของคุณเพียงดาวจัดงานออแกไนซ์ได้เยี่ยมมาก เจนเลยเจาะจงมาที่นี่เพื่อขอใช้บริการโดยเฉพาะ”“ขอบคุณมากค่ะ ที่เล็งเห็นว่าออแกไนซ์เล็กๆ ของเพียงดาวมีคุณภาพพอที่จะรับใช้ได้” เพียงดาวยิ้มรับคำชมนั้นอย่างจริงใจเช่นกัน เพราะทุกคำชมมันคือผลตอบรับว่าเธอและลูกน้องทุกคนเต็มที่กับงานทุกอย่างเสมอ ไม่ว่าจะเป็นงานเล็กๆ หรืองานใหญ่ระดับชาติ “อีกอย่างที่เจนประทับใจคือเจ้าของบริษัทที่สวยด้วยฮะ”“อ๋อค่ะ...แล้วคุณเจนอยากให้ทางเราจัดงานวันไหนคะ” แม้จะถูกชมซึ่งหน้าแต่เพียงดาวก็ยังคงไม่เสียสมาธิ เพราะพร้อมจะคุยเรื่องงานได้ทันทีเช่นกัน “วันที่ยี่สิบนี้ค่ะ”“ยี่สิบนี่เหรอคะ” ถามย้ำเสร็จก็หันไปมองปฏิทิน เพราะนับดูแล้วจากวันนี้ไปจนถึงวันที่ยี่สิบก็เหลือเวลาอีกแค่หกวันก็เท่านั้นเอง “ทำไมฮะ เวลากระชั้นชิดไปอย่างนั้นเหรอ”“มากค่ะ เพียงดาวเกรงว่าทางเราจะเตรียมงานไม่ทัน” เพียงดาวเอ่ยบอกไปตามตรง นั่นเพราะไม่อยากตั้งความหวังให้ลูกค้าว่าต้องได้ “งั้นไม่เป็นไร เจนขยับวันออกไปให้คุณเพียงดาวได้ คุณเพียงดาวสะดวกวันไหนบอกเจนมาได้เลยค่ะ”“เอ่อ...รบกวนคุณเจนระบุวันมาดีกว่านะคะ”“อืม...ข
“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ ก่อนจะกลับไปนั่งจิบกาแฟต่อ ซึ่งเป็นจังหวะที่แม่บ้านเข็นอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ดรินทร์พอดี กับข้าวคนป่วยก็จะดูจืดๆ เหมือนโรงพยาบาลทั่วๆ ไป นั่นจึงทำให้ดรินทร์ไม่ค่อยเจริญอาหารสักเท่าไหร่“กินแค่นี้จะหายได้ยังไง”“ไม่อร่อยนี่คะ”“ไหนพี่ชิมหน่อย” “อุ๊ย!” ดรินทร์อุทานออกมา เมื่อจู่ๆ ปุณณ์ก็คว้าช้อนไปจากมือเธอ แล้วตักอาหารบนถาดเข้าปากเพื่อชิมรสชาติ ก่อนจะนิ่วหน้าบ่งบอกถึงความไม่ถูกปากอีกคนแต่สิ่งที่ทำให้ดรินทร์หน้าแดงก่ำขึ้นมาคือการที่ปุณณ์ใช้ช้อนคันเดียวกับเธอ มันทำให้เธอรู้สึกแปลกๆ ที่เขาไม่รังเกียจมัน แถมยังรู้สึกเหมือนถูกเขา...จูบ“ไม่อร่อยจริงด้วย งั้นเดี๋ยวพี่ลงไปสั่งข้าวต้มปลาที่ร้านอาหารข้างล่างโรงพยาบาลให้” เอ่ยจบปุณณ์ก็ออกไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้ ดรินทร์ได้แย้งแต่อย่างใด“คนอะไร เดาอารมณ์ยากจริง” แม้จะบ่นออกไปแบบนั้น แต่ ดรินทร์กลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดกับการได้อยู่ใกล้ชิดกับปุณณ์อย่างในตอนแรกๆ เธอยังคงจำความรู้สึกตอนที่เขาอุ้มเธอมาส่งโรงพยาบาลได้ว่าเธอนั้นอบอุ่นมากแค่ไหน ใบหน้าที่ปุณณ์แสดงออกว่ากำลังเป็นห่วงเธอยังติดอยู่ในความรู้สึกของดรินทร์เขาดูอ่อนโยนกว่า
“พี่ปุณณ์ พี่ปุณณ์ค่ะ”“ครับ” เสียงเรียกของดรินทร์ทำให้ปุณณ์ที่เผลอหลับบนโซฟาข้างเตียงคนไข้สะดุ้งรู้สึกตัว ก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาดรินทร์ทันที “ลินอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” คนป่วยที่นอนไม่หลับเพราะอยากกเข้าห้องน้ำเอ่ยบอก “พี่พาไปครับ” เอ่ยจบปุณณ์ก็เข้ามาพยุงดรินทร์แล้วพาเธอไปยังห้องน้ำ พร้อมกำชับว่าหากเกิดอะไรขึ้นก็ตะโกนเรียกเขาได้ตลอดเวลาดรินทร์พยักหน้ารับรู้ อันที่จริงเธออยากลุกมาเข้าห้องน้ำด้วยตัวเอง แต่กลับฝืนอาการป่วยไม่ไหวจึงเพราะยังมึนๆ อยู่ นั่นทำให้เธอต้องเอ่ยขอความช่วยเหลือจากปุณณ์ ทั้งๆ ที่ไม่อยากรบกวนเพราะเห็นเขาหลับอยู่ปุณณ์ยืนรอดรินทร์อยู่หน้าห้องน้ำ ก่อนจะก้มมองเวลาบนนาฬิกาข้อมือที่ตอนนี้เข็มสั้นชี้มาที่เลขห้าขณะที่เข็มยาวอยู่ที่เลยเก้า ไม่นานดรินทร์ก็เปิดประตูออกมา ก็ยื่นมือยาวๆ ไปช่วยถือขวดน้ำเกลือให้เธอทันที“พี่ถือให้”“ขอบคุณค่ะ” ดรินทร์เอ่ยรับอย่างไม่งอแง เพราะรู้สภาพของตัวเองดีว่าเวลานี้คงต้องขอความช่วยเหลือ ดีกว่าปากแข็งทั้งๆ ที่สังขารไม่ได้เอื้ออำนวย เพราะยังต้องเดินไปเดินมาพร้อมสายน้ำเกลือ “เป็นไงบ้าง” เมื่อเห็นว่าดรินทร์ขึ้นไปนั่งบนเตียงเรียบร้อยแล้ว เสียงทุ้มที
“เอ่อ...คุณหิวน้ำไหม ตะโกนโวยวายมาขนาดนั้น เดี๋ยวฉันเลี้ยงเอง”“ก็ดีครับ” บรูคลินเอ่ยรับ ก่อนจะอมยิ้มออกมาเมื่อเห็นเพียงดาวเขินเขาเป็นครั้งแรก ถึงขนาดเปลี่ยนเรื่องถามเขาว่าหิวน้ำไหม แต่เพียงดาวกลับยิ่งระแวงสายตาที่บรูคลินคอยทอดมองจนรู้สึกขนลุกแปลกๆ และเพราะรู้สึกไม่ปลอดภัยเธอจึงพยายามตั้งกำแพงขึ้นมาเพื่อกั้นเขา“คุณว่าผู้หญิงคนนั้นสวยไหมคะ”“คนไหนครับ” บรูคลินมองไปยังทิศทางเดียวกับเพียงดาว เพื่อจะดูว่าเธอนั้นหมายถึงผู้หญิงคนไหน “คนที่ใส่ชุดเดรสรัดรูปสีดำ ม้วนผมเป็นลอน ทาปากสีชมพูนู้ดนั่นไง”“ก็สวย...แต่ไม่ใช่สเปคผม”“แล้วคนนั้นละคะ ใส่ชุดนักศึกษาน่ารักเชียว”“นั่นก็ไม่ใช่”“แต่ทำไมฉันชอบ” เพียงดาวเอ่ยออกมาพร้อมกับสายตาแพรวพราวเจ้าเล่ห์ ทำเอาบรูคลินแอบกลืนน้ำลายเพราะกลัวเธอคิดอะไร“คุณชอบเหรอ”“ค่ะ...ฉันจะบอกความลับให้คุณรู้ไว้อย่าง ว่าฉันเป็น... เลสเบี้ยน”“นี่คุณพูดจริงหรือแค่อำผมกันแน่”“ฉันพูดเรื่องจริง แต่ก็เป็นสิทธิ์ของคุณว่าจะเชื่อไหม วันนี้ฉันสนุกมาก ขอบคุณนะคะคุณบรูคลิน ถ้ามีโอกาสเราคงได้ดิวงานกันอีก หรือถ้าคุณมีน้องสาวก็ระวังฉันไว้หน่อยก็ดี บายค่ะ” ทิ้งระเบิดเสร็จเพียงดาว
ระหว่างเดินไปยังสถานที่จัดงาน เพียงดาวก็อบชำเลืองมองบรูคลินอยู่เป็นระยะๆ ท่าทางของเขาบ่งบอกว่ากำลังกลัวซึ่งเข้าทางเธอเช่นกัน รับรองว่าเดทครั้งนี้จะเป็นเดทที่บรูคลินไม่มีวันลืมแน่นอน ดีไม่ดีเขาอาจหายไปจากชีวิตของเธอก็เป็นได้ยิ่งเข้าใกล้บริเวณจัดงานผีโลกมากเท่าไหร่ บรรยากาศก็ยิ่งวังเวงมากเท่านั้น จู่ๆ ก็มีผีน่ากลัวคอยปรากฏตัวขึ้นมาหลอกหลอนแขกที่จะไปร่วมงานเป็นระยะๆ บรูคลินสะดุ้งโหย่งอยู่หลายครั้งแต่ก็พยายามรวบรวมความกล้า พร้อมส่งยิ้มมาให้เพียงดาว แต่เป็นยิ้มแห้งๆ ชอบกล“เชิญค่ะ” เพียงดาวผายมือเชื้อเชิญให้บรูคลินเข้าสู่งาน และเมื่อเดินทะลุประตูมาได้ก็เจอกับอุโมงค์ขนาดใหญ่ ขนาดพนักงานที่คอยให้บริการยังแต่งตัวเป็นผี ส่งให้จินตนาการในหัวของบรูคลินโลดแล่นถึงบรรดาผีๆ มากขึ้นไปอีกพนักงานคอยบอกว่าพวกเขาต้องเดินไปตามทางลูกศรเท่านั้น ซึ่งมีทางออกเพียงทางเดียว ห้ามหลงทางเป็นอันขาด หากทำได้ในเวลาที่กำหนดก็จะได้รับของที่ระลึกชิ้นใหญ่ เพียงดาวไม่สนใจของรางวัลสนใจแค่จะจัดการบรูคลินยังไงให้กลัว ส่วนบรูคลินไม่ต้องพูดถึงเพราะเขานั้นกลัวมาตั้งแต่จุดเข้างานแล้ว แต่พยายามเก็บซ่อนอาการไว้ กระทั่งการผจญภัย
“ไม่เป็นไรค่ะ” ดรินทร์ยิ้มให้ ก่อนจะยิ้มออกมาอีกครั้งเมื่อเห็นปุณณ์กำลังแกะกุ้งตัวโต จากนั้นเขาก็ตักมันมาวางลงบนจานให้เธอ ปุณณ์ในตอนนี้ช่างดูอ่อนโยนแบบที่เธอนั้นไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน นั่นทำให้ดรินทร์ใจสั่นเพราะความหวั่นไหว ก่อนจะตอกย้ำความจริงว่าเธอก็แค่เจ้าสาวแก้ขัด ปุณณ์ไม่ได้จริงจังเพราะเขาไม่ได้มีใจให้เธอแม้แต่น้อยการดินเนอร์ใต้แสงดาวที่มีเสียงคลื่นคอยขับกล่อมดูไม่ได้อึดอัดอย่างที่ดรินทร์กังวลในตอนแรก ปุณณ์ยังคงคุยสนุกแม้บางครั้งเขาจะดูเงียบไปบ้างก็ตาม และเพราะทั้งคู่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี จึงมีเรื่องให้ถามให้คุยจนเวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วจนเทียนที่จุดไว้โดยรอบเริ่มดับ ส่งสัญญาณว่าดินเนอร์ครั้งนี้กำลังจะจบลงแล้วนั่นเองแต่ทว่าเมื่อไม่มีแสงเทียน แสงดาวบนท้องฟ้ากลับสว่างและชัดเจนมากขึ้น ปุณณ์เอ่ยชวนดรินทร์ออกไปเดินเล่นริมชายหาด ซึ่งเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ เพราะโรงแรมมีชายหาดส่วนตัวที่ทอดยาวไปราวๆ หนึ่งกิโลเมตรและยังมีการรักษาความปลอดภัยอย่างดี“ทำอะไรครับ” เพราะจู่ๆ ก็เห็นดรินทร์ก้มลงไป ปุณณ์จึงเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้เพื่อเดินอ้อมโต๊ะดินเนอร์มาหาเธอ “ลินจะถอดรองเท้านะคะ จะได
ความโกลาหลกำลังเกิดขึ้นภายในห้องพักของโรงแรมชื่อดัง ซึ่งเวลานี้มีไว้สำหรับแต่งตัวเจ้าสาว แต่ทว่ากลับไม่มีใครเจอตัวเจ้าสาวของงานแม้แต่คนเดียวภายในห้องไม่มีการรื้อค้น ข้าวของ ทุกอย่างยังคงวางอยู่ที่เดิม โดยเฉพาะชุดแต่งงานแสนสวย ที่ถูกสั่งตัดมาเป็นพิเศษเพื่อวันที่แสนพิเศษเช่นวันนี้“มีใครเจอตัวเจ้าสาวหรือยัง”“ยังค่ะยัง” บรรดาญาติพี่น้องต่างเอ่ยถามและตอบกันไปมา นั่นเพราะทันทีที่รู้ข่าว พวกเขาก็พากันแยกย้ายเพื่อตามหาจนทั่วโรงแรม แต่กลับไม่เจอตัวญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าสาวพากันเครียดจนเป็นลมล้มพับไปหลายคน โดยเฉพาะแม่เจ้าสาวที่ถึงขนาดต้องเรียกรถพยาบาลมาสแตนบาย เพราะไม่คิดว่าจู่ๆ ลูกสาวจะหนีหน้าหายไปเอาในวันแต่งงานเช่นนี้ ทั้งๆ ที่ตกลงกันไว้ดิบดีว่าจะเข้าพิธีแต่งงานกับเจ้าบ่าวที่ชื่อ...ปุณณ์เพราะตกลงกันไว้แล้ว เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันจึงช็อคไปตามๆ กัน นั่นเพราะหากงานแต่งงานครั้งนี้เกิดอุปสรรค ถึงขั้นล่มขึ้นมา หนี้สินที่ทางครอบครัวมีก็คงยิ่งพอกพูน เพราะนี่คือการแต่งงานเพื่อปลดหนี้ของครอบครัวเธอนั่นเอง“เกิดเรื่องแล้วค่ะคุณป้า”“เรื่องอะไรกุ๊กไก่”“คือ...พี่ดาวหายตัวไปค่ะ” เพียงดาวเอ่ยบอกออกไป นั่...
Comments