“แล้วไม่ดีใจหรือไงที่ได้แต่งงานกับหนูลิน”“เฉยๆ ครับ” แม้จะรู้สึกบ้างแต่ปุณณ์หรือจะบอก เพราะเขานั้นเป็นคนปากแข็งยังกับหิน พูดทุกเรื่องยุดเว้นเรื่องความรู้สึกที่เกี่ยวกับความรัก ถืออคติทำให้เห็นมากกว่าจะมานั่งพร่ำเพ้อว่ารัก “เฉยๆ เหรอ ผิดกับแม่ที่ดีใจ”“อะไรกันครับ ทั้งๆ ที่เจ้าสาวของผมควรจะเป็นดาวเขาไม่ใช่เหรอ”“นั่นมันเมื่อก่อน เพราะตอนนี้เวลานี้สะใภ้ของแม่มีแค่คนเดียวคือหนูลินจ้ะ” ปรียายิ้มกว้างออกมา อย่างน้อยการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวก็ไม่ได้แย่เกินไป “เดี๋ยวแม่จะออกไปตามน้องมาให้ ยังไงคืนนี้ทั้งคู่ก็ห้ามออกไปนอกห้องหอเด็ดขาด เข้าใจไหม”“ทั้งๆ ที่นี่มันก็แค่งานแต่งงานแบบขอไปทีไม่ใช่เหรอครับแม่ จะซีเรียสอะไร”“ใครบอกว่าแค่งานแต่งงานแบบขอไปที”“ก็ลินเขาเป็นแค่เจ้าสาวแก้ขัดให้ผม จบงานแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้าย มันก็ถูกแล้วนี่ครับ”“ใครบอกว่าทุกอย่างจะเป็นแบบนั้น งานแต่งงานครั้งนี้คือความถูกต้อง จะไม่มีคำว่าโมฆะใดๆ”“แล้วลินเขายอมหรือครับคุณแม่” นี่คือสิ่งที่ปุณณ์อยากถาม แต่หาจังหวะถามก่อนหน้านี้ไม่ได้นั่นเอง “ยอม”“คุณแม่จ่ายให้ลินไปเท่าไหร่ เธอถึงยอมมาแต่งงานกับผม”“แม่ไม่ได้จ่ายสักบาท” ปร
“ไม่มีอะไรค่ะ ลินแค่จำอะไรผิดนิดหน่อย” ดรินทร์รีบบ่ายเบี่ยง เพราะเท่าที่สังเกตดูเหมือนปุณณ์นั้นอาจจะยังไม่รู้ถึงอาการป่วยของปรียาก็เป็นได้ รอให้ปรียาเป็นคนพูดเรื่องนี้เองน่าจะดีกว่า“แล้วนี่ลินทำงานอยู่ที่ไหน” แม้อยากจะถามว่าเพราะอะไร ดรินทร์ถึงยอมแต่งงานกับเขา แต่สุดท้ายปุณณ์กลับเลือกที่จะไม่ถาม เพราะก่อนหน้านี้เขาได้บอกตัวเองไว้แล้วว่าแต่งงานกับใครก็คงไม่สำคัญ ไม่อย่างนั้นเขาจะยอมแต่งงานแบบคลุมถุงชนกับดาวจรัส ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักเธออย่างนั้นหรือ“ปากช่องค่ะ พอดีเมื่อปีก่อนคุณพ่อลินเสีย ลินเลยกลับไปดูแลธุรกิจของครอบครัวแทนท่าน”“พี่เสียใจด้วยนะครับ” เพราะขาดการติดต่อกันไปหลายปี ทำให้ปุณณ์แทบไม่รู้ข่าวคราวของดรินทร์ จะได้ยินจากเพียงดาวบ้าง แต่ทว่าเพราะอะไรกันตอนนั้นเขาถึงไม่ได้เก็บเรื่องราวของดรินทร์มาใส่ใจเท่าไหร่ แม้บ่อยครั้งที่เขาเองก็คิดถึงเธอ คิดถึงรอยยิ้มสดใสนั่น “ขอบคุณค่ะ” “ดึกแล้วลินไปอาบน้ำเถอะ” พอปุณณ์บอกให้ดรินทร์ไปอาบน้ำ สีหน้าคนฟังก็ตื่นตระหนกเสียจนคนพูดอย่างปุณณ์อดที่จะขำไม่ได้ “ทำไมทำหน้าตกใจแบบนั้น”“กะ...ก็พี่ปุณณ์ให้ลินไปอาบน้ำ”“ใช่ครับพี่ให้ลินไปอาบน้ำ จะได้เข้า
“ลินไม่ได้ดื้อ”“พี่ก็ไม่ได้ดื้อ”“ถ้าพี่ปุณณ์ไม่ได้ดื้อ ก็ปล่อยให้ลินนอนตรงนี้เหมือนเดิม”“ถ้าลินไม่ดื้อก็ต้องให้พี่อุ้มพาไปนอนบนเตียงได้แล้ว” เอ่ยจบปุณณ์ก็ช้อนร่างบอบบางของดรินทร์ขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก เร็วเสียจนดรินทร์ตั้งรับไม่ทันกับการที่จู่ๆ เธอก็ลอยขึ้นจากโซฟา เพราะถูกปุณณ์อุ้มเช่นในตอนนี้“พี่ปุณณ์ ปล่อยลินลง” สีหน้าของดรินทร์เวลานี้บ่งบอกว่าเธอตกใจ “เลิกเถียงกันเถอะครับ พี่ง่วง” เอ่ยจบปุณณ์ก็เดินอุ้มดรินทร์มาที่เตียงแล้ววางเธอลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็เดินไปทิ้งตัวนอนลงบนโซฟา ทำราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อครู่ปุณณ์สะดุ้งตื่นถึงได้รู้ว่าเขาเผลอหลับอยู่บนเตียง ส่วน ดรินทร์นั้นขดตัวนอนบนโซฟา ชายหนุ่มจึงลุกขึ้นแล้วเดินมาหาหวังดีจะอุ้มเธอให้ไปนอนบนเตียงแทน จะได้ไม่ต้องนอนขดตัวอยู่แบบนั้น แต่สงสัยจะนั่งมองเธอเพลินไปหน่อย เพราะยังไม่ทันจะได้อุ้มดรินทร์ก็รู้สึกตัวพอเธอตื่นก็เริ่มมีเหตุผลเป็นของตัวเองชนิดไม่ยอมจบง่ายๆ เขาจึงรีบอุ้มเธอไปวางบนเตียง ก่อนจะรีบตัดบทกลับมาทิ้งตัวนอนบนโซฟาส่วนคนที่ถูกอุ้มมานอนบนเตียงก็นอนด้วยท่าทางตัวแข็งทื่อ แววตาดูหวาดระแวงอย่าง
“เสียงอะไรคะพี่ปุณณ์” เพียงดาวเอ่ยถามหน้าตาตื่น “ดังมาจากห้องนั่งเล่น หรือว่า...” ปุณณ์เริ่มใจคอไม่ดี “คุณป้าเหรอคะ” ดรินทร์อุทานออกมาด้วยความตกใจอีกคน “คุณแม่” เอ่ยจบปุณณ์ก็วิ่งอย่างเร็วเพื่อตรงไปยังห้องนั่งเล่น และเมื่อมาถึงก็เห็นผู้เป็นแม่นอนฟุบหน้าอยู่กับพื้น โยรอบตัวนั้นมีเศษแก้วและน้ำชากระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณดรินทร์และเพียงดาวที่รีบวิ่งตามหลังมาเห็นภาพเข้าก็ถึงกับช็อค ก่อนที่เพียงดาวจะเข้าไปช่วยปุณณ์พยุงปรียาอีกแรง ในขณะที่ดรินทร์เองก็นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม คอยเก็บเศษแก้วที่แตกให้ออกห่าง“คุณแม่ครับ...คุณแม่” ปุณณ์เอ่ยเรียกผู้เป็นแม่ ชายหนุ่มยอมรับว่ากำลังตกใจ เพราะปรียาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน “คุณป้าคะ คุณป้าได้ยินกุ๊กไก่ไหมคะ” เพียงดาวก็อีกคนที่ตกใจ เพราะก่อนจะออกไปรับปุณณ์กับดรินทร์ ปรียายังคุยกับเธอเป็นปกติอยู่เลย“ปะ...ปุณณ์” ปรียาเอ่ยเรียกชื่อลูกชายเสียงแผ่ว ก่อนที่ปุณณ์จะพยุงผู้เป็นแม่ให้ขึ้นมานอนบนโซฟา โดยขณะนั้นปรียาก็กุมมือปุณณ์ไว้แล้วบีบเบาๆ พร้อมสบตาไปด้วยในขณะที่เพียงดาวหันซ้ายหันขวาเพื่อหายาดม กระทั่งพบจึงรีบเปิดฝาออกแล้วนำมาให้ปรียาสูดดมเพื่อไล่อาก
“แต่ถึงแม่จะป่วย ปุณณ์กับหนูลินก็ยังต้องไปฮันนีมูนกันตามแผนเดิมนะจ๊ะ” “ไม่ดีกว่าครับ เพราะผมไม่อยากไปไหนไกล” เหตุผลเพราะปุณณ์ห่วงผู้เป็นแม่นั่นเอง“งั้นก็แก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนสถานที่ฮันนีมูน จากต่างประเทศมาเป็นในประเทศแทนก็คงได้ใช่ไหม” ปรียามัดมือชกอีกหน ซึ่งคราวนี้ ดรินทร์ขอค้านบ้าง “ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณป้า ลินมองว่าเรื่องฮันนีมูนมันไม่ได้สำคัญ” “ไม่ต้องไม่ได้จ้ะ ถ้าหนูลินไม่สบายใจกับคำว่าฮันนีมูนก็คิดเสียว่าไปพักผ่อน ป้าอยากให้ไปจะได้หายเหนื่อย หายตกใจกับเรื่องเมื่อคืน” เหตุผลของปรียานั้นฟังขึ้นไม่น้อย “งั้นเดี๋ยวกุ๊กไก่ดูเรื่องโรงแรมให้ เอาที่ไหนดีคะคุณป้า” เพียงดาวเอ่ยรับปรียาได้อย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะพอจะเดาแผนการออกบ้างนั่นเอง“ทะเลแล้วกัน ช่วงนี้ทะเลฝั่งอันดามันจะสวยหน่อย จะเป็นกระบี่หรือภูเก็ตกุ๊กไก่ก็จัดการมาได้เลย เอารีสอร์ตหรือโรงแรมระดับไฮเอนด์เลยนะ”“ได้ค่ะ”“ปุณณ์กับลิน พาแม่ขึ้นไปนอนในห้องหน่อยลูก” ปรียาเอ่ยบอกลูกชายกับลูกสะใภ้ผิดคิว ปุณณ์และดรินทร์จึงเข้าไปช่วยกันพยุงปรียาขึ้นไปนอนพักบนห้องนอนที่อยู่ชั้นสองปุณณ์นั่งเฝ้าปรียาอยู่ข้างเตียง ในขณะที่ดรินทร์นั้นกลับ
“อะไรมันก็เกิดขึ้นได้นะแก อย่าพึ่งคิดมาก ส่วนเรื่องที่แกแต่งงานกับพี่ปุณณ์ ถ้าแกไม่พูดเราไม่พูดป้าเทียนจะรู้ได้ยังไง เพราะวันๆ ป้าเทียนอยู่แต่ในรีสอร์ต แทบไม่ได้ออกไปไหนมาไหน แถมตอนนี้ยังไปเข้าวัดปฏิบัติธรรมอยู่อีกใช่ไหมอีกอย่างแขกในงานก็มีแต่ฝ่ายพี่ปุณณ์ เพราะฝ่ายพี่ดาวพอรู้ว่าเจ้าสาวล่องหน ก็พากันหายจ้อยเข้ากลีบเมฆไปหมด เรารับรองได้ว่าเรื่องนี้ไม่ถึงหูแม่แกแน่นอน” เพียงดาวร่ายยาวเหยียด “เราก็หวังแบบนั้นเหมือนกัน” ดรินทร์เองก็หวังเช่นกัน เพราะไม่อยากให้แม่รู้เรื่องนี้“ว่าแต่แกเตรียมชุดบิกินี่ไปใส่อวดหุ่นสวยๆ ท้าสายลมแสงแดดของทะเลอันดามันหรือยัง” เพียงดาวเปลี่ยนเรื่อง วกมาถามหาชุดบิกินี่จนได้ “ยัง...เราจะมีเวลาไปเตรียมที่ไหนกันเล่า”“เออใช่ เราลืมไป แต่อุตส่าห์ได้ไปเที่ยวทะเลทั้งที แกกลับไม่มีชุดว่ายน้ำ เหมือนไปไม่ถึงทะเลไงไม่รู้”“ช่างมันเถอะ ถ้าอยากลงทะเลจริงๆ เราค่อยไปหาซื้อเอาที่ภูเก็ตได้” “ก็จริง”“ว่าแต่เราต้องไปเอ่อ...ฮันนีมูนนี่จริงๆ เหรอ ไม่ไปได้ไหมอะ”“ไม่ได้แล้ว ถือซะว่าตามใจคนป่วยนะแก ดึกแล้วนอนเถอะ พรุ่งนี้จะได้ตื่นมาสดใส” เพียงดาวเอ่ยรวบรัด“นอนไม่หลับนะสิ”“นับแกะไป
“เดี๋ยวสิคุณ” จู่ๆ บรูคลินก็ขยับเข้ามาขวางหน้าเพียงดาวไว้ นั่นทำให้เธอระแวงว่าเขาต้องการอะไร รวมถึงเริ่มไม่พอใจกับการเสียมารยาทที่เกิดขึ้น“ผมว่าเราเคยเจอกันมาก่อน”“ถ้าคุณอยากรู้จักฉัน ฉันว่าคุณควรจะถามฉันหรือไม่ก็ขอนามบัตรจากฉันมาตรงๆ ก็ได้นะคะ” เพียงดาวอดไม่ได้ที่จะแขวะประโยคเชยๆ ที่ได้ยินจากผู้ชายที่ออกจะหล่อเหลาติดเทรนด์หนุ่มลูกครึ่งตรงหน้า“ทำไมละครับ” บรูคลินยิ้มยียวน นั่นเพราะไม่คิดว่าประโยคทำความรู้จักของเขาเมื่อครู่มันจะทำให้เธอรู้สึกไม่ดี “เพราะมุกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าที่คุณพูดเมื่อครู่ ฉันว่ามันเชยไปที่จะหยิบมาใช้ในยุคนี้” “โอเค ถ้าอย่างนั้นผมถามคุณตรงๆ ก็ได้ ว่าคุณชื่ออะไร” พอถูกบรูคลินถามชื่อตรงๆ อย่างที่เธอประชดบอก เพียงดาวก็อึ้งไปเหมือนกัน แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ “เพียงดาวค่ะ”“ผมชื่อบรูคลิน ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับคุณเพียงดาว” บรูคลินยื่นมือมาหวังสัมผัสเพื่อทักทายเพียงดาวตามธรรมเนียมของชาวตะวันตก แต่เพียงดาวกลับไหว้ชายหนุ่มกับมาเสียนี่ พร้อมกับเอ่ยประโยคยินดีที่ได้รู้จักและตบท้ายด้วยคำว่าลาก่อน“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณบรูคลิน” เอ่ยจบเพียงดาวก็ส่งย
เพราะอาหารของโรงแรมนั้นอร่อยมาก โดยเฉพาะอาหารทะเลที่สดและใหม่ หลังกินมื้อเช้าเสร็จทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ประหนึ่งพวกเขาไม่ได้มาด้วยกันแต่อย่างใดแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกที่เรียกว่ารักของทั้งคู่ ก็ค่อยๆ ก่อตัวและสร้างขึ้นมาอย่างช้าๆ ผิดกับความรู้สึกของบรูคลินที่ร้อนรุ่มเพราะอยากทำความรู้จักเพียงดาว เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีความรักจึงไม่ทันระวังตัว แต่ทว่าโลกมันก็กลมแสนกลมเพราะไม่นานเธอก็โคจรมาเจอกับบรูคลินอีกครั้ง“สวัสดีครับคุณเพียงดาว” ประโยคที่ดังขึ้น ทำให้เพียงดาวถึงกับสะดุ้ง ก่อนจะละสายตาจากงานที่กำลังทำอยู่เพื่อเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง “คุณบรูคลิน”“หวังว่าวันนี้นามบัตรคุณคงไม่หมดอีกนะครับ อ้อ...ถึงจะหมดผมก็พอจะรู้ว่าจะขอได้จากใคร” เอ่ยจบบรูคลินก็มองมายังเลขาส่วนตัวของเพียงดาว ที่เวลานี้ยืนส่งยิ้มหวานให้ชายหนุ่มเพราะงานทำให้บรูคลินและเพียงดาวได้โคจรมาเจอกันอีกครั้ง แถมยังคงคอนเซ็ปต์ไม่บังเอิญคงไม่ได้เจอกันอีกด้วย เพราะเมื่อครู่ บรูคลินกำลังจะเดินกลับขึ้นไปทำงาน แต่ทว่าสายตากลับหันมาเห็นเธอเข้าพอดี จึงเดินตรงเข้ามาหาอย่างไม่ลังเล บรูคลินคือเจ้าของโรงแรมสุดหรูที่เพียงดาวต้อ
แต่ถึงอย่างนั้นปุณณ์ก็ยังไม่อาจเดินทางไกลๆ ได้ ทำให้ดรินทร์ตัดสินใจคลอดลูกคนแรกที่อังกฤษ อีกอย่างหากยังอยู่ที่นี่การติดตามอาการป่วยของปุณณ์ก็จะง่ายขึ้นตามไปด้วย กระทั่งคลอดลูกคนแรกได้สามเดือน ปุณณ์และดรินทร์ก็เดินทางกลับเมืองไทย โดยมีเพียงดาวและบรูคลินมารอรับถึงที่สนามบินปรียาและเทียนแขทำพิธีบายศรีสู่ขวัญให้ลูกๆ ทั้งสอง รวมถึงหลานชายตัวน้อยของพวกเขาด้วย “หมดทุกข์ หมดโศกกันเสียทีนะ” ปรียาเอ่ยเสียงสั่นเพราะพยายามกลั้นน้ำตาอยู่นั่นเอง “ขวัญเอยขวัญมา ขวัญกลับมาสู่เนื้อสู่ตัวลูกๆ ทั้งสองคนนะ” เอ่ยจบเทียนแขก็ผูกด้ายสีขาวที่ได้รับมาจากหลวงพ่อที่วัดบนข้อมือของปุณณ์และดรินทร์ เมื่อจบพิธีบายศรีสู่ขวัญแบบง่ายๆ งานเลี้ยงต้อนรับเล็กๆ ก็ถูกจัดขึ้น อาหารทุกอย่างล้วนแต่เป็นของที่ปุณณ์และดรินทร์ชอบทั้งนั้น และวันดีวันนี้ เพียงดาวก็ประกาศข่าวดีว่าเธอเองก็กำลังตั้งท้องเช่นเดียวกัน ก่อนจะมัดมือชกผูกดองกับลูกของปุณณ์และดรินทร์เสร็จสรรพ เพราะมั่นใจว่าเธอได้ลูกสาวแน่ๆ นอน ต่อให้คนนี้จะเป็
ดรินทร์เดินทางไปโรงพยาบาลทุกวัน ทำจนเป็นกิจวัตรรวมถึงหาอะไรดีๆ กินด้วย นั่นเพราะเวลานี้เธอไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้ว ทุกคนที่เมืองไทยก็ต่างส่งความห่วงใยมาให้ ยิ่งได้รู้ว่าเวลานี้ดรินทร์กำลังตั้งท้องก็ยิ่งห่วง แต่ไม่ถึงกับให้เธอกลับมาเมืองไทย นั่นเพราะพวกเขาต่างเข้าใจสถานการณ์ดีบางครั้งที่อารมณ์มันหม่นมากๆ ดรินทร์ก็ระบายด้วยการร้องไห้ออกมา เมื่อร้องเสร็จก็ปลุกใจตัวเองให้สู้อีกครั้ง ยังดีหน่อยที่เธอนั้นแทบไม่มีอาการแพ้ท้องเลย จึงไปไหนมาไหนสะดวก เวลานี้สองสิ่งที่ทำให้เธอเข้มแข็งคือลูกรวมถึงลมหายใจของปุณณ์ แม้เขาจะยังไม่รู้สึกตัวแต่ทว่าชายหนุ่มกลับไม่ได้ดูเหมือนคนป่วยหนัก เขาเหมือนคนที่กำลังนอนหลับเพื่อชาร์จพลัง หากเต็มเมื่อไหร่ปุณณ์ก็คงรู้สึกตัวนี่คือความหวังที่หล่อเลี้ยงหัวใจของดรินทร์ให้เต้นด้วยจังหวะปกติ หล่อเลี้ยงพลังงานชีวิตให้เธอก้าวผ่านช่วงเวลาที่ลำบากอย่างตอนนี้ไปให้ได้“พี่ปุณณ์ ได้ยินลินไหมคะ” ดรินทร์เอ่ยเรียกปุณณ์ด้วยความหวัง ให้เขาลืมตาขึ้นมาสบตาเธอเหมือนทุกๆ วันที่ได้เข้ามาเยี่ยม นั่นเพราะไม่อยากให
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลปุณณ์ก็ต้องตรวจเช็กร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยมีศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียมคอยดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงแจ้งข่าวที่ทำให้ดรินทร์กับปุณณ์พูดไม่ออก“ผมอาจเสียความทรงจำไปบางส่วนเหรอครับดอกเตอร์”“ใช่...แต่เสียมากเสียน้อยอันนี้ผมก็ตอบไม่ได้ หรือบางคนก็ไม่สูญเสียความทรงจำเลยก็มี”“แต่ผมจะหายใช่ไหม”“คุณเชื่อในปาฏิหาริย์ไหม ถ้าเชื่อคุณก็ชนะ” ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียมเอ่ยออกมาแค่นี้ก็กลับออกไปเพื่อเตรียมการผ่าตัด ปุณณ์กุมมือของดรินทร์ไว้แล้วสบตาเธอ“ถ้าพี่ลืมลิน พี่ก็จะทำทุกอย่างเพื่อจะจำลินให้ได้”“ลินก็จะทำทุกอย่างให้พี่ปุณณ์จำลินให้ได้เหมือนกันค่ะ” ทั้งคู่ให้คำมั่นสัญญากันและกันเมื่อประเมินอาการของปุณณ์แล้ว ทางศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ วิลเลียมนัดหมายวันผ่าตัดทันที เพราะหากปล่อยไว้นานกว่านี้จะยิ่งเกิดผลเสียเพราะต้องเข่งกับเวลาทุกอย่างจึงเกิดขึ้นเร็วมาก ไม่นานปุณ
“ก็แค่อยากดูอะไรสักหน่อย เอาเป็นว่าผมจะรออยู่ที่นี่ ถ้าญาติของคุณพร้อมเดินทาง คุณก็พาเขามาหาผมได้เลย” ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียมเลี่ยงที่จะไม่ตอบคำถามนั้นของเพียงดาวอย่างละเอียด เพราะบางครั้งการทดสอบความอดทนของใครบางคนก็ไม่ได้มีสาระสำคัญอะไร ที่สำคัญถ้าผู้ป่วยรายนั้นไม่สำคัญจริงๆ ว่าที่บ่าวสาวคงไม่มาหาเขาเพื่อขอให้ช่วยถึงที่นี่ อย่างหลังนี้กระมังที่ให้อะไรๆ เปลี่ยนไป“จริงๆ นะคะดอกเตอร์”“ครับ”“ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณมาก” เพียงดาวถึงกับยกมือไหว้ศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียม“ขอบคุณมากครับดอกเตอร์” บรูคลินเอ่ยขึ้นอีกคน“นี่คือของขวัญวันแต่งงานที่ผมให้พวกคุณได้ ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่” เพียงดาวถึงกับโผเข้าไปกอดศาสตราจารย์ ดอกเตอร์วิลเลียม นั่นเพราะของขวัญวันแต่งงานชิ้นนี้มันมีค่าเหลือเกินเพียงดาวและบรูคลินรีบบินกลับมาเมืองไทยเพื่อบอกข่าวดีนี้ให้ปุณณ์และดรินทร์ได้รู้ ซึ่งทั้งสองคนถึงกับน้ำตาคลอที่
“ไม่ค่ะ ไม่พูดแบบนี้ ลินยังไม่พร้อมที่จะฟัง” แม้จะเตรียมใจเตรียมตัวรับมือเรื่องนี้มาบ้าง แต่เอาเข้าจริงๆ ดรินทร์ก็ยากที่จะทำใจได้“แต่มันคือความจริงที่พี่หนีไม่พ้น พี่ไม่อยากให้มันเกิดเร็วขนาดนี้ แต่พี่ก็ควบคุมอาการป่วยไม่ได้ พี่อยากบอกให้ลินรู้ว่าพี่รักลินนะครับ”“พี่ปุณณ์” ดรินทร์ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป ทั้งๆ ที่ก่อนจะเข้ามาในนี้เธอสั่งตัวเองไว้เสียดิบดีว่าห้ามร้องไห้ ก่อนจะรีบปาดน้ำตาแล้วเอ่ยขึ้น“ขอโทษค่ะ ลินขอโทษที่ร้องไห้” เอ่ยจบก็ส่งยิ้มให้เขา แม้จะยิ้มแต่ทว่าน้ำตามันกลับยิ่งไหลออกมา สุดท้ายดรินทร์ก็ปล่อยโฮอย่างไม่อาจกลั้นน้ำตาจากความกังวลอีกครั้ง“ร้องไห้เถอะครับ พี่เข้าใจ ถ้ามีหมอยอมรับผ่าตัดให้พี่ก็คงดี”“แต่หมอทุกคนบอกว่ามันเสี่ยงมาก เปอร์เซ็นต์ที่พี่จะรอดมันน้อยนิดไม่ใช่เหรอคะ”“พี่ถึงหวังปาฏิหาริย์ ว่ามันจะเกิดขึ้นกับพี่สักวัน” ก่อนหน้านี้การเข้าผ่าตัดไม่เคยอยู่ในหัวของ
เพราะอาการป่วยของปุณณ์ที่วันนี้ก็แสดงอาการออกมาอย่างกะทันหัน นั่นทำให้ปรียาพลอยได้รับรู้อาการป่วยของลูกชายไปด้วย เธอถึงกับเป็นลมล้มพับไปต่อหน้าต่อตาดรินทร์และเพียงดาวเหตุการณ์ชุลมุนเพราะญาติคนไข้เป็นลมเกิดขึ้นหน้าห้องไอซียู ก่อนที่พยาบาลจะรีบเข้ามาปฐมพยาบาลปรียา แล้วให้ไปนอนพักในห้อง“แก...หิวไหม” เพียงดาวหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ ดรินทร์แล้วเอ่ยถามขึ้น“ไม่”“แต่ก็ต้องกินไรสักหน่อย แซนวิชไหม เราไปซื้อให้”“เรากินอะไรไม่ลงจริงๆ กุ๊กไก่”“เรารู้ว่าแกต้องเข้มแข็งเพื่อพี่ปุณณ์ แต่กองทัพมันต้องเดินด้วยท้องนะเว้ย เกิดแกไม่สบายขึ้นมาอีกคน จะทำยังไง”“เรา...” ดรินทร์พูดไม่ออกนั่นเพราะรู้สึกจุกอยู่ในคอ เพราะเธอกำลังจะร้องไห้และไม่นานน้ำตามันก็ไหลออกมา เพียงดาวได้แต่นั่งปลอบ ส่วนดรินทร์ก็ร้องออกมาอย่างหนักราวกับเขื่อนแตก คงเพราะความกดดันความอัดอั้นกระมัง“เราเชื่อว่าแกต้องผ่านมันไปได้ลิน&rdq
“ได้สิ เลยถือโอกาสถายพรีเวดดิ้งที่นั่นเสียเลย”“ว้าว! จริงเหรอ”“อื้อ...ได้รูปสวยๆ แล้วจะรีบเอามาให้ดู”“จ้ะ” ดรินทร์พยักหน้ารับอย่างยินดี รู้สึกตื่นเต้นราวกับตัวเองเป็นเจ้าสาวเสียเอง ก่อนจะนั่งเหม่อจนเพียงดาวสังเกตเห็น“ใครจะไปคิดเนอะ เราสองคนโสดกันอยู่ดีๆ จู่ๆ ก็มีคู่ซะงั้น”“ใช่...ชีวิตมันไม่แน่ไม่นอนจริงๆ นั่นแหละ” ดรินทร์เห็นด้วยกับคำพูดของเพียงดาว หลายเดือนมานี้ชีวิตเธอผ่านอะไรมาเยอะมาก เยอะจนบางอย่างเกือบจะตั้งรับไม่ทัน“แกพูดเหมือนมีอะไรอยู่ในใจ”“อื้อ...มีเรื่องกังวลนิดหน่อย แต่ไม่มีอะไรแล้วละ” เวลานี้สิ่งที่ ดรินทร์กังวลมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้น นั่นคืออาการป่วยของปุณณ์ ที่บางวันก็ทรุดจนชายหนุ่มลุกไปทำงานไม่ไหว บ่อยครั้งที่มีเลือดไหลออกมาจากจมูก เห็นแบบนั้นแล้วดรินทร์ก็ใจเสีย ก่อนจะปลุกพลังบวกในตัวเองขึ้นมาเพื่ออยู่เคียงข้างปุณณ์ให้ได้ในทุกสถานการณ์&
ก๊อกๆ ก๊อกๆ“พี่ดาว ลินเองนะคะ เปิดประตูให้ลินหน่อยได้ไหม”“มีอะไร” น้ำเสียงห้วนๆ ของดาวจรัสดังขึ้นทันทีที่เปิดประตูออกให้ดรินทร์ เมื่อครู่เธอเห็นปุณณ์เดินออกไปส่งธีเทพแล้ว จึงสบายใจขึ้นมาหน่อยที่รู้ว่าเขากลับออกไปเสียที“ลินเอานมมาให้ค่ะ”“เอามาให้หรืออยากมาสมเพชฉันกันแน่”“เอามาให้จริงๆ ค่ะ”“อยากเข้าก็เข้ามาสิ นี่มันบ้านของเธอไม่ใช่เหรอ” เอ่ยจบ ดาวจรัสก็เดินกลับเข้าห้อง ส่วนดรินทร์ก็เดินตามเข้ามาก่อนจะวางแก้วนมลงบนโต๊ะ“เธอคงรู้แล้วสินะว่าชีวิตฉันต้องเจอกับอะไรมาบ้าง อยากหัวเราะเยาะฉันไหม เอาเลยสิ เอาเลย ได้ทีแล้วนี่” ดาวจรัสที่เวลานี้ยืนหันหลังให้ดรินทร์พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้อย่างหนัก ก่อนจะสะดุ้งเมื่อจู่ๆ ก็ถูกดรินทร์สวมกอด นั่นทำให้ความเข้มแข็งที่พยายามสร้างขึ้นพังทลายลงมาเป็นน้ำตา“ลินไม่ทำแบบนั้นค่ะ ลินสงสารและเข้าใจพี่ดาว” คำพูดของ ด
ดาวจรัสยังคงตีมึนที่จะอยู่ในบ้านของปุณณ์ โดยหลักๆ คือยกเรื่องลูกในท้องมาเป็นข้ออ้าง ปุณณ์และดรินทร์อยากจะไล่เสียให้ขาดแต่ก็ทำไม่ลงเช่นกันกระทั่งเข้าสู่วันที่สามที่ดาวจรัสนั้นมาปักหลักอาศัยอยู่ที่บ้านของปุณณ์ราวกับเป็นบ้านของตัวเอง ก็มีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งดรินทร์ไม่คุ้นหน้ามาขอพบดาวจรัส แต่เธอกลับไม่ยอมออกไปพบ กระทั่งชายคนนั้นตัดสินใจปีนข้ามรั้วหมายจะเข้ามาภายในบ้าน โชคยังดีที่แม่บ้านเห็นเข้าเสียก่อน จึงรีบห้ามเอาไว้ ส่วนดรินทร์เห็นท่าไม่ดีจึงตัดสินใจออกมาคุยด้วย“คุณมาหาพี่ดาวเหรอคะ”“ใช่...แล้วคุณละเป็นใคร ใช่เจ้าของบ้านหลังนี้ไหม”“ฉันชื่อลิน เป็นภรรยาเจ้าของบ้านหลังนี้ค่ะ” ดรินทร์เอ่ยแนะนำตัว“ผมชื่อไมค์เป็นสามีของดาว เป็นพ่อของลูกในท้องเธอด้วย” ธีเทพแนะนำตัวเองเช่นเดียวกัน แม้จะหงุดหงิดเล็กๆ ที่ดรินทร์ไม่ยอมเปิดประตูให้เขาได้เข้าไปหาดาวจรัส“คุณบอกว่าเป็นสามีของพี่ดาวเหรอคะ”“ใช